บทนำ
'ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน
ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)
ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน…
ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)
ฉันคงไม่อาจทำให้เธอเปลี่ยนใจ ฉันคงไม่อาจทำให้เธอกลับมารักฉัน
ฉันจึงขอแค่เพียงยังรักเธอ จะได้ไหม นะเธอจะได้ไหม (รักเธอตลอดไป)’
Cr.เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ‘ไม่อาจเปลี่ยนใจ’
อินโทรเพลงเศร้า...ติดชาร์ทสมัยที่บุษบันอายุแค่10ขวบกว่าๆ ยังไว้ผมเปียใส่ชุดนักเรียนชั้นมัธยมต้น เป็นเพลงที่แสนไพเราะเกี่ยวกับ ความรัก ที่ไม่สมหวัง ไม่อาจรั้งใจคนที่จะไปไว้กับตัวเองได้...ตัวนักร้องถ่ายทอดอารมณ์สุดเศร้าได้อย่างเห็นภาพชัดเจน ถึงจะเป็นเพลงเก่ายุค90 แต่เมื่อได้ฟังเพลงนี้ทีไร หยดน้ำตาของเธอก็รินไหลออกมาทุกที เป็นความทรงจำแสนเลวร้ายที่หญิงสาวพยายามลบออกไปจากความทรงจำ แต่ไม่เคยทำได้สำเร็จ ยิ่งวันนี้... วันที่โลกถล่มลงตรงหน้าเพราะผู้ชายคนเดียวที่เธอปักใจรัก!! กำลังหน้าชื่นมีความสุขกับผู้หญิงที่เขาเลือกอยู่ต่อหน้าต่อตา สายตาของเขามองผู้หญิงข้างตัวด้วยความรักและเทิดทูน สายตาคู่นั้นไม่เคยมีเงาของเธอสักนิด ความรักระหว่างเธอกับเขา ถูกซ่อนเร้นไว้ด้วยกาลเวลา และมันจะถูกลบเลือนด้วยหัตถาของพระพรหม เมื่อท่านไม่ได้ขีดเส้นทางรักนั่นไว้ ให้เธอตั้งแต่แรก...
งานวิวาห์แสนเลิศหรูของลูกหลานคนร่ำรวย เป็นความบังเอิญที่แสนโหดร้าย!! สำหรับผู้หญิงที่ถูกทิ้งแบบไร้สาเหตุ เพียงเพราะเธอไม่มีค่ามากพอให้เขาเชิดชู เขาเห็นเธอเป็นแค่ขนมหวานใกล้มือ บุษบันหลานสาวแม่บ้าน หรือจะสู้ภารตีบุตรสาวเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเมืองกรุงได้ ดังนั้น...นักรบ ไชยยะนัน จึงตัดสินใจทิ้งขนมหวานที่เขาคิดแค่อยากชิมเล่นเป็นทางผ่านหนึ่งในชีวิต... แต่บุษบันดันเล่นตัว ชายหนุ่มสุดฮอตอย่างเขาจึงขอเก็บหล่อนไว้เงียบๆ จนกระทั่งตกลงปลงใจคบหาดูใจกับว่าที่ภรรยาในอนาคต เขาจึงบอกหล่อนตรงๆ และจบความสัมพันธ์ที่คลุมเครือนั่นลงแบบไร้เยื่อใย
นรสิงห์ กษิดิศชญาธร เขม่นมองผู้หญิงหน้าคุ้นๆ หล่อนยืนหลบอยู่ข้างซุ้มดอกไม้ ใบหน้าหมองๆ นั่น เหมือนกำลังเศร้าใจอะไรหนักหนา เขาคุ้นหน้าหล่อน จนไม่อาจถอนสายตากลับได้ หากยังไม่ได้ความกระจ่าง...
“มองอะไรคะน้าสิงห์?” ภารตี กษิดิศชญาธร หลานสาวที่ห่างกันไม่กี่ปี เนื่องจากมารดาของเธอ หรือพี่สาวของเขา มีบุตรตั้งแต่แรกสาวกับสามีคนแรก...ร้องทัก และหล่อนคือเจ้าสาวแสนโชคดีในค่ำคืนนี้...
