วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่เยว่เล่อได้กลายเป็นนางคณิกา ตื่นแต่เช้ามืดมาซ้อมร่ายรำกลางวัน ถึงบ่ายต้องเรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน ยามมืดยังต้องออกมารับแขก ชีวิตของนางคณิกาคนหนึ่งไม่ง่ายเลย หากแต่เยว่เล่อเริ่มรู้สึกสนุกกับการเป็นนางคณิกาเมื่อได้เรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน…เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่เลวเลยทีเดียว
กำลังเดินผ่านโถงทางเดินเพื่อไปขึ้นเวทีแสดงการร่ายรำแต่หูของเยว่เล่อกับได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากห้องที่พวกพี่สาวทั้งหลายเอาไว้ใช้รับแขก
“คุณชายท่านพูดชมเกินไปแล้ว ตอนนี้ไป๋เหออายจนแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี”
“เจ้าจะเอาหน้ามุดดินทำไมเล่า? เอาใบหน้าหวานๆของเจ้ามามุดแผงอกข้าไม่ดีกว่าหรือ”
“อร้ายยย คุณชาย ท่านรังแกข้าจนหน้าแดงไปหมด”
คิ้วยิ่งขมวดเมื่อเอาหูแนบประตูตั้งใจฟังอย่างดี เสียงนี้ฟังแล้วคุ้นมากมิใช่หรือ เยว่เล่อเปิดประตูบานเลื่อนช้าๆจึงพบว่าในห้องมีคนอยู่ถึง5คน มีชายที่โอบประคองสาวงามสองคนนั่งหันหลังให้ประตูอยู่บนระเบียงที่ยื่นออกไปมองจนสามารถเห็นเวทีข้างล่างได้ ส่วนอีกสองคนเป็นสาวใช้ที่กำลังวางอาหารจากถาดลงบนโต๊ะ
สาวใช้สองคนอยู่ใกล้ประตูมากกว่าจึงเห็นเยว่เล่อ นางเอานิ้วชี้วางบนปากส่งสายตาให้พวกสาวใช้ออกไป สาวใช้มิกล้าขัดคำสั่งลูกสาวคนโปรดคนใหม่ของแม่เล้าจึงรีบออกไปแต่โดยดี
“คุณชายท่านยังมีหน่ายซินนั่งอยู่ข้างๆด้วยนะเจ้าคะ” แม่นางคนงามแสดงท่าทางน้อยใจ นางเบียดหน้าอกคู่โตกับแผงอกกว้าง
“โถ่ อย่าน้อยใจไปเลยซินเอ๋อร์ข้าจะลืมดอกไม้ที่เย้ายวนเช่นเจ้าได้เยี่ยงไรกัน” ฟอดๆ ชายหนุ่มก้มหน้าลงหอมแก้มนุ่มของสาวงามในอ้อมกอดข้างซ้าย แต่ไม่ลืมที่จะแบ่งปันความรักไปให้กับสาวงามในอ้อมกอดข้างขวาด้วยเช่นกัน
เยว่เล่อนั่งแทะเมล็ดทานตะวันมองภาพตรงหน้าราวกับดูเรื่องสนุก ท่านพ่อของนางช่างสรรหาลูกน้องดีๆเช่นนี้มาทำงาน
“หน่ายซินเจ้ากับข้าก็คงไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไหร่นักหรอก ดูคนมากมายราวกับมดข้างล่างนั่นสิ พวกเขาเหล่านั้นล้วนมาเพื่อชมแม่นางเหมยฮวาผู้มีรูปโฉมงามสะคราญ! คุณชายก็คงมาที่นี่เพราะเหตุนั้นเช่นกัน”
“นั่นสิ พวกข้าสองคนคงเป็นได้แค่ของเล่นแก้ขัด”
สาวงามสองคนรุมน้อยใจจนชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ เขาก้มหน้าแนบซุกกับก้อนนุ่มฟูขาวนวล4ก้อนอย่างเอาใจ
