เขานั่งมองเธอก่อนตัดสินใจย้ายเธอขึ้นไปนอนบนเตียง เพราะมันอาจทำให้เธอนอนสบายกว่า
“ฉันต้องการหกแสน” พระแพงพึมพรำ
“หึ” เขาขำในลำคอ ที่ค่าตัวเธอหกแสนเชียวเหรอ
“ฉันเกลียดนาย” พระแพงกำลังฝัน และต่อว่าเขาที่มาขัดขวางการยืมเงินของเธอ พร้อมตีเขาที่หน้าอกอย่างแรง
“ยายบ้าเอ๊ย! หลับอยู่ยังกล้าตีฉัน”
เธอทุบหน้าอกเขาทั้งที่ยังหลับตา สืบสายอุ้มเธอโยนลงเตียง จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะร่างกายเธอบอบช้ำ จากแรงกระแทกที่ตกลงจากรถ ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกตัว และลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นหน้าเขา พระแพงตกใจสุดขีด จึงถลันตัวลุกขึ้นหนีเขา ลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่
สืบสายคว้าไหล่ของเธอไว้แล้วผลักลงนอนตามเดิม ความกลัวทำให้เธอดิ้นรน หนีจากพันธนาการของเขา เขาจึงใช้ร่างกายของเขากดเธอไว้กับที่นอน แขนทั้งสองข้างถูกล็อคไว้เหนือศีรษะ ร่างของเขาทับเต็มตัวกดทับลงที่หว่างขาจนไม่สามารถขยับได้
“หยุด” เขาคำราม
“ปล่อยนะ ฉันเจ็บ” เธอร้องขอเสียงแหบพร่า เพราะเหนื่อยล้าจากการต่อสู้
สืบสายจ้องหน้าเธอนิ่งๆ โดยไม่มีคำพูดใดอีก ดวงตาที่เว้าวอน ขอร้องให้เขาปล่อย แต่คำพูดและการกระทำของเธอดูแข็งกร้าว ไม่น่าสงสารเลยสักนิด เธอเหมือนม้าพยศ
“ถ้ายังดิ้นอีก ก็จะเจ็บอีก”
เขาคลายล็อคที่ข้อมือ และลุกขึ้นนั่ง แต่ยังคงค่อมร่างเธอไว้ มองเธออยู่อย่างนั้น อกเปลือยท่อนบนของเขาเป็นรอยแดงรูปฝ่ามือจนเห็นเป็นห้านิ้วชัดเจน จนหญิงสาวต้องหันหน้าไปทางอื่น เพื่อหลบสายตาของเขา
“ขายให้ธนากรเท่าไหร่” เขาถามดื้อๆ
“ฉันไม่ได้ขายตัว” พระแพงตอบเสียงแข็ง
“อรปวีร์ เคยขายให้ฉันครั้งละหมื่น แบบเธอราคาไม่น่าจะถึง”
เขาเย้ย จับใบหน้าของเธอให้หันกลับมา และมองไล่หยุดที่อกของเธอ เธอยกมือขึ้นตีแขนที่เขาจับใต้คางเธอ
“ถ้าต้องการหกแสนฉันจะจ่ายให้ แต่กี่ครั้งเธอถึงจะใช้ฉันหมดล่ะ”
เขาหัวเราะเสียงดัง เมื่อเธอถลึงตาใส่เขาด้วยความโกรธที่เขาดูถูกรูปร่างของเธอ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาเองก็มองเธอในแง่นั้นไปแล้ว จะเสียเวลาอธิบายคนอย่างเขาไปทำไม และหากต้องแลกมันมาเพื่อให้ได้เงินก้อนนั้น เขาจ่ายจริงไม่เล่นตุกติก เธอก็สามารถช่วยพ่อจ่ายค่าบ้าน ประวิงเวลาไม่ให้บ้านถูกยึดได้ พระแพงสับสน คิดวกไปวนมา ไม่ขยับ นอนนิ่งอยู่อย่างนั้น จนสืบสายลุกออกมาเอง เพราะมั่นใจว่าเธอคงจะไม่พยศอีก
“จะโอนเป็นเงินสดได้เลยไหม” เธอถามเสียงแผ่วเบา แต่ก็ยังไม่กล้ามองหน้าเขา ทำให้สืบสายถึงกับแสยะยิ้มออกมา
“ได้สิ เดี๋ยวนี้ก็ยังได้ ตกลงขายแล้วสินะ” เขายิ้มและมองเธอตรงๆ และนั่งลงที่ขอบเตียง
“กดให้ฉันดูเดี๋ยวนี้ หมายเลขโทรศัพท์......”
เธอหันกลับมามอง ขณะที่เขากดโอนเงินสดในบัญชีให้เธอ หกแสนบาท และยื่นหน้าจอให้เธอดู พระแพงถึงกับขนลุก ที่เห็นเขาทำจริง เธอคิดจะลุกหนี แต่เขาเร็วทันความคิดของเธอ เขาล็อคเธอไว้
“อย่าคิดเบี้ยวคนอย่างฉัน” เขาข่มขู่
“ไม่ ฉันเจ็บปล่อยเถอะ” เธอไม่มีทางรอดจากเงื้อมมือเขาไปได้อย่างแน่นอน เพราะร่างกายยังช้ำและระบมไปหมด
“ไม่ต้องกลัว วันนี้ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ฉันไม่นอนกับศพ” เขาปล่อยมือ และลุกจากไปล้มตัวลงนอนที่โซฟา
เขายังคงนอนหลับตา พระแพงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ไม่เคลื่อนไหว มองดูสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่งเงียบๆ เธอไปไหนไม่ได้ กระเป๋าเงินและโทรศัพท์ยังอยู่ที่รถ เธอไม่สามารถติดต่อใครได้ ออกไปจากที่นี่ก็ไม่ได้ เพราะเขานอนเฝ้าอยู่
พระแพงมองหน้าที่หล่อเหลาของเขา รูปร่างหน้าตา ฐานะการเงินมันดูสมบูรณ์แบบไปหมด บุคลิกภายนอกที่เธอเห็นเขาครั้งแรก ดูสุภาพอ่อนโยนและเป็นมิตร ต่างกับเขาตอนนี้ที่ดูน่ากลัวเกินไปสำหรับเธอ ถึงแม้จะเผลอเคลิบเคลิ้มไปบ้าง แต่ความโหดร้ายที่เขาผลักเธอลงจากรถ มันน่ากลัว และดูอันตรายเกินไป จนไม่น่าเข้าใกล้ ในเมื่อเธอยอมขายให้เขาแล้ว อย่าได้หวังอะไรจากเขา เพราะคนอย่างเขาได้ตัดสินคนแค่สิ่งที่มองเห็นไปแล้ว เธอแค่ทำให้มันจบและจากไป
พระแพงเผลอนอนหลับตั้งแต่เมื่อไหร่ จนถึงเช้า เธอนอนคู้กอดหมอนใบหนึ่งไว้กับอก ซุกหน้าลงหาที่ยึดเหนี่ยวให้คลายหวาดกลัว เขาตื่นนานแล้ว และนั่งมองเธออยู่อย่างนั้น เขาไม่ได้อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเธอ แต่สถานการณ์ที่นำพาให้ต้องมาเจอเธอ มันเกิดจากความเกลียดชัง พฤติกรรมของหญิงสาวที่พยายามใช้ร่างกายแลกกับเงิน เมื่อเขาเข้าไปขวาง เธอกลับเข้ามาหาเรื่องเขาเอง ความรุนแรงที่ก่อเกิดจากโทสะ อารมณ์ฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดที่เขาสามารถควบคุมมันมาได้กว่า 3 ปี กลับต้องมาระเบิดอีกครั้งแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขาเลย แถมต้องมาเสียเงินที่เหมือนจะไม่คุ้มค่าเลยสักนิด
แขนและขาที่มีผิวขาวเนียน เริ่มปรากฎรอยช้ำเขียวคล้ำเป็นจ้ำๆ เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ใจหนึ่งเขาก็นึกโกรธตัวเองที่ไม่ควบคุมอารมณ์ตัวเอง ทำร้ายผู้หญิงได้ถึงขนาดนี้ และนึกสงสารเธอขึ้นมาบ้าง เธอคงต้องการเงินนั่นมากจริงๆ ถึงทำได้ขนาดนี้ โกรธและโมโหเขาจนไม่คิดหน้าคิดหลัง ทั้งที่เขาตัวใหญ่กว่าเธอมาก แค่บีบแขนนิดเดียวกระดูกก็แทบแตก แต่เขาก็นับถือที่เธอใจเด็ด และแสดงความกล้าหาญ เย่อหยิ่ง ทะนงตน แม้ในยามจนตรอก
เขานำยานวดแก้ฟกช้ำมาทาตามแขนและขาให้เธอเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกตัวตื่น และรีบชักขาออก เพราะเขากำลังจับที่ขาอ่อนใกล้ส่วนสงวนเธอมากเกินไป
“ก็แค่ทายา ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก เลิกแสดงเสียที” เขาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่น และโยนหลอดยาให้เธอ
“ตบหัวแล้วลูบหลัง” เธอพูดอ้อมแอ้มในคอ ทำให้เขาหันกลับมามองอย่างไม่พอใจ
“ถ้าคิดจะว่าใคร ก็พูดออกมาตรงๆ ให้เต็มเสียง อย่ามัวแต่อ้อมแอ้ม ทำเป็นเต่าหดหัว” พูดใส่เธอตรงๆ จนเธอผงะหลังติดหัวเตียง
“ทายาเสร็จแล้วก็มากินข้าว ฉันจะพาไปส่ง” เขาสั่งอาหารมารอในตอนที่เธอยังหลับอยู่
“จริงเหรอ” เธอถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
“อย่าเพิ่งดีใจไป แค่ให้กลับไปเก็บเสื้อผ้า บอกพ่อแม่เธอให้เรียบร้อย แล้วกลับมาอยู่ที่นี่ เพราะเธอยังติดฉันอยู่ 60 ครั้ง อย่าลืมว่าเธอได้เงินหกแสนของฉันไปแล้ว และอย่าได้คิดจะเบี้ยวฉัน” เขายิ้มเหยียดที่มุมปาก
พระแพงได้แต่ทำตามคำสั่งเขา กำมือแน่นด้วยความแค้น ใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทานอาหารได้เพียงไม่กี่คำเท่านั้น เสื้อผ้าที่สวมใส่กลับบ้านเป็นเสื้อกับกางเกงขาสั้นของเขาที่ดูโคร่งใหญ่กว่าตัวของพระแพงมาก จนเขาถึงกับหัวเราะ พระแพงหน้าแดง แก้มระเรื่อ อายมาก พยายามหันไปทางอื่นไม่มองเขา แต่มันกลับดูมีเสน่ห์จนเขาแอบรู้สึกบางอย่างกับเธอ พฤติกรรมบางอย่างของพระแพงทำให้เขาไขว้เขว และหวั่นไหว เพราะเธอดูไร้เดียงสา จนน่าเอ็นดู บางครั้งในยามเผลอ หน้าของเธอดูเศร้าหมอง และครึ่นคิดตลอดเวลา
“พาฉันไปที่รถก่อนได้ไหม ฉันต้องไปเอากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์” เธอค่อยๆ บอกเขาก่อนออกรถ
“ไม่ต้อง ฉันให้คนของฉันจัดการให้แล้ว เขาเอามาให้ฉันแล้วเมื่อสักครู่”
“ทำไมคุณไม่เอาให้ฉัน” เธอต่อว่าทันที
“เธอไม่จำเป็นต้องใช้” เขาตอบ
เขาจอดรถให้เธอหน้าบ้านหลังใหญ่หลังหนึ่งใจกลางเมือง มันมีมูลค่าสูงตามราคาที่ดินที่พุ่งขึ้น ปัจจุบันเหลือน้อยมากสำหรับบ้านเดี่ยวบนที่ดินตัวเองในเมืองที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าเช่นนี้ ฐานะทางบ้านของเธอคงจะมั่งคังมากพอสมควร แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของคงทรัพย์ มันทำให้เขาพอจะเดาสถานการณ์ของเธอได้บ้าง พ่อของเธอกำลังจะล้มละลาย และเธอกำลังพยายามหาเงินจำนวนมาก
เขานั่งรออยู่นาน จนเธอเดินออกมาในเครื่องแต่งกายใหม่ ด้วยเสื้อผ้าของเธอเอง กับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ที่ลากมาอย่างทุลักทุเล เพราะเธอแทบจะไม่มีแรงยกมัน เธอสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีธรรมชาติทิ้งชายมีเชือกผูกหลวมๆที่เอว กับเสื้อยืดสีขาวพอดีตัว ไม่มีรวดลาย สวมถุงเท้าและใส่รองเท้าแตะธรรมดา ม้วนผมเป็นมวยหลวมๆ บนกลางศีรษะ ไรผมหลุดลุ่ย
สืบสายลงจากรถ ช่วยเธอยกกระเป๋าขึ้น เขารู้สึกถึงน้ำหนักที่มากเป็นพิเศษ จนแปลกใจที่เธอตัวเล็กนิดเดียว แต่สามารถกึ่งยกกึ่งลากมันมาตั้งไกล ด้วยร่างกายที่ไม่พร้อมจะยกของหนักแบบนี้ เขาได้แต่มองท่าทางของเธอที่ไม่พูดสักคำ เอาแต่บีบแขนตัวเอง
“พ่อไม่อยู่” เธอบอกเขา
“อย่าให้ฉันต้องมีปัญหา” เขาพูดแกลมขู่
“ถ้าคุณให้ฉันโทรศัพท์บอกท่าน ท่านคงไม่สงสัย” เธอต่อรอง
เขาผลักเธอขึ้นรถ พร้อมหยิบโทรศัพท์ของเธออกจากซองสีน้ำตาล ยื่นให้เธอ และเมื่อโทรเสร็จก็ดึงกลับทันที และเก็บเข้าที่เดิม มันถูกซุกไว้ที่ซอกข้างประตูฝั่งคนขับ เธอได้แต่มองมันแต่ทำอะไรไม่ได้
สืบสายไม่ได้พาเธอตรงกลับคอนโด หากแต่พาเธอไปหาหมอที่คลินิกเล็กๆแห่งหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ใส่ใจเรื่องสุขภาพของเธอ หลังจากที่ทำให้เธอได้รับบาดเจ็บ คุณหมอจ่ายยาแก้อักเสบ ยากินและยาทา รวมถึงยาทาแก้รอยแผลเป็น
“พระแพง” ใครคนหนึ่งเรียกเธอขณะที่กำลังจะขึ้นรถ
สืบสายหันมองตามเสียง ชายคนหนึ่งเรียกพระแพงราวกับคนสนิท ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้วมองหน้าเธอ
“ต้น” พระแพงเรียกชื่อเขาด้วยความตกใจ
“เธอเป็นไรอะไรน่ะ ทำไมเนื้อตัวเป็นแบบนี้” เขาเดินมาใกล้และจะเอื้อมมือจับเธอ แต่สืบสายเข้ามากันไว้
“นายเป็นใคร” สืบสายจ้องตาเขา
“แล้วนายล่ะเป็นใคร” เขาจ้องหน้าสืบสายแบบไม่พอใจ
“ต้น เขาเป็น...”