“เปล่า!!” เจ้าของร่างสูง185 เซนติเมตรหมุนตัวกลับมาตอบ สีหน้าเขาขรึมเฉย จนภารตีเดาไม่ออก
“ตีกว่างั้นแหละ ไม่มีอะไรน่าดูเลย ต้องรอให้ค่ำก่อนเถอะค่ะ เพื่อนๆ ตีคงจะทยอยมากัน เวลานั้นน้าสิงห์จะมองเพลินจนตาแฉะ”
หญิงสาวที่มีความสุขที่สุดในเวลานี้ โลกทั้งใบของหล่อนกำลังเป็นสีชมพู ไม่มีความทุกข์ได้มาแผ้วผ่าน อีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะถึงข้างหน้านี้ คนรักของเธอ... จะกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของเธอแต่เพียงผู้เดียว!! ผู้หญิงคนไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเขา
“เอะ!!” เสียงหลานสาวอุทาน นรสิงห์จึงหมุนตัวกลับมามองซ้ำ
“มีอะไรหรือเปล่ายัยตี” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อมองไปยังจุดๆ เดียวกับที่นรสิงห์จับตามองอยู่เมื่อสักครู่
“น้าสิงห์ อีนังนั่นมันมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงคะ?” เสียงของภารตีแหลมปรี๊ด!! เหมือนกำลังโกรธแค้นใครสักคน
“ใคร?” คุณน้าวัยหนุ่มที่อายุเพิ่งจะแตะเลข3 ปีแรกร้องถาม พร้อมกับทำท่าฉงน
“อีบุษไงคะ อีเด็กรับใช้บ้านไชยยะนัน”
น้ำเสียงกดต่ำที่ภารตีมักจะใช้เสมอหากมีใครบางคนขัดใจหล่อน
‘เด็กรับใช้’ นรสิงห์ตามไม่ทัน เขากำลังทบทวนสิ่งที่หลานสาวเคยปรึกษา ก่อนจะครางในคอ ที่เขารู้สึกคุ้นๆ กับผู้หญิงคนนั้น เพราะเขาเคยเห็นเธอมาก่อนนี่เอง...คู่รักที่นักรบเคยซุกไว้ ผู้หญิงในบ้านที่เขาปิดบังภารตีมาตลอด
บทที่1.วิวาห์พาฝันรีสอร์ตรินลดา...ภูเก็ต ซุ้มดอกไม้สีอ่อนถูกจัดเตรียมไว้ที่ชายหาด ด้านหน้ารีสอร์ตรินลดา เป็นความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ บุษบันจึงถูกเกณฑ์มาเป็นลูกมือ ช่วยช่างฝีมืออีกแรงหนึ่ง เธอเอียงคอมองซุ้มดอกไม้ที่จัดสำเร็จ ด้วยดวงตาพริบพราว นี่เป็นความฝันอย่างหนึ่งของผู้หญิงอย่างเธอเช่นกัน ได้เดินรอดใต้ซุ้มดอกไม้แสนสวยกับคนรู้ใจ มีเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีในงานวิวาห์ “เจ้าสาวโชคดีมากเลยนะคะ ดูสิ!! สิ่งเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เจ้าบ่าวยังใส่ใจแล้วก็เนรมิตให้” บุษบันชวนคุย หลังจากซุ้มเสร็จลงทันเวลา คนจัดซุ้ม หันมามองพร้อมกับยิ้ม “เปล่าค่ะ นี่เจ้าสาวขอมาเอง...” หล่อนตอบ บุษบันจึงยิ้มเก้อ “เจ้าบ่าวน่ะ...แค่แต่งหล่อก็พอมั้งคะ ดูเหมือนว่าคนที่ต้องการแต่งจะเป็นฝ่ายหญิงมากกว่า” เหมือนติดพันคนงานจัดซุ้มจึงยังเปรยต่อ บุษบันจึงได้แต่รับฟัง เวลานี้เธอยังไม่แข็งแรงพอ...เมื่อหัวใจของเธอกำลังกลัดหนอง ดังนั้นงานวิวาห์นี่จึงทำให้หญิงสาวยอกแสยงใจไม่น้อย “ค่ะ” เธอรับคำแกนๆ ก้มลงเก็บเศษใบไม้บนพื้น พยายามไม่คิดถึงอดีตที่ทำให้เธอต้องระเห็จมาอ
