ธนญ พัศวี และคงทรัพย์ ยืนจ้องมองอรปวีร์ ที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ เนื่องจากเธอพยายามหนี และออกแรงต่อสู้กับลูกน้องของคงทรัพย์ เธอถูกตบไป 2-3 ครั้ง จนใบหน้าแดงช้ำ
“เธอทำตัวน่ารังเกียจ” พัศวีพูดพร้อมกับเบ้ปาก
“พวกนายต่างหากที่เข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน” อรปวีร์เดือดดาน
“ฉันเสียดายที่ครั้งหนึ่งเธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของสืบสาย เพื่อนฉันมันพลาดจริงๆ” ธนญยกมุมปากด้วยความรู้สึกสมเพช
“ที่ลูกน้องฉันทำกับเธอมันก็สมควรแล้ว กล้าหลอกฉัน” คงทรัพย์ตวาดเมื่อเห็นว่าเธอไม่สำนึก และยังกล้าตีฝีปาก
“ก็แกมันโง่ไง” อรปวีร์ยิ้มเย้ยเขา
อรปวีร์ ไม่ได้รู้จักคงทรัพย์ดีไปกว่าพวกเขา ธนญและพัศวีได้แต่มองหน้ากัน และนึกเอาใจช่วยที่เธอบังอาจล่วงเกินคงทรัพย์ขนาดนี้ เขาทั้งสองขอตัวไปดื่มต่อ เพราะเขารู้ดีว่า ทำไมคงทรัพย์ถึงได้เป็นผู้ดูแล ผับอันดับหนึ่งของประเทศ
ผู้หญิงอย่างอรปวีร์คงไม่กล้าไปอีกนาน ถึงแม้จะนึกสงสารและเห็นใจ แต่หากไม่โดนซะบ้าง คนอย่างอรปวีร์ ไม่มีทางจะเข็ดหลาบ ธนญ และพัศวี รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอหลังจากนี้ ครอบครัวของคงทรัพย์ทำธุรกิจสีเทา หากไม่ไปขัดแข้งขัดขา เขาคือเพื่อนที่ดีและพร้อมช่วยเหลือเพื่อนเสมอ แต่หากใครกล้าทำให้พวกเขาโกรธ และเดือดร้อน หรือมีเงินมากพอที่จะจ้าง ให้กระทำการเหนือกฎหมาย ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา ยิ่งกับคนตัวเล็กๆที่ไม่เส้นสายอย่างเธอ กล้ามาด่าเขาว่าโง่ คงไม่ต้องคิดว่าเรื่องมันจะจางหายไปแบบไร้ร่องรอย
หลังจากผับเลิก อรปวีร์ถูกคลุมศีรษะด้วยถุงผ้าสีดำ นำขึ้นรถไปที่ไหนสักแห่ง พร้อมชายฉกรรจ์กว่า 10 คน ซึ่งเป็นลูกน้องของคงทรัพย์ เธอมือเย็นเฉียบ ถูกมัดไว้ด้านหลัง เธอรู้สึกแต่เพียงว่าเธอนั่งรถออกมานานมาก และเสียงต่างๆรอบตัวดูเงียบไปหมด ไม่มีใครพูดอะไร มีแต่ความเงียบ จนกระทั่งถึงจุดหมาย เธอถูกลากลงจากรถตู้สีดำ เข้าไปในโรงงานร้างแห่งหนึ่ง ที่ห่างไกล และล้อมรอบไปด้วยป่า เมื่อถูกเปิดผ้าคลุมออก เธอต้องตกใจ และหวาดกลัวอย่างมาก
“ดาราใหม่ พี่คงให้พามาทำงานที่นี่”
ลูกน้องของคงทรัพย์ที่จับแขนเธอไว้ ผลักเธอไปให้ชายอีกคน
“ปล่อยฉันนะ พวกแกจะทำอะไรน่ะ” อรปวีย์ร้องเสียงหลง เมื่อเธอถูกลากไปเข้าฉากที่เซ็ตไว้สำหรับการถ่ายทำหนังโป้
“เธอกำลังจะได้เป็นดาราดัง” ชายคนที่ลากเธอไปยิ้มเยาะเย้ยเธอ และรู้สึกถูกใจที่ดาราใหม่ของเขางานดีเกรดพรีเมี่ยม
“เอาล่ะ ฉากข่มขืนสาวไฮโซ ขอ 10 คน” ชายผู้กำกับ เรียกหานักแสดงชาย 10 คนที่รออยู่
“ไม่นะ” อรปวีร์กรีดร้องดิ้นรน ทำให้ผู้กำกับชอบใจ เนื่องจากสมบทบาทดีมาก
“พี่โต้ง คนไม่พอพี่ ไอ้พวกนั้นน้ำหมด ทำไงก็ไม่ขึ้น ไม่ไหวตอนนี้ แถมฉากเมื่อกี้ถ่ายไปหลายรอบ หมดก๊อกแล้วพี่”
เด็กกองวิ่งมาบอกเขาอย่างร้อนรน เพราะอรปวีร์ดิ้นขัดขืนแรงมาก กลัวว่าจะเอาไม่อยู่ ต้องรีบเตรียมตัวให้พร้อม
“เฮ่! หัวหน้าการ์ด พวกนายไหวไหม ขอทั้งหมดเลยก็ได้”
ผู้กำกับร้องขอความช่วยเหลือจากคนที่ส่งเธอให้กับเขา
ชายฉกรรจ์กว่าสิบคนถึงกับลูบปาก ได้โอกาสร่วมวงสาวงามขนาดนี้ ผู้ชายเหล่านั้นล้อมวงเธอในสภาพเปลือยเปล่า พร้อมอาวุธของพวกเขาในมือ สำหรับตัวเอกที่ได้เป็นนักแสดงอาชีพที่ฝึกฝนมาอย่างดี และต้องเป็นคนเปิด กลับเป็นชายสูงวัยที่ยังแข็งแรง หนวดเครารุงรัง ด้วยความกลัว เธอดิ้นรนร้องขอจนแทบขาดใจ แต่เหมือนเรื่องปกติสำหรับพวกเขาเหล่านั้น ที่มันเป็นการถ่ายหนัง ไม่ใช่การรุมโทรมหญิง เพราะถึงอย่างไร เขาก็ทำงานภายใต้นักธุรกิจสีเทาที่มีเส้นสายให้รอดพ้นจากคดีข่มขืนกระทำชำเราอย่างง่ายดาย จึงไม่จำเป็นต้องกลัว พวกเขาแสดงฉากนี้ซ้ำไปซ้ำมากว่า 10 รอบจนเป็นที่พอใจ เปลี่ยนคนเวียนวนไปมา จนกว่าจะได้ช็อตที่ถูกใจ
ร่างที่สะบักสะบอมของอรปวีร์ แทบจะไม่มีแรงต่อต้านอีกต่อไป ถูกทรมานด้วยเครื่องเพศหลากหลายขนาด หลากหลายรูปร่าง ในคราวเดียว จนเผลอติดใจในบางครั้ง และก็เจ็บปวดรวดร้าว เหมือนกำลังถูกฉีก จนเมื่อถึงฉากที่ต้องถูกประกบหน้าหลัง เธอถึงกับตาค้าง และกรีดร้องสุดเสียง ก่อนจะสลบไป และถูกนำมาทิ้งไว้ข้างทางในสภาพอิดโรย
