Share

บทที่ 7

การได้มองดู และสูดดมดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่กำลังเบ่งบานชูช่อสวยงาม  ช่างสร้างความเพลิดเพลินให้แก่นับหนึ่งเป็นอย่างมาก  กุหลาบหลากสี ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว มะลิ แก้ว พุดซ้อน ฯลฯ ดอกไม้ไทยต้นเล็กต้นน้อย  ที่เธอซื้อมาเพื่อทดลองสกัดน้ำมันหอม  ก็มีมากมาย  แม้เธอจะขลุกอยู่ในเรือนเพาะชำทั้งวัน  ก็ไม่มีวันเบื่อ  ห้องทดลองที่กั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซ้อนในเรือนเพาะชำอีกที ของนับหนึ่งได้เริ่มใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้ว

วันนี้ ธนญ ไม่ได้มาหาเธอ นับหนึ่งไม่ได้โทรหา  หรือถามเขาว่าจะมาไหม  เพราะเธอเข้าใจดีว่า  บางครั้งคนเราก็ต้องการเวลาส่วนตัวของตัวเอง เวลาสำหรับครอบครัว  และเธอเองก็เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งของเขา  การคบกันของพวกเธอยังไม่ได้ชัดเจน  ต่างยังคงมีระยะห่างของกันและกันอยู่

หลังจากกลับจาก งานสังสรรค์เลี้ยงรับขวัญ พัศวี ทุกคนต่างแยกย้าย เขาแค่มาส่งเธอ  แล้วก็กลับ  เธอไม่ได้ชวนเขาอยู่ต่อ ถึงแม้จะอยากให้เขาอยู่  เขาเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะเข้าไปในบ้าน  เขาแค่ส่งเธอหน้าประตูรั้วเท่านั้น

หนึ่งเดือนที่ผ่านมา เธอและเขานอนด้วยกันเกือบทุกคืน  แต่สัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากเจอกันในชั้นเรียน  ก็แทบจะไม่ได้เจอเขาเลย  เขาเองอาจจะเริ่มเบื่อ  หรือร่างกายเริ่มล้าจนรับไม่ไหว  เธอเองก็เห็นสมควรแล้วที่ทั้งสองควรจะเพลากิจกรรมกันลงบ้าง  หากเมื่อคืนที่ผ่านมา เพื่อนๆไม่ได้นัดกันมาเลี้ยงรับขวัญพัศวี  ก็คงไม่ได้เจอกัน  อีกทั้งคืนที่ผ่านมา  มีเรื่องของการ ช่วยกันขวางพวกบอร์ดี้การ์ดของหญิงที่ทำร้าย พัศวี  พูดคุยกันเคร่งเครียด รวมถึงข่มขู่และใช้อิทธิพลตระกูลของ ธนญ กับสองบอร์ดี้การ์ด เขาอาจไม่มีกระจิตกระใจคิดทำอย่างอื่น เพราะ ธนญ เป็นคนที่ค่อนข้างรักเพื่อนฝูง และนำพาเรื่องของเพื่อนเปรียบเหมือนเรื่องของตัวเอง  หากไม่จำเป็นเขาจะไม่ทำเรื่องที่เสื่อมเสีย หรือเดือดร้อนมาสู่วงศ์ตระกูลโดยเด็ดขาด  การใช้อำนาจของครอบครัว แม้จะลำบากใจแต่ก็เลี่ยงไม่ได้

“    “ เสียงโทรศัพท์มือถือของนับหนึ่งดังขึ้น  แต่เนื่องจากเธอติดงานเปลี่ยนถ่ายกระถางต้นไม้  มือจึงยังใส่ถุงมือ และเปื้อนดินจำนวนมาก เธอได้แต่ปล่อยไปอย่างนั้น

“ยุ่งมากจนไม่มีเวลารับโทรศัพท์เลยเหรอ” ธนญ ทักหญิงสาวจากด้านหลัง  จนทำให้เธอตกใจ ทำกระถางต้นไม้หลุดมือ

“แม่ช่วย!” นับหนึ่งอุทาน

“แม่ไม่ช่วยหรอก ฉันสิช่วย” ธนญ นั่งยอง ๆ ช่วยเก็บเศษดิน และต้นไม้ที่หลุดกระจายจากกระถางใบเล็ก ตกอยู่ที่พื้นระเนระนาด

“มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง ฉันตกใจ” นับหนึ่งทำหน้ามุ่ย

“โกรธเหรอ” เขาถาม

“เปล่า” เธอตอบสั้นๆ แล้วลุกขึ้นถอดถุงมือออก  ปล่อยให้เขาเก็บคนเดียว

ธนญ นำต้นไม้และดินใส่กระถางจนเรียบร้อย  จึงเดินไม่หาเธอ  ที่กำลังเลื่อนโทรศัพท์ดูว่าใครโทรหาเธอบ้าง นอกจากเขา  ทันทีที่ ธนญ เห็นรายชื่อไม่รับสาย  เขาต้องดึงโทรศัพท์มาดู เพื่อให้แน่ใจ เขาโกรธที่เธอบันทึกชื่อเขาว่า “ตัวอันตราย”