หญิงสาวไม่เคยเกี่ยงงาน เธอมาทำงานในรีสอร์ตในฐานะเลขานุการกึ่งผู้ช่วยของรินลดา แต่งานอื่นๆ เธอก็ทำได้ ไม่เคยปฏิเสธแถมอาสาด้วยความเต็มใจ 2เดือนในรีสอร์ตแห่งนี้ ทำให้เธอผ่อนคลายและดีขึ้น จากความเมตตาของคนรอบข้าง“ได้ค่ะ ที่ร้านอาหารใช่ไหมคะ บุษจะได้รีบไปเลย” ถังขยะถูกวางลงข้างตัว เธอเช็ดมือกับชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นยิ้มเผล่“เปล่าจ้ะ ที่งานข้างล่าง...แค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่ตัวจริงจะมาถึง...เริ่มมีแขกทยอยมาแล้ว แต่คนที่จะบริการมีไม่พอ คุณรินเลยอยากให้บุษลงไปช่วยแก้ขัดไว้ก่อน”ใจหายวูบ!! คือสิ่งแรกที่บุษบันรู้สึก หญิงสาวยิ้มกร่อย ไม่กล้าปฏิเสธ แต่มันเป็นการฝืนตัวเองสุดๆ เมื่อความตั้งใจของบุษบัน คือเธอจะไม่เฉียดไปใกล้ชายหาด เพื่อป้องกันใจตัวเอง เธอไม่ได้เจ็บช้ำเพราะอดีตคนรัก กำลังประกาศให้ชาวโลกรู้ว่าผู้หญิงที่เขาเลือกไม่ใช่เธอ แต่เธอสมเพชตัวเอง สมเพชความโง่ที่หลงบูชานักรบมาช้านาน โดยไม่รู้ว่าเนื้อแท้ของชายผู้นั้น น่าขยะแขยงเสียจนสุดที่จะรับรู้“ค่ะ...” เมื่อเลี่ยงไม่ได้ เธอก็จำต้องทำ แต่จะพยายามที่สุดไม่ให้เจ้าของงานรู้ว่าเป็นตนเอง“แค่ชั่วโมงเดียวจ้ะ ก่อนที่ทีมงานจะเข้ามาเปลี่ยน ฝากด้วยนะบุษ แข
บทที่2.ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ... ชุดเดรสสีโอรสถูกวางไว้บนที่นอน บุษบันถอนใจเฮือกใหญ่ๆ เธอไม่อยากทำหน้าที่นี้เลย เพราะมันเสี่ยงมากที่จะต้องเผชิญหน้ากับนักรบและภารตีตรงๆ สำหรับตัวนักรบเอง ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจบลงตั้งแต่วันนั้น ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความต้องการของเขาได้ และก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้เช่นกัน ความอ่อนหวานของความรู้สึกแสนพิเศษนั่น บุษบันจะเก็บไว้ในใจ เก็บไว้เป็นความทรงจำไว้เตือนตนในอนาคต ครั้งหนึ่งเธอเคยสัมผัสกับความละมุนละไมของ ‘ความรัก’ มาก่อน แม้ผู้ชายคนนั้นจะไม่ได้รักเธอ เท่าที่เธอรักเขา หญิงสาวรีบแต่งตัว หลังเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาที่แขวนอยู่บนพนังห้อง...เวลาเหลือน้อยนิดเสียจนเธอมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เป็นความลำบากใจที่สุดของบุษบัน!! หากเธอไปปรากฏกายขึ้นในบริเวณงานเลี้ยง ผู้ชายคนนั้น... คงจับตามองเธอด้วยอคติในใจอีกเป็นแน่… แล้วก็เป็นจริงดังคาด... เมื่อบุษบันเดินเข้าไปในบริเวณงานเลี้ยง... มันเหมือนกับเวลาหยุดลงชั่วขณะ เพราะเสียงร้องกรี๊ดๆ ของ เจ้าสาว “อีๆ อีหน้าด้าน...ใครเชิญแกมาไม่ทราบ!!” ภารตีหอบกระโป
