พระแพงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ เธอไม่พูด ได้แต่นั่งหน้าเครียดมองออกไปด้านข้าง สืบสายจอดรถให้เธอที่หน้าบ้านทั้งที่ยังจอดไม่สนิท พระแพงรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สังเกตว่าพ่อของเธอเพิ่งลงจากรถคันหนึ่ง
“แพง”
พระแพงหันตามเสียงด้วยความตกใจ สืบสายเองก็ต้องตกใจที่ชายสูงวัยกำลังจ้องมองเขาอยู่ผ่านกระจกด้านหน้า พระแพงเดินไปหาเขา และช่วยหิ้วของในมือ
“ใครน่ะ” พ่อของเธอถาม ทำให้พระแพงอึกอัก เมื่อเห็นเช่นนั้นสืบสายจึงลงจากรถ และเข้าไปแนะนำตัวกับเขา
“ผมชื่อสืบสายครับ เป็นเพื่อนกับพระแพง” เขาทักทายผู้ใหญ่อย่างสุภาพ
“เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเหรอ ไม่เคยเห็นนายมาก่อน” ผู้ใหญ่มองออกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนธรรมดา
“พ่อคะเข้าบ้านเถอะ” พระแพงพยายามคะยั้นคะยอ
“เข้าบ้านก่อนสิ ได้คุยกัน” พ่อเชิญเขา เพื่อทำความรู้จัก เพราะพระแพงทำท่าทางอึกอัก ไม่อยากให้เขาได้คุยกับพ่อ
“ครับ” สืบสายไม่ปฏิเสธ รับคำสั้นๆ เดินตามผู้ใหญ่เข้าบ้าน
“นั่งก่อนสิ”
พระแพงจัดการน้ำดื่มเย็นๆ มาให้พ่อของเธอ โดยไม่ได้จัดมาให้สืบสายด้วย จนถูกตำหนิ
“แขกมาบ้าน ไม่เอาน้ำให้แขก”
“ไม่เป็นไรครับ”
“ว่าแต่เป็นเพื่อนที่มหาวิทยาลัยเหรอ หรือรู้จักกันได้ยังไง” พ่อเริ่มเข้าประเด็น
“รู้จักกันที่ผับครับ”
สืบสายตอบตามความจริง จนพระแพงต้องยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ ผู้เป็นพ่อถึงกับนิ่งอึ้งไป
“พ่อคะ เดี๋ยวแพงจะอธิบายพ่ออีกที แพงว่าพ่อกลับมาเหนื่อยๆ พ่อขึ้นไปพักข้างบนก่อนดีไหมคะ” พระแพงพยายามตัดบท
“แล้วเป็นลูกเต้าเหล่าใคร พ่อแม่ทำงานอะไรล่ะ” พ่อของพระแพงเริ่มสนใจเขามากขึ้น
“พ่อผมเป็นนักธุรกิจครับ แม่ผมเสียตั้งแต่เกิด เป็นลูกคนเดียวครับ”
“ทำธุรกิจอะไรล่ะ เผื่อว่าผมจะรู้จัก”
ถึงแม้พ่อของพระแพงจะทำธุรกิจล้มเหลว แต่ก็ค่ำหวอดมาหลายสิบปี จึงพอจะเป็นที่รู้จักกันในสังคม
“เอ่อ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่ะครับ กลุ่มบริษัท เวิลด์แลนด์ พ่อผมชื่อ พิธาน อมรภัทรชัย”
สืบสายกระดากที่จะบอกชื่อพ่อของตัวเอง เพราะเมื่อพูดออกไป ไม่มีทางที่เขาจะไม่รู้จัก พ่อของพระแพงถึงกับอุทานออกมาอย่างเหลือเชื่อ
“งั้นคุณก็เป็นคนที่ซื้อบ้านของเราน่ะสิ”
“ครับ”
สืบสายตอบรับ และยิ้มแห้งๆ เขาไม่คิดว่าได้บอกเรื่องนี้ กับพระแพงในสถานการณ์แบบนี้ พระแพงตกใจที่เขาเป็นคนซื้อบ้านหลังนี้ และยังให้ครอบครัวของเธอเช่าอยู่ต่อในราคาแสนถูก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากเก็บมันไว้ ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“คุณซื้อเพราะลูกสาวผม หรือว่า” พ่อของเธอเริ่มสงสัยมากขึ้น
“ผมซื้อไว้เพราะทำเลดี ผมทราบเรื่องของท่านจากคงทรัพย์ แต่ที่ยังให้ท่านเช่าต่อ เพราะผมกะว่าจะพัฒนามันหลังจากที่ผมเรียนจบ ซึ่งน่าจะอีกหลายปีน่ะครับ”
เขารีบอธิบายเพราะกลัวว่าจะเข้าใจผิด เกี่ยวกับพระแพง
“พ่อคะ สืบสายเขามีธุระต่อ พอแค่นี้เถอะค่ะ”
พระแพงรีบตัดบท เพราะไม่ต้องการให้สืบสาวราวเรื่องกันไปมากกว่านี้ ใบหน้าที่เง้างอดเดินมาส่งสืบสายแบบไม่สบอารมณ์นัก แต่ก็ยังเงียบ ไม่ถามเขาสักคำ
“กลัวท่านรู้เรื่องของเรางั้นเหรอ” เขามองหน้าเธอ และยิ้ม
“กลับไปเถอะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอก ถ้าหากนายต้นไม่พูด ก็คงไม่มีใครรู้”
เขาแดกดัน และทั้งหมดนี้เพราะการที่เธอคุยกับเพื่อนที่ชื่อต้นแค่นั้นเอง เขาก้มลงจูบเธอที่แก้ม พระแพงตกใจถึงกลับผลักเขา และจับที่แก้มของตัวเอง หันซ้ายหันขวากลัวว่าจะมีคนเห็น ก่อนที่เขาจะขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
เพิ่งฉลองปิดภาคเรียนกันไปไม่นาน แต่เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้าย เป็นปีที่ยากลำบากทั้งการฝึกงานและการทำวิทยานิพนธ์ก่อนจบ นับหนึ่งทำเรื่องเข้าฝึกงานที่ศูนย์วิจัยพันธุ์ไม้ทางภาคเหนือ ที่เธอเคยไปด้วยกับธนญ เกี่ยวกับการวิจัยมณฑาป่า และตั้งใจมากการทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษา ทำให้ทุกคนไม่มีเวลาพบปะสังสรรค์กันเหมือนก่อน
เนื่องจากเป็นช่วงเทศการหยุดยาวกว่า 5 วัน นับหนึ่งจึงเดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อกลับมาดูแลบ้าน ที่ร้านคาเฟ่ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย นับหนึ่งสั่งเครื่องดื่มและขนม เพื่อมานั่งทำรายงานฆ่าเวลาระหว่างรอเพื่อน เธอตรงมาที่นี่พร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบย่อม หลังจากที่ลงเครื่องทันที
พนักงานสาววัยเดียวกับนับหนึ่ง นำน้ำเปล่ามาเสิร์ฟให้กับเธอด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม พร้อมกับแนะนำขนมหวานที่ทางร้านเพิ่งเปิดตัวใหม่ ซื้อหนึ่งแถมอีกหนึ่ง
“คุณลูกค้าคะ ทางร้านขออนุญาตแนะนำโปรโมชั่น ทางร้านเราเพิ่งเปิดตัวทาร์ตผลไม้ตัวใหม่ มีรายการซื้อ 1 แถม 1 ลูกค้าสนใจรับไหมคะ หากว่าคุณลูกค้ากำลังรอเพื่อนอยู่ รายการนี้เหมาะมากๆ เลยค่ะ”
พนักงานสาวแนะนำและยิ้มให้นับหนึ่งอย่างจริงใจ
“ครับ รับ 1 ชุด ขอเพิ่มกาแฟแบล็คคอฟฟีอีก 1 แก้ว”
สืบสายตอบแทนนับหนึ่ง ทันทีที่ได้ยินเสียของสืบสาย นับหนึ่งก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ และส่งสายตาให้พนักงานสาวตอบรับตามที่เขาบอก
พระแพงในชุดพนักงานร้านคาเฟ่ ถึงกับหน้าเจื่อนเมื่อ เห็นว่าเสียงที่ตอบรับแทนคือใคร เธอไม่ได้พบกับสืบสายอีกเลยนับจากวันที่เขาเข้าไปทักทายพ่อของเธอ เธอไม่รู้ว่าควรจะดีใจหรือ ทำหน้าอย่างไร เมื่อเห็นเขาทักทายนับหนึ่งอย่างสนิทสนม
“ค่ะ” เธอตอบเพียงสั้นๆ และเดินจากมา
“มานานแล้วเหรอ พอดีติดงานที่ ออฟฟิศ เลยออกมาช้านิดนึง ขอโทษที”
สืบสายทักทายนับหนึ่ง ก่อนจะนั่งลงและวางเป้ที่สะพายมาด้วย ไว้ข้างๆ เขามาในชุดสบายๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงวันหยุดแต่เขาก็ยังคงทำงานที่บริษัท เนื่องจากเป็นบริษัทของพ่อ เขาพยายามช่วยเคลียร์งานในช่วงหยุดยาวนี้แทนพนักงานคนอื่นๆ เนื่องจากไม่มีแผนเดินทางไปไหน สืบสายเหลือบมองพระแพงที่กำลังจัดเตรียมขนมและเครื่องดื่มให้เขา เขาไม่ได้ติดต่อกับเธอนานมาก เลยไม่รู้ว่าเธอมาเป็นพนักงาน พาร์ทไทม์ ที่คาเฟ่แห่งนี้ ทั้งที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยของพวกเขาเพียงนิดเดียว
“สักพักนึงแล้วหละ นี่ก็เรียบเรียงข้อมูลทำวิทยานิพนธ์ไปพลางๆ รอพวกนายน่ะ” นับหนึ่งยิ้ม
พระแพงสังเกตนับหนึ่งเป็นหญิงสาวที่สวยมาก เมื่อนั่งคู่กันกับสืบสาย ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่พบเห็น สืบสายเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี คมเข้มและเงียบขรึม แม้จะมาในชุดเสื้อผ้าสไตล์ธรรมดาๆ แต่ก็เป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ
“ไม่มีโอกาสได้ถามเธอเลย ทำไมถึงทำเรื่องขอไปฝึกงานไกลจังเลย”
เขานั่งพิงอย่าสบายใจ และถามนับหนึ่งด้วยความสงสัยมานาน
“ฉันติดต่อไว้นานแล้วตั้งปิดกลางภาคตอนปี 3 ตอนนั้นไปดูงานวิจัยกับ นญ ที่นั่น ทำให้ฉันสนใจงานของที่นั่นเป็นพิเศษ อีกทั้งบรรยากาศดี มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย ฉันเลยไม่เบื่อ”
นับหนึ่งยิ้มแหยๆ เมื่อเอ่ยถึง ธนญ
“แล้วนี่เธอบอกใครอีกบ้างนอกจากฉัน ว่าอยู่ที่นี่”
สืบสายถาม และเหลือบมองพระแพงที่เข้ามาเสิร์ฟ เครื่องดื่มและขนม พระแพงรูปร่างเล็กและบอบบาง แขนของเธอเล็กนิดเดียวแทบจะรับถาดเครื่องดื่มและขนมด้วยแขนข้างเดียวไม่ไหว และยังจะต้องใช้มืออีกข้างเสิร์ฟมันพร้อมจานและช้อนให้กับเขา ทำให้มีจังหวะที่ต้องประคองถาดเอียงนิดหนึ่ง สืบสายจึงยื่นแขนเข้าไปช่วยประคองไว้ก่อนจะหลุดมือ
“ขอโทษค่ะคุณลูกค้า”
พระแพงกล่าวขอโทษตามหน้าที่ และก้มหัวให้เขานิดหนึ่ง
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเราช่วยคุณเอง”
นับหนึ่งอาสา หยิบขนมออกจากถาดและแก้วกาแฟส่งให้สืบสาย
“ขอบคุณมากค่ะคุณลูกค้า”
พระแพงโค้งให้นับหนึ่ง ยิ้มด้วยความขอบคุณและเดินจากไปโดยที่ไม่มองเขาเลย ทำให้สืบสายรู้สึกไม่พอใจที่เธอเมินเขาอย่างจงใจ
“เดี๋ยวอิ๋งกับน้องจะตามมา” นับหนึ่งตอบ
“แล้วนี่เธอทำหัวข้ออะไรอยู่น่ะ ข้อมูลดูดีและน่าสนใจมากเลย”
สืบสายสนใจงานที่นับหนึ่งกำลังทำที่หน้าจอ แล็ปท็อป จึงขยับเข้าไปนั่งข้างๆเธอ จนอยู่ในระยะใกล้ชิด
“ฉันทำเรื่องการสกัดกลิ่นด้วยกรรมวิธีต่างๆ ด้วยวัตถุดิบชนิดเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ คือกลิ่นที่แตกต่างและปัจจัยที่ทำให้เกิดกลิ่นจำเพาะ”
เธอทำงานวิจัยที่ธนญเคยแนะนำ และเตรียมข้อมูลมานาน ทำให้นับหนึ่งข้อมูลอ้างอิงเยอะมาก
“ข้อมูลค่อนข้างดีมากเลย เธอขอจากหน่วยงานที่เธอฝึกงานอยู่เหรอ” เขาถามเธอด้วยความสนใจ
“ใช่” นับหนึ่งยิ้มอย่างภูมิใจ
การพูดคุยระหว่างนับหนึ่งและสืบสายอยู่ในสายตาของพระแพงโดยตลอด ถึงแม้เธอจะทำท่าไม่สนใจ เมินเขา แต่เธอก็แอบมองเขาอยู่ตลอดเวลา เธออยากรู้ว่านับหนึ่งเป็นใคร เป็นเพื่อนหรือคนพิเศษของเขา
“แพง ฉันเบรคเสร็จแล้ว เธอไปเบรคต่อเถอะ เดี๋ยวฉันทำต่อเอง”
ต้นเพื่อนชาย ไม้เบื่อไม้เมากับสืบสาย ทำงานอยู่ที่เดียวกันกับพระแพง ถึงแม้จะเป็นเพียงเพื่อน แต่เขาก็แอบชอบพระแพงอยู่ พระแพงวางมือจากงานเพื่อออกไปรับประทานอาหารกลางวันเงียบๆ โดยที่สืบสายไม่ทันสังเกต เขาสนใจอยู่กับข้อมูลวิจัยของนับหนึ่ง ที่กำลังแลกเปลี่ยนความคิด และปรับแต่งอย่างไรให้น่าสนใจ ในฐานะนักวิทยาศาสตร์ ข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์มาก
ต้นซึ่งทำหน้าที่แทนพระแพง กำลังเดินสำรวจตามโต๊ะของลูกค้า เพื่อเติมน้ำเปล่าให้กับลูกค้า มาหยุดที่โต๊ะของสืบสาย จึงนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเทน้ำให้พวกเขา สืบสายเงยหน้าขึ้นมอง ทันทีที่เห็นหน้าของต้น เขาชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทันที เขามาทำงานที่เดียวกันกับพระแพง
“ขอบคุณค่ะ” นับหนึ่งกล่าวขอบคุณเขาแทนสืบสาย
“คุณลูกค้ารับอะไรเพิ่มไหมครับ” ต้นถามนับหนึ่งด้วยรอยยิ้ม
“ยังค่ะ เดี๋ยวรอเพื่อนมาก่อน จะเรียกนะคะ”
นับหนึ่งพูดจากับเขาอย่างสุภาพ ในขณะที่สืบสายทำหน้าไม่สบอารมณ์ จนนับหนึ่งสังเกตได้ แต่ก็ไม่กล้าถามว่าทั้งสองมีเรื่องอะไรกัน เวลาผ่านไปไม่นาน พระแพงกลับมาทำหน้าที่ตามปกติ ต่างคนต่างไม่พูดอะไร ต้นไม่ได้ถามเธอว่าทำไมแฟนของเธอไปนั่งกับผู้หญิงอื่น และเธอกับเขาแทบจะไม่พูดกันเลยด้วยซ้ำ
ณัฐการมาพร้อมกับเนื้อน้องและพัศวี ทั้งสามทักทายทั้งสองคนด้วยความดีใจ โดยเฉพาะพัศวี ที่ตัวติดอยู่กับเนื้อน้องจนแทบจะไม่มีเวลาให้เขา
“ฉันว่าโต๊ะดูจะเล็กไปสักหน่อย เราย้ายไปนั่งโต๊ะใหญ่ด้านนั้นกันดีกว่า” ณัฐการเสนอ
“เอาสิ เดี๋ยวเราเรียกเด็กให้มาช่วยย้ายดีกว่า น้องครับ รบกวนหน่อยครับ”
ทันทีที่พัศวีหันไปเรียกพนักงาน เขาจำพระแพงได้ จึงหันกลับมามองหน้าสืบสายด้วยความแปลกใจ แต่สืบสายกลับเบือนหน้าไปทางอื่นไม่สนใจสายตาที่พัศวีกำลังถามเขา
ต้นและพระแพง ช่วยเก็บจานและแก้วย้ายไปยังโต๊ะที่ใหญ่กว่าให้กับพวกเขา และเก็บจานและแก้วกาแฟที่ไม่ได้ใช้กลับมา พร้อมทั้งรับออเดอร์ของคนที่มาใหม่ พระแพงเป็นคนที่อยู่รับออเดอร์ เธอได้แค่ฟังและจดมัน โดยไม่ได้มองหน้าใคร หลังจากที่เธอรับรายการทั้งหมด จึงทบทวนรายการด้วยเสียงดังฟังชัดแต่ดูสุภาพและอ่อนหวาน
“พนักงานที่นี่หน้าตาดีจัง เธอน่ารักมาก เสียงก็เพราะ”
พัศวีแกล้งแหย่สืบสาย แต่ตัวเองกลับโดนเนื้อน้องตีที่ต้นแขนดังเพี้ย
“อยู่กับฉันยังกล้าชมคนอื่นต่อหน้านะ”
เนื้อน้องแกล้งทำเป็นหึงเขา เธอรู้ว่าพัศวีชอบให้เธอหึงเขา ถึงแม้จะแค่แกล้งหึงเล่นๆ ก็ตาม
บรรยากาศการพูดคุยของหนุ่มสาวที่มารวมกลุ่มกัน เพราะไม่ได้เจอกันมานาน ทำให้นับหนึ่งคลายเหงาและหัวเราะออกมาอย่างเต็มเสียง ดูสดใสและร่าเริง จนทำให้พระแพงอิจฉาที่นับหนึ่งนั่งข้างๆ สืบสาย และหยอกเย้าเขาอย่างเป็นกันเอง ทำให้เธออยากมีช่วงเวลาแบบนี้กับเขาบ้าง แต่ก็เป็นเพียงแค่ความฝัน ใบหน้าเศร้าๆ ของพระแพงทำให้ต้นสังเกตเห็น พระแพงคงกำลังหึงผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ สืบสาย และนึกโกรธที่สืบสาย พาผู้หญิงคนอื่นมาในที่ทำงานของแฟนตัวเอง แล้วยังเฉยเมยต่อเธอทำเป็นเหมือนคนไม่รู้จัก
พระแพงและต้นนำเครื่องดิมและขนมชุดใหม่มาเสิร์ฟ ต้นแกล้งทำแก้วกาแฟ หกใส่สืบสาย ทำให้ทุกคนตกใจ สืบสายโกรธแต่พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ ซึ่งพัศวีรู้จักอารมณ์ของสืบสายดี จึงค่อนข้างเป็นห่วง พระแพงรีบนำทิชชูไปซับคาบกาแฟที่หกเลอะเสื้อของสืบสาย เพราะเธอเองก็รู้ดีว่าเวลาที่เขาโกรธมันน่ากลัวแค่ไหน สืบสายสะบัดมือเธอออก และจ้องหน้าต้นอย่างเอาเรื่อง
“ขอโทษค่ะ คุณลูกค้า เพื่อนฉันเขาไม่ตั้งใจ เดี๋ยวทางร้านจะชดเชยนะคะ”
พระแพงอารามออกตัวและขอโทษแทนเขา มองหน้านับหนึ่งและเพื่อนๆ คนอื่นเพื่อขอให้ช่วยเพื่อนของเธอ
“นายแกล้งฉันเหรอ” สืบสายถามเขาเสียงแข็ง
“เปล่าครับคุณลูกค้า ผมขอโทษจริงๆ มันเป็นอุบัติเหตุ”
เขาตอบสืบสายด้วยเสียงอ่อน เมื่อเห็นอาการรนรานของพระแพง ดูเหมือนเขากำลังทำให้เธอเดือดร้อน
“ช่างเถอะสืบ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย หนึ่งไม่อยากให้เสียบรรยากาศ” นับหนึ่งไก่เกลี่ยแทน
“ขอบคุณมากนะคะคุณลูกค้า” พระแพงรีบขอบคุณนับหนึ่ง
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเข้าใจ” นับหนึ่งยิ้มให้พระแพงอย่างอ่อนโยน
ผู้จัดการร้านได้เข้ามากล่าวขอโทษแทนพนักงาน และดึงให้ต้นออกไป ปล่อยให้พระแพงดูแลลูกค้าแทน เพื่อลดแรงประทะ พระแพงจัดแจงทำความสะอาดและนำเครื่องดื่มชุดใหม่มาให้เขา แต่ก่อนที่เธอจะจากไป สืบสายดึงมือพระแพงไว้ และยื่นกุญแจรถให้เธอ
“ไปหยิบเสื้อที่รถให้หน่อย ฉันจะเปลี่ยนเสื้อมันเหนอะไปหมดแล้ว” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง
ท่ามกลางสายตาที่ไม่อยากเชื่อ ทุกคนได้แต่เงียบมองตากันไปมา มันคือความประหลาดใจในรอบปีที่สืบสายแสดงตัว ว่ามีสัมพันธ์บางอย่างกับหญิงสาวนางนี้ พระแพงตกใจเบิกตาใส่เขาที่แกล้งเธอต่อหน้าเพื่อนของเขา เธอรับกุญแจมา และเดินออกไป สืบสายมองหน้าต้นที่ยืนมองอยู่หลังเคาน์เตอร์
ต้นไม่เข้าใจการแสดงออกของคนทั้งสอง แต่ก็รู้สึกผิด ที่อาจทำให้พระแพงกับสืบสายต้องทะเลาะกันหลังเหตุการณ์ เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง
พระแพงหยิบเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งมาให้เขา ยื่นพร้อมกับกุญแจรถอย่างเสียมิได้ หน้ามุ่ยไม่สบอารมณ์ สืบสายลุกขึ้นรับไว้ และโอบเธอที่ไหล่ พร้อมจูบที่หน้าผากเป็นการขอบคุณ เดินเข้าห้องน้ำไป โดยไม่แคร์สายตาใคร ทำให้พัศวีถึงกับยิ้มและขำในการกระทำของเพื่อนรัก การที่สืบสายจูบเธอต่อหน้าคนอื่น ทำให้พระแพงหน้าถอดสี อายจนต้องหลบไปด้านหลังร้าน
“ใครน่ะ” ณัฐการกระซิบถามพัศวี” พัศวีไม่ตอบแค่พยักหน้าเป็นอันรู้กัน ทำให้สาวร้องอ๋อ ออกมาพร้อมกัน
สืบสายเปลี่ยนเสื้อและเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ เรียกพระแพงออกมาคุยด้านนอก และยื่นเสื้อของเขาให้เธอ
“เอาไปจัดการให้หน่อย แล้วก็เอาไปคืนไว้ที่ห้องให้ด้วย”
เขาสั่งเธอและเดินไปหน้าตาเฉย เพราะเขามั่นใจว่าเธอยังเก็บการ์ดที่คอนโดของเขาไว้ พระแพงเหมือนคนหายใจติดขัด ที่เขาแสดงตัวต่อหน้าคนอื่น ทำให้เธอลำบากใจ
“ทำไมนายไม่แนะนำแฟนนายกับพวกเราล่ะ” นับหนึ่งถามสืบสายตรงๆ ไม่อ้อมค้อม
“เขาทำงานอยู่ มันไม่ดีหรอกที่เขาจะแสดงตัวเป็นแฟนกับลูกค้า” สืบสายตอบนับหนึ่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้ปิดบังเรื่องของพระแพง และไม่ได้ปฏิเสธเรื่องที่เธอเป็นแฟนเขา แต่เพราะเธออยู่ในฐานะพนักงานจึงไม่เป็นการสมควร ที่จะให้ลูกค้าคนอื่นรู้
“อ๋อ” ทุกคนร้องพร้อมกัน ที่แท้ที่เขาทำเป็นไม่สนใจเธอเพราะเหตุผลที่ฟังเข้าใจได้
“แล้วเมื่อกี๊นายจูบเขาเนี่ย คนอื่นคงไม่รู้เลยมั้ง” พัศวีแหย่เขาหน้าตาย ก่อนจะยิ้มเยาะ
“ไอ้หมอนั่นมันชอบแพงอยู่”
สืบสายบอกจุดประสงค์ที่ทำให้เขาแสดงสิทธิ์ พร้อมกับมองไปที่ต้นด้วยสายตาเอาเรื่อง ทำให้ทุกคนเข้าใจเหตุการณ์ และรู้ว่าสืบสายกำลังหึง
“ปกติฉันเห็นนานไม่ค่อยสนใจใคร ฉันก็แปลกใจที่อยู่ ๆ นายไปจูบเขาแบบใกล้ชิดซะงั้น”
ณัฐการถึงกับออกปาก เพราะเธอรู้จักพวกเขามานาน ไม่เคยเห็นเขาควงสาวหรือเปลี่ยนหน้าบ่อยเหมือนกับ พัศวี และธนญ
“เขาคั่วกันมานานแล้วน่ะ แต่ไม่เปิดเผย”
พัศวีหัวเราะออกมาเพราะขำณัฐการ ที่มองสืบสายดีกว่าเขา แต่จริงๆ สืบสายน่ะร้ายที่สุด
เรื่องราวของสืบสายกับพระแพงกำลังเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ จนลืมเรื่องของนับหนึ่งและ ธนญไปเสียสนิท ทั้งที่จริงๆ แล้ว วันนี้ทุกคนมาหานับหนึ่ง เพราะรู้ว่าเธอกำลังเหงาและไปอยู่ไกล ทำให้ไม่มีโอกาสเจอกับเพื่อนๆ เลย ทั้งที่เป็นปีสุดท้ายแล้ว ที่จะอยู่ด้วยกัน เพราะเมื่อเรียนจบ ทุกคนต่างมีแผนของตัวเอง ทั้งทำงาน หรือเรียนต่อในต่างประเทศ
“หนึ่งแกไปฝึกงานที่โน่น เป็นไงบ้าง ลำบากไหม”
เนื้อน้องถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เลย กลับทำให้ฉันคิดถึงตอนที่อยู่แอฟริกา แทบจะไม่ต่างกัน แค่บ้านเราเย็นกว่าเยอะ”
นับหนึ่งตอบและหัวเราะเสียงสดใส เสียงที่สดใสของนับหนึ่งหยุดลง เมื่อพัศวีกำลังรับโทรศัพท์ เป็นสายเรียกเข้าของธนญ
“อืม ตอนนี้ฉันอยู่ที่ร้านคาเฟ่ใกล้ๆ มหาลัยน่ะ อยู่กัน 5 คน นับหนึ่งก็อยู่ที่นี่”
เขาพูดแค่นั้น ปลายสายก็ตัดไป พัศวีทำหน้าเรียบเฉย มองไปที่นับหนึ่งที่เขาทำให้เสียบรรยากาศ
“ไม่มีไรนี่ ที่เงียบไปเพราะเห็นนายกำลังคุยโทรศัพท์ มันก็เป็นเรื่องของมารยาทไม่ใช่เหรอ” นับหนึ่งยิ้มให้เขา
แม้นับหนึ่งจะพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึก แต่เธอก็ต้องกลับมาแอบเศร้าเพียงลำพังที่บ้านอยู่ดี นับหนึ่งไม่ได้ให้ใครมาส่ง เพราะเธอรู้ดีว่าบ้านของเธออยู่ไกลกว่าของคนอื่นมาก เธอจึงนั่งแท็กซี่กลับเองโดยลำพัง เพื่อนๆ มีแผนไปเที่ยวในวันหยุดกับครอบครัว และแฟนของตัวเอง อย่างน้อยเธอก็ยังมีโอกาสได้พบพวกเขาในวันนี้
ความรู้สึกคิดถึงบ้านและห้องทดลองเล็กๆ ของเธอ ทำให้นับหนึ่งตรงไปหามันก่อนจะลากกระเป๋าเดินทางเข้าบ้านเสียอีก ต้นไม้ออกดอก ชูช่อสวยงาม ส่งกลิ่นหอมคละคลุ้ง นับหนึ่งเปิดกระเป๋าเดินทางนำห่อสิ่งของบางอย่างที่พันด้วยวัสดุกันกระแทก มันคือน้ำมันหอมมณฑาป่า ที่เธอซื้อมาจากศูนย์โอทอป เนื่องจากน้ำหอมที่ธนญทำให้เธอใกล้หมด เธอจึงตั้งใจจะทำมันตามสูตรที่เขาให้ไว้ ด้วยตัวเอง
แม้จะไม่ได้อยู่บ้านกว่าสองเดือน ภายในห้องทดลองกลับดูสะอาดสะอ้านปราศจากฝุ่นผง เพราะแม่บ้านที่คอยดูแล ยังเข้ามาดูแลบ้านให้เธออย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งข้าวของต่างๆ ไม่ขยับหรือเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลยสักนิด ทำให้นับหนึ่งรู้สึกชื่นชม และค่อนข้างไว้ใจเธอมากเป็นพิเศษ
แสงไฟจากเรือนกระจกส่องสว่าง ในขณะที่ตัวเรือนหลังใหญ่กลับมืดมิด นับหนึ่งอยู่ในห้องทดลองของเธอนานจนลืมดูเวลา ความคิดถึง และตื่นเต้นที่จะได้ทำสิ่งใหม่ๆ ที่เธอยังไม่เคยทำ ทำให้เธอไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือง่วงได้เลย ถึงแม้ร่างกายจะอ่อนล้าเต็มตน แต่เธอก็พยายามที่จะฝืนตัวเองไว้ และผล็อยหลับฟุบไปกับโต๊ะโดยไม่รู้ตัว
ธนญ จอดรถที่หน้าบ้านของนับหนึ่ง ตั้งใจจะเข้าไปเงียบที่เรือนกระจกเท่านั้น ตอนแรกเขาคิดว่าการที่เขามาในช่วงดึก เธออาจจะหลับไปแล้ว เพราะเขาไม่ต้องการให้เธอรู้ว่าเขามาที่นี่ ธนญ ตั้งใจจะมาหาเอกสารบางอย่างที่เขาเคยทำวิจัยร่วมกับนับหนึ่งเท่านั้น เพราะมันเกี่ยวพันกับวิทยานิพนธ์ของเขาด้วยเช่นกัน
เขาได้แต่หยุดอยู่ที่หน้าประตู เมื่อเห็นนับหนึ่งฟุบหลับอยู่ เขาไม่คาดคิดว่าจะเจอเธอ เมื่อเห็นเธอนอนอยู่อย่างนั้น ใจของเขากลับเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เขาไม่เจอเธอตลอดปีการศึกษานี้ ซึ่งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า พวกเขาต่างก็จะเรียนจบ และแยกย้ายกันไป และอาจจะไม่มีโอกาสพบกันอีกด้วยซ้ำ ธนญได้แต่สูดลมหายใจ
ธนญหันหลังกลับ จะเดินจากไป แต่แล้วเสียงแก้วที่กระทบพื้นแตกกระจายทำให้เขาชะงักกลับมา นับหนึ่งเผลอปัด ขวดแก้วน้ำมันหอมดอกมณฑาป่า ตกแตกกระจาย อารามตกใจเธอก้มลงเก็บมันอย่างรีบร้อนทำให้แก้วบาดมือ จนเลือดไหลอาบ นับหนึ่งกดแผลของเธอไว้ จู่ ๆ มือของใครบางคนก็โผล่มาจับมือเธอไว้ และพยุงให้เธอลุกขึ้น
ธนญกำลังประคองเธออยู่ เขาพานับหนึ่งไปล้างแผลที่อ่าง โดยปล่อยให้น้ำไหลผ่าน เพื่อให้เศษแก้วและสิ่งสกปรกออกจากบาดแผลเสียก่อน เขาถามหาอุปกร์ทำแผล กล่องปฐมพยาบาล และจัดแจงนำมันมาเช็ดแผลฆ่าเชื้อ และใส่ยาก่อนที่จะแปะพลาสเตอร์แผ่นใหญ่แบบกันน้ำให้เธอ นับหนึ่งมองดูเขาแววตาเต็มไปด้วยประกายแห่งความดีใจ แต่พยายามเก็บมันไว้ ไม่แสดงให้เขาเห็น
“ขอบคุณนะ” นับหนึ่งของคุณที่เขาทำแผลให้เธอ และจะลุกไปเก็บเศษแก้วต่อ
“เดี๋ยวฉันเก็บให้ เธอนั่งเถอะ” เขาห้ามเธอ และจัดการมันด้วยตัวเอง
“เธอมีธุระอะไรหรือเปล่า” นับหนึ่งถามเขา เมื่อมองดูเวลาที่นาฬิกาติดผนัง บอกเวลาตี 2
“แค่แวะมาเอาเอกสารบางอย่างที่ลืมไว้” เขาตอบเธอตามจริง
“แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่เธอควรจะเข้ามาแบบนี้”
นับหนึ่งต่อว่าเขา ที่ทำตัวถือวิสาสะ เหมือนที่เขาเคยทำก่อนหน้า ทั้งที่เขาและเธอเลิกคบ เลิกเป็นเพื่อนกันแล้ว
“ฉันไม่อยากเจอเธอ” คำตอบของเขาทำให้นับหนึ่งจุก หายใจไม่ออก
เขามองหน้าเธอ เมื่อเห็นเธอเงียบไป สีหน้าของเธอไร้อารมณ์ใดๆ นิ่งอยู่อย่างนั้น ทำให้เขารีบเก็บเศษแก้วและทำความสะอาด ก่อนที่จะเดินไปหยิบแฟ้มเอกสาร หาข้อมูลที่เขาต้องการ ทันทีที่เขาได้เอกสาร เขาเดินออกมาโดยไม่กล่าวลา แล้วไฟฟ้าในห้องก็ดับลง นับหนึ่งกรีดร้องด้วยความตกใจ และโผเข้ากอดเขาจากด้านหลัง นับหนึ่งกลัวความมืดที่ตามองไม่เห็นสิ่งใด
สัมผัสที่เธอกอดเขาอย่างแนบแน่น ทำให้เขาหายใจไม่ออก ร่างกายร้อนวูบ เขาพยามที่จะดึงแขนเธอออก แต่ความมืดทำให้เธอกลัวมาก เพราะมันไม่มีแม้แต่แสงส่องสว่างจากไฟทางด้านนอกเข้ามาเลย นับหนึ่งร้องไห้ด้วยความกลัว แม้จะไม่ดัง แต่เขาก็ได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาของเธอจากด้านหลัง ทำให้เขาต้องยอมให้เธอกอดเขาอยู่อย่างนั้น
“เอาหละปล่อยก่อน”
เขาค่อยแกะมือเธอออกแต่ก็ยังกุมมันไว้ ก่อนที่จะหันหน้าไปหาเธอ นับหนึ่งกลัวเขาจะทิ้งเธออีก จึงโผเข้าหา จนหน้าอกของเธอแนบชิดอยู่กับอกของเขา
“ไม่ ฉันกลัว ฉันมองไม่เห็น”
นับหนึ่งหายใจแรงรดต้นคอของเขา ความกระอักกระอวนเพิ่มทวี ร่างกายของเขาเริ่มตื่น จนแทบจะบังคับมันยากขึ้น
“ตามมา ค่อยๆ เดิน”
เขาประคองเธอเดินออกไปข้างนอก พาเข้าไปในบ้าน เพื่อหาเทียน หรือไฟสำรอง โดยใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือนำทาง
“ช้าหน่อย” เธอก้าวขาตามเขาไม่ทัน
“เธอมีเทียน หรือไฟสำรองไหม” เขาถามเมื่อเข้ามาในตัวบ้านแล้ว
“มีแต่เทียนหอม แต่มันอยู่ในห้อง ฉันไม่ให้นายขึ้นไป”
นับหนึ่งถึงแม้จะกลัวความมืด แต่เธอกลับกลัวเขามากกว่า แต่ธนญไม่ฟังเขาจะเดินขึ้นไปบนห้องห้อง แต่เธอรั้งเขาไว้ ด้วยพละกำลังที่มากกว่า เขาจึงดึงแขนออกจากเธอ
“ไม่นะ อย่างทิ้งฉันไว้คนเดียว” เขากึ่งดึงกึ่งลากเธอขึ้นมา
“อยู่ตรงไหน”
เขาถามด้วยเสียงรำคาญใจ แต่เป็นเพราะการที่นับหนึ่งเอาร่างกายของเธอเบียดร่างกายของเขา ทำให้เขาเริ่มกระวนกระวาย เนื่องจากมีแรงกระตุ้นบางอย่างภายใน ที่เขาควบคุมอย่างยากลำบากในตอนนี้
“ลิ้นชักโต๊ะหัวเตียง”
เขาเปิดมันออก พบเทียนแท่งกลมประมาณคืบ 2 ก้อน เขาหยิบมันออกมาพร้อมกักไม่ขีดกักใหญ่ สีสันสวยงาม เขาจุดมัน ทำให้เกิดกลิ่นหอมของ ลาเวนเดอร์ ฟุ้งกระจาย กลิ่นของมันสร้างแรงกระตุ้นให้กับเขาอย่างมาก
เมื่อเริ่มมีแสงสว่างมากขึ้น นับหนึ่งจึงปล่อยมือจากเขา แต่เป็นเขาที่ไม่ยอมปล่อยเธอ เพราะเธอปลุกเขาจนตื่นคงไม่ง่ายที่จะจากไปแบบนี้
“ปล่อย”
นับหนึ่งพยายามแกะแขนเขาออก แต่มันรัดแน่น จนเธออัดติดกับร่างกายของเขา จนรู้สึกได้ว่าบางอย่างกำลังดันติดอยู่ที่ท้องน้อยของเธอ หน้าอกของเธอเสียดสีกับอกของเขา จนตื่นตัวอวบอัดชูช่อจนแทบจะทะลุเสื้อเนื้อบาง นับหนึ่งหอบหายใจแรงเพื่อควบคุมความต้องการของตัวเอง เขาและเธอห่างหายการสัมผัสของกันและกันร่วมปี ทำให้คลื่นความต้องการต่างถาโถมซัดเข้าหากัน
เขาโลมเล้าแผ่นหลังและสะโพกอย่างโหยหา ในขณะที่ลมหายใจแผ่วเบารดที่ต้นคอและอกกว้างของเขา จนไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป ธนญ จูบปากของเธออย่างแรง จนฟันกระทบริมฝีปากบางของเธอเป็นแผลถลอก ดูดดื่ม ดึงทึ้งจนแทบจะฉีกมันออกมาเป็นชิ้น ลิ้นที่เกี่ยวตวัดอย่างหื่นกระหาย แขนโอบรัดแผ่นหลังของเธอเปลี่ยนเป็นกงเล็บที่พร้อมจะฉีกร่างของเธอออกเป็นชิ้นๆ
“ไม่” นับหนึ่งพยายามห้ามเขา แต่ร่างกายของเธอกลับไม่ยอมปฏิเสธเขา
“ฉันต้องการเธอ”
ธนญ เสียการควบคุม เพราะแรงปรารถนานที่เร่าร้อน เขาไม่รอช้า ถอดเสื้อของเธออย่างรวดเร็วแล้ว และปลดกระดุมเสื้อของตัวเองอย่างรีบร้อน แก่นกายที่ดุนดัน ร้อนผ่าว ราวแท่งเหล็กที่เผาไฟ แนบอยู่กับท้องน้อยของเธอ จนนับหนึงถึงกับคราง เขาดันร่างของเธอลงบนเตียง ก่อนจะปลดกางเกงของเขา นับหนึ่งจ้องมองเขาท่ามกลางแสงเทียนสลัว และกลิ่นหอมที่รันจวน แม้ใจไม่ปรารถนาให้เขาครอบครองเธอ แต่กายของเธอกับแอ่นรับมันอย่างไม่มีการขัดขืน กางเกงชั้นในตัวน้อยถูดรูดออกเป็นชิ้นสุดท้าย เปิดทางให้แท่งร้อนนั้นได้แทรกผ่านกายเธอ นับหนึ่งถึงกลับร้องไห้ออกมา เพราะมันคับแน่น จนเธอตกใจ
การสัมผัสที่ห่างหายจากเขามานาน เหมือนประตูที่ถูกปิดตายไปนาน ได้เปิดขึ้นใหม่โดยไม่ทันตั้งตัว ปล่องถ้ำอันคับแคบ เล็กไปสำหรับพญามังกรที่กำลังลอดเลื้อย ราวกับแท่งไฟอันร้อนระอุ สอดใส่ผ่านกลีบจำปาที่เบ่งบาน หยดน้ำหวานที่หยาดเยิ้ม ไม่อาจชโลมไฟที่กำลังโหมกระหน่ำให้ดับลง จุดกระสันที่เขากดกลึงยามสอดส่าย สร้างความเสียวสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย เสียงครวญครางที่ปรารถนา ปลุกเร้าจังหวะหฤหรรษ์ จงแทบบ้าคลั่ง อกกลมกลึงถูกดูดกลืน จนจุกบวมเต่ง และขยุ้มขยำอย่างเมามัน แรงเสียดทานตามกฎธรรมชาติ โถมคลื่นสวาท บีบอัดจนมังกรพ่นไฟประทุเป็นคลื่นลาวาที่ไหลทะลัก นับหนึ่งกระตุกอยู่ใต้ร่างที่สั่นสะท้าน จนหยดเหงื่อที่โทรมกาย หยดติ๋ง ถูกใบหน้าและอกอวบที่เบ่งบาน ก่อนจะฝังใบหน้าที่เปียกชื้นบนเนินเนื้อนุ่มๆ ที่กำลังยกขึ้นและลงตามจังหวะหายใจหอบถี่
“เธอจะฆ่าฉัน”
เขาสบถมันออกมา และเล้าโลมเธออีกรอบ เพราะไฟปรารถนายังคุกรุ่น
นับหนึ่งนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเหนือทิวไม้ อากาศที่หนาวเหน็บ ทำให้นึกถึงเขา อ้อมกอดที่เขาทิ้งไว้ ราวกับกองไฟที่ถูกสุม เขาต้องการเพียงร่างกายของเธอ เขาหลอกล่อเธอจนหนำใจ และจากไปโดยไม่มีแม้คำกล่าวลา เธอไม่ควรจะมานั่งเสียใจ เพราะเธอเองที่ผิด ผิดที่ไปรักเขา ผิดที่ไม่อาจต้านทานความต้องการของตัวเองได้“น้องหนึ่งครับ พรุ่งนี้ทีมศาสตราจารย์ประวิทย์จะนำคณะของ ดร.กลอส เข้าป่า ไปดูพืชอนุรักษ์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ น้องหนึ่งจะไปด้วยไหมครับ เพราะมันค่อนข้างลำบาก ถ้ากลับออกมาไม่ทัน อาจต้องค้างแรมในป่าด้วย”พี่ชูชาติ เจ้าหน้าศูนย์วิจัยที่ทำหน้าที่ดูแลนักศึกษาฝึกงาน เข้ามาถามความสมัครใจ เพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง“ไปค่ะ หนึ่งไหว”เธอตอบรับคำทันที เพราะอย่างน้อยมันช่วยให้เธอไม่คิดมาก และไม่ต้องการให้มีเวลาคิดถึงเขาเช้าวันรุ่งขึ้น นับหนึ่งเตรียมของใช้ที่จำเป็นและสัมภาระใส่เป้สนาม เตรียมพร้อมการเข้าป่ากับเจ้าหน้าที่และกลุ่มเพื่อนนักศึกษาฝึกงาน จากมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ
ลานจอดรถที่แน่นขนัด ในมุมหนึ่งที่มืดมิด ร่างชองชายหนุ่มและหญิงสาวในเครื่องแต่งกายที่สมบูรณ์ แต่ร่างกายท่อนร่างกลับกำลังออกกำลัง โยกรับต่อกัน หอมหายใจถี่และแรง คงทรัพย์ประคองสะโพกของอรปวีร์ กดอาวุธของเขาเข้าออก ผ่านช่องซิบที่รูดลงจนสุด กระโปรงแค่คืบที่ปกปิดสะโพกกลมกลึงถูกรั้งขึ้น จนแทบมองไม่เห็นเมื่อร่างกายแนบชิดติดกันเขาเขย่าสะโพกของเธอจนต้องเอามือปิดปากกั้นเสียงเอาไว้ ความแปลกใหม่ตื่นเต้นเร้าใจ อรปวีร์ถูกคงทรัพย์จับได้ว่าเข้ามาขายบริการในผับอินดีสที่เขาดูแลอยู่ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัย เขาต้องการจะส่งตัวเธอให้เจ้าหน้าที่ แต่เธอกลับขอร้องและแลกเปลี่ยนด้วยการที่จะยอมมีอะไรกับเขา โดยไม่อายที่จะใช้ลานจอดรถนี้สร้างความหรรษาให้กับเขา และพยายามยื่นข้อเสนอบางอย่างทั้งที่เขายังสอดใส่“ฉันมีเพื่อนคนนึง ที่เคยมาที่นี่กับฉัน พระแพง นายรู้จักนี่” อรปวีร์หอบแรงจนเสียงกระเส่า“รู้จัก ทำไม”“ฉันอยากแนะนำนางให้คุณอำนาจ ฉันกับนางเคยโดยจับได้ค
ธนญ พัศวี และคงทรัพย์ ยืนจ้องมองอรปวีร์ ที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ เนื่องจากเธอพยายามหนี และออกแรงต่อสู้กับลูกน้องของคงทรัพย์ เธอถูกตบไป 2-3 ครั้ง จนใบหน้าแดงช้ำ“เธอทำตัวน่ารังเกียจ” พัศวีพูดพร้อมกับเบ้ปาก“พวกนายต่างหากที่เข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน” อรปวีร์เดือดดาน“ฉันเสียดายที่ครั้งหนึ่งเธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของสืบสาย เพื่อนฉันมันพลาดจริงๆ” ธนญยกมุมปากด้วยความรู้สึกสมเพช“ที่ลูกน้องฉันทำกับเธอมันก็สมควรแล้ว กล้าหลอกฉัน” คงทรัพย์ตวาดเมื่อเห็นว่าเธอไม่สำนึก และยังกล้าตีฝีปาก“ก็แกมันโง่ไง” อรปวีร์ยิ้มเย้ยเขาอรปวีร์ ไม่ได้รู้จักคงทรัพย์ดีไปกว่าพวกเขา ธนญและพัศวีได้แต่มองหน้ากัน และนึกเอาใจช่วยที่เธอบังอาจล่วงเกินคงทรัพย์ขนาดนี้ เขาทั้งสองขอตัวไปดื่มต่อ เพราะเขารู้ดีว่า ทำไมคงทรัพย์ถึงได้เป็นผู้ดูแล ผับอันดับหนึ่งของประเทศผู้หญิงอย่างอรปวีร์คงไม่กล้าไปอีกนาน ถึงแม้จะนึกสงสารและเห็นใจ 
นับหนึ่งหยิบเสื้อผ้าของเธอเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ และจัดการทำความสะอาดมันโดยเปิดก๊อกน้ำให้ไหลผ่านคราบสกปรกที่ติดอยู่ จากนั้นจึงใช้ครีมอาบน้ำขยี้ชุดชั้นในและ ชุดเดรสเนื้อบาง อย่างเบามือ และแขวนมันไว้ในห้องน้ำก่อนจะใช้ดรายค่อยๆเป่าให้แห้งที่ละชิ้นเมื่อเขาเห็นเธอหายเข้าไปในห้องน้ำนานผิดปกติทั้งที่เตรียมกาแฟดำไว้ให้นานแล้ว จึงเดินเข้ามาดู จึงเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว ที่เธอรีบจนไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย“ฉันเตรียมกาแฟดำไว้ให้ ไปดื่มก่อนสิ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”และดึงดรายกับชุดที่เธอเป่าอยู่ออกจากมือ“ทำอะไร”นับหนึ่งพยายามดึงมันกลับ เพราะเขากำลังจับเสื้อผ้าของเธอเปล่าดรายแทนเธอทันทีที่สั่งให้ไปดื่มกาแฟ“เดี๋ยวฉันทำให้ เธออกไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาอยู่ หรือ กำลังถ่วง”เขาพูดพร้อมกับสั่งให้เธอออกไป แต่กลับทิ้งเสียงกล่าวหาว่าเธอต้องการถ่วงเวลาเพื่ออยู่กับเขา“ฉันไม่ได้ต้องการมาที่นี่ และไม่เคยต้องการเจอกับนาย
เกศิตาที่กำลังว้าวุ่นเรื่องของพัศวี เธอไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของเขาได้ ทำให้ต้องเอาอารมณ์ไปลงที่งาน แม้การประชุมในวันนี้จะสำคัญต่อเธอและบริษัท แต่การประชุมทำให้เธอไม่สามารถเก็บอารมณ์ที่ขุ่นมัวไว้ได้ ทำให้หุ้นส่วนทางธุรกิจบางคนไม่พอใจ และเกิดการโต้เถียงขั้นรุนแรง เกี่ยวกับการปรับผังโครงสร้างบริษัทและกลยุทธ์การตลาดที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของโครงสร้างใหม่“ในฐานะที่ดิฉันเป็นประธานบริหารโครงการนี้ ดิฉันขอให้ทุกท่านกลับไปพิจารณาและปรับแก้แผนงานมาใหม่ อีก 2 วัน เรามาประชุมกันใหม่ ถ้าทำไม่ได้ดิฉันพร้อมยุบโครงการทันที”ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและมีพลัง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ จนกระทั่งเธอเดินออกไป ในบรรดาผู้บริหารที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเก่าแก่ ถึงกับตบโต๊ะ แสดงความไม่พอใจ และรวมกลุ่มที่จะต่อต้านเธอ“นังเด็กเมื่อวานซืน คิดว่าตัวเองแน่มาจากไหน วันๆ ทำแต่เรื่องฉาวโฉ่ แต่ยังกล้าชูคอเป็นนางหงส์ เป็นแค่ลูกนอกสมรส ของประทานคนก่อน กล้ามาผยอง”
ปารวัตรวางแฟ้มเอกสารข้อมูลที่เกศิตาสั่งให้ไปสืบ ลงบนโต๊ะของเธอ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ประวัติของคุณเนื้อน้องที่เจ้านายสั่งให้ไปสืบครับ” เขารายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเกศิตาหยิบมันขึ้นมาดู พบรูปถ่าย หลายใบ ของคนใกล้ชิด เพื่อน และพัศวีที่ยืนกอดรัดแสดงความรักต่อกัน เธออ่านประวัติของเนื้อน้อง จึงรู้ว่า เกศิตาจะกำจัดเธอได้อย่างไร เพราะครอบครัวของเนื้อน้อง ทำธุรกิจภายใต้สังกัดของบริษัทที่เธอดูแล และที่สำคัญ ตอนนี้เนื้อน้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจของครอบครัว“ขอบใจ นายเตรียมข้อมูลประชุมให้ฉันด้วย แล้วก็วันนี้หลังจบประชุม นายไปทำงานต่อที่คอนโดกับฉัน”เธอสั่งเขาอย่างเฉียบขาด แม้จะบอกว่าทำงาน แต่เขารู้ดีว่างานที่เธอต้องการให้เขาทำนั้นคืองานอะไร“ครับ”หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ปารวัตรขับรถมาส่งเกศิตาที่คอนโดและตามขึ้นไปที่ห้องพัก ขณะที่กำลังเข้าไปในลิฟท์ที่ชั้นจอดรถอยู่นั้น มีเสียงคนตะโกนขอให้รอพวกเขาก่
หลังจากจบการประชุม ปารวัตรเดินตามเกศิตามาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ฉันมีงานที่ไหนต่อไหม วันนี้” เกศิตานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ดึงแฟ้มงานที่รอการลายเซ็นอนุมัติของเธอก่อนจะถามเขา“หกโมงเย็นมีนัดทานอาหารค่ำกับลูกค้า บริษัทคัลเลอร์เวฟ คุณทรงกลด กับคุณนพดล ผมจองร้านอาหารให้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าคุณเกศจะมีแพลนต่อที่อินดีสเหมือนเคยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ติดต่อสำรองที่นั่งไว้ให้ เพราะช่วงสุดสัปดาห์อาจจะมีคนมาใช้บริการมากเป็นพิเศษ”เขาถามเธอเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะแขกทั้งสอง เป็นลูกค้า VIP ของพวกเขา“อืม จัดการได้เลย”“ครับ”ทันทีที่ได้คำตอบ เขาประสานงานและคอนเฟิร์มกับผู้จัดการทันที เพราะเขาได้ติดต่อล่วงหน้าไว้แล้วค่ำคืนนี้ ไม่เพียงแต่แขก VIP ของเกศิตา หากแต่มีแขก VIP ของณัฐการด้วยเช่นกัน เธอก็เลือกใช้อินดีสเป็นสถานที่รับรองลูกค้า วันนี้เธอแต่งตัวพร้อมกับการทำงานแ
วันคืนที่อยู่ด้วยกันมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน รุ่งขึ้นพัศวีจะต้องออกเดินทางแล้ว เขากอดเธอไว้แน่น จนแทบจะประสานเป็นร่างเดียวกัน“วีไม่อยากห่างจากน้องเลย น้องไปเรียนต่อที่อเมริกากับวีเถอะนะ หรือไปเที่ยวก่อนก็ได้”พัศวีพยายามเกลี้ยกล่อมเนื้อน้อง เหมือนเด็กน้อยที่กำลังอ้อนแม่ ให้อยู่เล่นด้วยกันก่อน เพราะแม่มัวแต่ทำงาน“ไม่ได้หรอกวี น้องมีงานต้องทำ มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ” เนื้อน้องตอบเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าวีอยู่ที่โน่น แล้วทนคิดถึงน้องไม่ไหว ต้องทำเรื่องนั้นกับคนอื่น น้องจะเสียใจไหม”เขาถามเธอจากใจจริง เพราะที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยห่างหายจากเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งได้คบกับเธออย่างจริงจัง ทำให้เขาหยุดการมีใครต่อใครมากหน้าหลายตาได้ และเขาเองก็ไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว“ก็คงเสียใจ แต่น้องไม่โกรธวีหรอก น้องเข้าใจ” น้ำเสียงของเธอเศร้าลง“สองปีหรืออาจจะมากกว่าเลยนะ”&n