“อย่าให้คำว่าสถานะ มาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของเรา จนไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน ถ้าสถานะมันสำคัญกับเธอนัก ก็จงอยู่ในสถานะที่เป็นเธอ คนที่ไม่เคยมีตัวตนสำหรับฉันมาก่อน” “นับหนึ่ง” พยายามติดต่อกับ “ธนญ” ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน ไปหาถึงบ้าน แต่เธอก็ไม่สามารถผ่านแม้กระทั่งประตูรั้วหน้าคฤหาสน์เข้าไปได้ ตอนที่ความสัมพันธ์ยังเป็นเพื่อนสนิทกันนั้น นับหนึ่งไม่เคยต้องรอหรือกดกริ่งเรียกเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้เขาทำกับเธอเหมือนอากาศธาตุที่ล่องหน ไม่มีตัวตน ไม่แม้แต่เป็นคนรู้จัก มันเร็วจนตั้งรับไม่ทัน เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปด้วยดีมาตลอด เมื่อ 6 เดือนก่อน นับหนึ่งเพิ่งย้ายกลับมาอยู่ที่เมืองไทย และตั้งใจว่าที่นี่เธอจะลงหลักปักฐาน มีเพื่อนมีครอบครัวและอาชีพที่มั่นคง ไม่ต้องเร่ร่อนไปที่ไหนอีก ชีวิตของเธอเหมือนคนเร่ร่อน ไม่เคยอยู่ที่ไหนนาน ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เสมอ เธอจึงไม่ค่อยมีเพื่อนหรือคนรู้จักมากนัก ครอบครัวของเธอต้องไปประจำการในต่างประเทศ คราวละหลายเด
สิ่งสำคัญตอนนี้ คือ การเรียน ผ่านมา 3 วัน ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในคืนนั้น จะยากที่จะลืมเลือน นับหนึ่งพยายามคิดเรื่องอื่น เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องการเข้าสังคมใหม่ๆ และสถานที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคย หลังอาหารมื้อกลางวัน ยังเหลือคาบเรียนช่วงบ่ายอีก 1 วิชา ซึ่งดีหน่อยที่เป็นคาบปฏิบัติการในห้องแลบทดลอง ไม่อย่างนั้น มันคงเป็นคาบที่ยาวนานและทนต่อภาวะสมองเฉื่อยชาจากอาการอิ่มอาหารอย่างรุนแรง นับหนึ่งยังไม่ค่อยรู้จักเพื่อนๆ มากนัก เนื่องจากมีการเรียนการสอนไปก่อนหน้ากว่า 2 สัปดาห์ ก่อนที่นับหนึ่งจะติดต่อเรื่องการเทียบหน่วยกิจ เทียบรายวิชาเสร็จเรียบร้อย หรือวางแผนการเรียนในแต่ละเทอม อีกทั้งมหาวิทยาลัยค่อนข้างมีพื้นที่กว้างขวาง อาคารแต่ละหลังอยู่ห่างไกล ตึกเล็กตึกน้อยกระจัดกระจาย การเดินเท้าเป็นทางเลือกเดียวของนับหนึ่งในขณะนี้ นับหนึ่งใช้เวลารับประทานอาหารกลางวันเพียง 30 นาที เพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับการหาตึกเรียน ซึ่งห้องแลบทดลองอยู่ตึกด้านหลังของคณะวิทย
เปลือกตาที่ปกคลุมด้วยขนตาแพสีดำเติมแต่งด้วยมาสคาร่า ค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ ในห้องที่มีเพียงเธอนอนอยู่ลำพัง ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าด้วยผ้าห่มอุ่น เสื้อผ้าที่ถูกถอดวางพาดอย่างเป็นระเบียบที่พนักเก้าอี้มุมโต๊ะหนังสือ ร่างกายที่อ่อนล้า แทบจะผยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริงที่เกินจะบรรยาย คาบเลือดแห้งกรังที่ขา และบนเตียงนอนทำให้นับหนึ่ง ตกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจ เพราะมันเป็นครั้งแรกของเธอ ทำได้แค่พาตัวเองเข้าห้องน้ำและชำระร่างกาย จัดแจงเปลี่ยนเครื่องนอนใหม่ เก็บเสื้อผ้าข้าวของที่ฝ่ายชายได้รวมรวมจากคนละทิศละทางให้มาอยู่รวมกันที่พนักเก้าอี้ ให้อย่างเรียบร้อย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ระหว่างที่กำลังเป่าผมให้แห้ง และมองดูรอยเขียวช้ำที่ซอกคอ พลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน จึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงคนที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง เขาแย่งแปรงหวีผมกับเครื่องเป่าผมไปและจัดการเป่าให้เธอ นับหนึ่งสะดุ้งและหันขวับไปหาเขา เพราะไม่คิดว่าเขาจะก
ธนญไม่ได้นอนอยู่กับเธอจนถึงเช้า เขาจากไปตอนไหน เธอเองไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ยังมีอะไรหลายอย่างต้องทำ วันนี้มีเรียนปฏิบัติการชีวเคมี ก็ต้องได้เจอเขาอยู่ดี นับหนึ่งจึงไม่ได้รู้สึกว่าถูกทิ้งและจากไปดื้อๆ โดยไม่บอกลา แม้ร่างกายจะเมื่อยล้าไปทั้งตัว แต่ความรู้สึกภายในกลับมีชีวิตชีวา และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เช้านี้นับหนึ่งมีเรียนต่อเนื่อง 2 วิชา ก่อนพักเที่ยง สมองเริ่มล้า เพราะการอดนอนจากกิจกรรมในค่ำคืนที่ผ่านมา นับหนึ่งยังใช้เวลาในการรับประทานอาหารกลางวันเพียงครึ่งชั่วโมงเหมือนเดิม เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงให้เธอได้พักงีบที่ห้องสมุด พอให้ได้ฟื้นตัว และสามารถเรียนต่อในคาบปฏิบัติการในห้องทดลองอย่างกระปรี้กระเปร่า “ไฮ!” นับหนึ่งทักทายเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ก่อน “หวัดดี” สืบสายทักตอบ ตรีทศและยศพยักหน้ารับ นับหนึ่งไม่เห็น ธนญ กับพีม แต่ก็ไม่เอ่ยถามใคร เพียงหยิบอุปกรณ์การเรียนของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น พร้อมกับยื่นสมุดจดบันทึกคืนให้สืบสาย “ขอโทษที อุตส่าห์ขอเบอร์โทรไปแล้วแต่กลั
เขาแอบยืนมองเธออยู่เงียบๆ กอดอกพิงประตูอยู่นานแล้ว ท่วงท่าของเธอน่ามอง จนน่าหลงใหล ใบหน้าเรียวสวยได้รูป ผิวกายขาวใสสะอาดหมดจดไร้การแต่งเติมสีสัน สวยงามตามธรรมชาติ ไหล่มนกลมเกลี้ยงคล้องสายเสื้อนอนเส้นเล็กๆ น่ารัก สะโพกผึ่งผายกลมกลึงนุ่มนิ่มน่าขยำ เอวบางคอดเล็ก หน้าท้องแบนราบ ปลายถันที่เป็นไตชูชัน จนน่าขบกัด กลิ่นหอมอ่อนๆ จากของขวัญที่เขามอบให้ หอมรันจวนใจ จุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน พลันสายตาของเธอเห็นเขาในกระจก นับหนึ่ง เอามือป้องปากอุทานด้วยความตกใจ สะดุ้งสุดตัว และหันไปเผชิญหน้ากับเขา “บ้าจริง!” ด้วยความตกใจและโกรธที่เขาเข้ามาเงียบๆ เธอถลันเข้าไปทุบอกเขา 2-3 ครั้ง จนเขาต้องล็อคมือเธอไว้ “ขอโทษ ฉันแค่จะเซอร์ไพร์ทเธอเท่านั้น” เขาขำที่เธอโกรธจนลงมือ “ไหนว่าจะกลับบ้าน ทำไมมีกลิ่นเหล้า ไปดื่มมาเหรอ” เธอต่อว่าเขา “ไปผับกับพัศวีมา” แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง “ลุกขึ้นเลย ตัวเหม็น” พยายามดึงแขนเขา “ฉันเมานะ ขอนอนพักหน่อย” เขาฉีกยิ้ม และรั้งตัวเองไว้ นับหนึ่งถอนหายใจ เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนน้อย ชุบน้ำบิดหมาด