นรสิงห์กระตุกยิ้มหยัน ให้เลือกระหว่างคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก กับภารตีที่เป็นหลาน เขาย่อมเข้าข้างคนของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้ว่าบางครั้งภารตีก็อาจจะทำเกินไปสักหน่อย “ค่ะ บายค่ะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไป เธอเดินดูความเรียบร้อย และพยายามกันตัวเองออกห่างเจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่มักจะชำเลืองมองมาที่เธอบ่อยๆ ด้วยความรู้สึกต่างกัน นรสิงห์ผ่อนลมหายใจแผ่วๆ สลับกับสูดลมหายใจเข้าแรงๆ หนุ่มวัย30ปีเต็ม ที่แบกภาระไว้เต็มบ่า สารพันปัญหาที่เขาต้องจัดการ ในฐานะผู้นำ บางครั้งชายหนุ่มก็รู้สึกเบื่อ ปัญหาหลากหลายโถมทับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องวุ่นวายของภารตี หลานสาวที่ขยันก่อเรื่อง จนเขาเริ่มระอา...นั่นอาจจะเป็นเพราะว่า ภารตีถูกสปอยจนเคยตัว พี่สาว พี่เขยของเขาตามใจเสียจนบุตรสาวเก่งแต่สร้างเรื่อง แต่ไม่เคยจัดการปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง รวมทั้งปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นนี่ไง ‘ไชยยะนัน’ มีแต่เปลือกตามข่าวลือ แต่ภารตีก็ฝืนดื้อ หล่อนไม่สนใจเสียงทัดทานของทุกคนในครอบครัว จนวันนี้ก็เกิดขึ้น งานวิวาห์ที่ฝืนความรู้สึกของเหล่าพี่น้อง คนที่มีความสุขยิ้มหน้าระรื่น มีแค่ภารตีค
บทที่3. Never give up!“บุษ!! ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย”เสียงทุ้มๆ ที่ดังมาจากมุมมืด ระหว่างรอยต่อบ้านพักรับรองแขก กับส่วนพื้นที่ในส่วนพนักงานบุษบันเขม้นตามอง ...เงาร่างของใครบางคนที่ซุ่มอยู่ตรงนั้นนักรบค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืด เขายิ้มหวานให้กับผู้หญิงในอดีต ผู้หญิงคนเดียวที่เขาไม่เคยได้ลิ้มรสหล่อน แม้หล่อนจะเป็นแค่ลูกหลานคนงานในบ้าน แต่สำหรับบุษบัน หล่อนหยิ่งพอตัว“อ๋อ!! คุณรบนั่นเอง...อย่าดีกว่าค่ะ หากคุณรบไม่อยากให้ครอบครัวใหม่ของคุณรบมีปัญหา อยู่ห่างๆ บุษดีกว่าค่ะ”หญิงสาวเอ่ยเตือนพร้อมกับตั้งท่าจะเดินกลับห้อง แต่ก็ถูกรั้งไว้อีก“บุษไม่คิดจะ...ทบทวนความทรงจำเก่าๆ กับผมสักหน่อยเหรอครับ” นักรบถามพร้อมกับยิ้มละไม“คะ...อะไรนะคะ ทบทวนความทรงจำอย่างนั้นเหรอ?”สีหน้าบุษบันแหยเก เธอไม่เข้าใจความต้องการของฝ่ายตรงข้ามเลย เขาจะมารื้อฟื้นความหลังอะไรกับคนอย่างเธอ“ครับ ทบทวนความจำเก่าๆ” นักรบอมยิ้มกรุ้มกริ่ม เพราะแอลกอฮอลล์ในเส้นเลือดที่มีมากผิดปกติ บวกกับความไม่พอใจที่ภารตีขัดใจ เขาเลยคิดทำบางอย่างเพื่อแก้หน้าตัวเอง และเป็นการเตือนผู้หญิงเอาแต่ใจตัวเองอย่างภารตีด้วย“บุษลืมไปหมดแล้วล่ะค่ะ เร
บุหรี่ม้วนสั้นๆ ถูกดีดลงบนพื้น ปลายมวนที่ยังมีเชื้อไฟสีแดงๆ ถูกส้นรองเท้าหนังมันวับยกขึ้นเหยียบขยี้ ผู้ชายตัวใหญ่นัยน์ตาดุ เดินออกมาจากเงามืดอีกทาง เขาจับตาดูคนทั้งคู่มาระยะหนึ่ง กำลังประเมินว่าตนเองควรทำอย่างไร? ออกไปขัดจังหวะ หรือยืนดูเพื่อจับผิดเฉยๆ แต่บุษบันทำให้เขาตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ผู้หญิงคนนั้น ทำในสิ่งที่เขาคิดไม่ถึง!!“โอ๊ะ!!”