เสียงหวีดหวิวของอากาศดังจนแสบแก้วหูไปหมด ร่างกายของเยว่เล่อพุ่งลงสู้พื้นดินอย่างรวดเร็วตามแรงโน้มถ่วง แต่ก่อนที่ร่างกายจะกระแทกลงสู่พื้นดินนางรวบรวมลมปราณไว้ที่เท้าแล้วค่อยๆเหยียบย่ำบนอากาศเดินลงมาสู่พื้นดินอย่างสวยงาม ดีจริงๆที่ก่อนหน้านี้นางฝึกวิชาเหินเวหาไว้ใช้หนีคนของสำนัก
เมื่อลงพื้นได้อย่างปลอดภัยแล้วเยว่เล่อก็เดินตามหาน้องสาวอยู่สักพักพอใกล้ค่ำแล้วจึงตัดใจ อย่างไรเสียซูเจียวก็โตพอจะปกป้องตัวเองแล้ว ทั้งยังมีของวิเศษมากมายไว้ป้องกันตัว นางเดินหาที่นอนไปตามธารน้ำสักพักจนได้ยินเสียงครึกโครมด้านหน้า ด้วยความใคร่รู้จึงพุ่งตรงไปดูอย่างรวดเร็ว ตู้มมม โฮรก เสียงคำรามของพยัคฆ์ตัวใหญ่มหึมากึกก้องไปทั่วบริเวณเพื่อข่มคู่ต่อสู้ของมัน “อ่อ หมากับแมวกำลังกัดกัน” โฮรกกก แค่ก ด้วยประสาทสัมผัสที่ดีเยื่ยมของพวกมันทำให้พวกมันทั้งสองรับรู้ถึงผู้บุกรุกได้ตั้งนานแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าเป็นแค่มนุษย์ตัวเล็กที่มีพลังแค่น้อยนิดจึงไม่สนใจ แต่พอได้ยินนางมนุษย์พูดแล้วก็สะอึกจนคำรามไม่ออก หมากับแมวกำลังกัดกัน? พวกมันเป็นถึงพยัคฆ์นิลกาฬกับหมาป่าเงินเหมันต์เชียวนะ สัตว์อสูรระดับ 8 ผู้น่าเกรงขามเหตุใดมนุษย์เด็กฟันน้ำนมที่มีพลังปราณแค่ระดับ 4 ถึงกล้ามาหยามพวกมันได้ เมื่อหมดความสนใจในพวกมันแล้วเยว่เล่อจึงเดินกลับไปที่ลำธารเพื่อหาปลาและจุดพักต่อ แต่เสียงฝีเท้าหนักๆที่เหมือนวิ่งตรงมาหานางทำให้นางหันกลับไปมองแล้วพบกับความจริงอันน่าโหดร้ายว่าพวกมันทั้งสองเลิกกัดกันแล้วมาวิ่งไล่นางแทน นางจึงรีบใช้ลมปราณพุ่งทะยานหนีอย่างไม่คิดชีวิต “พวกเจ้าจะมาตามข้าทำไมเล่า พวกเจ้าก็กัดกันไปสิไม่ต้องมาสนใจข้า ว้ากกกก” นางมองชายชุดของนางที่แหว่งหายไปเป็นรูปฟันก่อนจะเพิ่มแรงวิ่งเพื่อหนีเอาชีวิตรอด “มานี่นะ เจ้าต้องชดใช้ที่มาเรียกร่างกายอันสง่างามของข้าว่าหมา ข้าคือหมาป่าเงินเหมันต์จำไว้ในหัวของเจ้าซะ” “ก็เป็นหมาไม่ใช่หรือไงเล่า ที่บ้านข้าเขาก็เรียกกันเช่นนี้ทั้งนั้น โอ้ย” เยว่เล่อวิ่งหนีจนไม่ลืมหูลืมตาไม่มองทางข้างหน้าเลยว่ามันคือทางตันจนหน้าผากนางชนเข้ากับหินก้อนใหญ่จนถอยหลังเซล้มไป “หึ คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่ โทษบ้านเจ้าเสียเถอะที่สั่งสอนลูกหลานได้ไม่ดี” ปากของพยัคฆ์นิลกาฬอ้าออกกว้าง ฟันแหลมคมงับร่างของเยว่เล่อเข้าไปเต็มคำ เลือดสดๆไหลซึมจนได้กลิ่นสนิมออกจากปาก อ่ก อ้วก พยัคฆ์นิลกาฬพ่นร่างของเยว่เล่อออกมา “เป่าตงเจ้าจะคายนางออกมาทำไม นางไม่อร่อยขนาดนั้นเชียวรึ” “เสียมารยาท เจ้ากล้าว่าเนื้อข้าไม่อร่อยได้เช่นไรเนื้อข้าต้องอร่อยเลิศล้ำสิถึงจะถูก” เยว่เล่อลุกขึ้นมาปัดเศษดินออกจากเสื้อผ้าแล้วเท้าเอวชี้หน้าของหมาป่าปากเสียตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง “นี่เจ้าทำไมถึงไม่ตาย แล้วเลือดเป็นของ...” เสวี่ยปิงหันไปมองคู่แค้นคู่กัดอย่างเป่าตงจึงเห็นว่าเลือดที่ไหลไม่ใช่ของนังเด็กฟันน้ำนมนี่แต่เป็นของพยัคฆ์นิลกาฬ “เหอะ เจ้านี่มันอ่อนแอจริงๆเป่าตง ต้องถึงมือข้าจนได้ โฮรกก กึก อ้ากก” เขี้ยวอันใหญ่โตขอหมาป่าเหมันต์ถูกหยุดไว้ด้วยโดมแก้วสีใสที่โอบล้อมร่างกายของเยว่เล่อ “เป็นไปได้เช่นไรกัน ข้ามั่นใจว่าลมปราณเจ้าแค่ระดับ 4 ขั้นต่ำเท่านั้น” หมาตัวหนึ่งกำลังแสดงความโง่เขลา เยว่เล่อจึงสั่งสอนให้มันฉลาดขึ้น “ก็เพราะนี่ไงล่ะเจ้าหมาโง่” นางนำจี้หยกกลมใสดั่งลูกแก้วมาแสดงให้หมากับแมวโง่ดู “นี่มันสมบัติเทพกราะแก้วคุ้มกาย เจ้าเป็นคนของตำหนักเทียนฝูรึ” พยัคฆ์นิลกาฬเดินวนรอบตัวเยว่เล่ออย่างพิจารณา “ใช่ พวกเจ้าเป็นอสูรระดับ 8 คงรู้นะว่ามีกฎห้ามทำร้ายคนจากตำหนักเทียนฝูน่ะ” “หึ นังหนูฟันน้ำนม เจ้าคงไม่รู้ว่าในกฏนั้นยังระบุไว้ว่าคนผู้นั้นต้องเป็นสายเลือดผู้ครอบครองตำหนักเทียนฝูด้วย” พวกมันทั้งสองตัวกลั้วหัวเราะอย่างเย้ยยันในคำพูดไร้เดียงสาของเด็กน้อย ในสายตาของพวกมัน ก่อนที่พวกมันทั้งสองจะต้องลมหายใจสะดุดเมื่อนังหนูฟันน้ำนมคนนั้นนำป้ายหยกบัญชาเมฆามาโยนเล่นต่อหน้าพวกมัน “เป็นเช่นนั้นๆ ไอพลังของพวกเจ้าก็ติดม่านคุ้มกายข้าเสียแล้ว ถ้าท่านปู่รู้ว่าพวกเจ้าสองตัวหวังทำร้ายจะกินข้าให้ตาย ต่อให้ใช้พลังตระบะที่พวกเจ้าบำเพ็ญนับหมื่นปีก็คงชดใช้ไม่ไหว มีเพียงกลับไปเป็นเดรัจฉาจอีกครั้งเท่านั้นกระมัง หวังว่าคงพอจะชดใช้ได้บ้าง” “อะ เอ่อเจ้าคือ” เสียงของหมาป่าเหมันต์ขาดๆหายๆเหมือนไร้สิ้นสติ “นั่นสิข้าลืมแนะนำตัวไป ข้าคือหวาง เยว่เล่อคุณหนูใหญ่แห่งสำนักมังกรฟ้า อ่อ แล้วตอนนี้ก็เป็นเจ้าของตำหนักเทียนฝูด้วย คิกคิก” รอยยิ้มธุรกิจหวานหยดดูงดงามและน่าขนลุกไปพร้อมๆกัน ตอนนี้พวกมันสองตัวรู้แล้วว่ากำลังถูกคุณหนูแห่งสำนักมังกรฟ้าหลอกใช้!!! “แล้วท่านต้องการอะไรจากพวกเรา” เมื่อต่อกรไม่ได้จึงต้องยอมรับ พยัคฆ์นิลกาฬถอยหนึ่งก้าวเพื่อฟังข้อเสนอของนาง หมาป่าเงินเหมันต์พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ง่ายๆ เพียงแค่พวกเจ้าพาข้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้เพื่อไปทวีปหลงจื่อซางอย่างปลอดภัยได้ก็พอ แล้วข้าจะถือว่าเรื่องโหดร้ายที่เจ้าเกือบขย่ำคุณหนูใหญ่แห่งสำนักมังกรฟ้าไม่เคยเกิดขึ้นแล้วกัน ขอบใจความเมตตาของข้าซะสิ” เป่าตงและเสวี่ยปิงมองหน้ากัน พวกมันอดสูเหลือเกินที่โดนสิ่งที่ตนคิดว่าเป็นแค่เหยื่อกลายเป็นเจ้านายของพวกมัน โชคร้ายของพวกมันจริงๆ “ตกลง ถ้าพวกข้าสามารถพาเจ้าไปได้แล้วเจ้าจะปล่อยพวกเรา 2 ตัวไปใช่มั้ย” “ชาวยุทธไม่ผิดคำพูด” ใช่แล้วชาวยุทธไม่ผิดคำพูดแต่หวางเยว่เล่อหาใช่ชาวยุทธ หากแต่เป็นคุณหนูแห่งสำนักอันดับหนึ่ง นางยิ้มหวานละมุนให้หมากับแมวแสนโง่เขลาสองตัว ทางฝั่งเป่าตงและเสวี่ยปิงมองหน้ากัน แม้รอยยิ้มของนางจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจแต่พวกมันสองตัวก็ยอมพยักหน้าตกลงในที่สุด “ดีล่ะ อาเป่า อาปิง พวกเจ้าไปหาปลามาให้ข้าปิ้งกินสิ ข้าเริ่มหิวแล้ว” “หะ ข้าเป็นถึงอสูรระดับ 8 จะให้ข้าไปจับปลาในลำธารเนี่ยนะ” พยัคฆ์หยิ่งในศักดิ์ศรีเช่นมันเหตุใดต้องลดตัวไปจับปลาเพื่อให้มนุษย์กินด้วย “ท่านปู่คงเศร้าใจหากเห็นหลานสาวอันเป็นที่รักผายผอมจนเหลือแต่กระดูก” สีหน้าเศร้าหมองเหลือจะกล่าวของนางทำให้เป่าตงและเสวี่ยปิงต้องจำยอมในที่สุด ชีวิตของพวกเขาช่างบัดซบเหลือเกินถึงได้โดนนังหนูฟันน้ำนมระดับต่ำขั้น4นี่หลอกใช้!