“ทำแบบนี้อีกแล้วนะ” นับหนึ่งโมโห ที่เขาดึงโทรศัพท์ไปดื้อๆ

“จะแก้ไหม” เขายื่นโทรศัพท์ใส่หน้าเธอตรงๆ หญิงสาวหน้าถอดสี  แล้วแก้เก้อด้วยการดึงมันกลับมา  แล้วกดแก้ไขเปลี่ยนให้เขาทัน  และยื่นตรงใส่หน้าเขาเหมือนกัน

“อืม!” ธนญมอง  ชื่อที่เธอเปลี่ยนให้ แต่ก็ไม่วายเหน็บอีก “นายธนญ”  เขามองตามหลัง แล้วส่ายหัวเบาๆ เธอทั้งดื้อและร้ายกาจ

นับหนึ่งมองดูหยดน้ำที่หยดลงในแก้วทดลองทีละหยดช้าๆ เธอกำลังกลั่นเอาน้ำมันจากดอกบุหงาส่าหรี  ซึ่งตั้งแต่เช้า ได้แค่ 2 มล. โดยมีการจดบันทึกเวลา สี และความเข้มข้นของสารระเหยเอาไว้เป็นระยะ

“วันนี้วันหยุด  ไม่ไปไหนเหรอ” เธอถามโดยไม่เงยหน้ามอง  เมื่อเห็นเขายืนจ้องมองอยู่นาน

“มาหาเธอนี่ไง” เขาตอบ  แล้วดึงสมุดจดบันทึกของเธอมาดูด้วยความสนใจ

“บุหงาส่าหรี” นับหนึ่งมองดูเขาว่าจะคิดเห็นอย่างไร

“อืม! น่าสนใจ  ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน  เพิ่งรู้ว่ามีดอกไม้ชนิดนี้ด้วย”

เขาตอบตามตรง  เพราะดอกไม้ไทยๆ คนรุ่นใหม่อย่างเขาแทบจะไม่รู้จักกันแล้ว

“บอกว่ามาหาฉัน เพื่อ”

นับหนึ่งเลิกคิ้วถามอย่างข้องใจ  เพราะปกติ เขานึกมาก็มา นึกไปก็ไป ทุกวันจะมาแต่เช้า แต่วันนี้มาก็เกือบบ่ายแล้ว

“มาเหมือนเคย” นับหนึ่งหันขวับ

“ฉันไม่ว่าง  ฉันไม่ทิ้งงานพวกนี้นะ” เธอถลึงตาใส่เขา

“ก็ไม่ได้บอกให้ทิ้ง”

เขาพูดจบก็เดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ไม้กลมที่มุมหนึ่งของโต๊ะทำงาน  หยิบจับขวดน้ำมันหอมขวดเล็กๆ ที่เธอแปะชื่อไว้ขึ้นมาดูและลองดมกลิ่น  รายงานตัวอย่างการทดลองแยกวิเคราะห์สารที่สกัดได้ การคัดแยกสารและเติมแต่งกลิ่นด้วยสารต่างชนิด จำแนกกลิ่นได้อีกมากมาย  โดยนับหนึ่งพยายามจับสารที่เป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะ  ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของดอกไม้ชนิดนั้นไว้  ไว้เป็นกลิ่นหลัก

“แค่เดือนเดียวทำได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ ขนาดว่าทำกิจกรรมกับฉันตลอด  ถ้าไม่ทำจะขนาดไหนเนี่ย”

เขาแกล้งแซวเธอเล่น

“ใคร บอกจะช่วย แต่ไม่เคยช่วย แถมมากวนมากกว่า” นับหนึ่งต่อว่า

“เธอไม่ต้องให้ฉันช่วยหรอกแบบนี้  ดูจะเก่งกว่าฉันเสียอีก” เขาหัวเราะเบาๆ

“ฉันจะชวนเธอขึ้นเหนือ เข้าป่าไปดูพันธุ์ไม้ท้องถิ่นที่อุทยานเขาอนุรักษ์ไว้ร่วมกับชุมชน โดยขยายพันธุ์ให้ชาวบ้านนำมาเพาะและสกัดน้ำมันหอม  เป็นสินค้าพื้นเมือง ที่น่าสนใจมาก”

เขาบอกเจตนาที่แท้จริงของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ดึงดูดความสนใจของนับหนึ่งเป็นอย่างมาก  แต่ดวงตาและใบหน้าไม่ได้หันมาทางนับหนึ่งเพื่อยืนยันคำตอบ  ยังคงสนใจผลงานการทดลองและรายงานสรุปอย่างไม่วางตา

“อืม” นับหนึ่งตอบเสียงในลำคอ

“ไม่ถามเหรอว่าจะไปเมื่อไหร่”

เมื่อได้ยินแค่เสียงฮุมฮัมในลำคอของนับหนึ่ง  เขาจึงวางขวดน้ำมันหอมและเอกสาร มองเธอด้วยสายตาถมึงทึง

“เมื่อไหร่ล่ะ” เธอถามอย่างเสียมิได้

“ตั้งใจจะไปวันนี้ แต่ถ้าเธอไม่ว่างก็พรุ่งนี้แต่เช้า”

