เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
คี๊ค คี๊ค มือใหญ่ลูบใต้คอของเหยี่ยวตัวใหญ่เบาๆก่อนจะส่งมันบินออกไปพร้อมจดหมาย เล่อเหยียนหันหลังกับมาเมื่อส่งจดหมายถึงน้องสาวเสร็จ เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะ จิบชามองสหายสองคนกำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด “เจ้าส่งจดหมายไปหาใครหรือเล่อเหยียน?” ไคจินละจากหมากบนกระดานไปถามสหายสูงศักดิ์ของตนเอง “ส่งไปให้น้องสาวข้าน่ะ” “น้องสาว? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ…อ่อ ข้าลืมไป เหมือนเจ้าจะเคยเล่าว่ามีน้องสาวอายุห่างกันเกือบสองพันปีอยู่คนหนึ่ง ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องสาวเจ้า” ปกติไคจินไม่เคยเห็นคุณชายจากตำหนักเทียนฝูคนนี้ส่งจดหมายหรือพูดถึงน้องสาวมาก่อน คงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงรีบร้อนส่งจดหมายต่อหน้าสหายเช่นนี้ “จะเรื่องอะไรอีกถ้ามิใช่เรื่องที่นางแอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นข้างนอกล่ะ พี่ชายอย่างข้ารู้เรื่องแล้วจะไม่สั่งสอนน้องสาวได้อีกหรือ” ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเล่อเหยียนก็ปั้นได้อย่างไม่ขัดตา เขาตบโต๊ะเบาๆแล้วยังพูดอีกว่า “ถ้าข้าอยู่ด้วยป่านนี้นางคงไม่กล้าหนีเที่ยวออกไปไหน พอไม่มีข้าคุมแล้วเหลิงเกินไปจริงๆ” “โอ
ภูเขาไฟสูงใหญ่ตั้งตะหง่านมองเห็นมาแต่ไกล ควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมันพร้อมประทุออกมาตลอดเวลา เมืองภูเขาไฟห่างไกลจากเมืองหลวงแคว้นซิวมากแต่กลับเจริญพอๆกับหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าและบ้านเมืองที่ประดับไปด้วยกระดาษพับหลากสีสันรูปร่างแตกต่างกันห้อยแขวนตามมุมหลังคา ตามหน้าต่างประตู “เร็วๆเข้าสิพวกเจ้าเดินหรือคลานเนี่ย” เยว่เล่อวิ่งกับที่เอยเร่งกลุ่มโจรปวกเปียกพวกนี้ ดูสิกว่าจะก้าวขาแต่ล่ะข้าง เป็นโจรกันแน่หรอพวกเขาวิ่งหนีทางการได้ยังไงกันโดยไม่โดนจับจนถึงทุกวันนี้ กองโจรหลายสิบคนตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนที่เหลือฮุ่ยหมินให้ไปรออยู่ที่เมืองท่าแคว้นซิว “มะ แม่นางไฉ่เอ๋อร์ พะ พวกข้าขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้หรือไม่” แม้แต่เสียงจะพูดสักคำฮันสุ่ยยังต้องเค้นแรงอย่างมาก พวกเขาเร่งเดินทางตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้มาหลายพันลี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจะตายอยู่แล้วมีแต่แม่นางเนี่ยแหละที่สดใสตลอดเวลา! ฮันสุ่ยล้มไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาพยายามยกหัวที่สั่นเทาเงยมองแม่นางไฉ๋เอ๋อร์ที่ยังร่าเริงตื่นเต้นไหวอยู่ มองไปข้างๆก
ในเช้าวันเทศกาลผู้คนครึกครื้นถึงที่สุด มีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาจากแคว้นหรือเมืองอื่น มีทั้งคนในเมืองภูเขาไฟแห่งนี้ พวกเขาออกมาจากที่พักแต่เช้ามานั่งจับจองที่นั่งตรงตีนภูเขาไฟเพื่อดูการแข่งขันอย่างใกล้ชิด “ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันเทศกาลไต่ภูเขาไฟเสิ่นอู๋ครั้งที่3221 ข้าคือพิธีกรประจำปีนี้สุดหล่อแห่งแดนใต้ ผู้บำเพ็ญปราณระดับห้าขั้นกลางเจ๋อปิงหลุน!” เฮ้ๆๆๆ เสียงกู่ร้องของเหล่าผู้ชมดังจนผืนดินสะเทือน แต่เมื่อพิธีกรพูดพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังอย่างตั้งใจ ทามกลางเสียงกู่ร้องของผู้ชมมีชายสามคนที่ยืนอย่างไร้สติหลุดลอยอยู่ด้านหลังฉากกั้น ฮันสุ่ยพึ่งตื่นจากที่นอนและถูกหัวหน้าลากออกมาจากฟูกนอน เช่นเดียวกับอานหรานและหยู่เซิน แม้แต่ชุดของพวกเขายังเป็นแค่ชุดตัวในของโรงเตี๊ยมเท่านั้น ครืนนน พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณภูเขาไฟ แผ่นหินโดยรอบเริ่มลอยเป็นลำดับขั้นคลายบันไดสู่ยอดเขา ผู้รับชมต่างตื่นตากกับภาพมมหัศจรรย์ตรงหน้า “ว้าว มาแล้วๆ นี่คือลมปราณธาตุไฟจากภูเขาเสิ่นอู๋ ผู้ชมทุกท่านห้ามเข้าใกล้เกินไปล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ผู้เขาแข่งขันก็พร้อมแล้ว ดังนั้นข้าขออ
เมื่อเสียงประกาศเริ่มการแข่งขันจากพิธีกรดังขึ้นผู้ร่วมการแข่งขันทุกคนรีบทะยานกระโดดแท่นหินเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา หลายจุดมีการปะทะกันตั้งแต่เริ่ม มีหลายทีมที่สละสมาชิกสี่คนในการสกัดทีมอื่นแล้วส่งตัวแทนขึ้นไปบนยอดเขาแค่คนด้วย การแข่งขันดุเดือดเข้มคนตั้งแต่แรกเช่นนี้ถูกใจผู้ชมมากจนเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั้วบริเวณ ด้านหนึ่งของภูเขาที่มีทีมสิบสามของเยว่เล่อ ทีมแปดของมี่เถียนและทีมสามของอี้ฝานเองก็ดุเดือดตั้งแต่เริ่ม เมื่อสมาชิกชายสามคนจากทีมมี่เถียนใช้อาวุธเคลือบลมปราณไล่ทุบแผ่นหินไม่ให้ปีนขึ้นไปด้านบน เศษหินน้อยใหญ่มากมายร่วงลงมากข้างล่างสร้างความลำบากให้อีกสองทีมที่เหลือที่ตามหลังอยู่ “เล่นสกปรกเกินไปแล้ว อย่างนี้พวกเราก็ต้องใช้ลมปราณมากขึ้นในการทะยานไปเหยียบหินที่อยู่ไกลน่ะสิ” อานหรานโวยวายเมื่อเขาเกือบโดนเศษหินขนาดเท่าลูกแตงโมเสยหน้าตกลงไป “ข้าว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการไม่ให้พวกเราเหลือหินให้เหยียบจนครบสิบลมหายใจจนถูกตัดออกมากกว่า” อี้ฝานกระโดดหลบเศษหินไปพูดไป นางตั้งใจกับการแข่งขันนี้มาก เพราะบังเอิญไปอ่านเจอตำราของสำนักมังกรฟ้ามาว่าไข่ของหงส์เพลิงเมื่อใกล้ถือกำ
หลังจากเยว่เล่อตกลงไปไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก มีเพียงติงหยวนที่กระโดดไปอยู่หินกอดเดียวกับมี่เถียนเท่านั้น ผู้ชมด้านล่างต่างร้องตะโกนให้พวกเขาขยับสักที เพราะตอนนี้ทีมที่เหลือรอดมีเพียงแค่สามทีมนี้เท่านั้น “พวกเขาจะอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้คู่แข่งอย่างสำนักมักรฟ้าชนะสบายๆเช่นนี้ สำนักฟ้ากระจ่างยอมได้หรือ” เจ๋อปิงหลุนพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรสักที “ข้าเอง” มี่เถียนทนไม่ได้หากต้องดูอี้ฝานและสหายได้รับชัยชนะแต่ในขณะที่นางกำลังจะขยับตัวมือใหญ่ของติงหยวนกับรั้งเอาไว้ “ให้พี่จัดการเอง” ติงหยวนรวบรวมลมปราณแล้วแปรเปลี่ยนคุณสมบัติธาตุไฟของตัวเองให้เป็นธาตุสายฟ้าจนมีประกายสายฟ้าแลบรอบๆตัวเขา “พระเจ้า ของดีออกมาแล้ว! หากไม่ใช่ธาตุไฟบริสุทธิ์จะไม่สามารถแปรคุณสมบัติเป็นธาตุสายฟ้าได้ สมแล้วที่เป็นถึงอัจฉริยะเยาว์วัย” ติงหยวนตั้งท่ารวบรวมสายฟ้ารอบตัวกระโดดเหยียบแผ่นรวดเร็วจนไม่ทันตกลงไป รวมทั้งสายฟ้าของเขายังฟาดลงไปบนแผ่นหินจนสามารถแยกได้ว่าอันไหนของจริงของปลอมได้อีกด้วย “สุดยอดจริงๆเลยพี่ติงหยวน” มี่เถียนยิ้มหวานให้กับคนรักของตนก่อนจะกระโดดตามติงหยวนไปพร้อม
กลับมาในสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมของมี่เถียนและอี้ฝานหยุดปะทะกันตั้งแต่หินเริ่มหล่นแล้ว จนตอนนี้แผ่นหินค่อยๆหยุดร่วงลงทีมของพวกนางก็ยังเร่งไต่ภูเขากันต่อ “ตอนนี้หมดระลอกการสั่นเตือนครั้งที่หนึ่งแล้ว ทุกคนต่างเร่งให้ถึงยอดปล่องภูเขาโดยเร็ว อย่าลืมว่าการสั่นเตือนของภูเขามีทั้งหมดแค่สามครั้งก่อนพลังของภูเขาไฟจะหมด ทีมของแม่นางมี่เถียนและทีมของแม่นางอี้ฝานตัดสินใจหยุดปะทะกัน โอ๊ะ ดูเหมือนจะไม่ ทั้งสองทีมทิ้งสมาชิกไว้สามคนเพื่อต่อสู้กัน ศักดิ์ศรีของสำนักปล่อยวางไม่ได้เชียวหรือ” ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรความร้อนจากภูเขาไฟยิ่งมากเกินจะทนไหว ร่างกายของมี่เถียนชื้นเหงื่อ ไอร้อนระอุจนทำให้แผ่นหินกลายเป็นกะทะร้อน ติงหยวนอุ้มคนรักขึ้นแล้วกระโดดต่อ เขามีคุณสมบัติปราณธาตุไฟดังนั้นเขาจึงทนความร้อนได้มากกว่าคนรัก “พี่ข้าไปเองได้ ข้ามไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพี่ ปล่อยข้าลงเถอะ” “ใครหน้าไหนมันกล้าบอกว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงของข้าก็พูดออกมาเถอะ” “เหอะ ได้ดีเพราะเกาะผู้ชาย หน้าไม่อาย” จื่อเวยหันหลังไปมองภาพคู่รักสองคนแล้วสบถออกมา จื่อเวยใช้ปราณแปลงคุณสมบัติเป็นธาตุน้ำครอบคลุมตัวของนา
หลังจากเยว่เล่อตกลงไปไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก มีเพียงติงหยวนที่กระโดดไปอยู่หินกอดเดียวกับมี่เถียนเท่านั้น ผู้ชมด้านล่างต่างร้องตะโกนให้พวกเขาขยับสักที เพราะตอนนี้ทีมที่เหลือรอดมีเพียงแค่สามทีมนี้เท่านั้น “พวกเขาจะอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้คู่แข่งอย่างสำนักมักรฟ้าชนะสบายๆเช่นนี้ สำนักฟ้ากระจ่างยอมได้หรือ” เจ๋อปิงหลุนพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรสักที “ข้าเอง” มี่เถียนทนไม่ได้หากต้องดูอี้ฝานและสหายได้รับชัยชนะแต่ในขณะที่นางกำลังจะขยับตัวมือใหญ่ของติงหยวนกับรั้งเอาไว้ “ให้พี่จัดการเอง” ติงหยวนรวบรวมลมปราณแล้วแปรเปลี่ยนคุณสมบัติธาตุไฟของตัวเองให้เป็นธาตุสายฟ้าจนมีประกายสายฟ้าแลบรอบๆตัวเขา “พระเจ้า ของดีออกมาแล้ว! หากไม่ใช่ธาตุไฟบริสุทธิ์จะไม่สามารถแปรคุณสมบัติเป็นธาตุสายฟ้าได้ สมแล้วที่เป็นถึงอัจฉริยะเยาว์วัย” ติงหยวนตั้งท่ารวบรวมสายฟ้ารอบตัวกระโดดเหยียบแผ่นรวดเร็วจนไม่ทันตกลงไป รวมทั้งสายฟ้าของเขายังฟาดลงไปบนแผ่นหินจนสามารถแยกได้ว่าอันไหนของจริงของปลอมได้อีกด้วย “สุดยอดจริงๆเลยพี่ติงหยวน” มี่เถียนยิ้มหวานให้กับคนรักของตนก่อนจะกระโดดตามติงหยวนไปพร้อม
เมื่อเสียงประกาศเริ่มการแข่งขันจากพิธีกรดังขึ้นผู้ร่วมการแข่งขันทุกคนรีบทะยานกระโดดแท่นหินเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา หลายจุดมีการปะทะกันตั้งแต่เริ่ม มีหลายทีมที่สละสมาชิกสี่คนในการสกัดทีมอื่นแล้วส่งตัวแทนขึ้นไปบนยอดเขาแค่คนด้วย การแข่งขันดุเดือดเข้มคนตั้งแต่แรกเช่นนี้ถูกใจผู้ชมมากจนเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั้วบริเวณ ด้านหนึ่งของภูเขาที่มีทีมสิบสามของเยว่เล่อ ทีมแปดของมี่เถียนและทีมสามของอี้ฝานเองก็ดุเดือดตั้งแต่เริ่ม เมื่อสมาชิกชายสามคนจากทีมมี่เถียนใช้อาวุธเคลือบลมปราณไล่ทุบแผ่นหินไม่ให้ปีนขึ้นไปด้านบน เศษหินน้อยใหญ่มากมายร่วงลงมากข้างล่างสร้างความลำบากให้อีกสองทีมที่เหลือที่ตามหลังอยู่ “เล่นสกปรกเกินไปแล้ว อย่างนี้พวกเราก็ต้องใช้ลมปราณมากขึ้นในการทะยานไปเหยียบหินที่อยู่ไกลน่ะสิ” อานหรานโวยวายเมื่อเขาเกือบโดนเศษหินขนาดเท่าลูกแตงโมเสยหน้าตกลงไป “ข้าว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการไม่ให้พวกเราเหลือหินให้เหยียบจนครบสิบลมหายใจจนถูกตัดออกมากกว่า” อี้ฝานกระโดดหลบเศษหินไปพูดไป นางตั้งใจกับการแข่งขันนี้มาก เพราะบังเอิญไปอ่านเจอตำราของสำนักมังกรฟ้ามาว่าไข่ของหงส์เพลิงเมื่อใกล้ถือกำ
ในเช้าวันเทศกาลผู้คนครึกครื้นถึงที่สุด มีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาจากแคว้นหรือเมืองอื่น มีทั้งคนในเมืองภูเขาไฟแห่งนี้ พวกเขาออกมาจากที่พักแต่เช้ามานั่งจับจองที่นั่งตรงตีนภูเขาไฟเพื่อดูการแข่งขันอย่างใกล้ชิด “ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันเทศกาลไต่ภูเขาไฟเสิ่นอู๋ครั้งที่3221 ข้าคือพิธีกรประจำปีนี้สุดหล่อแห่งแดนใต้ ผู้บำเพ็ญปราณระดับห้าขั้นกลางเจ๋อปิงหลุน!” เฮ้ๆๆๆ เสียงกู่ร้องของเหล่าผู้ชมดังจนผืนดินสะเทือน แต่เมื่อพิธีกรพูดพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังอย่างตั้งใจ ทามกลางเสียงกู่ร้องของผู้ชมมีชายสามคนที่ยืนอย่างไร้สติหลุดลอยอยู่ด้านหลังฉากกั้น ฮันสุ่ยพึ่งตื่นจากที่นอนและถูกหัวหน้าลากออกมาจากฟูกนอน เช่นเดียวกับอานหรานและหยู่เซิน แม้แต่ชุดของพวกเขายังเป็นแค่ชุดตัวในของโรงเตี๊ยมเท่านั้น ครืนนน พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณภูเขาไฟ แผ่นหินโดยรอบเริ่มลอยเป็นลำดับขั้นคลายบันไดสู่ยอดเขา ผู้รับชมต่างตื่นตากกับภาพมมหัศจรรย์ตรงหน้า “ว้าว มาแล้วๆ นี่คือลมปราณธาตุไฟจากภูเขาเสิ่นอู๋ ผู้ชมทุกท่านห้ามเข้าใกล้เกินไปล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ผู้เขาแข่งขันก็พร้อมแล้ว ดังนั้นข้าขออ
ภูเขาไฟสูงใหญ่ตั้งตะหง่านมองเห็นมาแต่ไกล ควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมันพร้อมประทุออกมาตลอดเวลา เมืองภูเขาไฟห่างไกลจากเมืองหลวงแคว้นซิวมากแต่กลับเจริญพอๆกับหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าและบ้านเมืองที่ประดับไปด้วยกระดาษพับหลากสีสันรูปร่างแตกต่างกันห้อยแขวนตามมุมหลังคา ตามหน้าต่างประตู “เร็วๆเข้าสิพวกเจ้าเดินหรือคลานเนี่ย” เยว่เล่อวิ่งกับที่เอยเร่งกลุ่มโจรปวกเปียกพวกนี้ ดูสิกว่าจะก้าวขาแต่ล่ะข้าง เป็นโจรกันแน่หรอพวกเขาวิ่งหนีทางการได้ยังไงกันโดยไม่โดนจับจนถึงทุกวันนี้ กองโจรหลายสิบคนตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนที่เหลือฮุ่ยหมินให้ไปรออยู่ที่เมืองท่าแคว้นซิว “มะ แม่นางไฉ่เอ๋อร์ พะ พวกข้าขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้หรือไม่” แม้แต่เสียงจะพูดสักคำฮันสุ่ยยังต้องเค้นแรงอย่างมาก พวกเขาเร่งเดินทางตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้มาหลายพันลี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจะตายอยู่แล้วมีแต่แม่นางเนี่ยแหละที่สดใสตลอดเวลา! ฮันสุ่ยล้มไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาพยายามยกหัวที่สั่นเทาเงยมองแม่นางไฉ๋เอ๋อร์ที่ยังร่าเริงตื่นเต้นไหวอยู่ มองไปข้างๆก
คี๊ค คี๊ค มือใหญ่ลูบใต้คอของเหยี่ยวตัวใหญ่เบาๆก่อนจะส่งมันบินออกไปพร้อมจดหมาย เล่อเหยียนหันหลังกับมาเมื่อส่งจดหมายถึงน้องสาวเสร็จ เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะ จิบชามองสหายสองคนกำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด “เจ้าส่งจดหมายไปหาใครหรือเล่อเหยียน?” ไคจินละจากหมากบนกระดานไปถามสหายสูงศักดิ์ของตนเอง “ส่งไปให้น้องสาวข้าน่ะ” “น้องสาว? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ…อ่อ ข้าลืมไป เหมือนเจ้าจะเคยเล่าว่ามีน้องสาวอายุห่างกันเกือบสองพันปีอยู่คนหนึ่ง ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องสาวเจ้า” ปกติไคจินไม่เคยเห็นคุณชายจากตำหนักเทียนฝูคนนี้ส่งจดหมายหรือพูดถึงน้องสาวมาก่อน คงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงรีบร้อนส่งจดหมายต่อหน้าสหายเช่นนี้ “จะเรื่องอะไรอีกถ้ามิใช่เรื่องที่นางแอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นข้างนอกล่ะ พี่ชายอย่างข้ารู้เรื่องแล้วจะไม่สั่งสอนน้องสาวได้อีกหรือ” ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเล่อเหยียนก็ปั้นได้อย่างไม่ขัดตา เขาตบโต๊ะเบาๆแล้วยังพูดอีกว่า “ถ้าข้าอยู่ด้วยป่านนี้นางคงไม่กล้าหนีเที่ยวออกไปไหน พอไม่มีข้าคุมแล้วเหลิงเกินไปจริงๆ” “โอ
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