“ทำไมพวกเจ้าไม่กลับร่างเป็นหมากับแมวตัวใหญ่ๆเหมือนเดิมแล้วให้ข้าขี่คอไปเล่า!!!” เยว่เล่อย้ำเท้าอย่างหงุดหงิด แม้การฝึกปราณจะไม่ต้องกินอาหารบ่อยๆแต่นางขั้นปราณยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทั้งยังไม่ได้กินอะไรมาเกือบ 1 อาทิตย์ หิวจนจะกินหมากับแมวที่เดินตามเธอต้อยๆแล้ว
“เจ้าโง่รึเปล่า หากข้าใช้ร่างอสูรระดับ 8 เข้าไปในเมืองของพวกมนุษย์ข้าก็โดนพวกมันไล่ฆ่าน่ะสิ อีกแปปเดียวจะถึงแล้ว ถ้าเจ้าทนไม่ไหวทำไมมิรีบกลับบ้านเจ้าบนตำหนักลอยฟ้าเสียเลยล่ะ” อาเป่าใช้น้ำเสียงและสายตาดูแคลนเยว่เล่ออย่างถึงที่สุด มันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าคนจากตำหนักเทียนฝูจะมีสภาพเช่นนี้ได้ ไร้ซึ่งความสง่างาม! แถมนางยังถือครองป้ายหยกบัญชาเมฆาจนพวกเขาต้องกลายเป็นทาสนางอีก อนาจใจเหลือเกิน
อาปิงแม้ไม่ได้จะใช้สายตาดูถูกมองเยว่เล่อแต่กลับพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วยกับอาเป่า พวกมันยังไม่อยากโดนมนุษย์ล่าเอาเขี้ยวอันงดงามของมันไปทำดาบ ถึงมันจะแข็งแกร่งมากแต่ตอนนี้มันอยู่ในอาณาเขตของมนุษย์หากโดนรุมมันก็อาจตายได้
“ฝันไปเถอะว่าข้าจะกลับ แล้วไหนอีกแปปเดียว เจ้าพูดอย่างงี้มากี่รอบแล้วห้ะ”
“นายหญิงท่านอย่าใจร้อนไปเลย ยังไงวันนี้เราถึงเมืองของมนุษย์แน่นอนขอรับ” อาปิงพูดเอาใจ มันใช้ขนตัวเองถูไถไปตามขาของเยว่เล่อเพื่อประจบประแจง
“เฮ้อ ข้าเบื่อจริงๆ” แมวตัวอ้วนถอนหายใจส่ายหน้าเหนื่อยใจมันกระโดดขึ้นไปบนบ่าของเยว่เล่อ ใช้สายตาอันแหลมคมมองไปข้างหน้าแล้วชี้ให้นางดู
“ตรงนั้นไง มีคนและคาราวานพ่อค้าต่อแถวกันเข้าเมืองอยู่” ไม่รอให้เวลาผ่านไปอีก นางรีบเดินลมปราณไปที่เท้าแล้วพุ่งทะยานไปทิศที่แมวอ้วนบอกทันที
แอ๊ก ร่างอ้วนของอาเป่ากระแทกลงกับพื้นเมื่ออยู่ๆเยว่เล่อใช้ลมปราณกระทันหัน มันรีบลุกขึ้นวิ่งตามนางไปพร้อมด่านางไปด้วย
“ถ้านางไม่ได้เป็นลูกหลานของท่านผู้นั้นข้าขย้ำนางไปแล้ว!!! อย่าให้เผลอแล้วกันข้าจะเอาคืนนางให้รู้บ้างว่าไม่ควรมาทำเช่นนี้กับข้า!”
“รีบตามนางไปเถอะน่าเป่าตง ถ้านางเป็นอะไรไปทั้งเจ้าและข้าคงไม่พ้นเงื้อมมือท่านผู้นั้นแน่” อาปิงเตือนสติก่อนวิ่งตามเยว่เล่อไป
“เหอะ”
แถวตรวจคนเข้าเมืองยาวเหยียดเต็มไปด้วยขบวนพ่อค้าและผู้คนที่ต้องการเข้าเมือง เมืองจงหยวนเป็นเมืองหน้าด่านชายแดนของแคว้นเฉิน แคว้นที่มีขนาดใหญ่และมีอำนาจมากที่สุดในทวีปหยางจื่อตี้ ไม่แปลกใจหากจะมีผู้คนมากมายอยากเข้ามาทำการค้าหรือหางานทำในแคว้นนี้
“นายตรวจ ข้าและครอบครัวจากหมู่บ้านนอกเมือง เพียงส่งสมุนไพรที่เก็บจากป่าอสูรมาขายในเมือง พอขายเสร็จก็จะกลับขอรับ” ชายวัยกลางคนนั่งบังคับเกวียน และในเกวียนยังมีเด็กชายหญิงหน้าตาน่ารักอย่างล่ะหนึ่งคน
“เปิดผ้าคลุมออก” คนที่เหมือนเป็นหัวหน้าสั่งลูกน้องให้เลิกผ้าคลุมเกวียนเพื่อตรวจสินค้า พวกเขายกของออกมาตรวจภายในอย่างละเอียด
“ไม่มีอะไรน่าสงสัยขอรับ”
“ดี พวกเจ้าผ่านไปได้ ค่าผ่านทาง 3 คน 300 อีแปะ ค่าภาษีอีก 5 ตำลึง”
“นี่ขอรับ” ชายวัยกลางยื่นเงินให้หัวหน้านายตรวจและรับป้ายไม้ผ่านทางมา เขาและลูกชายวัย7ขวบช่วยกันยกของที่ถูกยกออกกลับขึ้นเกวียน ก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อเด็กสาวที่ยืนต่อแถวข้างหลังเขากำลังเดินผ่านไปโดยไม่ผ่านด่านตรวจ
“เดี๋ยว เจ้าเข้าไปในเมืองไม่ได้ต้องจ่ายมาก่อน 100 อีแปะ สัตว์เลี้ยงสองตัวอีก 100 อีแปะ” นายตรวจเอาแขนของเขาขวางกั้นไม่ให้เด็กสาวเดินต่อไปเพื่อเข้าเมือง
“อีแปะ? อีแปะอะไร มันคืออะไรชื่อหมาหรอ”
“อย่ามาทำเป็นไม่รู้ ถ้าเจ้าไม่จ่ายก็เข้าเมืองไม่ได้ ออกไปซะนังขอทาน”
“ห้ะ ข้าน่ะหรือคือขอทาน ขอทานที่แปลว่าไม่มีเงินน่ะหรือ ข้าจะไม่มีเงินได้ยังไง”
“แล้วเจ้ามีอีแปะมาจ่ายข้ารึ?”