นับหนึ่งหันมามองเขาแต่เขาก็ไม่อยู่ให้ถามต่อแล้ว  เดินตรงเข้าไปในบ้านหลังใหญ่แทน

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง  ตั้งแต่ที่ ธนญ เดินหายเข้าไปในบ้าน  นับหนึ่งไม่ได้ตามเข้าไป  เพราะง่วนอยู่กับงานทดลองของตัวเอง  เขาเองก็ไม่ได้โผล่ออกมาให้เห็นหน้าเลย  เธอเองก็แปลกใจ และเกิดความสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่   แต่ก็ไม่อยากทิ้งงานไป  เพราะอยากทำให้จบไปในคราวเดียว

เมื่อจดบันทึกรายงานและข้อสังเกตต่างๆ เรียบร้อยแล้ว  เสร็จสิ้นกระบวนการของวันนี้  นับหนึ่งลงมือเก็บอุปกรณ์ต่างๆ ล้าง ทำความสะอาด เช็ดให้แห้งและเก็บเข้าที่อย่างเรียบร้อย เมื่อสำรวจว่าไม่มีอะไรตกหล่นแล้ว จึงปิดไฟในห้องทดลอง เหลือเพียงไฟดวงเล็กแสงสลัวในห้องเพาะชำ  เดินทะลุระเบียงห้องนั่งเล่นด้านข้างเข้าไปยังตัวบ้าน  ที่เปิดไฟไว้แต่ดวงเดียว

ธนญ นอนหลับอยู่ในห้องนอนของนับหนึ่ง  เธอจึงไม่ปลุก  เพราะจะจัดการชำระล้างร่ายกายตัวเองให้สะอาดเรียบร้อยก่อน  ด้วยความร้อนและการออกแรงทำนั่นนี่มาทั้งวัน  จนเหงื่อโทรมกาย  การอาบน้ำทำให้เธอผ่อนคลาย  และใช้เวลานานกว่าปกติ

ผ่านไปเกือบ 1 ชั่วโมง นับหนึ่งออกจากห้องน้ำด้วยผมที่เปียกห่อไว้ด้วยผ้าขนหนูผืนเล็ก  สวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตา  ร่างกายที่เปียกชื้นกรุ่นกลิ่นหอมละมุนของครีมอาบน้ำและแชมพูอ่อนๆ นับหนึ่งนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง  โดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาคู่งามของ ธนญ จับจ้องเธอราวกลับต้องมนต์  เขานอนตะแคงมองเธอโดยไม่พูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง

“ทำงานจนมืดแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ”

เมื่อตื่นจากภวังค์ เขาสังเกตว่าด้านนอกไม่มีแสงแดดส่องเข้ามาแล้ว  แม้นับหนึ่งจะเปิดไฟ แต่ก็เป็นเพียงไฟดวงเล็กที่โต๊ะเครื่องแป้งเท่านั้น  ทำให้ส่วนอื่นของห้องมืดสลัว 

“ฉันเสียงดังทำให้นายตื่นเหรอ”  นับหนึ่งสะดุ้งนิดหนึ่ง เพราะพยายามเบาและเงียบแล้ว  แต่เขาก็ทำให้เขาตื่น

“ไม่” เขาตอบและพยุงกายพิง  หยิบหมอนที่หนุนพิงที่หัวเตียง นั่งมองดูเธอ

“จ้องฉันอยู่ได้  ฉันเขินนะ นอนต่อเถอะ เดียวทำอะไรให้ทาน  เธอยังไม่ได้ทานข้าวเย็นเลยนี่”

นับหนึ่งหน้าแดง  แต่ก็ห่วงใยเขา ที่ดูเหมือนจะเพลีย ถึงได้นอนยาวขนาดนี้ จนลืมมื้อเย็น  เธอรีบเช็ดผมตัวเองให้แห้ง  ไม่ทันจะได้หยิบเครื่องเป่าผม เขาก็ลุกขึ้นและหยิบมันขึ้นมาก่อน ช่วยเปล่าผมของเธอจนแห้ง

“ขอบใจนะ”

นับหนึ่งขอบคุณเขา  และลุกขึ้น เพื่อจะเปลี่ยนใส่ชุดลำลอง  เพื่อลงไปทำอาหารเย็น  แต่เขากลับกอดเองเธอไว้ และก้มลงจูบที่ซอกคอ

“ฉันหิวเธอมากกว่า”

“อย่าสิ” นับหนึ่งร้องห้าม พลันเขาก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี  เขาหัวเราะหึหึ ในลำคอ

“ไม่ต้องทำหรอก สั่งมาทานเถอะ สะดวกดี เธอก็เพิ่งอาบน้ำ  เดี๋ยวจะมีกลิ่นติดตัวอีก  นี่ก็หอมดีแล้ว” เขาท้วงพร้อมก้มลงหอมแก้วของเธอฟอดใหญ่

อาหารเย็นง่ายๆ ถูกจัดการอย่างรวดเร็ว เพราะความหิวของทั้งคู่  นับหนึ่งไล่ให้เขาไปอาบน้ำจะได้สบายตัว  ส่วนเธอจะเก็บจานล้างทำความสะอาดเอง  เขาแปลกใจที่คราวนี้เธอไม่บอกให้เขากลับ  แต่กลับให้ไปอาบน้ำเหมือนรู้ว่าเขาจะค้างกับเธอที่นี่