หลังจากรักษาตัวโนโรงพยาบาลร่วมเดือน ข่าวการถูกทำร้ายของพัศวีก็ค่อยๆ เงียบหายไป เนื่องจากการใช้อิทธิพลของครอบครัวกดดันให้สำนักข่าวต่างๆ ปิดข่าวและเลิกสนใจติดตามข่าว ส่วนด้านคดีความ ก็ต้องยอมความ เพราะมันเกี่ยวพันถึงชื่อเสียง และหน้าตาทางสังคม ซึ่งฝ่ายหญิงเองก็ถือว่าได้รับความเสียหายมากเช่นกัน เกศิตา ปุญญะวัชโร เป็นลูกนอกสมรสของ พลวัตร ปุญญะวัชโร ที่เพิ่งกลับมาใช้ชีวิตในไทยเพียง 5 เดือนก่อนเกิดคดีฉาวกับพัศวี และค่อนข้างเป็นที่จับตามมองของสื่อ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้เธอถูกขุดคุ้ยอย่างหนัก ทั้งความเสเพล และเสพติดกามารมณ์ และการใช้ความรุนแรง เนื่องจากอิทธิพลของครอบครัว ทำให้รอดพ้นจากคดีฉาวต่างๆ มาได้ หลายต่อหลายครั้ง แต่การที่เธอยังคงได้รับเกียร์ติ และยอมรับในฐานะทายาท และได้มีส่วนในการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถสูง คุมบริษัทเครือเบฟเวอร์เรจทั้งหมดไว้ในกำมือ และแบรนด์ดังเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่เธอเข้ามาบริหาร กลุ
การได้มองดู และสูดดมดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่กำลังเบ่งบานชูช่อสวยงาม ช่างสร้างความเพลิดเพลินให้แก่นับหนึ่งเป็นอย่างมาก กุหลาบหลากสี ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว มะลิ แก้ว พุดซ้อน ฯลฯ ดอกไม้ไทยต้นเล็กต้นน้อย ที่เธอซื้อมาเพื่อทดลองสกัดน้ำมันหอม ก็มีมากมาย แม้เธอจะขลุกอยู่ในเรือนเพาะชำทั้งวัน ก็ไม่มีวันเบื่อ ห้องทดลองที่กั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซ้อนในเรือนเพาะชำอีกที ของนับหนึ่งได้เริ่มใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้ววันนี้ ธนญ ไม่ได้มาหาเธอ นับหนึ่งไม่ได้โทรหา หรือถามเขาว่าจะมาไหม เพราะเธอเข้าใจดีว่า บางครั้งคนเราก็ต้องการเวลาส่วนตัวของตัวเอง เวลาสำหรับครอบครัว และเธอเองก็เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งของเขา การคบกันของพวกเธอยังไม่ได้ชัดเจน ต่างยังคงมีระยะห่างของกันและกันอยู่หลังจากกลับจาก งานสังสรรค์เลี้ยงรับขวัญ พัศวี ทุกคนต่างแยกย้าย เขาแค่มาส่งเธอ แล้วก็กลับ เธอไม่ได้ชวนเขาอยู่ต่อ ถึงแม้จะอยากให้เขาอยู่ เขาเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะเข้าไปในบ้าน เขาแค่ส่งเธอหน้าประตูรั้วเท่านั้น
“ทานข้าวเถอะ” นับหนึ่งแตะที่แขน ธนญ เบาๆ ปลุกเขาให้ลุกขึ้นเพื่อรับประทานอาหารเย็นเขาเลิกคิ้ว ด้วยความสงสัย เธอเตรียมอาหารได้อย่างไร เพราะเมื่อมาถึง เขาก็ขอตรงมานอนก่อนเลย โดยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“เอามาจากไหน”เมื่อเขาเดินออกมาที่ระเบียงด้านหน้าบ้านพัก นับหนึ่งจัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะเล็กๆ เป็นอาหารพื้น ๆ ไข่เจียว ต้มยำ ผัดเผ็ด และข้าวร้อนๆที่ควันยังกรุ่น อาหารเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ผักสดๆ“สั่งจากร้านของกลุ่มครอบครัวเจ้าหน้า ข้างที่ทำการอุทยานฯ เป็นร้านอาหารที่ทำกันเองไว้บริการนักท่องเที่ยวน่ะ ฉันเห็นนายหลับ เลยอยากให้นอนพัก จะได้ไม่ต้องขับรถออกไปหาของกินอีก”“ขอบใจ”อากาศเริ่มหนาวเย็น แต่ธนญสวมเพียงเสือยืดตัวเดียว นับหนึ่งจึงเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาให้ เธอใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย จนเขารู้สึกชื่นชม“ทานได้ไหม” นับหนึ่งมอง ธนญตักอาหารเข้าปาก“ได้สิ มองฉันกินตลอด ฉันไม่ได้กินอะไรยากขนาดนั้น