“ไม่มี!!!”
“อาห้ะ งั้นเจ้าก็คือขอทาน”
“นี่เจ้า! บังอาจนัก!!!” เยว่เล่อทำท่าจะเข้าไปหาเรื่องหัวหน้านายตรวจ หลายวันมานี้มีแต่เรื่องให้นางหงุดหงิดเต็มไปหมดจนอารมณ์ร้อนขึ้นมามาก
“อี๋ อย่าเข้ามาใกล้ข้านะเจ้าตัวสกปรก” หัวหน้านายตรวจมองเหยียดเยว่เล่ออย่างดูถูกเขารังเกียจเสื้อผ้าและเนื้อตัวนางยิ่ง ใบหน้าของนางเปื้อนมอมไปด้วยดินผมเผ้ายุ่งเหยิง
ทั้งอาปิงและอาเป่าต่างหลบหน้าหนีความอับอาย ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกมนุษย์จะเข้าใจว่าพวกมันคือสัตว์ธรรมดาก็ตาม แต่พวกมันอับอายเหลือเกิน หมดสิ้นแล้วศักดิ์ศรีของพวกมัน
“ท่านพ่อ นางน่าสงสารจังไม่รู้แม้กระทั้งอีแปะคืออะไร” เด็กหญิงตัวน้อยโผล่หัวมาคุยกับพ่อที่กำลังขนของขึ้นเกวียน ชายวัยกลางคนได้ยินลูกสาวพูดจึงหยุดชะงัก เขาแอบฟังหัวหน้านายตรวจกับหญิงขอทานคนนั้นมาสักพักแล้ว ยิ่งรู้สึกสงสารเข้าไปใหญ่
“ท่านหัวหน้า ข้าจ่ายเงินแทนได้หรือไม่ นางเป็นแค่ขอทานไม่มีพิษมีภัยให้นางเข้าไปเถอะ”
“นี่เจ้าก็ด้วยข้าไม่ใช่ขอทาน!!! เฮ้อ ช่างมันเถอะ เจ้าน่ะให้ข้าเข้าไปสิเขาบอกจะจ่ายเงินให้ข้าแล้วมิใช่หรือ”
“เฮอะ ขอบคุณผู้มีพระคุณของเจ้าให้ดีล่ะ ปล่อยพวกเขาเข้าไปได้” เมื่อชายวัยกลางส่งเงินจำนวน200อีแปะให้แล้วหัวหน้านายตวจจึงสั่งให้ลูกน้องเปิดที่กั้นออก
หนึ่งวัว หนึ่งหมา หนึ่งแมวและอีก4คนเดินย้ำไปตามถนนใหญ่รอบข้างประกบไปด้วยบ้าน ร้านรวงเต็มท้องถนนตระการตาไปหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กน้อยวัย7ขวบสองคนมีโอกาสได้ติดตามพ่อเข้ามาในเมืองจึงรู้สึกตื่นเต้นมาก เด็กหญิงมองไปรอบๆก่อนจะหยุดที่ท่านพ่อและหญิงขอทาน เหมือนจะเห็นคนตื่นเต้นมากกว่าตนเองและน้องชายเสียอีก
“นะ นั่น นั่นคืออะไรหรือ อันนี้ล่ะมันเอาไว้ทำอะไร ไอ้นี่หอมจังกินได้รึป่าว” เยว่เล่อวิ่งพร่านชี้ไปทั่วแล้วจึงไปหยุดที่หน้าร้านหนึ่ง นางมองก้อนสีขาวฟูควันฟุ้งส่งกลิ่นหอมจนแทบน้ำลายไหลตรงหน้า
“พี่สาวท่านไม่รู้จักแม้กระทั่งหมั่นโถวเลยหรือที่ผ่านมาท่านกินอะไรกัน” เด็กชายน้ำตาคลอสงสารหญิงขอทานจับใจ
“ส่วนใหญ่แล้วข้ากินแค่น้ำจากแหล่งธรรมชาติ และพวกพืช” เยว่เล่อก้มหน้าตอบลูบคล้ำหน้าท้องที่ส่งเสียงร้องอย่างหิวโหย ใช่แล้ว นางชอบกินหยาดน้ำค้างแรกของวันที่เกาะตามใบของต้นท้อสวรรค์ที่สุด นอกจากนั้นยังมีสมุนไพรวิเศษอีกมากมายเพื่อบ่มเพาะพลังปราณ
“โถ่พี่สาว ท่านพ่อข้าอยากซื้อหมั่นโถวให้นาง” ชายวัยกลางพยักหน้าเห็นด้วย ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสารจับใจ ครอบครัวของเขายากจน เขาเข้าใจดีว่าความยากลำบากเป็นอย่างไร
“เถ้าแก่ข้าเอาหมั่นโถว3ลูกให้นาง เท่าไรหรือ”
“30 อีแปะ เอานี่ข้าแถมให้อีกสองลูก” เถ้าแก่ได้ยินพวกเขาคุยกันสักพักแล้ว เมื่อมองหญิงขอทานเนื้อตัวมอมแมม นางถูกยืนประกบด้วยหมาแมวมอมๆที่ขนติดกันเป็นก้อน มองรวมๆแล้วสังเวชใจ
“ขอบคุณเถ้าแก่ ท่านจิตใจดีจริงๆ” แม้ว่าทุกคนจะมองนางด้วยสายตาแปลกๆแต่เยว่เล่อไม่สนใจ นางรีบไปรับก้อนกลมข้าวฟูแล้วกัดเต็มคำ เป็นมื้อแรกในหลายวันของนาง
พวกเขาเดินกันไปตามถนนสักพักจนเกือบถึงโรงเตี้ยมเด็กชายจึงถามหญิงขอทานอีกครั้งด้วยความสงสัย
“พี่สาว ท่านจะทำอย่างไรต่อไปหรือ...อือ...ทะ ท่านพ่อให้นางพักโรงเตี๊ยมกับเราได้ไหมขอรับ” เด็กชายรู้ตัวว่าบ้านตัวเองจนมากแต่เขาสงสารหญิงขอทานคนนี้มากจึงขอพ่อเพื่อช่วยเหลือนาง
“เราจ่ายค่าโรงเตี๊ยมสองห้องไม่ไหว เรายังต้องใช้เงินจำนวนมากจ่ายค่ายาให้แม่เจ้า” ชายวัยกลางคนส่ายหัวปฎิเสธอย่างจนปัญญา ไม่ใช่ไม่อยากช่วยแต่ไม่มีความสามารถจะช่วยได้
“พี่สาวข้าขอโทษที่ไม่สามารถช่วยท่านได้แล้ว แม่ของข้าร่างกายอ่อนแอและตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์น้องของข้า ฮึก ขะ ข้าขอโทษ” เด็กชายตัวน้อยร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ เด็กสาวผู้เป็นพี่ก็ซับน้ำตาตาม
