บทที่1.วิวาห์พาฝัน
รีสอร์ตรินลดา...ภูเก็ต
ซุ้มดอกไม้สีอ่อนถูกจัดเตรียมไว้ที่ชายหาด ด้านหน้ารีสอร์ตรินลดา เป็นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บุษบันจึงถูกเกณฑ์มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างฝีมืออีกแรงหนึ่ง เธอเอียงคอมองซุ้มดอกไม้ที่จัดสำเร็จ ด้วยดวงตาพริบพราว นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผู้หญิงอย่างเธอเช่นกัน ได้เดินรอดใต้ซุ้มดอกไม้แสนสวยกับคนรู้ใจ มีเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีในงานวิวาห์
“เจ้าสาวโชคดีมากเลยนะคะ ดูสิ!! สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เจ้าบ่าวยังใส่ใจแล้วก็เนรมิตให้” บุษบันชวนคุย หลังจากซุ้มเสร็จลงทันเวลา
คนจัดซุ้ม หันมามองพร้อมกับยิ้ม “เปล่าค่ะ นี่เจ้าสาวขอมาเอง...” หล่อนตอบ บุษบันจึงยิ้มเก้อ
“เจ้าบ่าวน่ะ...แค่แต่งหล่อก็พอมั้งคะ ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการแต่งจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า” เหมือนติดพันคนงานจัดซุ้มจึงยังเปรยต่อ บุษบันจึงได้แต่รับฟัง เวลานี้เธอยังไม่แข็งแรงพอ...เมื่อหัวใจของเธอกำลังกลัดหนอง ดังนั้นงานวิวาห์นี่จึงทำให้หญิงสาวยอกแสยงใจไม่น้อย
“ค่ะ” เธอรับคำแกนๆ ก้มลงเก็บเศษใบไม้บนพื้น พยายามไม่คิดถึงอดีตที่ทำให้เธอต้องระเห็จมาอยู่ที่นี่
“อย่างว่าแหละค่ะ คนรวยเขาก็ต้องคนรวยด้วยกัน คู่นี้เป็นคู่ที่เหมาะกันมากหากมองแค่เปลือก แต่ถ้าเจาะลึกตามข่าวเม้าท์ งานนี้ฝ่ายเจ้าสาวเสียเปรียบทุกประตูค่ะ ข้างว่าที่สามี มีแค่เปลือกหุ้ม” ไหนๆ ก็ได้เม้าท์ หล่อนเลยขยายต่ออย่างเมามัน
บุษบันฉุกใจ เรื่องราวที่กำลังถูกพาดพิงถึง มันคุ้นๆ หูพิกล เธอกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เธอภาวนาขออย่าให้เป็นอย่างที่นึกระแวง!!
แต่ดูเหมือนทุกอย่างรอบตัวจะไม่เป็นใจเท่าไหร่...เงาปีศาจนั่นตามมาหลอกหลอนเธอจนได้
“เขาเม้าท์กันให้แซ่ดว่า...บ้านไชยยะนันน่ะ เหลือแค่เปลือกเท่านั้นแหละค่ะ”
ลมหายใจของบุษบันสะดุดกึก เธอเงยหน้าขึ้นมองคนพูดตาโตๆ
“คู่แต่งงานวันนี้ คือคุณนักรบกับคุณภารตีหรือคะ?”
เสียงแหบแห้งเอ่ยถามทันทีหลังคนเล่าพูดจบ คนเล่ายิ้มแฉ่ง รีบพยักหน้าเร็วๆ ตอบ “ค่ะ นักรบ ไชยยะนัน หนุ่มไฮโซดีกรีว่าที่ดอกเตอร์ แต่...เขาเม้าท์กันนะคะ ครอบครัวนั้นกำลังล้ม เลยต้องรีบหาคนไปช่วยพยุง ก่อนที่ฟองสบู่จะแตก ความลับจะรั่ว”
ขาเม้าท์ๆ กระจาย หล่อนพูดอย่างออกรส เหมือนนั่งอยู่ใต้เตียงคนบ้านนั้น จนรู้ความลับในครอบครัวนั้นแบบละเอียดยิบ
