ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
“อย่าให้คำว่าสถานะ มาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของเรา จนไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน ถ้าสถานะมันสำคัญกับเธอนัก ก็จงอยู่ในสถานะที่เป็นเธอ คนที่ไม่เคยมีตัวตนสำหรับฉันมาก่อน” “นับหนึ่ง” พยายามติดต่อกับ “ธนญ” ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน ไปหาถึงบ้าน แต่เธอก็ไม่สามารถผ่านแม้กระทั่งประตูรั้วหน้าคฤหาสน์เข้าไปได้ ตอนที่ความสัมพันธ์ยังเป็นเพื่อนสนิทกันนั้น นับหนึ่งไม่เคยต้องรอหรือกดกริ่งเรียกเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้เขาทำกับเธอเหมือนอากาศธาตุที่ล่องหน ไม่มีตัวตน ไม่แม้แต่เป็นคนรู้จัก มันเร็วจนตั้งรับไม่ทัน เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปด้วยดีมาตลอด เมื่อ 6 เดือนก่อน นับหนึ่งเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทย และตั้งใจว่าที่นี่เธอจะลงหลักปักฐาน มีเพื่อนมีครอบครัวและอาชีพที่มั่นคง ไม่ต้องเร่ร่อนไปที่ไหนอีก ชีวิตของเธอเหมือนคนเร่ร่อน ไม่เคยอยู่ที่ไหนนาน ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เสมอ เธอจึงไม่ค่อยมีเพื่อนหรือคนรู้จักมากนัก ครอบครัวของเธอต้องไปประจำการในต่างประเทศ คราวละหลายเด
สิ่งสำคัญตอนนี้ คือ การเรียน ผ่านมา 3 วัน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในคืนนั้น จะยากที่จะลืมเลือน นับหนึ่งพยายามคิดเรื่องอื่น เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องการเข้าสังคมใหม่ๆ และสถานที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคย หลังอาหารมื้อกลางวัน ยังเหลือคาบเรียนช่วงบ่ายอีก 1 วิชา ซึ่งดีหน่อยที่เป็นคาบปฏิบัติการในห้องแลบทดลอง ไม่อย่างนั้น มันคงเป็นคาบที่ยาวนานและทนต่อภาวะสมองเฉื่อยชาจากอาการอิ่มอาหารอย่างรุนแรง นับหนึ่งยังไม่ค่อยรู้จักเพื่อนๆ มากนัก เนื่องจากมีการเรียนการสอนไปก่อนหน้ากว่า 2 สัปดาห์ ก่อนที่นับหนึ่งจะติดต่อเรื่องการเทียบหน่วยกิจ เทียบรายวิชาเสร็จเรียบร้อย หรือวางแผนการเรียนในแต่ละเทอม อีกทั้งมหาวิทยาลัยค่อนข้างมีพื้นที่กว้างขวาง อาคารแต่ละหลังอยู่ห่างไกล ตึกเล็กตึกน้อยกระจัดกระจาย การเดินเท้าเป็นทางเลือกเดียวของนับหนึ่งในขณะนี้ นับหนึ่งใช้เวลารับประทานอาหารกลางวันเพียง 30 นาที เพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับการหาตึกเรียน ซึ่งห้องแลบทดลองอยู่ตึกด้านหลังของคณะวิทย
เปลือกตาที่ปกคลุมด้วยขนตาแพสีดำเติมแต่งด้วยมาสคาร่า ค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ ในห้องที่มีเพียงเธอนอนอยู่ลำพัง ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าด้วยผ้าห่มอุ่น เสื้อผ้าที่ถูกถอดวางพาดอย่างเป็นระเบียบที่พนักเก้าอี้มุมโต๊ะหนังสือ ร่างกายที่อ่อนล้า แทบจะผยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริงที่เกินจะบรรยาย คาบเลือดแห้งกรังที่ขา และบนเตียงนอนทำให้นับหนึ่ง ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเธอ ทำได้แค่พาตัวเองเข้าห้องน้ำและชำระร่างกาย จัดแจงเปลี่ยนเครื่องนอนใหม่ เก็บเสื้อผ้าข้าวของที่ฝ่ายชายได้รวมรวมจากคนละทิศละทางให้มาอยู่รวมกันที่พนักเก้าอี้ ให้อย่างเรียบร้อย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างที่กำลังเป่าผมให้แห้ง และมองดูรอยเขียวช้ำที่ซอกคอ พลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน จึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงคนที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง เขาแย่งแปรงหวีผมกับเครื่องเป่าผมไปและจัดการเป่าให้เธอ นับหนึ่งสะดุ้งและหันขวับไปหาเขา เพราะไม่คิดว่าเขาจะก
ธนญไม่ได้นอนอยู่กับเธอจนถึงเช้า เขาจากไปตอนไหน เธอเองไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ยังมีอะไรหลายอย่างต้องทำ วันนี้มีเรียนปฏิบัติการชีวเคมี ก็ต้องได้เจอเขาอยู่ดี นับหนึ่งจึงไม่ได้รู้สึกว่าถูกทิ้งและจากไปดื้อๆ โดยไม่บอกลา แม้ร่างกายจะเมื่อยล้าไปทั้งตัว แต่ความรู้สึกภายในกลับมีชีวิตชีวา และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เช้านี้นับหนึ่งมีเรียนต่อเนื่อง 2 วิชา ก่อนพักเที่ยง สมองเริ่มล้า เพราะการอดนอนจากกิจกรรมในค่ำคืนที่ผ่านมา นับหนึ่งยังใช้เวลาในการรับประทานอาหารกลางวันเพียงครึ่งชั่วโมงเหมือนเดิม เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงให้เธอได้พักงีบที่ห้องสมุด พอให้ได้ฟื้นตัว และสามารถเรียนต่อในคาบปฏิบัติการในห้องทดลองอย่างกระปรี้กระเปร่า “ไฮ!” นับหนึ่งทักทายเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ก่อน “หวัดดี” สืบสายทักตอบ ตรีทศและยศพยักหน้ารับ นับหนึ่งไม่เห็น ธนญ กับพีม แต่ก็ไม่เอ่ยถามใคร เพียงหยิบอุปกรณ์การเรียนของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น พร้อมกับยื่นสมุดจดบันทึกคืนให้สืบสาย “ขอโทษที อุตส่าห์ขอเบอร์โทรไปแล้วแต่กลั
เขาแอบยืนมองเธออยู่เงียบๆ กอดอกพิงประตูอยู่นานแล้ว ท่วงท่าของเธอน่ามอง จนน่าหลงใหล ใบหน้าเรียวสวยได้รูป ผิวกายขาวใสสะอาดหมดจดไร้การแต่งเติมสีสัน สวยงามตามธรรมชาติ ไหล่มนกลมเกลี้ยงคล้องสายเสื้อนอนเส้นเล็กๆ น่ารัก สะโพกผึ่งผายกลมกลึงนุ่มนิ่มน่าขยำ เอวบางคอดเล็ก หน้าท้องแบนราบ ปลายถันที่เป็นไตชูชัน จนน่าขบกัด กลิ่นหอมอ่อนๆ จากของขวัญที่เขามอบให้ หอมรันจวนใจ จุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน พลันสายตาของเธอเห็นเขาในกระจก นับหนึ่ง เอามือป้องปากอุทานด้วยความตกใจ สะดุ้งสุดตัว และหันไปเผชิญหน้ากับเขา “บ้าจริง!” ด้วยความตกใจและโกรธที่เขาเข้ามาเงียบๆ เธอถลันเข้าไปทุบอกเขา 2-3 ครั้ง จนเขาต้องล็อคมือเธอไว้ “ขอโทษ ฉันแค่จะเซอร์ไพร์ทเธอเท่านั้น” เขาขำที่เธอโกรธจนลงมือ “ไหนว่าจะกลับบ้าน ทำไมมีกลิ่นเหล้า ไปดื่มมาเหรอ” เธอต่อว่าเขา “ไปผับกับพัศวีมา” แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง “ลุกขึ้นเลย ตัวเหม็น” พยายามดึงแขนเขา “ฉันเมานะ ขอนอนพักหน่อย” เขาฉีกยิ้ม และรั้งตัวเองไว้ นับหนึ่งถอนหายใจ เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนน้อย ชุบน้ำบิดหมาด