การกระทำอุกอาจและเขย่าขวัญ ทำให้เธอถึงกับสติฟั่นเฟือน จึงไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ผู้ที่มาพบและให้การช่วยเหลือ นำตัวส่งโรงพยาบาล และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่แล้วคดีก็กลับเงียบไป อรปวีร์ไม่ได้สำเร็จการศึกษาในปีนั้น การหายตัวไปของเธอเกี่ยวข้องกับพระแพงไม่มากก็น้อย นั่นคือสิ่งที่พระแพงคิด แต่เธอก็ไม่ได้ถามสืบสาย หรือคงทรัพย์ เพราะเธอไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับอรปวีร์อีกต่อไป
งานฉลองจบการศึกษาที่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย มีพิธีการเล็กน้อยในหอประชุม อธิการบดีให้โอวาทนักศึกษาจบใหม่ และตัวแทนนักศึกษาขึ้นกล่าวอำลา หลังจากนั้นก็ทำการถ่ายรูปร่วมกัน และต่างแยกย้ายถ่ายรูปกันเป็นหมู่คณะ วันสุดท้ายของการใช้ชีวิตนักศึกษาในรั้วหาวิทยาลัย ต้องห่างจากเพื่อนๆ ทำให้นับหนึ่งใจหาย และเศร้านิดหน่อย
“หนึ่งเรามาถ่ายรูปกันเถอะ” พัศวีเรียกนับหนึ่งขณะที่กำลังถ่ายรูปกับเพื่อนสาวจากคณะอื่น
“ได้สิ”
เมื่อนับหนึ่งวิ่งไปหาเขา ปรากฏว่าธนญยืนอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ทำให้เธอชะงัก แต่เพื่อนๆ คณะวิทยาศาสตร์ ต่างตะโกนเรียกให้เธอรีบเข้ามา และได้ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างธนญ และพัศวี ส่วนสืบสายนั้นยืนข้างพีมที่เกาะแขนธนญอยู่อีกด้าน เพราะเป็นการถ่ายรูปร่วมกันของนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ภาควิชาเคมี เธอปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้ม และแสดงความยินดีร่วมกันกับเพื่อนๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อแยกย้าย และโบกมือลาคนอื่นๆ ธนญกลับกอดเอวเธอไว้ ไม่ยอมให้เธอจากไป
“ไม่อยากถ่ายรูปกับฉันเหรอ” เขาถามเธอด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ไม่” เธอตอบและแกะมือเขาออก เป็นจังหวะที่พัศวีเห็น จึงยกโทรศัพท์ขึ้นกดรัวชัตเตอร์ ก่อนที่นับหนึ่งจะวิ่งจากไป
งานฉลองการเป็นผู้ใหญ่ ถูกชักชวนโดยเพื่อนสาวคนสนิทของนับหนึ่ง ณัฐการนัดรวมตัวกันที่ ผับอินดีสอีกเช่นเคย สายปาร์ตี้ต้องยกให้เธอ
“ทำไมเราไม่ปาร์ตี้ที่บ้านกันบ้างล่ะ แกติดใจอะไรที่นี่กันนะ” มัสยาถามณัฐการตรงๆ
“ไม่ได้ติดใจอะไร ที่นี่ก็สะดวกดี มีดนตรี มีอาหาร มีบริกร มีหนุ่มๆ สาวๆ ที่ไม่ต้องเชิญ เมาเสร็จกลับบ้าน ไม่ต้องคนงานที่บ้านต้องมาเก็บกวาดให้เหนื่อย”
ณัฐการแจงเหตุถี่ยิบ จนทุกคนหัวเราะออกมา เพราะมันคือความจริง
“มากี่ทีก็ไม่เห็นได้หนุ่มติดไม้ติดมือกลับไปเลย” มัสยาพูดติดตลกและปรายหางตาให้เพื่อนคู่ซี้ของเธอ
“แหมแก จำไม่ได้เหรอ เราเคยได้นะ หล่อจะตายที่ยายหนึ่งจัดให้ไง จำไม่ได้เหรอ” มัสยามองหน้าณัฐการ และหัวเราะพร้อมกัน จนพัฒนารัตน์กับเนื้อน้องจ้องเขม็ง
“เมื่อไหร่ พวกแกไม่เคยบอกพวกชั้นเลย แล้วฉันพลาดไปได้ไง” พัฒนารัตน์ทำเสียงสูง
กลุ่มสาวๆ ถึงกับหัวเราะพร้อมกันออกมาเสียงดัง จากนั้นณัฐการกับมัสยาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น ที่มาเลี้ยงรับขวัญพัศวีให้ฟัง เมื่อเอ่ยถึงพัศวี เขาก็เดินเข้ามาทำสีหน้างงๆ ที่พวกเธอมองหน้าเขาพร้อมกัน
“นินทาฉันเหรอ” พัศวีพูดยิ้มๆ แก้เขิน และนั่งลงโอบไหล่เนื้อน้อง
“ใช่” เนื้อน้องจ้องเขาทำตาเขียวใส่ และสะบัดไหล่หนีอย่างงอนๆ
“เรื่องอะไรกัน” เขากวาดตาและหยุดที่คนต้นเรื่อง
“เอาน่าเรื่องมันนานแล้วแก ก่อนพวกแกจะคบกันอีกนะ”
ณัฐการออกตัวแทนพัศวี ที่เล่าเรื่องของพัศวีกับเกศิตาให้เนื้อน้องฟัง ทำให้พัศวีถึงกับหน้าซีด เมื่อนึกถึงเกศิตา
“ไม่มีอะไรหรอกวี เราคุยกันขำๆ ตอนที่ฉันขอหนุ่มบอร์ดี้การ์ดสุดหล่อให้สองสาวนี่ วันนั้นรัตน์กับน้องไม่ได้มา เธอเลยโวยวายนิดหน่อย” นับหนึ่งหยอด จนพัศวีทำหน้าเข้ม
“ตกลงนี่เธอโกรธฉัน หรือเสียดายหนุ่มหล่อกันแน่เนี่ย” พัศวีแกล้งทำเสียงโกรธ และตามด้วยเสียงหัวเราะ
บรรยากาศของความสุขกำลังไปด้วยดี จนกระทั่งสายตาของนับหนึ่งเหลือไปเห็นใครบางคน นั่งอยู่ในมุมมืดเพียงลำพัง หญิงสาวที่คุ้นตา นับหนึ่งเพ่งมองผ่านแสงไฟสลัว จับจ้องร่างที่เย้ายวนด้วยอกอูมใต้เสื้อเชิ้ตขาวตัวบาง สวมทับกระโปรงสอบสีเข้มแหวกข้างถึงโคนขา เธอคือเกศิตา หญิงสาวที่กำลังพูดถึง เธอกลับมาที่นี่อีกครั้งหลังจากเงียบหายไปเป็นปี จนเป็นที่ผิดสังเกต
“มองใครเหรอหนึ่ง” เนื้อน้องถาม และมองตามเธอไป
“คนที่เราเพิ่งพูดถึง”
นับหนึ่งตอบ และมองพัศวี เมื่อพัศวีเห็นเกศิตา ถึงกับใจเต้นแรง และทำตัวไม่ถูกต่อหน้าเนื้อน้อง เพราะเมื่อเนื้อน้องเห็นเธอ เธอรู้ทันทีว่าสาวนางนั้นคือใคร เพราะเธอจดจำเรือนร่างนั้นได้ขึ้นใจ ต่างคนต่างเงียบ เนื้อน้องสงบนิ่ง พัศวีทำเป็นไม่สนใจ
“ทำไมเงียบจัง”
สืบสายเพิ่งมาถึง พร้อมกับธนญ ที่ทำให้ทุกคนลืมเรื่องของพัศวีกับเกศิตาทันที ถึงกับตาลุกวาว ธนญไม่มารวมกลุ่มกับพวกเธอแบบนี้โดยที่มีนับหนึ่งอยู่ด้วยนานแล้ว
“ลมไรหอมมาคะคุณธนญ” มัสยาทักทายแบบแดกดันเล็กน้อย เพราะเธอเจ็บใจแทนเพื่อน
“คิดถึง” เขาตอบสั้นๆ
“ว่าว!” สี่สาวร้องพร้อมกัน ยกเว้นนับหนึ่งที่นิ่งเงียบ ทำหน้าเฉยไร้อารมณ์
“เอาหละมาสนุกกันดีกว่า” สืบสายดึงความสนใจ
“นายไม่พาแฟนมาแนะนำเพื่อนบ้างเหรอ” พัศวีแกล้งแหย่ที่เขาดึงความสนใจคนอื่นๆ จากธนญและนับหนึ่ง
“งานฉลองจบ แค่พวกเราสิ มหาลัยอื่นไม่เกี่ยว”
สืบสายแสยะยิ้มดักทางพัศวี พร้อมกับยกแก้วชวนเพื่อนๆดื่มฉลองพร้อมกัน ทำให้บรรยากาศ อึมครึม เมื่อสักครู่ถูกลืมจนสิ้น แม้จะทำเป็นนิ่งเฉย แต่ภายในใจของเนื้อน้องกังวนอยู่ไม่น้อย เธอขอตัวไปเข้าห้องน้ำ โดยที่ไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเดินตามเธอมา
“เธอเป็นใคร”
หญิงสาวที่ตามมา กระชากแขนเนื้อน้องเข้าชิดผนังทันทีที่เขาไปในห้องน้ำหญิง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น จึงรู้ว่าคนที่ฉุดเธอไว้คือเกศิตา สีหน้าท่าทางและแววตาของเธอดูน่ากลัว และเอาเรื่อง
“ฉันไม่รู้จักคุณ” เนื้อน้องตอบและสะบัดแขนเธอออกอย่างแรง
“แต่เธอรู้จักพัศวี” เกศิตาตวาดเสียง
“เธอรู้จักเขาก็ไปถามเขาสิ ว่าฉันเป็นใคร”
เนื้อน้องไม่ได้เกรงกลัวเธอแม้แต่น้อย เมื่อมันเป็นเรื่องของพัศวี แม้จะรู้เรื่องราวของเกศิตามาก่อนบ้างแล้ว และเธอทำได้ขนาดที่ส่งคนไปทำร้ายเขาปางตาย
เกศิตาเงียบ สีหน้าดุดันและเดินออกไปจากห้องน้ำอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ต่อหน้าเธอจะทำท่าไม่กลัวเกศิตา แต่ภายในนั้นสั่นจนแทบยืนไม่ไหว เนื้อน้องสงบใจสักพัก หลังจากทำธุระเสร็จ เธอมองตัวเองในกระจกและพูดกับตัวเอง เธอจะไม่ยอมแพ้ผู้หญิงคนนั้น และเธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาใกล้พัศวี
เมื่อเธอเดินออกมาจากห้องน้ำ เนื้อน้องต้องตกตลึง ที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจูบพัศวีที่ทางเดิน ระหว่างทางแยกของห้องน้ำหญิงและชาย
“ฉันบอกให้คุณมาถามเขา ไม่ใช่ให้มาจูบเขา” เนื้อน้องพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเย็นชา ทำให้พัศวีรีบผลักเกศิตาออก
“เราแค่รำลึกความหลังกัน” เกศิตายิ้มยั่วยวนให้เขาก่อนจะหันมายิ้มเยาะเย้ยเธอ
“เสร็จหรือยังคะวี เรามาฉลองจบ เพื่อนๆ รออยู่ คนอื่นไม่เกี่ยว”
เนื้อน้องยิ้มหวานให้เขาไม่ต่อว่า ไม่โวยวาย และแทรกตัวเข้าไปกอดแขนของเขาลากเดินจากไป ทิ้งให้เกศิตาจ้องตาลุกเป็นไฟ ส่วนพัศวีได้แต่แอบยิ้ม แต่ไม่พูดอะไรเพราะรู้ตัวว่าตัวเองทำผิด
“ไปสิ วีนั่ง ยิ้มหน่อย น้องโอเค”
เธอปรับสีหน้าปกติ ก่อนจะผลักให้เขานั่งลง แต่นับหนึ่งสังเกตเห็นเกศิตา เดินตามมาห่างๆ และจ้องมาทางพวกเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว นับหนึ่งเอียงคอกระซิบบางอย่างกับณัฐการ แต่ทำสีหน้าเรียบเฉยปกติ
ถึงแม้นับหนึ่งจะพยายามปกปิดอะไรบางอย่าง แต่ธนญก็สังเกตได้ ว่าเธอกำลังมองใครอยู่อีกฟากหนึ่ง เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาจึงสวมบทนักล่า เพื่อทดสอบความคิดของตัวเอง เขาลุกออกไปจากกลุ่ม เดินตรงไปหาเกศิตาหญิงสาวที่นั่งอยู่ในมุมมืด
“นั่งด้วยสิ”
เมื่อหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ วันนี้เธอดูแตกต่าง ชุดที่เธอสวมใส่ดูเรียบร้อย เธอคงเพิ่งเลิกงานและตรงมาหาความสุขเพียงลำพัง เธอคงมาหาผู้ชายเหมือนเคย แต่ดันเจอคู่ปรับที่เหมือนจะติดใจเป็นพิเศษ ท่าทางชูคอราวกับนางพญายังคงอยู่ ผิดแต่ดวงตาที่เศร้ากำลังจ้องมองเพื่อนของเขา
“ยินดีค่ะ” เธออนุญาตเขาอย่างไม่ลังเล
“ไม่เจอนานเลยนะ”
“งานยุ่งค่ะ” เธอตอบเขาสั้นๆ จิบเครื่องดื่ม แต่ยังมองพัศวีไม่วางตา
“ชอบพัศวีสินะ” เขายิ้ม
“แค่อยากได้”
เธอฉีกยิ้มและหันมองหน้าเขา อยากรู้ว่าเขามาคุยกับเธอทำไม ทั้งที่เมื่อก่อนเธอเข้าหาเขา เขากลับปฏิเสธเธอ
“อยากนอนกับผมไหม”
เขาถามตรงๆ จนเธอต้องหัวเราะออกมาดังๆ จนนับหนึ่งจ้องเขม็ง เพราะอยากรู้ว่าธนญคุยอะไรกับเธอ
