“พวกเจ้าสองตัวคงไม่ได้หลอกข้าให้หลงป่าตายไปใช่มั้ย ห้ะ!!!” เยว่เล่อที่กำลังขี่คอของเป่าตงอยู่ดึงหูของมันพร้อมโวยวาย
“โอ้ย เจ็บๆ เจ้าคิดว่าป่าอสูรมันเล็กนักรึไงเล่า ไม่เดินเองแล้วยังมาบ่นอีก”
“แฮ่กๆ นายหญิงอีก 21 วันก็จะออกจากป่าได้แล้วขอรับ” เส้นเลือดของเป่าตงกระตุกยิกๆ เพราะเสวี่ยปิงกำลังเอาหัวถูไถขาของเยว่เล่อ ตอนนี้ไอ้หมาป่าโง่นั้นกลายเป็นหมาบ้านขี้ประจบไปแล้ว ลืมสิ้นศักดิ์ศรีของอสูรระดับ 8
“ไม่มีทางลัดเลยรึอาปิง”
“มีขอรับหากใช้ทางนั้นเพียงแค่10วันก็ถึงเขตชั้นนอกของป่าโดยไม่ต้องผ่านเขตชั้นกลาง และเดินทางต่ออีก 3 วันก็ออกจากป่าอสูรได้ แต่มันอันตรายมากมันเป็นเขตของอสรพิษระดับ 9 ขอรับ อสรพิษเป็นอสูรน่ารังเกียจมันมิสนสัจจะดังนั้นมันอาจทำร้ายคนของตำหนักเช่นนายหญิงขอรับ”
“ข้ามีเกราะแก้วคุ้มกายมันจะทำร้ายข้าได้ยังไง พวกเจ้านั่นแหละแม้แต่ไส้เดือนยังกลัว!!! อาเป่าเปลี่ยนไปใช้ทางลัดซะ” ร่างบางเอนหลังนอนลงบนขนนุ่มๆ มือเรียวเล็กลูบจี้หยกกลมใสไปมา ความจริงแล้วเกราะแก้วคุ้มกาย สามารถปกป้องนางจากอสูรได้ถึงระดับ 8 เท่านั้น แต่ถ้ามันทำให้ได้ออกจากป่าเร็วขึ้นใครจะสนล่ะ คิกคิกบรรยกาศรอบด้านเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเข้ามาในอาณาเขตของอสรพิษ มันอบอวลไปด้วยไอพิษจางๆปกคลุมรอบบริเวณ หนึ่งคนกับอีกสองตัวสัญชาตญาณตื่นตัวถึงขีดสุดเตรียมพร้อมรับมือ
เยว่เล่อหยิบขวดหยกสีขาวคุณภาพดีมาจากกำไลมิติ ในนั้นมียาหยาดอรุณ9สรรพคุณบรรจุอยู่ มันเป็นยาระดับสูงถูกทำโดยหมอโอสถระดับ9เท่านั้น หนึ่งใน9สรรพคุณของมันคือต้านพิษทุกชนิดนางจึงหยิบออกมา3เม็ด ให้นาง เป่าตงและเสวี่ยปิงกินเพื่อต้านพิษโดยรอบ
“นี่มัน...ไม่จริงน่า หยาดอรุณ9สรรพคุณ!!!! โอสถวิเศษเยี่ยงนี้เจ้าให้ข้าจริงหรือ” เป่าตงมองมือของนางยื่นเม็ดยาสีขาวไข่มุกสะท้อนแสงสีทองเหมือนพระอาทิตย์ออกมา ชั่วชีวิตหลายหมื่นปีของมันไม่เคยเห็นของล้ำค่าชิ้นนี้มาก่อน นอกจากต้านพิษได้ทุกชนิดแล้วมันยังช่วยทะลวงระดับได้! ความฝันที่จะทะลวงระดับขึ้นสู่ระดับ9ของมันคงสามารถเป็นจริงได้แล้ว
“สมแล้วที่เป็นนายหญิง เพียงต้านไอพิษธรรมดายังใจกว้างถึงขั้นมอบโอสถหายากอย่างหยาดอรุณ9สรรพคุณให้พวกเรา” เสวี่ยปิงมองด้วยสายตาเปล่งประกาย สมแล้วที่มันยอมทำตัวเป็นหมาขี้ประจบ การติดตามลูกหลานคนบนตำหนักไม่ผิดหวังเลยจริงๆ
“อื้อ พวกเจ้าเอาไป” คิ้วของเยว่เล่อขมวดมุ่น พวกมันสองตัวจะดีใจอะไรนักหนาโอสถหยาดอรุณหายากตรงไหน นางยังมีอีกหลายร้อยเม็ด! จากการไปปล้นคลังยาของตาเฒ่าไต้คงน่ะ คิก คิก
หลังจากเดินทางในอาณาเขตของอสรพิษมาได้4วัน แต่ยังไม่พบเจออันตรายใดๆพวกเยว่เล่อจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นจากวันแรก เวลาผ่านสักพักเลยหยุดนั่งพักกินอาหารเที่ยงกันอย่างสบายใจเฉิบ
“แฮกๆๆ นายหญิงขอรับวันนี้ข้าก็ขอหินปราณอีกได้หรือไม่ขอรับ” ภาพหมาตัวโตเอาหัวหมอบกับพื้นโก่งตูดส่ายหางไปมากลายเป็นภาพที่ชินตาของเป่าตงไปแล้ว
“ต้องดูพฤติกรรมเจ้า เอาล่ะ นั่งดีๆ” หมาตัวโตลุกนั่งเก็บอาการนิ่งจนตัวเกร็ง
ฟุบ
“อุบ ฮ่าๆฮ่า ไปคาบไม้มา” เมื่อเห็นอสูรอย่างมันทำตัวได้เหมือนหมายิ่งกว่าหมาจึงอดหัวเราะไม่ไหว
เป่าตงใช้สองเท้าหน้าปิดหูปิดตาไม่อยากรับรู้ความน่าอับอายของอสูรระดับเดียวกันอีกต่อไป นี่มันอนาจใจเกินไปแล้ว“ข้ามาแล้วนายหญิง!” ร่างกายใหญ่โตของเสวี่ยปิงคาบไม้มาวางตรงหน้าของเยว่เล่อ
“ฮ่าๆๆๆๆ โอ้ยยย ฮ่าๆๆๆ เอ้านี่หินปราณของเจ้า อาเป่าเจ้าไม่เอาหินปราณด้วยหรอ” เป่าตงทำหน้าตายมองเยว่เล่อที่หัวเราะจนน้ำตาไหล
กึก กึกก
เสียงของแข็งกระทบกันทำให้ทั้ง 3 หยุดชะงัก พวกเขาหันไปมองที่ต้นเสียงอย่างช้าๆแล้วพบว่าที่ด้านหลังมีอรสพิษที่ตัวใหญ่กว่าพยัคฆ์นิลกาฬและหมาป่าเหมันต์ถึงสองเท่ากำลังเอาหางฟาดพื้นอย่างฉุนเฉียว ร่างกายของเยว่เล่อชาวาบนางรีบขึ้นขี่หลังดึงหูอาเป่าให้วิ่งหนี
“วิ่งงงง อาเป่า อาปิง ทำไมพวกเจ้าไม่บอกข้าว่ามันไม่ใช่ไส่เดือนแต่เป็นราชาไส้เดือน!!!”
“เจ้ามนุษย์สามหาวนอกจากมารุกรานเขตของข้าแล้วเจ้ายังกล้าเรียกจักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษเช่นข้าว่าไส้เดือนเลยรึ พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะเหลือแม้แต่กระดูกเลย”
“นายหญิง ท่านอย่าเอาชื่อสัตว์ที่บ้านท่านมาเรียกอสูรได้หรือไม่ข้าขอร้อง!” เสวี่ยปิงน้ำตาซึมร้องโหยหวน มันพึ่งจะเลื่อนเป็นอสูรระดับ 8 ไม่นานนี้ เมียก็ยังไม่มีมันยังไม่อยากตาย
ฟู่ จักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษพ่นพิษมาใส่เยว่เล่อที่ขี่คอพยัคฆ์นิลกาฬอยู่ แม้ว่ายาหยาดอรุณ9สรรพคุณจะป้องกันพิษได้ แต่เมือกที่ถุกพ่นออกมาก็โดนตัวนางอยู่ดี
“อี๋ น้ำลายเน่าเหนียวเหนอะ” นางสลัดมืออย่างรังเกียจ เมื่อกินโอสถหยาดอรุณ9สรรพคุณพิษเหล่านี้เป็นอะไรไม่ได้เลยนอกจากเมือกสีเขียวเหนียวเหนอะน่าขยะแขยงสำหรับเยว่เล่อ
“แหวะ” พยัคฆ์นิลกาฬกลัวเมือกเหม็นๆนั่นมาโดนขนอันเงางามของมันจึงสะบัดตัวให้เยว่เล่อลงไปจากคอของมัน นางจึงหล่นลงแล้วต้องวิ่งต่อด้วยตัวเอง
“ไอ้แมวอ้วนไร้ประโยชน์เอ้ย เจ้าด้วยเจ้าหมาโง่ พวกเจ้าเป็นอสูรระดับ 8 มิใช่หรือไปสู้กับมันสิ”
“นี่เจ้าบ้ารึเปล่า จักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษตัวนี้มันอยู่ระดับ 9 ขั้นสูงใกล้ทะลุระดับเทพแล้ว พวกข้าระดับ 8 ขั้นต่ำจะเอาอะไรไปสู้”
“งั้นก็วิ่งงงง”
“เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก นังมนุษย์ตัวดี”
ความเกรี้วกลาดของจักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเห็นว่าเหยื่อของมันทั้งสามโดนพิษของมันแล้วไม่เป็นอะไรเลย แถมท่าทางรังเกียจพิษของมันเหลือคณายิ่งทำให้หงุดหงิดจนอยากฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้
“อ้ากกก อย่าตามข้ามาน้า!!!”
. .บนตำหนักลอยฟ้าเทียนฝูดูอึมครึมเป็นพิเศษเมื่อวันนี้เป็นวันที่ 6 แล้วที่คุณหนูใหญ่แห่งสำนักมังกรฟ้ายังไม่กลับบ้านเสียที เดือดร้อนเจ้าสำนักที่ต้องมาปลอบเมียรักให้หายกังวล
“เมียรักเจ้ากินหมูตุ๋นน้ำพิสุทธิ์ของโปรดของเจ้าหน่อยเถอะ ข้าสั่งให้คนครัวทำเป็นพิเศษให้เจ้าเชียวนะ” นายท่านหวางคีบหมูตุ๋นชิ้นโตลงบนถ้วยข้าวของฮูหยิน ประจบประแจงนางเต็มที่เพื่อให้ลูกรักได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข และเพื่อความสงบสุขของบ้านตระกูลหวาง
“นางไม่กลับบ้านมา 6 วันแล้ว ปกติไปไหนนานๆนางมาขอข้าก่อนเสมอ”
“โถ่เมียจ๋า เจ้าก็รู้วันนั้นนางกลัวความผิดจึงแอบหนีเที่ยวไม่กลับบ้าน เจ้าจำได้มั้ยนางเคยหนีเที่ยวไม่บอกเจ้ามากสุดตั้งสองเดือนครึ่งแต่ก็กลับบ้านมาปลอดภัยดี อีกอย่างเยว่เอ๋อร์นางเที่ยวเล่นในตำหนักก็ดีแล้วมิใช่หรือ หากนางมาตื๊อขอไปโลกเบื้องล่างสิน่าหนักใจ ปล่อยให้นางเที่ยวอย่างสำราญใจไปเถอะ เดี๋ยวอีกอาทิตย์สองอาทิตย์นางก็กลับจวนแล้วกระมัง มาเถอะๆกินข้าวแล้วรีบเข้านอนกันดีกว่านะจ้ะ” มือของนายท่านหวางโอบกอดเมียรัก นัยตาหวานเยิ้มอย่างมีความแฝง
เพี๊ยะ ฮูหยินไม่หลงคารมสามีจึงตีมือปลาหมึกของเขา
“ลูกยังเล็ก แถมนางชอบหนีเที่ยวจนละเลยการฝึกยังดีที่มีสายเลือดของท่าน นางยังได้ไปถึงระดับ 4 แต่มันก็ยังน้อยไปมากสำหรับการอยู่ในตำหนักเทียนฝู”
“เจ้าจะกังวลไปทำไมกันเมียรัก อย่าว่าแต่ในตำหนักเทียนฝูเลยใต้หล้านี้ใครหน้าไหนจะกล้าแตะต้องนางจริงมั้ย...มา คืนนี้ข้าจะปลอบขวัญเจ้าทั้งคืนเลย” นายท่านหวางเดินอ้อมไปด้านหลังโอบกอดเมียเต็มรัก ก่อนจะอุ้มพากันไปกกนอน ไหนเลยนายท่านหวางจะรู้ว่าลูกรักของเขาจะเอาตัวไปเข้าปากอสูรถึงโลกเบื้องล่างด้วยตัวเอง
. . .“กรี้ดดด อย่ากินข้าเลยเนื้อข้าไม่อร่อยหรอก ข้ายกเนื้ออสูรอ้วนสองตัวนั้นให้เจ้าเลยเอ้า” เยว่เล่อกระโดดหนีคมเขี้ยวยาวของจักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษได้ฉิวเฉียด อาเป่าและอาปิงหันมามองนางตาเขม็ง มิใช่ว่าหลายวันก่อนนางพึ่งโอ้อวดว่าเนื้อตนเองอร่อยเลิศล้ำอยู่เลยมิใช่หรือ ทั้งสามวิ่งตั้งแต่ตะวันตั้งตรงยันตอนนี้จะตกดินอยู่แล้วยังต้องวิ่งหนีไม่คิดชีวิต ด้วยความเหนื่อยล้าจนทนไม่ไหวเยว่เล่อจึงสบถด่า
“เจ้าจะวิ่งไล่พวกข้าไปถึงเมื่อไรเนี่ยไอ้ไส้เดือนปากเหม็น”
“จะตายแล้วยังปากดีอีกนะ”
“เจ้าสิต้องตาย ให้ข้ากลับตำหนักก่อนเถอะคอยดูข้าจะจับเจ้าไปทำเหยื่อตกปลา!!!”
“ข้างหน้าเป็นหุบเหวลึกเอาไงดี” อาเป่าวิ่งนำไปก่อนเยว่เล่อตะโกนกลับมา ลำพังมันกระโดดลงไปคงไม่ตาย แต่ยัยหนูนี่มันไม่แน่ใจจึงต้องถามเพื่อความแน่ใจ
“โดดเลย”
สามร่างกระโดดลงหุบเหวลึกที่มองไม่เห็นแม่แต่ก้นเหว จักรพรรดิ์หมื่นอสรพิษยืนมองจนร่างทั้งสามหายไปจึงตัดใจยอมกลับรังของตัวเอ
ฮัดชิ้ว เยว่เล่อจามเสียงดัง นางสูดน้ำมูกกลับเข้าไปก่อนมันจะไหลย้อยลงมา “อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ทั้งเมือกจากอสรพิษทั้งน้ำมูกเจ้า ข้ารังเกียจ” อาเป่าขยับหนีเยว่เล่อที่กำลังล้มตัวมาซบไออุ่นจากขนปุกปุยของมัน “หรือจะให้ข้าถลกหนังเจ้าเอามาห่ม” อาเป่าไม่กล้าค้านอีกยอมให้นางซุกตัวเหนียวเหนอะกับขนของมัน หิมะเริ่มตกลงมาหนักมากขึ้นจนปกคลุมพื้นดินเป็นปุยสีขาว เยว่เล่อตัวสั่นงกงันแนบใบหน้าแล้วสั่งน้ำมูกเช็ดขนอาเป่า มันหันหน้าหนีความอัปยศและความรังเกียจไปทางอื่นก่อนจะเห็นว่าอาปิงวิ่งกลับมาจากไปดูลู่ทางแล้ว “นายหญิงข้างหน้ามีลำธารไหลออกไปด้านนอก หากเดินไปตามลำธารต้องมีทางออกจากหุบเหวนี้แน่ ทั้งระหว่างทางข้าเจอถ้ำด้วยเราเข้าไปพักสักคืนพรุ่งดีค่อยเดินต่อดีไหม” “อือ” เยว่เลอปีนขึ้นไปขี่คออาเป่าทั้งที่มันยังนอนอยู่เป็นการบอกว่าให้มันพานางไป มันถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นเดินตามอาปิง หรือมันจะประจบยัยหนูนี่เหมือนเจ้าหมาโง่ดีไหม นางจะได้เลิกใช้เขาเยี่ยงทาสเช่นนี้ ในถ้ำอบอุ่นกว่าข้างนอกเยว่เล่อจึงมีใจอยากเดินสำรวจขึ้นมาบ้าง นางให้พวกมันสองตัวนอนเฝ้าหน้าถ้ำส่วนตนเองเดินลึกเข้าไปเพ
หลายวันมาแล้วที่เยว่เล่อเดินผ่านหมู่บ้านเล็กๆหลายหมู่บ้านเพื่อไปถึงเมืองใหญ่ นางไม่ได้อาบน้ำมาสามวันตัวจึงคลุกมอมไปด้วยฝุ่น เสื้อผ้าของสาวใช้ที่ใช้ปลอมตัวหนีมาชายกระโปรงก็ขาดรุ่งริ่ง สภาพเช่นนี้บอกใครว่าเป็นคุณหนูแห่งสำนักอันดับหนึ่งก็ไม่มีใครเชื่อ!!! “ทำไมพวกเจ้าไม่กลับร่างเป็นหมากับแมวตัวใหญ่ๆเหมือนเดิมแล้วให้ข้าขี่คอไปเล่า!!!” เยว่เล่อย้ำเท้าอย่างหงุดหงิด แม้การฝึกปราณจะไม่ต้องกินอาหารบ่อยๆแต่นางขั้นปราณยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทั้งยังไม่ได้กินอะไรมาเกือบ 1 อาทิตย์ หิวจนจะกินหมากับแมวที่เดินตามเธอต้อยๆแล้ว “เจ้าโง่รึเปล่า หากข้าใช้ร่างอสูรระดับ 8 เข้าไปในเมืองของพวกมนุษย์ข้าก็โดนพวกมันไล่ฆ่าน่ะสิ อีกแปปเดียวจะถึงแล้ว ถ้าเจ้าทนไม่ไหวทำไมมิรีบกลับบ้านเจ้าบนตำหนักลอยฟ้าเสียเลยล่ะ” อาเป่าใช้น้ำเสียงและสายตาดูแคลนเยว่เล่ออย่างถึงที่สุด มันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าคนจากตำหนักเทียนฝูจะมีสภาพเช่นนี้ได้ ไร้ซึ่งความสง่างาม! แถมนางยังถือครองป้ายหยกบัญชาเมฆาจนพวกเขาต้องกลายเป็นทาสนางอีก อนาจใจเหลือเกิน อาปิงแม้ไม่ได้จะใช้สายตาดูถูกมองเยว่เล่อแต่กลับพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วยกับ
ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวผู้คนในเมืองถยอยกันกลับจวนของตนเอง บนถนนหนทางที่เคยมีคนเดินพลุกพล่านบัดนี้กลับแทบไม่เหลือคน คงมีแต่หนึ่งคน กับอีกสองหมาแมวเดินอยู่เท่านั้น “นายหญิงเราจะไปนอนที่ไหนดีขอรับ” “เฮอะ ติดตามนางคงไม่พ้นนอนข้างถนนหรอก” ยิ่งคิดอาเป่ายิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง เขาเคยเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ เกรงขาม สง่างามอยู่ดีๆ บัดนี้กับกลายมาเป็นแมวขี้เรื้อนตัวหนึ่ง! “อาเป่า เจ้าดูถูกเจ้านายของเจ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ ข้าหรือจะทำให้พวกเจ้าลำบาก” เยว่เล่อเชิดหน้ากอดอกภาคภูมิใจ “หรือว่านายหญิงมีสมบัติวิเศษหรือสมบัติเทพที่เป็นมิติพิเศษไว้พักผ่อนใช่หรือไม่ขอรับ สมแล้วๆที่นายหญิงเป็นถึงผู้สืบทอดของตำหนักเทียนฝู” อาปิงในร่างหมาขนปุยสีขาววิ่งวนรอบตัวเยว่เล่ออย่างมีความสุข ดวงตาของมันเป็นประกายเปี่ยมด้วยความหวัง ไม่ใช่เพียงแค่อาปิงเท่านั้น อาเป่าเงยหน้ามองนางอย่างคาดหวังว่าเกียรติของมันจะไม่ถูกทำลายไปมากกว่านี้ พยัคฆ์นิลกาฬเช่นมันคงไม่ตกอับถึงขั้นต้องนอนข้างถนน “จะไปใช่ได้อย่างไร เราจะไปนอนกันใต้สะพานตั้งหากเล่า” พอบอกพวกมันทั้งสองตัวแล้วเยว่เล่อจึงเดินต่อ แต่เมื่อมิเห็น
ความคิดของอาเป่าผิดแล้ว มันประเมิณความสามารถของคุณหนูหวางเยว่เล่อแห่งสำนักมังกรฟ้าต่ำไปมาก ความหวังจะได้กลับป่าอสูรของมันคงต้องสลายแล้วเมื่อพริบตาต่อมาเด็กสาวที่นั่งข้างมันก็ลุกพรวดขึ้นมาจนมันสะดุ้ง “เดี๋ยวก่อนคุณชายท่านนั้น ท่านกำลังไปพบกับหญิงที่ชอบใช่หรือไม่ ไอ้หยาๆ ไม่ดีแล้วๆ ดวงไม่มงคล ไม่เป็นมงคลเลย สนใจทำทานกับข้าสักหน่อยหรือไม่ ข้าจะให้หินนำโชคกับท่านเป็นการตอบแทน” ไม่มีใครได้ตั้งตัวร่างกายของเยว่เล่อลุกไปขวางทางเด็กหนุ่มแต่งตัวดี ท่าทางสูงศักดิ์ไว้คนหนึ่ง “...เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังไปพบใคร” เด็กหนุ่มตกใจมากเมื่อมีคนรู้ว่าเขากำลังไปพบกับแม่นางที่เขาแอบชอบมาหลายปี สายตาสงสัยมากมายส่งไปทางเยว่เล่อ นางยิ้มหวานออกมาจะไม่รู้ได้ไงเขาใส่น้ำหอมเสียจนฉุน แต่งกายประณีตในอกเสื้อยังมีปิ่นอยู่คาดว่าคงเอาไปให้แม่นางสักคน เรื่องง่ายๆเช่นนี้แค่สังเกตุให้ดีก็รู้แล้ว “จุ๊ๆ คุณชาย ข้าน่ะพอเห็นโชคชะตาของผู้คนได้นิดหน่อย วันนี้ดวงความรักของท่านไม่ค่อยเป็นมงคลข้าจึงขวางท่านไว้ด้วยความหวังดี แต่ไม่ต้องกังวลเพียงซื้อหินนำโชคจากข้าไป รับรองมันจะขจัดอัปมงคลออกไปทั้งยังเสริ
ในย่านเริงรมย์ของเมืองจงหยวนมีผู้คนมากมายมาหาความสำราญให้กับชีวิตของตัวเอง บ้างมากินดื่ม บ้างมาชื่นชมความงดงามของเหล่าหญิงงาม ย่ามเริงรมย์แห่งนี้จึงเป็นแหล่งหมุนเวียนเงินขนาดใหญ่ในเมืองนี้ “แหวะ เหม็นเหล้าชะมัดทำไมแถวนี้ถึงมีแต่คนเมาเนี่ย” เยว่เล่อที่มานั่งอยู่ข้างร้านแห่งหนึ่งพร้อมกับถ้วยคู่ใจนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา ขนสากเพราะมอมแมมของเสวี่ยปิงถูไถมือของเยว่เล่อเป็นการปลอบใจ มันสงสารนายหญิงตกอับของตัวเองเหลือเกิน เป็นคุณหนูผู้มีเกียรติและร่ำรวยอยู่ดีๆก็มาตกระกำลำบาก ฝั่งเยว่เล่อที่ไม่รู้ความคิดของเสวี่ยปิงจึงคิดว่ามันอ้อนเลยลูบหัวมันอย่างเอ็นดู ส่วนคนที่เขาใจความคิดของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวอย่างเป่าตงก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ ทำไมมันต้องมาอยู่กับพวกโง่เช่นนี้ด้วย? ซ่า น้ำเย็นถูกสาดลงมาบนตัวของเยว่เล่อ นางมึนงงไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก “ออกไปสะนังขอทาน อย่ามานั่งที่หน้าหอของข้าอัปมงคล ออกไป! พวกเจ้ารีบเอาน้ำมาล้างพื้น!” “เจ้าค่ะท่านแม่” ร่างบางของสาวงามสามคนรีบเดินกลับเข้าไปตักน้ำในร้านตามที่แม่เล้าของตัวเองสั่ง “ส่วนนังขอทานเช่นจะ…เจ้า เจ้าน่ะเงย
ร่างกายเยว่เล่อโงนเงนไปตามแรงของสาวใช้ที่อาบน้ำให้นาง ดวงตาของนางปิดปรือไม่รับรู้สิ่งใด งานของพวกนางคณิกามันเริ่มตอนกลางคืนมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงถูกดึงจากที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังมิสางแบบนี้! ฮืออออ ข้าอยากนอนเตียงดีๆที่ไม่ได้นอนมานาน ถ้ารู้ว่าจะลำบากขนาดนี้จะเรียกค่าตัวเพิ่มอีกสักพันตำลังทอง “พระเจ้า ผิวแม่นางเหมยฮวาดีอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว” “ใช่มั้ยล่ะ นอกจากผิวแล้วรูปร่างหน้าตาของพี่เหมยฮวายังงดงามจนข้าอดอิจฉาไม่ได้เลยล่ะ งดงามยิ่งกว่าพี่สาวคนไหนๆในร้านนี้อีกนะ” เสียงของสาวใช้ดังเข้ามาในหูเยว่เล่อไม่ขาด ในน้ำเสียงมีความประจบประแจงอยู่แปดส่วน แน่นอนล่ะทั้งเมื่อคืนและตอนนี้นางได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากแม่เล้า ทั้งห้องที่ดีที่สุด เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดีที่สุด ไม่แปลกใจหากสาวรับใช้พวกนี้จะอยากพันแข้งพันขานาง “ไปเอาชุดมาอีก เร็วเข้าอีกเดี๋ยวจิตรกรก็จะมาแล้ว ครั้งนี้ข้าลงทุนจ้างจิตรกรฝีมือดีค่าตัวไม่ใช่น้อย อย่าทำให้เสียเวลา” “เจ้าค่ะท่านแม่” ทั้งสาวใช้และคณิกานับสิบชีวิตวุ่นวายกับการแต่งตัวให้เยว่เล่อออกมางดงามที่สุด “เหมยเอ๋อร์ของแม
บรรยากาศบนตำหนักเทียนฝูคุกรุ่นเมื่อฮูหยินรู้ว่าลูกสาวตัวดีของตนเองไม่ได้หนีเที่ยวเพียงลำพัง แต่ยังพาลูกพี่ลูกน้องอย่างซูเจียวไปด้วยอีกคน เดือดร้อนนายท่านหวางต้องคอยบรรเทาความโกรธของฮูหยิน “เมียรักเจ้าจะโมโหไปทำไมกัน ซูเอ๋อร์กับเยว่เอ๋อร์พวกนางเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก มิแปลกที่จะไปเที่ยวด้วยกัน” “ไปเที่ยว? หนีเรียนบ้านท่านเรียกไปเที่ยวรึ! แล้วเป็นเพราะลูกสาวท่านมิใช่หรือที่พาซูเอ๋อร์ออกนอกลู่ทางพาไปสร้างเรื่องมากมายจนเกือบเสียคน” ปิ่นปักผมลอยเฉียดหน้านายท่านหวางเพียงนิดเดียว เขารีบปรี่ตัววิ่งเข้าไปกอดขาฮูหยินแน่นในใจพร่ำบ่นบุตรสาว “นางยังเด็กมากไม่ค่อยรู้ความ เจ้าให้อภัยลูกเถอะเมียจ๋า…เหยียนเล่อ! รีบมาช่วยน้องสาวเจ้าเร็วเข้า!” สายตาของนายท่านหวางเหลือบไปเห็นบุตรชายคนโตของเขา หวางเหยียนเล่อ ด้านหวางเหยียนเล่อมองภาพท่านพ่อกอดขาท่านแม่ด้วยสายตาชินชา เยว่เอ๋อร์ก่อเรื่องอีกแล้ว? เขาพึ่งกลับบ้านหลังจากไปเที่ยวหาสหายที่โลกเบื้องล่างพอกลับมาถึงก็พบเจอเรื่องหาได้ง่ายเช่นนี้ เขาจึงเลือกยกนิ้วโป่งให้ท่านพ่อแล้วรีบเดินหนีกลับห้องของตัวเอง เรื่องอะไรเขาต้องเอาตนเองไปให้ท่
วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่เยว่เล่อได้กลายเป็นนางคณิกา ตื่นแต่เช้ามืดมาซ้อมร่ายรำกลางวัน ถึงบ่ายต้องเรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน ยามมืดยังต้องออกมารับแขก ชีวิตของนางคณิกาคนหนึ่งไม่ง่ายเลย หากแต่เยว่เล่อเริ่มรู้สึกสนุกกับการเป็นนางคณิกาเมื่อได้เรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน…เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่เลวเลยทีเดียว กำลังเดินผ่านโถงทางเดินเพื่อไปขึ้นเวทีแสดงการร่ายรำแต่หูของเยว่เล่อกับได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากห้องที่พวกพี่สาวทั้งหลายเอาไว้ใช้รับแขก “คุณชายท่านพูดชมเกินไปแล้ว ตอนนี้ไป๋เหออายจนแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี” “เจ้าจะเอาหน้ามุดดินทำไมเล่า? เอาใบหน้าหวานๆของเจ้ามามุดแผงอกข้าไม่ดีกว่าหรือ” “อร้ายยย คุณชาย ท่านรังแกข้าจนหน้าแดงไปหมด” คิ้วยิ่งขมวดเมื่อเอาหูแนบประตูตั้งใจฟังอย่างดี เสียงนี้ฟังแล้วคุ้นมากมิใช่หรือ เยว่เล่อเปิดประตูบานเลื่อนช้าๆจึงพบว่าในห้องมีคนอยู่ถึง5คน มีชายที่โอบประคองสาวงามสองคนนั่งหันหลังให้ประตูอยู่บนระเบียงที่ยื่นออกไปมองจนสามารถเห็นเวทีข้างล่างได้ ส่วนอีกสองคนเป็นสาวใช้ที่กำลังวางอาหารจากถาดลงบนโต๊ะ สาวใช้สองคนอยู่ใกล้ประตูม
กลับมาในสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมของมี่เถียนและอี้ฝานหยุดปะทะกันตั้งแต่หินเริ่มหล่นแล้ว จนตอนนี้แผ่นหินค่อยๆหยุดร่วงลงทีมของพวกนางก็ยังเร่งไต่ภูเขากันต่อ “ตอนนี้หมดระลอกการสั่นเตือนครั้งที่หนึ่งแล้ว ทุกคนต่างเร่งให้ถึงยอดปล่องภูเขาโดยเร็ว อย่าลืมว่าการสั่นเตือนของภูเขามีทั้งหมดแค่สามครั้งก่อนพลังของภูเขาไฟจะหมด ทีมของแม่นางมี่เถียนและทีมของแม่นางอี้ฝานตัดสินใจหยุดปะทะกัน โอ๊ะ ดูเหมือนจะไม่ ทั้งสองทีมทิ้งสมาชิกไว้สามคนเพื่อต่อสู้กัน ศักดิ์ศรีของสำนักปล่อยวางไม่ได้เชียวหรือ” ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรความร้อนจากภูเขาไฟยิ่งมากเกินจะทนไหว ร่างกายของมี่เถียนชื้นเหงื่อ ไอร้อนระอุจนทำให้แผ่นหินกลายเป็นกะทะร้อน ติงหยวนอุ้มคนรักขึ้นแล้วกระโดดต่อ เขามีคุณสมบัติปราณธาตุไฟดังนั้นเขาจึงทนความร้อนได้มากกว่าคนรัก “พี่ข้าไปเองได้ ข้ามไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพี่ ปล่อยข้าลงเถอะ” “ใครหน้าไหนมันกล้าบอกว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงของข้าก็พูดออกมาเถอะ” “เหอะ ได้ดีเพราะเกาะผู้ชาย หน้าไม่อาย” จื่อเวยหันหลังไปมองภาพคู่รักสองคนแล้วสบถออกมา จื่อเวยใช้ปราณแปลงคุณสมบัติเป็นธาตุน้ำครอบคลุมตัวของนา
หลังจากเยว่เล่อตกลงไปไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก มีเพียงติงหยวนที่กระโดดไปอยู่หินกอดเดียวกับมี่เถียนเท่านั้น ผู้ชมด้านล่างต่างร้องตะโกนให้พวกเขาขยับสักที เพราะตอนนี้ทีมที่เหลือรอดมีเพียงแค่สามทีมนี้เท่านั้น “พวกเขาจะอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้คู่แข่งอย่างสำนักมักรฟ้าชนะสบายๆเช่นนี้ สำนักฟ้ากระจ่างยอมได้หรือ” เจ๋อปิงหลุนพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรสักที “ข้าเอง” มี่เถียนทนไม่ได้หากต้องดูอี้ฝานและสหายได้รับชัยชนะแต่ในขณะที่นางกำลังจะขยับตัวมือใหญ่ของติงหยวนกับรั้งเอาไว้ “ให้พี่จัดการเอง” ติงหยวนรวบรวมลมปราณแล้วแปรเปลี่ยนคุณสมบัติธาตุไฟของตัวเองให้เป็นธาตุสายฟ้าจนมีประกายสายฟ้าแลบรอบๆตัวเขา “พระเจ้า ของดีออกมาแล้ว! หากไม่ใช่ธาตุไฟบริสุทธิ์จะไม่สามารถแปรคุณสมบัติเป็นธาตุสายฟ้าได้ สมแล้วที่เป็นถึงอัจฉริยะเยาว์วัย” ติงหยวนตั้งท่ารวบรวมสายฟ้ารอบตัวกระโดดเหยียบแผ่นรวดเร็วจนไม่ทันตกลงไป รวมทั้งสายฟ้าของเขายังฟาดลงไปบนแผ่นหินจนสามารถแยกได้ว่าอันไหนของจริงของปลอมได้อีกด้วย “สุดยอดจริงๆเลยพี่ติงหยวน” มี่เถียนยิ้มหวานให้กับคนรักของตนก่อนจะกระโดดตามติงหยวนไปพร้อม
เมื่อเสียงประกาศเริ่มการแข่งขันจากพิธีกรดังขึ้นผู้ร่วมการแข่งขันทุกคนรีบทะยานกระโดดแท่นหินเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา หลายจุดมีการปะทะกันตั้งแต่เริ่ม มีหลายทีมที่สละสมาชิกสี่คนในการสกัดทีมอื่นแล้วส่งตัวแทนขึ้นไปบนยอดเขาแค่คนด้วย การแข่งขันดุเดือดเข้มคนตั้งแต่แรกเช่นนี้ถูกใจผู้ชมมากจนเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั้วบริเวณ ด้านหนึ่งของภูเขาที่มีทีมสิบสามของเยว่เล่อ ทีมแปดของมี่เถียนและทีมสามของอี้ฝานเองก็ดุเดือดตั้งแต่เริ่ม เมื่อสมาชิกชายสามคนจากทีมมี่เถียนใช้อาวุธเคลือบลมปราณไล่ทุบแผ่นหินไม่ให้ปีนขึ้นไปด้านบน เศษหินน้อยใหญ่มากมายร่วงลงมากข้างล่างสร้างความลำบากให้อีกสองทีมที่เหลือที่ตามหลังอยู่ “เล่นสกปรกเกินไปแล้ว อย่างนี้พวกเราก็ต้องใช้ลมปราณมากขึ้นในการทะยานไปเหยียบหินที่อยู่ไกลน่ะสิ” อานหรานโวยวายเมื่อเขาเกือบโดนเศษหินขนาดเท่าลูกแตงโมเสยหน้าตกลงไป “ข้าว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการไม่ให้พวกเราเหลือหินให้เหยียบจนครบสิบลมหายใจจนถูกตัดออกมากกว่า” อี้ฝานกระโดดหลบเศษหินไปพูดไป นางตั้งใจกับการแข่งขันนี้มาก เพราะบังเอิญไปอ่านเจอตำราของสำนักมังกรฟ้ามาว่าไข่ของหงส์เพลิงเมื่อใกล้ถือกำ
ในเช้าวันเทศกาลผู้คนครึกครื้นถึงที่สุด มีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาจากแคว้นหรือเมืองอื่น มีทั้งคนในเมืองภูเขาไฟแห่งนี้ พวกเขาออกมาจากที่พักแต่เช้ามานั่งจับจองที่นั่งตรงตีนภูเขาไฟเพื่อดูการแข่งขันอย่างใกล้ชิด “ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันเทศกาลไต่ภูเขาไฟเสิ่นอู๋ครั้งที่3221 ข้าคือพิธีกรประจำปีนี้สุดหล่อแห่งแดนใต้ ผู้บำเพ็ญปราณระดับห้าขั้นกลางเจ๋อปิงหลุน!” เฮ้ๆๆๆ เสียงกู่ร้องของเหล่าผู้ชมดังจนผืนดินสะเทือน แต่เมื่อพิธีกรพูดพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังอย่างตั้งใจ ทามกลางเสียงกู่ร้องของผู้ชมมีชายสามคนที่ยืนอย่างไร้สติหลุดลอยอยู่ด้านหลังฉากกั้น ฮันสุ่ยพึ่งตื่นจากที่นอนและถูกหัวหน้าลากออกมาจากฟูกนอน เช่นเดียวกับอานหรานและหยู่เซิน แม้แต่ชุดของพวกเขายังเป็นแค่ชุดตัวในของโรงเตี๊ยมเท่านั้น ครืนนน พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณภูเขาไฟ แผ่นหินโดยรอบเริ่มลอยเป็นลำดับขั้นคลายบันไดสู่ยอดเขา ผู้รับชมต่างตื่นตากกับภาพมมหัศจรรย์ตรงหน้า “ว้าว มาแล้วๆ นี่คือลมปราณธาตุไฟจากภูเขาเสิ่นอู๋ ผู้ชมทุกท่านห้ามเข้าใกล้เกินไปล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ผู้เขาแข่งขันก็พร้อมแล้ว ดังนั้นข้าขออ
ภูเขาไฟสูงใหญ่ตั้งตะหง่านมองเห็นมาแต่ไกล ควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมันพร้อมประทุออกมาตลอดเวลา เมืองภูเขาไฟห่างไกลจากเมืองหลวงแคว้นซิวมากแต่กลับเจริญพอๆกับหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าและบ้านเมืองที่ประดับไปด้วยกระดาษพับหลากสีสันรูปร่างแตกต่างกันห้อยแขวนตามมุมหลังคา ตามหน้าต่างประตู “เร็วๆเข้าสิพวกเจ้าเดินหรือคลานเนี่ย” เยว่เล่อวิ่งกับที่เอยเร่งกลุ่มโจรปวกเปียกพวกนี้ ดูสิกว่าจะก้าวขาแต่ล่ะข้าง เป็นโจรกันแน่หรอพวกเขาวิ่งหนีทางการได้ยังไงกันโดยไม่โดนจับจนถึงทุกวันนี้ กองโจรหลายสิบคนตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนที่เหลือฮุ่ยหมินให้ไปรออยู่ที่เมืองท่าแคว้นซิว “มะ แม่นางไฉ่เอ๋อร์ พะ พวกข้าขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้หรือไม่” แม้แต่เสียงจะพูดสักคำฮันสุ่ยยังต้องเค้นแรงอย่างมาก พวกเขาเร่งเดินทางตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้มาหลายพันลี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจะตายอยู่แล้วมีแต่แม่นางเนี่ยแหละที่สดใสตลอดเวลา! ฮันสุ่ยล้มไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาพยายามยกหัวที่สั่นเทาเงยมองแม่นางไฉ๋เอ๋อร์ที่ยังร่าเริงตื่นเต้นไหวอยู่ มองไปข้างๆก
คี๊ค คี๊ค มือใหญ่ลูบใต้คอของเหยี่ยวตัวใหญ่เบาๆก่อนจะส่งมันบินออกไปพร้อมจดหมาย เล่อเหยียนหันหลังกับมาเมื่อส่งจดหมายถึงน้องสาวเสร็จ เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะ จิบชามองสหายสองคนกำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด “เจ้าส่งจดหมายไปหาใครหรือเล่อเหยียน?” ไคจินละจากหมากบนกระดานไปถามสหายสูงศักดิ์ของตนเอง “ส่งไปให้น้องสาวข้าน่ะ” “น้องสาว? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ…อ่อ ข้าลืมไป เหมือนเจ้าจะเคยเล่าว่ามีน้องสาวอายุห่างกันเกือบสองพันปีอยู่คนหนึ่ง ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องสาวเจ้า” ปกติไคจินไม่เคยเห็นคุณชายจากตำหนักเทียนฝูคนนี้ส่งจดหมายหรือพูดถึงน้องสาวมาก่อน คงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงรีบร้อนส่งจดหมายต่อหน้าสหายเช่นนี้ “จะเรื่องอะไรอีกถ้ามิใช่เรื่องที่นางแอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นข้างนอกล่ะ พี่ชายอย่างข้ารู้เรื่องแล้วจะไม่สั่งสอนน้องสาวได้อีกหรือ” ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเล่อเหยียนก็ปั้นได้อย่างไม่ขัดตา เขาตบโต๊ะเบาๆแล้วยังพูดอีกว่า “ถ้าข้าอยู่ด้วยป่านนี้นางคงไม่กล้าหนีเที่ยวออกไปไหน พอไม่มีข้าคุมแล้วเหลิงเกินไปจริงๆ” “โอ
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