นักรบผงะ หน้าเขาซีดเผือดเมื่อนรสิงห์เดินตรงมาหา“อย่าคิดว่าคนอื่นตาบอดเหมือนยัยตี ผมกำลังจับตามองคุณอยู่นะคุณนักรบ และหากคุณทำให้ยัยตีเสียใจ... คงรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ”เสียงน้าเขยเย็นเยียบจนนักรบขนลุกซู่ “ยัยนั่นอ่อยผม หล่อนอยากได้ผมเป็นผัว!!” คำแก้ตัวแบบหน้าด้านๆ ดังออกมาจากปากผู้ชายเห็นแก่ตัว“นั่นมันเรื่องของคุณกับเธอ แต่หากเกี่ยวพันกันจนทำให้หลานผมเสียใจ...คงไม่ต้องบอกหรอกใช่ไหม? ว่าผมจะจัดการอย่างไรกับคนแบบพวกคุณอย่างไรถึงจะดี”ชายหนุ่มเปรย เขาเดินเฉียดผ่านนักรบไปแบบประชิด จนปลายรองเท้าหนังมันวาวแทบจะเหยียบลงบนหลังมือของหลายเขย“โว้ย!!”หลังน้าเขยสุดโหดหายลับไปในเงามืด นักรบโวยเสียงลั่น เขายกมือทุบลงบนผิวดิน ร้องด่าทั้งภารตีและบุษบันในใจผ
บทที่4.ผิดแผน... มันน่าจะเป็นความสงบสุข...หลังวันมหาวิปโยคผ่านพ้นไป วันนี้บุษบันเข้มแข็งขึ้น เงาของนักรบไม่ได้ทำให้น้ำตาเธอตกเหมือนเก่า เพราะเธอเริ่มทำใจได้...เมื่อรู้ชัดอย่างแท้จริง ผู้ชายคนนั้นต้องการแค่ร่างกายของเธอ เพื่อสนองความต้องการของเขา ตื้ดๆ เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวของเธอ...ดังเตือน...บุษบันล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงหยิบออกมากดรับ “นึกยังไงคะโทร. หาบุษวันนี้?” ปลายสายคือคนที่บุษบันรักไม่ต่างจากมารดา สายสมรคือพี่สาวมารดา คุณป้าที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เธอมีวันนี้ได้ เงินเดือนของสายสมรคือค่าเล่าเรียนของเธอ “บุษ...ป้า...เอ่อ...” สาวใหญ่พูดติดๆ ขัดๆ เธอมีเรื่องร้อนใจ และอยากให้หลานสาวช่วย “ป้ามีอะไรไม่สบายใจ...บอกบุษได้เลยค่ะ” “บุษ ก็อย่างที่ป้าเคยเล่าให้ฟัง...ป้าเอาที่ไปจำนองไว้ และป้าขาดส่งมานานหลายปีแล้วด้วย เจ้าหนี้เขาก็จ้องจะยึด แต่ป้าไม่อยากเสียที่ผืนนั้นไป... มันเป็นมรดกที่ป้าคิดจะยกให้บุษ...ที่สำคัญ มันจะเดือดร้อนถึงพ่อแม่บุษด้วยนะ เมื่อมันเป็นที่ผืนเดียวกัน” ที่ดินที่เป็นมรดกพกห่อ บิดา มารด
แพรวนราจิปาก เธอตบฝ่าเท้าใต้รองรองเท้าแตะไปมา มุมปากบางเฉียบกดลงด้วยความไม่พอใจ “ลืมเอาปากมาไงคุณ หรือว่ายืนอมขี้ฟันอยู่!!” เสียงถามขุ่นจัด จนคนตัวใหญ่หลุดออกมาจากภวังค์ “เปล่าครับ แค่ไม่คิดว่าคนในรีสอร์ตรินลดาจะต้อนรับลูกค้าด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่เลย” เขาติงแบบผู้ใหญ่เตือนเด็ก เพราะคะเนแล้วเขาน่าจะแก่กว่าผู้ก๋ากั่นตรงหน้า “ถ้ามาอย่างมิตร ชาวรินลดาก็พร้อมที่จะเป็นมิตร แต่หากมาอย่างศัตรู ฉันฟันไม่เลี้ยงค่ะ บอกไว้ก่อน” แพรวนราแสยะยิ้ม เธอตอกกลับแบบไม่ไว้หน้า “แล้วอะไรที่ทำให้หนูคิดว่าผมมาแบบศัตรูล่ะ?” หิรัญร้องถาม เมื่อน้ำเสียงที่ใช้ของเด็กสาวตรงหน้าบ่งบอกเขาแบบนั้น หล่อนคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่มาอย่างมิตร แพรวนราฉุนกึก...หมอนี่เรียกเธอด้วยสรรพนามที่ทนฟังไม่ไหว หนู เธออายุ25ปีนี้อายุงานสองปีในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์มีบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง... แต่ตาลุงคนนี้เรียกเธอเสียหมดความภาคภูมิใจ “ลุง...ไปตัดแว่นป่ะ ฉันไม่ได้เด็กขนาดเรียกว่า หนูหรอกนะ” หญิงสาวเน้นคำเรียกขานอีกฝ่าย เธอแสยะยิ้มเมื่
“ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะดังไล่หลังมา “อย่าวิ่งสิบุษ เธอท้องอยู่นะ!!” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ชายหนุ่มตะโกนห้ามเสียงหลง เมื่อบุษบันกำลังมี ‘เจ้าตัวเล็ก’ นอนตีพุงอยู่ในท้องเจ้าหล่อนสายเลือดกษิดิศชญาธร ที่มาในจังหวะเหมาะเหม็ง ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีข้ออ้างในการย้อนกลับมาหาเธอ “ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้บุษท้อง” เสียงเปรยแผ่วๆ ของผู้ชายตัวใหญ่...นรสิงห์เดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง เขาเองก็ต้องรีบอาบน้ำ จะได้ออกไปจัดการอะไรๆ ให้มันเสร็จสมบูรณ์สักที ไม่คิดว่าตนเองจะยอมทิ้งชีวิตอิสระ แต่เมื่อคิดดูดีๆ มันก็ไม่ได้แย่นัก หากจะมีคนยืนข้างๆ มีความห่วงใยให้กัน มีความผูกพัน...นับจากนี้ไปตลอดจนลมหายใจเฮือกสุดท้าย ตื้ด...&nbs
“แล้วเธอล่ะบุษ...คิดอะไรกับฉันมั้ย?” ชายหนุ่มย้อนถาม เขามองผิวแก้วสีระเรื่อตาพราว บุษบันหน้าร้อนฉ่า คำถามที่เธอรู้คำตอบดี แต่ตอนนี้ไม่มีความกล้าพอ... เมื่อผู้ชายตรงหน้า เป็นคนแรกที่เข้าถึงตัว ทุกสิ่งในร่างกายตนเองไม่ได้เป็นความลับสำหรับเขา...แถมซ้ำ...ในท้องเธอ มีสายเลือดของเขานอนตีแปลงอยู่ด้วย แบบนี้...เธอจะไม่รักเขา...ได้ยังไง แต่นรสิงห์ชิงพูดเสียก่อน... ‘The great big day in my life has begun when you come into my heart.’ วันดีๆ ในชีวิตฉัน...ได้เริ่มต้นขึ้น ตั้งแต่วันที่ฉันมีเธอ... ผิวแก้มเธอร้อนฉ่า ดวงตาพร่าเพราะน้ำตาเอ่อ ไม่คิดว่าตัวเองจะมีความสำคัญกับเขาขนาดนั
“อะ!!” ร่างเล็กๆ สั่นระริก เธอขยุ้มผ้าใต้ฝ่ามือแน่น หลับตาพริ้มและเปล่งเสียงครางสั่นๆเมื่อเขาแทรกปลายนิ้วแข็งๆ เข้าไปด้านใน และขยับเคลื่อนไหวช้าๆ“อย่า...อย่าทำแบบนั้น ได้โปรด?!!” บุษบันครางเสียงหลง สะโพกผายส่ายสะบัดเหมือนปีกผีเสื้อ ไม่อาจจะขัดขืนความรู้สึกนี้ได้เลย เพราะเมื่อชายหนุ่มเข้าใกล้เขาทำให้เธออ่อนปวกเปียกเหมือนขี้ผึ้งถูกไฟรนทุกครั้ง...ร่างกายของเธอมันทรยศ มันไม่ฟังคำสั่งจากสมอง เมื่อมันสนองตอบชายหนุ่มและยินยอมให้เขาทำตามอำเภอใจมุมปากได้รูปกระตุกยิ้ม เข้าเหลือบมองใบหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวหวานใจ ใบหน้างดงามแดงก่ำเธอแสดงออกถึงความพร้อมพรั่ง!! สารหล่อลื่นในร่างกายถูกขับออกมาจนเปียกเปรอะเนืองนอง และไม่ว่าเขาจะจับหันซ้ายหันขวา เธอก็พร้อมและเต็มใจที่จะสนองตอบอยู่แล้ว เสียงครางระส่ำช่วยยืนยันความคิดของเขาชายหนุ่มโหย่งตัวขึ้น ชักปลายนิ้วออกมาจากแอ่งสวรรค์ จรดแก่นกายแข็งตึงแนบเนินเนื้ออวบอิ่ม เขารวบเรียวขาเพรียวยาวไว้ที่ท้องแขนก่อนจะกดสะโพกสอบ บรรจงเสือกเสยความอลังการกับความอวบอูมเต็มแรง!!“อืมมมม...ซี๊ดดดดด
หญิงสาวรวบผ้าห่มชิดตัวมากขึ้น เมื่อใต้ผืนผ้าหนาๆ เธอมีแค่อันเดอร์แวร์สองชิ้น เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ อันตทานหายไปจนหมด ตั้งแต่ตอนที่เธอยังไร้สติ... “ฉันไม่สัญญาหรอกนะว่าจะทำตัวเป็นคนดี ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ แต่รับประกัน ฉันไม่ใช่คนเหลาะแหละ ฉันมั่นใจเชียว ว่าฉันสามรถดูแลเธอกับลูกได้ ในอนาคต” นรสิงห์ย้ำอีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่บนพื้นเตียง เตียงหนาไหวยวบ เมื่อน้ำหนักตัวนรสิงห์ไม่ใช่น้อยๆ เลย “บุษกลัวว่า...บุษจะทำให้คุณเดือดร้อน บุษอาจจะเป็นที่รังเกียจ แล้วจะทำให้เราไปกันไม่รอด” หญิงสาวแย้งเสียงอ่อย เธอกับคนในครอบครัวเขา จะมีทางญาติดีกันเหรอ ในเมื่อเธอเคยเป็นคนที่พวกเขาตั้งป้อมรังเกียจ!! ชายหนุ่มพลิกตัวนอนคว่ำ เขาเอามือรองใต้คาง ตอนที่เงยหน้ามองบุษบัน “น
คนตอบสำรวมเสียงสุดๆ เมื่อพอจะรู้ใจเจ้านายดี เวลานี้หัวหอกหนุ่มของเดอะเพรสกำลังร้อนเป็นไฟ แม้จะได้ตัวเจ้าสาวมาไว้ในกำมือแล้วก็ตาม แต่หากฟื้นขึ้นมาแล้วบุษบันยืนกรานคำเดิม...คนรอบตัวของนรสิงห์ คงได้โดนหางเลขกันเป็นแถวๆ ดอกไม้ดอกเล็กๆ ที่ประดับไว้บนเรือนผม ด้วยฝีมือสุดประณีตของช่างมือดี ส่งให้เส้นผมดำขลับดูงดงามออร่าพุ่งแต่ขัดนัยน์ตาของชายหนุ่มที่อุทิศตัวเป็นดั่งหมอนนุ่มให้บุษบันนอนอิงเสียจริงๆ เมื่อมือเร็วเท่าความคิด ดอกไม้สุดสวยนั่นจึงถูกแกะออกมาทีละดอก ช้าๆ เมื่อชายหนุ่มบรรจงเบามือที่สุด เพื่อกันไม่ให้คนหลับหมดสติรู้ตัว ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทาง บ้านพักบนเนินเขา ตัวบ้านตั้งโดดเด่น...เบื้องล่างคือน้ำทะเลใสแจ๋ว เสียงคลื่นดังไกลๆ เมื่อระยะทางจากตัวบ้านถึงชายหาด อยู่สูงกว่ากันไม่ใช่เล่น บ้านอีกหนึ่งหลังของกษิดิศชญาธร มีไว้เพื่อพักผ่อนโดยเฉพาะ เขาเลือกที่นี่ เพราะมันเดินทางยาก หากไม่มีรถยนต์ก็คงต้องเดินจนขาลาก กว่าจะถึงถนนที่มีรถยนต์วิ่งผ่านไป ผ่านมา&
“หึ!! หล่อนคงมีเป้าให้เกาะอยู่แล้วซิ ถึงได้กล้ากำแหง” วิภาวียังไม่วายค่อนคอด “ความจริง... หิรัญกับบุษบัน เขาเป็นคู่หมายที่ผู้ใหญ่เขาทาบทามไว้อยู่แล้วครับ เพียงแต่ผมเข้าไปแทรกไว้ก่อน” ความลับคับอก พรางพรูออกมาจากปากหนุ่มรุ่นน้อง ไม่ใช่เพื่อแก้ต่างให้บุษบัน แต่เป็นคนยืนยันเพื่อความบริสุทธิ์ของเจ้าหล่อน และมันคือความจริง “โอ้ย!! ฉันไม่อยากจะเชื่อ นี่เราหนีผู้หญิงที่ชื่อบุษบันไม่พ้นจริงๆ เหรอ?” “ตีไม่อยากจะเชื่อว่าคุณรบโกหกตี” สาวท้องแก่ครางเสียงระโหย ในคำพูดของนักรบ มีเรื่องไหนที่เป็นความจริงบ้าง “แกก็เลิกงมงายกับไอ้ผัวเฮงซวยนั่นได้แล้วล่ะ... แต่ต้องถามฉันยัยตี มีเรื่องไหนบ้างที่ผัวแกมันไม่โกหกบ้าง” วิภาวีเป็นมารดาที่รักบุ
กำนันเหมโวยคนแรก ตามด้วยบิดา มารดาของแพรวนรา แต่ก็เริ่มเห็นด้วย เมื่อหิรัญพยายามอธิบาย เมื่อสิ่งที่เขากับแพรวนราทำก็เพราะความหวังดีกับเพื่อน และสั่งสอนคนอีโก้สูงให้รู้ตัว เรื่องหัวใจ จะเอาเหตุผลร้อยแปดมาคัดง้างไม่ได้ ต้องใช้ใจแลกใจเท่านั้น ดังนั้น...แพรวนรากับหิรัญ จึงได้แนวร่วมเพิ่มขึ้น เพราะบิดา มารดาของแพรวนราก็รักบุษบันไม่ต่างอะไรกับลูกในไส้ จึงสงสารชะตากรรมที่หล่อนได้พบเจอ ข่าวลือจึงถูกแพร่ออกไป จากวงสังคมแคบๆ และขยายเป็นเรื่องใหญ่ในไม่ช้า และเข้าหูของนรสิงห์จนได้บ้านกษิดิศชญาธร... “สิงห์...แม่นั่นกำลังจะแต่งงานกับเพื่อนสิงห์ สิงห์รู้หรือเปล่า?” วิภาวีเดินหน้าตั้งเข้ามาถาม หลังกลับจากงานการกุศล และได้ยินข่าวซุบซิบนั่นเข้าพอดี&n
บทที่16.ตลบหลังเพื่อนจอมแสบในขณะที่เพื่อนรักกำลังจะมีความสุข...หนุ่มไฮโซ อีโก้เต็มบ่า กำลังทุกข์หนัก เก้าอี้ที่รองก้น ทั้งกระด้างและร้อน จนทนฝืนนั่งทำงานต่อไปไม่ไหว นรสิงห์ผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินมาหยุดที่ริมกระจกใส เพ่งสายตาฝ่าเปลวแดด มองท้องถนน กบผู้คนที่เดินผ่านไป ผ่านมาด้วยสายตาเลื่อนลอย บุหรี่ม้วนเล็กๆ ถูกดึงออกมาจากซอง เปลวไฟลามเลียปลายม้วนเมื่อเจ้าตัวนึกอยากขึ้นมา เพราะเขาต้องการใช้ความคิด การสูบบุหรี่คือการแก้เครียดที่นรสิงห์เคยใช้ได้ผล แต่ครั้งนี้เหมือนจะไร้ประโยชน์ สารนิโคตินในบุหรี่ไม่ช่วยให้สมองของชายหนุ่มโปร่งโล่งเหมือนเคย เหมือนมีม่านควันบางๆ ไหลวนเวียนอยู่ในหัว ทำให้ความคิดที่เคยวิ่งฉิว เฉื่อยช้าลง... นรสิงห์ตัดสินใจดีดก้นบุหรี่ทิ้ง เขาเดินย่ำเท้าแรงๆ เหมือนต้องการระบายความไม่พอใจลงบนพื้นพรม แต่กลับไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ทุกอย่างยังดูขวางหู ขวางตาไปหมด... ในที่สุด...ชายหนุ่มก็
หนุ่มตัวดำโน้มตัวลงมาใกล้ๆ “เชื่อผมมั้ยล่ะ?” เขากระซิบถาม ลมหายใจเป่ารดข้างแก้มของแพรวนรา เพราะความใกล้ชิด แถมแอบสูดกลิ่มหอมๆ ของหล่อนไปด้วย แพรวนราผงะ!! เธอเงยหน้าขึ้น แสยะยิ้ม แยกเขี้ยวให้หิรัญเมื่อกลับมาเป็นคนเดิม “คุณถอนตัวไม่ได้แล้วนะ ฉันเป็นคนจำแม่น อะไรที่เคยผ่านหู ฉันจำไม่ลืม...ถ้าทำไม่ได้อย่ามาพูด” “ตามนั้น!!” คนเอ่ยปากย้ำ เขายิ้มกว้าง มองปากอิ่มตาละห้อย เมื่อนึกอยากจุมพิตสาวสักทีแต่ไม่มีความกล้าพอ “แพรว...จูบทีได้มั้ย?” เสียงหิรัญพร่าสั่น เมื่อกลั้นใจถาม เขามองสบนัยน์ตาฉ่ำหวานของแพรวนราด้วยสายตาละห้อย นึกเสียวสันหลังวาบๆ ไม่คิดว่าแค่เริ่มต้น ตนเองก็จะ เกรง หล่อนเสียจนเป็นความกลัว ไอ้ชมรมกลัวเมียที่ผู้ชายส่วนใหญ่พูดถึง หลังแต่งงาน หรือมีชีวิตคู่ คงได้เปิดรับเขาไปเป็นสมาชิกเร