ร่างกายเยว่เล่อโงนเงนไปตามแรงของสาวใช้ที่อาบน้ำให้นาง ดวงตาของนางปิดปรือไม่รับรู้สิ่งใด งานของพวกนางคณิกามันเริ่มตอนกลางคืนมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงถูกดึงจากที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังมิสางแบบนี้! ฮืออออ ข้าอยากนอนเตียงดีๆที่ไม่ได้นอนมานาน ถ้ารู้ว่าจะลำบากขนาดนี้จะเรียกค่าตัวเพิ่มอีกสักพันตำลังทอง
“พระเจ้า ผิวแม่นางเหมยฮวาดีอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว”
“ใช่มั้ยล่ะ นอกจากผิวแล้วรูปร่างหน้าตาของพี่เหมยฮวายังงดงามจนข้าอดอิจฉาไม่ได้เลยล่ะ งดงามยิ่งกว่าพี่สาวคนไหนๆในร้านนี้อีกนะ” เสียงของสาวใช้ดังเข้ามาในหูเยว่เล่อไม่ขาด ในน้ำเสียงมีความประจบประแจงอยู่แปดส่วน แน่นอนล่ะทั้งเมื่อคืนและตอนนี้นางได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากแม่เล้า ทั้งห้องที่ดีที่สุด เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดีที่สุด ไม่แปลกใจหากสาวรับใช้พวกนี้จะอยากพันแข้งพันขานาง
“ไปเอาชุดมาอีก เร็วเข้าอีกเดี๋ยวจิตรกรก็จะมาแล้ว ครั้งนี้ข้าลงทุนจ้างจิตรกรฝีมือดีค่าตัวไม่ใช่น้อย อย่าทำให้เสียเวลา”
“เจ้าค่ะท่านแม่” ทั้งสาวใช้และคณิกานับสิบชีวิตวุ่นวายกับการแต่งตัวให้เยว่เล่อออกมางดงามที่สุด
“เหมยเอ๋อร์ของแม่ใส่อะไรก็งามไปหมด แต่ชุดพวกนี้ยังดึงความงามของเจ้าได้ไม่หมด อืมมม เจ้าไปเอาชุดสีแดงของหลานฮวาที่ข้าพึ่งให้นางมาสิ บอกนางว่าเดี๋ยวข้าจะส่งชุดอื่นไปแทน”
“อะไรนะท่านแม่จะมาขอชุดของข้าให้นังขอทานนั่นหรือ!”“เจ้าค่ะพี่หลานฮวา ท่านแม่บอกว่าจะหาชุดอื่นมาให้พี่แทน” เมื่อได้ยินจิตใจของหลานฮวายิ่งไม่มีความสุข เมื่อวานนางยังเป็นนางคณิกาอับดับหนึ่งของร้านนี้อยู่เลย ของที่ดีที่สุดย่อมเป็นของนางแต่บัดนี้กำลังมีคนแย่งมันไปจากนาง โดยเฉพาะชุดสีแดงอันงดงามตัวนั้น นางพึ่งได้มันมาและยังไม่เคยใส่มันสักครั้งเดียว!!!
หลานฮวายื่นชุดสีแดงคลิปทองล่ำค่าส่งไปให้สาวใช้อย่างไม่เต็มใจนัก
แม่เล้ายิ้มพึ่งพอใจมากเมื่อเห็นร่างบางของเยว่เล่อใช่ชุดสีแดงขับผิวอวดทรวดทรง เกาะอกรัดแน่นจนเห็นร่องเนินอก เปิดเอวคอดอันเย้ายวน กางเกงแม้จะเป็นขายาวแต่กลับโปร่งจนเห็นไปยันขาอ่อน บนเส้นผมถูกจัดทรงและประดับด้วยเครื่องทองและหยกล้ำค่า ประกอบกับดวงตาหวาน เมื่อมองโดยร่วมแล้วคือความงามที่ ยากจะห้ามใจ ท่าทีง่วงซึมยิ่งทำให้นางดูเย้ายวนกว่าเดิม
เยว่เล่อที่ยังไม่ตื่นดีถูกประคองไปนั่งที่ห้องหนึ่งซึ่งมีจิตกรกำลังนั่งรออยู่ในห้อง แม่เล้าเขย่าไหล่ของเยว่เล่อแรงๆจนนางสะดุ้งตื่นจากฝัน
“ขะ ข้าต้องทำอะไรหรือ?” ร่างกายเยว่เล่อแข็งทื่อเมื่อตนถูกจับนั่งอยู่กลางห้องโดยมีแม่เหล้ากับชายอีกคนยืนคู่กันอยู่ริมห้อง
“เจ้านั่งเฉยๆแล้วทำท่าทางงดงามค้างไว้ เชิดหน้าขึ้น บิดสะโพกอวดรูปทรง ทำหน้ายั่วยวนด้วยสิ” เยว่เล่อพยายามทำตามท่าทางที่ถูกสั่ง
“ข้าทำหน้ายั่วยวนไม่เป็น” ใบหน้าเยว่เล่อเริ่มไม่มีความสุข นางถูกดึงออกจากที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางและถูกจับทำนู้นนี้ไม่ได้พัก งานนางโลมนี่หนักมากจริงๆ แต่พอนึกถึงเงิน1000 ตำลึงทองที่นางนอนกอดเมื่อคืนก็ได้แต่ถอนหายใจ
“โถ่เหมยเอ๋อร์ เพราะเจ้าเคยเป็นคุณหนูไร้เดียงสามาก่อถึงได้ถูกหลอกยังไงล่ะ มาเถอะเดี๋ยวแม่จะช่วยสอนเจ้า จวี๋ฮวาเจ้าไปแสดงใบหน้ายั่วยวนให้นางดู”
“เจ้าค่ะท่านแม่” สาวงามอันดับสองเดินนวยนาดเชื่องช้ามีจริต นางปรือตาลงเล็กน้อย ยกยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ใช้สายตามองอย่างสื่อความหมาย
คิ้วงามขมวดมุ่นคิดเท่าไรเยว่เล่อก็มิเข้าใจ สตรีผู้นี้จะทำหน้าเหมือนคนขับถ่ายอุจจาระไม่ออกไปทำไม! เหตุใดปวดท้องแล้วต้องอดทนด้วยเล่า เดินบิดหน้าบูดถึงเพียงนี้แล้วแท้ๆ
“ท่าทางน่าอายเช่นนี้ข้าทำไม่ได้จริงๆ” ใบหน้าเหยเกอยากจะรับไหว ใช่แล้วต่อให้เยว่เล่อจะยอมเป็นขอทานกับนางโลมแต่จะมิยอมให้คนวาดใบหน้าอั้นอุจจาระของนางเด็ดขาด! แม่เล้าถอนหายใจยังต้องฝึกกันอีกมาก
“งั้นแค่ยิ้มเฉยๆเจ้าคงทำได้นะ…ดี! งดงามมากค้างท่านั้นเอาไว้ จิตรกรท่านรีบวาดเร็วเข้า”
“ดะ เดี๋ยวก่อนท่านแม่ ท่านจะนำรูปข้าไปทำอะไร” เยว่เล่อพะงาบปากถาม
“เราจะประมูลค่ำคืนแรกของหนูในอีกห้าวันไงจ้ะ เราต้องวาดภาพเหมือนส่งไปในเมืองและเมืองข้างๆเพื่อเรียกแขกมาชมความงามดอกเหมยของแม่”
บ้าไปแล้วรึป่าว เยว่เล่อเลิกเกร็งเดินเซไปทางแม่เล้าดวงตาลุกลน ให้เอาหน้าไปติดหลาอยู่กลางเมืองน่ะหรือนางหนีออกจากบ้านอยู่นะ ถ้าคนของสำนักมาเห็นเข้าขึ้นมาจะทำยังไง!
“อย่าทำเช่นนั้นเลยท่านแม่ ท่านลองคิดดู ด้วยความงามเหนือจินตนาการของข้าหากท่านให้คนเอาภาพข้าไปแปะ ใครจะไปเชื่อว่านั้นใบหน้านี้จะมีอยู่จริง พวกเขาต้องคิดว่าท่านจ้างให้จิตรกรวาดภาพเกินจริงเพื่อเรียกแขกแน่ หากเป็นเช่นนั้นแล้วยังจะมีคนมาชื่นชมข้าอีกหรือ เฮ้อ นี่คงเป็นชะตากรรมของโฉมสะคราญล่มเมืองเยี่ยงข้า ไร้คนเหลียวแลคงเป็นเพียงสตรีราคาถูกที่ขายได้เพียงไม่กี่ตำลึง” ใบหน้าโศกศัลย์สะเทือนใจจนต้องทรุดตัวลงไปนั่งกุมหัวใจที่พื้น หยดใสไหลหลั่งให้กับชะกรรมของตนเองมากแค่ไหนแต่ปากเยว่เล่อไม่ลืมชมตัวเองให้มาก เชิดหน้าโอ้อวดอีกเล็กน้อย
“ตายแล้ว ลุกขึ้นเถอะ ที่หนูพูดก็มีเหตุผล แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยจะมีคนรู้งานประมูลได้เช่นไร”
“รูปภาพไหนเลยจะสู้ให้พวกเขาได้เห็นข้าด้วยตัวเองเล่า คืนนี้ให้ข้าออกไปร่ายรำดีหรือไม่ พวกเขาต้องนำความงามของข้าไปเล่าลือกันแน่ ข่าวลือจากปากนักท่องราตรีดูน่าสนใจมากมิใช่หรือ” เมื่อตอนไปหาคุนฟู่ในย่านเริงรมณ์เยว่เล่อมักเห็นพวกนางคณิกาแต่งกายยั่วยวนร่ายรำอยู่บนเวทีจนคุนฟู่น้ำลายหกไปหมด
“เป็นความคิดที่ดีมาก! เช่นนั้นคืนนี้หนูต้องร่ายรำให้แขกของเราดูนะจ้ะ เหมยเอ๋อร์ของแม่เคยเป็นถึงคุณหนูตระกูลผู้ดีคงร่ายรำได้งดงามอยู่แล้วสินะ”
“ไม่เป็นเจ้าค่ะ” คนที่วันๆเอาแต่หนีเที่ยวอย่างเยว่เล่อจะไปทำได้เช่นไร?
รอยยิ้มของแม่เล้าแข็งค้างพูดอะไรไม่ออก แต่เพียงชั่วพริบตาสายตาสิ้นหวังก็กลายเป็นไฟลุกโหม ตอนนี้พระอาทิตย์พึ่งโผล่พ้นฟ้ายังมีเวลาอีกเยอะกว่าจะถึงเวลารับแขกช่วงค่ำ การฝึกหนักจึงเริ่มขึ้นกลางความไม่เต็มใจของเยว่เล่อ
เป่าตงและเสวี่ยปิงนอนรออยู่ในห้องพักของเยว่เล่อ พวกมันกระดิกหูเมื่อได้ยินเสียงย่ำเท้าจากหน้าห้องดังใกล้เข้ามา หลังจากนั้นประตูก็ถูกเปิดออกโดยร่างโรยแรงของเยว่เล่อ นางเดินเซล่มตัวนอนลงบนฟูก
“พวกนั้นใช้แรงงานข้าหนักเกินไปแล้วจริงๆ” ตั้งแต่เช้านางพึ่งได้หยุดพักจากการสอนร่ายรำจากเหล่าพี่สาวทั้งหลาย ตอนค่ำนี้ยังไปร่ายรำให้แขกดูอีก เยว่เล่อหันมองหนึ่งหมากับแมวที่ถูกอาบน้ำจนขนพองสวย พวกมันชูคอมองนางอยู่บนเบาะนวมอย่างดี ภายในใจรู้สึกอิจฉาพวกมันที่วันๆไม่ต้องทำอะไร
“ไม่ต้องมาอิจฉาพวกข้าหรอก ถือว่าเป็นเวรกรรมของเจ้าที่หลอกพวกข้ามาใช้งานแล้วกัน” เป่าตงฟุบหัวกลับไปนอนแล้วไม่สนใจยัยเด็กฟันน้ำนมขี้อิจฉาอีกต่อไป
“พวกนั้นโหดร้ายกับนายหญิงเกินไป ให้ข้าไปฆ่าพวกนางให้ดีหรือไม่ พวกนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีแม้แต่ลมปราณด้วยซ้ำ ฆ่าพวกนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย” หมาขนสีขาวปุกปุยกระโดดขึ้นบนเตียงของเยว่เล่อ มันเอาหัวถูไถกับมือของนาง
“ไม่ต้องๆ เห็นแบบนี้ข้าก็เป็นผู้มีคุณธรรมที่สุดในใต้หล้าเชียวนะ เรื่องแบบนั้นข้ามิคิดจะทำ อีกอย่างเราหาเงินจากพวกเขาได้อีกมากเลยล่ะ” ประโยคหลังดูจริงใจกว่ามาก ดวงตาหวานมีประกายแห่งความสุขเมื่อนึกถึงเงินก้อนโตในอนาคต ใช้ลมปราณเรียกถุงเงินหนึ่งพันตำลึงทองออกจากกำไลมิติมานอนกอดแล้วหลับไป
บรรยากาศบนตำหนักเทียนฝูคุกรุ่นเมื่อฮูหยินรู้ว่าลูกสาวตัวดีของตนเองไม่ได้หนีเที่ยวเพียงลำพัง แต่ยังพาลูกพี่ลูกน้องอย่างซูเจียวไปด้วยอีกคน เดือดร้อนนายท่านหวางต้องคอยบรรเทาความโกรธของฮูหยิน “เมียรักเจ้าจะโมโหไปทำไมกัน ซูเอ๋อร์กับเยว่เอ๋อร์พวกนางเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก มิแปลกที่จะไปเที่ยวด้วยกัน” “ไปเที่ยว? หนีเรียนบ้านท่านเรียกไปเที่ยวรึ! แล้วเป็นเพราะลูกสาวท่านมิใช่หรือที่พาซูเอ๋อร์ออกนอกลู่ทางพาไปสร้างเรื่องมากมายจนเกือบเสียคน” ปิ่นปักผมลอยเฉียดหน้านายท่านหวางเพียงนิดเดียว เขารีบปรี่ตัววิ่งเข้าไปกอดขาฮูหยินแน่นในใจพร่ำบ่นบุตรสาว “นางยังเด็กมากไม่ค่อยรู้ความ เจ้าให้อภัยลูกเถอะเมียจ๋า…เหยียนเล่อ! รีบมาช่วยน้องสาวเจ้าเร็วเข้า!” สายตาของนายท่านหวางเหลือบไปเห็นบุตรชายคนโตของเขา หวางเหยียนเล่อ ด้านหวางเหยียนเล่อมองภาพท่านพ่อกอดขาท่านแม่ด้วยสายตาชินชา เยว่เอ๋อร์ก่อเรื่องอีกแล้ว? เขาพึ่งกลับบ้านหลังจากไปเที่ยวหาสหายที่โลกเบื้องล่างพอกลับมาถึงก็พบเจอเรื่องหาได้ง่ายเช่นนี้ เขาจึงเลือกยกนิ้วโป่งให้ท่านพ่อแล้วรีบเดินหนีกลับห้องของตัวเอง เรื่องอะไรเขาต้องเอาตนเองไปให้ท่
วันนี้เป็นวันที่สามแล้วที่เยว่เล่อได้กลายเป็นนางคณิกา ตื่นแต่เช้ามืดมาซ้อมร่ายรำกลางวัน ถึงบ่ายต้องเรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน ยามมืดยังต้องออกมารับแขก ชีวิตของนางคณิกาคนหนึ่งไม่ง่ายเลย หากแต่เยว่เล่อเริ่มรู้สึกสนุกกับการเป็นนางคณิกาเมื่อได้เรียนรู้การปรนนิบัติยามค่ำคืน…เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่เลวเลยทีเดียว กำลังเดินผ่านโถงทางเดินเพื่อไปขึ้นเวทีแสดงการร่ายรำแต่หูของเยว่เล่อกับได้ยินเสียงอันคุ้นเคยดังออกมาจากห้องที่พวกพี่สาวทั้งหลายเอาไว้ใช้รับแขก “คุณชายท่านพูดชมเกินไปแล้ว ตอนนี้ไป๋เหออายจนแทบอยากจะมุดแผ่นดินหนี” “เจ้าจะเอาหน้ามุดดินทำไมเล่า? เอาใบหน้าหวานๆของเจ้ามามุดแผงอกข้าไม่ดีกว่าหรือ” “อร้ายยย คุณชาย ท่านรังแกข้าจนหน้าแดงไปหมด” คิ้วยิ่งขมวดเมื่อเอาหูแนบประตูตั้งใจฟังอย่างดี เสียงนี้ฟังแล้วคุ้นมากมิใช่หรือ เยว่เล่อเปิดประตูบานเลื่อนช้าๆจึงพบว่าในห้องมีคนอยู่ถึง5คน มีชายที่โอบประคองสาวงามสองคนนั่งหันหลังให้ประตูอยู่บนระเบียงที่ยื่นออกไปมองจนสามารถเห็นเวทีข้างล่างได้ ส่วนอีกสองคนเป็นสาวใช้ที่กำลังวางอาหารจากถาดลงบนโต๊ะ สาวใช้สองคนอยู่ใกล้ประตูม
ในห้องที่ถูกล้อมทั้งสี่ด้านเอาไว้ด้วยผ้าม่านโปร่งบางสีแดง เพื่อมิให้อยู่ในที่ปิดมิดชิดเกินไป ของที่ยังไม่ขายแม่เล้าย่อมมิอยากให้เสียราคา เยว่เล่อแหวกม่านออกแล้วเดินไปนั่งตรงข้ามกับชายหนุ่มโรคจิต “รอนานหรือไม่เจ้าค่ะพี่มู่” มู่หยางลุกขึ้นมาประคองแม่นางคนงามนั่งฝั่งตรงข้าม พยายามเบามือเพื่อถนุถนอมเต็มที่ “ไม่นานเลย เจ้าร่ายรำได้งดงามมากข้ามองเพลินจนมิรู้เวลา” มู่หยางจับมือเล็กของแม่นางมาลูบ เยว่เล่อดึงมือของตัวเองออกอย่างช้าๆขยับตัวหันหลังให้กับมู่หยาง “อีกไม่นานก็ถึงงานประมูลแล้ว เหมยเอ๋อร์มิควรมาพบนายท่าน” ท่าทางหมางเมินกระทันหันสร้างความเจ็บปวดใจต่อมู่หยางอย่างมาก เขาลงไปคุกเข่าลงต่อหน้าของเยว่เล่อ มองสีหน้าเศร้าหมองของสาวงาม “ทำไมไม่ได้ล่ะ คนที่จะประมูลค่ำคืนแรกและซื้อตัวเจ้าก็คือข้ามิใช่หรือ” “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เมื่อไม่นานนี้มีคุณชายคนหนึ่งเขาบอกกับเหมยเอ๋อร์ว่าจะประมูลค่ำคืนแรกของเหมยเอ๋อร์และซื้อตัวจากแม่เล้าด้วยราคาที่สูงมาก” เยว่เล่อหันหน้าไปอีกทางเพื่อหนีหน้ามู่หยาง “แล้วเจ้าอยากไปกับเขาหรือไม่” “เหมยเอ๋อร์จะอยากไ
ในที่สุดวันประมูลค่ำคืนแรกของบุบผาดอกใหม่แห่งหอบุบผชาติก็มาถึง มีผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศเข้ามาจนแน่นไร้ที่ยืน ใบหน้าของแม่เล้าเป็นสุขจนล้นมิเสียแรงที่นางให้เหมยฮวาออกมาแสดงความสามารถตลอดทุกวัน ตอนนี้ชื่อเสียงของ‘แม่นางเหมยฮวาแห่งหอบุบผชาติ’โด่งดังจนถึงขีดสุด ค่าตัวของนางคงมิใช่น้อยเลย เมื่อวันก่อนเหมยเอ๋อร์ยังมาบอกกับนางว่ามีคุณชายเสนอว่าหากประมูลนางด้วยราคามากกว่าหนึ่งแสนตำลึงทองจะสามารถซื้อขาดตัวนางไปได้เลยหรือไม่ ครั้งแรกที่ฟังนางตกใจมากจะมีคนทุ่มเงินมากมายเพื่อซื้อนางโลมคนหนึ่งได้ยังไง เมื่อมองใบหน้างดงามของเหมยฮวานางจึงเข้าใจ แม้ว่าใจนางจะอยากเก็บดอกไม้ที่สามารถทำเงินให้นางได้ตลอดไป แต่เงินหนึ่งแสนตำลึงมันสามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจของนางได้อีกเยอะจึงยอมตกลงในที่สุด ตอนที่หลานฮวาได้ยินประกาศจากท่านแม่เมื่อวานก่อนว่าหากราคาประมูลของเหมยฮวามีราคาถึงแสนตำลึงทองจะยอมขายขาดนางก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่อีกใจก็ริษยาเป็นอย่างยิ่ง จึวได้แต่ภาวนาให้คนที่ซื่อตัวเหมยฮวาเป็นชายแก่อ้วนลงพุงคนหนึ่ง มู่หยางมองลงมาจากห้องพิเศษด้านบน เขากำลังมองหาคนที่พอจะเป็นคู่แข่งกับเข้าได้ บนโลกน
เช้าวันต่อมาหลังการประมูลจบลงข่าวลือเรื่องนางคณิการาคา 5 เหรียญจิตมารก็โดงดังจนทั่วทั้งเมือง หลายคนด่าว่าชายที่ประมูลเป็นบ้า หลายคนสงสัยว่านางคณิกาคนนั้นงดงามขนาดไหนกันเชียว แต่ใดๆคนที่พวกเขานินทากลับกำลังนั่งกินข้าวอยู่โต๊ะข้างหลังนี้เอง “คุนฟู่เจ้ากลายเป็นคนดังแล้วนะ ยินดีด้วย” เยว่เล่อยิ้มแป้นให้กับคนสนิทท่านพ่อ ตอนนี้นางมีความสุขมากที่กลับมาเป็นคนรวยอีกครั้ง ใบหน้าของคุนฟู่แข็งค้างพูดสิ่งใดมิออก ดังในด้านนี้เขาไม่ต้องการ! เป่าตงที่นอนอยู่บนเบาะข้างเยว่เล่อเหลือบมองเหยื่ออีกคนของยัยเด็กฟันน้ำนม หึ เขายังดูฉลาดกว่าชายคนนี้เยอะ “แล้วคุณหนูจะทำยังไงต่อ หากเรารีบตามหาคุณหนูรองแล้วกลับจวนตอนนี้ยังทันน่ะขอรับ หากเป็นตอนนี้นายท่านและฮูหยินคงยังมิรู้ว่าท่านหนีออกมา” คุนฟู่ภาวนาอยู่ในใจให้คุณหนูยอมกลับตำหนักเทียนฝูดีๆ “ไอหยา พูดถึงซูๆแล้วข้าเป็นห่วงขึ้นมาเลยแหะ เอาอย่างนี้ เรารีบหาซูเจียวให้เจอก่อนดีมั้ยล่ะ” “ดีขอรับๆ” หัวของคุนฟู่พยักหน้าแรงๆ เขายินดีเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ “แต่เจ้าต้องพาข้าไปแลกก้อนทองเป็นตำลึงก่อน ข้าจะได้เอาเงินไปซื้อของเก็บไว้ให้มาก
เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
กลับมาในสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมของมี่เถียนและอี้ฝานหยุดปะทะกันตั้งแต่หินเริ่มหล่นแล้ว จนตอนนี้แผ่นหินค่อยๆหยุดร่วงลงทีมของพวกนางก็ยังเร่งไต่ภูเขากันต่อ “ตอนนี้หมดระลอกการสั่นเตือนครั้งที่หนึ่งแล้ว ทุกคนต่างเร่งให้ถึงยอดปล่องภูเขาโดยเร็ว อย่าลืมว่าการสั่นเตือนของภูเขามีทั้งหมดแค่สามครั้งก่อนพลังของภูเขาไฟจะหมด ทีมของแม่นางมี่เถียนและทีมของแม่นางอี้ฝานตัดสินใจหยุดปะทะกัน โอ๊ะ ดูเหมือนจะไม่ ทั้งสองทีมทิ้งสมาชิกไว้สามคนเพื่อต่อสู้กัน ศักดิ์ศรีของสำนักปล่อยวางไม่ได้เชียวหรือ” ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรความร้อนจากภูเขาไฟยิ่งมากเกินจะทนไหว ร่างกายของมี่เถียนชื้นเหงื่อ ไอร้อนระอุจนทำให้แผ่นหินกลายเป็นกะทะร้อน ติงหยวนอุ้มคนรักขึ้นแล้วกระโดดต่อ เขามีคุณสมบัติปราณธาตุไฟดังนั้นเขาจึงทนความร้อนได้มากกว่าคนรัก “พี่ข้าไปเองได้ ข้ามไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพี่ ปล่อยข้าลงเถอะ” “ใครหน้าไหนมันกล้าบอกว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงของข้าก็พูดออกมาเถอะ” “เหอะ ได้ดีเพราะเกาะผู้ชาย หน้าไม่อาย” จื่อเวยหันหลังไปมองภาพคู่รักสองคนแล้วสบถออกมา จื่อเวยใช้ปราณแปลงคุณสมบัติเป็นธาตุน้ำครอบคลุมตัวของนา
หลังจากเยว่เล่อตกลงไปไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก มีเพียงติงหยวนที่กระโดดไปอยู่หินกอดเดียวกับมี่เถียนเท่านั้น ผู้ชมด้านล่างต่างร้องตะโกนให้พวกเขาขยับสักที เพราะตอนนี้ทีมที่เหลือรอดมีเพียงแค่สามทีมนี้เท่านั้น “พวกเขาจะอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้คู่แข่งอย่างสำนักมักรฟ้าชนะสบายๆเช่นนี้ สำนักฟ้ากระจ่างยอมได้หรือ” เจ๋อปิงหลุนพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรสักที “ข้าเอง” มี่เถียนทนไม่ได้หากต้องดูอี้ฝานและสหายได้รับชัยชนะแต่ในขณะที่นางกำลังจะขยับตัวมือใหญ่ของติงหยวนกับรั้งเอาไว้ “ให้พี่จัดการเอง” ติงหยวนรวบรวมลมปราณแล้วแปรเปลี่ยนคุณสมบัติธาตุไฟของตัวเองให้เป็นธาตุสายฟ้าจนมีประกายสายฟ้าแลบรอบๆตัวเขา “พระเจ้า ของดีออกมาแล้ว! หากไม่ใช่ธาตุไฟบริสุทธิ์จะไม่สามารถแปรคุณสมบัติเป็นธาตุสายฟ้าได้ สมแล้วที่เป็นถึงอัจฉริยะเยาว์วัย” ติงหยวนตั้งท่ารวบรวมสายฟ้ารอบตัวกระโดดเหยียบแผ่นรวดเร็วจนไม่ทันตกลงไป รวมทั้งสายฟ้าของเขายังฟาดลงไปบนแผ่นหินจนสามารถแยกได้ว่าอันไหนของจริงของปลอมได้อีกด้วย “สุดยอดจริงๆเลยพี่ติงหยวน” มี่เถียนยิ้มหวานให้กับคนรักของตนก่อนจะกระโดดตามติงหยวนไปพร้อม
เมื่อเสียงประกาศเริ่มการแข่งขันจากพิธีกรดังขึ้นผู้ร่วมการแข่งขันทุกคนรีบทะยานกระโดดแท่นหินเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา หลายจุดมีการปะทะกันตั้งแต่เริ่ม มีหลายทีมที่สละสมาชิกสี่คนในการสกัดทีมอื่นแล้วส่งตัวแทนขึ้นไปบนยอดเขาแค่คนด้วย การแข่งขันดุเดือดเข้มคนตั้งแต่แรกเช่นนี้ถูกใจผู้ชมมากจนเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั้วบริเวณ ด้านหนึ่งของภูเขาที่มีทีมสิบสามของเยว่เล่อ ทีมแปดของมี่เถียนและทีมสามของอี้ฝานเองก็ดุเดือดตั้งแต่เริ่ม เมื่อสมาชิกชายสามคนจากทีมมี่เถียนใช้อาวุธเคลือบลมปราณไล่ทุบแผ่นหินไม่ให้ปีนขึ้นไปด้านบน เศษหินน้อยใหญ่มากมายร่วงลงมากข้างล่างสร้างความลำบากให้อีกสองทีมที่เหลือที่ตามหลังอยู่ “เล่นสกปรกเกินไปแล้ว อย่างนี้พวกเราก็ต้องใช้ลมปราณมากขึ้นในการทะยานไปเหยียบหินที่อยู่ไกลน่ะสิ” อานหรานโวยวายเมื่อเขาเกือบโดนเศษหินขนาดเท่าลูกแตงโมเสยหน้าตกลงไป “ข้าว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการไม่ให้พวกเราเหลือหินให้เหยียบจนครบสิบลมหายใจจนถูกตัดออกมากกว่า” อี้ฝานกระโดดหลบเศษหินไปพูดไป นางตั้งใจกับการแข่งขันนี้มาก เพราะบังเอิญไปอ่านเจอตำราของสำนักมังกรฟ้ามาว่าไข่ของหงส์เพลิงเมื่อใกล้ถือกำ
ในเช้าวันเทศกาลผู้คนครึกครื้นถึงที่สุด มีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาจากแคว้นหรือเมืองอื่น มีทั้งคนในเมืองภูเขาไฟแห่งนี้ พวกเขาออกมาจากที่พักแต่เช้ามานั่งจับจองที่นั่งตรงตีนภูเขาไฟเพื่อดูการแข่งขันอย่างใกล้ชิด “ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันเทศกาลไต่ภูเขาไฟเสิ่นอู๋ครั้งที่3221 ข้าคือพิธีกรประจำปีนี้สุดหล่อแห่งแดนใต้ ผู้บำเพ็ญปราณระดับห้าขั้นกลางเจ๋อปิงหลุน!” เฮ้ๆๆๆ เสียงกู่ร้องของเหล่าผู้ชมดังจนผืนดินสะเทือน แต่เมื่อพิธีกรพูดพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังอย่างตั้งใจ ทามกลางเสียงกู่ร้องของผู้ชมมีชายสามคนที่ยืนอย่างไร้สติหลุดลอยอยู่ด้านหลังฉากกั้น ฮันสุ่ยพึ่งตื่นจากที่นอนและถูกหัวหน้าลากออกมาจากฟูกนอน เช่นเดียวกับอานหรานและหยู่เซิน แม้แต่ชุดของพวกเขายังเป็นแค่ชุดตัวในของโรงเตี๊ยมเท่านั้น ครืนนน พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณภูเขาไฟ แผ่นหินโดยรอบเริ่มลอยเป็นลำดับขั้นคลายบันไดสู่ยอดเขา ผู้รับชมต่างตื่นตากกับภาพมมหัศจรรย์ตรงหน้า “ว้าว มาแล้วๆ นี่คือลมปราณธาตุไฟจากภูเขาเสิ่นอู๋ ผู้ชมทุกท่านห้ามเข้าใกล้เกินไปล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ผู้เขาแข่งขันก็พร้อมแล้ว ดังนั้นข้าขออ
ภูเขาไฟสูงใหญ่ตั้งตะหง่านมองเห็นมาแต่ไกล ควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมันพร้อมประทุออกมาตลอดเวลา เมืองภูเขาไฟห่างไกลจากเมืองหลวงแคว้นซิวมากแต่กลับเจริญพอๆกับหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าและบ้านเมืองที่ประดับไปด้วยกระดาษพับหลากสีสันรูปร่างแตกต่างกันห้อยแขวนตามมุมหลังคา ตามหน้าต่างประตู “เร็วๆเข้าสิพวกเจ้าเดินหรือคลานเนี่ย” เยว่เล่อวิ่งกับที่เอยเร่งกลุ่มโจรปวกเปียกพวกนี้ ดูสิกว่าจะก้าวขาแต่ล่ะข้าง เป็นโจรกันแน่หรอพวกเขาวิ่งหนีทางการได้ยังไงกันโดยไม่โดนจับจนถึงทุกวันนี้ กองโจรหลายสิบคนตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนที่เหลือฮุ่ยหมินให้ไปรออยู่ที่เมืองท่าแคว้นซิว “มะ แม่นางไฉ่เอ๋อร์ พะ พวกข้าขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้หรือไม่” แม้แต่เสียงจะพูดสักคำฮันสุ่ยยังต้องเค้นแรงอย่างมาก พวกเขาเร่งเดินทางตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้มาหลายพันลี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจะตายอยู่แล้วมีแต่แม่นางเนี่ยแหละที่สดใสตลอดเวลา! ฮันสุ่ยล้มไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาพยายามยกหัวที่สั่นเทาเงยมองแม่นางไฉ๋เอ๋อร์ที่ยังร่าเริงตื่นเต้นไหวอยู่ มองไปข้างๆก
คี๊ค คี๊ค มือใหญ่ลูบใต้คอของเหยี่ยวตัวใหญ่เบาๆก่อนจะส่งมันบินออกไปพร้อมจดหมาย เล่อเหยียนหันหลังกับมาเมื่อส่งจดหมายถึงน้องสาวเสร็จ เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะ จิบชามองสหายสองคนกำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด “เจ้าส่งจดหมายไปหาใครหรือเล่อเหยียน?” ไคจินละจากหมากบนกระดานไปถามสหายสูงศักดิ์ของตนเอง “ส่งไปให้น้องสาวข้าน่ะ” “น้องสาว? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ…อ่อ ข้าลืมไป เหมือนเจ้าจะเคยเล่าว่ามีน้องสาวอายุห่างกันเกือบสองพันปีอยู่คนหนึ่ง ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องสาวเจ้า” ปกติไคจินไม่เคยเห็นคุณชายจากตำหนักเทียนฝูคนนี้ส่งจดหมายหรือพูดถึงน้องสาวมาก่อน คงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงรีบร้อนส่งจดหมายต่อหน้าสหายเช่นนี้ “จะเรื่องอะไรอีกถ้ามิใช่เรื่องที่นางแอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นข้างนอกล่ะ พี่ชายอย่างข้ารู้เรื่องแล้วจะไม่สั่งสอนน้องสาวได้อีกหรือ” ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเล่อเหยียนก็ปั้นได้อย่างไม่ขัดตา เขาตบโต๊ะเบาๆแล้วยังพูดอีกว่า “ถ้าข้าอยู่ด้วยป่านนี้นางคงไม่กล้าหนีเที่ยวออกไปไหน พอไม่มีข้าคุมแล้วเหลิงเกินไปจริงๆ” “โอ
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