บุษบันไม่รู้หรอกว่า ฐานการเงินของไชยยะนันเป็นอย่างไร ที่เธอ ‘รัก’ นักรบ และบูชาเขานั้น มันเกิดมาตั้งแต่แรกเป็นสาว เป็นการบูชาผู้ชายแสนดีโปรไฟล์หรูอลังการ แต่ก็ไม่เคยคิดจะเสนอหน้าให้เขารับรู้ เทพบุตรที่เธอฝันถึงต่างหากเล่า ที่โน้มกิ่งลงมาเกี้ยวพาราสีเธอเอง ก่อนเขาจะชิ่งหนีไป... เมื่อเขาพบคนที่ดีและเหมาะสมกับเขาที่สุด ทอดทิ้งคนจงรักภักดีไว้ด้านหลัง
“คนตระกูลนั้นน่ะ ใช้เงินมือเติบใครๆ ก็รู้...ตั้งแต่รุ่นพ่อ แม่ แล้วคนเป็นลูกจะจมลงได้ยังไง”
ข้อนี้เธอเห็นด้วย นักรบทำตัวฟุ้งเฟ้อ เขามักจะบ่นให้เธอฟังบ่อยๆ หากเจอใครก็ตามที่มาเหนือชั้นกว่า ชายหนุ่มจะไปขวนขวายหาสิ่งๆ นั่นมา และก็ย่อมเหนือกว่าคู่แข่งเช่นกัน เธอได้แต่มองห่างๆ เมื่อมันเป็นการใช้จ่ายแบบไร้สาระ ข้าวของเหล่านั้นจะถูกทิ้ง หลังหมดความสำคัญ
“ไม่ต้องเดาเลย ก้นหม้อข้าวไม่ทันดำแน่...อีกไม่นานก็คงต้องแยกย้าย...” หล่อนทำตัวเป็นหมอดู เดาอนาคตคู่แต่งงานนั่นเสียอีก
หญิงสาวผ่อนลมหายใจ ‘เขา’ จะเป็นอย่างไรก็ช่างเถอะ เมื่อเวลานี้บุษบันพยายามตัดผู้ชายคนนั้นออกไปจากใจ เมื่อเขาเผยธาตุแท้ให้เธอเห็นในวันที่บอกเลิกกับเธอ
‘บุษ...เราเลิกกันเถอะ’
เป็นการบอกเลิกแบบไม่ทันให้เธอตั้งตัว เมื่อมันไม่เคยมีวี่แวว แถมความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับนับรบก็ไม่ใคร่ชัดเจนเท่าใดนัก
‘คะ’ เธอกะพริบเปลือกตาปริบๆ ตอนที่เงยหน้ามองเขาชัดๆ มือที่กำลังปอกเปลือกกระเทียมสั่นระริก
‘ผมกำลังจะแต่งงาน’ เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางแสกหน้า มันเจ็บจี๊ดพร้อมกับใจหายแว๊บ!!
‘ค่ะ’ เธอพยักหน้ารับรู้ ก้มหน้าลง เพื่อรวบรวมสติที่แตกกระจัดกระจายไปกลับคืนมา
‘ผมไม่ได้รักภารตีหรอกนะ แต่ผมมีความจำเป็นต้องแต่ง ผมรักบุษ...แต่...’ นักรบพูดต่อ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง พร้อมกับคำถามที่ถามวนอยู่ในใจ เขาจะบอกเธอเพื่ออะไร? ในเมื่อเขากำลังจะตีจากไปแต่งงาน!! ‘หากบุษรักผม...เราจะรักกันเหมือนเดิม แต่บุษจะต้องเก็บตัวไม่แสดงตัวให้คนอื่นรู้’
หญิงสาวขมวดคิ้ว!! นักรบพูดเช่นนี้ เขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ เธอคิดตามไม่ทัน หรืออาจจะเป็นเพราะเธอโง่!!
‘บุษไม่เข้าใจค่ะ คุณรบต้องการบอกอะไรบุษคะ?’
‘บุษรักผมมั้ยล่ะ?” นักรบถามยิ้มๆ แต่บุษบันคิดว่านั่นคือความต้องการของเขาที่พยายามสื่อให้เธอรู้
เปลือกตากะพริบถี่ๆ หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอรู้ความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดนั้นแล้ว...และบุษบันรับไม่ได้!!
‘ลาก่อนค่ะคุณรบ ขอให้คุณมีความสุขกับคนที่คุณเลือกนะคะ’
หญิงสาวกล่าวพร้อมน้ำตา สิ่งที่เขาต้องการ คือต้องการให้เธอเป็นตัวสำรอง โดยที่เขามีตัวจริงอยู่ข้างๆ ช่างเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัว จนสุดที่บุษบันจะทน
‘เธอเลือกเองนะบุษ ผู้ชายเพอร์เฟคอย่างผม ชั่วชีวิตเธอ ก็ไม่มีวันหาได้’
น้ำเสียงห้าวๆ ที่บุษบันไม่เคยได้ยิน วันนี้นักรบใช้เสียงแบบนั้นกับเธอ
นั่นเป็นความหลงตัวเองอย่างที่สุดของนักรบ และบุษบันเพิ่งแน่ใจ เธอดูผู้ชายคนนั้นผิดมาตั้งแรก เขาไม่ใช่ผู้ชายแสนดีเหมือนที่เธอคิด นักรบเป็นแค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง เธอจากมา และเริ่มต้นใหม่แบบช้ำๆ
หญิงสาวถอนใจ เธอหอบเศษดอกไม้ไปทิ้งในถังขยะ ดวงตาแสนเศร้ามองดอกไม้เหล่านั้นด้วยความเสียดาย...ดอกไม้ในถังขยะเป็นดอกไม้ช้ำๆ ที่รูปทรงไม่สมบูรณ์ มันถูกคัดทิ้ง...เพราะสภาพที่ไม่พร้อมใช้งาน และคงไม่ต่างจากตัวเธอ เป็นของเหลือใช้ที่ไม่มีใครเห็นคุณค่า เธอตัดใจเทดอกไม้เหล่านั้นทิ้ง ยังมีงานอีกมากรออยู่ บุษบันไม่มีเวลามายืนหายใจทิ้งเปล่าๆ
รีสอร์ตรินลดา เป็นรีสอร์ตที่แพรวนราเพื่อนสนิทของเธอฝากฝังให้มาทำงาน แพรวนรารู้... เวลานี้เพื่อนของเธอต้องการเวลาเยียวยาหัวใจ เมื่อกำลังบอบช้ำจนสุดที่จะปั้นหน้าชื่นหลอกตาคนใกล้ตัวได้
อีกอย่าง...ชายคาของบ้านไชยยะนัน ยิ่งทำให้บุษบันช้ำหนัก
หญิงสาวจึงหาที่สงบๆ ให้เพื่อนใช้เป็นที่พักใจ แต่ใครจะรู้ล่ะ คนเหล่านั้นก็ยังตามมาหลอกหลอนบุษบันอยู่ดี
สาวสุดชอกช้ำนึกอยากจะโทร. หาเพื่อนรักจับจิต แต่คงต้องรอให้งานด่วนครั้งนี้ผ่านไปเสียก่อน อย่างแรกที่เธอควรทำ คือพยายามอยู่ให้ไกลรัศมีของงานวิวาห์แสนหวานนี่ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะเธอไม่อยากเห็นความหลอกลวงที่เกิดซึ่งหน้าจากผู้ชายคนนั้นอีก!!
“บุษๆ อยู่นี่เอง คุณรินมีเรื่องอยากไหว้วานพอดี”
“คะ” หญิงสาวขานรับลดถังขยะในมือลง เมื่อคนที่ร้องเรียกคือรินลดา เจ้าของรีสอร์ตและเป็นนายจ้างของเธอ ผู้หญิงเก่งที่เธอนับถือ อายุเลยเลข4ไปหลายปี แต่ก็ยังคงสง่างามจนสาวใสแอบทึ่ง
“พอดีเด็กเสิร์ฟขาดคนหนึ่ง คุณรินเลยอยากให้บุษไปช่วย...”
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แข
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
นรสิงห์บ่นขรม เขาก็ไม่ต่างอะไรกับหิรัญเลย คนในครอบครัวเคี่ยวเข็ญให้มีจังห่วง ทั้งที่ตนเองยังสนุกกับการทำงาน ผู้หญิงยังไม่ใช่สิ่งที่นรสิงห์ปรารถนา เมื่อยังสามารถถลกกระโปรงพวกหล่อนได้ โดยไม่ต้องใช้ทะเบียนสมรส “ฮ่าๆ” สองหนุ่มหัวเราะลั่น เมื่อต้องผจญชะตากรรมเดียวกัน “ว่าแต่ ไหนล่ะผู้หญิงที่พ่อกำนันเล็งไว้ให้แก นัดหล่อนไว้ที่นี่หรือไง...” หนุ่มหล่อสไตล์หนุ่มในเมืองเหลียวมองไปรอบๆ ตัว เพื่อมองหา ว่าที่เมีย ที่เพื่อนรักต้องมาดูตัว “แหมๆ ไม่ต้องมาตื่นเต้นแทนฉันเลยว่ะไอ้เสือโหด เดี๋ยวคุณบุษตกใจ เผ่นป่าราบ” หิรัญเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “อะไรนะ!! แกว่าไงนะไอ้เสี่ย คู่หมายที่พ่อกำนันหาไว้ให้แกชื่ออะไร?” หนุ่มลูกทุ่งขมวดคิ้ว มองหน้ายับๆ ของเพื่อนงงๆ “บุษบัน นาคสม ลูกลุงปั้นกับน้าสายพิณ บ้านอยู่ถัดจากบ้านฉันไปไม่เท่าไหร่หรอก ไม่เคยเจอหน้ากัน เพิ่งจะเห็นกันวันนี้แหละ” นรสิงห์พ่นลมหายใจแรงๆ ผู้หญิงคนนั้นมีอะไรดี ทำไมหล่อนถึงเข้ามาพัวพันอยู่ในวงจรชีวิตของเขาบ่อยครั้งเหลือเกิน... “แกรู้มั้ยว่าป้าหล่อน เป็นคนรับใช้”