นับหนึ่งหยิบเสื้อผ้าของเธอเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ และจัดการทำความสะอาดมันโดยเปิดก๊อกน้ำให้ไหลผ่านคราบสกปรกที่ติดอยู่ จากนั้นจึงใช้ครีมอาบน้ำขยี้ชุดชั้นในและ ชุดเดรสเนื้อบาง อย่างเบามือ และแขวนมันไว้ในห้องน้ำก่อนจะใช้ดรายค่อยๆเป่าให้แห้งที่ละชิ้น
เมื่อเขาเห็นเธอหายเข้าไปในห้องน้ำนานผิดปกติทั้งที่เตรียมกาแฟดำไว้ให้นานแล้ว จึงเดินเข้ามาดู จึงเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว ที่เธอรีบจนไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฉันเตรียมกาแฟดำไว้ให้ ไปดื่มก่อนสิ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”
และดึงดรายกับชุดที่เธอเป่าอยู่ออกจากมือ
“ทำอะไร”
นับหนึ่งพยายามดึงมันกลับ เพราะเขากำลังจับเสื้อผ้าของเธอเปล่าดรายแทนเธอทันทีที่สั่งให้ไปดื่มกาแฟ
“เดี๋ยวฉันทำให้ เธออกไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาอยู่ หรือ กำลังถ่วง”
เขาพูดพร้อมกับสั่งให้เธอออกไป แต่กลับทิ้งเสียงกล่าวหาว่าเธอต้องการถ่วงเวลาเพื่ออยู่กับเขา
“ฉันไม่ได้ต้องการมาที่นี่ และไม่เคยต้องการเจอกับนาย และฉันไม่ดื่มกาแฟ”
พูดจบนับหนึ่งกระชากชุดเดรสของเธอจากมือเขา ทำให้แรงกระชากกับแรงยื้อ ดึงจนมันฉีกขาดจากกัน นับหนึ่งถึงกับสั่นด้วยความโกรธ ที่เขาทำให้เธอดูหมดหนทาง เธอจึงรีบหยิบชุดชั้นในตัวน้อยที่แห้งแล้ว และเดินออกมา ตรงไปยังโซฟาที่กระเป๋าและโทรศัพท์ของเธอวางอยู่โดยไม่พูดอะไร รีบหยิบมันเพื่อเดินออกไปจากที่นี่
ธนญขวางเธอไว้ เพราะเธอไม่มีสิทธิ์เดินหนีเขาแบบนี้ คนที่ทำได้มีเพียงเขาเท่านั้น นับหนึ่งพยายามเบี่ยงตัวไปทางซ้ายและขวาเพื่อจะเปิดประตูห้องออกไป แต่เขาไม่ยอมดักเธอไว้ทุกทาง
“หลบไป ฉันจะกลับ” นับหนึ่งตวาดเขาด้วยความโกรธ
“ไม่” เสียงเขากระด้าง และหยาบคาย ผลักเธอออกไปห่างจากกระตู
“นายไม่มีสิทธิ์มากักขังหน่วงเหนี่ยวฉันแบบนี้” นับหนึ่งพยายามต้านเขา และต่อว่าในสิ่งที่เขากำลังทำ
“จะทำมากกว่านี้อีก”
ธนญเสียงดังและแข็งกร้าว ที่เธอทำตัวไม่น่ารักกับเขา ทั้งที่เขาดูแลเธอมาทั้งคืน และพยายามยื้อแย่งสิ่งของมือ เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า ก่อนที่จะโยนมันทิ้งไปอีกทาง เขาเข้ามากระชากเสื้อและพยายามแกะกระดุมเพื่อถอดมัน
“ปล่อยนะ”
นับหนึ่งร้องเสียงหลง และพยายามดึงมือของเขาออก แต่ไม่สำเร็จ แรงยื้อยุดฉุดกระชาก ทำให้กระดุมหลุด จนเผยให้เห็นอกอวบอิ่ม จนถึงหน้าท้องแบนราบ จนนับหนึ่งต้องรีบดึงมันปิดเข้าหากัน ก่อนจะตบเขาบนใบหน้าหล่อเหลาอย่างแรง จนสั่น มุมปากที่ถูกฟันกระทบฉีกเป็นแผล จนเลือดซึม
เมื่อเห็นเช่นนั้น นับหนึ่งถึงกับหน้าถอดสี และตกใจที่ทำให้เขาเลือดออก แต่ก็ดึงสติ เพราะเขากำลังคิดจะทำร้ายเธอก่อน จึงได้ หาจังหวะวิ่งไปหยิบแค่กระเป๋าและพยายามวิ่งไปที่ประตู แม้จะเปิดมันได้ แต่เขาก็ความแขนเธอไว้ได้ก่อนจะพาตัวออกไป เขาปิดประตูกลับอย่างแรงด้วยความโกรธ และเหวี่ยงเธอจนล้ำคว่ำลงบนเตียงเต็มแรง
อาการที่เพิ่งฟื้นตัวจากอาการเมาค้าง ทำให้ เธอมึนศีรษะ และเวียนหัวจนหมุนไปหมด ได้แต่กุมมันไว้ และทรุดตัวลงดังเดิม ธนญผลักตัวเธอลงนอนเพียงแค่เบาๆ เธอก็ไม่สามารถขัดขืนเขาได้
“ในเมื่อเธอไม่ใช่แฟน หรือเพื่อนของฉัน ฉันจะทำอะไรกับเธอก็ได้ ในเมื่อที่นี่มันห้องของฉัน เธอจะออกไปได้ก็ต่อเมื่อฉันต้องการให้ออกไป”
เขาเค้นเสียงหนักแน่นที่ข้างหูก่อนจะซุกไซร้เธอไปตามลำคอ เลยถึงล่องอกอวบจนถึงท้องนอย อย่างหิวกระหาย นับหนึ่งพยายามต่อสู้ดินรน แต่ร่างกายของเธอไม่สามารถขัดขืนเขาได้ อีกทั้งอาการเวียนศีรษะทำให้ร่างกายขาดสมดุล
“อย่า”
นับหนึ่งพยายามร้องห้ามเมื่อเขาพยายามลุกล้ำเธอ โดยที่เธอยังไม่พร้อม จนเธอรู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมา แต่เขาก็ไม่ปราณี เธอเจ็บจนน้ำตาซึม ชั่วระยะเวลาหนึ่งที่ร่างกายเริ่มตอบสนองสิ่งที่เข้าไปในร่างกายแบบไม่สมยอม เธอจึงเริ่มผ่อนคลายและรู้สึกว่า ความรู้สึกเจ็บเริ่มเปลี่ยนไป แม้เสียงครางแผ่วเบาของเขาที่กำลังสุขสม แต่เสียงสะอื้นของเธอกลับชัดกว่า ปนเสียงครางที่ร่างกายแสดงออกมาเพื่อกลบมัน จนเขาต้องเงยหน้าที่ซุกอยู่ที่ซอกค่อ ขึ้นมองเธอช้า น้ำตาที่ไหลออกจากหางตาละเรื่องจนถึงติ่งหู ทำให้เขาต้องจูบมันเพื่อซับความเจ็บปวดให้กับเธอ
“เลิกต่อต้านฉัน” เขากระซิบด้วยเสียงที่แหบพล่า
นับหนึ่งไม่โต้ตอบ เธอแค่เงียบ และปล่อยไปตามสิ่งที่เขาต้องการ เพราะร่างกายไม่ใช่ของเธออีกต่อไป เขาควบคุมมันไว้หมดแล้ว
เขาไม่สนใจว่าเธอจะรู้สึกเช่นไร เขาต้องการแค่สิ่งที่เขาต้องการจากร่างกายเธอ เพราะเขาโหยหามันมา จนรู้สึกว่าร่างกายขาดมันไม่ได้ เขาทำราวกลับเธอเป็นอาหารอันโอชะ เขาะดูดดื่มเธอ แม้เธอจะพยายามต้านเขา ก็ไม่สำเร็จเพราะเขาหลอกล่อ และปลุกเร้าจนร่างกายของเธอตอบสนอง
โคนเนื้อนุ่น เหนือกลีบจำปา ถูกนิ้วของเขาสอดใส่ไปพร้อมกับแก่นกายของเขา จนมันทำให้เธอต้องขยับกายอย่างสั่นสะท้านเกินต้าน เขาบดขยี้ให้เธอเริ่มกรีดร้อง เพื่อลงโทษที่เธอตบเขา และโจนจ้วงราวกับใช้มันตบหน้าเธอเต็มแรงแทนฝ่ามือ จนต้องแอ่นกายและเกร็งตัวจนสั่นไปหมด
เขาดึงปลายนิ้วมือที่กำลังสอดใส่ออกมา และไล้ไปตามริมฝีปากที่เปิดเผยอ ก่อนจะกดมันเข้าไป จนสัมผัสกับเนื้อนุ่มในปาก ที่กำลังตวัดดูดกลืน ราวกับกำลังหิวกระหาย ก่อนที่เขาจะถอนกาย และสอดมันเข้าไปแทน จนจุกอยู่ในลำคอ หน้าของเธอแดงเพราะกำลังสำลัก จนน้ำตาไหล แต่เขาไม่ยอมหยุด กลับกดมันจนลึก
การดินรนเอาชีวิตรอด ทำให้ลิ้นของเธอดุนดันมันอย่างกระเสือกกระสน จนเขาถึงกับโก่งตัวจนปล่อยมันออกมา ราวกับทำนบแตก โดยที่เธอสำลักมันแทบขาดใจ ก่อนจะดึงกลับ จนเธอรีบคว่ำหน้าเพื่อให้มันออกจากปาก และสำลัก ไอจนตัวโยน แต่เขากลับไม่สนใจ ดันมันเขาจากด้านหลัง และยกสะโพกเธอขึ้น ก่อนจะควบขี่มันอีกครั้ง ให้เธอสำลักในความใคร่ จนแทบกระอักเพราะมันกระอักกระอวนไปหมด ทั้งที่ช่องขา และคอที่ทำโก่งออกเพราะกำลังสำลัก
“สำหรับเธอ ตอนนี้ก็ไม่ต่างกับโสเภณี ดีดีนี่เอง”
เขาสบถ กับเรือนร่างที่กำลังเย้ายวนตอบสนองเขาด้วยแรงพิศวาส ถึงแม้เขากำลังจะทำกับเธอราวกับโสเภณีราคาถูก แต่เธอกลับตอบสนองมันอย่างดี เพราะเธอเองก็โหยหาเขาและต้องการเขามากเช่นกัน ถึงแม้คำพูดนั้นจะทิ่มแทงหัวใจเธอแทบแตกสลาย เขากำลังทำกับเธอราวกับนางบำเรอ ผู้หญิงที่เขาต้องการเพียงแค่ตอบสนองเขาทางกามารมณ์ ไม่ใช่ทางจิตใจ เขามองเธออย่างดูถูก เหยียดหยาม เพียงเพราะเธอรักเขาและต้องการเขา จนร่างกายไม่อาจต้านทางเขาได้ จึงต้องยอมปล่อยมันไปตามธรรมชาติ
“ใส่เสื้อผ้า และออกไปได้แล้ว”
เขาโยนเสื้อผ้าที่ฉีกขาดของเธอให้ และขับไล่เธอออกไปจากห้องโดยไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้น จนนับหนึ่งต้องกัดฟัน สวมใส่มันอย่างยกลำบาก เพราะร่างกายของเธอทั้งบอบช้ำและกรำศึกจากเพลิงสวาทนับครั้งไม่ถ้วน จนมีเลือดไหลซึมออกมา โดยไม่รู้ตัว
หลักจากที่เขาสำเร็จความใคร่ และชำระร่างกายอยู่นั้น แม้น้ำที่ไหลผ่านร่างจะมีไออุ่นจนควันฟุ้งกระจาย แต่ในกายเขากลับเหน็บหนาวเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับเธอ
นับหนึ่งจากไปแล้ว เหลือเพียงสภาพข้าวของกระจายเกลื่อน ที่เกิดจากการต่อสู้ของเธอ เสื้อเชิ้ตของเขาที่ฉีกขาดกองอยู่ที่พื้น ผ้าปูที่นอนหลุดลุ่ย ผ้าห่มกองที่ปลายเตียง เขาหยิบมันขึ้นมา ก่อนจะมองเห็นหยดเลือดเป็นทางเล็กๆ ออกไปที่กระตู ด้วยความตกใจเขาเปิดประตูออกไป แต่ไม่พบเจ้าของรอยเลือดนั้นแล้ว
เขามองมัน และทรุดตัวลงนั่งที่เตียง เธอจะเจ็บมากสักแค่ไหน ใจของเขาทั้งเต้นแรงและเจ็บปวด เขาปาเสื้อของเขาในมือด้วยความโมโหและเจ็บใจตัวเอง และสับสนที่เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่า เขาทำกับนับหนึ่งแบบนี้ได้อย่างไร และทำไมเขาต้องการเจ็บปวดเพราะเธอ
นับหนึ่งพาร่างกายที่บอบช้ำกลับมาที่บ้าน ตรงเข้าห้องน้ำและชำระร่างกายตัวเองทันที ก่อนที่จะเป็นลมทรุดลงไปกับพื้นห้องน้ำที่เย็นเฉียบ เวลาผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง จึงค่อยๆ ฟื้น จนพบว่าตัวเองนอนอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีแม่บ้านที่คอยมาทำความสะอาดให้เธอนั่งเฝ้าอยู่
“ทำไมหนึ่งมาอยู่ที่นี่” เธอถามหญิงสูงวัยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
“ป้ามาทำความสะอาดตามปกติ ได้ยินเสียงน้ำเปิดทิ้งที่ชั้นบน ป้าเลยขึ้นมาดู พบคุณหนูนอนหมดสติในห้องน้ำ แถมยังมีเลือด เอ่อ ไหลไม่หยุด”
หญิงสูงวัยพูดแค่นั้นแล้วก็นิ่งไป ทำให้แววตาของนับหนึ่งเริ่มหวั่นวิตก
“ป้าบอกใครหรือเปล่า” นับหนึ่งถามเธอด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“ไม่ค่ะ ป้าบอกแค่คุณหมอ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณหนู ป้าคิดว่าคุณหนู่เป็นคนพูดเองจะดีกว่า”
หญิงผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน เข้าใจดี และเธอก็ไม่ใช่คนจุ้นจ้านวุ่นวาย หรือพูดมากเกินจำเป็น
“ขอบคุณค่ะป้า”
นับหนึ่งขอบคุณเธอที่คอยดูแล และยังกุมมือให้กำลังใจ ทดแทนความาอบอุ่นที่ขาดไปนาน
นับหนึ่งฟักฟื้นในโรงพยาบาลอยู่ราวหนึ่งสัปดาห์ โดยที่ไม่มีใครทราบ นอกจากป้าสุ แม่บ้านที่ค่อยช่วยเหลือดูแลเธอ เวลาที่เพื่อนๆโทรหา หรือชวนออกมาเจอกัน เธอได้แต่ปฏิเสธ มีธุระ เรื่องติดต่อเรื่องเรียนที่ฝรั่งเศสบ้าง ไปต่างจังหวัดบ้าง เพื่อไม่ให้คนอื่นสงสัย
ในวันที่จะต้องออกจากโงพยาบาล นับหนึ่งนั่งรอป้าสุ ที่กำลังดำเนินการชำระค่ารักษาพยายาล และรับยาแทนเธอ โดยที่ไม่ทันสังเกต มีหญิงชราท่าทางภูมิฐาน และใจดีคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เธอกระเป๋าใส่ของใบเล็กที่หญิงชราทำหล่นที่พื้น และส่งคืน พร้อมกับยิ้มให้
“คุณยายทำนี่หล่นค่ะ” เธอเรียกท่านอย่างสุภาพ
“อ้อ! ตายจริง ขอบใจมากลูก” เธอร้องด้วยความตกใจที่ของหล่นไม่รู้ตัว และยิ้มรับอย่างเอ็นดู
“คุณยายอยู่คนเดียวหรือคะ” นับหนึ่งถาม เมื่อไม่เห็นลูกหลานอยู่ข้างๆ
“หลานชายยายกำลังไปรับยาแทนน่ะลูก เขาให้ยายรอตรงนี้ ยายมาตรวจสุขภาพประจำปี คุณหมอจัดยาบำรุงให้กลับไปทาน แล้วหนูล่ะ ป่วยหรือ” เธอถามอย่างห่วงใย
“หนูเพิ่งได้ออกจากโรงพยายบาลค่ะ รักษาที่นี่มาสัปดาห์นึงแล้ว ตอนนี้คุณป้าที่ดูแลกำลังไปจ่ายค่ารักษา กับค่ายาให้อยู่ค่ะ” เธอตอบหญิงชราที่เมตตาถามไถ่
ทันทีที่เธอตอบคำถามหญิงสูงวัย ป้าสุก็เดินเข้ามา และช่วยประคองพาเธอกลับบ้าน ขณะที่นับหนึ่งเพิ่งกล่าวลาและจากไป สืบสายมองเห็นเธอจากไกลๆ ที่กำลังคุยกับคุณย่าของเขา ตั้งใจจะเข้าไปทักทาย แต่ก็ไม่ทัน
“คุณย่าคุยกับใครครับ ดูเหมือนเพื่อนผมเลย” เมื่อเดินมาถึงเขาก็เอ่ยถามสุภาพสตรีสูงวัยด้วยความสงสัย
“อ้าวเหรอ หนูคนนั้นเขาเพิ่งออกจากโรงพยาบาล นั่งรอรับยาเหมือนย่านี่แหละ เห็นว่ารักษาอยู่ที่นี่ตั้งอาทิตย์นึงเชียวนะ”
คุณย่าตอบเขา แต่ก็แปลกใจที่รู้ว่านับหนึ่งเป็นเพื่อนของหลานชาย ไม่อย่างนั้นจะได้ให้เขาช่วยไปส่งเธอ เพราะขึ้นแท็กซี่กลับกลัวว่าจะลำบาก เพราะเธอค่อนข้างชอบที่เด็กสาวอย่างนับหนึ่ง มีน้ำใจ และสุภาพมีสัมมาคาราวะต่อผู้ใหญ่ หาได้ยากในยุคสมัยนี้
“ไม่ทราบเลยว่านับหนึ่งป่วย ล่าสุดเจอกันตอนวันที่นัดเลี้ยงจบการศึกษา เห็นเธอก็ยังดีๆ อยู่” เขาถึงกับขมวดคิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะต้องช่วยเข็นรถคุณย่าของเขาไปขึ้นรถ
สืบสายดูและคุณย่าของเขาเป็นอย่างดี หลังจากเรียนจบ ระหว่างที่รอเวลาเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษ เขาจะใช้เวลาอยู่กับคุณย่าของเขาให้มากที่สุด เพราะต้องไปนานกว่าได้กลับมาเยี่ยมช่วงปิดเทอม เพราะเขาไม่เคยห่างจากคุณย่าของเขาเป็นเวลานานๆ ตั้งแต่เล็กจนโต เธอเป็นผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด ทำให้ค่อนข้างเป็นห่วง และรู้สึกใจหายที่กำลังจะจากท่านไปไกล ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
“ไปเรียนต่อที่อังกฤษ อย่าลืมเตรียมเสื้อผ้าไปให้พอนะลูก ร้านอาหารไทยที่โน่นก็มีเยอะกว่าสมัยพ่อแกมาก ย่าไม่ค่อยห่วงเรื่องอาหารการกินเท่าไหร่ นอกจากเรื่องสุขภาพ ยังไงเรื่องดื่มเรื่องเที่ยวก็เพลา ๆ ลงหน่อย เจ็บป่วยมาจะลำบาก โรงพยาบาลที่โน่นเขาไม่เหมือนบ้านเรา ดูแลตัวเองให้ไม่เจ็บไข้เป็นดีที่สุด”
คุณย่าค่อนข้างเป็นห่วงเขา และพร่ำบอกเสมอ ว่าควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง เพราะเขาไม่เคยห่างจากครอบครัวไปไหนมาก่อน
“ครับ คุณย่าไม่ต้องห่วง ผมจะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี จะได้กลับมาหาคุณย่าในสภาพที่แข็งแรงทุกเทอมเลย”
เขาตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง หลังจากประคองท่านเข้านอนช่วงหัวค่ำ
เมื่ออยู่ลำพัง สืบสาย อดแปลกใจไม่ได้ที่พบนับหนึ่งที่โรงพยาบาล แถมคุณย่าบอกเขาว่านับหนึ่งรักษาตัวอยู่ที่นั่นเป็นสัปดาห์ นั่นหมายความว่า นับหนึ่งป่วยทันทีหลังจากที่กลับจากการเลี้ยงสังสรรค์ที่ผับอินดีส เขาจึงสงสัยว่า ธนญ ทราบเรื่องนี้หรือไม่ เพราะทุกอย่างดูเงียบไปหมด ขนาดตอนที่พัศวีเข้าโรงพยาบาล สาวๆยังตกอกตกใจ โทรถามกันให้ควั่ก แต่ทำไมเรื่องของนับหนึ่งแท้ๆ เนื้อน้องยังไม่ทราบ ไม่งั้นคงได้ข่าวผ่านทางพัศวีมาแล้ว
“นับหนึ่งเข้าโรงพยาบาล นายรู้เรื่องหรือเปล่า”
สืบสายโทรหาธนญ และถามเขาไปตรงๆ ทันทีที่ธนญ ได้ยินว่านับหนึ่งเข้าโรงพยาบาล เขาเงียบไปทันที จนสืบสายเรียกเขาอยู่นาน จึงได้สติ
“ไม่ เขาเป็นอะไรเหรอ” ธนญถามสืบสาย ด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ฉันไม่รู้หรอก วันนี้เจอที่โรงพยาบาล เห็นเขาคุยกับคุณย่า พอฉันจะเข้าไปทักเขาก็ออกไปแล้ว”
สืบสายพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย ที่ไม่ทันได้รูว่านับหนึ่งป่วยเป็นอะไร แถมธนญยังไม่รู้เรื่องอีก
“เขาคงแค่ป่วยไข้หวัดธรรมดา ช่วงนี้อากาศเปลี่ยน นายอย่ากังวลไปเลย” ธนญพูดไปอย่างเสียมิได้
“ฉันว่าไม่น่าจะธรรมดา คุณย่าบอกนอนโรงพยาบาลตั้งอาทิตย์นึง แถมคนอื่นๆ ก็ไม่มีใครรู้เรื่อง”
สืบสายแย้ง เพราะเขาคิดว่าคนที่ใกล้ชิดนับหนึ่งที่สุดคือธนญ และคนสุดท้ายที่อยู่กับเธอ ก็คือเขา ทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ในเช้าวันนั้น และหยดเลือดเป็นทางที่เขาเห็น ธนญหน้าซีด และค่อนข้างกังวลกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับนับหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ เพราะมันเกิดจากเรื่องนั้น ระหว่างเขาและเธอ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สามารถบอกใครๆ ได้ปกติ การที่ไม่มีใครรู้ คงเพราะนับหนึ่งต้องการปกปิดมัน สิ่งที่เขาทำได้คือ ทำสิ่งเดียวกับที่เธอต้องการ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดก็ตาม
“ถ้ามันร้ายแรง เธอคงรีบบอกกับอิ๋งแล้ว นายลองเช็คที่เพื่อนรักเขาดูสิ”
ธนญ โยนเรื่องนี้ไปให้ณัฐการแทน และพยายามทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรื่องระหว่างเขากับนับหนึ่งควรจบได้แล้วจริงๆ เพราะเธอคงไม่มีวันให้อภัยเขาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้อย่างแน่นอน
หนึ่งเดือนถัดมา นับหนึ่งออกเดินทางไปฝรังเศสโดยไม่บอกลาใคร เธอไปอย่างเงียบๆ แค่ส่งข้อความบอกเพื่อนๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น แม้ทุกคนจะแปลกใจและตกใจเป็นอย่างมาก แต่เรื่องค่อยๆ เงียบไป เพราะแต่ละคนต่างวุ่นวายอยู่กับเรื่องของตนเอง
แม้จะจบการศึกษาแล้ว แต่พระแพงยังคงทำงานพิเศษอยู่ที่คาเฟ่ เช่นเดิม จนกว่าจะหางานประจำได้ เธอจึงต้องทำงานที่นี่เพื่อหารายได้เข้ามาใช้จ่ายในบ้านเพื่อช่วยเหลือพ่อของเธอ ที่ต้องทำงานหาเงินไปใช้หนี้ให้ได้มากที่สุด ที่จะทำได้ ชีวิตที่ผกผัน แม้เพื่อนที่ร่ำรวยคนอื่นๆ จะค่อนแคะเธอ แต่เธอก็เลือกที่จะไม่สนใจ ตราบใดที่เธอทำงานสุจริต และหาเงินได้ด้วยตัวเอง ความหยิ่งยโส ในสมัยที่มั่งมี เริ่มไม่มีความหมายต่อเธอ ตราบใดที่ต้องเลี้ยงปากท้อง
พระแพงเปลี่ยนไปมาก แม้สืบสายพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการพบกับเธอโดยไม่จำเป็น แต่บ่อยครั้งที่เขาอดคิดถึงเธอไม่ได้ จึงต้องแวะเวียนมาหาเธอบ้าง เพราะการเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวกเขามันไม่ใช่เรื่องปกติของคู่รักทั่วไป ทำให้การคบกันระหว่างเขาและเธอ ดูเหมือนมีกำแพงบางอย่างกั้นไว้
“อเมริกาโน่”
เขาพูดเพียงเท่านั้น แต่พระแพงทราบดีว่าเขาทานแบบไหน จึงไม่เซ้าซี้ถามเกินจำเป็น ปล่อยให้เขาไปนั่งก่อนจะนำไปเสิร์ฟ
“อเมริกาโน่ร้อนค่ะคุณลูกค้า” พระแพงเสิร์ฟกาแฟร้อน และเรียกเขาตามมารยาท
“มารับเธอน่ะ”
เขาบอกเธอโดยไม่สนใจคำตอบอื่นๆ ก่อนจะจิบกาแฟ และดูโทรศัพท์มือถือของตัวเอง พระแพงมองดูเวลา อีกราว 30 นาที ก็จะได้เวลาเลิกงานของเธอแล้ว เขาตั้งใจมาหาเธอ พระแพงไม่ได้พูดอะไร แค่ทำงานของเธอต่อไป ไม่ให้ลูกค้าคนอื่นสงสัย หรือสนใจพวกเธอมากเกินไป เพราะสืบสายนั้นทั้งหล่อและรวย แต่แฟนของเขากลับเป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์ แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองว่าเธอเป็นแฟนของเขา มักจะมองเป็นอย่างอื่นมากกว่า
“แฟนเธอมารอเหรอ” ผู้จัดการถามพระแพง
“ค่ะ” เธอตอบเขาเพียงสั้นๆ
“แฟนเธอเขาออกจะดูมีสตางค์ ทำไมยังปล่อยให้เธอทำงานงกๆ”
ผู้จัดการถามเธออย่างสงสัย เพราะหลายคนที่มีแฟนรวย ส่วนใหญ่แฟนจะให้เงินใช้กันทั้งนั้น
“เขามี แต่ฉันไม่มีนี่คะ และฉันก็ไม่เคยอยากจะได้เงินเขา” เธอยิ้ม
เมื่อถึงเวลาพระแพงเดินออกจากร้านไปพร้อมกับเขา สำหรับคนที่ไม่รู้ ก็คิดว่าเธอเป็นอย่างอื่น ถึงแม้ไม่ได้มีใครพูดอะไร แต่มันแสดงออกด้วยสายตา และรู้สึกเสียดายสืบสายเป็นอย่างมาก
สืบสายพาพระแพงไปที่สโมสรเฟิร์ส และชวนเธอว่ายน้ำด้วยกัน เพื่อออกกำลังกายบ้าง เพราะเธอดูผอมเกินไป พระแพงมาจากครอบครัวที่มีพื้นฐานที่ดีมาก่อน เธอจึงไม่เคอะเขินกับการเข้าสังคมใหม่สักเท่าไหร่ แม้สืบสายจะเป็นสมาชิกประจำของที่นี่ และเป็นที่หมายปองของสาวๆ พอกันกับ ธนญ และพัศวี แต่เขาไม่เคยแสดงทีท่าว่าสนใจใคร หรือควงใครมาที่นี่มาก่อน การที่เขามากับพระแพงในครั้งนี้จึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ และอดซุบซิบนินทากันไม่ได้
“พวกเขามองฉันทำไม” พระแพงถามสืบสาย เพราะไม่เข้าใจ ปกติที่อื่นๆ ที่เธอเคยไป ไม่มีใครสนใจใครแบบนี้
“ก็เธอมากับฉัน” เขาตอบและยิ้ม
“เธอเป็นคนดังของที่นี่เหรอ” พระแพงเลิกคิ้วถาม
“อืม”
เขาไม่ปฏิเสธ แถมยอมรับหน้าตาเฉย เอาความเชื่อมั่นแบบนั้นมาจากไหนกัน แต่เมื่อมองไปรอบๆ เธอก็เริ่มไม่แปลกใจที่เขามั่นใจ เพราะทั้งบริกร และคนอื่นๆ ทักทายเขาราวกับรู้จักกันดี ทำให้เธอเริ่มรู้สึกตกเป็นเป้าสายตาที่อยู่กับเขาทั้งในสระ และที่โต๊ะนั่งริมสระ จึงอยากจะหลบไปจากตรงนี้ ชุดว่ายน้ำที่เขาเลือกให้เธอเป็นแบบบิกินี ที่เขาชอบ เพราะเขาเคยเห็นนับหนึ่งใส่ แล้วเขารู้สึกว่ามันสวยดี เขาจึงอยากเห็นพระแพงในแบบเดียวกันบ้าง
“คนมองฉันใหญ่เลย ชุดนี้มันโป้เกินไปเหรอ”
พระแพงถามเขาเบาๆ พระแพงเป็นคนเรียบร้อย แต่ก็มีบุคลิกที่เชื่อมั่นตัวเอง ถึงแม้การสวมใส่บิกินีสำหรับบางคนอาจทำให้ดูโป้ แต่รูปร่างเล็กเช่นเธอมันทำให้ดูน่ารักและสดใสมากกว่า เธอจึงไม่กลัวการใส่มัน
“ไม่นี่ ฉันชอบ”
เขาชอบเพราะว่ามันโชว์ส่วนเว้าส่วนโค้ง โดยเฉพาะอกอวบอิ่มที่พรางตาของเธอ
“แต่คนมองฉันตลอดเลย”
พระแพงทำหน้างอ และนำผ้ามาคลุมตัวไว้ เห็นดังนั้นสืบสายจึงดึงออก
“ฉันชอบ เธอจะกลัวสายตาคนอื่นทำไม เขามองเพราะเธอสวยหุ่นดี อกตู้ม ซึ่งฉันเองก็ตั้งใจเลือกชุดนี้เพื่อให้เธอได้โชว์ เธอมากับฉัน ก็ให้ฉันอวดคนอื่นบ้าง เธอมาในฐานะแฟนของฉัน”
เพราะเธอมาในฐานะแฟนของเขา เขาอยากให้คนอื่นมองแฟนของเขาด้วยความชื่นชม ไม่ใช่ดูถูก เขามองตาเธอ ให้เธอเริ่มมั่นใจตัวเอง ก่อนจะจูบเธอต่อหน้าคนอื่นที่มองอยู่ เพื่อให้ทุกคนหายสงสัย ทันทีที่เขาจูบเธอ สาวๆ ได้แต่ปล่อยลมหายใจเพราะความเสียดาย เพราะหมายปองเขามานาน
“ฉันอายนะ” พระแพงผลักอกเขาเบาๆ เมื่อเขาผละออก
“อายทำไม คนอื่นเขาอิจฉาเธอทั้งนั้น” เขาลุกขึ้นและดึงเธอให้ลุกตาม
“พอแล้วเหรอ” พระแพงเห็นเขาเพิ่งว่ายไปไม่กี่รอบ
“ไปทานข้าวกัน หิวแล้วหละ”
หลังจากทานมื้อค่ำ เขาพาเธอมาที่ห้อง เพื่อทำกิจกรรมกันต่อ ตามประสาคู่รัก ที่ห่างหายจากเรื่องนั้นมานาน ครั้งล่าสุดที่นอนด้วยกัน เพราะเธอถูกวางยา มันค่อนข้างเร่าร้อนและโลดโผน แต่ต้องยอมรับที่พระแพงช่างกล้าหาญ และเรียนรู้ถึงธรรมชาติความต้องการของร่างกายตัวเองเป็นอย่างดี ครั้งแรกที่สัมผัสกับประตูหลัง ที่แสนอัศจรรย์
“อีกไม่กี่เดือน ฉันต้องไปเรียนต่อแล้ว ฉันต้องเก็บเกี่ยวเธอให้พอก่อนไป เพราะถ้าไปถึงโน่นแล้ว ฉันไม่อยากมีใครถ้าไม่จำเป็น”
สืบสายบอกกับเธออย่างตรงไปตรงมา เพราะเขาไม่อยากบอกเธอว่าจะไม่มีใคร เขาแค่อยากมีให้น้อยที่สุดก็เท่านั้น
“ถ้าเธอต้องการมี ใครจะห้ามเธอได้ล่ะ ฉันไม่เห็น ไม่รู้”
พระแพงไม่ได้ขอให้เขาไม่มีใคร บอกเป็นนัยว่าเธอจะไม่อยากรู้เรื่องของเขาถ้าไม่จำเป็น
“แล้วเธอล่ะ” เขาถามเธอด้วยเช่นกัน
“ทำไม” พระแพงทำหน้างง
“จะมีคนอื่นไหม” เขาจ้องตาเธอในเชิงถามหาคำตอบ
“ฉันไม่รับปาก เพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต”
พระแพงตอบเลี่ยง เพราะเธอไม่รู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะตอนที่มีเขาเธอเองก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะมี แต่เมื่อมีแล้ว ความผูกพันธ์ ทำให้เธอรู้สึกรัก และหวงแหนเขาขึ้นมา
สืบสายไม่ได้เค้นหาคำตอบ เพราะคำตอบนี้มันยากสำหรับเธอ และยากสำหรับเขาด้วยเช่นกัน สืบสายถอดเสื้อของพระแพงออกช้าๆ จนเหลือเพียงชุดชั้นในตัวบางที่โอบอุ้มเต้าทั้งสองที่ขาวผ่อง ในขณะที่มือของพระแพงก็ทำหน้าที่ของมัน ปลอดกระดุมเสื้อทีละเม็ดให้เขาอย่าช้าๆ
พระแพงและสืบสายรู้ดีว่าความต้องการของพวกเขาขณะนี้เป็นอย่างไร จึงไม่อยากรีบร้อน อยากทำมันให้ดี และมีความสุขด้วยกันให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
“ฉันรู้แค่ว่า การที่ฉันได้นอนกับนายมันวิเศษ ฉันยังจะต้องการคนอื่นอีกหรือ”
พระแพงตอบเขาแผ่วเบา ก่อนจะจุมพิตไปที่อกไล่ลงบนซิกแพคที่แน่นตึง ก่อนจะปลดกางเกงของเขาอย่างช้าๆ จนส่วนที่หลบซ่อนนูนออกมาจนเห็นเป็นสันตรงชัดเจน และจุมพิตอีกครั้งผ่านเนื้อผ้าบาง จนเขาสะท้าน จนต้องลูบศีรษะเธอเบาๆ พระแพงสอดมือทั้งสองผ่านหน้าขา จนสัมผัสเนื้อตึงที่นุ่มลื่น ใช้หัวแม่มือคลึงจากด้านข้างเบาๆ จนเขาถึงกับร้องและงอตัว จากนั้นไม่นาน พระแพงก็หงายฝ่ามือดึงขอบกางเกง รูดบอกเซอร์ตัวน้อยลงจรดข้อเท้า จนงูใหญ่ของเขาผงาดอยู่ตรงหน้า
สืบสาย มองผมที่บิดเกรียวเป็นรอนบน ศีรษะที่บดบังงูใหญ่ของเขา ขนที่รุกซู เพราะแรงสัมผัส ดวงตาของเขาพล่ามัว เพราะความหฤหรรษ์ มองเห็นเพียงกลุ่มผมที่ศีรษะกดขึ้นและลง เขาทำได้แค่จับมันไว้และกดตามแรงเข้าออกของมันเพื่อให้ความเสียวซ่านนั้นได้แผ่กระจายไปทั่วสรรพางค์กาย
“เธอกำลังจะฆ่าฉันอีกแล้ว”
สืบสายครางออกมาจนต้องดึงศีรษะเธอออก จนของเหลวไหลออกที่มุมปาก พระแพงเช็ดมัน เขากำแน่นที่โคนแน่นชักธงขึ้นลง เพื่อเค้นของเหลวที่ติดค้างให้ออกมาจนหมด และอุ้มแพระแพงวางลงบนเตียง ก่อนจะสอดมันเข้าไปทางด้านหลัง ประตูที่เคยถูกเปิดออกเมื่อไม่นาน ทำให้เธอ และเขาติดใจ พระแพงร้องออกมายามที่เขาสอดใส่และกดมันลงไป ความใหญ่โตของเขาทำให้มันคับแน่น ผ่านเข้าไปได้เพียงครึ่งเดียว
“แพงเจ็บ”
เธอร้องเพราะมันแน่กว่าคราวที่แล้ว นั่นเพราะความต้องการที่เต็มที่ของร่างกาย ทำให้เขาพองโต เขาค่อยๆ ช้าลง จนเธอผ่อนคลาย
“ถ้าประตูหลังไม่ไหว จะให้เปลี่ยนไปประตูหน้าก่อนไหม” เขาถามเธอที่กำลังแอ่นก้นงอน
“แพงทนไหว แต่ช้าหน่อย มันแน่นมาก”
พระแพงครางและพยายามขมิบตอดมันเพราะให้คลายเจ็บ จนเขาต้องอ้าปากผ่อนลมหายใจ
“แพงหยุดเดี๋ยวนี้ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”
ไม่ทันขาดคำเขาก็พยายามเคลื่อนตัวเองจนได้จังหวะที่ร่างกายต้องการ โดยไม่ฟังเสียงร้องขอของพระแพงอีกต่อไป แม้จะเจ็บปวด แต่มันก็เสียวไปถึงต้นคอ จนเธอไม่อยากพลาดมันไป จนเขาจมมันได้จนมิด เหมือนร่างกายปวดหน่วง เธอเบ่งมันเต็มพลัง พยายามขับอาวุธที่ล่วงล้ำของเขาออกไป เมื่อถ้ำมังกรขยายตัว ยิ่งทำให้เขาเข้าถึงจนลึก และระเบิดมันอีกรอบในตัวเธอก่อนจะดึงออกมา
เกศิตาที่กำลังว้าวุ่นเรื่องของพัศวี เธอไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของเขาได้ ทำให้ต้องเอาอารมณ์ไปลงที่งาน แม้การประชุมในวันนี้จะสำคัญต่อเธอและบริษัท แต่การประชุมทำให้เธอไม่สามารถเก็บอารมณ์ที่ขุ่นมัวไว้ได้ ทำให้หุ้นส่วนทางธุรกิจบางคนไม่พอใจ และเกิดการโต้เถียงขั้นรุนแรง เกี่ยวกับการปรับผังโครงสร้างบริษัทและกลยุทธ์การตลาดที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของโครงสร้างใหม่“ในฐานะที่ดิฉันเป็นประธานบริหารโครงการนี้ ดิฉันขอให้ทุกท่านกลับไปพิจารณาและปรับแก้แผนงานมาใหม่ อีก 2 วัน เรามาประชุมกันใหม่ ถ้าทำไม่ได้ดิฉันพร้อมยุบโครงการทันที”ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและมีพลัง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ จนกระทั่งเธอเดินออกไป ในบรรดาผู้บริหารที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเก่าแก่ ถึงกับตบโต๊ะ แสดงความไม่พอใจ และรวมกลุ่มที่จะต่อต้านเธอ“นังเด็กเมื่อวานซืน คิดว่าตัวเองแน่มาจากไหน วันๆ ทำแต่เรื่องฉาวโฉ่ แต่ยังกล้าชูคอเป็นนางหงส์ เป็นแค่ลูกนอกสมรส ของประทานคนก่อน กล้ามาผยอง”
ปารวัตรวางแฟ้มเอกสารข้อมูลที่เกศิตาสั่งให้ไปสืบ ลงบนโต๊ะของเธอ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ประวัติของคุณเนื้อน้องที่เจ้านายสั่งให้ไปสืบครับ” เขารายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเกศิตาหยิบมันขึ้นมาดู พบรูปถ่าย หลายใบ ของคนใกล้ชิด เพื่อน และพัศวีที่ยืนกอดรัดแสดงความรักต่อกัน เธออ่านประวัติของเนื้อน้อง จึงรู้ว่า เกศิตาจะกำจัดเธอได้อย่างไร เพราะครอบครัวของเนื้อน้อง ทำธุรกิจภายใต้สังกัดของบริษัทที่เธอดูแล และที่สำคัญ ตอนนี้เนื้อน้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจของครอบครัว“ขอบใจ นายเตรียมข้อมูลประชุมให้ฉันด้วย แล้วก็วันนี้หลังจบประชุม นายไปทำงานต่อที่คอนโดกับฉัน”เธอสั่งเขาอย่างเฉียบขาด แม้จะบอกว่าทำงาน แต่เขารู้ดีว่างานที่เธอต้องการให้เขาทำนั้นคืองานอะไร“ครับ”หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ปารวัตรขับรถมาส่งเกศิตาที่คอนโดและตามขึ้นไปที่ห้องพัก ขณะที่กำลังเข้าไปในลิฟท์ที่ชั้นจอดรถอยู่นั้น มีเสียงคนตะโกนขอให้รอพวกเขาก่
หลังจากจบการประชุม ปารวัตรเดินตามเกศิตามาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ฉันมีงานที่ไหนต่อไหม วันนี้” เกศิตานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ดึงแฟ้มงานที่รอการลายเซ็นอนุมัติของเธอก่อนจะถามเขา“หกโมงเย็นมีนัดทานอาหารค่ำกับลูกค้า บริษัทคัลเลอร์เวฟ คุณทรงกลด กับคุณนพดล ผมจองร้านอาหารให้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าคุณเกศจะมีแพลนต่อที่อินดีสเหมือนเคยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ติดต่อสำรองที่นั่งไว้ให้ เพราะช่วงสุดสัปดาห์อาจจะมีคนมาใช้บริการมากเป็นพิเศษ”เขาถามเธอเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะแขกทั้งสอง เป็นลูกค้า VIP ของพวกเขา“อืม จัดการได้เลย”“ครับ”ทันทีที่ได้คำตอบ เขาประสานงานและคอนเฟิร์มกับผู้จัดการทันที เพราะเขาได้ติดต่อล่วงหน้าไว้แล้วค่ำคืนนี้ ไม่เพียงแต่แขก VIP ของเกศิตา หากแต่มีแขก VIP ของณัฐการด้วยเช่นกัน เธอก็เลือกใช้อินดีสเป็นสถานที่รับรองลูกค้า วันนี้เธอแต่งตัวพร้อมกับการทำงานแ
วันคืนที่อยู่ด้วยกันมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน รุ่งขึ้นพัศวีจะต้องออกเดินทางแล้ว เขากอดเธอไว้แน่น จนแทบจะประสานเป็นร่างเดียวกัน“วีไม่อยากห่างจากน้องเลย น้องไปเรียนต่อที่อเมริกากับวีเถอะนะ หรือไปเที่ยวก่อนก็ได้”พัศวีพยายามเกลี้ยกล่อมเนื้อน้อง เหมือนเด็กน้อยที่กำลังอ้อนแม่ ให้อยู่เล่นด้วยกันก่อน เพราะแม่มัวแต่ทำงาน“ไม่ได้หรอกวี น้องมีงานต้องทำ มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ” เนื้อน้องตอบเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าวีอยู่ที่โน่น แล้วทนคิดถึงน้องไม่ไหว ต้องทำเรื่องนั้นกับคนอื่น น้องจะเสียใจไหม”เขาถามเธอจากใจจริง เพราะที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยห่างหายจากเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งได้คบกับเธออย่างจริงจัง ทำให้เขาหยุดการมีใครต่อใครมากหน้าหลายตาได้ และเขาเองก็ไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว“ก็คงเสียใจ แต่น้องไม่โกรธวีหรอก น้องเข้าใจ” น้ำเสียงของเธอเศร้าลง“สองปีหรืออาจจะมากกว่าเลยนะ”&n
การประชุมเริ่มขึ้นไม่ถึง 10 นาที เกศิตาก็ตกเป็นเป้าสายตา และถูกเปิดประเด็นให้ได้โจมตีทันที เพราะร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ที่ต้นคอ สายตาที่ปารวัตรชำเรืองมองปฏิกิริยาจากด้านข้าง แสดงออกถึงความกังวน เพราะเขาไม่อยากให้เธอเปิดศึกภายในกับคนในบริษัทเพียงเพราะเรื่องพวกนี้ แม้เกศิตาจะพยายามแสดงออกถึงความมั่นใจ และไม่แคร์ต่อคำวิพากวิจารณ์ของคนอื่น แต่ลึกๆ เธอกลับเก็บมันมาใส่ใจ และคิดแค้นคนเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา“ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน วันนี้พวกเราหลายคนต่างเห็นพร้องต้องกันว่าคุณเกศิตา ควรลงจากตำแหน่งประธานบริษัท”นายพันธุ์ภพ ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง เป็นคนกล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงที่กำลังถกเถียง เรื่องความสามารถของเธอไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลยสักนิด จนทำให้เกศิตา ที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ ถึงกับโน้มตัวมาข้างหน้า และท้าวแขนทั้งสองลุกขึ้น ด้วยท่าทีนิ่งเฉย“ดิฉันยังไม่เห็นว่า การที่ดิฉันบริหารงานในฐานะประธานบ
ปารวัตรและณัฐการก่ายกอดกันจนถึงเช้า แสงแดดอ่อนที่สาดส่องผ่านม่านพลางแสง ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ร่างเปลือยเปล่าอวบอัดขาวเนียนที่ก่ายกอดเขาอยู่ยังคงนิ่งสงบ เขานึกขำที่เธอนอนขี้เซา และมักละเมอสัมผัสเขาในยามเช้า เขาสงสัยว่าณัฐการฝันถึงเรื่องใด และพยายามปลุกพญางูของเขาเสมอ“ตื่นสิ” เขาจูบเธอที่หน้าผาก ก่อนจะประกบมันที่ปากเรียวบาง พญางูกำลังตื่น แต่ณัฐการยังคงหลับใหล“อ่า” เธอครวญคราง เมื่อเขากำลังสำรวจปากถ้ำ และเข้าหาเธออย่างไม่ยากเย็น“นี่เป็นการไถ่โทษ จาก 2 ครั้งก่อน”เขากระซิบเธอที่ข้างหู ก่อนจะเม้มริมฝีปากลงบนติ่งหูนุ่มนิ่มและซุกไซร้ไปตามลำคอ พร้อมจังหวะเข้าออกอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ ค่อยๆ ก่อเพลิงสวาททีละนิดให้กับเธอราวกับอยู่ในความฝันอันแสนเคลิบเคลิ้มมือเล็กนิ้วเรียวยาว ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง บางจังหวะเล็บยาวที่ถูกแต่งแต้มก็ครูดไปตามผิวหนังจนรู้สึกแสบเจ็บแปลบ จนร่างกายของเขาต้องกระตุก ให้จังหวะเร้าตา
พระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ทอประกายแสงอันอบอุ่น เกศิตา ค่อยๆ ลืมตารับแสงแดดอ่อน ร่างกายที่อ่อนล้า ภาพชวนฝันที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นชายหนุ่มท่ามกลาง ทิวทัศน์สวยงามราวภาพฝันตรงหน้า ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ ทะเลก่อคลื่นเล็กน้อย ท้องฟ้าสีคราม หาดทรายขาวสะอาด สหัสวรรษที่คล้ายกับพัศวียืนอยู่ที่ริมหาด ด้วยเสื้อผ้าสุดเนี้ยบ ในเชิ้ตสีเปลือกมังคุด พับแขนแค่ศอก สวมเข้าในกางเกงแสลกแนบขายาว คัทชูหนังเงางาม จมลงในพื้นทราย มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ พูดคุยปลายสายด้วยรอยยิ้ม และดูสดใส ผมที่ถูกลมพัด สะบัดเป็นริ้ว ราวกับเกรียวคลื่นตามแนวหยักศกสหัสวรรษ เห็นว่าเธอรู้สึกตัวและจ้องมองเขาอยู่ในรถ เขาได้แต่มอง และยังคุยโทรศัพท์ต่อไป เมื่อสายตาเริ่มปรับ และดึงสติกลับมาที่ปัจจุบัน ทำให้เธอรับรู้ว่าชายหนุ่มคนที่เธอมองอยู่ตรงหน้าไม่ใช่พัศวี หากแต่เป็นสหัสวรรษ ชายคนใหม่ที่ตามเธอออกมา เพื่ออยู่เป็นเพื่อนและปลอบใจในยามที่เจ็บปวดจากคำดูถูกเหยียดหยามสหัสวรรษไม่ได้แตะต้องเธอ เขาแค่นั่งเป็นเพื่อนให้เธอได้ร้องไห้
ณัฐการลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ผละตัวจากเขารีบคว้ากระเป๋า และโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เพราะกำลังสับสนกับการกระทำของเขาที่มีต่อเธอ ความอ่อนโยนพวกนี้ กำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่“จะกลับแล้วเหรอ”เขาถาม และคว้าเอวเธอไว้ เมื่อเห็นอาการร้อนรน ร่างที่แนบชิดกับอกของเขา ทำให้ณัฐการใจเต้นแรง และพยายามแกะแขนเขาออกจากเอว แต่ยิ่งแกะมันกลับยิ่งแน่น“ขอบคุณที่ทานข้าวเป็นเพื่อน”เธอขอบคุณเขาอย่างละล่ำละลัก ปากสั่นเพราะประหม่า ที่เขาอยู่ใกล้มาก“แค่นี้เองเหรอ” เขายิ้มที่เห็นเธอกำลังประหม่า ดวงตาสั่นไหว“อืม” ณัฐการหลบตาต่ำลงจ่ออยู่ที่อก“แต่ผมอยากทำอย่างอื่นอีก” พูดจบ เขาก็พรมจูบไปทั่วหน้า บดขยี้ริมฝีปากเธออย่างโหยหา“อ่า” ณัฐการทำได้แค่หาจังหวะได้หายใจ เพราะมันรัวไปหมดจนหายใจไม่ทัน“ไม่เจอกันตั้งนานคุณไม่ต้องการมันเหรอ”เขาซุกไซร้จนเธอไม่มีจังหวะปฏิเสธ&n