บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ...
ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา
หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่…
แล้วก็เป็นจริงดังคาด...
เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง...
มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว
“อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!”
ภารตีหอบกระโปรงยาวฟูฟ่องของหล่อนไว้ในอ้อมแขนเดินฝ่าแขกสนิท มิตรสหายตรงเข้าไปหาบุษบันทันที หล่อนส่งเสียงเกรี้ยวกราดแบบไม่รักษากริยา พร้อมกับแผดเสียงก้อง...ตั้งท่าเล่นงานหญิงสาวคนมาใหม่แบบไม่ไว้หน้าใครทั้งหมด
นักรบยืนอึ้ง...กว่าเขาจะทันได้ตั้งตัว ผู้หญิงที่เขาวางหล่อนไว้ในตำแหน่งทรงเกียรติ ก็เดินถลาลิ่วๆ ไปไกล เกินกว่าจะห้ามทันเสียแล้ว
นรสิงห์เป็นอีกคนที่ขยับตัวตามหลานสาว เขาเดินลิ่วๆ ตามหลังภารตี พร้อมรีบส่งเสียงปราม
“ยัยตี หยุดๆ แกจะร้องกรี๊ดๆ ทำไมหะ?” นรสิงห์ตะโกนห้าม
“จะให้ตีหยุดได้ยังไงคะน้าสิงห์ อีนี่มันจงใจมาป่วนงานตีชัดๆ”
หล่อนหันไปกล่าวแก้ให้ตัวเอง แต่ฝีเท้าที่ก้าวเดินก็ไม่ได้ชลอลง
“น้ารู้ แต่นี่มันงานแก รักษาหน้ากษิดิศชญาธรด้วยสิ” คุณน้าวัยหนุ่มติงด้วยความหวังดี เพราะบรรดาแขกเรื่อที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในครั้ง มีแต่คนระดับเดียวกัน ไฮโซ เซเลป ภารตีจะทำให้กษิดิศชญาธรทั้งหมดต้องเอาหน้าซุกดิน หากหล่อนยังไม่หยุดกริยาต่ำๆ เช่นนั้น
“อีนั่นสิคะมันต้องอาย มันกล้าดียังไงมาเสนอหน้าที่นี่ ทั้งที่ตีไม่ได้เชิญ”
หล่อนยังไม่หยุดความคลั่งแค้น ตะเบ็งเสียงแบบไม่กลัวใครได้ยิน และหวังจะฉีกหน้าบุษบัน ให้หล่อนไม่มีที่ยืนในสังคม
“ขอโทษเถิดค่ะ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
บุษบันสลัดความกลัวในใจทิ้งไป เธอไม่ได้มาป่วน เธอมาเพื่อเป็นตัวแทนรินลดา เธอมาทำงาน!!
“อย่ามาทำหน้าตาย อีสะตอ!!”
เจ้าสาวแสนสวยเปิดฉากฉะ โดยมีสายตาหลายร้อยคู่มองตาไม่กะพริบ
นักรบกระหืดกระหอบมาถึง หลังภารตีและนรสิงห์ไม่กี่นาที แต่ก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย เขาหมุนมองรอบๆ ตัวพร้อมกับสีหน้าที่ค่อยๆ ซีดลง
“ขอประทานโทษค่ะคุณลูกค้า” บุษบันเน้นคำพูดเหมือนกับบอกอีกฝ่ายเป็นนัยๆ แต่ความโกรธบังตาภารตีเสียแล้ว หล่อนไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น ที่หญิงสาวต้องการคือทำทุกทางให้ผู้หญิงตรงหน้าอายจนต้องเอาปีบคลุมหัวเดิน
“แกมาทำอะไรที่นี่หะ...แกจงใจอยากให้งานฉันล่มล่ะสิ!!”
บุษบันถอนใจแรงๆ เธอโบกมือเรียกใครบางคน ที่ยืนอยู่ไม่ไกล “คุณซ้งคะ ช่วยบอกคุณภารตีหน่อยได้ไหมคะ ดิฉันมีหน้าที่อะไรที่รีสอร์ตแห่งนี้”
ทรงศักดิ์เป็นลูกค้าประจำ เขาเป็นคนดังของจังหวัดภูเก็ต และเป็นหนึ่งในบรรดาสักขีพยานที่ได้รับเชิญมาร่วมงานฉลองวิวาห์ของคนในกษิดิศชญาธร
“ผมว่า... เข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่าครับคุณตี คุณบุษเป็นรองผู้จัดที่รีสอร์ตรินลดา เธอมาทำหน้าที่ของเธอมั้งครับ”
ทรงศักดิ์ไม่รู้เรื่องตื้นลึกหนาบางระหว่างภารตีกับบุษบัน เขาจึงยืนอยู่ข้างหญิงสาวคนมาใหม่
“อะไรนะคะคุณซ้ง!!” ภารตีหันขวับ เธอมองหน้าคนพูดแบบไม่อยากจะเชื่อ
“ครับ คุณบุษเธอทำงานที่นี่ หากไม่เชื่อที่ผมพูด รอถามคุณรินก็ได้ครับ”
ทรงศักดิ์รีบย้ำคำพูดตัวเอง...
“คุณรินไปกรุงเทพฯ ค่ะ บุษเลยต้องมาคอยอำนวยความสะดวกแทนเธอ”
“อ๋อ...มิน่า ผมก็ยังว่าอยู่ ไม่เคยเห็นคุณบุษแต่งตัวสวยๆ มาร่วมงานสักที เห็นวิ่งวุ่นอยู่แต่ในครัวนู้น” หนุ่มใหญ่ยิ้มหวาน เขาคาดไว้แล้วว่าแม่สาวหน้านิ่งคนที่เดินตามก้นรินลดาต้องสวย หากหล่อนได้แต่งตัวเต็มๆ และมันก็เป็นความจริง วันนี้บุษบันสวยจนเขายังตะลึง เผลอมองด้วยความชื่นชม
คนเดียวที่ไม่เชื่อคือภารตี “คุณรบ!! คุณบอกอีนี่ใช่ไหมคะว่าเราจะมาจัดงานที่นี่ มันเลยมาดักรอ...”
นักรบทำหน้าแหย เขาเอื้อมมือจับแขนของภารตีไว้หลวมๆ “คิดมากน่ะตี ผมกับบุษไม่ได้เจอกันเกือบครึ่งปี จะเอาเวลาไหนไปบอกเขาล่ะครับ” เจ้าบ่าวสุดหล่อรีบกระซิบตอบเสียงแผ่วๆ
“เหอะ!! ยังไงตีก็ไม่เชื่อ ผู้หญิงต่ำๆ พวกนี้ทำได้ทุกอย่างแหละค่ะ” หล่อนเอ่ยเสียงขุ่น เบ้ปากใส่บุษบันที่ยืนหน้าตาย บุษบันจึงพยายามไม่เอาความโกรธของภารตีมาใส่ใจ “จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ตีก็ไม่มีวันเชื่อค่ะ ในเมื่อแม่นี่น่ะ... อยากได้คุณรบเป็น ‘ผัว’ จนตัวสั่น ตั้งแต่ยังอยู่ในรั้วบ้านไชยยะนันนั่นแล้วนี่คะ”
เสียงฮือฮาดังอืออึง...พร้อมกับความคลางแคลงที่ผุดขึ้นในสายตาคนรอบตัว
บุษบันถอนใจ...เธอหลุบเปลือกตาลง รวบรวมสติไม่ให้กระจัดกระจาย ก่อนจะกล่าวแก้ช้าๆ แต่หนักแน่น “จริงอยู่ค่ะว่าบุษเคยอาศัยอยู่ที่ไชยยะนัน แต่นั่นมันนานมากแล้วนะคะ และบุษก็ไม่เคยคิดแบบนั้นกับคุณรบด้วย คุณภารตีเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ ผู้ชายของคุณ... คงไม่ตาต่ำ ถึงขนาดมามองเด็กในบ้านหรอกค่ะ ในเมื่อเขามีดีกรีเป็นถึงว่าที่ดอกเตอร์”
มุมปากสีสดยิ้มเยือน เธอตีแสกหน้านักรบด้วยคำพูดของเขาเอง...
‘บุษคงไม่คิดว่าผมจะยกย่องบุษหรอกใช่ไหม ผมเป็นใคร! บุษเป็นใคร! บุษก็แค่หลานคนครัวในบ้าน ผมน่ะว่าที่ดอกเตอร์นะครับ แค่ที่ผมเมตตาบุษ มันก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่เหรอ?’
นักรบสะอึก!! บุษบันงัดเอาคำพูดของเขามาตอกย้ำให้เขารู้สึกละอาย
“อะแห้ม!!”
นรสิงห์เดินเข้ามาขัดตาทัพ เขาถลึงตาใส่หลานสาว “เมื่อเป็นความเข้าใจผิดกัน ก็แยกย้ายเถอะนะ ยัยตี!! แกพาคนของแกไปทำหน้าที่ให้ดี ตรงนี้น้าจัดการเอง”
ภารตีแสยะยิ้มให้บุษบัน หากงานนี้นรสิงห์ออกโรงเอง อีผู้หญิงหน้าหนาคงได้เข็ดขยาดจนไม่กล้ามาวอแวกับนักรบอีกแน่ เมื่อน้าชายของเธอ... น่ากลัวจนไม่มีใครกล้ายุ่ง นรสิงห์เด็ดขาด และเหี้ยมกว่าที่ใครๆ รู้
“ตีไปก็ได้ค่ะ...แต่จำไว้นะคะคุณรบ หากตีรู้ว่าคุณยังยุ่งกับมันอยู่ ตีเอาคุณตายแน่!!”
หล่อนหันมาขู่คนข้างตัว ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป ทิ้งไว้แค่บุษบันและนรสิงห์ที่ยืนประจันหน้ากัน มีทรงศักดิ์ยืนอยู่ไม่ไกล...
“เธอต้องการอะไรหรือบุษบัน?”
เป็นคำถามที่บุษบันไม่อยากตอบสักนิดและเขาถามเธอเป็นครั้งที่สองในรอบหนึ่งวัน!! เธอมาเพื่อทำงาน แล้วก็ไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอกับคนเหล่านี้อีกด้วยซ้ำ เธอหนีมาไกลจากกรุงเทพฯ มากขนาดนี้ แถมซ้ำคนร่ำรวยอย่างพวกเขาก็ยังตามมารังควาน หากวัดจากรสนิยมของนักรบ เธอคิดว่าเขาไม่น่าชอบงานวิวาห์ที่เรียบง่าย มันน่าจะเป็นงานใหญ่ๆ ตามโรงแรมหรูๆ หาใช่รีสอร์ตขนาดกลางที่ไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าใดนักแบบที่นี่ แต่เขากับเธอก็ยังวนกลับมาเจอกันจนได้ ไม่รู้ว่าพระพรหมกำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของเธออยู่
“เห้อ!! ดิฉันไม่เข้าใจคำถามค่ะคุณลูกค้า” เธอกันตัวออกห่าง และพยายามไม่ใส่ใจสีหน้าตึงๆ ของอีกฝ่าย
“เธอรู้สิ่งที่ฉันพูด...เพราะเธอไม่ได้โง่ขนาดนั้น” นรสิงห์เอ่ยเยาะ มุมปากเขากระตุกเหมือนจะยิ้มหยัน
หญิงสาวเชิดใบหน้าขึ้น เธอยิ้มเย็น “พวกคุณพยายามเหลือเกินที่จะลากดิฉันเข้าไปมีเอี่ยวด้วย เพราะอะไรเหรอ? หรือเพราะฉันอยู่เฉยๆ ไม่ได้ลุกขึ้นมาโวยเหมือนที่พวกคุณต้องการ” เธอตอบกลับเสียงเย็นไม่ต่างกับสีหน้าเลย