“ไม่”
“ทำไมล่ะ เมื่อก่อนตื๊อผมจะตาย” เขายิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ฉันมีคนที่อยากได้แล้วตอนนี้” คำตอบของเธอทำให้เขาหัวเราะออกมา
“เขาอยู่กับแฟนเขา คุณจะทำยังไงล่ะ ถึงจะได้เขา ผมว่างนะ” ธนญ รุกกลับทีเล่นทีจริง
“เชอะ แฟนคุณก็อยู่ อย่ามาทำเป็นอยากได้ฉัน ผู้หญิงคนนั้นร้ายจะตาย”
เกศิตายังจำนับหนึ่งได้ ที่ต่อรองกับเธอให้ไปกับพัศวี จนเธอติดใจ และหลงรักเขาขึ้นมา ผู้หญิงคนนั้นทำให้เธอแทบบ้าที่เอาแต่คิดถึงพัศวี
ขณะที่ทุกคนเฝ้ามองสิ่งที่ ธนญ กำลังทำอยู่ ในใจของนับหนึ่งนั้นเต้นแรงอย่างกับกลองรัว แต่ต้องทำทีไม่สนใจและนิ่งไว้ ไม่พูดไม่ออกความคิดเห็นใดๆ
“หล่อนอยากได้นาย หล่อนหวงนายใส่ฉัน” เนื้อน้องพูดขึ้นมา ทำให้พัศวีหน้าเสีย
“เขามาจูบฉันเอง” พัศวีเฉไฉ
“แต่นายก็ชอบ” เนื้อน้องรู้ทัน
“อืม” เขาตอบรับ ทำให้เพื่อนคนอื่นจ้องเขา
“หล่อนอยากรู้ว่าฉันเป็นใคร” เนื้อน้องเล่าต่อ
“แล้วเธอบอกเขาว่าไง” พัศวีมีแววกังวน
“ฉันไม่รู้จักหล่อน ในเมื่อหล่อนรู้จักนายก็ให้ไปถามนายเอง แล้วพวกนายก็จูบกัน ก็แค่นั้น” เนื้อน้องพูดจบก็มองเขานิ่งๆ
“เขาออกมาตอนฉันไปห้องน้ำพอดี เขาตรงมาจูบฉันเลยไม่ทันตั้งตัว” เขาพูดตามความจริง
“เอาหละ ในเมื่อหล่อนอยากได้ เธอจะยอมเหรอ” สืบสายถามเธอตรงๆ เพราะไม่เห็นเธอหึงหรือโกรธเขาเลย
“ไม่มีทาง” เนื้อน้องเสียงแข็งทันที ทำให้พัศวียิ้มออกมาอย่างพอใจ
เพื่อนสาวต่างพร้อมใจตบมือให้กับเนื้อน้อง ทำเอาพัศวีเขินจนม้วน และแก้เขินด้วยการหอมแก้มเนื้อน้องแทนคำตอบว่าเขาไม่มีทางไปไหน เพราะเขามีเธอแล้ว
“ผมว่าคุณถอนตัวเถอะ” ธนญแนะนำ
“ฉันอยากชนะ” เกศิตาค่อนข้างถือตัวว่าเก่ง เธอคิดว่าตัวเองเอาชนะเขาได้
“คุณมีผู้ชายตั้งมากมาย จะอยากได้เขาไปทำไมกัน” ธนญ เริ่มอยากรู้จักเธอ และสงสัยที่เธอติดใจพัศวี
“เพราะผู้หญิงคนนั้น” เกศิตาจ้องไปที่เนื้อน้อง หญิงสาวที่ไม่มีอะไรเหนือกว่าเธอเลยสักนิด
“เธอเป็นแฟนเขา เธอมาทีหลังคุณด้วยซ้ำ แต่เขาก็เลือกเธอ”
เธอจะชนะเนื้อน้องได้อย่างไร ในเมื่อเนื้อน้องมาทีหลังแต่สามารถกุมหัวใจเขาได้ ถึงเธอจะไม่สวยมาก หุ่นไม่ได้เร้าใจแบบเกศิตา แต่เธอกลับชนะใจเขาแบบไม่รู้ตัว และเกิดจากความผูกพันโดยแท้จริง ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผ่านมา
ธนญจากมาหลังจากคุยกับเธอได้สักพัก ทำให้ทุกคนต่างลุ้นและอยากรู้ว่าเขาพูดคุยอะไรกับเกศิตา รวมถึงพัศวี และนับหนึ่ง
“ฉันไปถามเขาว่าอยากนอนกับฉันไหม” คำตอบของธนญทำให้ทุกคนอึ้ง และนับหนึ่งหน้าถอดสี
“ไม่ล่ะสิ” สืบสายตอบแทน
“เขาอยากได้ไอ้วี ไม่ใช่เพราะแกหรอก เพราะเนื้อน้องน่ะ” ธนญทำให้ทุกคนงงอีก
“ทำไมล่ะ” เนื้อน้องถาม
“ก็เธอสู้เขาไม่ได้อย่างไรล่ะ เขาเลยเสียหน้าที่เธอได้วีไป”
นับหนึ่งตอบแทน เพราะเธอทันเกมส์ผู้หญิงคนนี้ และเข้าใจความคิดของเธอ เพราะเธอเคยควบคุม เคยชนะ เธอจะไม่ยอมแพ้คนธรรมดาอย่างเรา คำตอบของนับหนึ่งทำให้ ธนญ ถึงกับแอบยิ้ม ที่เธอฉลาดและทันความคิดของผู้หญิงคนอื่น และตอบโต้ได้ดีเสมอ
“ไอ้หนึ่ง แกว่าน้องไม่สวยเหรอ” พัฒนารัตน์ ทำเสียงขึงขัง แต่ก็หลุดหัวเราะออกมา
“สวยสิ เพื่อนฉันสวยอยู่แล้ว แต่เขาสวยกว่า อึ๋มกว่า รูปร่างน่าจุดจุดจุด กว่า” นับหนึ่งหัวเราะเต็มเสียง
“ขนาดฉันยังชอบเลย”
เนื้อน้องถึงกับเผลอลืมตัว เมื่อนึกถึงเรือนร่างของเกศิตาขณะที่มีอะไรกับพัศวี จนพัศวีอึ้งในคำพูด
ธนญ จิบเครื่องดื่มของตัวเอง แอบมองใบหน้าของนับหนึ่งจากด้านข้าง ยามที่เธอหัวเราะเต็มเสียง และหยอกล้อกับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนาน พ้นวันนี้ไป ทุกคนจะเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ชีวิตต้องก้าวสู่สังคมใหม่แห่งวัยทำงาน หรือการเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น และยากขึ้น
“นญ วันนี้นายจะไปส่งหนึ่งไหม” ณัฐการถามเขาขึ้นมาดื้อๆ
“ไม่” นับหนึ่งค้าน
“ไม่ ฉันนัดคนอื่นไว้” เขาตอบเสียงเรียบ
“ไหนว่าเขาไม่นอนกับนาย” พัศวีออกตัวแทนนับหนึ่ง
“นัดคนอื่น” ธนญ ยิ้มให้พัศวี
“โอเค งั้นฉันเรียกรถให้แกเหมือนเดิมนะ”
ณัฐการหันไปพูดกับนับหนึ่งด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ก็แอบกังวนความรู้สึกของนับหนึ่ง นับหนึ่งยิ้มรับ และดื่มเครื่องดื่มของตัวเอง ต่อเนื่องจนหมด ก่อนจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ
โดย ธนญ แอบเดินมาห่าง ๆ และหยุดรอเธอที่หน้าทางเข้า ก่อนจะได้ยินเสียงคนโก่งคออาเจียน ทำให้เขารู้ว่า นับหนึ่งกำลังเมามาก แต่พยายามฝืนร่างกายตัวเอง และคองสติไว้ เสียงดังอยู่ราว 2-3 ครั้ง จากนั้นก็เงียบไป เธอเดินออกมาด้วยใบหน้าที่เปียกชื้น และต้องตกใจที่เห็นเขายืนอยู่
“เธอเมามากแล้ว ปกติไม่เคยเห็นเธอถึงกับอาเจียน” เขาทักขึ้น เมื่อเห็นเธอเซ จนต้องเอามือท้าวผนัง
“ไม่เป็นไร ดีขึ้นแล้ว” นับหนึ่งพยายามควบคุมตัวเอง
“กลับเถอะ ฉันไปส่ง” เขาเข้ามาประคองแขน แต่นับหนึ่งพยายามบิดออก
“คนอื่นรออยู่ นายมีนัดก็ไปสิ ฉันไม่เป็นไร” นับหนึ่งกำลังพูดถึงใคร เพื่อนๆ หรือใคร ทำให้ธนญเดา
“นับหนึ่งเมามาก อาเจียน ฉันจะพากลับบ้าน”
ธนญ โทรหาสืบสาย เพื่อนๆ จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง เขาประคองเธอไปที่รถ ก่อนที่ณัฐการ จะนำกระเป๋าและโทรศัพท์ของนับหนึ่งมาให้
“ดีแล้วที่นายไปส่ง ถ้าเมาแบบนี้ฉันไม่ไว้ใจให้คนรถไปส่งเท่าไหร่”
ณัฐการขอบคุณเขา และโล่งอกที่ ธนญ จะเป็นคนไปส่งเธอเอง
นับหนึ่งหลับไป ธนญลังเลที่จะไปส่งเธอที่บ้าน หรือจะไปที่คอนโดริมน้ำของเขา เพราะมันไม่ไกลจากที่นี่ และตัวเขาเองก็ดื่มไปมากพอกัน เมื่อคิดถึงแอลกอฮอล์ขึ้นมา ทำให้เขาตัดสินใจพาเธอไปที่คอนโดของเขาแทน เพราะมันใกล้มากและ ไม่ต้องเสี่ยงกับด่านตรวจจับปริมาณแอลกอฮอล์อีกด้วย
ธนญอุ้มนับหนึ่งไปวางที่เตียง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ ม่านบังแสงถูกเปิดออกจนมองเห็นทิวทัศน์ข้างนอกอย่างชัดเจน แสงรำไรจากด้านนอก ทำให้สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวภายใน โดยไม่ต้องเปิดไฟส่องสว่าง ร่างที่นอนสงบนิ่งของเธอทำให้เขารู้ว่าเธอเมามากเพียงใด
เขาได้แต่นั่งอิงหมอนหนุนหลัง เฝ้ามองเธอที่เก้าอี้นอน เบาะหนังติดผนังกระจก แทนการนอนชมทัศนียภาพของแม่น้ำ เจ้าพระยาที่ทอดยาว ในชุดเดิมที่สวมใส่ กางเกงขายาวเล็กพอดีขาแนวตรง เสื้อเชิ้ตสีดำพอดีตัวพับแขนขึ้นมาเหนือศอก และผล็อยหลับไปในที่สุด
นับหนึ่งสะดุ้งตื่น ราวตี 5 ข้างกายเธอไม่มีใคร แต่ร่างกายของเธอได้ถูกเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเตียงที่กำลังนอนอยู่ไม่ใช่เตียงของเธอ ทำให้เธอตกใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อสายตาปรับแสงอ่อนๆ ที่ผ่านเข้ามาในห้องเพราะใกล้รุ่งสาง เจอจึงเห็นเขานอนตะแคงคุดคู้ อยู่ที่เก้าอี้นอนตัวเล็กในชุดเดิม เธอจำได้ทันทีว่ามันคือห้องของเขาที่คอนโดริมน้ำ
นับหนึ่งเดินเข้าไปใกล้ที่เขานอนอยู่ นำผ้าห่มผืนบาง ที่ปลายเตียงไปห่มให้เขา เพราะช่วงเช้ามืดอุณหภูมิลดต่ำ ลงมาก ทันทีที่ผ้าผืนบางสัมผัสแขนของเขา ทำให้ ธนญ รู้สึกตัวตื่น และจับมือเธอไว้และดึงเธอมากอดในอ้อมแขน เก้าอี้ที่เขานอนอยู่เป็นเก้าอี้นอนขนาดใหญ่ สามารถนอนด้วยกันในท่าตะแคงได้สบายๆ
เขากอดนับหนึ่งอยู่อย่างนั้นและหลับต่อจนถึงเช้า แม้ในตอนแรกนับหนึ่งจะตกใจ แต่เมื่อเขาหลับไป เธอกลับรู้กสึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ทำให้หลับไปอีกครั้งพร้อมกับเขา
ร่างของเขาตะกองกอดนับหนึ่งไว้ ให้เธอหนุนที่แขนของเขา และคลุมด้วยผ้าห่มผืนบางแค่ช่วงลำตัว แสงแดดอ่อนรำไร ส่องผ่านกระจกใส ทำให้เขารู้สึกตัว จึงก้มลงจูบเธอที่แก้มอย่างแผ่วเบา เป็นการปลุก ที่ไม่อยากปลุกเสียทีเดียว
“เช้าแล้วหละ” เขากระซิบเบาๆ เมื่อเธอเริ่มขยับตัว และบิดขี้เกียจ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่านอนหนุนแขนของเขา จึงรีบลุกขึ้นเพราะเขาคงเมื่อย และอาจเป็นเหน็บชา
“ขอโทษ”
“อืม” เขายืดแขนตัวเอง และบีบคลำ นวดมันเบาๆ
“ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่ล่ะ” นับหนึ่งถามอึกอัก
“เธอเมามากน่ะ” เขาตอบพร้อมทั้งปลดกระดุมเสื้อออก ทำให้นับหนึ่งมองเห็นรอยแผลที่เขาช่วยเธอไว้ในป่าจางๆ
“แล้วนายล่ะ”
“ฉันทำไม” เขาถามเธออย่างฉงน ที่เธอเอาแต่มองหน้าอกของเขา
“มีนัดไม่ใช่เหรอ” นับหนึ่งเบือนหน้าหนี เมื่อถูกจับได้
“ยกเลิกไป แล้วมากับเธอแล้วนี่ไง ฉันก็เมา ไปส่งที่บ้านไม่ได้ มันไกลไป”
เขาตอบพร้อมถอดเสื้อและลุกไปที่ห้องน้ำ เพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า โดยไม่สนใจที่นับหนึ่งนั่งอยู่ เขาทำตัวปกติเหมือนตอนที่ยังคบกันอยู่ แม้จะไม่นอนด้วยกันนานแล้ว
“เสื้อผ้าฉันอยู่ไหน นายเป็นคนเปลี่ยนให้ฉันเหรอ” นับหนึ่งมองหาชุดที่ใส่ไปเมื่อคืน และตะโกนถามเขาที่อยู่ในห้องน้ำ
“อยู่ในตะกร้า มันเหม็นอวกเธอมาก” คำตอบของเขาทำให้เธออาย เมื่อมองเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ เป็นเสื้อและกางเกงของเขา ที่เมื่ออยู่บนตัวเธอมันดูโคร่งไม่พอดีตัว
เขาพันผ้าเช็ดตัวออกมา กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เธอคิดถึงการได้สัมผัสเขา โดยเฉพาะแผงอกที่หนา แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ และรอยแผลคาดยาวจางๆ ชวนให้สัมผัส
“อาบน้ำสิ เดี๋ยวลองดูว่าจะมีชุดอื่นให้ใส่กลับไหม”
เขาบอกให้เธอรีบไปอาบน้ำ เพื่อที่เขาจะได้ไปส่งเธอ มันทำให้นับหนึ่งผ่อนคลาย และโล่งใจ เพราะความตึงเครียดของร่างกายที่ได้สัมผัสเขาในตอนเช้า มันทำให้เธอกลัวการลงเอยที่เตียงกับเขาเป็นอย่างมาก
“เป็นอะไรดูเคร่งเครียดจัง” เธอรีบเดินผ่านเขาไป แต่ไม่ทันจะได้ก้าวพ้นเข้าประตูห้องน้ำ เขาก็คว้าตัวเธอไว้ก่อน
“อ๊ะ!”
นับหนึ่งตกใจจนสะดุ้งโหยง และขนลุกซู่ ทันทีที่เขาตวัดสัมผัสที่รอบเอว ทำให้เขารับรู้บางอย่างที่เธอทำตัวแปลกๆ พลันนับหนึ่งรีบผลักเขาออก
“ม่ะ ไม่มีอะไร” เธอพูดตะกุกตะกัก
นับหนึ่งอยู่ในห้องน้ำครู่หนึ่ง ตัดสินใจพันผ้าเช็ดตัวออกมา และมองหาเขา ก่อนจะก้าวข้ามประตูห้องน้ำออกมา หยดน้ำที่เกาะพราวอยู่เหนือเนินอกอวบอิ่มที่พันด้วยผ้าขนหนูสีขาวสะอาด ขับผิวใสอมชมพูให้เด่นขึ้น
“หาอะไร” เขาถาม เมื่อเห็นเธอทำท่าลับๆล่อๆ
“จะให้ฉันใส่ชุดไหน” เธอเอามือปิดเนินอก เมื่อเขาเอาแต่จ้องมองมัน เขาแอบอยู่ข้างประตู ซุ่มอยู่เงียบๆ
“ใส่ชุดนี้ก็ดีแล้ว”
เขายิ้มยั่ว จนทำให้นับหนึ่งหน้าแดง ผมยาวที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก เผยให้เห็นลำคอ และติ่งหูที่แดงซ่านจากการที่เลือดสูบฉีด เขาสวมกางเกงผ้ายืดสีเทาตัวยาวเพียงตัวเดียว เหมือนยังไม่พร้อมจะเดินทาง หมายความว่ากำลังดึงเวลาให้อยู่ต่อไปในสภาพกึ่งเปลือยไปอีกนานเท่าใด นับหนึ่งคิดเช่นนั้นจึงหันหลังให้เขา
“คิดทะลึ่งอีกล่ะสิ” เขาพูดพร้อมกับจูบที่ต้นคอเธอเบาๆ ทำให้เธอขนลุก ในมือถือถ้วยกาแฟดำร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น
นับหนึ่งเบี่ยงตัวออกและเดินไปหาเสื้อผ้าในตู้ ที่มีแต่เสื้อผ้าของเขาที่ค่อนข้างตัวใหญ่ แต่ต้องสะดุดตากับเสื้อผ้าผู้หญิงชุดหนึ่ง ในเมื่อที่นี่เป็นห้องของเขาทำไมถึงมีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่ด้วย เมื่อเธอเงียบไป ทำให้เขาต้องหันไปมองว่าเธอทำอะไรอยู่
ธนญตกใจ ที่ในมือนับหนึ่งมีชุด เสื้อผ้าผู้หญิงที่เขาคุ้นตาอยู่ มันเป็นชุดของพิชญา ที่เคยมาค้างกับเขาที่นี่ซึ่งนานมาแล้ว เขาไม่เคยสังเกตเลยว่ามีชุดนี้แขวนอยู่
“ชุดของใคร” นับหนึ่งถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่แววตาขุ่นมัว เขากำลังทำกับเธอเหมือนเจ้าของชุดนี้อย่างนั้นหรือ
“ผู้หญิงคนก่อนคงลืมทิ้งไว้” เขาตอบตามความจริง เพราะนอกจากนับหนึ่งในตอนนี้เขาก็ไม่ได้พาใครมาที่นี่อีก
“ผู้หญิงคนนั้นคงเดินแก้ผ้ากลับไป” น้ำเสียงที่กวนอารมณ์ของเธอทำให้เขาถึงกับชักสีหน้า
“ถ้าอยากใส่มันก็ใส่ได้นะ เพราะเจ้าของมัน คงไม่มาเอาคืนหรอก”
เขาพูดได้หน้าตาเฉย ทำให้นับหนึ่งกระแทกแขวนมันไว้ที่เดิม และหยิบเสื้อเชิ้ตตัวยาวของเขามาใส่แทน พับแผนเหนือศอกก็กลายเป็นชุดแซกตัวยาวสบายๆ ม้วนผมหลวมๆ ไว้กลางศีรษะ และไม่ลืมมองหาชุดชั้นในตัวน้อยของเธอ ที่เขาเอาไปซุกไว้ในตะกร้าเดียวกับชุดที่เต็มไปด้วยอาเจียน นับหนึ่งจึงได้แต่ทำใจ และถอนหายใจออกมา
นับหนึ่งหยิบเสื้อผ้าของเธอเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ และจัดการทำความสะอาดมันโดยเปิดก๊อกน้ำให้ไหลผ่านคราบสกปรกที่ติดอยู่ จากนั้นจึงใช้ครีมอาบน้ำขยี้ชุดชั้นในและ ชุดเดรสเนื้อบาง อย่างเบามือ และแขวนมันไว้ในห้องน้ำก่อนจะใช้ดรายค่อยๆเป่าให้แห้งที่ละชิ้นเมื่อเขาเห็นเธอหายเข้าไปในห้องน้ำนานผิดปกติทั้งที่เตรียมกาแฟดำไว้ให้นานแล้ว จึงเดินเข้ามาดู จึงเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว ที่เธอรีบจนไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย“ฉันเตรียมกาแฟดำไว้ให้ ไปดื่มก่อนสิ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”และดึงดรายกับชุดที่เธอเป่าอยู่ออกจากมือ“ทำอะไร”นับหนึ่งพยายามดึงมันกลับ เพราะเขากำลังจับเสื้อผ้าของเธอเปล่าดรายแทนเธอทันทีที่สั่งให้ไปดื่มกาแฟ“เดี๋ยวฉันทำให้ เธออกไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาอยู่ หรือ กำลังถ่วง”เขาพูดพร้อมกับสั่งให้เธอออกไป แต่กลับทิ้งเสียงกล่าวหาว่าเธอต้องการถ่วงเวลาเพื่ออยู่กับเขา“ฉันไม่ได้ต้องการมาที่นี่ และไม่เคยต้องการเจอกับนาย
เกศิตาที่กำลังว้าวุ่นเรื่องของพัศวี เธอไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของเขาได้ ทำให้ต้องเอาอารมณ์ไปลงที่งาน แม้การประชุมในวันนี้จะสำคัญต่อเธอและบริษัท แต่การประชุมทำให้เธอไม่สามารถเก็บอารมณ์ที่ขุ่นมัวไว้ได้ ทำให้หุ้นส่วนทางธุรกิจบางคนไม่พอใจ และเกิดการโต้เถียงขั้นรุนแรง เกี่ยวกับการปรับผังโครงสร้างบริษัทและกลยุทธ์การตลาดที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของโครงสร้างใหม่“ในฐานะที่ดิฉันเป็นประธานบริหารโครงการนี้ ดิฉันขอให้ทุกท่านกลับไปพิจารณาและปรับแก้แผนงานมาใหม่ อีก 2 วัน เรามาประชุมกันใหม่ ถ้าทำไม่ได้ดิฉันพร้อมยุบโครงการทันที”ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและมีพลัง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ จนกระทั่งเธอเดินออกไป ในบรรดาผู้บริหารที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเก่าแก่ ถึงกับตบโต๊ะ แสดงความไม่พอใจ และรวมกลุ่มที่จะต่อต้านเธอ“นังเด็กเมื่อวานซืน คิดว่าตัวเองแน่มาจากไหน วันๆ ทำแต่เรื่องฉาวโฉ่ แต่ยังกล้าชูคอเป็นนางหงส์ เป็นแค่ลูกนอกสมรส ของประทานคนก่อน กล้ามาผยอง”
ปารวัตรวางแฟ้มเอกสารข้อมูลที่เกศิตาสั่งให้ไปสืบ ลงบนโต๊ะของเธอ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ประวัติของคุณเนื้อน้องที่เจ้านายสั่งให้ไปสืบครับ” เขารายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเกศิตาหยิบมันขึ้นมาดู พบรูปถ่าย หลายใบ ของคนใกล้ชิด เพื่อน และพัศวีที่ยืนกอดรัดแสดงความรักต่อกัน เธออ่านประวัติของเนื้อน้อง จึงรู้ว่า เกศิตาจะกำจัดเธอได้อย่างไร เพราะครอบครัวของเนื้อน้อง ทำธุรกิจภายใต้สังกัดของบริษัทที่เธอดูแล และที่สำคัญ ตอนนี้เนื้อน้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจของครอบครัว“ขอบใจ นายเตรียมข้อมูลประชุมให้ฉันด้วย แล้วก็วันนี้หลังจบประชุม นายไปทำงานต่อที่คอนโดกับฉัน”เธอสั่งเขาอย่างเฉียบขาด แม้จะบอกว่าทำงาน แต่เขารู้ดีว่างานที่เธอต้องการให้เขาทำนั้นคืองานอะไร“ครับ”หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ปารวัตรขับรถมาส่งเกศิตาที่คอนโดและตามขึ้นไปที่ห้องพัก ขณะที่กำลังเข้าไปในลิฟท์ที่ชั้นจอดรถอยู่นั้น มีเสียงคนตะโกนขอให้รอพวกเขาก่
หลังจากจบการประชุม ปารวัตรเดินตามเกศิตามาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ฉันมีงานที่ไหนต่อไหม วันนี้” เกศิตานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ดึงแฟ้มงานที่รอการลายเซ็นอนุมัติของเธอก่อนจะถามเขา“หกโมงเย็นมีนัดทานอาหารค่ำกับลูกค้า บริษัทคัลเลอร์เวฟ คุณทรงกลด กับคุณนพดล ผมจองร้านอาหารให้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าคุณเกศจะมีแพลนต่อที่อินดีสเหมือนเคยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ติดต่อสำรองที่นั่งไว้ให้ เพราะช่วงสุดสัปดาห์อาจจะมีคนมาใช้บริการมากเป็นพิเศษ”เขาถามเธอเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะแขกทั้งสอง เป็นลูกค้า VIP ของพวกเขา“อืม จัดการได้เลย”“ครับ”ทันทีที่ได้คำตอบ เขาประสานงานและคอนเฟิร์มกับผู้จัดการทันที เพราะเขาได้ติดต่อล่วงหน้าไว้แล้วค่ำคืนนี้ ไม่เพียงแต่แขก VIP ของเกศิตา หากแต่มีแขก VIP ของณัฐการด้วยเช่นกัน เธอก็เลือกใช้อินดีสเป็นสถานที่รับรองลูกค้า วันนี้เธอแต่งตัวพร้อมกับการทำงานแ
วันคืนที่อยู่ด้วยกันมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน รุ่งขึ้นพัศวีจะต้องออกเดินทางแล้ว เขากอดเธอไว้แน่น จนแทบจะประสานเป็นร่างเดียวกัน“วีไม่อยากห่างจากน้องเลย น้องไปเรียนต่อที่อเมริกากับวีเถอะนะ หรือไปเที่ยวก่อนก็ได้”พัศวีพยายามเกลี้ยกล่อมเนื้อน้อง เหมือนเด็กน้อยที่กำลังอ้อนแม่ ให้อยู่เล่นด้วยกันก่อน เพราะแม่มัวแต่ทำงาน“ไม่ได้หรอกวี น้องมีงานต้องทำ มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ” เนื้อน้องตอบเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าวีอยู่ที่โน่น แล้วทนคิดถึงน้องไม่ไหว ต้องทำเรื่องนั้นกับคนอื่น น้องจะเสียใจไหม”เขาถามเธอจากใจจริง เพราะที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยห่างหายจากเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งได้คบกับเธออย่างจริงจัง ทำให้เขาหยุดการมีใครต่อใครมากหน้าหลายตาได้ และเขาเองก็ไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว“ก็คงเสียใจ แต่น้องไม่โกรธวีหรอก น้องเข้าใจ” น้ำเสียงของเธอเศร้าลง“สองปีหรืออาจจะมากกว่าเลยนะ”&n
การประชุมเริ่มขึ้นไม่ถึง 10 นาที เกศิตาก็ตกเป็นเป้าสายตา และถูกเปิดประเด็นให้ได้โจมตีทันที เพราะร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ที่ต้นคอ สายตาที่ปารวัตรชำเรืองมองปฏิกิริยาจากด้านข้าง แสดงออกถึงความกังวน เพราะเขาไม่อยากให้เธอเปิดศึกภายในกับคนในบริษัทเพียงเพราะเรื่องพวกนี้ แม้เกศิตาจะพยายามแสดงออกถึงความมั่นใจ และไม่แคร์ต่อคำวิพากวิจารณ์ของคนอื่น แต่ลึกๆ เธอกลับเก็บมันมาใส่ใจ และคิดแค้นคนเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา“ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน วันนี้พวกเราหลายคนต่างเห็นพร้องต้องกันว่าคุณเกศิตา ควรลงจากตำแหน่งประธานบริษัท”นายพันธุ์ภพ ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง เป็นคนกล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงที่กำลังถกเถียง เรื่องความสามารถของเธอไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลยสักนิด จนทำให้เกศิตา ที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ ถึงกับโน้มตัวมาข้างหน้า และท้าวแขนทั้งสองลุกขึ้น ด้วยท่าทีนิ่งเฉย“ดิฉันยังไม่เห็นว่า การที่ดิฉันบริหารงานในฐานะประธานบ
ปารวัตรและณัฐการก่ายกอดกันจนถึงเช้า แสงแดดอ่อนที่สาดส่องผ่านม่านพลางแสง ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ร่างเปลือยเปล่าอวบอัดขาวเนียนที่ก่ายกอดเขาอยู่ยังคงนิ่งสงบ เขานึกขำที่เธอนอนขี้เซา และมักละเมอสัมผัสเขาในยามเช้า เขาสงสัยว่าณัฐการฝันถึงเรื่องใด และพยายามปลุกพญางูของเขาเสมอ“ตื่นสิ” เขาจูบเธอที่หน้าผาก ก่อนจะประกบมันที่ปากเรียวบาง พญางูกำลังตื่น แต่ณัฐการยังคงหลับใหล“อ่า” เธอครวญคราง เมื่อเขากำลังสำรวจปากถ้ำ และเข้าหาเธออย่างไม่ยากเย็น“นี่เป็นการไถ่โทษ จาก 2 ครั้งก่อน”เขากระซิบเธอที่ข้างหู ก่อนจะเม้มริมฝีปากลงบนติ่งหูนุ่มนิ่มและซุกไซร้ไปตามลำคอ พร้อมจังหวะเข้าออกอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ ค่อยๆ ก่อเพลิงสวาททีละนิดให้กับเธอราวกับอยู่ในความฝันอันแสนเคลิบเคลิ้มมือเล็กนิ้วเรียวยาว ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง บางจังหวะเล็บยาวที่ถูกแต่งแต้มก็ครูดไปตามผิวหนังจนรู้สึกแสบเจ็บแปลบ จนร่างกายของเขาต้องกระตุก ให้จังหวะเร้าตา
พระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ทอประกายแสงอันอบอุ่น เกศิตา ค่อยๆ ลืมตารับแสงแดดอ่อน ร่างกายที่อ่อนล้า ภาพชวนฝันที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นชายหนุ่มท่ามกลาง ทิวทัศน์สวยงามราวภาพฝันตรงหน้า ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ ทะเลก่อคลื่นเล็กน้อย ท้องฟ้าสีคราม หาดทรายขาวสะอาด สหัสวรรษที่คล้ายกับพัศวียืนอยู่ที่ริมหาด ด้วยเสื้อผ้าสุดเนี้ยบ ในเชิ้ตสีเปลือกมังคุด พับแขนแค่ศอก สวมเข้าในกางเกงแสลกแนบขายาว คัทชูหนังเงางาม จมลงในพื้นทราย มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ พูดคุยปลายสายด้วยรอยยิ้ม และดูสดใส ผมที่ถูกลมพัด สะบัดเป็นริ้ว ราวกับเกรียวคลื่นตามแนวหยักศกสหัสวรรษ เห็นว่าเธอรู้สึกตัวและจ้องมองเขาอยู่ในรถ เขาได้แต่มอง และยังคุยโทรศัพท์ต่อไป เมื่อสายตาเริ่มปรับ และดึงสติกลับมาที่ปัจจุบัน ทำให้เธอรับรู้ว่าชายหนุ่มคนที่เธอมองอยู่ตรงหน้าไม่ใช่พัศวี หากแต่เป็นสหัสวรรษ ชายคนใหม่ที่ตามเธอออกมา เพื่ออยู่เป็นเพื่อนและปลอบใจในยามที่เจ็บปวดจากคำดูถูกเหยียดหยามสหัสวรรษไม่ได้แตะต้องเธอ เขาแค่นั่งเป็นเพื่อนให้เธอได้ร้องไห้
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง