หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง
“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่
“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”
ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้
“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง
“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แขกชุดนี้กระเป๋าหนักทุกคน ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด...เราคงมีงานแบบนี้มาอีกหลายงาน เมื่อกษิดิศชญาธรเขามีคนรู้จักเยอะ”
สาวใหญ่ยิ้มหวาน หล่อนเดินจากไปหลังสั่งงานบุษบัน รินลดาวางใจหญิงสาว เพราะนับตั้งแต่วันแรกจนถึงเวลานี้ บุษบันทำงานดีเกินตำแหน่ง
บุษบันสูดลมหายใจลึกๆ เธอเดินกลับห้องพักตัวเองก่อนที่จะเลยลงไปที่หาด เพื่อปกปิดใบหน้า อำพรางตัวจากสายตาคนอื่น ไม่ใช่กลัวการประจันหน้า เธอแค่ไม่อยากก่อความวุ่นวาย เพราะภารตีไม่เคยหยุดที่จะเสียดสีหากเจอเธอตรงๆ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นชิงชังอะไรเธอนัก ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ในส่วนของเธอ ไม่เคยไปก้าวก่ายในส่วนของเจ้าหล่อนเลยสักนิด
ผมสลวยถูกถักเป็นเปีย ซ่อนความเงางามไว้ด้วยหมวกฟาง แว่นตาแฟชั่นที่แพรวนราลืมทิ้งไว้ ถูกใช้บังตาอีกชั้น บุษบันเอียงคอมองตัวเองในกระจก เธอยิ้มเศร้าๆ ก่อนจะเปิดประตูห้อง ออกไปเผชิญหน้ากับความจริง...และความรวดร้าวที่รออยู่เบื้องหน้า
เอาเข้าจริงๆ บุษบันกลับมองภาพความชื่นมื่นด้วยความรู้สึกชาๆ มันไม่ได้เจ็บลึกแบบที่เธอกลัว เมื่อได้เห็นหน้ากากที่นักรบฉาบหน้าไว้หลอกสายตาคนอื่น เธอกลับนึกขำขึ้นมาเสียแบบนั้น ดังนั้นจึงมีรอยยิ้มหยันๆ แต้มมุมปากของบุษบันตลอดช่วงที่เธอทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมา
แต่ที่เธอไม่รู้...ตนเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาของผู้ชายคนหนึ่ง เขาจับตามองเธอ นับตั้งแต่ที่หลานสาวกระซิบบอก เพื่อป้องกันความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น หากบุษบันนึกอยากจะป่วน
นรสิงห์ไม่สงสัยเลยว่าทำไมผู้ชายอย่างนักรบถึงไม่คิดจะปล่อยมือจากผู้หญิงคนนั้นง่ายๆ
ใต้สิ่งที่หล่อนอำพรางไว้ คือความงดงามที่แทบไม่มีที่ติ หากเขาไม่รู้มาก่อนว่าผู้หญิงอย่างบุษบันเป็นเช่นไร นรสิงห์ ก็อาจจะสนใจหล่อน ตามวิสัยของภมรหนุ่ม
“เธอว่ามั้ย? เหมือนเจ้าบ่าวจะฝืนๆ ยังไงไม่รู้”
เสียงกระซิบกระซาบของกลุ่มสาวโสดกลุ่มย่อมๆ ที่รวมตัวยืนอยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืนให้บริการ
“ไม่ฝืนได้ยังไง ใครจะไปทนยัยตีได้ หล่อนน่ะ ทั้งเหวี่ยง ทั้งวีน เอาแต่ใจสุดๆ แล้วสุภาพบุรุษอย่างคุณนักรบหรือจะทนหล่อนไหว ได้ข่าวว่า...รู้แล้วเหยียบนะยะ ไม่อย่างนั้นทีหลังฉันจะไม่เล่าให้ฟังอีก” ต้นตอข่าวลือลดเสียงลง หล่อนย้ำแล้ว ย้ำอีก ทั้งๆ ที่อยากจะเปิดปากพูดใจจะขาด
“ว่ามาเลย ใช่ที่ฉันได้ยินมามั้ยแก!!” ลูกคู่รีบสนับสนุน
“ก็งานนี้น่ะ เจ้าสาวที่ใครๆ ก็ว่าโชคดี เป็นคนเนรมิตขึ้นมาเอง เจ้าบ่าวไม่ต้องออกสตางค์สักบาท”
บุษบันไม่ได้เป็นคนไม่มีมารยาท เธอไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แค่อยู่ในรัศมีที่ได้ยินเต็มสองหู
“อันนี้ไม่รู้จริงหรือไม่จริง แต่ถ้าเป็นความจริง แสดงว่าข่าวเรื่องไชยยะนันกลวงก็เป็นข่าวจริงสิ”
“หูยยย หล่อ หรู โปรไฟล์ดี มาดสุขุม ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ถ้ามีแต่ตัวก็ไม่ไหวนะเธอ”
หล่อนยกมือปิดปาก หัวเราะคิกคัก เพราะต่อให้นักรบเป็นผู้ชายในฝัน หากกระเป๋าใส่สตางค์ของเขาเบาหวิว ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนสนใจเขาหรอก
“ยัยตีคงไม่แคร์หร๊อก!! หล่อนอู้ฟู่รวยเหลือกินเหลือใช้ กะอีแค่ซื้อ ‘ผัว’ สักคน คงไม่ทำให้สมบัติหล่อนยุบยอบลงไปเท่าใดหร๊อกจ้า”
เป็นการนินทาระยะเผาขน เมื่อคู่บ่าว สาว ยืนอยู่เยื้องๆ คู่รักที่มีความสุขยิ้มเยือน หารู้ไม่ว่า รอบๆ ตัวเขา มีแต่เสียงนินทา บุษบันถอนใจ เธอเดินเลี่ยงหลบ เมื่อมองเห็นคุณรินลดาโบกมือเรียกอีกครั้ง ถาดใส่เครื่องดื่มของเธอพร่องลงไปเยอะ...เมื่อแต่ละคนที่มาร่วมงาน ต่างร่วมเฉลิมฉลองกันแบบไม่อั้น เมื่อเจ้าของงานใจป้ำเปย์ไม่ยั้งเหมือนกัน
“เดี๋ยว” เสียงห้าวร้องเรียกเธอ บุษบันหันไปยิ้มให้ เธอยื่นถาดไปตรงหน้าเขา ก่อนจะสะดุดลมหายใจตัวเอง เพราะดวงตาคู่คมนั่น ตรึงเธอจนกลายเป็นหุ่นยนต์ไปชั่วขณะ
ตั้งแต่เกิดจนโตเป็นสาว บุษบันไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนที่มีดวงตาดูลึกลับและแปลความหมายไม่ออก เหมือนคนตรงหน้าสักนิด
ผู้ชายตัวใหญ่ ไหล่กว้าง ตัวสูงเหมือนนักกีฬา เขาสวมสูทผ่าหน้าแบบไร้กระดุม ใต้เสื้อสูทมีเสื้อยืดแนบเนื้อสีขาว เผยให้เห็นลอนกล้ามพอๆ กับนายแบบดังบางคนที่ถ่ายรูปแนวเซ็กซี่ ปลายคางของชายหนุ่มมีไรเคราจางๆ จมูกของเขาโด่งคม รับกับดวงตาคมกริบ เธอกลืนน้ำลายฝืดๆ รีบดึงสติของตนเองกลับมา กะพริบเปลือกตาปริบๆ เมื่อเขากลับยืนเฉย ไม่ได้หยิบเครื่องดื่มในถาดที่มีไว้บริการ
“เออ...”
“เธอต้องการอะไรบุษบัน ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?”
คำถามของเขาทำให้บุษบันตกใจ เธอผงะถอยหลัง แต่ก็ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น เมื่อช้อนสายขึ้นมองเขาตรงๆ
“แล้วทำไมบุษจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ล่ะคะ?” เธอย้อนถามเขา หากเขารู้จักเธอ แล้วทำไมเขาถึงถามเธอแบบนั้น
นรสิงห์หรี่เปลือกตาลง เขาประเมินผู้หญิงตรงหน้าต่ำไป หล่อนดูไม่ยี่หระ แม้จะยืนอยู่ในงานสำคัญของ ‘แฟนเก่า’
“ถ้าเธอไม่ก่อปัญหาก็แล้วไปเถอะ!! เธอจะอยู่ที่ไหนก็สิทธิ์ของเธอบุษบัน แต่...หากความวุ่นวายนั้น สาเหตุมาจากเธอละก็...เธอกับฉันคงได้เจอกันอีกแน่” ชายหนุ่มเปรยเสียงเย็น เขาปรายตามองหญิงสาวด้วยแววตาเย็นเฉียบ
หญิงสาวไหวไหล่ให้กับคำขู่ที่แสนน่ารังเกียจนั่น เขาคิดว่าเธอจะทำอะไรเหรอ...ถึงเธอจะถูกทิ้ง!! แต่บุษบันก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น เธอปลงได้กับความจอมปลอมที่นักรบโยนใส่ บางครั้งเธอยังนึกเวทนาภารตีด้วยซ้ำ ผู้ชายคนนั้นจะเสแสร้งและปลอกลอกหล่อนไปอีกเท่าใด กับการจมไม่ลงของเขาเอง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว...บุษขอตัวนะคะ”
หญิงสาวค้อมตัวลง เธอเดินจากไป พร้อมกับความระแวง เมื่อนรสิงห์ไม่คิดว่า บุษบันจะมาอย่างมิตร
“บุษรู้จักคุณสิงห์ด้วยหรือจ้ะ?” รินลดาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มด้านหลังลูกน้องสาวสวย เธอถามหญิงสาวตรงหน้าเพราะอยากรู้จริงๆ
“ใครคะ? อ้อ...ผู้ชายคนนั้น... บุษไม่รู้จักหรอกค่ะ เพิ่งจะเคยเห็นหน้าเธอก็วันนี้เอง”
หญิงสาวส่งต่อถาดเครื่องดื่มให้กับพนักงานที่รับช่วงต่อ เธอตอบแก้ความกังขาของนายจ้าง
“เห็นคุยกันตั้งนาน คุณรินก็คิดว่าบุษรู้จักเธอเสียอีก”
เจ้าของรีสอร์ตเปรยลอยๆ “บุษอีกทีนะ คืนนี้คุณรินมีงานด่วน ต้องบินไปกรุงเทพฯ ดังนั้น อยากให้บุษช่วยประสานงานแทนคุณรินที”
สาวใหญ่กล่าวเซ็งๆ แทนที่จะได้อยู่ดูบรรยากาศยามค่ำ ของงานวิวาห์สุดหรู เธอกลับมีงานต้องบินด่วนเสียอย่างนั้นเอง
“จะดีเหรอคะคุณริน” หญิงสาวยิ้มแหยๆ เธอพยายามที่สุดที่จะอยู่ให้ห่างงานนี้ แต่ทำไมโชคชะตาเล่นตลกเสียเหลือเกิน ยิ่งวิ่งหนี กลับยิ่งขยับเข้าไปพัวพัน
“คุณรินไว้ใจบุษนะ เอาน่า... นึกว่าเป็นการทดลองคุมงานครั้งแรกของบุษด้วย” รินลดายิ้มให้กำลังใจ เธอไม่รู้ว่าบุษบันมีความหลังกับคนเหล่านั้น
“ชุดที่จะใส่อยู่ในห้องคุณรินนะ ไซส์บุษกับคุณรินน่าจะใกล้เคียงกัน คุณรินอนุญาต... อย่าให้เสียชื่อล่ะ”
นายสาวกล่าวให้กำลังใจ ก่อนจะเดินไปอีกทาง เธอหมุนตัวมาโบกมือให้บุษบัน...
“เห้อ...” เสียงถอนหายใจแรงๆ หลังนายจ้างสาว กระโดดขึ้นรถยนต์ส่วนตัวเพื่อจะไปยังสนามบิน
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”
บุษบันยิ้มแฉ่ง เมื่อหันมาท้าทายแพรวนรา แต่ดันตรงกับจังหวะที่สาวมดคันไฟเขาเรากำลังหน้ามืดพอดี สาวแกร่งฉบับพกได้ เปิดประตูด้านข้างเคาน์เตอร์ออกมายืนยิ้มแป้น ไหวไหล่ แบมือออกข้างๆ ตัวเหมือนต้องการยั่วเพื่อนสาวให้เต้น บุษบันยกหัวแม่มือให้ เธอแอบยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะ เมื่อแพรวนราเดินหน้ามึน ตรงไปหาสองหนุ่มที่เป็นหัวข้อสนทนาของเธอ “รับอะไรเพิ่มมั้ยคะ?” หญิงสาวตีมึน เดินเข้าไปแทรกถาม หิรัญเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง “คุณเป็นพนักงานในรีสอร์ตนี้ด้วยเหรอครับ” เพราะการแต่งตัวของแพรวนรา ไม่เหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ หิรัญเลยอดไม่ได้ที่จะย้อนถาม หญิงสาวพยักหน้ารับ “ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้เหมือนกันค่ะ แต่คุณคนนี้หน้าคุ้นๆ” หญิงสาวรับคำกวนๆ เธอหันไปให้ความสนใจกับนรสิงห์ มากกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้า “ผมจำคุณแพรวได้ครับ เราเจอกันบ่อยเหมือนกัน รู้สึกเหมือนว่าผลิตภัณฑ์ของเดอะเพรสหลายชิ้น บริษัทคุณแพรวจะออกแบบให้” นรสิงห์ยิ้มรับ เขารู้จักกับรินลดาเป็นการส่วนตัว เลยพลอยทำให้รู้จัก แพรวนราไปด้วย และเป็นเรื่องบังเอิญที่งานของเขาเ