“ไม่เป็นไร เจ้าไม่ต้องร้องไห้พวกเจ้าทุกคนเป็นคนดี เป็นข้าที่ต้องขอบคุณพวกเจ้าที่ช่วยเหลือข้า นี่อาจเป็นสิ่งตอบแทนเล็กน้อยจากข้า มันคือโอสถบำรุงหากเอาไปให้แม่เจ้ากินร่างกายจะดีขึ้น ขอบคุณพวกท่านมากข้าขอลา” นางนำขวดสีขาวนมแพะให้เด็กชาย ลูบหัวเขาและเดินจากมา
ลืมกฎและระเบียบได้แต่อย่าลืมบุญคุณ นี่คือสิ่งที่ท่านแม่เน้นย้ำและสั่งสอนเยว่เล่อมาโดยตลอด แม้ว่าโอสถนั่นจะมิสามารถดึงคนตายจากปรโลกได้อย่างโอสถหยาดอรุณ9สรรพคุณ แต่มันเป็นโอสถระดับ5จากโสม500ปีและสมุนไพรวิเศษมากมายช่วยบำรุงร่างกายและเด็กในครรภ์ให้แข็งแรงได้
ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวผู้คนในเมืองถยอยกันกลับจวนของตนเอง บนถนนหนทางที่เคยมีคนเดินพลุกพล่านบัดนี้กลับแทบไม่เหลือคน คงมีแต่หนึ่งคน กับอีกสองหมาแมวเดินอยู่เท่านั้น “นายหญิงเราจะไปนอนที่ไหนดีขอรับ” “เฮอะ ติดตามนางคงไม่พ้นนอนข้างถนนหรอก” ยิ่งคิดอาเป่ายิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง เขาเคยเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ เกรงขาม สง่างามอยู่ดีๆ บัดนี้กับกลายมาเป็นแมวขี้เรื้อนตัวหนึ่ง! “อาเป่า เจ้าดูถูกเจ้านายของเจ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ ข้าหรือจะทำให้พวกเจ้าลำบาก” เยว่เล่อเชิดหน้ากอดอกภาคภูมิใจ “หรือว่านายหญิงมีสมบัติวิเศษหรือสมบัติเทพที่เป็นมิติพิเศษไว้พักผ่อนใช่หรือไม่ขอรับ สมแล้วๆที่นายหญิงเป็นถึงผู้สืบทอดของตำหนักเทียนฝู” อาปิงในร่างหมาขนปุยสีขาววิ่งวนรอบตัวเยว่เล่ออย่างมีความสุข ดวงตาของมันเป็นประกายเปี่ยมด้วยความหวัง ไม่ใช่เพียงแค่อาปิงเท่านั้น อาเป่าเงยหน้ามองนางอย่างคาดหวังว่าเกียรติของมันจะไม่ถูกทำลายไปมากกว่านี้ พยัคฆ์นิลกาฬเช่นมันคงไม่ตกอับถึงขั้นต้องนอนข้างถนน “จะไปใช่ได้อย่างไร เราจะไปนอนกันใต้สะพานตั้งหากเล่า” พอบอกพวกมันทั้งสองตัวแล้วเยว่เล่อจึงเดินต่อ แต่เมื่อมิเห็น
ความคิดของอาเป่าผิดแล้ว มันประเมิณความสามารถของคุณหนูหวางเยว่เล่อแห่งสำนักมังกรฟ้าต่ำไปมาก ความหวังจะได้กลับป่าอสูรของมันคงต้องสลายแล้วเมื่อพริบตาต่อมาเด็กสาวที่นั่งข้างมันก็ลุกพรวดขึ้นมาจนมันสะดุ้ง “เดี๋ยวก่อนคุณชายท่านนั้น ท่านกำลังไปพบกับหญิงที่ชอบใช่หรือไม่ ไอ้หยาๆ ไม่ดีแล้วๆ ดวงไม่มงคล ไม่เป็นมงคลเลย สนใจทำทานกับข้าสักหน่อยหรือไม่ ข้าจะให้หินนำโชคกับท่านเป็นการตอบแทน” ไม่มีใครได้ตั้งตัวร่างกายของเยว่เล่อลุกไปขวางทางเด็กหนุ่มแต่งตัวดี ท่าทางสูงศักดิ์ไว้คนหนึ่ง “...เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังไปพบใคร” เด็กหนุ่มตกใจมากเมื่อมีคนรู้ว่าเขากำลังไปพบกับแม่นางที่เขาแอบชอบมาหลายปี สายตาสงสัยมากมายส่งไปทางเยว่เล่อ นางยิ้มหวานออกมาจะไม่รู้ได้ไงเขาใส่น้ำหอมเสียจนฉุน แต่งกายประณีตในอกเสื้อยังมีปิ่นอยู่คาดว่าคงเอาไปให้แม่นางสักคน เรื่องง่ายๆเช่นนี้แค่สังเกตุให้ดีก็รู้แล้ว “จุ๊ๆ คุณชาย ข้าน่ะพอเห็นโชคชะตาของผู้คนได้นิดหน่อย วันนี้ดวงความรักของท่านไม่ค่อยเป็นมงคลข้าจึงขวางท่านไว้ด้วยความหวังดี แต่ไม่ต้องกังวลเพียงซื้อหินนำโชคจากข้าไป รับรองมันจะขจัดอัปมงคลออกไปทั้งยังเสริ
