ลานจอดรถที่แน่นขนัด ในมุมหนึ่งที่มืดมิด ร่างชองชายหนุ่มและหญิงสาวในเครื่องแต่งกายที่สมบูรณ์ แต่ร่างกายท่อนร่างกลับกำลังออกกำลัง โยกรับต่อกัน หอมหายใจถี่และแรง คงทรัพย์ประคองสะโพกของอรปวีร์ กดอาวุธของเขาเข้าออก ผ่านช่องซิบที่รูดลงจนสุด กระโปรงแค่คืบที่ปกปิดสะโพกกลมกลึงถูกรั้งขึ้น จนแทบมองไม่เห็นเมื่อร่างกายแนบชิดติดกัน
เขาเขย่าสะโพกของเธอจนต้องเอามือปิดปากกั้นเสียงเอาไว้ ความแปลกใหม่ตื่นเต้นเร้าใจ อรปวีร์ถูกคงทรัพย์จับได้ว่าเข้ามาขายบริการในผับอินดีสที่เขาดูแลอยู่ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัย เขาต้องการจะส่งตัวเธอให้เจ้าหน้าที่ แต่เธอกลับขอร้องและแลกเปลี่ยนด้วยการที่จะยอมมีอะไรกับเขา โดยไม่อายที่จะใช้ลานจอดรถนี้สร้างความหรรษาให้กับเขา และพยายามยื่นข้อเสนอบางอย่างทั้งที่เขายังสอดใส่
“ฉันมีเพื่อนคนนึง ที่เคยมาที่นี่กับฉัน พระแพง นายรู้จักนี่” อรปวีร์หอบแรงจนเสียงกระเส่า
“รู้จัก ทำไม”
“ฉันอยากแนะนำนางให้คุณอำนาจ ฉันกับนางเคยโดยจับได้ครั้งก่อน นางเลยกลัวไม่ยอมมาที่นี่ ตอนนี้นางร้อนเงิน ฉันอยากให้นายช่วย”
คงทรัพย์ถึงกับเลิกคิ้ว เขาไม่รู้ว่าอรปวีร์เคยเป็นเด็กของสืบสายลูกพี่ของเขา แต่ถึงอย่างไรโดยปกติคนที่สืบสายทิ้งแล้วเขามีสิทธิ์รับช่วงต่อ แต่ผิดที่อรปวีร์กำลังชักจูงให้เขาช่วยจัดการให้พระแพงได้เป็นของนายอำนาจ กับข้อเสนอที่เธอจะยอมให้เขามีเซ็กซ์กับเธอฟรีๆ และยอมให้ส่วนแบ่งค่าตัวของพระแพงแก่เขา
“แล้วฉันต้องทำยังไง” เขาถามเธอด้วยความสนใจ ทั้งที่กำลังเร่งกายสอดส่ายอยู่ไม่หยุด
“ฉันจะโทรตามนางมาที่นี่ นายแค่ช่วยเอาเครื่องดื่มผสมเจ้านี่ใส่ให้นางดื่มหน่อย” เธอยื่นขวดที่บรรจุของเหลวอยู่ภายใน
“ถ้านางสมัครใจ ทำไมต้องใช้ยานี่” เขาเอะใจ
“นางกลัว ยานี่จะช่วยให้นางผ่อนคลาย แค่ให้นางดื่มและพาไปหาฉันกับคุณอำนาจแค่นั้น เพราะการที่นายพาไปจะได้รับรองว่า ครั้งนี้การ์ดพวกนั้นไม่มีทางโยนพวกฉันออกไป” เธอโน้มน้าวเขา ด้วยแววตามีเลศนัย และเชิญชวน
“ได้ งานง่ายๆ” เขารับปาก และเย่อเธอเร็วขึ้น ก่อนที่จะกระแทกปล่อยกระสุนเต็มแรง จนอรปวีร์ตัวโยน
แต่เขาไม่เคยรู้เรื่องของพระแพงกับสืบสาย ทำให้การตัดสินใจพลาดในครั้งนี้ อาจนำไปสู่ความหายนะของเขาและอรปวีร์ โดยไม่รู้ตัว อรปวีร์ก็เช่นกัน เธอแค่อยากเอาคืน ที่พระแพงเคยทำกับเธอไว้ตอนที่พาไปพบกับธนากร ทำให้เธอไม่สามารถมาหาลูกค้าในผับแห่งนี้ไปนาน รายได้จึงหดหาย
อรปวีร์ คือโสเภณีในคาบนักศึกษา ที่น่ารังเกียจ และเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักเที่ยวที่ค่อนข้างมีฐานะ แต่ถึงกระนั้นเธอมักจะมีเพื่อนๆ หน้าใหม่มาคอยเสนอและเรียกค่าหัวคิวอยู่จำนวนไม่น้อย เธอจึงยังวนเวียนอยู่ไม่ไกลผับแห่งนี้นัก และคอยหาโอกาสและจังหวะกลับมา
“แพง ช่วยฉันด้วย” อรปวีร์โทรหาพระแพงตามแผน
“ทำไมแกต้องโทรหาฉัน ฉันจะช่วยอะไรแกได้” พระแพงตอบปลายสายด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตร และไม่อยากจะพูดคุยด้วย
“ฉันถูกจับได้ที่อินดีส มีแกคนเดียวที่รู้ว่าฉันมาทำอะไรที่นี่ ฉันไม่อยากให้คนอื่นรู้” อรปวีร์ทำน้ำเสียงร้อนรน
“ที่นั่นก็สั่งห้ามให้แกเข้าไปแล้ว ทำไมแกยังไปอีก”