“รู้เหรอ ว่าฉันจะค้างกับเธอที่นี่” เขาแกล้งถาม

“ก็เธอบอกจะพาฉันขึ้นเหนือวันนี้  เธอก็คงเตรียมเสื้อผ้า ข้าวของมาพร้อมแล้ว  พอบอกว่าไม่ว่าง ก็บอกจะไปพรุ่งนี้แต่เช้า  ยังไงนายก็ไม่กลับบ้านหรอก”

นับหนึ่งตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างคนรู้ทัน  ทำให้เขาอมยิ้ม และชื่นชมในไหวพริบของเธอ เขาหมุนตัวเดินขึ้นห้อง  ทำตามคำสั่งของเธอ

ธนญ ใส่เสื้อผ้าชุดประจำที่นับหนึ่งจัดให้  นั่งมองเธอจัดของใส่เป้เดินทางใบย่อม  โดยที่ไม่ต้องบอกเลยว่าการเดินทางครั้งนี้ไปในสถานที่อาจจะสมบุกสมบันสักหน่อย เธอจัดเสื้อผ้าไม่กี่ชุด และของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นเท่านั้น เพื่อที่จะไม่ต้องแบกน้ำหนักมากเกินไป  เธอเป็นคนที่รอบคอบ และกระฉับกรเฉงทะมัดทะแมง  จนเขาไม่ต้องห่วง

“ฉันขับรถไปเองนะ” เขาบอกเธอ เพราะเห็นเธอเก็บของน้อยมาก

“อืม  ก็ดีเหมือนกัน  เผื่อแวะที่อื่นด้วย  มีหลายที่ที่ฉันอยากไป ตั้งแต่กลับมาเมืองไทย  ยังไม่มีโอกาสได้เที่ยวไหนเลย  นายพาไปหน่อยนะ”  นับหนึ่งแสดงบทอ้อน  ที่ค่อนข้างน่ารักสำหรับเขา แต่กลับเคอะเขินสำหรับเธอ

“นั่งรถนานๆ จะเมื่อยและเหนื่อย  เธอโอเคใช่ไหม” เขาลองใจ

“นายเตรียมการมาแล้วจะถามทำไม ชิ” นับหนึ่งเบ้ปากอย่างรู้ทัน

เขาดึงเธอมากอด และพยายามที่จะจูบเพื่อทำโทษที่เธอล้อเลียนเขา  แต่เหมือนการหยอกล้อกันจะไม่จบลงง่ายๆ  เพราะความโหยหาที่มีให้กันกว่าสัปดาห์  มันจุดไฟปรารถนาขึ้นอย่างรวดเร็วจากจุมพิตที่ดูดดื่มของเขา

“พรุ่งนี้  เราต้อง...” พูดได้เพียงแค่นั้น  เสียงของนับหนึ่งก็หายไปในลำคอ

ระเบียงไม้ที่ยื่นออกไปตามแนวผาสูง  ถูดจัดวางด้วยไวน์เลิศรสบนโต๊ะปีกไม้ตัวเขื่อง  และเต็มไปด้วยถุงยางอนามัยนับ 10 กล่องที่พัศวีกับเกศิตาไปซื้อด้วยกัน  หญิงสาวถูกเปลื้องผ้าท่อนล่าง  มือทั้งสองพยายามดึงชายเสื้อปิดของสงวน  เกศิตาถูกพัศวีถอดกางเกงตัวโคร่ง  เพราะเขาต้องการร่วมรักกับเธอ ตามที่พูดไว้ก่อนออกไป ที่ระเบียงแห่งนี้

ครั้งแรกที่เขาถูกล่อลวง  เธอชวนให้เขาร่วมรักกับเธอ  ในที่โล่งแจ้งบนฝากระโปรงรถของเขาข้างทางในซอยเปลี่ยว  เธอกลับไม่กลัวหรือเคอะเขินเลยด้วยซ้ำ  เมื่อกลับมาจากในเมือง  เขาจัดการให้เธอกินยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ถุงยางอนามัยมากมายที่เขาซื้อมา  ถูกโยนไว้บนโต๊ะ เขาบอกให้เธอเลือกว่าจะให้เขาใช้แบบไหน  แต่เธอกลับเดินหนีและหลบเลี่ยง ทำตัวเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสาขึ้นมาอย่างนั้น

เขาโมโหที่เธอพยายามขัดขืนเขา จึงกระชากกางเกงออก และผลักเธอไปที่ระเบียง ปล่อยให้เธอยืนล่อนจ้อนอยู่อย่างนั้น ท้าลมหนาว  และกลับมานั่งมองด้วยสายตาดุดัน จิบไวน์  และจ้องเธอราวกับเสือที่รอขย้ำลูกกวาง

“ฉันต้องการกลับบ้าน”

เธอตวาดเขา กระอักกระอวน ที่เขาเอาแต่จ้องมองเธอ  โดยไม่ทำอะไร นอกจากโลมเลียด้วยสายตา  สายตาของพัศวี คาดเดาความหมายไม่ได้  เขาเป็นคนอ่านยากสำหรับเกศิตา  ต่างจากธนญ ที่ดูเย็นชา  แต่การแสดงออกตรงไปตรงมาและชัดเจน