บางทีการอยู่นิ่งๆ กลับกลายเป็นเป้าให้คนเหล่านั้นโจมตีขึ้นมาเสียแบบนั้นเอง
“เธอจะแลกกับฉัน กับกษิดิศชญาธรทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?” ชายหนุ่มกล่าวเยาะ เขาลดสายตาลงกวาดมองหล่อนแบบไม่เกรงใจ
บุษบันหน้าชา แววตาดูแคลนนั่น สาดใส่เธอเต็มๆ
“เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วค่ะ บุษแค่คนธรรมดา คนธรรมดาอย่างบุษไม่กล้าหือกับตระกูลดังแบบพวกคุณหรอกค่ะ พ้นจากวันนี้ไป...พวกเราทั้งหมดคงไม่ได้เจอกันหรอก สำหรับบุษ... พวกคุณเป็นแค่คนแปลกหน้า ขอให้จบตรงนี้นะคะ บุษสัญญา บุษไม่คิดจะยุ่งกับพวกคุณ หรือแม้แต่คุณรบ”
เธอตัดบท ป่วยการอธิบาย เมื่อในใจอีกฝ่ายมีอคติกับเธอ สิ่งที่เธอควรทำ คือการอยู่ห่างๆ จากพวกเขา
“ขอให้เธอทำได้อย่างที่เธอพูดนะบุษบัน ฉันไม่อยากทำร้ายเธอเหมือนกัน”
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ
บทที่5.ทดลอง “ขอโทษนะคะที่ทำให้รอนาน” บุษบันยิ้มอ่อน เธอถือจานขนมเค้กเดินไปไว้ตรงหน้าหิรัญ เมื่อเห็นว่าเขาว่างพอที่จะคุยธุระสำคัญกับเธอแล้ว “ไม่เป็นไรครับ...ผมเองก็ไม่ได้นั่งพักแบบนี้มานานมากแล้ว...ได้อยู่เฉยบ้างก็ดีเหมือนกัน” หนุ่มบ้านนอกตอบพร้อมกับยิ้มแป้น ทำงานเป็นลูกจ้างบิดา เขาแทบไม่มีเวลาว่าง จนกำนันเหมเกรงว่าลูกชายจะไม่มีเมียเลยจัดหามาให้ และบุษบันก็เป็นที่ถูกใจของกำนันเหม ท่านเลยสนับสนุนจนหิรัญไม่อยากขัดใจ อีกอย่างเมื่อได้คุยกับนรสิงห์ เพื่อนรักกำลังพักผ่อนที่นี่ เขาเลยถือโอกาสมาสังสรรค์กับเพื่อน หลังจากไม่ได้เจอกันนานเกือบ2 ปีเต็ม “บุษเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณหิรัญจะได้ไปพักผ่อน” หญิงสาวกล่าวเสียงเคร่ง ใบหน้าจริงจัง “ครับ...” “บุษไม่เห็นด้วยกับความคิดของผู้ใหญ่ แต่บุษก็ไม่มีสตางค์ไปคืนลุงกำนันด้วยค่ะ บุษมีเงินเก็บนิดหน่อยเอง...คงไม่พอชดใช้แทนป้าหมอน แต่จะให้บุษรับข้อเสนอที่ลุงกำนันยื่นให้... มันก็จะเหมือนกับว่าบุษจะเป็นฝ่ายเอาเปรียบคุณเลย เพราะคุณอาจจะมีคู่รักอยู่แล้วก็ได้” “ไม่ครับ ผมยังไม่