พระแพงเอือมระอากับอรปวีร์ ที่คิดแต่จะหาเงินด้วยวิธีนี้ เพราะก่อนหน้าเธอก็มาเสนองานให้กับพระแพง แต่เธอก็ได้ปฏิเสธไป แม้จะเลิกคบกันแล้วแต่เธอก็ไม่ได้ตัดการติดต่ออรปวีร์อย่างสิ้นเชิง เพราะครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน
“ตอนนี้คงทรัพย์จับตัวฉันไว้ แกรู้จักกับเขาช่วยพูดขอร้องเขาให้ฉันหน่อย นะฉันขอร้อง” เธอทำเสียงอ้อนวอน
“อืม จะลองดูแล้วกัน” พระแพงถอนหายใจและรับปากอย่างเสียมิได้
หน้าผับอินดีส พระแพงถามหาคงทรัพย์จากการ์ดที่คุมอยู่ด้านหน้า จากนั้นชายคนนั้นก็พาเธอไปหาเขาด้านใน ระหว่างที่คนของคงทรัพย์พาพระแพงเดินเข้าไปด้านใน เป็นจังหวะเดียวกันกับที่พัศวีเดินเข้ามาในผับ เขาจำพระแพงได้ คิดว่าเธอมากับสืบสาย แต่พอมองหา กลับไม่เห็นเขา เลยถามกับพนักงานที่คุ้นเคยว่าพระแพงมากับใคร
“คุณผู้หญิงคนนั้นมาหาคุณคงทรัพย์ครับ”
พัศวีเอะใจ เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างพระแพงจะรู้จักกับคงทรัพย์ และเธอก็ไม่เหมือนผู้หญิงที่จะมาเที่ยวแบบนี้ พัศวีกดโทรศัพท์หาสืบสายทันที
“สืบ ฉันเห็นแฟนนายมาหานายคงทรัพย์ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” พัศวีถามเพราะเป็นห่วง
“เขารู้จักกันน่ะ แต่พระแพงไม่มีทางไปหาเจ้านั่นแน่”
สีหน้าสืบสายครุ่นคิด เขาจึงวางงานที่กำลังทำและออกไปหาเธอทันที
“งั้นเดี๋ยวฉันคอยสังเกตการณ์ให้ก่อน นายรีบมาล่ะ”
พัศวีบอกเพื่อนพร้อมกับคอยจับตาดูทางที่พระแพงหายเข้าไป
“เฮ่! มายืนทำไรตรงนี้ ไม่ไปหาที่นั่งล่ะ”
ธนญตบไหล่เพื่อน เมื่อเห็นพัศวียืนอยู่ตรงทางเดิน และกำลังมองหาอะไรอยู่
“ฉันเห็นแฟนสืบสายเข้าไปในนั้น มาหาเจ้าคงทรัพย์ ก็เลยเฝ้าดู ไอ้สืบกำลังมา”
พัศวีตอบเขาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ธนญทำหน้าฉงน
“แฟนไอ้สืบ เดี๋ยว! ฉันตกข่าวอะไรไปเนี่ย มันมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่”
ธนญขมวดคิ้ว ต่อว่าที่ทำไมเขาถึงเพิ่งรู้ว่าสืบสายมีแฟน แต่พัศวีก็ไม่ได้ให้คำตอบเขา ธนญจึงลากเขาไปนั่งโต๊ะที่มีทิศทางมองเห็นทางเข้าออกห้องทำงานของคงทรัพย์ชัดเจน ดีกว่ามายืนให้เมื่อยเปล่าๆ ซึ่งไม่รู้ว่าพวกเขาจะออกมาตอนไหน
“อ้าว! พระแพง ลมไรหอมมาหาฉัน เรื่องของพ่อเราจบไปแล้วนี่ มีอะไรหรือเปล่า”
คงทรัพย์ตีสีหน้าเป็นคนซื่อ ทักทายกับเธอเหมือนเพื่อนสนิท พระแพงทำหน้ากระอักกระอวน
“เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เพื่อนฉันเขาถูกนายจับไว้ อรปวีร์น่ะ ฉันอยากขอร้องนายปล่อยเขาไปเถอะ ฉันจะตักเตือนเขาเรื่องนั้นให้” พระแพงของร้องเขาอย่างไม่อ้อมค้อม
“ไม่นี่ฉันไม่ได้จับเพื่อนเธอไว้นะ” คงทรัพย์ทำหน้างงไม่รู้เรื่อง และปฏิเสธเรื่องเพื่อนของเธอ
“แต่อร โทรตามฉันมา” พระแพงร้อนใจ และงงไปหมด ว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“นั่งก่อนพระแพง ดื่มน้ำก่อน เดี๋ยวฉันให้ลูกน้องเช็คให้”
คงทรัพย์ยื่นแก้วน้ำผลไม้ที่เขาผสมยาที่อรปวีย์ให้ไว้ก่อนหน้าให้เธอดื่ม เพราะเขารู้ดีว่าพระแพงไม่ดื่มเหล้าถ้าเอาเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ส่งให้เธอคงไม่ดื่ม
“อืม เขาอยู่ที่นี่จริงๆ แต่อยู่กับคุณอำนาจ แขก VIP ของเรา เธออยากไปดูไหมล่ะ ฉันพาไป”
เมื่อเห็นพระแพงดื่มน้ำผลไม่ไปเกือบครึ่งแก้ว เขาจึงโทรหาลูกน้อง ให้เช็คว่าอรปวีร์อยู่ที่ไหน การ์ดคนไหนจับตัวไว้หรือเปล่า เพราะตามแผนเธอจะมาพร้อมกับคุณอำนาจ เขาเองก็ไม่ได้สั่งใครจับเธอไว้ จากนั้นก็พาพระแพงออกจากห้องไปหาอรปวีร์ที่อยู่กับนายอำนาจ ซึ่งค่าตัวพระแพงที่อรปวีย์ที่เสนอไปราคาที่ค่อนข้างสูง