“นี่ก็แค่ แลกกับสิ่งที่เธอทำกับฉัน  ก็บอกแล้วไง  ว่าพรุ่งนี้จะปล่อยเธอไป”

เขายิ้มแต่แฝงไว้ด้วยความมาดร้ายบางอย่าง  บันดาลโทสะเขวี้ยงแก้วไวน์ลงพื้นอย่างแรง ด้วยอารมณ์โกรธที่พุ่งพล่าน  ความขัดแย้งในใจที่เธอแสดงต่อเขาก่อนหน้านั้น กับตอนนี้มันดูเหมือนคนละคน หนังคนละม้วนไม่มีผิด  ตัวตนที่แท้จริงของเธอคือคนไหนกันแน่  เธอคนนั้นโหดเหี้ยม สั่งคนทำร้ายเขาเกือบตาย  แต่เธอตอนนี้แสร้งทำตัวน่าสงสารเหมือนตัวเองตกเป็นเหยื่อ

เขาลุกขึ้นเดินตรงไปหาเกศิตาอย่างรวดเร็ว จับกายเธอหมุนออกไปทางหน้าผา กดตัวเธอโน้มลงกับขอบระเบียง  ราวกับต้องการผลักให้เธอตกลงไป

“ถ้าฉันจะฆ่าเธอ มันง่ายมาก” เขาขู่

“ก็ฆ่าเลยสิ  เพราะฉันสาบาน ฉันจะฆ่านายแน่” เธอฮึดฮัด ถึงแม้จะกลัว  แต่ก็พยายามข่มความกลัวไว้

“ผู้หญิงร่านแบบเธอ  อยู่ไปก็ทำให้วงศ์ตระกูลเสื่อมเสีย เดือดร้อนอยู่ไม่ส่าง  ฉันล่ะสงสารพ่อแม่เธอเสียจริง”

เขาพูดพร้อมกับกรีดปลายนิ้วเข้าไปในกึ่งกลางหว่างขาของเธอ  จนเกศิตาแอบครางเบาๆ จน พัศวี ถึงกับหัวเราะในลำคอ

“หยุด”

เกศิตาร้องขอให้หยุด และจับมือเขาไว้ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายไม่สามารถต้านทานเขาได้อีกต่อไป  แต่พัศวีกลับทำตรงกันข้าม เขาสอดมันลึกเข้าไปอีก ร่างกายของเกศิตาไม่มีทางสู้กับเขาได้  ในเมื่อเธอมีความต้องการ และตอบสนองเขาอยู่ตลอดเวลา  เขาเอาชนะมันมาตั้งแต่แรก

“ในเมื่อเธอไม่เลือก  ก็ไม่ต้องใช้มัน”

เขาสอดแก่นกายที่ไร้เกราะหุ้ม ของเขาเข้าไปแบบไร้ปราณีจนเกศิตาถึงกับสะดุ้ง  เธอไม่อาจต้านทานหรือขัดขืนเขาได้  สะโพกที่โก้งโค้งอยู่กับราวระเบียงถูกสอดใส่ในจังหวะที่ดุดันจากด้านหลัง จนเธอสั่นสะท้าน ทั้งความหนาวเย็นของอากาศและความหนาวเย็นในความรู้สึกที่เขาสัมผัส  เขาไม่ใช่คนเดิมที่เติมเต็มความสุขให้เธอเหมือนในครั้งก่อน  คนที่เขาต้องการคือพัศวีที่เธออยู่กับเขาที่โกดังนั่น

เกศิตาร้องไห้ออกมา จนหยดน้ำตาหยดลงบนแขนของเขา ที่รัดรอบอกของเธอไว้ เสียงสะอื้นเบาๆ ทำให้พัศวีสับสน  แต่ด้วยความแข็งขึงของร่างกายเต็มที่ เขาทำได้แค่ให้มันผ่านไปเร็วที่สุด  เมล็ดพันธุ์ของเขาถูกปลดปล่อยจนสิ้น  และผละจากเธอไป ปล่อยให้เกศิตาทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง

พัศวีชำระร่างกายตัวเอง  ปล่อยให้น้ำจากฝักบัวไหลผ่านศีรษะ  เขาสับสน  ระหว่างเขากับเกศิตา คือความแค้นจริงหรือไม่  เธอเป็นคนที่เข้าใจยาก  เขาหลงเสน่ห์ที่เย้ายวน หรือหลงกลมารยาที่เธอทำราวกับหญิงสาวไร้เดียงสา อ่อนประสบการณ์กันแน่  เขายืนอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไป  ด้านนอกยังคงเงียบสนิท  ไร้การเคลื่อนไหว  เกศิตาทำอะไรอยู่  เขาพันผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาด้วยความสงสัย

หญิงสาวนอนฟุบอยู่ที่พื้นหลับไปพร้อมคราบน้ำตา  เนื้อตัวเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง  ด้วยความตกใจ  เขาตบแก้มเรียกเธอ เพื่อให้ได้สติ  แต่เกศิตาแทบจะไม่รู้สึกตัวเลย  เขาอุ้มเธอเข้ามาในห้องและวางเธอลงบนเตียงอย่างรีบร้อน  พร้อมกอดเธอไว้ใต้ผ้าห่มผืนหนา  เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น  ผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงร่างกายที่เย็นเฉียบของเกศิตาเริ่มอุ่นขึ้น ริมฝีปากสีคล้ำซีด เริ่มมีสีเลือด ร่างกายเริ่มขยับแต่ไม่รู้สึกตัว

ในภวังค์นั้นเกศิตารับรู้ถึงไออุ่นจากร่างกายของพัศวีที่กอดเธอไว้  มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นและโหยหา  เพราะตั้งแต่จำความได้  เธอไม่เคยได้รับไออุ่นจากอ้อมกอดของใครเลย  ไม่ว่าจะจากพ่อ  หรือผู้เป็นแม่  แม่ของเกศิตาไม่สนใจใยดีเธอนอกจากตัวเอง  เธอใช้ลูกเป็นเครื่องต่อรองกับสามีเพื่อเรียกร้องเงินทองเท่านั้น  เธอจึงเติบโตมาด้วยการใช้เงินซื้อทุกสิ่งที่ต้องการแม้แต่ความรัก แต่ก็ไม่เคยได้พบกับความรักความจริงใจทั้ง จากเพื่อน จากคนรัก  ความโหยหาความรัก นำพาเธอไปสู่การล่อลวงทางกามารมณ์ เกมส์รักพิสดาร ยิ่งหายิ่งเจอแต่ความเจ็บปวด เรื่องเลวร้าย การใช้ความรุนแรง การทำลายชื่อเสียง  ชีวิตในต่างแดน  ทำให้เธอล้มลุกคลานไม่เป็นผู้เป็นคน แต่เธอเป็นคนเก่งและมีความสามารถ  การเรียนเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้สังคมยอมรับเธอ  แม้จะถูกติฉินนินทาในเรื่องอื่น  เธอก็ไม่ได้สนใจ  เพราะมันคือรสนิยมส่วนตัว เธอสามารถเรียนจบได้รับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และเข้ามาเป็นผู้บริหารอายุน้อย ที่นำพาบริษัทติดอันดับต้นๆ ของประเทศ  แม้เธอไม่เข้าใจว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร  แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้ว่าเธอรักมันมาก  คือ งานที่ทำอยู่

ร่างกายของเกศิตาขยับแนบชิดร่างกายของพัศวี และโอบกอดเขาโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าที่แนบกับอกของเขา ราวกับจะฝังตัวเองให้เป็นเนื้อเดียวกับเขาก็ไม่ปาน เขาอยากผลักเธอออกจากอ้อมแขน  เพราะการที่เธอสัมผัสเขาแบบนี้  มีผลกับร่างกายของเขา  และไม่เป็นการดีหากเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ในขณะที่เธอไม่ได้สติ

“ปล่อยเถอะ” เขาพยายามดึงแขนเธอออก

“ฉันต้องการ”

เธอพึมพรำ และกระชับวงแขนไว้แน่น และพยายามซุกไซร้ร่างกายไปกับร่ายกายของเขา ใบหน้าที่ซุกอยู่ที่อกเคลื่อนไหว  และซุกไซร้ขึ้นตามลำคอ  อย่างไม่รู้ตัว  ริมฝีปากและปลายลิ้นดูดกลืนอย่างกระหาย ลมหายใจถี่ ๆ ดังครืดคราดอยู่ใกล้หู

ไฟปรารถนาของเขาเริ่มรุกโชนอีกครั้ง  เมื่อผ้าเช็ดตัวที่พันท่อนร่างถูกขาของเกศิตาที่ถูไถ จนหลุดออก มือที่สะเปะสะปะ จับลำกายของเขาจนผงาด ไอร้อนอุ่นๆ ผ่อนถ่ายไอเย็นที่มือของเธอ จนขนลุก ร่างกายของเขาเริ่มขยับตามแรงสัมผัสของเธอ  เขาไม่รอช้าถอดเสื้อยืดที่เหลือหุ้มร่างกายเธอออกไปอย่างรวดเร็ว

“รักฉันได้ไหม”

เกศิตาพึมพรำคำรัก ที่ทำให้พัศวีถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม เพราะในภวังค์นั้น เกศิตาเห็นภาพพัศวีในมาดของสุภาพบุรุษที่สดใสร่าเริง ยิ้มแย้ม สุภาพ อ่อนโยนต่อเธอ และร่วมรักกับเธอด้วยความรักและทะนุถนอม

“อืม” เขาครางออกมาเมื่อเธอขยับร่างขึ้นค่อม และสอดใส่ร่างกายเธอบนแก่นกายของเขาช้าๆ และจูบปากเขาอย่างดูดดื่มทั้งที่ยังหลับตา

มือของเขาเกาะกุมสะโพกของเธอที่บดขยี้เขา ให้สัมผัสแนบแน่น หนักหน่วงและเชื่องช้า ลมหายใจถูกผ่อนยาวทุกแรงเสียดสีที่เสียวซ่าน  เขาไม่เคยสัมผัสลีลาเคลิบเคลิ้มเชื่องช้าแบบนี้จากเธอมาก่อน  มันทำให้เขารู้กสึกดีและผ่อนคลาย  ไม่มีความรีบร้อน ค่อยเป็นค่อยไป  และเพิ่มทวีขึ้นที่ละนิด  จึงระเบิดออกมาเองในที่สุด

ร่างกายที่ใกล้จะระเบิด  ทำให้เกศิตาตื่นจากฝัน เธอตกใจจนผงะ ดวงตาที่ปรี่ปรือ เบิกโพรง เขามองหน้าเธอด้วยความฉงน  หน้าตาที่บูดเบี้ยวด้วยแรงกระสัน เลือดสูบฉีดจนใบหน้าแดงกร่ำ  โพรงที่บีบรัด ดูดพิษของเขาจนคับแน่น  แรงบีบอัดของร่างกายทำให้เส้นเลือดของเขาโปร่งขึ้นจนเห็นชัด  เสียงครางแรงของเขาทำให้เธอตกใจกลัว พยายามดันร่างของตัวเองออก แต่มือทั้งสองของเขากลับกดสะโพกของเธอไว้แน่น  จนเธอเองก็ปวดร้าว แทบขาดใจเช่นกัน  เสียงร้องของทั้งคู่ผสมผสานกันตามจังหวะเร่งเร้า

เมื่อผ่านจุดสุดยอดพร้อมกัน  ร่างทั้งสองแทบหมดเรี่ยวแรง เกศิตายังคงฟุบอยู่บนร่างของเขาอย่างอ่อนแรง เหงื่อเปียกโชก วงแขนสอดโอบรอบลำตัวเขาอยู่ครู่หนึ่ง

“ลุกออกจากตัวฉันได้แล้ว”

น้ำเสียงเย็นชาของพัศวี ทำให้เกศิตาถึงกับตัวแข็ง  เธอพยายามพยุงตัวเองออกไป  แต่ไม่มีเรี่ยวแรง จนฟุบลงกับอกของเขาอีกครั้ง  พัศวีจึงผลักเธอออก เกศิตาหันหลังให้เขา คู้ร่างราวเก็บเด็ก และสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง สับสนการกระทำของเขา  เกมส์รักที่เพิ่งจบไปมันดีมาก  เหมือนของขวัญสุดพิเศษที่เธอโหยหามาชั่วชีวิต  แต่เขากลับทำเหมือนรังเกียจและขยักแขยง เธอพยายามกั้นน้ำตาที่เอ่อล้น  ไม่ให้มันไหลออกมา

เกศิตานอนเงียบอยู่อย่างนั้น  พัศวีถอนหายใจแรง  และลุกขึ้นจากเตียง พันผ้าเช็ดตัวออกไปจากห้อง  นานจนเกศิตาผล็อยหลับไป  เขากลับเข้ามาอีกครั้ง  ก็เห็นเธอขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ตัวสั่นราวลูกนก  เมื่อเขาแตะที่หน้าผาก  ก็ต้องตกใจ  เกศิตาไข้ขึ้นสูง  คงเป็นเพราะนอนตากน้ำค้างอยู่นานก่อนหน้านี้  เขาเช็ดตัวให้เธอ  พร้อมป้อนยาลดไข้  ปล่อยให้เธอนอนหลับจนถึงเช้า

“ลุกขึ้น อาบน้ำและแต่งตัวซะ เราต้องกลับกันแล้ว”

พัศวีอยู่ในชุดที่พร้อมจะเดินทางแล้ว  เขาดึงผ้าห่มออกจากกายเธอเพื่อปลุก  เกศิตาเพิ่งฟื้นไข้  ได้แต่งัวเงียและพยุงตัวลุกขึ้น  เสื้อผ้าของเธอถูกเตรียมไว้แล้ว  พัศวีให้แม่บ้านจัดเตรียมไว้ให้  เป็นชุดที่เธอใส่มา  แต่ผ่านการซักรีดทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว

เขาจิบกาแฟรอที่ระเบียง  จนเกศิตาเดินออกมา  เขาบอกให้เธอดื่มกาแฟ และขนมปังเสียจะได้ออกเดินทาง  โดยไม่มองหน้าเธอเลยสักนิด  ความเย็นชา ตรึงเครียดจนน่าหวาดกลัว  ไม่มีการพูดคุยระหว่างกัน  จนกระทั่งถึงกรุงเทพฯ  เขาไปส่งเธอที่คอนโด  หลังจากเธอลงจากรถแล้ว  เขาก็ขับรถออกมาโดยไม่มีการบอกลากัน  ดวงตาและและใบหน้าของเกศิตา เต็มไปด้วยความเศร้าและผิดหวัง  หัวใจเต้นแรงจนปวดตุบ

ธนญและนับหนึ่งเดินทางออกจากรุงเทพฯ ตั้งแต่ ตี 5 ถึงแม้จะผ่านกิจกรรมที่เร่าร้อน กันไปหลายรอบ   แต่สำหรับ ธนญ มันไม่ได้หนักหนาสำหรับเขา  เพราะเขาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแรง  ร่างกายกำยำ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ  การทำกิจกรรมกับนับหนึ่งก็ไม่ต่างกับการออกกำลัง  นับหนึ่งต่างหากที่หลับมาตลอดทาง  ด้วยความเหนื่อยล้า

“ถึงไหนแล้ว” นับหนึ่งงัวเงีย  ค่อยๆ ลืมตาสู้แสงแดดจ้า

“นครสวรรค์”

“พักหน่อยไหม” นับหนึ่งถาม  เมื่อมองเขาจากด้านข้าง  เขานิ่งและมองตรงไปข้างหน้าผ่านแว่นกันแดดสีเข้ม

“อืม ได้สิ เธอจะได้ไปล้างหน้าล้างตา เข้าห้องน้ำ” เขายิ้ม

รถขับเคลื่อนสี่ล้อ นำพาสองหนุ่มสาวหน้าตาดี เข้ามาในปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ห้องน้ำที่สะอาดสะอ้าน  เพียงแค่ช่วยบริจาค 20 ให้การกุศล ติดแอร์เย็นฉ่ำ บริการที่นั่งพักสบายๆ อีกต่างหาก 

เขานั่งรอนับหนึ่งหน้าห้องน้ำ จนเป็นที่สะดุดตา ผู้มาใช้บริการสาว  ต่างก็อยากเห็นว่าแฟนของเขาจะสวยสักแค่ไหน  เมื่อนับหนึ่งเดินออกมา  หน้าตาที่ไร้การแต่งเติมจากเครื่องสำอาง สะอาดหมดจด ผิวใสเนียนละเอียด จนตกตลึง คิ้วเรียวเข้ม ร่างสูงโปรงในชุดเสื้อยืดพอดีตัวสีขาว กับกางเกงยีน ตัวซีดเก่าๆ มีรอยขาดเป็นริ้วบางๆ  แต่ดูมีสไตล์

“ทานข้าวก่อนไหม หิวแล้ว” นับหนึ่งถาม

“เอาสิ”

“นายทานได้ใช่ไหม” เพราะนับหนึ่งรู้ว่าเขาไม่ค่อยทานอาหารข้างทาง  นอกจากร้านที่เป็นสัดส่วนและสะอาดสะอ้าน

“มาแบบนี้ฉันไม่เรื่องมากหรอก  แล้วที่นี่ก็มีแบรนด์อาหารที่ขายในห้างฯ ตั้งหลายร้าน ทานได้ เธอเลือกเลย”

เขาดูง่ายขึ้น  ผิดกับแต่ก่อนที่เริ่มรู้จักกันใหม่ๆ มาก

สายตาจากสาวน้อยสาวใหญ่หลายคู่ จับจ้องที่เขาทั้งสอง อย่างอิจฉาในความสวยความหล่อ  ที่เดินมาคู่กันในร้านอาหารชื่อดัง  นับหนึ่งคล่องกว่า ธนญ ในเรื่องนี้  เธอจึงจัดการแทนเขาเอง  แบบไม่ต้องพูดกันก็เข้าใจกันดี  ธนญทานไปเพียงเล็กน้อย  อาจจะเพราะอาหารไม่ถูกปาก  แต่ก็ทานให้พอรองท้องไปก่อนจะถึงจุดหมาย  ด้วยความรอบคอบ  นับหนึ่งจึงขอเข้าไปซื้อเสบียงในร้านสะดวกซื้อมาติดไว้บนรถอีกสักหน่อยเผื่อว่าเขาจะหิวระหว่างทาง

แม้ระยะทางจะยาวไกล  แต่ดูเวลาที่อยู่ด้วยกันบนรถมันจะสั้นนิดเดียว  ธนญ ทำเวลาให้สามารถเดินทางไปถึงจุดหมายให้ได้เร็วที่สุด  โดยหยุดพักระหว่างทางให้น้อย

“ไว้ขากลับ ค่อยแวะเที่ยว” เหมือนเขาจะเดาความคิดของนับหนึ่งได้  จึงหันมาบอกและยิ้มให้เธอ  นับหนึ่งยิ้มตอบ

การเดินทางที่ยาวนาน  พวกเขามาถึงแล้ว  และเข้าพักในบ้านพักของอุทยานฯ ในจังหวัดเชียงใหม่  ธนญเลือกพาเธอมาพักที่อุทยานฯ ถึงแม้จะไม่ได้สะดวกสบายมากนัก  แต่เนื่องจากใกล้ศูนย์เพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์มณฑาป่า และเป็นแหล่งสกัดน้ำมันหอมชั้นเลิศ เนื่องจากวัตุดิบที่นำมาสกัดจากต้นสดใหม่และมีปริมาณมาก  ซึ่งหน่วยงานรัฐร่วมกับชุมชนผลิตออกมาจำหน่ายเป็นสินค้าพื้นเมือง ประเภทสมุนไพรและน้ำมันหอม

ฟ้าเริ่มปิด อากาศเริ่มเย็นลง  เสื้อผ้าที่เตรียมมาเท่าที่จำเป็นดูจะน้อยไป  ธนญ นอนพักอยู่บนเตียงด้วยความเหนื่อยล้าจากการขับรถมาทั้งวัน  สิ่งที่นับหนึ่งทำได้คือ การเตรียมอาหารเย็นสำหรับเขา  อาหารเย็นง่ายๆ จากร้านท้องถิ่นของครอบครัวเจ้าหน้าที่เอง ทั้งสดใหม่และอร่อย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status