“พวกเจ้าช่างขี้งอนเสียเหลือเกิน ความจริงแล้วข้ามาทำงาน พอดีข้าทำของรักของหวงของเจ้านายหายไป กำลังตามหาอย่างขันแข็งแต่กลับไม่พบสักที จนแล้วจนรอดข้าจึงมาสืบข่าวที่นี้ มิคิดเลยว่าจะได้พบเจอโชคชะตาแสนงดงามทั้งสองของข้า”
แม่นางทั้งสองบิดเขินตัวเป็นเกลียว พบเจอแขกมาก็มากแต่พึ่งเคยพบเจอคุณชายที่แพรวพราวเช่นนี้
“เหอะ เจ้านายของคุณชายช่างใช้งานท่านหนักเสียจริงๆ มิสนใจเปลี่ยนไปหางานอื่นทำบ้างหรือ” เปลือกเมล็ดทานตะวันถูกขว้างทิ้งลงจานก่อนเยว่เล่อจะใช้ตะเกียบคีบเนื้อปลาขาวชิ้นโตเข้าปาก
“มิได้!!! ลูกน้องดีๆเช่นข้าเจ้านายจะไปหาจากไหนได้อีก จริงไหมซินเอ๋อร์ ไป๋เอ๋อร์” ชายหนุ่มเงยหน้าจากร่องอุ่นขึ้นมามองหน้าแม่นางทั้งสอง แต่เขากับพบว่าทั้งสองคนกำลังหันไปมองภายในห้องซึ่งเป็นด้านหลังของเขา
“พวกเจ้าสองคนมองอะ….คะ พวกเจ้าสองคนรีบออกไป ออกไปก่อน” คุนฟู่รีบลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ดึงนางคณิกาทั้งสองคนออกจากห้องแล้วปิดประตู
“คุณหนูในที่สุดข้าก็เจอท่านเสียที ข้ามิคิดเลยว่าจะพบคุณหนูอยู่ที่นี่….” เสียงของคุนฟู่ค่อยๆหายไปจนในที่สุดก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อีก ใช่! คุณหนูของเขาเหตุใดจึงอยู่ในหอนางคณิกาได้!!! เขาเอามือทั้งสองข้างกุมหัวเพื่อประคองสติตัวเองและตรวจสอบให้ดีว่าเขายังมีหัวอยู่บนบ่า
“จุ๊ๆ คุนฟู่เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิใช่คุณหนูแต่เป็นนางคณิกาชื่อเหมยฮวา” คำพูดยืนยันยิ่งทำให้คุนฟู่แทบเสียสติ นางโลมที่มีข่าวลือจนโด่งดังทั่วทั้งในเมืองและเมืองข้างเคียงคือคุณหนูของเขา!!! ตายแน่ๆ ครั้งนี้เขาตายจริงๆแน่
“คุณหนูข้าขอร้องเถอะ เรากลับบ้าน กลับตำหนักเทียนฝูกันเถอะ” คุนฟู่รีบปรี่ตัวเข้าไปจะคว้าขาของเยว่เล่อมากอดแต่นางรีบลุกขึ้นแล้วเดินหนี
“หึ เจ้าตั้งใจตามหาข้ากับซูเจียวน่าดูเลยนะคุนฟู่ถึงได้มาเจอข้าอยู่ที่นี่” พัดในมือถูกกางออก เยว่เล่อใช้สายตาจ้องจับผิดถึงที่สุดจนคุนฟู่ไร้เรี่ยวแรงลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้น
“ตั้งแต่ลงจากตำหนักเทียนฝูข้าก็ตามหาคุณหนูใหญ่กับคุณหนูรองจนไม่ได้พัก ข้าค้นหาจนทั่วป่าอสูรยังมิพบเจอ พึ่งจะได้เข้าเมืองเมื่อหัวค่ำนี้เองจึงมาหาความสุขเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” คุนฟู่ชูมือเอานิ้วชี้กับนิ้วโป่งแนบกันจนแทบไม่เหลือช่องว่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาหาความสุขเล็กน้อยเพียงไหน
“ช่างเถอะๆ ข้าจะไปทำงานแล้วมิได้ว่างงานเหมือนเจ้า!”
“เดี๋ยวกะ…ก่อน”
เยว่เล่อเปิดประตูแล้วเดินออกไป คุนฟู่กำลังตามไปแต่กับถูกล็อกแขนซ้ายขวาด้วยร่องนุ่มนิ่มของแม่นางหน่ายซินและแม่นางไป๋เหอ เขาถูกลากกลับเข้ามาในห้อง ออกไปนั่งตรงระเบียงเช่นเดิม
ไม่นานหลังจากนั้นไฟทั้งหมดก็ถูกดับลงเหลือเพียงแค่ไฟประดับเวที หญิงสาวที่ทุกคนรอคอยปรากฏตัวออกมาอย่างงดงาม ร่างกายขาวถูกขับด้วยเสื้อผ้าสีแดงเผ็ดร้อน ผ้าบางที่สวมใส่ทำให้เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน วันนี้การแสดงแตกต่างจากวันแรกเป็นอย่างมาก เป็นเพราะเริ่มสนุกกับการเป็นนางคณิกาเยว่เล่อจึงเต็มใจแสดง
เสียงกลองดังกระหึ่มปลุกเร้าความคึกคัก จังหวะท่าเต้นรวดเร็วเย้ายวนแบบชนเผ่าสร้างความประทับใจให้กับแขกที่มาชมเพื่อยืนยันข่าวลือ ดาวเด่นคนใหม่แห่งหอบุปผชาติงามล่มเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย! ทั้งยังมีสเน่ห์อันน่าหลงใหลแบบน่าประหลาด เป็นความงามที่แฝงไปด้วยเล่ห์กลแสนซุกซนจนคับหยุบยิบไปทั้งใจ ไหนจะมีรัศมีความสูงส่งแปลกๆอีก ใครบ้างจะไม่ชอบนาง?
“อา อ๊ากกกกก” เสียงโหยหวนดังมาจากบนชั้นสองที่เป็นห้องส่วนตัว แต่เพราะเสียงกลองดังมากจึงพอกลบได้
“เห็นขาอ่อนแล้ว ระวังๆๆ ม๊ายยย” คุนฟู่ร้องเสียงแหลมสูงยิ่งกว่าสตรีเสียอีก เขากำลังจะตาย ใช่แล้วหากเรื่องนี้ไปถึงหูนายท่านกับฮูหยินเขาต้องตายแน่ๆ
นางคณิกาสองคนที่ดูแลคุนฟู่มึนงงไปหมด พวกนางช่วยประคองร่างอ่อนปวกเปียกของแขกให้ลุกขึ้น แต่เพียงไม่นานหน้าของเขาก็เอนไปข้างหน้าจนมุดไปคุยกับพื้นอีกรอบ ได้แต่คิดว่าแขกผู้นี้คงตกหลุมรักแม่นางเหมยฮวาจากเมื่อครู่และทำใจมิได้เมื่อเห็นนางในดวงใจออกไปเผยเรือนร่างให้ชายอื่นดู นางมองหน้ากันแล้วได้แต่ส่ายหัว อาการเกินเยียวยาแล้ว
“วันนี้เจ้าทำได้ดีมากจริงๆ”
การแสดงวันนี้ทำแม่เล้าพอใจเป็นพิเศษ มันออกมาดีเกินความคาดหมายยกเว้นเพียงแต่เสียงโหยหวนประหลาดระหว่างการแสดง ช่างเป็นเสียงที่ทรหดใจเสียจริง!
“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” เยว่เล่อย่อตัวขอบคุณอย่างชดช้อย นางปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว แม่แต่เรื่องน่าอายตอนนี้ก็ทำได้โดยไม่กระดากแล้ว
“เจ้าต้องไปรับแขกในห้องส่วนตัวอีกคน เขาทุ่มจ่ายเงินให้เจ้าเยอะมากอย่าทำให้เขาผิดหวัง”
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” ต่อให้ยังไม่เห็นหน้าแขกผู้นั้นเยว่เล่อก็พอรู้ว่าเขาคือชายโรคจิต เอ่อ เขาชื่ออะไรนะ อ่อ มู่หยาง
ในห้องที่ถูกล้อมทั้งสี่ด้านเอาไว้ด้วยผ้าม่านโปร่งบางสีแดง เพื่อมิให้อยู่ในที่ปิดมิดชิดเกินไป ของที่ยังไม่ขายแม่เล้าย่อมมิอยากให้เสียราคา เยว่เล่อแหวกม่านออกแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มโรคจิต “รอนานหรือไม่เจ้าค่ะพี่มู่” มู่หยางลุกขึ้นมาประคองแม่นางคนงามนั่งฝั่งตรงข้าม พยายามเบามือเพื่อถนุถนอมเต็มที่ “ไม่นานเลย เจ้าร่ายรำได้งดงามมากข้ามองเพลินจนมิรู้เวลา” มู่หยางจับมือเล็กของแม่นางมาลูบ เยว่เล่อดึงมือของตัวเองออกอย่างช้าๆขยับตัวหันหลังให้กับมู่หยาง “อีกไม่นานก็ถึงงานประมูลแล้ว เหมยเอ๋อร์มิควรมาพบนายท่าน” ท่าทางหมางเมินกระทันหันสร้างความเจ็บปวดใจต่อมู่หยางอย่างมาก เขาลงไปคุกเข่าลงต่อหน้าของเยว่เล่อ มองสีหน้าเศร้าหมองของสาวงาม “ทำไมไม่ได้ล่ะ คนที่จะประมูลค่ำคืนแรกและซื้อตัวเจ้าก็คือข้ามิใช่หรือ” “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อไม่นานนี้มีคุณชายคนหนึ่งเขาบอกกับเหมยเอ๋อร์ว่าจะประมูลค่ำคืนแรกของเหมยเอ๋อร์และซื้อตัวจากแม่เล้าด้วยราคาที่สูงมาก” เยว่เล่อหันหน้าไปอีกทางเพื่อหนีหน้ามู่หยาง “แล้วเจ้าอยากไปกับเขาหรือไม่” “เหมยเอ๋อร์จะอยากไ
ในที่สุดวันประมูลค่ำคืนแรกของบุบผาดอกใหม่แห่งหอบุบผชาติก็มาถึง มีผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศเข้ามาจนแน่นไร้ที่ยืน ใบหน้าของแม่เล้าเป็นสุขจนล้นมิเสียแรงที่นางให้เหมยฮวาออกมาแสดงความสามารถตลอดทุกวัน ตอนนี้ชื่อเสียงของ‘แม่นางเหมยฮวาแห่งหอบุบผชาติ’โด่งดังจนถึงขีดสุด ค่าตัวของนางคงมิใช่น้อยเลย เมื่อวันก่อนเหมยเอ๋อร์ยังมาบอกกับนางว่ามีคุณชายเสนอว่าหากประมูลนางด้วยราคามากกว่าหนึ่งแสนตำลึงทองจะสามารถซื้อขาดตัวนางไปได้เลยหรือไม่ ครั้งแรกที่ฟังนางตกใจมากจะมีคนทุ่มเงินมากมายเพื่อซื้อนางโลมคนหนึ่งได้ยังไง เมื่อมองใบหน้างดงามของเหมยฮวานางจึงเข้าใจ แม้ว่าใจนางจะอยากเก็บดอกไม้ที่สามารถทำเงินให้นางได้ตลอดไป แต่เงินหนึ่งแสนตำลึงมันสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจของนางได้อีกเยอะจึงยอมตกลงในที่สุด ตอนที่หลานฮวาได้ยินประกาศจากท่านแม่เมื่อวานก่อนว่าหากราคาประมูลของเหมยฮวามีราคาถึงแสนตำลึงทองจะยอมขายขาดนางก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่อีกใจก็ริษยาเป็นอย่างยิ่ง จึวได้แต่ภาวนาให้คนที่ซื่อตัวเหมยฮวาเป็นชายแก่อ้วนลงพุงคนหนึ่ง มู่หยางมองลงมาจากห้องพิเศษด้านบน เขากำลังมองหาคนที่พอจะเป็นคู่แข่งกับเข้าได้ บนโลกน
เช้าวันต่อมาหลังการประมูลจบลงข่าวลือเรื่องนางคณิการาคา 5 เหรียญจิตมารก็โดงดังจนทั่วทั้งเมือง หลายคนด่าว่าชายที่ประมูลเป็นบ้า หลายคนสงสัยว่านางคณิกาคนนั้นงดงามขนาดไหนกันเชียว แต่ใดๆคนที่พวกเขานินทากลับกำลังนั่งกินข้าวอยู่โต๊ะข้างหลังนี้เอง “คุนฟู่เจ้ากลายเป็นคนดังแล้วนะ ยินดีด้วย” เยว่เล่อยิ้มแป้นให้กับคนสนิทท่านพ่อ ตอนนี้นางมีความสุขมากที่กลับมาเป็นคนรวยอีกครั้ง ใบหน้าของคุนฟู่แข็งค้างพูดสิ่งใดมิออก ดังในด้านนี้เขาไม่ต้องการ! เป่าตงที่นอนอยู่บนเบาะข้างเยว่เล่อเหลือบมองเหยื่ออีกคนของยัยเด็กฟันน้ำนม หึ เขายังดูฉลาดกว่าชายคนนี้เยอะ “แล้วคุณหนูจะทำยังไงต่อ หากเรารีบตามหาคุณหนูรองแล้วกลับจวนตอนนี้ยังทันน่ะขอรับ หากเป็นตอนนี้นายท่านและฮูหยินคงยังมิรู้ว่าท่านหนีออกมา” คุนฟู่ภาวนาอยู่ในใจให้คุณหนูยอมกลับตำหนักเทียนฝูดีๆ “ไอหยา พูดถึงซูๆแล้วข้าเป็นห่วงขึ้นมาเลยแหะ เอาอย่างนี้ เรารีบหาซูเจียวให้เจอก่อนดีมั้ยล่ะ” “ดีขอรับๆ” หัวของคุนฟู่พยักหน้าแรงๆ เขายินดีเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ “แต่เจ้าต้องพาข้าไปแลกก้อนทองเป็นตำลึงก่อน ข้าจะได้เอาเงินไปซื้อของเก็บไว้ให้มาก
เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
คี๊ค คี๊ค มือใหญ่ลูบใต้คอของเหยี่ยวตัวใหญ่เบาๆก่อนจะส่งมันบินออกไปพร้อมจดหมาย เล่อเหยียนหันหลังกับมาเมื่อส่งจดหมายถึงน้องสาวเสร็จ เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะ จิบชามองสหายสองคนกำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด “เจ้าส่งจดหมายไปหาใครหรือเล่อเหยียน?” ไคจินละจากหมากบนกระดานไปถามสหายสูงศักดิ์ของตนเอง “ส่งไปให้น้องสาวข้าน่ะ” “น้องสาว? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ…อ่อ ข้าลืมไป เหมือนเจ้าจะเคยเล่าว่ามีน้องสาวอายุห่างกันเกือบสองพันปีอยู่คนหนึ่ง ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องสาวเจ้า” ปกติไคจินไม่เคยเห็นคุณชายจากตำหนักเทียนฝูคนนี้ส่งจดหมายหรือพูดถึงน้องสาวมาก่อน คงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงรีบร้อนส่งจดหมายต่อหน้าสหายเช่นนี้ “จะเรื่องอะไรอีกถ้ามิใช่เรื่องที่นางแอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นข้างนอกล่ะ พี่ชายอย่างข้ารู้เรื่องแล้วจะไม่สั่งสอนน้องสาวได้อีกหรือ” ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเล่อเหยียนก็ปั้นได้อย่างไม่ขัดตา เขาตบโต๊ะเบาๆแล้วยังพูดอีกว่า “ถ้าข้าอยู่ด้วยป่านนี้นางคงไม่กล้าหนีเที่ยวออกไปไหน พอไม่มีข้าคุมแล้วเหลิงเกินไปจริงๆ” “โอ
ภูเขาไฟสูงใหญ่ตั้งตะหง่านมองเห็นมาแต่ไกล ควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมันพร้อมประทุออกมาตลอดเวลา เมืองภูเขาไฟห่างไกลจากเมืองหลวงแคว้นซิวมากแต่กลับเจริญพอๆกับหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าและบ้านเมืองที่ประดับไปด้วยกระดาษพับหลากสีสันรูปร่างแตกต่างกันห้อยแขวนตามมุมหลังคา ตามหน้าต่างประตู “เร็วๆเข้าสิพวกเจ้าเดินหรือคลานเนี่ย” เยว่เล่อวิ่งกับที่เอยเร่งกลุ่มโจรปวกเปียกพวกนี้ ดูสิกว่าจะก้าวขาแต่ล่ะข้าง เป็นโจรกันแน่หรอพวกเขาวิ่งหนีทางการได้ยังไงกันโดยไม่โดนจับจนถึงทุกวันนี้ กองโจรหลายสิบคนตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนที่เหลือฮุ่ยหมินให้ไปรออยู่ที่เมืองท่าแคว้นซิว “มะ แม่นางไฉ่เอ๋อร์ พะ พวกข้าขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้หรือไม่” แม้แต่เสียงจะพูดสักคำฮันสุ่ยยังต้องเค้นแรงอย่างมาก พวกเขาเร่งเดินทางตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้มาหลายพันลี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจะตายอยู่แล้วมีแต่แม่นางเนี่ยแหละที่สดใสตลอดเวลา! ฮันสุ่ยล้มไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาพยายามยกหัวที่สั่นเทาเงยมองแม่นางไฉ๋เอ๋อร์ที่ยังร่าเริงตื่นเต้นไหวอยู่ มองไปข้างๆก
กลับมาในสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมของมี่เถียนและอี้ฝานหยุดปะทะกันตั้งแต่หินเริ่มหล่นแล้ว จนตอนนี้แผ่นหินค่อยๆหยุดร่วงลงทีมของพวกนางก็ยังเร่งไต่ภูเขากันต่อ “ตอนนี้หมดระลอกการสั่นเตือนครั้งที่หนึ่งแล้ว ทุกคนต่างเร่งให้ถึงยอดปล่องภูเขาโดยเร็ว อย่าลืมว่าการสั่นเตือนของภูเขามีทั้งหมดแค่สามครั้งก่อนพลังของภูเขาไฟจะหมด ทีมของแม่นางมี่เถียนและทีมของแม่นางอี้ฝานตัดสินใจหยุดปะทะกัน โอ๊ะ ดูเหมือนจะไม่ ทั้งสองทีมทิ้งสมาชิกไว้สามคนเพื่อต่อสู้กัน ศักดิ์ศรีของสำนักปล่อยวางไม่ได้เชียวหรือ” ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรความร้อนจากภูเขาไฟยิ่งมากเกินจะทนไหว ร่างกายของมี่เถียนชื้นเหงื่อ ไอร้อนระอุจนทำให้แผ่นหินกลายเป็นกะทะร้อน ติงหยวนอุ้มคนรักขึ้นแล้วกระโดดต่อ เขามีคุณสมบัติปราณธาตุไฟดังนั้นเขาจึงทนความร้อนได้มากกว่าคนรัก “พี่ข้าไปเองได้ ข้ามไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพี่ ปล่อยข้าลงเถอะ” “ใครหน้าไหนมันกล้าบอกว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงของข้าก็พูดออกมาเถอะ” “เหอะ ได้ดีเพราะเกาะผู้ชาย หน้าไม่อาย” จื่อเวยหันหลังไปมองภาพคู่รักสองคนแล้วสบถออกมา จื่อเวยใช้ปราณแปลงคุณสมบัติเป็นธาตุน้ำครอบคลุมตัวของนา
หลังจากเยว่เล่อตกลงไปไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก มีเพียงติงหยวนที่กระโดดไปอยู่หินกอดเดียวกับมี่เถียนเท่านั้น ผู้ชมด้านล่างต่างร้องตะโกนให้พวกเขาขยับสักที เพราะตอนนี้ทีมที่เหลือรอดมีเพียงแค่สามทีมนี้เท่านั้น “พวกเขาจะอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้คู่แข่งอย่างสำนักมักรฟ้าชนะสบายๆเช่นนี้ สำนักฟ้ากระจ่างยอมได้หรือ” เจ๋อปิงหลุนพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรสักที “ข้าเอง” มี่เถียนทนไม่ได้หากต้องดูอี้ฝานและสหายได้รับชัยชนะแต่ในขณะที่นางกำลังจะขยับตัวมือใหญ่ของติงหยวนกับรั้งเอาไว้ “ให้พี่จัดการเอง” ติงหยวนรวบรวมลมปราณแล้วแปรเปลี่ยนคุณสมบัติธาตุไฟของตัวเองให้เป็นธาตุสายฟ้าจนมีประกายสายฟ้าแลบรอบๆตัวเขา “พระเจ้า ของดีออกมาแล้ว! หากไม่ใช่ธาตุไฟบริสุทธิ์จะไม่สามารถแปรคุณสมบัติเป็นธาตุสายฟ้าได้ สมแล้วที่เป็นถึงอัจฉริยะเยาว์วัย” ติงหยวนตั้งท่ารวบรวมสายฟ้ารอบตัวกระโดดเหยียบแผ่นรวดเร็วจนไม่ทันตกลงไป รวมทั้งสายฟ้าของเขายังฟาดลงไปบนแผ่นหินจนสามารถแยกได้ว่าอันไหนของจริงของปลอมได้อีกด้วย “สุดยอดจริงๆเลยพี่ติงหยวน” มี่เถียนยิ้มหวานให้กับคนรักของตนก่อนจะกระโดดตามติงหยวนไปพร้อม
เมื่อเสียงประกาศเริ่มการแข่งขันจากพิธีกรดังขึ้นผู้ร่วมการแข่งขันทุกคนรีบทะยานกระโดดแท่นหินเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา หลายจุดมีการปะทะกันตั้งแต่เริ่ม มีหลายทีมที่สละสมาชิกสี่คนในการสกัดทีมอื่นแล้วส่งตัวแทนขึ้นไปบนยอดเขาแค่คนด้วย การแข่งขันดุเดือดเข้มคนตั้งแต่แรกเช่นนี้ถูกใจผู้ชมมากจนเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั้วบริเวณ ด้านหนึ่งของภูเขาที่มีทีมสิบสามของเยว่เล่อ ทีมแปดของมี่เถียนและทีมสามของอี้ฝานเองก็ดุเดือดตั้งแต่เริ่ม เมื่อสมาชิกชายสามคนจากทีมมี่เถียนใช้อาวุธเคลือบลมปราณไล่ทุบแผ่นหินไม่ให้ปีนขึ้นไปด้านบน เศษหินน้อยใหญ่มากมายร่วงลงมากข้างล่างสร้างความลำบากให้อีกสองทีมที่เหลือที่ตามหลังอยู่ “เล่นสกปรกเกินไปแล้ว อย่างนี้พวกเราก็ต้องใช้ลมปราณมากขึ้นในการทะยานไปเหยียบหินที่อยู่ไกลน่ะสิ” อานหรานโวยวายเมื่อเขาเกือบโดนเศษหินขนาดเท่าลูกแตงโมเสยหน้าตกลงไป “ข้าว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการไม่ให้พวกเราเหลือหินให้เหยียบจนครบสิบลมหายใจจนถูกตัดออกมากกว่า” อี้ฝานกระโดดหลบเศษหินไปพูดไป นางตั้งใจกับการแข่งขันนี้มาก เพราะบังเอิญไปอ่านเจอตำราของสำนักมังกรฟ้ามาว่าไข่ของหงส์เพลิงเมื่อใกล้ถือกำ
ในเช้าวันเทศกาลผู้คนครึกครื้นถึงที่สุด มีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาจากแคว้นหรือเมืองอื่น มีทั้งคนในเมืองภูเขาไฟแห่งนี้ พวกเขาออกมาจากที่พักแต่เช้ามานั่งจับจองที่นั่งตรงตีนภูเขาไฟเพื่อดูการแข่งขันอย่างใกล้ชิด “ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันเทศกาลไต่ภูเขาไฟเสิ่นอู๋ครั้งที่3221 ข้าคือพิธีกรประจำปีนี้สุดหล่อแห่งแดนใต้ ผู้บำเพ็ญปราณระดับห้าขั้นกลางเจ๋อปิงหลุน!” เฮ้ๆๆๆ เสียงกู่ร้องของเหล่าผู้ชมดังจนผืนดินสะเทือน แต่เมื่อพิธีกรพูดพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังอย่างตั้งใจ ทามกลางเสียงกู่ร้องของผู้ชมมีชายสามคนที่ยืนอย่างไร้สติหลุดลอยอยู่ด้านหลังฉากกั้น ฮันสุ่ยพึ่งตื่นจากที่นอนและถูกหัวหน้าลากออกมาจากฟูกนอน เช่นเดียวกับอานหรานและหยู่เซิน แม้แต่ชุดของพวกเขายังเป็นแค่ชุดตัวในของโรงเตี๊ยมเท่านั้น ครืนนน พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณภูเขาไฟ แผ่นหินโดยรอบเริ่มลอยเป็นลำดับขั้นคลายบันไดสู่ยอดเขา ผู้รับชมต่างตื่นตากกับภาพมมหัศจรรย์ตรงหน้า “ว้าว มาแล้วๆ นี่คือลมปราณธาตุไฟจากภูเขาเสิ่นอู๋ ผู้ชมทุกท่านห้ามเข้าใกล้เกินไปล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ผู้เขาแข่งขันก็พร้อมแล้ว ดังนั้นข้าขออ
ภูเขาไฟสูงใหญ่ตั้งตะหง่านมองเห็นมาแต่ไกล ควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมันพร้อมประทุออกมาตลอดเวลา เมืองภูเขาไฟห่างไกลจากเมืองหลวงแคว้นซิวมากแต่กลับเจริญพอๆกับหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าและบ้านเมืองที่ประดับไปด้วยกระดาษพับหลากสีสันรูปร่างแตกต่างกันห้อยแขวนตามมุมหลังคา ตามหน้าต่างประตู “เร็วๆเข้าสิพวกเจ้าเดินหรือคลานเนี่ย” เยว่เล่อวิ่งกับที่เอยเร่งกลุ่มโจรปวกเปียกพวกนี้ ดูสิกว่าจะก้าวขาแต่ล่ะข้าง เป็นโจรกันแน่หรอพวกเขาวิ่งหนีทางการได้ยังไงกันโดยไม่โดนจับจนถึงทุกวันนี้ กองโจรหลายสิบคนตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนที่เหลือฮุ่ยหมินให้ไปรออยู่ที่เมืองท่าแคว้นซิว “มะ แม่นางไฉ่เอ๋อร์ พะ พวกข้าขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้หรือไม่” แม้แต่เสียงจะพูดสักคำฮันสุ่ยยังต้องเค้นแรงอย่างมาก พวกเขาเร่งเดินทางตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้มาหลายพันลี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจะตายอยู่แล้วมีแต่แม่นางเนี่ยแหละที่สดใสตลอดเวลา! ฮันสุ่ยล้มไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาพยายามยกหัวที่สั่นเทาเงยมองแม่นางไฉ๋เอ๋อร์ที่ยังร่าเริงตื่นเต้นไหวอยู่ มองไปข้างๆก
คี๊ค คี๊ค มือใหญ่ลูบใต้คอของเหยี่ยวตัวใหญ่เบาๆก่อนจะส่งมันบินออกไปพร้อมจดหมาย เล่อเหยียนหันหลังกับมาเมื่อส่งจดหมายถึงน้องสาวเสร็จ เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะ จิบชามองสหายสองคนกำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด “เจ้าส่งจดหมายไปหาใครหรือเล่อเหยียน?” ไคจินละจากหมากบนกระดานไปถามสหายสูงศักดิ์ของตนเอง “ส่งไปให้น้องสาวข้าน่ะ” “น้องสาว? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ…อ่อ ข้าลืมไป เหมือนเจ้าจะเคยเล่าว่ามีน้องสาวอายุห่างกันเกือบสองพันปีอยู่คนหนึ่ง ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องสาวเจ้า” ปกติไคจินไม่เคยเห็นคุณชายจากตำหนักเทียนฝูคนนี้ส่งจดหมายหรือพูดถึงน้องสาวมาก่อน คงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงรีบร้อนส่งจดหมายต่อหน้าสหายเช่นนี้ “จะเรื่องอะไรอีกถ้ามิใช่เรื่องที่นางแอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นข้างนอกล่ะ พี่ชายอย่างข้ารู้เรื่องแล้วจะไม่สั่งสอนน้องสาวได้อีกหรือ” ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเล่อเหยียนก็ปั้นได้อย่างไม่ขัดตา เขาตบโต๊ะเบาๆแล้วยังพูดอีกว่า “ถ้าข้าอยู่ด้วยป่านนี้นางคงไม่กล้าหนีเที่ยวออกไปไหน พอไม่มีข้าคุมแล้วเหลิงเกินไปจริงๆ” “โอ
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