ธนญ และพัศวีจับตามอง และรีบโทรแจ้งสืบสาย ตามที่เห็น ทำให้สืบสายถึงกับกระวนกระวายที่รู้ว่าพระแพงยังติดต่อกับอรปวีร์อยู่ เขาทั้งโมโห และเจ็บใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าเธอถูกหลอก จึงโกรธที่คิดว่าเธอกลับคบกับอรปวีร์เพื่อทำเรื่องให้ตัวเองเสื่อมเสีย
“นายช่วยดูไว้ก่อน ฉันใกล้ถึงแล้ว” สืบสายเสียงแข็งพระกำลังโกรธ
“นี่มันเรื่องอะไร”
ธนญงง กับเรื่องที่เกิด พระแพงเป็นแฟนของสืบสายไม่ใช่เหรอ และตอนนี้ก็อยู่กับอรปวีร์ที่เป็นแฟนเก่าของเขา ที่มารู้กันภายหลังว่าเป็นโสเภณีในคาบนักศึกษา
“สองคนนั้นเป็นเพื่อนกันน่ะ แต่เห็นว่าเลิกคบกันแล้วนะ แต่ทำไมคราวนี้ถึงยังมาหากันแถมอยู่กับไอ้หื่นอำนาจ ฉันว่ามันแปลกๆ คราวก่อนยายนี่ก็หลอกพานางมาขายที่นี่ ตอนนั้นสั่งการ์ดห้ามให้สองคนนี้เข้ามาที่นี่แล้ว แต่ตอนหลังคนที่ซื้อไปคือไอ้สืบ แต่จะว่าซื้อมันก็ไม่ถูก เป็นค่าทำขวัญมากกว่า ตอนนี้เจ้าคงทรัพย์มามีส่วนร่วมด้วย ฉันว่ามันแปลกๆ”
พัศวียังคงเฝ้าดู ส่วน ธนญ ขอตัวไปหาคงทรัพย์
“คงทรัพย์ นั่นเรื่องอะไร ทำไมแฟนสืบสายไปอยู่แฟนเก่ามัน” ธนญถามคงทรัพย์หน้าเครียด เมื่อเขากำลังจะเดินเข้าห้องทำงานของตัวเอง
“อ้าวคุณ ธนญ ไม่ได้เจอกันนานเลย ใครกันแฟนเจ้าสืบ” คงทรัพย์ทั้งดีใจที่พบธนญ แต่ก็ฉงนในคำถาม
“ก็คนที่นายพาไปเมื่อกี๊ไง” พูดพร้อมหันหน้าไปทางพระแพง
“พระแพงน่ะเหรอ” คงทรัพย์มองพระแพง
“ก็ใช่น่ะสิ แล้วนั่นก็อรปวีร์แฟนเก่า” ธนญทำเสียงเข้ม
“ฉิบหายล่ะ” คงทรัพย์ทำหน้าตกใจ รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหาอรปวีร์ และเข้าไปประคองพระแพงออกมา เพราะเธออยู่ในอาการสะลึมสะลือด้วยพิษยา ธนญและพัศวีตามมาไม่ห่าง
“นี่มันอะไรคงทรัพย์ นายทำอะไร”
อรปวีร์ตวาดคงทรัพย์ ที่เขามาขัดจังหวะ เพราะนายอำนาจกำลังจะกอดพระแพง ทางด้านนายอำนาจ เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ไม่สู้ดี จึงลูกขึ้นปลีกตัวเดินออกไป ปล่อยอรปวีร์ที่มองตามเขาตาระห้อย เพราะไม่อยากเสียชื่อเสียง เนื่องจากในผับแห่งนี้เป็นคนรู้จักในแวดวงเดียวกันค่อนข้างมาก
“การ์ด”
คงทรัพย์ตะโกนเรียกลูกน้องให้มาจับ อรปวีร์ออกไป และให้นำไปขังไว้ก่อน คงทรัพย์ประคองพระแพงที่ยังพอมีสติอยู่ช่วยพาไปพักที่ห้องทำงานของเขาก่อน โดยมีธนญ และพัศวีตามเข้าไปด้วย เขาจัดให้พระแพงนอนที่โซฟาตัวยาว ส่วนพัศวีรินน้ำเปล่าให้เธอดื่มเข้าไปมากๆ เพื่อคลายพิษยา
สืบสายวิ่งเข้ามาในห้องหน้าตาตื่น และมองดูพระแพงที่นอนอ่อนระโหยโรงแรงอยู่ที่โซฟา โดยมีชายหนุ่มสามคนเพื่อนรักของเขายืนเฝ้าอยู่
“มันเรื่องอะไรไอ้คง” เขารีบร้อนถามคงทรัพย์ และเข้าไปดูพระแพง
“ไม่เป็นไรสืบ แพงดีขึ้นแล้ว” เธอปรามสืบสายไม่อยากให้เขาโกรธ
“ฉันไม่รู้ว่าแพงเป็นแฟนนาย ยายอรปวีร์มาอ่อยฉัน ขอให้ฉันเอาอะไรไม่รู้ใส่เครื่องดื่มให้พระแพง แล้วให้พาไปหานางในผับ”
คงทรัพย์ตอบเขาตามตรง และรู้สึกเสียใจ สืบสายถลันเข้าไปกระชากคอเสื้อเขาไว้ด้วยความโกรธ
“อย่าสืบ คงทรัพย์เป็นคนช่วยพระแพงไว้นะ” ธนญร้องห้ามและดึงเขาออกจากคงทรัพย์
“แต่พระแพงก็เป็นเพื่อนนายนะ” เขาตำหนิคงทรัพย์
“ฉันเห็นเขาเป็นเพื่อนยายอรปวีร์ ฉันเลยคิดว่า เอ่อ..”