เกือบ 6 วันแล้วหลังจากเยว่เล่อมาโลกเบื้องล่าง ตอนนี้นางกำลังเบื่อสุดๆ เพราะไม่ว่าจะเดินไปไกลแค่ไหนก็เห็นแต่ป่า ป่า ป่าเต็มไปหมด “พวกเจ้าสองตัวคงไม่ได้หลอกข้าให้หลงป่าตายไปใช่มั้ย ห้ะ!!!” เยว่เล่อที่กำลังขี่คอของเป่าตงอยู่ดึงหูของมันพร้อมโวยวาย “โอ้ย เจ็บๆ เจ้าคิดว่าป่าอสูรมันเล็กนักรึไงเล่า ไม่เดินเองแล้วยังมาบ่นอีก” “แฮ่กๆ นายหญิงอีก 21 วันก็จะออกจากป่าได้แล้วขอรับ” เส้นเลือดของเป่าตงกระตุกยิกๆ เพราะเสวี่ยปิงกำลังเอาหัวถูไถขาของเยว่เล่อ ตอนนี้ไอ้หมาป่าโง่นั้นกลายเป็นหมาบ้านขี้ประจบไปแล้ว ลืมสิ้นศักดิ์ศรีของอสูรระดับ 8 “ไม่มีทางลัดเลยรึอาปิง” “มีขอรับหากใช้ทางนั้นเพียงแค่10วันก็ถึงเขตชั้นนอกของป่าโดยไม่ต้องผ่านเขตชั้นกลาง และเดินทางต่ออีก 3 วันก็ออกจากป่าอสูรได้ แต่มันอันตรายมากมันเป็นเขตของอสรพิษระดับ 9 ขอรับ อสรพิษเป็นอสูรน่ารังเกียจมันมิสนสัจจะดังนั้นมันอาจทำร้ายคนของตำหนักเช่นนายหญิงขอรับ” “ข้ามีเกราะแก้วคุ้มกายมันจะทำร้ายข้าได้ยังไง พวกเจ้านั่นแหละแม้แต่ไส้เดือนยังกลัว!!! อาเป่าเปลี่ยนไปใช้ทางลัดซะ” ร่างบางเอนหลังนอนลงบนขนนุ่มๆ มือเรียวเล็กลูบจ
ฮัดชิ้ว เยว่เล่อจามเสียงดัง นางสูดน้ำมูกกลับเข้าไปก่อนมันจะไหลย้อยลงมา “อย่าเข้ามาใกล้ข้านะ ทั้งเมือกจากอสรพิษทั้งน้ำมูกเจ้า ข้ารังเกียจ” อาเป่าขยับหนีเยว่เล่อที่กำลังล้มตัวมาซบไออุ่นจากขนปุกปุยของมัน “หรือจะให้ข้าถลกหนังเจ้าเอามาห่ม” อาเป่าไม่กล้าค้านอีกยอมให้นางซุกตัวเหนียวเหนอะกับขนของมัน หิมะเริ่มตกลงมาหนักมากขึ้นจนปกคลุมพื้นดินเป็นปุยสีขาว เยว่เล่อตัวสั่นงกงันแนบใบหน้าแล้วสั่งน้ำมูกเช็ดขนอาเป่า มันหันหน้าหนีความอัปยศและความรังเกียจไปทางอื่นก่อนจะเห็นว่าอาปิงวิ่งกลับมาจากไปดูลู่ทางแล้ว “นายหญิงข้างหน้ามีลำธารไหลออกไปด้านนอก หากเดินไปตามลำธารต้องมีทางออกจากหุบเหวนี้แน่ ทั้งระหว่างทางข้าเจอถ้ำด้วยเราเข้าไปพักสักคืนพรุ่งดีค่อยเดินต่อดีไหม” “อือ” เยว่เลอปีนขึ้นไปขี่คออาเป่าทั้งที่มันยังนอนอยู่เป็นการบอกว่าให้มันพานางไป มันถอนหายใจ แล้วลุกขึ้นเดินตามอาปิง หรือมันจะประจบยัยหนูนี่เหมือนเจ้าหมาโง่ดีไหม นางจะได้เลิกใช้เขาเยี่ยงทาสเช่นนี้ ในถ้ำอบอุ่นกว่าข้างนอกเยว่เล่อจึงมีใจอยากเดินสำรวจขึ้นมาบ้าง นางให้พวกมันสองตัวนอนเฝ้าหน้าถ้ำส่วนตนเองเดินลึกเข้าไปเพ
หลายวันมาแล้วที่เยว่เล่อเดินผ่านหมู่บ้านเล็กๆหลายหมู่บ้านเพื่อไปถึงเมืองใหญ่ นางไม่ได้อาบน้ำมาสามวันตัวจึงคลุกมอมไปด้วยฝุ่น เสื้อผ้าของสาวใช้ที่ใช้ปลอมตัวหนีมาชายกระโปรงก็ขาดรุ่งริ่ง สภาพเช่นนี้บอกใครว่าเป็นคุณหนูแห่งสำนักอันดับหนึ่งก็ไม่มีใครเชื่อ!!! “ทำไมพวกเจ้าไม่กลับร่างเป็นหมากับแมวตัวใหญ่ๆเหมือนเดิมแล้วให้ข้าขี่คอไปเล่า!!!” เยว่เล่อย้ำเท้าอย่างหงุดหงิด แม้การฝึกปราณจะไม่ต้องกินอาหารบ่อยๆแต่นางขั้นปราณยังต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ทั้งยังไม่ได้กินอะไรมาเกือบ 1 อาทิตย์ หิวจนจะกินหมากับแมวที่เดินตามเธอต้อยๆแล้ว “เจ้าโง่รึเปล่า หากข้าใช้ร่างอสูรระดับ 8 เข้าไปในเมืองของพวกมนุษย์ข้าก็โดนพวกมันไล่ฆ่าน่ะสิ อีกแปปเดียวจะถึงแล้ว ถ้าเจ้าทนไม่ไหวทำไมมิรีบกลับบ้านเจ้าบนตำหนักลอยฟ้าเสียเลยล่ะ” อาเป่าใช้น้ำเสียงและสายตาดูแคลนเยว่เล่ออย่างถึงที่สุด มันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าคนจากตำหนักเทียนฝูจะมีสภาพเช่นนี้ได้ ไร้ซึ่งความสง่างาม! แถมนางยังถือครองป้ายหยกบัญชาเมฆาจนพวกเขาต้องกลายเป็นทาสนางอีก อนาจใจเหลือเกิน อาปิงแม้ไม่ได้จะใช้สายตาดูถูกมองเยว่เล่อแต่กลับพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วยกับ
ท้องฟ้าเริ่มมืดสลัวผู้คนในเมืองถยอยกันกลับจวนของตนเอง บนถนนหนทางที่เคยมีคนเดินพลุกพล่านบัดนี้กลับแทบไม่เหลือคน คงมีแต่หนึ่งคน กับอีกสองหมาแมวเดินอยู่เท่านั้น “นายหญิงเราจะไปนอนที่ไหนดีขอรับ” “เฮอะ ติดตามนางคงไม่พ้นนอนข้างถนนหรอก” ยิ่งคิดอาเป่ายิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง เขาเคยเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ เกรงขาม สง่างามอยู่ดีๆ บัดนี้กับกลายมาเป็นแมวขี้เรื้อนตัวหนึ่ง! “อาเป่า เจ้าดูถูกเจ้านายของเจ้าไปหน่อยแล้วจริงๆ ข้าหรือจะทำให้พวกเจ้าลำบาก” เยว่เล่อเชิดหน้ากอดอกภาคภูมิใจ “หรือว่านายหญิงมีสมบัติวิเศษหรือสมบัติเทพที่เป็นมิติพิเศษไว้พักผ่อนใช่หรือไม่ขอรับ สมแล้วๆที่นายหญิงเป็นถึงผู้สืบทอดของตำหนักเทียนฝู” อาปิงในร่างหมาขนปุยสีขาววิ่งวนรอบตัวเยว่เล่ออย่างมีความสุข ดวงตาของมันเป็นประกายเปี่ยมด้วยความหวัง ไม่ใช่เพียงแค่อาปิงเท่านั้น อาเป่าเงยหน้ามองนางอย่างคาดหวังว่าเกียรติของมันจะไม่ถูกทำลายไปมากกว่านี้ พยัคฆ์นิลกาฬเช่นมันคงไม่ตกอับถึงขั้นต้องนอนข้างถนน “จะไปใช่ได้อย่างไร เราจะไปนอนกันใต้สะพานตั้งหากเล่า” พอบอกพวกมันทั้งสองตัวแล้วเยว่เล่อจึงเดินต่อ แต่เมื่อมิเห็น
ความคิดของอาเป่าผิดแล้ว มันประเมิณความสามารถของคุณหนูหวางเยว่เล่อแห่งสำนักมังกรฟ้าต่ำไปมาก ความหวังจะได้กลับป่าอสูรของมันคงต้องสลายแล้วเมื่อพริบตาต่อมาเด็กสาวที่นั่งข้างมันก็ลุกพรวดขึ้นมาจนมันสะดุ้ง “เดี๋ยวก่อนคุณชายท่านนั้น ท่านกำลังไปพบกับหญิงที่ชอบใช่หรือไม่ ไอ้หยาๆ ไม่ดีแล้วๆ ดวงไม่มงคล ไม่เป็นมงคลเลย สนใจทำทานกับข้าสักหน่อยหรือไม่ ข้าจะให้หินนำโชคกับท่านเป็นการตอบแทน” ไม่มีใครได้ตั้งตัวร่างกายของเยว่เล่อลุกไปขวางทางเด็กหนุ่มแต่งตัวดี ท่าทางสูงศักดิ์ไว้คนหนึ่ง “...เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้ากำลังไปพบใคร” เด็กหนุ่มตกใจมากเมื่อมีคนรู้ว่าเขากำลังไปพบกับแม่นางที่เขาแอบชอบมาหลายปี สายตาสงสัยมากมายส่งไปทางเยว่เล่อ นางยิ้มหวานออกมาจะไม่รู้ได้ไงเขาใส่น้ำหอมเสียจนฉุน แต่งกายประณีตในอกเสื้อยังมีปิ่นอยู่คาดว่าคงเอาไปให้แม่นางสักคน เรื่องง่ายๆเช่นนี้แค่สังเกตุให้ดีก็รู้แล้ว “จุ๊ๆ คุณชาย ข้าน่ะพอเห็นโชคชะตาของผู้คนได้นิดหน่อย วันนี้ดวงความรักของท่านไม่ค่อยเป็นมงคลข้าจึงขวางท่านไว้ด้วยความหวังดี แต่ไม่ต้องกังวลเพียงซื้อหินนำโชคจากข้าไป รับรองมันจะขจัดอัปมงคลออกไปทั้งยังเสริ
ในย่านเริงรมย์ของเมืองจงหยวนมีผู้คนมากมายมาหาความสำราญให้กับชีวิตของตัวเอง บ้างมากินดื่ม บ้างมาชื่นชมความงดงามของเหล่าหญิงงาม ย่ามเริงรมย์แห่งนี้จึงเป็นแหล่งหมุนเวียนเงินขนาดใหญ่ในเมืองนี้ “แหวะ เหม็นเหล้าชะมัดทำไมแถวนี้ถึงมีแต่คนเมาเนี่ย” เยว่เล่อที่มานั่งอยู่ข้างร้านแห่งหนึ่งพร้อมกับถ้วยคู่ใจนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา ขนสากเพราะมอมแมมของเสวี่ยปิงถูไถมือของเยว่เล่อเป็นการปลอบใจ มันสงสารนายหญิงตกอับของตัวเองเหลือเกิน เป็นคุณหนูผู้มีเกียรติและร่ำรวยอยู่ดีๆก็มาตกระกำลำบาก ฝั่งเยว่เล่อที่ไม่รู้ความคิดของเสวี่ยปิงจึงคิดว่ามันอ้อนเลยลูบหัวมันอย่างเอ็นดู ส่วนคนที่เขาใจความคิดของหนึ่งคนกับอีกหนึ่งตัวอย่างเป่าตงก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ ทำไมมันต้องมาอยู่กับพวกโง่เช่นนี้ด้วย? ซ่า น้ำเย็นถูกสาดลงมาบนตัวของเยว่เล่อ นางมึนงงไปหมดจนทำอะไรไม่ถูก “ออกไปสะนังขอทาน อย่ามานั่งที่หน้าหอของข้าอัปมงคล ออกไป! พวกเจ้ารีบเอาน้ำมาล้างพื้น!” “เจ้าค่ะท่านแม่” ร่างบางของสาวงามสามคนรีบเดินกลับเข้าไปตักน้ำในร้านตามที่แม่เล้าของตัวเองสั่ง “ส่วนนังขอทานเช่นจะ…เจ้า เจ้าน่ะเงย
ร่างกายเยว่เล่อโงนเงนไปตามแรงของสาวใช้ที่อาบน้ำให้นาง ดวงตาของนางปิดปรือไม่รับรู้สิ่งใด งานของพวกนางคณิกามันเริ่มตอนกลางคืนมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงถูกดึงจากที่นอนตั้งแต่ฟ้ายังมิสางแบบนี้! ฮืออออ ข้าอยากนอนเตียงดีๆที่ไม่ได้นอนมานาน ถ้ารู้ว่าจะลำบากขนาดนี้จะเรียกค่าตัวเพิ่มอีกสักพันตำลังทอง “พระเจ้า ผิวแม่นางเหมยฮวาดีอย่างที่เจ้าบอกจริงๆ ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว” “ใช่มั้ยล่ะ นอกจากผิวแล้วรูปร่างหน้าตาของพี่เหมยฮวายังงดงามจนข้าอดอิจฉาไม่ได้เลยล่ะ งดงามยิ่งกว่าพี่สาวคนไหนๆในร้านนี้อีกนะ” เสียงของสาวใช้ดังเข้ามาในหูเยว่เล่อไม่ขาด ในน้ำเสียงมีความประจบประแจงอยู่แปดส่วน แน่นอนล่ะทั้งเมื่อคืนและตอนนี้นางได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากแม่เล้า ทั้งห้องที่ดีที่สุด เสื้อผ้าเครื่องประดับที่ดีที่สุด ไม่แปลกใจหากสาวรับใช้พวกนี้จะอยากพันแข้งพันขานาง “ไปเอาชุดมาอีก เร็วเข้าอีกเดี๋ยวจิตรกรก็จะมาแล้ว ครั้งนี้ข้าลงทุนจ้างจิตรกรฝีมือดีค่าตัวไม่ใช่น้อย อย่าทำให้เสียเวลา” “เจ้าค่ะท่านแม่” ทั้งสาวใช้และคณิกานับสิบชีวิตวุ่นวายกับการแต่งตัวให้เยว่เล่อออกมางดงามที่สุด “เหมยเอ๋อร์ของแม
บรรยากาศบนตำหนักเทียนฝูคุกรุ่นเมื่อฮูหยินรู้ว่าลูกสาวตัวดีของตนเองไม่ได้หนีเที่ยวเพียงลำพัง แต่ยังพาลูกพี่ลูกน้องอย่างซูเจียวไปด้วยอีกคน เดือดร้อนนายท่านหวางต้องคอยบรรเทาความโกรธของฮูหยิน “เมียรักเจ้าจะโมโหไปทำไมกัน ซูเอ๋อร์กับเยว่เอ๋อร์พวกนางเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ยังเล็ก มิแปลกที่จะไปเที่ยวด้วยกัน” “ไปเที่ยว? หนีเรียนบ้านท่านเรียกไปเที่ยวรึ! แล้วเป็นเพราะลูกสาวท่านมิใช่หรือที่พาซูเอ๋อร์ออกนอกลู่ทางพาไปสร้างเรื่องมากมายจนเกือบเสียคน” ปิ่นปักผมลอยเฉียดหน้านายท่านหวางเพียงนิดเดียว เขารีบปรี่ตัววิ่งเข้าไปกอดขาฮูหยินแน่นในใจพร่ำบ่นบุตรสาว “นางยังเด็กมากไม่ค่อยรู้ความ เจ้าให้อภัยลูกเถอะเมียจ๋า…เหยียนเล่อ! รีบมาช่วยน้องสาวเจ้าเร็วเข้า!” สายตาของนายท่านหวางเหลือบไปเห็นบุตรชายคนโตของเขา หวางเหยียนเล่อ ด้านหวางเหยียนเล่อมองภาพท่านพ่อกอดขาท่านแม่ด้วยสายตาชินชา เยว่เอ๋อร์ก่อเรื่องอีกแล้ว? เขาพึ่งกลับบ้านหลังจากไปเที่ยวหาสหายที่โลกเบื้องล่างพอกลับมาถึงก็พบเจอเรื่องหาได้ง่ายเช่นนี้ เขาจึงเลือกยกนิ้วโป่งให้ท่านพ่อแล้วรีบเดินหนีกลับห้องของตัวเอง เรื่องอะไรเขาต้องเอาตนเองไปให้ท่
กลับมาในสถานการณ์ปัจจุบัน ทีมของมี่เถียนและอี้ฝานหยุดปะทะกันตั้งแต่หินเริ่มหล่นแล้ว จนตอนนี้แผ่นหินค่อยๆหยุดร่วงลงทีมของพวกนางก็ยังเร่งไต่ภูเขากันต่อ “ตอนนี้หมดระลอกการสั่นเตือนครั้งที่หนึ่งแล้ว ทุกคนต่างเร่งให้ถึงยอดปล่องภูเขาโดยเร็ว อย่าลืมว่าการสั่นเตือนของภูเขามีทั้งหมดแค่สามครั้งก่อนพลังของภูเขาไฟจะหมด ทีมของแม่นางมี่เถียนและทีมของแม่นางอี้ฝานตัดสินใจหยุดปะทะกัน โอ๊ะ ดูเหมือนจะไม่ ทั้งสองทีมทิ้งสมาชิกไว้สามคนเพื่อต่อสู้กัน ศักดิ์ศรีของสำนักปล่อยวางไม่ได้เชียวหรือ” ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าไรความร้อนจากภูเขาไฟยิ่งมากเกินจะทนไหว ร่างกายของมี่เถียนชื้นเหงื่อ ไอร้อนระอุจนทำให้แผ่นหินกลายเป็นกะทะร้อน ติงหยวนอุ้มคนรักขึ้นแล้วกระโดดต่อ เขามีคุณสมบัติปราณธาตุไฟดังนั้นเขาจึงทนความร้อนได้มากกว่าคนรัก “พี่ข้าไปเองได้ ข้ามไม่อยากเป็นตัวถ่วงของพี่ ปล่อยข้าลงเถอะ” “ใครหน้าไหนมันกล้าบอกว่าเจ้าเป็นตัวถ่วงของข้าก็พูดออกมาเถอะ” “เหอะ ได้ดีเพราะเกาะผู้ชาย หน้าไม่อาย” จื่อเวยหันหลังไปมองภาพคู่รักสองคนแล้วสบถออกมา จื่อเวยใช้ปราณแปลงคุณสมบัติเป็นธาตุน้ำครอบคลุมตัวของนา
หลังจากเยว่เล่อตกลงไปไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก มีเพียงติงหยวนที่กระโดดไปอยู่หินกอดเดียวกับมี่เถียนเท่านั้น ผู้ชมด้านล่างต่างร้องตะโกนให้พวกเขาขยับสักที เพราะตอนนี้ทีมที่เหลือรอดมีเพียงแค่สามทีมนี้เท่านั้น “พวกเขาจะอยู่เฉยๆแล้วปล่อยให้คู่แข่งอย่างสำนักมักรฟ้าชนะสบายๆเช่นนี้ สำนักฟ้ากระจ่างยอมได้หรือ” เจ๋อปิงหลุนพูดเพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าแข่งขันทำอะไรสักที “ข้าเอง” มี่เถียนทนไม่ได้หากต้องดูอี้ฝานและสหายได้รับชัยชนะแต่ในขณะที่นางกำลังจะขยับตัวมือใหญ่ของติงหยวนกับรั้งเอาไว้ “ให้พี่จัดการเอง” ติงหยวนรวบรวมลมปราณแล้วแปรเปลี่ยนคุณสมบัติธาตุไฟของตัวเองให้เป็นธาตุสายฟ้าจนมีประกายสายฟ้าแลบรอบๆตัวเขา “พระเจ้า ของดีออกมาแล้ว! หากไม่ใช่ธาตุไฟบริสุทธิ์จะไม่สามารถแปรคุณสมบัติเป็นธาตุสายฟ้าได้ สมแล้วที่เป็นถึงอัจฉริยะเยาว์วัย” ติงหยวนตั้งท่ารวบรวมสายฟ้ารอบตัวกระโดดเหยียบแผ่นรวดเร็วจนไม่ทันตกลงไป รวมทั้งสายฟ้าของเขายังฟาดลงไปบนแผ่นหินจนสามารถแยกได้ว่าอันไหนของจริงของปลอมได้อีกด้วย “สุดยอดจริงๆเลยพี่ติงหยวน” มี่เถียนยิ้มหวานให้กับคนรักของตนก่อนจะกระโดดตามติงหยวนไปพร้อม
เมื่อเสียงประกาศเริ่มการแข่งขันจากพิธีกรดังขึ้นผู้ร่วมการแข่งขันทุกคนรีบทะยานกระโดดแท่นหินเพื่อขึ้นไปสู่ยอดเขา หลายจุดมีการปะทะกันตั้งแต่เริ่ม มีหลายทีมที่สละสมาชิกสี่คนในการสกัดทีมอื่นแล้วส่งตัวแทนขึ้นไปบนยอดเขาแค่คนด้วย การแข่งขันดุเดือดเข้มคนตั้งแต่แรกเช่นนี้ถูกใจผู้ชมมากจนเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั้วบริเวณ ด้านหนึ่งของภูเขาที่มีทีมสิบสามของเยว่เล่อ ทีมแปดของมี่เถียนและทีมสามของอี้ฝานเองก็ดุเดือดตั้งแต่เริ่ม เมื่อสมาชิกชายสามคนจากทีมมี่เถียนใช้อาวุธเคลือบลมปราณไล่ทุบแผ่นหินไม่ให้ปีนขึ้นไปด้านบน เศษหินน้อยใหญ่มากมายร่วงลงมากข้างล่างสร้างความลำบากให้อีกสองทีมที่เหลือที่ตามหลังอยู่ “เล่นสกปรกเกินไปแล้ว อย่างนี้พวกเราก็ต้องใช้ลมปราณมากขึ้นในการทะยานไปเหยียบหินที่อยู่ไกลน่ะสิ” อานหรานโวยวายเมื่อเขาเกือบโดนเศษหินขนาดเท่าลูกแตงโมเสยหน้าตกลงไป “ข้าว่าจุดประสงค์ของพวกเขาคือต้องการไม่ให้พวกเราเหลือหินให้เหยียบจนครบสิบลมหายใจจนถูกตัดออกมากกว่า” อี้ฝานกระโดดหลบเศษหินไปพูดไป นางตั้งใจกับการแข่งขันนี้มาก เพราะบังเอิญไปอ่านเจอตำราของสำนักมังกรฟ้ามาว่าไข่ของหงส์เพลิงเมื่อใกล้ถือกำ
ในเช้าวันเทศกาลผู้คนครึกครื้นถึงที่สุด มีทั้งนักท่องเที่ยวที่มาจากแคว้นหรือเมืองอื่น มีทั้งคนในเมืองภูเขาไฟแห่งนี้ พวกเขาออกมาจากที่พักแต่เช้ามานั่งจับจองที่นั่งตรงตีนภูเขาไฟเพื่อดูการแข่งขันอย่างใกล้ชิด “ยินดีต้อนรับสู่การแข่งขันเทศกาลไต่ภูเขาไฟเสิ่นอู๋ครั้งที่3221 ข้าคือพิธีกรประจำปีนี้สุดหล่อแห่งแดนใต้ ผู้บำเพ็ญปราณระดับห้าขั้นกลางเจ๋อปิงหลุน!” เฮ้ๆๆๆ เสียงกู่ร้องของเหล่าผู้ชมดังจนผืนดินสะเทือน แต่เมื่อพิธีกรพูดพวกเขาก็เงียบเพื่อฟังอย่างตั้งใจ ทามกลางเสียงกู่ร้องของผู้ชมมีชายสามคนที่ยืนอย่างไร้สติหลุดลอยอยู่ด้านหลังฉากกั้น ฮันสุ่ยพึ่งตื่นจากที่นอนและถูกหัวหน้าลากออกมาจากฟูกนอน เช่นเดียวกับอานหรานและหยู่เซิน แม้แต่ชุดของพวกเขายังเป็นแค่ชุดตัวในของโรงเตี๊ยมเท่านั้น ครืนนน พื้นดินสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณภูเขาไฟ แผ่นหินโดยรอบเริ่มลอยเป็นลำดับขั้นคลายบันไดสู่ยอดเขา ผู้รับชมต่างตื่นตากกับภาพมมหัศจรรย์ตรงหน้า “ว้าว มาแล้วๆ นี่คือลมปราณธาตุไฟจากภูเขาเสิ่นอู๋ ผู้ชมทุกท่านห้ามเข้าใกล้เกินไปล่ะ เอาล่ะ ในเมื่อสถานที่พร้อมแล้ว ผู้เขาแข่งขันก็พร้อมแล้ว ดังนั้นข้าขออ
ภูเขาไฟสูงใหญ่ตั้งตะหง่านมองเห็นมาแต่ไกล ควันสีขาวพวยพุ่งราวกับมันพร้อมประทุออกมาตลอดเวลา เมืองภูเขาไฟห่างไกลจากเมืองหลวงแคว้นซิวมากแต่กลับเจริญพอๆกับหัวเมืองใหญ่ โดยเฉพาะร้านค้าและบ้านเมืองที่ประดับไปด้วยกระดาษพับหลากสีสันรูปร่างแตกต่างกันห้อยแขวนตามมุมหลังคา ตามหน้าต่างประตู “เร็วๆเข้าสิพวกเจ้าเดินหรือคลานเนี่ย” เยว่เล่อวิ่งกับที่เอยเร่งกลุ่มโจรปวกเปียกพวกนี้ ดูสิกว่าจะก้าวขาแต่ล่ะข้าง เป็นโจรกันแน่หรอพวกเขาวิ่งหนีทางการได้ยังไงกันโดยไม่โดนจับจนถึงทุกวันนี้ กองโจรหลายสิบคนตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นเพื่อความรวดเร็วในการเดินทาง ส่วนที่เหลือฮุ่ยหมินให้ไปรออยู่ที่เมืองท่าแคว้นซิว “มะ แม่นางไฉ่เอ๋อร์ พะ พวกข้าขอนั่งพักสักเดี๋ยวได้หรือไม่” แม้แต่เสียงจะพูดสักคำฮันสุ่ยยังต้องเค้นแรงอย่างมาก พวกเขาเร่งเดินทางตั้งแต่ทิศเหนือลงใต้มาหลายพันลี้ในเวลาเพียงสองสัปดาห์โดยไม่หยุดพัก พวกเขาทั้งหมดเหนื่อยล้าจะตายอยู่แล้วมีแต่แม่นางเนี่ยแหละที่สดใสตลอดเวลา! ฮันสุ่ยล้มไปนอนคว่ำหน้ากับพื้น เขาพยายามยกหัวที่สั่นเทาเงยมองแม่นางไฉ๋เอ๋อร์ที่ยังร่าเริงตื่นเต้นไหวอยู่ มองไปข้างๆก
คี๊ค คี๊ค มือใหญ่ลูบใต้คอของเหยี่ยวตัวใหญ่เบาๆก่อนจะส่งมันบินออกไปพร้อมจดหมาย เล่อเหยียนหันหลังกับมาเมื่อส่งจดหมายถึงน้องสาวเสร็จ เขาเดินไปนั่งบนโต๊ะ จิบชามองสหายสองคนกำลังเดินหมากกันอย่างเคร่งเครียด “เจ้าส่งจดหมายไปหาใครหรือเล่อเหยียน?” ไคจินละจากหมากบนกระดานไปถามสหายสูงศักดิ์ของตนเอง “ส่งไปให้น้องสาวข้าน่ะ” “น้องสาว? เจ้ามีน้องสาวด้วยหรือ…อ่อ ข้าลืมไป เหมือนเจ้าจะเคยเล่าว่ามีน้องสาวอายุห่างกันเกือบสองพันปีอยู่คนหนึ่ง ทำไม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องสาวเจ้า” ปกติไคจินไม่เคยเห็นคุณชายจากตำหนักเทียนฝูคนนี้ส่งจดหมายหรือพูดถึงน้องสาวมาก่อน คงมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงรีบร้อนส่งจดหมายต่อหน้าสหายเช่นนี้ “จะเรื่องอะไรอีกถ้ามิใช่เรื่องที่นางแอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยวเล่นข้างนอกล่ะ พี่ชายอย่างข้ารู้เรื่องแล้วจะไม่สั่งสอนน้องสาวได้อีกหรือ” ใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังเล่อเหยียนก็ปั้นได้อย่างไม่ขัดตา เขาตบโต๊ะเบาๆแล้วยังพูดอีกว่า “ถ้าข้าอยู่ด้วยป่านนี้นางคงไม่กล้าหนีเที่ยวออกไปไหน พอไม่มีข้าคุมแล้วเหลิงเกินไปจริงๆ” “โอ
ฮุ่ยหมิงมองร่างกายงดงามใส่ชุดคลุมสีขาวโปร่งบางเดินออกมาจากกระโจมหลังหนึ่ง แม้นางจะปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมแต่พอมองออกว่านางคือสาวงามโฉมสะคราญแน่นอน “หวี๊ด วิ๊ววว แม่นางเจ้าพูดถูกแล้ว จะมีสิ่งใดเลอค่าไปกว่าสาวงามล่ะ” ฮันสุ่ยส่งเสียงแซวสาวงาม เขาเดินวนรอบตัวแม่นาง สูดดมกลิ่มหอมเข้าเต็มปอดก่อนจะโดนหัวหน้าลากคอดึงออกจากสาวงาม “เดี๋ยวก่อน” “ทำไมล่ะหัวหน้า สาวงามเสนอตัวถึงที่ขนาดนี้หากไม่รับเอาไว้พวกเราคงโง่เต็มทน” ฮุ่ยหมินเอาแขนขวางกั้นตัวของลูกน้องคนสนิทกับสตรีปริศนาเอาไว้ เขามองสำราจนางอีกรอบอย่างระเอียดอีกครั้งก่อนจะพบความน่าสงสัยเต็มไปหมด เหตุใดสตรีที่งดงามแต่งกายดูดีถึงมาอยู่ในคาราวานพ่อค้าได้? อีกทั้งดูไม่หวาดกลัวโจรเช่นพวกเขาอีก สัตว์เลี้ยงสองตัวของนางก็น่าสงสัยไม่แพ้กัน พวกมันดูมีไอพลังปราณเข้มข้นอยู่รอบตัวเต็มไปหมด “เจ้าเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไร” เยว่เล่อกำลังเดินเข้าไปทักทายแต่คนที่ดูเหมือนหัวหน้าโจรคนนั้นกับถอยหลังพร้อมดึงลูกน้องให้ออกห่างจากตัวนาง นั่นทำให้นางรู้สึกหัวเสียนิดหน่อยเมื่อถูกปฏิติราวกับขี้หมาเหม็นโฉ่ “พวกเจ้าเป็นโจรส่วนข้
10 แล้วที่คนทั้งตำหนักเทียนฝูออกกำลังตามหาเยว่เล่อและซูเจียวกันอย่างเต็มที่ จนในที่สุดฮูหยินหวางก็สั่งให้หยุดตามหาและเริ่มทำใจยอมรับว่าครั้งนี้บุตรสาวนางขุดความกล้าหนีลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้วจริงๆ โดยมีพยานเป็นอาสื่อนั่งคุกเข่าอยู่หน้าภาพเหมือนของคุณหนูทั้งสองแห่งสำนักมังกรฟ้งและสารภาพออกมาหมดเปลือก บนพื้นข้างอาสื่อยังมีนายท่านหวางนั่งคุกเข่าอยู่ด้วย เพื่อรับผิดชอบแทนความผิดของลูกน้องตัวเองที่เป็นคนพาลูกสาวและหลานสาวของเขาหนีออกจากบ้าน “เมียจ๋า เด็กเล็กเล่นซุกซนเป็นเรื่องปะ เฮือก แย่มาก! ทำไมนางถึงสร้างความเดือดร้อนอยู่เรื่อย ต้องลงโทษ ใช่ ลงโทษให้หนัก!” นายท่านหวางรีบเก็บคำพูดช่วยเหลือบุตรสาวทันทีเมื่อเห็นสายตาอมหิตของเมียมองข่มขู่ เยว่เอ๋อร์พ่อผิดต่อเจ้า แต่เรื่องนี้เจ้าคงต้องช่วยเหลือตัวเองแล้ว “ดี ต้องรีบไปจับนางมาลงโทษ อี้เถา เจ้าไปรวบรวมคนและเส้นสายทั้งหมดทั้งบนตำหนักและโลกเบื้องล่างออกตามหาคุณหนูสุดกำลัง” “ขอรับฮูหยิน” อี้เถาเหลือมองเจ้านายตนเองที่ลงไปนั่งคุกเข่าอยู่กับพื่น เขาไม่ต้องการเป็นเช่นนั้นจึงเลือกประจบให้ถูกคน อากาศร้อนอบอ้าวกับขนฟูฟ่องมิเข้า
เช้าวันที่สดใสของเยว่เล่อมาถึงบนเตียงนอนนุ่มนิ่มหรูหรา อ่า นี่ล่ะคือสิ่งที่คู่ควรกับคุณหนูอันดับหนึ่งเช่นนาง บนหัวของนางยังมีก้อนขนปุยสีดำนอนกรยเบาๆอยู่ด้วย พอผงกหัวขึ้นมาก็พบกับก้อนขนปุยสีขาวอีกก้อนนอนขดอยู่ที่ปลายเท้า “พวกเจ้าจะหลับสบายกันเกินไปหรือไม่” “หาวว คืนนี้ต้องเดินทางไกลมิใช่หรือไง ข้าอยากจะขับไล่เจ้าออกจากทวีปหยางจื่อตี้จะแย่” พยัคฆ์นิลกาฬในร่างของแมวหาวปากกว้างจนเห็นเขี้ยวแหลมสีขาวตัดกับขนสีดำสนิท “นายหญิงท่านตื่นแล้วหรือ” “เจ้าตื่นตัวสุดท้ายอาปิง” เยว่เล่อมุ่ยหน้ามองหมาสีขาวยืดตัวบิดขี้เกียจ เยว่เล่ออาบน้ำเสร็จจึงลงมากินอาหารที่ชั้นหนึ่งของโรงเตี๊ยม นางสั่งอาหารจนต้องต่อโต๊ะเพิ่มอีกตัว ชีวิตที่ไม่อดอยากช่างดีจริงๆ ทั้งเยว่เล่อและสัตว์อสูรทั้งสองตัวโพยข้าวเข้าปากเหมือนอดอยากโดยมีคุนฟู่นั่งมองอยู่ตรงข้าม ตลอดเวลาที่คุณหนูอยู่บนโลกเบื้องล่างนางผ่านอะไรมากันแน่ อึก น้ำลายเหนียวหนืดสะอึกลงคอ เขามิอยากจะคิดภาพนั้นสักเท่าไร “ข้าจะไปรับเงินเองส่วนเจ้าไปหาข่าวของซูๆ” เยว่เล่อพูดทั้งยังอมข้าวอยู่ในปาก “ไม่ได้! หากคุณหนูแอบหนีไปอีกรอบแล้วข้าจ