ในย่านเริงรมย์ของเมืองจงหยวนมีผู้คนมากมายมาหาความสำราญให้กับชีวิตของตัวเอง บ้างมากินดื่ม บ้างมาชื่นชมความงดงามของเหล่าหญิงงาม ย่ามเริงรมย์แห่งนี้จึงเป็นแหล่งหมุนเวียนเงินขนาดใหญ่ในเมืองนี้ “แหวะ เหม็นเหล้าชะมัดทำไมแถวนี้ถึงมีแต่คนเมาเนี่ย” เยว่เล่อที่มานั่งอยู่ข้างร้านแห่งหนึ่งพร้อมกับถ้วยคู่ใจนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา ขนสากเพราะมอมแมมของเสวี่ยปิงถูไถมือของเยว่เล่อเป็นการปลอบใจ มันสงสารนายหญิงตกอับของตัวเองเหลือเกิน เป็นคุณหนูผู้มีเกียรติและร่ำรวยอยู่ดีๆก็มาตกระกำลำบาก ฝั่งเยว่เล่อที่ไม่รู้ความคิดของเสวี่ยปิงจึงคิดว่ามันอ้อนเลยลูบหัวมันอย่างเอ็นดู ส่วนคนที่เขาใจความคิดของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวอย่างเป่าตงก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ ทำไมมันต้องมาอยู่กับพวกโง่เช่นนี้ด้วย? ซ่า น้ำเย็นถูกสาดลงมาบนตัวของเยว่เล่อ นางมึนงงไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก “ออกไปสะนังขอทาน อย่ามานั่งที่หน้าหอของข้าอัปมงคล ออกไป! พวกเจ้ารีบเอาน้ำมาล้างพื้น!” “เจ้าค่ะท่านแม่” ร่างบางของสาวงามสามคนรีบเดินกลับเข้าไปตักน้ำในร้านตามที่แม่เล้าของตัวเองสั่ง “ส่วนนังขอทานเช่นจะ…เจ้า เจ้าน่ะเงย
ร่างกายเยว่เล่อโงนเงนไปตามแรงของสาวใช้ที่อาบน้ำให้นาง ดวงตาของนางปิดปรือไม่รับรู้สิ่งใด งานของพวกนางคณิกามันเริ่มตอนกลางคืนมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงถูกดึงจากที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังมิสางแบบนี้! ฮืออออ ข้าอยากนอนเตียงดีๆที่ไม่ได้นอนมานาน ถ้ารู้ว่าจะลำบากขนาดนี้จะเรียกค่าตัวเพิ่มอีกสักพันตำลังทอง “พระเจ้า ผิวแม่นางเหมยฮวาดีอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว” “ใช่มั้ยล่ะ นอกจากผิวแล้วรูปร่างหน้าตาของพี่เหมยฮวายังงดงามจนข้าอดอิจฉาไม่ได้เลยล่ะ งดงามยิ่งกว่าพี่สาวคนไหนๆในร้านนี้อีกนะ” เสียงของสาวใช้ดังเข้ามาในหูเยว่เล่อไม่ขาด ในน้ำเสียงมีความประจบประแจงอยู่แปดส่วน แน่นอนล่ะทั้งเมื่อคืนและตอนนี้นางได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากแม่เล้า ทั้งห้องที่ดีที่สุด เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดีที่สุด ไม่แปลกใจหากสาวรับใช้พวกนี้จะอยากพันแข้งพันขานาง “ไปเอาชุดมาอีก เร็วเข้าอีกเดี๋ยวจิตรกรก็จะมาแล้ว ครั้งนี้ข้าลงทุนจ้างจิตรกรฝีมือดีค่าตัวไม่ใช่น้อย อย่าทำให้เสียเวลา” “เจ้าค่ะท่านแม่” ทั้งสาวใช้และคณิกานับสิบชีวิตวุ่นวายกับการแต่งตัวให้เยว่เล่อออกมางดงามที่สุด “เหมยเอ๋อร์ของแม
บรรยากาศบนตำหนักเทียนฝูคุกรุ่นเมื่อฮูหยินรู้ว่าลูกสาวตัวดีของตนเองไม่ได้หนีเที่ยวเพียงลำพัง แต่ยังพาลูกพี่ลูกน้องอย่างซูเจียวไปด้วยอีกคน เดือดร้อนนายท่านหวางต้องคอยบรรเทาความโกรธของฮูหยิน “เมียรักเจ้าจะโมโหไปทำไมกัน ซูเอ๋อร์กับเยว่เอ๋อร์พวกนางเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก มิแปลกที่จะไปเที่ยวด้วยกัน” “ไปเที่ยว? หนีเรียนบ้านท่านเรียกไปเที่ยวรึ! แล้วเป็นเพราะลูกสาวท่านมิใช่หรือที่พาซูเอ๋อร์ออกนอกลู่ทางพาไปสร้างเรื่องมากมายจนเกือบเสียคน” ปิ่นปักผมลอยเฉียดหน้านายท่านหวางเพียงนิดเดียว เขารีบปรี่ตัววิ่งเข้าไปกอดขาฮูหยินแน่นในใจพร่ำบ่นบุตรสาว “นางยังเด็กมากไม่ค่อยรู้ความ เจ้าให้อภัยลูกเถอะเมียจ๋า…เหยียนเล่อ! รีบมาช่วยน้องสาวเจ้าเร็วเข้า!” สายตาของนายท่านหวางเหลือบไปเห็นบุตรชายคนโตของเขา หวางเหยียนเล่อ ด้านหวางเหยียนเล่อมองภาพท่านพ่อกอดขาท่านแม่ด้วยสายตาชินชา เยว่เอ๋อร์ก่อเรื่องอีกแล้ว? เขาพึ่งกลับบ้านหลังจากไปเที่ยวหาสหายที่โลกเบื้องล่างพอกลับมาถึงก็พบเจอเรื่องหาได้ง่ายเช่นนี้ เขาจึงเลือกยกนิ้วโป่งให้ท่านพ่อแล้วรีบเดินหนีกลับห้องของตัวเอง เรื่องอะไรเขาต้องเอาตนเองไปให้ท่
วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่เยว่เล่อได้กลายเป็นนางคณิกา ตื่นแต่เช้ามืดมาซ้อมร่ายรำกลางวัน ถึงบ่ายต้องเรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน ยามมืดยังต้องออกมารับแขก ชีวิตของนางคณิกาคนหนึ่งไม่ง่ายเลย หากแต่เยว่เล่อเริ่มรู้สึกสนุกกับการเป็นนางคณิกาเมื่อได้เรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน…เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่เลวเลยทีเดียว กำลังเดินผ่านโถงทางเดินเพื่อไปขึ้นเวทีแสดงการร่ายรำแต่หูของเยว่เล่อกับได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากห้องที่พวกพี่สาวทั้งหลายเอาไว้ใช้รับแขก “คุณชายท่านพูดชมเกินไปแล้ว ตอนนี้ไป๋เหออายจนแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี” “เจ้าจะเอาหน้ามุดดินทำไมเล่า? เอาใบหน้าหวานๆของเจ้ามามุดแผงอกข้าไม่ดีกว่าหรือ” “อร้ายยย คุณชาย ท่านรังแกข้าจนหน้าแดงไปหมด” คิ้วยิ่งขมวดเมื่อเอาหูแนบประตูตั้งใจฟังอย่างดี เสียงนี้ฟังแล้วคุ้นมากมิใช่หรือ เยว่เล่อเปิดประตูบานเลื่อนช้าๆจึงพบว่าในห้องมีคนอยู่ถึง5คน มีชายที่โอบประคองสาวงามสองคนนั่งหันหลังให้ประตูอยู่บนระเบียงที่ยื่นออกไปมองจนสามารถเห็นเวทีข้างล่างได้ ส่วนอีกสองคนเป็นสาวใช้ที่กำลังวางอาหารจากถาดลงบนโต๊ะ สาวใช้สองคนอยู่ใกล้ประตูม
ในห้องที่ถูกล้อมทั้งสี่ด้านเอาไว้ด้วยผ้าม่านโปร่งบางสีแดง เพื่อมิให้อยู่ในที่ปิดมิดชิดเกินไป ของที่ยังไม่ขายแม่เล้าย่อมมิอยากให้เสียราคา เยว่เล่อแหวกม่านออกแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มโรคจิต “รอนานหรือไม่เจ้าค่ะพี่มู่” มู่หยางลุกขึ้นมาประคองแม่นางคนงามนั่งฝั่งตรงข้าม พยายามเบามือเพื่อถนุถนอมเต็มที่ “ไม่นานเลย เจ้าร่ายรำได้งดงามมากข้ามองเพลินจนมิรู้เวลา” มู่หยางจับมือเล็กของแม่นางมาลูบ เยว่เล่อดึงมือของตัวเองออกอย่างช้าๆขยับตัวหันหลังให้กับมู่หยาง “อีกไม่นานก็ถึงงานประมูลแล้ว เหมยเอ๋อร์มิควรมาพบนายท่าน” ท่าทางหมางเมินกระทันหันสร้างความเจ็บปวดใจต่อมู่หยางอย่างมาก เขาลงไปคุกเข่าลงต่อหน้าของเยว่เล่อ มองสีหน้าเศร้าหมองของสาวงาม “ทำไมไม่ได้ล่ะ คนที่จะประมูลค่ำคืนแรกและซื้อตัวเจ้าก็คือข้ามิใช่หรือ” “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อไม่นานนี้มีคุณชายคนหนึ่งเขาบอกกับเหมยเอ๋อร์ว่าจะประมูลค่ำคืนแรกของเหมยเอ๋อร์และซื้อตัวจากแม่เล้าด้วยราคาที่สูงมาก” เยว่เล่อหันหน้าไปอีกทางเพื่อหนีหน้ามู่หยาง “แล้วเจ้าอยากไปกับเขาหรือไม่” “เหมยเอ๋อร์จะอยากไ
ในที่สุดวันประมูลค่ำคืนแรกของบุบผาดอกใหม่แห่งหอบุบผชาติก็มาถึง มีผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศเข้ามาจนแน่นไร้ที่ยืน ใบหน้าของแม่เล้าเป็นสุขจนล้นมิเสียแรงที่นางให้เหมยฮวาออกมาแสดงความสามารถตลอดทุกวัน ตอนนี้ชื่อเสียงของ‘แม่นางเหมยฮวาแห่งหอบุบผชาติ’โด่งดังจนถึงขีดสุด ค่าตัวของนางคงมิใช่น้อยเลย เมื่อวันก่อนเหมยเอ๋อร์ยังมาบอกกับนางว่ามีคุณชายเสนอว่าหากประมูลนางด้วยราคามากกว่าหนึ่งแสนตำลึงทองจะสามารถซื้อขาดตัวนางไปได้เลยหรือไม่ ครั้งแรกที่ฟังนางตกใจมากจะมีคนทุ่มเงินมากมายเพื่อซื้อนางโลมคนหนึ่งได้ยังไง เมื่อมองใบหน้างดงามของเหมยฮวานางจึงเข้าใจ แม้ว่าใจนางจะอยากเก็บดอกไม้ที่สามารถทำเงินให้นางได้ตลอดไป แต่เงินหนึ่งแสนตำลึงมันสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจของนางได้อีกเยอะจึงยอมตกลงในที่สุด ตอนที่หลานฮวาได้ยินประกาศจากท่านแม่เมื่อวานก่อนว่าหากราคาประมูลของเหมยฮวามีราคาถึงแสนตำลึงทองจะยอมขายขาดนางก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่อีกใจก็ริษยาเป็นอย่างยิ่ง จึวได้แต่ภาวนาให้คนที่ซื่อตัวเหมยฮวาเป็นชายแก่อ้วนลงพุงคนหนึ่ง มู่หยางมองลงมาจากห้องพิเศษด้านบน เขากำลังมองหาคนที่พอจะเป็นคู่แข่งกับเข้าได้ บนโลกน