คงทรัพย์พูดและหยุดอยู่แค่นั้น ซึ่งคำพูดนี้ทำให้สืบสายฉุกคิด เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยคิดกับพระแพงแบบนี้
“สืบ ไม่เป็นไร ฉันตามอรไม่ทันเอง คงทรัพย์ก็คงไม่รู้ และไม่ได้ตั้งใจ” พระแพงออกตัวช่วยคงทรัพย์ ทำให้คงทรัพย์ยิ่งรู้สึกเสียใจ
“ขอโทษนะพระแพง ยายอรตั้งใจจะเอาเธอไปขายให้นายอำนาจ และจะแบ่งเปอร์เซนต์ค่าตัวเธอให้ฉัน ฉันนึกว่าเธอเดือดร้อนเงิน เลยไม่ได้คิดถึงตรงนั้น ว่าถ้าเธอเต็มใจทำไมต้องให้ฉันใส่ยาให้เธอแถมหลอกเธอมาที่นี่อีก” เขาหน้าซีด ขอโทษเสียงสั่นเพราะกลัวสืบสาย ที่เขายังฮึดฮัดโดยมี ธนญคอยดึงเขาไว้
“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ งานนายต้องเจอเรื่องแบบนี้ประจำฉันเข้าใจ ขอบใจนะที่ช่วยฉันทันทีที่รู้ความจริง”
พระแพงยอมให้อภัยเขาจากใจจริง พัศวีถึงกับยอมใจเธอ เพราะเธอดูอ่อนโยนและใจดี ผิดกับแฟนของเขาและนับหนึ่งที่ไม่มีทางยอมเรื่องพวกนี้ง่ายๆ และก็นึกขำที่ เพื่อนสุดแสนเย็นชาขาโหดของเขาอย่างสืบสาย ได้เธอมาครอบครอง ความต่างขั้วที่ดึงดูดกันอย่างสมบูรณ์
“นายพาพระแพงกลับไปก่อนเถอะ เดี๋ยวทางนี้พวกฉันจัดการเอง”
ธนญปล่อยตัวสืบสาย และตบไหล่เพื่อนเบาๆ พร้อมกับมองหน้าพัศวี และคงทรัพย์เพื่อไปจัดการกับอรปวีย์
สืบสายพยุงพระแพงกลับมาที่ห้อง ถึงแม้ร่างกายภายนอกของเธอจะหมดเรี่ยวแรง แต่ภายในกำลังปั่นป่วน พระแพงร้อนไปหมด สืบสายพยายามให้เธอดื่มน้ำมากๆ เพื่อคลายพิษ พระแพงพยายามจับต้องร่างกายของตัวเองและของเขาลูบไล้ไปมา เธอเกาะกุมหน้าอกอวบอูมของตัวเองอยู่ไม่ขาด อุณหภูมิของร่างกายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พิษยาปลุกกำหนัดกำลังออกฤทธิ์ พระแพงพยายามปลุกเร้าตัวเอง สอดมือเข้าไปใต้ร่มผ้า และดิ้นทุรนทุราย สืบสายพยายามจับตัวเธอให้นอนในท่าที่สบาย และพยายามให้ดื่มน้ำให้มากๆ จะได้เจือจางฤทธิ์ยาลง เพราะหากยายังคงออกฤทธิ์รุนแรง ถึงเขาจะมีเซ็กซ์กับเธอก็ไม่ช่วยให้เธอดีขึ้น หากแต่จะทวีความรุนแรง สุดท้ายเธออาจจะบาดเจ็บและเป็นอันตรายได้
“สืบ แพงไม่ไหวแล้ว แพงต้องการมันมาก สืบช่วยแพงด้วยสิ”
เธอพยายามถอดเสื้อผ้าเขา แต่เขาพยายามปัดป้อง เพื่อตัวเธอเอง
“ไม่แพง เธอต้องผ่อนคลายกว่านี้”
เขาล็อคแขนของเธอไว้ด้านหลัง กดร่างของเธอติดกับเตียงนอน และกอดเธอไว้นิ่งๆ เขาหายใจแรงด้วยความเหนื่อยหอบที่อยู่ ๆ ร่างเล็กๆพระแพงก็มีแรงมหาศาล สะโพกของเธอยังคงดุนดันอยู่ที่แก่นกายของเขา จนเขาถึงกับผ่อนลมหายใจ การได้สัมผัสตัวเธออย่างแนบแน่น ทำให้เขาแข็งขึง แต่ต้องข่มมันไว้ เพื่อลดภาวะความต้องการทางเพศที่รุนแรงของเธอ เพราะหากเขารุกล้ำหรือสอดใส่เธอภายใต้สถานการณ์แบบนี้ อาจทำให้เกิดอันตรายเสี่ยงต่อการฉีกขาดภายใน
เหงื่อของพระแพงเปียกชุ่ม สืบสายไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะต้องการให้ร่างกายของเธอขับเหงื่อออกมา ร่างกายที่เหลือเพียงชุดขันในตัวน้อย กลับยังคงร้อนระอุ จนเหงื่อเปียกโชกโทรมกาย สืบสายให้เธอดื่มน้ำเป็นลิตรๆ จนร่างกายของเธอเริ่มผ่อนคลายคลายขึ้นมาบ้าง ไอร้อนเริ่มคลายเหลือเพียงไออุ่นใต้ร่างของเขา เสื้อผ้าที่เปียกโชกของเขา ถูกถอดออก เขาลูบผมที่เปียกชื้นของเธอให้พ้นจากวงหน้า
“ดีขึ้นไหม” เขาถามอย่างแผ่วเบา และจูบเธอที่หน้าผาก
“ฉันยังต้องการอยู่” พระแพงตอบเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าและโหยหา
“ฉันรู้” เขาตอบรับและจูบเธอเบาๆ เพื่อหยั่งเชิงความกระหายของเธอ ทันทีที่เขาจูบเธอ ร่างกายของพระแพงรีบตวัดเกาะเกี่ยวเขา ยกแก่นกายของเธอให้แนบชิดเขาให้มาก แม้จะยังมีปราการด่านสุดท้ายอยู่ก็ตาม
“ต้องช้ากว่านี้หน่อย ตอนนี้ยังทำไม่ได้”
เขาปราม และจะขยับตัวเอง แต่เธอไม่ยอม คงกอดเขาไว้แน่น และหายใจดังครืดคาด ซุกไซร้ไปตามซอกคอและอกของเขา และพยายามล้วงมือไปจับของสงวน ที่เขาชิงจับมือเธอไว้ก่อน
“ฉันรับไหว ทำมันเถอะ ขอร้องนะ” พระแพงวิงวอนแทบขาดใจ
“หยุด”
เขาสั่งเธอเฉียบขาด มองดูร่างกายที่สั่นเทา อกกระเพื่อมขึ้นลง ด้วยการสกัดกั้นความต้องการ เมื่อเขาไม่ทำมัน เธอต้องจัดการมันด้วยตัวเอง เธอสอดมือสัมผัสจุดกระสันด้วยตัวเอง เนินอก ร่องจำปีที่เสียวซ่าน ร่างกายของเขาราวกับถูกไฟเผา เธอสัมผัสตัวเองอย่างเร่าร้อน ใต้ร่างที่เขาตะกองกอด แก่นกายที่ตั้งตรง สอดติดร่องขาที่บีบเข้าหากันอย่างตั้งใจ เธออยากสัมผัสมัน แต่เขาไม่ยอม ขาของเธอกางออกอีกครั้ง เธอสอดนิ้วเรียวเล็กถึงสองนิ้วเข้าไป แม้มันจะชดเชยเขาไม่ได้ แต่มันบรรเทาความเจ็บปวดได้ดี พระแพงร้องครวญคราง ผงกศีรษะขึ้นจูบเขา แต่เขาหลบหลีกมัน ทั้งที่ตะกองกอดร่างเธอไว้ ราวกลับแกล้งทรมานเธอยิ่งกว่าพิษกำหนัดในกายเสียอีก
เมื่อเธอผ่อนคลายจากการสำเร็จด้วยตัวเองแล้ว เขาจึงเอาน้ำดื่มขวดใหม่ให้เธอดื่มอีกครั้ง พระแพงดื่มจนหมดขวดในคราวเดียว เธอเริ่มปลดชั้นในออก เหลือเพียงตัวล่อนจ้อน เพื่อยั่วยวนเขา ล่อเขาจนกว่าเขาจะอดใจไม่ไหวเอง เธอรู้ดีว่าตอนนี้พิษกำหนัดจากยาปลุกเซ็กซ์มันคลายลงแล้ว เหลือเพียงความต้องการที่แท้จริงของเธอเอง ที่รอเขาสอดใส่มัน ทั้งที่มันพร้อมนานแล้ว
“มาเถอะ ฉันหายแล้ว” พระแพงพิงที่หัวเตียง ชันเข่าเปิดเผยร่างกายรอเขาอย่างเชิญชวน
“ฉันว่าเธอนอนพักก่อนเถอะ” เขากดอารมณ์ตัวเอง แม้ความต้องการมันจุ่งตรงไปหาเธอจนปิดไม่มิด
“ไม่” พระแพงลุกขึ้นและดึงกางเกงเขาออก และเริ่มดูดมันอย่างเร่าร้อน
“แพงหยุด”
เขาร้องออกมาที่เธอจู่โจม จนทรุดลงนั่งกับเตียง แต่เธอไม่ยอมปล่อย กดศีรษะตัวเองลงจนมันติดในลำคอ ความรู้สึกที่เธอดูดกลืนมัน ทำให้เขาเกร็งสั่น จนต้องจิกนิ้วมือลงบนศีรษะของเธอเพื่อจะดึงออก แต่หญิงสาวกลับไม่ยอม ยิ่งดูดมันแรงขึ้นจนตัวเองต้องสำลักเพราะเขาต้องพ่นมันออกมา และแผ่ลงบนเตียงสิ้นฤทธิ์ที่จะดิ้นรน หนีการครอบครองของเธอได้ แม้มังกรน้อยจะพ่นไฟจนมอด แต่ยังคงชูคอผงาด พระแพงไม่รอช้า สวมกายเธอครอบครองเขาอย่างเร่งรีบ และปลุกมันด้วยการสอดใส่เชื่องช้าเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่เน้นน้ำหนักให้เสียดสีจุดกระสันอย่างต่อเนื่อง เธอครวญครางอย่างแผ่วเบายามมัดกล้ามเนื้อเข้าออกคับแน่น สืบสายค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง รู้สึกเสียวที่ส่วนปลาย และร่างกายกำลังขยายขึ้นอีก เขาหายใจเข้าออกแรงขึ้น เมื่อพระแพงเห็นเขาลืมตา เธอกอดเขาให้หน้าอกของตัวเองเบียดติด และจูบเขาไปมาทั่วใบหน้าอันหล่อเหลาอย่างหวงแหน ทุกครั้งที่เขาคราง เธอจูบเขา ตามแรงตอดของร่างกายยามรู้สึกถึงแรงเสียดของหัวมังกรด้านใน
“สืบชอบไหม” เธอถามเขาว่าเธอทำแบบนี้เขาชอบไหม
“ชอบสิ”
เขาตอบเหมือนคนกำลังละเมอและผ่อนคลาย ร่างกายของเขากำลังช็อต ประกายแปลบปลาบ วาบวับอยู่ในหัว ตามจังหวะขึ้นลง มือที่จับกระชับเอวคอดของเธอ กดให้จมลึกไปในกายเขาให้มากที่สุด หน้าท้องแบนราบ เนียนขาว กล้ามเนื้อเล็กๆ เป็นสันนูน เรื่อยขึ้นไปอกอวบอูมตั้งตึง เม็ดบัวเล็กชูชันสีชมพูระเรื่อ แนวไหล่ตั้งตรง กระดูกไหล่เป็นร่องเล็กรับลำคอระหงที่กำลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลอาบลงร่องอก ผมยาวรอนเกลียวเล็กถูกรวบไว้หลุดลุ่ย ใบหน้าเรียวใส จมูกเป็นสันตรง ดวงตากลมโต จ้องมองเขา และเผยอปากผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ แขนทั้งสอง ประคองไว้ด้านหลังจับที่ขาของเขา
สืบสายมองดูเธอด้วยสายตาที่เร่าร้อนหิวกระหาย ความสมบูรณ์ของร่างกายที่กำลังเขย่ากล้ามเนื้อของเขา ยิ่งทำให้ประกายไฟจุดติดและถาโถมมากขึ้น แม้เขาจะเพิ่งสิ้นแรง แต่ไม่นานที่คลื่นระรอกใหม่ก็ก่อตัวราวกับคลื่นยัก ซึนามิ ที่ค่อยๆ คืบคลาน แต่พลังทำลายล้างมหาศาล
พระแพงเขย่าแรงขึ้นจนร่างกายตัวเองเริ่มสั่นไหว แต่ไม่ยอมหยุด เร่งจัวหวะถี่รัวแรงจนจุกสะท้านข้างใน จนเกิดแรงเค้น จนของเหลวในกายคัดหลั่ง ไหลซึมอาบมัดกล้ามเนื้อที่แข็งขึง จนไหลลื่นราวกับจระบี จนร่างของเธออ่อนระทวยไปเอง แต่พยายามจะฝืนต่อ
แม้ความต้องการของพระแพงจะไม่สิ้นสุด ร่างกายตอบสนองได้ช้าลง แต่ร่างกายของสืบสายเพิ่งตื่นจากการหลับใหล และก่อตัวอย่างรุนแรง เขาไม่ปล่อยให้ความต้องการของพระแพงต้องโหยหาอีกต่อไป เขาจัดการมัน โดยพลิกตัวขึ้นทำหน้าที่แทนเธอ และปักหมดให้เธออย่างบ้าคลั่ง โจนจ้วงอยู่อย่างนั้น เพราะแรงแข็งขึงครั้งนี้ พลังของเขามาเต็มเปี่ยม ไม่ยั่นต่อการเป็นฝ่ายควบคุมเกมส์
เขาดึงขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นพาดไหล่ พลิกร่างเธอนอนตะแคง สอดขาข้างหนึ่งของเธอไปด้านหลังระหว่างเข่าทั้งสองของเขา ทำให้หอกหนาที่ทั้งยาวและใหญ่พุ่งตรงเข้าในโพรงเนื้อที่คับแน่น ได้อย่างถนัด และฝีงลึกขึ้นอีก
“ท่านี้จะทำให้แรงของฉันไม่ตก” พร้อมกุมอกเธอไว้ บีบมันและใช้หัวแม่มือบดขยี้
ขาที่ถูกถ่างออก จนปากถ้ำของเธอเปิดกว้างยามรับหอกที่ทิ่มแทง เธอรู้สึกจุกเข้าไปถึงอก จนต้องเกร็งที่หน้าท้อง กล้ามเนื้อหน้าท้องขึ้นเป็นสันชัดเจน และเร้าอารมณ์ให้เขาเพิ่มขึ้น เธอเป่าปากให้ตัวเองผ่อนคลาย แม้หยาดน้ำครั้งก่อนที่ไหลลื่นจะช่วยการเข้าออกของเขา แต่เมื่อมันต้องการมากขึ้น ราวกับหอกของเขาพองตัวขึ้นอีกจนแน่นไปหมด เขาพยายามส่ายมัน ให้เข้าไปจนสุด ยิ่งเขาส่ายขยับเข้า เธอยิ่งปวดหน่วงมากขึ้น ราวกับกำลังจะฉีก
“สืบสาย” เธอกรีดร้องเสียงหลง จนร่างเกร็งไปหมด พร่ำเรียกชื่อของเขาอยู่อย่างนั้นจนสลบไป
เขาตะกองกอดร่างที่สลบไสล พรมจูบไปทั่วร่าง เพื่อปลุกให้เธอตื่นอีกครั้ง แบบเดียวกับที่เธอทำกับเขา เพราะเขายังไม่ปลดปล่อยดังใจหวัง เขาจะไม่ยอมให้เธอหยุดไปง่ายๆ เพราะเธอปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาแล้ว
“ตื่นสิ”
เขาใช้ลิ้นตวัดอยู่ที่ติ่งหู และสอดเข้าไปในรูเล็กเพื่อหยอกเย้า ดูดกัดที่ลำคอ ราวกับแวมไพร์กระหายเลือด ไม่สนใจร่องรอยที่แดงช้ำ ห้อเลือดจนแดงเป็นจ้ำๆ นับสิบจุด ดูดดึงเม็ดบัวเหนือเนินอกสีชมพูระเรื่อ กลายเป็นสีแดงบวมเป่ง แม้ร่างกายจะขยับตอบสนองการปลุกเร้า แต่เปลือกตาของเธอยังปิดสนิท
กลีบจำปาที่เบ่งบาน บวมแดงโคนเนื้อนุ่นหยุ่นกำลังคลายตัว นิ้วชี้ทั้งสองแหวกกลีบเนื้อแยกออกจากกัน จนเห็นร่องเนื้อบางแดงด้วยเส้นเลือดฝอยที่กระจายตัว สืบสายใช้ปลายลิ้นลากผ่านร่องเนื้อที่อ่อนนุ่มและตวัดแผ่วเบาที่ตุ่มเนื้อหยุ่น ทำให้สะโพกเธอเริ่มเคลื่อนไหว ปลายลิ้นที่สะบัดเขี่ยไปมาอย่างว่องไว เริ่มปลุกร่างกายของเธอให้ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
พระแพงลืมตาและมองเขาผ่านพงหญ้า ด้วยแววตาโหยหาหยาดเยิ้ม เธอแอ่นกระดกยกติดริมฝากปากเขาครั้งแล้วครั้งเล่า จนครางออกมา มือทั้งสองจิกอยู่ที่หมอน
“ฉันตื่นแล้ว โอย” เธอคราง
“ฉันสอดมันเข้าไปคราวนี้ เธอต้องไปพร้อมกับฉัน เข้าใจไหม” พระแพงได้แต่พยักหน้ารับ เพราะทนรอไม่ไหวแล้ว
เขาสอดเข้าไปและหุบขาของเธอชิดติดกันเหยียดตัวตรง สร้างแรงสะท้านจนทั้งคู่สั่นตัวโยน เขาวิดพื้นที่สะโพก ยกมันขึ้นลงตรงๆ เท่านั้น แต่แรงกดที่ถาโถมด้วยน้ำหนักตัวทั้งหมด รวมถึงแรงเสียดของปากถ้ำที่ถูกบีบ ทำให้ร่างกายของทั้งสองเกิดประกายไฟแปลบปลาบ ราวกับร่างกายกำลังถูกช็อต เขาสอดแขนทั้งสองไว้ใต้แขนของเธอเกาะกุมไหล่ให้หน้าอกของเธอแนบอกของเขาและสั่นไปตามจังหวะขึ้นลง ส่วนแขนและมือของพระแพงโอบรัดกุมสะโพกของเขาให้จังหวะที่เร่าร้อน
เธอและเขาร้องออกมาพร้อมๆ กันตามจังหวะ และถี่ขึ้นสอดประสานกันราวกับเสียงดนตรีที่มีท่วงทำนองโหยหวน แรงกดจากปลายนิ้วของพระแพงบอกจังหวะเพิ่มความเร็วและแรงขึ้นอีก เพราะมันกำลังเค้นตัวออกมาพร้อมจะระเบิด ทำให้ร่างกายของเขาเริ่มเกร็งและทำหน้าที่ราวแทนขุดเจาะที่สั่นสะเทือนจนพื้นหินที่หนาแตกกระจาย จนพบธารน้ำมันดิบที่พวยพุ่งล้นปรี่อยู่นานจนค่อยหมด และหมดพลังไปเอง
“เธอเจ็บไหม” เขาถามเมื่อเห็นจำปีน้อยบวมแดง
“อืม” พระแพงพยักหน้า แต่เธอยังโหยหามันอยู่
“แล้วถ้าเป็นทางอื่นล่ะ เธออยากลองไหม”
เขากระซิบถามก่อนจะสอดนิ้วไปทางด้านหลัง จนพระแพงถึงกับดวงตาเบิกโพรง และต้องส่ายหน้าที่แดงเพราะความอาย และคาดไม่ถึงกับสิ่งนี้
“ไม่งั้นเธออาจเจ็บจนต้องไปหาหมอนะ ถ้าเธอยังจะทำมันต่อแบบนี้”
“ไม่ ฉันอาย”
“จะอายหมอหรืออายฉัน”
เขาถามเสียงเข้ม เพราะเธอยังจับปลายมัดกล้ามเนื้อของเขาตลอดเวลา เขาต้องทนมันอยู่แบบนั้นมานานแล้ว เขาค่อยๆ สอดนิ้วเพื่อนำทางให้เธอผ่อนคลาย ความแปลกใหม่ที่เธอต้องเรียนรู้ และผ่านมันไปอย่างยากเย็น
ธนญ พัศวี และคงทรัพย์ ยืนจ้องมองอรปวีร์ ที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ เนื่องจากเธอพยายามหนี และออกแรงต่อสู้กับลูกน้องของคงทรัพย์ เธอถูกตบไป 2-3 ครั้ง จนใบหน้าแดงช้ำ“เธอทำตัวน่ารังเกียจ” พัศวีพูดพร้อมกับเบ้ปาก“พวกนายต่างหากที่เข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน” อรปวีร์เดือดดาน“ฉันเสียดายที่ครั้งหนึ่งเธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของสืบสาย เพื่อนฉันมันพลาดจริงๆ” ธนญยกมุมปากด้วยความรู้สึกสมเพช“ที่ลูกน้องฉันทำกับเธอมันก็สมควรแล้ว กล้าหลอกฉัน” คงทรัพย์ตวาดเมื่อเห็นว่าเธอไม่สำนึก และยังกล้าตีฝีปาก“ก็แกมันโง่ไง” อรปวีร์ยิ้มเย้ยเขาอรปวีร์ ไม่ได้รู้จักคงทรัพย์ดีไปกว่าพวกเขา ธนญและพัศวีได้แต่มองหน้ากัน และนึกเอาใจช่วยที่เธอบังอาจล่วงเกินคงทรัพย์ขนาดนี้ เขาทั้งสองขอตัวไปดื่มต่อ เพราะเขารู้ดีว่า ทำไมคงทรัพย์ถึงได้เป็นผู้ดูแล ผับอันดับหนึ่งของประเทศผู้หญิงอย่างอรปวีร์คงไม่กล้าไปอีกนาน ถึงแม้จะนึกสงสารและเห็นใจ 