“แฟน”
พระแพงพูดยังไม่จบ เขาแทรกเข้ามา จนทำให้ทั้งพระแพงและต้นตกตะลึง เขาผลักต้นออกไปและดันให้พระแพงขึ้นรถ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างไม่สบอารมณ์
“คุณทำให้เพื่อนฉันสงสัย” เธอต่อว่า ที่เธอไม่มีโอกาสได้อธิบายกับต้นเลย
“อยากให้เขารู้หรือไง” เขาตอบอย่างไม่พอใจ ไม่ต่างอะไรกับคนที่กำลังหึงหวง
พระแพงได้แต่เงียบเมื่อเขาเริ่มเสียงดังขึ้น เธอไม่เข้าใจ ว่าเขาอ้างอย่างอื่นก็ได้ ทำไมต้องบอกต้นว่าเป็นแฟน เธอไม่ต้องการให้ต้นเข้าใจผิด และหากเรื่องนี้ไปถึงหูคนอื่น เธอจะลำบากและ ไม่วายให้เขาต้องโกรธไปมากกว่านี้อีก เพราะเพื่อนๆ ต้องอยากรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
เขาพาตรงมาที่ห้องทั้งที่ก่อนหน้ามีแผนจะพาไปทานข้าวก่อน แต่ด้วยเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้เขาเปลี่ยนใจ เพราะไม่อยากให้เธอต้องเจอกับใครที่รู้จักอีก ในภาวะตรึงเครียด ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ท้องพระแพงก็ร้องออกมา ทำให้เขาถึงกับเลิกคิ้ว แต่ไม่พูดอะไรกับเธอ เธอเองถึงแม้จะหิวก็ไม่บอกเขาสักคำ ได้แต่อดทน
“วันนี้ไม่ได้กินอะไรทั้งวัน ถ้าหิวก็ควรจะบอกสิ”
เขาพูดขึ้นเมื่อกลับมาถึงห้อง พระแพงยังโกรธอยู่จึงไม่คิดจะต่อปากต่อคำกับเขา เขากดสั่งอาหารให้เธออย่างรวดเร็ว โดยไม่ถามสักคำว่าอยากกินอะไร
“เก็บข้าวของของเธอซะ” เขาออกคำสั่ง เมื่อเห็นเธอยืนเก้ ๆ กังๆ อยู่อย่างนั้น
“ตู้ของคุณเหรอ” เธอถาม
“จะกองไว้กับพื้นก็ไม่ว่านะ” เขาตอบกวน จนเธอชักสีหน้า
เขาไม่ได้ค้างกับเธอ เขาปล่อยเธอไว้ลำพัง หลังจากเก็บข้าวของและทานอาหารเย็นแล้ว เขาทิ้งโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้เธอใช้ติดต่อกับเขา และทิ้งเงินไว้ให้จำนวนหนึ่ง และกำชับกับเธอว่าห้ามหนีไปไหนทั้งนั้นถ้าไม่อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้
ทางด้านพัศวี ถึงแม้จะคั่วอยู่กับสาวรุ่นน้องอย่างแก้วตา แต่ไม่วายที่จะคิดถึงเกศิตา เขาพยายามทำให้ตัวเองปกติ พยายามคิดว่าเกศิตาก็แค่ผู้หญิงธรรมดาคนนึงที่ผ่านเข้ามา แล้วก็ผ่านไป เหมือนคนอื่นๆ แต่ทุกครั้งที่ขึ้นเตียงกับแก้วตา เขากลับนึกถึงแต่หน้าของเกศิตา นึกถึงความเร่าร้อน และความกระตือรือร้นที่จะตอบสนองร่างกายต่อเขา
วันนี้เขาไม่ได้มีสาวคนไหนเคียงข้าง เขานัดสืบสายออกมาที่สโมสร เพื่อว่ายน้ำและดื่มกันนิดหน่อยก่อนกลับ
“วันก่อนนายมีเรื่องอะไรหรือเปล่า ฉันเห็นนายกับอรปวีร์” พัศวีถามสืบสายหลังจากขึ้นจากสระ มานั่งพัก
“ไม่ใช่อรปวีร์” สืบสายตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“แล้วใคร” พัศวีหันมามองหน้า
“เพื่อนของอร คนที่เดินมาหาฉันที่โต๊ะ”
“อ๋อ ฉันนึกออกแล้ว แล้วเรื่องอะไรล่ะ” พัศวีพอจะจำพระแพงได้คับคล้ายคับคลา
“อรปวีร์พามาขาย” เขาตอบสั้นๆ
“บ้าเอ๊ย! ยายอร พาเพื่อนมาขายนายเนี่ยนะ” พัศวีทั้งยั้วะและงงพร้อมกัน
“ขายคนอื่น”
“ใคร”
“ไอ้ธนากร”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายวะ” พัศวียังไม่เข้าใจ
“ฉันเรียกให้การ์ดไล่ออกไป แต่ตอนนี้ฉันซื้อหล่อนไว้เองแล้ว” เขาตัดบทเอาง่ายๆ พัศวีถึงกับอึ้ง อ้าปากค้าง
“คุณสืบสาย เดี๋ยวนี้คุณต้องซื้อเหรอ นี่ใช่นายตัวจริงหรือเปล่า” พัศวีอดแซวเขาไม่ได้
“ฉันซื้อเพราะฉันทำร้ายเขา บาดเจ็บ สงสาร คงอยากได้เงินมาก” คำพูดของสืบสายทำเอาพัศวีตาเบิกโพรง
“หมายความว่าไง นายทำร้ายผู้หญิงเหรอ”
“หล่อนมาตบและทุบตีฉัน ฉันเลยเอาไปทิ้งนอกเมือง โยนลงจากรถน่ะ นายอย่าถามมาก ฉันซื้อหล่อนในราคาที่มากพอดู ซึ่งหล่อนไม่มีค่ามากถึงขนาดนั้นด้วยซ้ำ”
เขาพูดเหมือนไม่มีอะไรหนักหนา แต่สำหรับพัศวีที่ผ่านการถูกทำร้ายปางตายจนต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเดือน กลับรู้สึกสงสารผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาทันที
“ไม่มีใครอยากโดนทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บนะเพื่อน ฉันเองก็ไม่” เขาพูดเสียงราบเรียบเพื่อเตือนสติ สืบสาย
“อืม ตอนนี้ฉันให้เขาอยู่ที่คอนโด เพราะฉันโอนเงินให้เขาแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้เคลมหล่อน ปล่อยไปก็เสียดายเปล่าๆ เพราะหล่อนคงจะไปเร่ขายคนอื่นอีกแน่” เขาคิดไปแล้ว
“นายจ่ายไปเท่าไหร่”
“หกแสน”
“หกแสน นายบ้าไปแล้ว” พัศวีถึงกับสำลักน้ำที่กำลังดื่ม และวางมันกระแทกโต๊ะอย่างแรง
“ฉันแค่กะว่าจะปิดปากเรื่องที่ฉันทำร้ายเขา”
“แล้วเรื่องเคลมล่ะ”
“ก็แค่เสียดายของ ตอนนี้ไม่ได้อยากเรื่องพวกนี้ก็แค่นั้น เลยเลี้ยงไว้ก่อน ไว้ต้องการเมื่อไหร่ ค่อยจัดการ แล้วปล่อยไปทีหลัง” เขาตอบเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาไม่สำคัญอะไร
“นายโคตรเย็นชาเลยว่ะเพื่อน ระวังนะ ถ้าได้แล้วติดใจขึ้นมา จะทิ้งไม่ลง” พัศวีนึกถึงตัวเอง ที่รู้สึกเสียดายเกศิตา
สืบสายหัวเราะ นึกขำคำพูดของเพื่อน อย่างรู้ทันว่าพัศวีหมายถึงตัวเอง ไม่ใช่เขา เสียงหัวเราะทำให้สองหนุ่มคิดถึง ธนญ ขึ้นมา นานแล้วที่พวกเขา 3 คนไม่ได้อยู่พร้อมหน้า และว่ายน้ำด้วยกัน ตั้งแต่ ธนญ คบกับนับหนึ่ง เขาไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อนสักเท่าไหร่ เขามีความสุขกับผู้หญิงของเขาอยู่คนเดียว ในขณะที่พัศวี ยังเวียนวนกับวัฏจักรเดิมๆ หน้าเก่าไป หน้าใหม่มา ส่วนสืบสายก็ไม่ได้สนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ แค่มาดื่มเป็นเพื่อนพวกเขาฆ่าเวลาเท่านั้น
สามวันแล้วที่สืบสายไม่มาหาพระแพงเลย เธอจึงตัดสินใจโทรไปหาเขา เพื่อขอโทรศัพท์ของเธอคืน เนื่องจากเธอมีความจำเป็นต้องใช้ในการทำธุรกรรมการเงินที่เขาโอนมาให้
“ถึงขั้นโทรตามเลยเหรอ” เขาพูดพร้อมยื่นโทรศัพท์ของเธอที่เขาเก็บไว้
“ฉันต้องใช้” เธอรับมาและตอบเสียงอ่อน เพื่อไม่ทำให้เขาโกรธ
พระแพงรับโทรศัพท์มา และกดโอนเงินที่สืบสายโอนให้จำนวนหกแสนบาทเพื่อจ่ายค่าดอกเบี้ยธนาคารแทนพ่อ สืบสายนั่งมองเธอ ที่มีสีหน้าเคร่งเครียด แต่กลับดูสดใส ในชุดลำลองที่สวมกางเกงขาสั้นสีขาวเนื้อบาง กับเสื้อยืดตาข่ายสีฟ้าอ่อนไหล่กว้าง ตกลงที่ต้นแขน ทับเสื้อกล้ามสีขาว รอย ช้ำที่แขนและขาเริ่มจางลง แผลถลอกเริ่มตกสะเก็ด และหลุดลอกไปบ้างแล้ว ผมยาวเป็นรอนถูกรวบเป็นหางม้า
เมื่อเสร็จธุระแล้ว พระแพงหันกลับมาทางเขาก็พบสายตาที่มองเรือนร่างของเธออยู่ ทำให้เธอถึงกับตัวแข็ง
“มองอะไร” เธอถาม
“แผลหายแล้วนี่” เขาตอบ
“อืม”
“ทำงานได้แล้วสิ” คำพูดของเขาทำให้เธออึ้งไป
“คงไม่คิดว่า ฉันจะมาเพื่อเอาโทรศัพท์ให้เธอแค่นั้นหรอกนะ”
เขาพูดพร้อมกับจ้องตาเธอ พระแพงหลบตา ไม่รู้จะหลบไปทางไหน จึงเดินไปหลบที่มุมโต๊ะนั่งทานข้าว สืบสายถอดเสื้อผ้าของตัวเองและเดินเข้าห้องน้ำ เพื่อชำระร่างกาย เนื่องจากไปออกกำลังกายมา มีแต่กลิ่นเหงื่อ
“พระแพง” เขาเรียกเธอ ทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้ง
“คะ” เธอขานรับ
“เข้ามานี่” เขาเรียกให้เธอเข้าไปในห้องน้ำ พระแพงกล้าๆ กลัว ๆ ค่อยๆเดินย่องเข้าไป
“นี่อะไร” เขาหยิบกระจุกเส้นผมของเธอที่อุดร่องระบายน้ำออกมาโชว์ตรงหน้า
“ขอโทษ ฉันลืมเก็บออก” เธอรีบคว้ามันมาและนำไปทิ้งถังขยะ และกลับมาเก็บที่เหลืออยู่ที่พื้น โดยลืมไปว่า เขาเปลือยกายอาบน้ำอยู่ เมื่อรู้ตัว เธอถึงกับร้องออกมาอย่างตกใจ
“จะร้องทำไม เลิกทำเป็นไม่เคยเสียที”
“ฉันไม่..” พระแพงหยุดแค่นั้น
“ถอดเสื้อผ้าออก อาบน้ำให้ฉันหน่อย ทำงานได้แล้ว” เขาสั่งเสียงเข้ม
“ไม่” พระแพงทำท่าจะวิ่งออกไป แต่เขาคว้าเอวเธอไว้ก่อน
พระแพงใจเต้นรัว จนเขารู้สึกได้ เอวเล็กคอดของเธอถูกแขนเขาตวัดทีเดียวมาแนบกับอกและร่างกายส่วนหน้าของเขา สืบสายสูงถึง 178 ซ.ม. ในขณะที่เธอเตี้ยกว่าเขามาก ทำให้ขาเธอลอยจากพื้น เพราะเธอนั้นตัวเบาและบางมากสำหรับเขา ที่สามารถรั้งเธอได้ด้วยแขนข้างเดียว
“ถอดเสื้อผ้าออก หรือจะให้ฉันถอดให้อีก” เขายิ้ม
พระแพงทำตามคำสั่งของเขาอย่างเขินอาย มือไม้สั่นจนเขาสังเกตได้ เขาใช้ฟองน้ำถูตัวให้เธอ และบอกให้เธอถูให้เขาบ้าง เธอทำตามคำสั่งเหมือนหุ่นยนต์ ไม่กล้ามองร่างกายของเขา ได้แต่หันหน้าไปทางอื่น ทำให้เขาหัวเราะ พระแพงหน้าง้ำ ทั้งโกรธและอาย
“ฉันไม่ได้รู้สึกง่ายเหมือนเธอหรอกนะ” เขาเย้าเธอเล่น และดึงเธอมากอดไว้แนบกาย
“ขนาดนี้ฉันยังไม่รู้สึกอะไร ฉันว่าซื้อเธอมาไม่น่าจะคุ้มสำหรับฉัน” เขาพูดไปยิ้มไป
“นายมันตายด้าน ไม่มีน้ำยามากกว่า”
พระแพงผลักเขา และผละตัวเองออกไปจากห้องน้ำ พันผ้าเช็ดตัวเดินหนีออกมาอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังเช็ดตัวอยู่ สืบสายเข้ามากอดเธอด้านหลัง พระแพงพยายามขัดขืน
“เธอแน่ใจแล้วเหรอ ที่ว่าฉันไม่มีน้ำยา” เขาถามขณะที่โน้มลงไซร้ซอกคอเธอ จนเธอขนลุกซู
พระแพงพยายามเบี่ยงตัวหลบ และแกะมือเขาออกจากเอว แต่มันยิ่งรัดแน่น ผ้าเช็ดตัวที่พันรอบอก หลุดออกจนอกอูมอิ่มของเธอกองอยู่บนท่อนแขนของเขา แม้รูปร่างเล็กบาง แต่หน้าอกของเธอกลับเต่งตึงชูช่อ จนน่าสัมผัส สืบสายยกร่างเบาดังนุ่นของเธอเหวี่ยงลงบนเตียง และโน้มตัวลงตรึงแขนเธอไว้ เผยอกตูมที่ชูช่อท้าทายสายตาอยู่ตรงหน้า
“ฉันเบื่อจะเล่นกับเธอเต็มทน ทำงานของเธอให้เสร็จๆ แล้วฉันจะปล่อยเธอไป”
พูดจบเขาไม่รอช้า ใช้ริมฝีปากและปลายลิ้นสัมผัสยอดเม็ดบัวน้อยๆ จนแข็งเป็นไต เขาดูดกลืนราวกับเด็กน้อย สร้างแรงสัมผัสที่พระแพงไม่เคยเจอมาก่อน พระแพงไม่เคยมีแฟน จึงไม่เคยสัมผัสแรงปรารถนาและเสน่หาที่รันจวนเช่นนี้ เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ถึงเนื้อถึงตัวและสัมผัสเธอเพื่อจะครอบครองและตีตราเป็นเจ้าของเรือนร่าง รวดเร็วจนน่าตื่นตระหนกสำหรับคนที่ไร้ประสบการณ์เช่นเธอ
เขาฝักแก่นกายเข้าไปในเรือนกายของเธออย่างรวดเร็ว เพราะไม่คิดว่าเธอจะยังบริสุทธิ์ มันสร้างความเจ็บปวดให้เธออย่างสาหัส เธอกรีดร้องสุดเสียง แต่เสียงร้องถูกกลืนไปในลำคอ เมื่อเขาประทับรอยจูบรุกเร้ารุนแรง ไร้ความปราณี เธอพยายามผลักเขาเต็มแรง เพื่อจะดึงร่างกายออกจากอาวุธที่กำลังทิ่มแทง เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส
แต่ปฏิกิริยาเหล่านี้กลับทำให้ไฟในกายของเขาโหมกระหน่ำ ไม่อาจทานทนต่อไปได้ สืบสายปล่อยแรงดิบเถื่อนที่ห่างหายไปนานออกมาเต็มที่ โดยไม่ได้รับรู้เลยว่ามันเป็นครั้งแรกของเธอ น้ำตาของพระแพงไหลอาบแก้ม เล็บของเธอจิกสีข้างของเขาเป็นทางยาวเพราะความเจ็บและพยายามที่จะดันร่างของเขาออก จนเลือดไหลซึม แต่สำหรับสืบสายเขาแทบไม่รู้สึกอะไร เขามองหน้าเธอที่กำลังร้องไห้ ก่อนที่จะถอนตัวออกช้าๆ เขารับรู้ถึงของเหลวอุ่นๆ ที่ค่อยๆซึมออกมา แต่แล้วเขาต้องตกใจ เมื่อเห็นเลือดจำนวนหนึ่งไหลออกมา เขาถึงกับผงะ ตัวแข็งไปชั่วขณะ
พระแพงพลิกตัวลงเพื่อไม่ให้เขาจ้องมอง และเพื่อลดความเจ็บปวดที่กำลังตอดตุบๆ สืบสายลุกขึ้นจากเตียง หยิบผ้าห่มคลุมร่างให้เธอ และเดินเขาห้องน้ำ เขาเปิดฝักบัวปล่อยให้น้ำไหลผ่านศีรษะ นึกเจ็บใจและตำหนิตัวเอง ที่ทำร้ายเธอเป็นครั้งที่สอง เขาไม่รู้ว่าเธอยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน เพราะเขามองว่าเธอเป็นเพื่อนกับอรปวีร์ ก็คงไม่ต่างกัน
ครั้งแรกของผู้หญิงมันเจ็บปวดมาก หากไม่ระวัง หรือทำให้เธอรู้สึกไม่ดี ผู้หญิงบางคนอาจเกลียดการมีเพศสัมพันธ์ไปทั้งชีวิต เขาแทบจะไม่ได้รอให้เธอพร้อมเลยด้วยซ้ำ สืบสายชกมือเข้ากับผนักห้องน้ำ จนแตกเป็นแผล เลือดไหลผสมกับน้ำ
เมื่อได้สติ เขาเช็ดตัวจนแห้งและพันกายครึ่งท่อน ออกมาพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กกับอ่างน้ำอุ่น เขาวางอ่างน้ำไว้ที่โต๊ะหัวเตียง บิดผ้าขนหนูหมาดๆ เพื่อเช็ดตัวให้เธอ ทันทีที่เขาสัมผัสเธอ พระแพงสะดุ้งและผละออกอย่างรวดเร็ว ไม่ให้เขาแตะต้อง
“อยู่เฉยๆ”
เขาพูดเสียงดังแกลมขู่ และดึงผ้าห่มออก เช็ดครบเลือดที่หว่างขาให้อย่างแผ่วเบา พระแพงพยายามใช้มือปัดป้อง ไม่ต้องการให้เขาสัมผัส ไออุ่นจากน้ำที่ผ้าทำให้พระแพงรู้สึกผ่อนคลายลง ถึงแม้เธอจะพยายามปัดป้องเขา แต่ร่างกายของเธอแทบจะไม่มีแรงต่อต้าน เมื่อเช็ดเนื้อตัวเสร็จแล้ว เขาจึงห่มผ้าให้เธอตามเดิม นำน้ำและผ้าที่มีคาวเลือดออกไป
เขากลับมาที่เตียงพบว่าพระแพงหลับไปแล้ว เขาจึงได้แค่สอดกายเข้าไปใต้ผ้าห่ม และนอนอยู่ข้างๆ เธอนิ่งๆ ในดวงตาครุ่นคิดมากมาย สืบสายสอดแขนทั้งสองไว้ใต้ศีรษะหลับตาลงช้าๆ และต้องลืมตาอีกครั้งเมื่อพระแพง ได้พลิกกายมากอดเขาไว้ เธอหลับโดยต้องมีอะไรให้กอดไว้ทุกครั้ง เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย ศีรษะที่ซุกอยู่ใต้วงแขน หอมกลิ่นแชมพูอ่อนๆ
สืบสายไม่รู้ว่าตัวเองควรจะทำอย่างไร ควรที่จะกอดเธอไหม หรือวางมือของตัวเองไว้ที่ใด ใจที่เริ่มเต้นแรงจากการสัมผัสของพระแพง ราวกับกลองสัญญาณที่เริ่มรัว ร่างกายที่สงบก่อนหน้า เริ่มตื่นและอึดอัดอยู่ภายใน สัมผัสนุ่มละมุนของอกอุ่น ผสานผิวเนื้อเนียนนุ่มที่แนบชิดผิวกายชายหนุ่ม ทำให้กล้ามเนื้อเริ่มกระตุก แข็งขึงผงาดขึ้นอย่างช้า ขาที่พาดผ่าน เนื้ออ่อนที่น่องเล็กๆ กดเอ็นเนื้อหยุ่นที่พยายามตั้งชัน เขาพยายามข่มความต้องการที่เริ่มร้อนขึ้นของร่างกาย มือข้างที่ว่างอยู่ กำผ้าห่มแน่นเกร็งจนเส้นเลือดและเอ็นมือขึ้นสันนูน พยายามสูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ
เขาพยายามที่จะดึงเธอออก เพราะหากเขาไม่สามารถยับยั้งตัวเองได้ อาจทำให้เธอต้องเจ็บอีกรอบ เขาไม่แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมมันได้มากน้อยแค่ไหน ก่อนหน้าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้ร่างกายผสานกัน มันกลับเต็มตื้นด้วยความกระหายไม่รู้จบ ยิ่งเมื่อได้รับรู้ว่ามันเป็นครั้งแรกของหญิงสาว ความรู้สึกเป็นเจ้าของกลับยิ่งทวี และต้องการมากกว่าเดิม ทั้งที่ตั้งใจจะทำให้มันจบๆ ไปเพียงครั้งเดียว
แขนเล็กๆที่พาดลำตัวเกาะเกี่ยวที่รอบเอวเข้ากระชับเข้า เมื่อเขาพยายามขยับตัวออก ขาที่พาดทับก็สอดล็อคขาข้างหนึ่งของเขาไว้ โดยส่วนเข่ายังอิงอยู่กับแก่นกายที่ยกตัวขึ้น เขาปล่อยลมหายใจเมื่อเธอกดมันแรงขึ้น จนเขาต้องจับมันไว้และพยามดันให้ต่ำ ลง
“ฉัน” พระแพงตกใจ เมื่อลืมตาขึ้นพบว่าขาตัวเองสัมผัสแก่นกายของเขาอยู่ และเขาพยายามเอามันออก
“เอามันออกไปจะดีสำหรับเธอ”
เขาพูดและดันเข่าของเธอออกไป ทำให้หญิงสาว ต้องผละจากอ้อมกอดของเขา เพราะความกระดากอาย และหันหลังอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกเจ็บแปบที่หว่างขา ใจของเธอเต้นแรง หายใจไม่ทั่วท้อง รู้สึกมวนที่ท้องน้อย และตึงที่หน้าอก ตัวเริ่มสั่น จนเขารับรู้ถึงแรงที่สั่นขึ้น
“เป็นอะไร”
เขาโน้มตัวมาทางด้านหลังจนลำตัวสัมผัสแผ่นหลัง และจับที่แขนเธอ ทันทีที่เขาสัมผัส เธอรู้สึกว่าร่างกายกำลังตอบสนอง ขนลุกชูชัน เธอต้องการให้เขาสัมผัสเธอมากกว่านี้ แต่ในใจนั้นกลับต่อต้านเพราะยังกลัวกับการสัมผัสก่อนหน้า
“ไม่ ไม่เป็นไร อย่าจับฉัน”
พระแพงปัดมือเขาออก และพยายามขยับหนี แต่ร่างกายกลับเกร็งมากกว่าเดิม เมื่อเขาล็อคที่รอบเอว
“ตัวเธอสั่นเกร็งนะ เจ็บตรงไหน”
เขาจับเธอให้หันกลับมาหาเขา เมื่อเผชิญหน้ากับเขาพระแพงหลับตาและ พยายามผ่อนลมหายใจยาว เพื่อยับยั้งร่างกายของตัวเอง โดยใช้ศอกดันระหว่างอกของเขาและเธอไว้ เขาพอจะเข้าใจอาการของเธอ ถึงแม้เขาจะพยายามข่มความต้องการของเขาไว้ แต่เธอเองก็ต้องการมันมากเหมือนกัน กลิ่นกายที่หอมละมุน และเหงื่อที่ซึมกาย มันเย้ายวนจนเขาไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีก
“ถ้าต้องการ ฉันจะ..”
เขาพูดที่ข้างหูและเริ่มจูบเธอที่ซอกคอและริมฝีปากอย่างอ่อนโยน จนเธอไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีก
แขนที่เกร็งเริ่มอ่อนแรง เปลี่ยนเป็นสัมผัส ลูบไล้แผ่วเบา เขาประคองแก้มพระแพงไว้เต็มฝ่ามือ จุมพิตดูดดื่มแผ่วเบา ปลายลิ้นบางสอดรับปลายลิ้นของเขาที่ซอกซอนกระพุ้งแก้ม ขาทั้งสองข้างตวัดรอบสะโพกที่สอดเข่าทั้งสองเพื่อแอ่นสะโพกผายของเธอให้รับแก่นกายที่ตั้งตรงได้มุม แต่มันทำหน้าที่เพียงสัมผัสหน้าปากถ้าที่ปกคลุมพุ่มริ้วสีดำหยิกขอด เสียดสีไปมาสร้างความเพลิดเพลินทีละน้อย รอจนกว่าปลายกลีบจำปาจะเผยอออก พร้อมน้ำหวานเขาจับมือเธอให้กุมที่แท่งลำของเขา และประคองมือเธอไว้ เขาสอนวิธีสัมผัสที่ช่วยให้เขารู้สึกกระสัน และปล่อยมือให้เธอได้ทำด้วยตัวเอง ก่อนจะทำมันให้กับเธอบ้าง ปลายนิ้วที่กรีดไปตามรอบแยก ขึ้นและลงช้าๆ หนักบ้าง เบาบ้าง จนเธอครางออกมา“ช้าหน่อย”เขากระซิบบอกเธอที่ข้างหู เมื่อเธอสัมผัสเขารุกเร้าเร็วเกินไป เพราะหากแรงกระสันมันมากเกินจะทนได้ เขาอาจจะต้องรุกเธอก่อนถึงเวลาที่ร่างกายเธอพร้อม เขาค่อยๆสอดนิ้วกลางเขาไปจนมิด ร่างของเธอแอ่นรับอัตโนมัติ ไม่ต่อต้าน ดูเหมือนความเจ็บปวดจะจางหายไปแล้ว เพราะร่างกายเธอต้องการเขามากกว่า แรง
สืบสายหายไปเกือบสัปดาห์ แต่พระแพงกลับไม่โทรหาเขาเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาบอกว่าเมื่อเธอทำงานให้เขาแล้วจะปล่อยเธอไป แต่เขากลับยังไม่บอกเธอให้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ หรือถ้าต้องการเธอ 60 ครั้งอย่างที่บอก แต่เขากลับไม่มาหาเธอเลย แล้วจะอีกนานแค่ไหนกันที่เธอต้องอยู่ที่นี่ โดยไม่สามารถติดต่อใครได้เลยความคิดต่างๆ ประดังประเดเข้ามาจนสับสนไปหมด พระแพงขดตัว กอดเข่าชั้นอยู่มุมหนึ่งของโซฟา ผล็อยหลับไปอย่างรู้ตัวสืบสายเปิดประตู แล้วต้องแปลกใจที่ทั้งห้องมืดราวกับไม่มีคนอยู่ เขาสงสัยว่าพระแพงแอบหนีออกไปข้างนอก เพราะเขาไม่ได้มาหาเธอเกือบสัปดาห์ เมื่อเปิดไฟในห้องเขาก็ต้องตกใจที่เห็นเธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟา และไม่รู้สึกตัวว่าเขาได้เข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำเขาตรงไปอุ้มเธอขึ้น เพื่อย้ายไปนอนที่เตียง พระแพงก็รู้สึกตัวและรีบดีดตัวหย่อนขาลงที่พื้น เพื่อยืน ด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะมา เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย และออกจะล่อแหลม เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบเสื้อยืด
ธนญ พานับหนึ่งมาที่คอนโดหรูติดริมแม่น้ำ มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำและสะพานข้ามต่างๆ สวยงามชัดเจน มันเป็นห้องส่วนตัวของเขา ที่ใช้เวลามาดื่มกับเพื่อนที่ผับ หรือสโมสร ตั้งแต่คบกับเขามานับหนึ่งไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวใดๆ กับเขาเลย จะรับรู้ต่อเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง เพราะเธอเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยถามเธอก่อน มีแต่เธอเล่าให้เขาฟังก่อนเสมอ“ที่นี่สวยจัง” เธอมองทิวทัศน์ผ่านผนังกระจกหนา ที่เปิดม่านออกจนหมด“ห้องนี้ฉันซื้อไว้นอนกับผู้หญิง” เขาตอบเธอตรงๆ นับหนึ่งเบิกตากว้าง หันขวับมามองเขา“บางเรื่องไม่ต้องบอกฉันก็ได้” เธอต่อว่า“รู้ทีหลังจะมาโกรธฉัน”“ถ้าเขายอมนาย และนายก็ชอบ ฉันจะมีสิทธิ์ว่าหรือโกรธอะไรนายได้ล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ฉันไม่ชอบการมีแฟน” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นับหนึ่งถามเขาตรงๆ“เพื่อน&rdq
หลังจากวันที่เธอตัดสินใจจบความสัมพันธ์ทางกายกับ ธนญ ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ก็จบลงด้วย แม้จะเจอกันในห้องเรียน ต่างฝ่ายต่างไม่เคยแม้แต่มองหน้ากัน นับหนึ่งเป็นคนที่เข้มแข็งแม้จะถูกหญิงสาวที่เคยอิจฉาเธอค่อนแคะ เธอก็ไม่โต้ตอบ หรือแสดงความโกรธหรืออารมณ์ใดๆ ให้ใครเห็นระหว่างสืบสายและพัศวี เธอยังคงพูดคุยด้วยปกติ แต่เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของธนญ จึงต้องเมินเธอบางครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพื่อไม่ทำให้นับหนึ่งลำบากใจ มีแค่รอยยิ้มที่เห็นใจและเข้าใจเธอเท่านั้นฝนที่กำลังกระหน่ำปลายฤดู ราวกับพายุ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้นักศึกษาทั้งชายหญิง ต่างพากันวิ่งเข้าใต้อาคาร โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นใคร นับหนึ่งวิ่งชนกับใครคนหนึ่ง จนล้มลง เป้และของที่ถือมากระจายหล่นลงบนพื้นที่เปียกแฉะ เธอจงรีบเก็บมัน ทำให้ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อสีขาวตัวบางแนบเนื้อ ทำให้มองเห็นสรีระ และยกทรงตัวงาม เมื่อเข้ามาใต้อาคาร ผู้คนต่างมองเธอ รูปร่างที่สวยงามเย้ายวน ทำให้หนุ่มๆ ตาระห้อย สาวๆต่างอิจฉา
ปลายลิ้นที่พลิ้วไหวของเขา ที่เนื้อน้องมองมันทำให้เธอเคลิ้มเคล้ม จนต้องดูดนิ้วของตัวเองตามแรงสัมผัสของเขา พัศวีสอดนิ้วของตัวเองเข้าไปในปากอวบอิ่มของเธอเพื่อให้เธอดูดกลืนเขา แทนนิ้วเรียวของเธอก่อนหน้า เขารับรู้ถึงแรงสัมผัสที่ปลายนิ้วของเขาเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาตวัดมันกับกลีบจำปาของเธอ ยิ่งแรงและเร็ว เธอยิ่งดูดกลืนเขาลึกขึ้น เธอมีความต้องการเขาแล้ว เช่นเดียวกับที่เขาต้องการเธอพัศวี โถมร่างกายแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นค่อมร่างบางของเธอไว้ ให้แก่นเสียดสีกับกลีบจำปาของเธอ ก่อนจะก้มตัวลงจูบเธออย่างดูดดื่ม แบบเดียวกับที่เขาจูบเนินเนื้อของเธอ ความหิวโหยของหนุ่มสาวแทบจะรอการกลืนกินกันและกันไม่ไหว แต่ต้องฝีนต้าน เพื่อความหฤหรรษ์ที่รอคอยกันมานาน“ต้องการมันไหม” เขาถาม“ฉันต้องการ” เนื้อน้องไม่อยากทนมันอีกแล้ว“เธอจะต้องเจ็บมากนะ” เขากระซิบบอก และเคล้าเคลียเธอไปมา“ขอร้อง” เธอไม่กลัวสิ่งใดอีกต่อไป เธอขอร้องให้เขาดับไฟในตัวเธอ เพราะมันกำลังเผาผลาญเธอแทบมอดไหมพัศวีจูบ
พระแพงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ เธอไม่พูด ได้แต่นั่งหน้าเครียดมองออกไปด้านข้าง สืบสายจอดรถให้เธอที่หน้าบ้านทั้งที่ยังจอดไม่สนิท พระแพงรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สังเกตว่าพ่อของเธอเพิ่งลงจากรถคันหนึ่ง“แพง”พระแพงหันตามเสียงด้วยความตกใจ สืบสายเองก็ต้องตกใจที่ชายสูงวัยกำลังจ้องมองเขาอยู่ผ่านกระจกด้านหน้า พระแพงเดินไปหาเขา และช่วยหิ้วของในมือ“ใครน่ะ” พ่อของเธอถาม ทำให้พระแพงอึกอัก เมื่อเห็นเช่นนั้นสืบสายจึงลงจากรถ และเข้าไปแนะนำตัวกับเขา“ผมชื่อสืบสายครับ เป็นเพื่อนกับพระแพง” เขาทักทายผู้ใหญ่อย่างสุภาพ“เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเหรอ ไม่เคยเห็นนายมาก่อน” ผู้ใหญ่มองออกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนธรรมดา“พ่อคะเข้าบ้านเถอะ” พระแพงพยายามคะยั้นคะยอ“เข้าบ้านก่อนสิ ได้คุยกัน” พ่อเชิญเขา เพื่อทำความรู้จัก เพราะพระแพงทำท่าทางอึกอัก ไม่อยากให้เขาได้คุยกับพ่อ“ครับ” สืบสายไม่ปฏิเสธ รับคำสั้นๆ เดินต
นับหนึ่งนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเหนือทิวไม้ อากาศที่หนาวเหน็บ ทำให้นึกถึงเขา อ้อมกอดที่เขาทิ้งไว้ ราวกับกองไฟที่ถูกสุม เขาต้องการเพียงร่างกายของเธอ เขาหลอกล่อเธอจนหนำใจ และจากไปโดยไม่มีแม้คำกล่าวลา เธอไม่ควรจะมานั่งเสียใจ เพราะเธอเองที่ผิด ผิดที่ไปรักเขา ผิดที่ไม่อาจต้านทานความต้องการของตัวเองได้“น้องหนึ่งครับ พรุ่งนี้ทีมศาสตราจารย์ประวิทย์จะนำคณะของ ดร.กลอส เข้าป่า ไปดูพืชอนุรักษ์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ น้องหนึ่งจะไปด้วยไหมครับ เพราะมันค่อนข้างลำบาก ถ้ากลับออกมาไม่ทัน อาจต้องค้างแรมในป่าด้วย”พี่ชูชาติ เจ้าหน้าศูนย์วิจัยที่ทำหน้าที่ดูแลนักศึกษาฝึกงาน เข้ามาถามความสมัครใจ เพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง“ไปค่ะ หนึ่งไหว”เธอตอบรับคำทันที เพราะอย่างน้อยมันช่วยให้เธอไม่คิดมาก และไม่ต้องการให้มีเวลาคิดถึงเขาเช้าวันรุ่งขึ้น นับหนึ่งเตรียมของใช้ที่จำเป็นและสัมภาระใส่เป้สนาม เตรียมพร้อมการเข้าป่ากับเจ้าหน้าที่และกลุ่มเพื่อนนักศึกษาฝึกงาน จากมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ
ลานจอดรถที่แน่นขนัด ในมุมหนึ่งที่มืดมิด ร่างชองชายหนุ่มและหญิงสาวในเครื่องแต่งกายที่สมบูรณ์ แต่ร่างกายท่อนร่างกลับกำลังออกกำลัง โยกรับต่อกัน หอมหายใจถี่และแรง คงทรัพย์ประคองสะโพกของอรปวีร์ กดอาวุธของเขาเข้าออก ผ่านช่องซิบที่รูดลงจนสุด กระโปรงแค่คืบที่ปกปิดสะโพกกลมกลึงถูกรั้งขึ้น จนแทบมองไม่เห็นเมื่อร่างกายแนบชิดติดกันเขาเขย่าสะโพกของเธอจนต้องเอามือปิดปากกั้นเสียงเอาไว้ ความแปลกใหม่ตื่นเต้นเร้าใจ อรปวีร์ถูกคงทรัพย์จับได้ว่าเข้ามาขายบริการในผับอินดีสที่เขาดูแลอยู่ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัย เขาต้องการจะส่งตัวเธอให้เจ้าหน้าที่ แต่เธอกลับขอร้องและแลกเปลี่ยนด้วยการที่จะยอมมีอะไรกับเขา โดยไม่อายที่จะใช้ลานจอดรถนี้สร้างความหรรษาให้กับเขา และพยายามยื่นข้อเสนอบางอย่างทั้งที่เขายังสอดใส่“ฉันมีเพื่อนคนนึง ที่เคยมาที่นี่กับฉัน พระแพง นายรู้จักนี่” อรปวีร์หอบแรงจนเสียงกระเส่า“รู้จัก ทำไม”“ฉันอยากแนะนำนางให้คุณอำนาจ ฉันกับนางเคยโดยจับได้ค