หลังจากเดินซื้อของจนหมดเรี่ยวแรงร่างกายของเยว่เล่อก็ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มๆทันทีเมื่อกลับถึงห้อง เป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนรออยู่ในห้องเงยหัวขึ้นมามอง “ไปอาบน้ำก่อนค่อยนอน” เสียงเรียบๆของเป่าตงดังขึ้นมา ตอนนี้มันเหมือนกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเต็มตัว “ขอนอนพักสักพักค่อยไปอาบ” เยว่เล่อนอนหงายกางแขนกางขาจนเต็มเตียง สายตามองเพดานเตียงอย่างเลื่อนลอย ส่วนหนึ่งในใจตื่นเต้นที่จะได้ออกเดินทางจากทวีปหยางจื่อตี้แล้ว แต่อีกใจหนึ่งก็กังวลอยู่เรื่องหนึ่ง ฟึบ เยว่เล่อตะแคงข้างหันไปมองเป่าตงและเสวี่ยปิงที่นอนอยู่บนเบาะของตัวเอง ตอนแรกนางตกลงกับพวกมันว่าหากข้ามทวีปได้สำเร็จจะปล่อยพวกมันให้เป็นอิสระ…แต่ในใจเยว่เล่อดันเกิดความเห็นแก่ตัวขึ้นมา นางไม่อยากปล่อยพวกมันไปเลย แม้เป่าตงจะขี้บ่น ขี้เหวี่ยง ขี้วีนแค่ไหน แต่มันก็คอยช่วยนางอยู่ข้างๆเสมอ เสวี่ยปิงเองถึงแม้จะเป็นหมาขี้ประจบ แต่มันก็เป็นเหมือนเพื่อนที่ดีของนาง การมีทั้งสองตัวอยู่ด้วยทำให้การเดินทางของนางไม่เหงาเลยสักวัน ทุกวันมีแต่เรื่องสนุกเต็มไปหมด ถ้าจะต้องจากกันในวันพรุ่งนี้… แค่คิดถึงเรื่องน่าเศร้าดวงตาของเยว่เล่อก็เริ่มแดงก่ำ
พอเช้าวันต่อมา เยว่เล่อ ฮุ่ยหมินและเหล่าสหายโจรก็นั่งเรือซ่อมซ่อลำเดิมพร้อมปลาหมึกกลับมายังท่าเรือ สภาพของเหล่าสหายโจรดูย่ำแย่เกินกว่าจะบรรยายได้ เพราะพวกเขาไม่ได้เจอเหล่าสหายพี่น้องกองโจรมาหลายอาทิตย์จึงกินดื่มกันจนเมาหัวราน้ำ ส่วนเยว่เล่อมิได้ร่วมดื่มแต่สภาพกลับไม่ต่างกันเท่าไรนักเมื่อนางเมากลิ่นซากปลาหมึก! เยว่เล่อไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าจะเอาพวกมันไปด้วยทำไม แต่พอนางบอกให้เอาโยนทิ้งไปฮุ่ยหมินก็รีบมาห้ามไว้เพราะบอกว่ากลับไปมือเปล่ามันน่าสงสัย “แหวะ อ้วก” เพียงแค่ขึ้นมาถึงฝั่งเยว่เล่อและเหล่าสหายโจรก็ประจำพุ่มไม้แยกกันอ้วกจนหมดพุง หลังลากสังขารกลับโรงเตี๊ยมได้ หลงจู๊ของโรงเตี๊ยมรีบวิ่งมารายงานคนที่สภาพดีที่สุดเช่นฮุ่ยหมินว่ามีคนฝากจดหมายเอาไว้ให้ เมื่อเขาคลี่จดหมายออกจึงพบว่าเป็นนัดหมายตกลงราคาสินค้า เขามิค่อยพอใจนักที่นางจะขายสิ่งล้ำค่าหายากเช่นไข่ของหงส์เพลิง แต่ในเมื่อตกลงกันแล้วว่าเขาได้เงินนางได้หินนั่นจึงทำอะไรไม่ได้ อีกอย่างคนที่คว้าชัยชนะมาได้ก็คือนาง “น้องสาวเจ้าไหวมั้ยเนี่ย” ฮุ่ยหมินพยุงหิ้วปีกร่างของเยว่เล่อขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ดีๆ “เอ้า จดหมายของเจ
ใช้แรงไปไม่น้อยเมื่อต้องปีนบันไดเชือกมาถึงสามสิบชั้น แต่เพียงแค่ขึ้นมาถึงดาดฟ้าเรือใจของเยว่เล่อก็เต้นระส่ำไปหมด มีเรื่องน่าสนใจให้จ้องมองเต็มไปหมด ทั้งหอคอยปราการที่ตั้งสูงบนนั้นแล้วยังติดตั้งปืนใหญ่เอาไว้ ทั้งยังมีบ่อปลาเสริมมงคล ไหนจะห้องดูหรูหราตกแต่งด้วยทองบนอีกชั้นของดาดฟ้านั่นอีก แต่สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเยว่เล่อที่สุดคงจะเป็นบัลลังก์สีดำสลักลวดลายอสูรตัวใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ นางรีบวิ่งไปดูบัลลังก์สุดอลังการนั่นด้วยความตื่นเต้นในทันที นี่แหละความอลังการที่นางหวังถึง! เยว่เล่อลูบลายสลักด้วยความประณีตอย่างแผ่วเบา พอมาใกล้ๆแล้วบัลลังก์ดูใหญ่กว่าเดิมอีก “ข้าลองนั่งดูได้หรือไม่” เยว่เล่อหันไปถามฮุ่ยหมินกับสหายโจรที่กำลังเดินมาหา “ได้สิ ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเมียข้าย่อมมีสิทธินั่งบนบัลลังก์อยู่แล้ว” เยว่เล่อชะงักตูดของตัวเองที่กำลังจะนั่งลงเมื่อยินคำว่า ‘ได้สิ’ แต่เมื่อได้ยินเงื่อนไขข้างหลังจึงรีบยกตูดตัวเองขึ้นมายืน มองบัลลังก์ด้วยสายตาดุจรังเกียจมาก “ชิ แค่รองเท้าข้ายังไม่อยากเอาไปวางเลย” เยว่เล่อสะบัดหน้าหนี กำลังมองหาสิ่งสนุกใหม่ก็ได้ยินเสียงชาย
เยว่เล่อออกมากับพวกอันหรานและหยู่เซินโดยที่ไม่มีเป่าตงและเสวี่ยปิงตามมาด้วย ท่าเรือในยามค่ำคืนยังคงคึกคักมิต่างจากตอนกลางวัน ตลอดถนนเส้นทางมีโคมไฟจุดจนสว่าง เยว่เล่อสังเกตเห็นว่ามีเรือเข้าออกตลอดเวลา ทั้งยังมีคนของทางการเดินตรวจตราเข้มงวด นางเดินตามอันหรานกับหยู่เซินจนมาพบกับฮุ่ยหมินและฮันสุ่ยยืนพิงกำแพงรออยู่ “ไหนล่ะเรื่องสนุกที่เจ้าว่า” เยว่เล่อถามฮุ่ยหมิน นางไม่เห็นทีท่าว่าท่าเรือที่มีคนเยอะแยะเช่นนี้จะสามารถมีรังโจรซุกซ่อนเอาไว้ได้ “ตามมาสิ” ฮุ่ยหมินตอบ เขาใช้พลังปราณใช่แหวนมิตินำถุงผ้าและเบ็ดตกปลาหลายคันมาถือและแบ่งให้กับลูกน้องของตัวเองเยวเล่อเดินตามเขาไปเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะเดินตรงไปที่ท่าเรือแต่นางก็ยังไม่ถามอะไรออกมา พวกเขาเดินตรงไปที่ซุ่มโต๊ะที่มีการตรวจตาคนเข้าออกท่าเรือ “พวกเจ้าจะออกเรือไปทำอะไร” นายตรวจถามเสียงเข้มเมื่อมีชายหนุ่มหน้าตาเจ้าสำอางกับผู้ชายอีกสามคนและมีผู้หญิงอีกหนึ่งคนยืนอยู่ด้านหลัง ดูน่าสงสัยไม่น้อย “ข้ากับคนในครอบครัวจะออกออกไปตกหมึกน่ะ ท่านเป็นนายตรวจแห่งท่าเรือนี้คงรู้สิน่ะว่าหมึกต้องตกตอนกลางคืนน่ะ” “พวกเจ้าไปได้แ
ก่อนที่เหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเสวี่ยปิงจึงรีบลากคอเป่าตงจนตัวลอยมาวางไว้ข้างหลังผ้าคลุมโต๊ะแล้วกระซิบเสียงลอดไรฟันว่า ‘คอยดูสถานการณ์ไปก่อน’ เป่าตงที่กำลังมึนงงยิ่งงงเข้าไปอีกเมื่ออยู่ๆหมาโง่อย่างเสวี่ยปิงกับไม่ทำเรื่องงี่เง่าแต่กลายเป็นมันเสียเอง “พระเจ้า ข้าขอดูใกล้ๆสักหน่อย” เมื่อพ่อค้าทำท่าจะถลาตัวเข้ามาหยิบไข่ไป เยว่เล่อที่ไหวตัวทันจึงรีบไปหลบหลังฮุ่ยหมินที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ ความคิดแรกของพ่อค้าคือจะใช้กำลังแย่งชิงมาต้องตกไปเพราะเขาพึ่งจับได้กับสัมผัสไอปราณที่พึ่งออกมาจากรอบๆตัวของชายหน้าตาเจ้าสำอาง ถึงพ่อค้าจะมีระดับปราณต่ำกว่าจนมิสามารถล่วงรู้ได้ว่าเขาอยู่ระดับไหนแต่จากประสบการณ์ชายคนนี้ย่อมมีระดับไม่ต่ำกว่าระดับหกแน่ ขนของเขาลุกซู่รีบถอยหลังกลับไป “ข้าแค่จะขอตรวจดูเท่านั้นว่าใช่ของจริงหรือป่าว” “พี่ชาย อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเลย ชายสี่คนที่มากับข้าถึงจะดูไม่เอาไหนไปบ้าง ดูติ๊งต๊องไปสักหน่อย แต่พวกเขาเป็นถึงสมาชิกองโจรที่โหมเหี้ยมเช่นกองโจรเงาพรายอสูรเชียวนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาร้านเล็กๆของท่านมิรู้ว่าจะมีสิ่งใดเหลือบ้าง…แต่หากคิด ว่าเบื้องหลังท่านยิ่ง
ณ เมืองท่าของแคว้นซูบรรยากาศอบอ้าวไปด้วยลมร้อนของทะเล กลิ่นเค็มจากสายลมทำให้สมองตื่นตัวแบบน่าประหลาด ทั้งผืนน้ำกว้างใหญ่ หาดทรายและต้นมะพร้าวสูงใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่เยว่เล่อไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต นางวิ่งเหยียบย่ำทรายนุ่มขาวกับเสวี่ยปิงโดยมีเป่าตงเดิมสง่างามตามมา มันมองเหยียดยัยเด็กฟันน้ำนมและหมาโง่ที่ทำตัวเป็นบ้านนอกไม่เคยเห็นทะเลมาก่อน ซ่า เมื่อคลื่นทะเลซัดพื้นทรายจนมาโดนเท้าของเป่าตง มันตกใจมากจนวิ่งหนีออกจากฝั่งไปไกล สะบัดเท้าเอาน้ำทะเลออกจากฝ่ามือแล้วดม พอได้กินเค็มๆจึงลองชิมอย่างกล้าๆกลัวๆ มันเบิกตาโตทันทีเมื่อพบว่าน้ำมันเค็ม อย่าบอกนะว่าผืนน้ำที่กว้างใหญ่ทั้งหมดนี้คือน้ำเค็มทั้งหมด! ฮุ่ยหมิน ฮันสุ่ย อันหรานและหยู่เซินทำหน้าตายมองภาพคนบ้านนอกตื่นทะเล พวกเขาอยากจะทำเป็นไม่รู้จักกับเยว่เล่อด้วยซ้ำเมื่อเห็นนางสะดุดขาตัวเองแล้วจมทะเลลึกแค่เข่า! เสวี่ยปิงใช้หัวดันหลังเจ้านายตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะจมน้ำตื้นตาย เป็นการตายที่น่าสมเพสมากมิใช่หรือ มันไม่อยากมีประวัติว่าเคยมีเจ้านายโง่ขนาดนี้มาก่อน มันยังไม่อยากถูกลูกหลานตัวเองล้อจนตาย! แค่กๆ เยว่เล่อลุกข
ในวันนี้เยว่เล่อมีภารกิจสำคัญคือหาสุราลูกพลัมกลับไปฝากท่านพ่อ แต่ปัญหาคือไม่มีใครไปเป็นเพื่อนนางเลยสักคน เป่าตงนั่นมิอยากยุ่งกับนางเป็นทุนเดิม แต่เสวี่ยปิงเนี่ยสิมันบอกว่าอยากจะซึบซับปราณจากหินปราณธาตุน้ำแข็งอยู่ในโรงเตี๊ยม นางจึงเดินหน้าบูดลงมาชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยมจึงได้พบกับเหล่าสามสหายโจรกำลังนั่งกินอาหารเช้าไร้ซึ่งวี่แววคนเป็นหัวหน้า “หัวหน้าของพวกเจ้าอยู่ไหนรึ” เยว่เล่อขมวดคิ้วมุ่น คนชอบเสนอหน้าเช่นฮุ่ยหมินจะหายไปได้ยังไง “อ่อ หัวหน้ากำลังนั่งนับเงินอยู่น่ะ เมื่อไรที่หัวหน้าพูดเช่นนี้ล่ะก็ทำใจได้เลยว่าจะไม่เห็นหน้าเขาเกือบครึ่งวันนั่นแหละ” อันหรานพูดออกมาสบายๆ เขาและลูกน้องทุกคนดูชินกับเหตุการณ์เช่นนี้ “อีอะไออือแอ่อาง” (มีอะไรหรือแม่นาง) ฮันสุ่ยถามพร้อมข้าวเต็มปาก “เฮ้อ ข้าจะไปเหล่าสุราพลัมหอมมีใครจะไปกับข้าบ้าง” แค่ได้ยินคำว่าสุราราวกับมีหางโผล่ออกมา พูกเขาทิ้งถ้วยชาและตะเกียบลงบนโต๊ะ รีบวิ่งมาหาเยว่เล่ออย่างรวดเร็ว หน้าร้านขนาดกลางมีป้ายเขียนไว้ว่า ‘เหล่าพลัมหอม’ มีชายชราหลังง้อผมขาวโพลนคนหนึ่งกำลังกวาดเศษใบไม้อยู่หน้าร้านเมื่อเห็นเยว
ครืนนน การสั่นครั้งสุดท้ายรุนแรงมากเสียจนพื้นที่รอบบริเวณภูเขาไฟเสิ่นอู๋เหมือนมีแผ่นดินไหว แม้แต่ผู้ชมที่รอชมอยู่ด้านล่างยังสามารถสัมผํสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนนี้ “การตัดสินครั้งสุดท้ายมาถึงสักที ตอนนี้หินร่วงหล่นเร็วมากจนแทยไม่เหลือ ทีมแม่นางมี่เถียนเหมือนจะถอดใจแล้วหรือป่าว พวกเขาค่อยกระโดดตามแผ่นหินที่ร่วงลงมาเพื่อกลับมาข้างล่าง แต่ทีมแม่นางอี้ฝานยังคงพยายามต่อสู้กับความร้อนของภูเขาไฟเสิ่นอู๋ต่อด้วยการเสียสละพลังปราณธาตุน้ำของแม่นางจื่อเวยเพื่อประคองให้แม่นางอี้ฝานได้ไปต่อ ส่วนม้ามืดของเราเช่นแม่นางไฉเอ๋อร์ก็เหลือเวลาอีกแค่เจ็ดลมหายใจเท่านั้นก่อนจะถูกปรับแพ้เพราะผิดกติกา!” จากตอนแรกเสวี่ยปิงต้องทำเป็นถูกล่อด้วยหินปราณไปเรื่อยๆ แต่ในสถานการณ์ที่น้ำแข็งละลายไล่เท้าหลังของมัน การวิ่งนี้จึงกลายเป็นการวิ่งหนีตายไปโดยปริยาย เยว่เล่อมองเส้นชัยบนยอดภูเขาที่อยู่ใกล้เพียงแค่นิดเดียวเท่านนั้น ยังไงก็ทันแน่! ความคิดของเยว่เล่อถูกชะงักลงด้วยลูกไฟที่ก่อร่างเป็นนกคล้ายหงส์กำลังบินโฉบมาทางนางและเสวี่ยปิง เมื่อก้มลงไปมองจึงพบว่าเป็นฝีมือของอี้ฝานที่อยู่ในโดมครอบน้ำของจื่อเวย นางเลือกไม่สนใจสะเ
กลับมาในสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมของมี่เถียนและอี้ฝานหยุดปะทะกันตั้งแต่หินเริ่มหล่นแล้ว จนตอนนี้แผ่นหินค่อยๆหยุดร่วงลงทีมของพวกนางก็ยังเร่งไต่ภูเขากันต่อ “ตอนนี้หมดระลอกการสั่นเตือนครั้งที่หนึ่งแล้ว ทุกคนต่างเร่งให้ถึงยอดปล่องภูเขาโดยเร็ว อย่าลืมว่าการสั่นเตือนของภูเขามีทั้งหมดแค่สามครั้งก่อนพลังของภูเขาไฟจะหมด ทีมของแม่นางมี่เถียนและทีมของแม่นางอี้ฝานตัดสินใจหยุดปะทะกัน โอ๊ะ ดูเหมือนจะไม่ ทั้งสองทีมทิ้งสมาชิกไว้สามคนเพื่อต่อสู้กัน ศักดิ์ศรีของสำนักปล่อยวางไม่ได้เชียวหรือ” ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรความร้อนจากภูเขาไฟยิ่งมากเกินจะทนไหว ร่างกายของมี่เถียนชื้นเหงื่อ ไอร้อนระอุจนทำให้แผ่นหินกลายเป็นกะทะร้อน ติงหยวนอุ้มคนรักขึ้นแล้วกระโดดต่อ เขามีคุณสมบัติปราณธาตุไฟดังนั้นเขาจึงทนความร้อนได้มากกว่าคนรัก “พี่ข้าไปเองได้ ข้ามไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพี่ ปล่อยข้าลงเถอะ” “ใครหน้าไหนมันกล้าบอกว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงของข้าก็พูดออกมาเถอะ” “เหอะ ได้ดีเพราะเกาะผู้ชาย หน้าไม่อาย” จื่อเวยหันหลังไปมองภาพคู่รักสองคนแล้วสบถออกมา จื่อเวยใช้ปราณแปลงคุณสมบัติเป็นธาตุน้ำครอบคลุมตัวของนา