นับหนึ่งหยิบเสื้อผ้าของเธอเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ และจัดการทำความสะอาดมันโดยเปิดก๊อกน้ำให้ไหลผ่านคราบสกปรกที่ติดอยู่ จากนั้นจึงใช้ครีมอาบน้ำขยี้ชุดชั้นในและ ชุดเดรสเนื้อบาง อย่างเบามือ และแขวนมันไว้ในห้องน้ำก่อนจะใช้ดรายค่อยๆเป่าให้แห้งที่ละชิ้นเมื่อเขาเห็นเธอหายเข้าไปในห้องน้ำนานผิดปกติทั้งที่เตรียมกาแฟดำไว้ให้นานแล้ว จึงเดินเข้ามาดู จึงเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว ที่เธอรีบจนไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย“ฉันเตรียมกาแฟดำไว้ให้ ไปดื่มก่อนสิ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”และดึงดรายกับชุดที่เธอเป่าอยู่ออกจากมือ“ทำอะไร”นับหนึ่งพยายามดึงมันกลับ เพราะเขากำลังจับเสื้อผ้าของเธอเปล่าดรายแทนเธอทันทีที่สั่งให้ไปดื่มกาแฟ“เดี๋ยวฉันทำให้ เธออกไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาอยู่ หรือ กำลังถ่วง”เขาพูดพร้อมกับสั่งให้เธอออกไป แต่กลับทิ้งเสียงกล่าวหาว่าเธอต้องการถ่วงเวลาเพื่ออยู่กับเขา“ฉันไม่ได้ต้องการมาที่นี่ และไม่เคยต้องการเจอกับนาย
เกศิตาที่กำลังว้าวุ่นเรื่องของพัศวี เธอไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของเขาได้ ทำให้ต้องเอาอารมณ์ไปลงที่งาน แม้การประชุมในวันนี้จะสำคัญต่อเธอและบริษัท แต่การประชุมทำให้เธอไม่สามารถเก็บอารมณ์ที่ขุ่นมัวไว้ได้ ทำให้หุ้นส่วนทางธุรกิจบางคนไม่พอใจ และเกิดการโต้เถียงขั้นรุนแรง เกี่ยวกับการปรับผังโครงสร้างบริษัทและกลยุทธ์การตลาดที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของโครงสร้างใหม่“ในฐานะที่ดิฉันเป็นประธานบริหารโครงการนี้ ดิฉันขอให้ทุกท่านกลับไปพิจารณาและปรับแก้แผนงานมาใหม่ อีก 2 วัน เรามาประชุมกันใหม่ ถ้าทำไม่ได้ดิฉันพร้อมยุบโครงการทันที”ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและมีพลัง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ จนกระทั่งเธอเดินออกไป ในบรรดาผู้บริหารที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเก่าแก่ ถึงกับตบโต๊ะ แสดงความไม่พอใจ และรวมกลุ่มที่จะต่อต้านเธอ“นังเด็กเมื่อวานซืน คิดว่าตัวเองแน่มาจากไหน วันๆ ทำแต่เรื่องฉาวโฉ่ แต่ยังกล้าชูคอเป็นนางหงส์ เป็นแค่ลูกนอกสมรส ของประทานคนก่อน กล้ามาผยอง”
ปารวัตรวางแฟ้มเอกสารข้อมูลที่เกศิตาสั่งให้ไปสืบ ลงบนโต๊ะของเธอ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ประวัติของคุณเนื้อน้องที่เจ้านายสั่งให้ไปสืบครับ” เขารายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเกศิตาหยิบมันขึ้นมาดู พบรูปถ่าย หลายใบ ของคนใกล้ชิด เพื่อน และพัศวีที่ยืนกอดรัดแสดงความรักต่อกัน เธออ่านประวัติของเนื้อน้อง จึงรู้ว่า เกศิตาจะกำจัดเธอได้อย่างไร เพราะครอบครัวของเนื้อน้อง ทำธุรกิจภายใต้สังกัดของบริษัทที่เธอดูแล และที่สำคัญ ตอนนี้เนื้อน้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจของครอบครัว“ขอบใจ นายเตรียมข้อมูลประชุมให้ฉันด้วย แล้วก็วันนี้หลังจบประชุม นายไปทำงานต่อที่คอนโดกับฉัน”เธอสั่งเขาอย่างเฉียบขาด แม้จะบอกว่าทำงาน แต่เขารู้ดีว่างานที่เธอต้องการให้เขาทำนั้นคืองานอะไร“ครับ”หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ปารวัตรขับรถมาส่งเกศิตาที่คอนโดและตามขึ้นไปที่ห้องพัก ขณะที่กำลังเข้าไปในลิฟท์ที่ชั้นจอดรถอยู่นั้น มีเสียงคนตะโกนขอให้รอพวกเขาก่
หลังจากจบการประชุม ปารวัตรเดินตามเกศิตามาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ฉันมีงานที่ไหนต่อไหม วันนี้” เกศิตานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ดึงแฟ้มงานที่รอการลายเซ็นอนุมัติของเธอก่อนจะถามเขา“หกโมงเย็นมีนัดทานอาหารค่ำกับลูกค้า บริษัทคัลเลอร์เวฟ คุณทรงกลด กับคุณนพดล ผมจองร้านอาหารให้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าคุณเกศจะมีแพลนต่อที่อินดีสเหมือนเคยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ติดต่อสำรองที่นั่งไว้ให้ เพราะช่วงสุดสัปดาห์อาจจะมีคนมาใช้บริการมากเป็นพิเศษ”เขาถามเธอเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะแขกทั้งสอง เป็นลูกค้า VIP ของพวกเขา“อืม จัดการได้เลย”“ครับ”ทันทีที่ได้คำตอบ เขาประสานงานและคอนเฟิร์มกับผู้จัดการทันที เพราะเขาได้ติดต่อล่วงหน้าไว้แล้วค่ำคืนนี้ ไม่เพียงแต่แขก VIP ของเกศิตา หากแต่มีแขก VIP ของณัฐการด้วยเช่นกัน เธอก็เลือกใช้อินดีสเป็นสถานที่รับรองลูกค้า วันนี้เธอแต่งตัวพร้อมกับการทำงานแ
วันคืนที่อยู่ด้วยกันมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน รุ่งขึ้นพัศวีจะต้องออกเดินทางแล้ว เขากอดเธอไว้แน่น จนแทบจะประสานเป็นร่างเดียวกัน“วีไม่อยากห่างจากน้องเลย น้องไปเรียนต่อที่อเมริกากับวีเถอะนะ หรือไปเที่ยวก่อนก็ได้”พัศวีพยายามเกลี้ยกล่อมเนื้อน้อง เหมือนเด็กน้อยที่กำลังอ้อนแม่ ให้อยู่เล่นด้วยกันก่อน เพราะแม่มัวแต่ทำงาน“ไม่ได้หรอกวี น้องมีงานต้องทำ มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ” เนื้อน้องตอบเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าวีอยู่ที่โน่น แล้วทนคิดถึงน้องไม่ไหว ต้องทำเรื่องนั้นกับคนอื่น น้องจะเสียใจไหม”เขาถามเธอจากใจจริง เพราะที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยห่างหายจากเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งได้คบกับเธออย่างจริงจัง ทำให้เขาหยุดการมีใครต่อใครมากหน้าหลายตาได้ และเขาเองก็ไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว“ก็คงเสียใจ แต่น้องไม่โกรธวีหรอก น้องเข้าใจ” น้ำเสียงของเธอเศร้าลง“สองปีหรืออาจจะมากกว่าเลยนะ”&n
การประชุมเริ่มขึ้นไม่ถึง 10 นาที เกศิตาก็ตกเป็นเป้าสายตา และถูกเปิดประเด็นให้ได้โจมตีทันที เพราะร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ที่ต้นคอ สายตาที่ปารวัตรชำเรืองมองปฏิกิริยาจากด้านข้าง แสดงออกถึงความกังวน เพราะเขาไม่อยากให้เธอเปิดศึกภายในกับคนในบริษัทเพียงเพราะเรื่องพวกนี้ แม้เกศิตาจะพยายามแสดงออกถึงความมั่นใจ และไม่แคร์ต่อคำวิพากวิจารณ์ของคนอื่น แต่ลึกๆ เธอกลับเก็บมันมาใส่ใจ และคิดแค้นคนเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา“ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน วันนี้พวกเราหลายคนต่างเห็นพร้องต้องกันว่าคุณเกศิตา ควรลงจากตำแหน่งประธานบริษัท”นายพันธุ์ภพ ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง เป็นคนกล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงที่กำลังถกเถียง เรื่องความสามารถของเธอไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลยสักนิด จนทำให้เกศิตา ที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ ถึงกับโน้มตัวมาข้างหน้า และท้าวแขนทั้งสองลุกขึ้น ด้วยท่าทีนิ่งเฉย“ดิฉันยังไม่เห็นว่า การที่ดิฉันบริหารงานในฐานะประธานบ
ปารวัตรและณัฐการก่ายกอดกันจนถึงเช้า แสงแดดอ่อนที่สาดส่องผ่านม่านพลางแสง ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ร่างเปลือยเปล่าอวบอัดขาวเนียนที่ก่ายกอดเขาอยู่ยังคงนิ่งสงบ เขานึกขำที่เธอนอนขี้เซา และมักละเมอสัมผัสเขาในยามเช้า เขาสงสัยว่าณัฐการฝันถึงเรื่องใด และพยายามปลุกพญางูของเขาเสมอ“ตื่นสิ” เขาจูบเธอที่หน้าผาก ก่อนจะประกบมันที่ปากเรียวบาง พญางูกำลังตื่น แต่ณัฐการยังคงหลับใหล“อ่า” เธอครวญคราง เมื่อเขากำลังสำรวจปากถ้ำ และเข้าหาเธออย่างไม่ยากเย็น“นี่เป็นการไถ่โทษ จาก 2 ครั้งก่อน”เขากระซิบเธอที่ข้างหู ก่อนจะเม้มริมฝีปากลงบนติ่งหูนุ่มนิ่มและซุกไซร้ไปตามลำคอ พร้อมจังหวะเข้าออกอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ ค่อยๆ ก่อเพลิงสวาททีละนิดให้กับเธอราวกับอยู่ในความฝันอันแสนเคลิบเคลิ้มมือเล็กนิ้วเรียวยาว ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง บางจังหวะเล็บยาวที่ถูกแต่งแต้มก็ครูดไปตามผิวหนังจนรู้สึกแสบเจ็บแปลบ จนร่างกายของเขาต้องกระตุก ให้จังหวะเร้าตา
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง