แขนที่เกร็งเริ่มอ่อนแรง เปลี่ยนเป็นสัมผัส ลูบไล้แผ่วเบา เขาประคองแก้มพระแพงไว้เต็มฝ่ามือ จุมพิตดูดดื่มแผ่วเบา ปลายลิ้นบางสอดรับปลายลิ้นของเขาที่ซอกซอนกระพุ้งแก้ม ขาทั้งสองข้างตวัดรอบสะโพกที่สอดเข่าทั้งสองเพื่อแอ่นสะโพกผายของเธอให้รับแก่นกายที่ตั้งตรงได้มุม แต่มันทำหน้าที่เพียงสัมผัสหน้าปากถ้าที่ปกคลุมพุ่มริ้วสีดำหยิกขอด เสียดสีไปมาสร้างความเพลิดเพลินทีละน้อย รอจนกว่าปลายกลีบจำปาจะเผยอออก พร้อมน้ำหวาน
เขาจับมือเธอให้กุมที่แท่งลำของเขา และประคองมือเธอไว้ เขาสอนวิธีสัมผัสที่ช่วยให้เขารู้สึกกระสัน และปล่อยมือให้เธอได้ทำด้วยตัวเอง ก่อนจะทำมันให้กับเธอบ้าง ปลายนิ้วที่กรีดไปตามรอบแยก ขึ้นและลงช้าๆ หนักบ้าง เบาบ้าง จนเธอครางออกมา
“ช้าหน่อย”
เขากระซิบบอกเธอที่ข้างหู เมื่อเธอสัมผัสเขารุกเร้าเร็วเกินไป เพราะหากแรงกระสันมันมากเกินจะทนได้ เขาอาจจะต้องรุกเธอก่อนถึงเวลาที่ร่างกายเธอพร้อม เขาค่อยๆสอดนิ้วกลางเขาไปจนมิด ร่างของเธอแอ่นรับอัตโนมัติ ไม่ต่อต้าน ดูเหมือนความเจ็บปวดจะจางหายไปแล้ว เพราะร่างกายเธอต้องการเขามากกว่า แรงตอดที่ล้อมรอบโอบรัดนิ้วเรียวยาวของเขา จนเขาต้องแทรกนิ้วชี้เข้าไปอีก เพื่อทดสอบโพรงปริศนา ว่าพร้อมสำหรับสิ่งที่ใหญ่กว่าหรือไม่ สะโพกเธอสั่นเล็กน้อย แต่ก็ยังแอ่นรับ และเร่งจังหวะตัวเองเข้าหา แต่เขากลับค่อยๆ หยุดเอาไว้ เพราะมันเร็วไปสำหรับเธอ หยาดน้ำที่แทรกซึมเปียกชุ่ม เหนียวเหนอะ และลื่นไหล
เขาจ้องมองร่างเล็กบอบบาง แต่อกอูมเต็มตึงของเธอ บิดร่างกายด้วยความเร่าร้อน แม้จะหลับตาหรี่ กึ่งหลับกึ่งมองมาที่เขาอย่างเว้าวอน ขอให้สอดใส่และเร่งจังหวะ สองมือที่เกาะกุมและบีบคลึงที่เม็ดบัวของตัวเอง เพื่อกระตุ้นแรงกำหนัด แม้ไม่ใช่คนที่คุ้นเคยเรื่องพวกนี้ แต่แรงปรารถนามันสามารถก่อสัญชาติญาณดิบที่ต้องการทางเพศได้อย่างมากมายตามธรรมขาติของร่างกายที่เรียกร้อง
ภาพที่เห็นเธอกระหายต่อเขาอย่างเต็มตา มันกระตุ้นให้เขาอยากสัมผัสก่ายกอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ความต้องการที่ถาโถม เขากอดจูบเธออย่างรีบร้อน ตระกะตระกราม ร่างกายที่ต้องการสอดใส่ไม่สามารถทานทนได้อีกต่อไป ทันทีที่เขานำมันเข้าไปยังช่องแคบใต้เนินเนื้ออูม ผ่านกลีบเนื้อที่นุ่มหยุ่นชุ่มด้วยน้ำชื้นแฉะ ลื่นไหล เขาพยายามยั้งร่างกายของเขาให้ช้าลง ไม่รีบร้อนจนเกินไป เข้าไปจนลึก และหยุดค้างไว้เช่นนั้น เมื่อร่างของพระแพงเริ่มหดและเกร็ง
“ชู้ว... มันจะไม่เหมือนเดิม”
เขาปลอบเธอ เสียงหายใจเข้าออกถี่ ๆของเขาดังอยู่ที่ข้างหู เขาข่มตัวเองอย่างทรมาน เธอรับรู้จากเสียงลมหายใจ เขาขยับออกช้าๆ จนเลือดฉีดทั่วทั้งกาย ใบหน้าแดงร้อนผ่าว เขาเก็บกั้นมันเพื่อเธอ จนทำให้พระแพงกอดเขาอย่างแนบแน่น จนน้ำตาจากหางตาค่อยไหลออกด้วยความตื้นตันและสงสารเขาจับใจ จังหวะเข้าออกที่เชื่องช้าทำให้เธอผ่อนคลาย และเพลิดเพลินอย่างมีความสุข จนเผลอครางกระเส่าด้วยความสุขสม มันกระตุ้นให้แรงขับเคลื่อนในกายเขาเพิ่มขึ้น จังหวะที่เชื่องช้าเร็วขึ้น จนเสียวซ่านไปทั้งร่างเหมือนถูกไฟช็อต แรงบดขยี้ กดขึ้นและลงลากผ่านสันเนื้อที่ไวกับไฟปรารถนา พระแพงรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกฉีก เสียงครางยาวเร้าเขาจนถึงจังหวะสุดท้าย
“ทนหน่อย อีกนิด”
โพรงสวาทของเธอบีบเขาจนแน่น เหมือนเชือกที่ดึงรั้งผูกเข้าหากัน ทำให้แรงขยับยากขึ้นจนเขาต้องใช้แรงเฮือกสุดท้ายแทรกเข้าไปในกายเธออย่างสุดกำลัง จนสามารถปล่อยเมล็ดพันธุ์ได้สมบูรณ์ แรงอัดที่ทำให้ร่างของพระแพงสั่นสะท้านกระตุก 2-3 ครั้ง ก่อนจะสลบไสล ดวงตาพล่าพราว ราวกับเห็นดวงดาวระยิบระยับ
พระแพงถูกพลิกร่างให้นอนคว่ำ กว่าที่จะรู้สึกตัวอีกครั้ง อาวุธของเขาก็สอดใส่เธอจากด้านหลัง ร่างที่เพิ่งตื่น ขยับตามสัญชาตญาณ เธอครางแนบหน้ากับหมอน กำมือจิกนิ้วทั้งห้าจนแทบจะฉีกปลอกหมอนที่แสนนุ่มให้ขาดจากกัน
“ฉันต้องการมาก”
เขากอดเธอจากด้านหลัง สอดมือสองข้างเกาะกุมดอกบัวของเธอไว้ กระซิบที่ข้างหูเพราะรู้ว่าเธอยังไม่ได้สติ แค่ตอบสนองเขาด้วยสัญชาตญาณเท่านั้น สะโพกที่โยกกระดกขึ้นลงเร่งจังหวะอัตโนมัติ ทั้งที่เธอยังไม่รู้สึกตัว แต่ร่างกายที่ต้องการเขากลับเป็นคำตอบว่าต้องการเขาเช่นกัน
จังหวะที่เริ่มเร็วและแรงทำให้เธอตื่น แต่ไม่สามารถหยุดตัวเองได้
“ฉันเหนื่อยเหลือเกิน” เธอบอกเขาด้วยเสียงอ่อนแรง
“แต่ร่างกายเธอไม่เหนื่อยนี่นา” เมื่อเธอเปลี่ยนท่าชันเข่าขึ้นยันตัวด้วยศอก ราวกับพุดเดิ้ลตัวน้อย
“ฉัน..” พระแพงกระดากที่จะพูดมันออกมา
“ฉันอาจต้องการเธอทั้งคืน”
เขาเร่งจังหวะเข้าออก จนเธอแอ่นหลัง เสียงกระทบจากก้นนุ่นๆและหน้าขา ดังก้องในหูที่อื้ออึงด้วยแรงดันภายในที่ต้องการถึงจุดสุดยอด มันถี่และเร็วไปสำหรับสืบสาย กับกิจกรรมครั้งใหม่ ของเหลวภายในไม่พอที่จะปลดปล่อย ทำให้เขาปวดระบบไปทั้งร่าง แต่ก็สร้างความสุขอยู่ไม่น้อย เพราะเสียงครางที่กระแทกตามจังหวะกระสันของเธอบอกถึงงานที่สำเร็จลุล่วง
สงครามสวาทระหว่างพระแพงกับสืบสาย พักยกไม่ทันไร ก็เริ่มใหม่นับไม่ถ้วน จนพระแพงไร้เรียวแรงสลบยาวถึงเช้า ในขณะที่สืบสายนอนไม่หลับ เพราะรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย ที่ต้องการเธอมากเกินไป มันอันตรายสำหรับเขา ที่อาจจะผูกพันธ์กับเธอมากเกินความจำเป็น เขาไม่ต้องการสานสัมพันธ์กับใครในเชิงชู้สาว เกินกว่าการมีเพศสัมพันธ์ต่างตอบแทนกันเท่านั้น
เขาตัดสินใจออกจากห้องทิ้งเธอไว้เพียงลำพัง เพราะห้องนี้เขาไม่เคยนอนกับใครทั้งคืนจนรุ่งสางของอีกวัน เพราะมันมีไว้แค่สำเร็จความใคร่
เขาขับรถกลับบ้านเกือบตีห้าแล้ว แต่ไม่เคยรบกวนใคร เขาเปิดประตูรั้วด้วยตนเองเสมอ แต่เหมือนวันนี้ จะเป็นวันที่เขาได้พบกับคุณย่าในรอบหลายเดือน เพราะมันเป็นเวลาตื่นของท่าน
“กลับมาแล้วเหรอ” หญิงชราวัย 80 ที่ยังแข็งแรง มองรอดแว่นกล่าวทัก
“รีบกลับมาให้ทันเจอคุณย่าไงครับ” เขารีบเข้าไปอ้อน กอดรอบเอวหลวมๆ
“เจ้าตัวดี” ท่านลูบหัวเขาด้วยความเอ็นดู
“คุณย่าทำอะไรครับ” เขาถามอย่างกระตือรือร้น
“ย่าเตรียมของใส่บาตร อยู่ใส่บาตรกับย่าก่อนนะ ค่อยขึ้นไปนอน”
“ครับ”
เขาสุภาพและอ่อนน้อมกับคุณย่ามาก เพราะท่านคือคนที่เลี้ยงเขามาแต่แบเบาะ แต่เล็กจนโต เขาผูกพันธ์กับคุณย่ามากกว่าพ่อเสียอีก เพราะพ่อของเขายุ่งอยู่กับธุรกิจเป็นหลัก เขาเสียแม่จากการที่ให้กำเนิด ถึงแม้ท่านจะเสียไปแล้ว แต่พ่อของเขาก็ไม่เคยคิดจะแต่งงานใหม่ เพราะท่านรักแม่ของเขามาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาชื่นชม และรักพ่อของเขามากเช่นกัน เขาเองตั้งปณิธานไว้ว่า หากไม่พบผู้หญิงที่เขารัก เขาจะไม่มีวันแต่งงาน เพราะเขาอยากมีชีวิตเหมือนพ่อกับแม่ที่รักกันตราบสิ้นลมหายใจ
สืบสายตื่นมาเกือบเที่ยง ทันเวลาอาหารกลางวันพอดี วันนี้พ่อของเขาอยู่บ้าน กำลังนั่งรอที่โต๊ะอาหารกับคุณย่า พอเห็นเขาก็ทักทายเขาเหมือนคนไม่พบเจอกันมานาน
“เป็นไงบ้างล่ะไม่เจอตั้งนาน”
“อะไรครับพ่อ ผมก็อยู่บ้านทุกวัน” เขานั่งประจำโต๊ะ หัวเราะกลบเกลื่อน
“อยู่เฉพาะตอนนอนน่ะสิ ฉันว่าฉันไม่เจอหน้าเจอตาแกมาหลายเดือนแล้วนะ” เขากับพ่อเวลาสวนทางกันตลอด
“พ่อครับ ผมมีเรื่องรบกวนพ่อหน่อย ผมสนใจบ้านหลังหนึ่งแถวลาดพร้าว เป็นของคุณมาโนช อิมเจริญ พ่อช่วยซื้อมันให้ผมหน่อยได้ไหม” เมื่อเขากล่าวขอร้องให้พ่อช่วยซื้อบ้าน คุณย่าและพ่อถึงกับหันมองหน้าเขาพร้อมกัน
“แกนึกยังไงถึงได้อยากได้บ้านหลังนั้น” ผู้เป็นพ่อถามด้วยเสียงลุ่มลึก
“ผมทราบมาว่าคุณมาโนช กำลังแย่ อาจล้มละลาย เขาน่าจะยอมขายให้เรา ผมชอบพื้นที่บ้านหลังนั้น ผมอยากเก็บไว้เกร็งกำไรตอนที่ผมเรียนจบ ทำงานแล้วน่ะครับ เพราะทำเลที่ตั้งมันดีมาก พื้นที่ก็ใหญ่กว้างขวางดีครับ ถ้าสร้างคอนโดในอนาคต น่าจะได้หลายห้องรวมถึงที่จอดรถ แถมติดสถานีรถไฟฟ้าด้วย”
เขาให้เหตุผล ที่ผู้เป็นพ่อถึงกับพยักหน้าเห็นด้วย และอดชื่นชมลูกชายที่มีหัวธุรกิจไม่ได้ ส่วนคุณย่าได้แต่ยิ้มปราบปลื้ม
“เอาสิ พ่อจะให้ลุงพจน์จัดการให้”
“ขอบคุณครับพ่อ” เขายิ้มขอบคุณพ่อ และรู้สึกอบอุ่นที่พ่อและคุณย่าคอยสนับสนุนเขาเสมอ
“ว่าแต่ปิดเทอมแล้ว ทำไมไม่ไปดูงานที่บริษัทบ้าง จะได้ฝึกงานไปในตัว”
“ปิดเทอมเล็ก เวลามันน้อย ผมว่าจะรอปิดเทอมใหญ่ ค่อยขอพ่ออีกทีน่ะครับ”
“อืม ก็จริง พ่อจะได้ให้คุณเสาว์เขาเตรียม ดูตำแหน่งงานที่พอจะให้แกช่วยได้ไว้ก่อน”
“ทานข้าวเถอะลูกเอ๊ย เรื่องงานค่อยว่ากันทีหลัง ตาสืบมันโตแล้ว รู้จักคิดได้ขนาดนี้ย่าก็หมดห่วง”
คุณย่าตัดบทพ่อลูก แต่รอยยิ้มอยู่เต็มใบหน้า ที่เห็นลูกและหลานพร้อมหน้าพร้อมตา แถมความคิดอ่านตรงกัน รู้สึกมีความสุข และหวังจะได้หลานสะใภ้ที่เข้าอกเข้าใจ และเข้ากับครอบครัวของตนได้
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์เต็ม ธนญ และนับหนึ่ง ต่างช่วยกันหอบหิ้วสัมภาระ และข้าวของต่างๆ ที่ซื้อมาจากศูนย์โอทอป และของฝากต่างๆ ลงจากรถ เมื่อมาถึงบ้านก็เกือบสามทุ่มแล้ว ดึกเกินกว่าจะขนย้ายข้าวของจำนวนมาก
“นญ ฉันว่าพรุ่งนี้ค่อยขนเถอะ นายเหนื่อยมากแล้ว”
นับหนึ่งอยากให้เขาพัก มากกว่าจะต้องมายกข้าวของพวกนี้ เพราะจะให้เธอขนคนเดียวเขาก็ไม่ยอม
“ถ้าจะให้ฉันพัก เธอก็ต้องพักด้วย” เขาดึงมือเธอออกจากสิ่งของต่างๆ ที่กำลังหยิบจากหลังรถ
“โอเค พรุ่งนี้เราค่อยมาขนมัน ตกลงไหม”
เธอยกมือชูเหนือไหล่อย่างยอมแพ้ และยอมปล่อยข้าวของทิ้งไว้บนรถอย่างนั้น และดันหลังเขาเข้าบ้าน
“ไปอาบน้ำก่อนเลยนายน่ะ” ดันเขาขึ้นบันได
“ไปอาบด้วยกันสิ แล้วหันกลับมาอุ้มเธอขึ้นขั้นบนอย่างรวดเร็ว”
“จะบ้าเหรอ ใครจะอาบกับนาย” เมื่อถูกวางลงที่พื้น นับหนึ่งบิดตัวหนีเขาทันที แต่เขากอดไว้
“เรายังไม่เคยอาบน้ำด้วยกันเลยนะ” เขาเอาคางเกยที่ไหล่เธอเป็นเชิงอ้อนแกลมขอร้อง
“แล้วนายเคยอาบกับใครเหรอ” นับหนึ่งหรี่ตามองถามเขา
“ไม่เคย จะอาบกับเธอ” เขาตอบซื่อ ๆ
“งั้นก็ถอดเสื้อก่อน”
นับหนึ่งหันมาปลดกระดุมเสื้อเชิตให้เขา และลากเสียงอย่างแผ่วเบา ปลดกระดุมทีละเม็ดจนหมด และปลดกางเกงของเขาช้าๆ ธนญ ยิ้มให้เธออย่างพอใจ ที่เธอพยายามสวมบทสาวขี้อ่อย นับหนึ่งมีเรื่องที่ไม่คาดไม่ถึงมาทำเขาให้เขาแปลกใจอยู่เสมอ จนเขารู้สึกมีชีวิตชีวาและลุ่มหลงเธอเป็นพิเศษ ธนญที่เคยเย็นชา เคร่งขรึม และเฉยเมยต่อทุกสิ่ง กลับดูมีชีวิตชีวา และผ่อนคลายเมื่ออยู่กับเธอ
การอาบน้ำมันก็แค่ข้ออ้างที่ เขาจะชวนเธอมาทำเรื่องอื่นที่เขาไม่เคยเหน็ดเหนื่อยมากกว่า ธนญ ประสานมือของนับหนึ่งชูติดผนัง ตรึงร่างของเธอไว้ ขณะที่ฝักบัวปล่อยน้ำอุ่นๆ จนเกิดละอองไอสีขาว เขาซุกไซร้ซอกคอ ร่องอก และดูดดื่มกลิ่นอายสาว จากยอดถันเม็ดเล็กที่เต่งตึง อย่างชำนาญ เคลื่อนย้ายไปมาระหว่างอกอวบและริมฝีปากบางที่เขาขบกัดเบาๆ และดูดมันจนแดงฮ่อ ปลายลิ้นที่ซอกซอน พันม้วนกวัดลิ้นน้อยของเธอที่ล้อกันไปมาราวเกลียวคลื่น
เกือบสองเดือนที่ผ่านมานับหนึ่งเริ่มช่ำชองทั้งรับและรุก ตามที่เขาสอนเธอ ทำให้เกมส์รักของทั้งคู่สอดประสานกันเป็นอย่างดี เขาเคล้าคลึงยอดอกของเธออยู่นาน และขบกัดดูดดึงจนนับหนึ่งถึงกับบิดตัวและครางออกมา น้ำที่ไหลผ่านร่างของทั้งคู่สร้างความรู้สึกเร่าร้อนและผ่อนคลายได้ในคราวเดียว
เขาปล่อยมือจากการตรึงแขนของเธอข้างหนึ่ง เพื่อใช้มันยกขาของนับหนึ่งขึ้น และแทรกร่างฝังเข้าสู่กายเธอช้าๆ ท่อนลำของเขาทรงพลัง และคับแน่น ร่างของนับหนึ่งที่อยู่ต่ำกว่าเขาเล็กน้อยทำให้ติ่งเนื้อจุดที่ไวต่อสัมผัส กดลงบนท่อนกายเขาอย่างเต็มที่ เสียงรูดเข้าออกที่ผสมเสียงน้ำที่ตีกัน สร้างแรงกระสันและเร้าอารมณ์จนอยากสับเครื่องให้เร็วขึ้นอีก ความเสียวสยิว แผ่ไปทั่วทุกอณู จนเธอเริ่มสั่นเทิ้มและหอบถี่ จนต้องโอบรอบคอเขาไว้ และจิกเล็บบอกสัญญาณใกล้ถึงจุดที่อยากให้เขาทะลวงเข้าไป แม้เขาอยากจะทำตามที่เธอต้องการ แต่เกมส์นี้มันจะจบเร็วไป เขาต้องการมากกว่านี้
ธนญชักลำกายของเขาออกมา กดไหล่ของนับหนึ่งลง ใช้ท่อนแขนพยุงตัวไว้กับผนัง โดยใช้มืออีกข้างหนึ่งกดศีรษะของเธอให้ริมฝีปากบางเล็กดูดกลืนเขาเข้าไป
“เก่งมากนับหนึ่ง ลึกกว่านั้นอีก” เขาคราง และชมเธอเมื่อเธอทำในสิ่งที่เขาต้องการ
นิ้วมือเรียวเล็กข้างหนึ่งตรึงสอดรับแก่นกายระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อีกข้างหนึ่งเกาะกุมก้นที่มีกล้ามเนื้อแน่น กดมันตามแรงเคลื่อน ขนาดที่ชายหลายคนปรารถนา ทำให้เธอแทบสำลัก เมื่อมันถูกชักออก เขาดึงเธอให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับยกขอของเธอให้อยู่ในท่าเดิมก่อนหน้า ปากถ้ำที่แอ่นเข้าหา เขาสอดใส่มันอย่างรวดเร็ว เขาเร่งจังหวะ เพราะการที่เธอช่วยดูดกลืนเขามันทำให้ความต้องการปลดปล่อยของเขาถึงขีดสุด แต่เขาต้องการให้เธอไปถึงจุดนั้นพร้อมกันกับเขา จึงไม่ลืมที่จะบดขยี้ติ่งเนื้อของเธอไปพร้อมกับจังหวะตอกผนังถ้ำของเขาด้วยการซอยกระชั้นถี่รัว เร็ว และแรง จนเธอร้องออกมาและจิกเล็บบอกสัญญาณ
“ตู้ม!”
เขาปล่อยมันอย่างพรั่งพรู กอดร่างของเธอไว้และจูบเธอด้วยความเสน่หาใต้สายน้ำอุ่นที่โปรยปรายราวกับฝนอันชุ่มช่ำ ที่พร้อมจะทำให้เมล็ดพันธุ์งอกงาม
ร่างล่อนจ้องของ ธนญ รอเธออยู่บนเตียง เขาไม่ต้องการสวมใส่เสื้อผ้า การได้นอนเปลือยเปล่ากับเธอมันสะดวกกว่า เพราะเขารู้ดีกว่า เขามีความต้องการเธอมากแค่ไหน เขาเองก็ไม่ต้องการให้เธอสวมใส่สิ่งใดเช่นกัน
“เสร็จหรือยัง”
เขาเร่งให้เธอขึ้นเตียง ขณะที่นับหนึ่งกำลังบำรุงผิวพรรณให้กับตัวเอง พันร่างกายด้วยผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ ซึ่งมันดูขัดเคืองตาของเขา
“นายก็นอนไปก่อนสิ ผู้หญิงมีเรื่องที่ต้องทำให้ตัวเองเยอะแยะ หลายขั้นตอน นี่ก็ดึกแล้ว นายควรพักผ่อน”
นับหนึ่งพูดเสียงราบเรียบแต่เป็นเชิงปรามเขาให้พักกับเรื่องนี้ไปก่อน มีแรงใหม่ค่อยว่ากัน เขาไม่ยอม ลุกมาอุ้มเธอวางลงบนเตียง พร้อมดึงผ้าเช็ดตัวออก กอดเธอไว้แนบอกพร้อมกับห่มผ้า และหลับตาโดยไม่สนใจเธอ นับหนึ่งจึงยอมนอนกอดเขานิ่งๆ อยู่อย่างนั้น จนเขาหลับไปเอง แล้วค่อยผ่อนคลายตัวเองและหลับตามเขาไป
เช้าวันใหม่ แสงแดดสาดเข้ามาในห้องที่กรองแสงด้วยผ้าม่านบาง ทำให้ห้องสว่างปลุกเขาให้ตื่นทั้งที่รู้สึกว่านอนไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น นับหนึ่งยังนอนกอดเขาอยู่ข้างกาย ทำให้เขาถึงกับอมยิ้มขึ้นมา เมื่อมือของเธอกำอยู่ที่ปลายธงของเขา เคล้าคลึงไปมาอย่างไม่รู้ตัว
เขาก้มลงจูบปากของเธอ เพราะสัมผัสที่เธอเคล้าคลึงมันทำให้เขาตื่นตัวแล้ว นับหนึ่งลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย ที่เขาเร่งจูบเธอ
“หือ ยังเช้าอยู่เลย” เธอบ่นอู้อี้
“ก็เธอปลุกฉัน”
เขาพูดแต่ไม่ยอมหยุดที่จะจูบเธอ เมื่อรู้ตัว นับหนึ่งจึงปล่อยมือ แต่เขาไม่ยอม จับมือเธอให้แนบอยู่ในจุดเดิม บีบเค้นตัวเองผ่านมือของเธอ จนเธอรู้สึกร้อนผ่าว
“อย่าหยุด”
เขาพึมพรำ และยกตัวขึ้นเหนือร่างเธอ ให้ได้แนบชิดกับอกอวบ โดยที่ยังตรึงมือน้อยไว้ใต้ร่างของเขา เขาจูบและเคล้าคลึงมันด้วยปลายลิ้นและริมฝีปาก ปลุกให้เธอตื่นเพราะตอนนี้ร่างกายเขาตื่นเต็มที่พร้อมที่แลกพันธทางเคมีกับเธอแล้ว
เขาลดตัวลงต่ำ จดริมฝีปากที่เนินถ้ำ ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองแหวกแคมเล็กๆ ออกจากกัน เผยให้เห็นผิวเนื้ออมชมพู เขาส่งสายตาที่จ้องมองเธอผ่านพงหญ้าสีน้ำตาลอ่อนของเธอ ถึงแม้นับหนึ่งจะเขินอาย แต่เธอกลับยินดีที่จะจ้องตอบเขา และเฝ้าดูสิ่งที่เขาจะทำต่อไป เพราะเธอกำลังจดจ่อกับมันมากกว่าการเขินอาย
เขาใช้ปลายลิ้นตวัดลากผ่านแคมเนื้อที่ถูกแยกออกจนเห็นผิวด้านในและวนอยู่ที่ติ่งกระสัน ดูดกลืนมันและส่งสายตาให้กับเธอ จนสีหน้าของนับหนึ่งบิดเบี้ยว และครางออกมาพร้อมกับเป่าปาก ด้วยความลืมตัวเธอเธอดูปลายนิ้วกลางของตัวเองตามจังหวะของเขา และจ้องมองเขาไม่วางตาเช่นกัน ภาพที่เห็นถึงกับทำให้ใจของ ธนญเต้นแรง เธอช่างเย้ายวน และมีเสน่ห์เหลือเกิน
“ได้โปรดทำต่ออย่าหยุด”
นับหนึ่งขอร้องเขาอย่างเว้าวอน เพราะมันสร้างความหฤหรรษ์ให้เธอเป็นอย่างมาก นิ้วเรียวยาวที่สอดเข้าไปในผมของเขาแทบจะทึ้งมันให้หลุดติดมือ กายที่แอ่นอ้าให้มากที่สุด ไม่มีคำว่าอายในหัวของเธออีกต่อไป หยาดน้ำชื้นแฉะที่ซึมจากปากถ้ำ ชวนให้เข้าเข้าไปลิ้มลอง เขากดลิ้นของเขาแทรกเข้าไปจนสุด รับรู้แรงตอดที่ปลายลิ้น เมื่อเขาใช้มันแทนอาวุธประจำกาย เพื่อเปิดทาง กลับทำให้เธอติดใจจนไม่อยากให้หยุดเสียอย่างนั้น
“เธอไม่ต้องการฉันหรือ” เขาแกล้งถามเย้า
“ต้องการสิ แต่แบบนี้มันดีมากเหลือเกิน” ทั้งอยากได้เขาทั้งเสียดายความหฤหรรษ์
“โลภนะเรา”
เขาหัวเราะพลิกร่างเธอให้ตะแคงและตีก้นจนแดงเป็นรอยนิ้วมือ แรงแสบร้อนที่ฟาดลง กระตุ้นให้เธอปวดตุบต้องการให้เขาสอดใส่
“ทำสิ” นับหนึ่งเร่ง เพราะเธอรอไม่ไหวแล้ว เขาทำตามคำสั่งเธอในท่าตะแคงสอดใส่จากด้านหลัง โดยยกขาเธอขึ้นข้างหนึ่ง
“เธอชอบไหม”
“ชอบ”
“เธอชอบฉันหรือชอบที่เรากำลังทำ” เขาถามเธอด้วยอยากรู้ว่าทำไมเธอไม่เคยปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง
“ฉันชอบเธอ และชอบที่เธอทำมันกับฉัน” เธอตอบและครางออกมากพร้อมกัน
“แต่ฉันก็ทำมันกับคนอื่น” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งรู้สึกเจ็บแปบที่หัวใจ
“แล้วเธอชอบเขาไหม” เมื่อได้ยินคำถามนี้ เขาเงียบไป แต่กลับเร่งจังหวะ และทำมันจนเสร็จโดยไม่พูดอะไรอีก
ทั้งสองต่างนอนหันหลังให้กัน นับหนึ่งหลับตา แต่ใจของเธอยังตื่นอยู่ ธนญ คิดถึงคำพูด และคำถามของนับหนึ่งที่เขายังไม่ได้ตอบ เขาชอบคนอื่นไหม เขาไม่รู้ เพราะเขาไม่รู้ว่าการชอบใครสักคนมันเป็นแบบไหน การที่เขาต้องการนับหนึ่งอยู่ตลอดเวลา คือเขาชอบเธอไหม หรือเขาแค่ต้องการทางกาย เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมากันแน่ เขาเคยติดใจพิชญา แต่เขาก็ทิ้งเธอเมื่อเขาเริ่มเบื่อ แต่ความเบื่อมันเกิดจากอะไร อย่างไร เขาสับสนได้แต่บอกให้ตัวเองเลิกคิดถึงมัน
ธนญขนของบางส่วนลงจากรถเก็บไว้ที่บ้านของนับหนึ่ง ส่วนที่เหลือเขาจะนำกลับบ้าน แต่จะพานับหนึ่งไปที่บ้านของเขาด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่นับหนึ่งจะได้ไปที่บ้านของเขา เธอทั้งตื่นเต้นและดีใจ แต่ก็พยายามเก็บความรู้สึกเอาไว้
“ฉันจะพาเธอไปดูห้องทดลองของแม่น่ะ” เขาบอกเหตุผลที่จะพาเธอเข้าบ้าน
“อ๋อ”
“ที่บ้านมีอุปกรณ์เครื่องมือที่ค่อนข้างพร้อม ฉันใช้ประจำ ก่อนจะรู้จักกับเธอ”
เขากำลังบอกว่าการที่รู้จักกับเธอทำให้เขาแทบจะไม่ได้ใช้มันเลยตลอดสองเดือนที่ผ่านมา
“มันเป็นห้องทดลองของคุณแม่เธอเหรอ”
นับหนึ่งถามด้วยความสนใจ เพราะจำได้ว่าเขาเคยบอกเธอตอนที่ไปเลือกซื้อน้ำหอม
“ใช่ ท่านใช้ประจำตอนที่ยังอยู่กับพ่อ แต่ตอนนี้มันเป็นของฉันแล้ว” เขาตอบอย่างภูมิใจ
“ทำไมล่ะ ท่านเลิกทำแล้วเหรอ” นับหนึ่งถามอย่างซื่อ
“ท่านเลิกกันแล้ว ย้ายไปอยู่กับสามีใหม่ที่ฝรั่งเศส” เขาตอบตามความจริง
“ฉันขอโทษที่ถาม” นับหนึ่งรู้สึกเสียที่ระราบละล้วง
“สงสัยก็ถาม ไม่แปลกนี่” เขาไม่ได้ใส่ใจกับมัน
“แต่มันไม่ควรถามเรื่องที่ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ฉันน่าจะรอให้เธอเล่าให้ฟังเอง” นับหนึ่งอธิบายและก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด
“เปล่าเลย” เขายิ้ม
“พ่อกับแม่จากกันด้วยดี ท่านยังทำธุรกิจด้วยกัน ก็โรงงานผลิตน้ำหอมที่ฉันบอกเธอไง”
เมื่อได้ยินคำตอบนับหนึ่งจึงยิ้มออกมาได้
เขาขับรถเข้ามาจอดภายในเขตรั้วบ้านของเขาที่มีอาณาเขตกว้างขวางมาก นับหนึ่งยืนมองไปรอบๆ จนกระทั่งคนขับรถของเขา เข้ามารับกุญแจ
“เดี๋ยวลุงปาน ช่วยขนของหลังรถไปไว้ที่เรือนหลังเล็กด้วยนะครับ” เขาสั่งคนขับรถวัยกลางคนอย่างสุภาพ
“ได้ครับคุณหนู” นับหนึ่งยิ้ม ทำให้เขามองหน้าเธอที่ล้อเลียนเขา
“นี่เพื่อนผม ลุงปานช่วยบอกให้ใครหรือเครื่องดื่มมาให้ที่เรื่องเล็กด้วยนะครับ” เขาแนะนำเธอ เมื่อเห็นสายตาที่กำลังสงสัย
“ครับ เอ่อคุณหนูครับ วันนี้คุณท่านอยู่บ้าน คุณหนูไม่พาเพื่อนไปสวัสดีท่านสักหน่อยเหรอครับ” ลุงปานชั่งเป็นคนขับรถที่รู้จักกาลเทศะเป็นอย่างดี
“คุณพ่ออยู่เหรอ งั้นเข้าไปในบ้านก่อน จะแนะนำให้รู้จักท่าน” พูดจบเขาก็นำเธอไป
“ผมกลับมาแล้วครับ”
เขาทักทาย ผู้เป็นพ่อไม่ได้มองเขา แต่มองมาที่นับหนึ่ง อย่างสนใจและสงสัย เพราะลูกชายเขาไม่เคยพาผู้หญิงมาที่บ้านมาก่อน
“แล้วนั่นใครล่ะ” นับหนึ่งยกมือขึ้นไหว้ เมื่อผู้ใหญ่ทัก
“นับหนึ่งครับ เพื่อนที่คณะฯ”
เขาแนะนำเช่นนั้น ทำให้นับหนึ่งหน้าชา แต่ก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เพราะจะคิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร ในเมื่อเขาก็ไม่ได้ขอคบเธอเป็นแฟนสักหน่อย ที่คบกันอยู่เพราะเป็นเพื่อนร่วมคณะเรียนด้วยกัน และมีสัมพันธ์กันเพราะธรรมชาติเรียกร้องและความพลั้งเผลอ
“มาทำไรกันล่ะวันนี้”
“ผมพาหนึ่งมาดูห้องทดลองครับ เพราะบ้านหนึ่งก็ทำห้องทดลองเองเหมือนกัน ผมอยากอวดห้องทดลองของแม่น่ะครับพ่อ”
เขาตอบตามจริง และหัวเราะเขินๆ
“เอาหละ ตามสบายแล้วกันะหนู”
นับหนึ่งไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ยิ้มและโค้งทำความเคารพนิดหนึ่งก่อนออกไป
ธนญ พานับหนึ่งมาที่เรือนหลังเล็ก ที่ถูดดัดแปลงให้เป็นห้องทดลองที่ผสมผสานที่พักย่อมๆ มีเครื่องอำนวยความสะดวก โต๊ะ เตียง โซฟา และส่วนที่เป็นแลป
“เธอว่าไง”
เขาถามเมื่อนับหนึ่งเดินดูไปรอบๆ ทั้งอุปกรณ์ สารเคมี น้ำยาต่างๆ วัตถุดิบ และหัวน้ำหอมที่สกัดแล้ว รายงานการวิจัยที่ถูกแยกหมวดหมู่ตามวัตถุดิบ กรรมวิธี รวมถึงการตกแต่งภายใน ทำให้นับหนึ่งถึงกับตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็น
“ทั้งหมดนี่เป็นงานวิจัยของแม่นายเหรอ” นับหนึ่งถามพร้อมหยิบตัวอย่างานออกมาดู
“มีของฉันเองบ้างนิดหน่อย ฉันจะส่งให้แม่ตรวจก่อนทุกครั้ง” เขากล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ส่วนนี่คืองานที่ของทำอยู่ การคัดแยกสารที่ปะปนอยู่ในน้ำมันหอมระเหย ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ ในกรณีที่ผสมสารปรุงแต่งชนิดอื่นๆ เพื่อปรับกลิ่นให้สมดุล” เขานำผลงานที่เขากำลังทำงานวิจัยด้วยตนเองมาให้นับหนึ่งดู
“ฉันอิจฉานาย ที่นายมีอาจารย์ที่ปรึกษาส่วนตัว อย่างแม่ของนาย” นับหนึ่งทำหน้าอิจฉาเขาออกมาจนเขาถึงกับยิ้ม
“ไว้มีโอกาส ฉันจะแนะนำเธอให้รู้จักกับแม่นะ” เขาลูบหัวเธอเบาๆ เป็นการปลอบ
“แต่พ่อกับแม่ฉันเป็นวิศวกรนะ ฉันเรียนรู้จากพวกท่านหลายอย่าง นายอยากให้ฉันทำอุปกรณ์อะไรที่พิเศษบอกได้ ฉันทำให้เอง”
เธอเองก็ภูมิใจในพ่อแม่ของเธอเช่นกัน จึงอดไม่ได้ที่พวกท่านบ้าง เพราะอุปกรณ์ของเธอบางชิ้นเธอทำมันด้วยตัวเอง
ถึงแม้เธอจะพูดถึงพวกท่านอย่างภาคภูมิใจ แต่ก็แอบเศร้าเพราะคิดถึงพวกท่านมากเช่นกัน จนธนญ ต้องดึงเธอเข้ามากอด แนบศีรษะเธอไว้ที่อกของเขาและตกหลังเบาๆ
“พวกท่านก็คงภูมิใจในตัวเธอมากเช่นกัน”
“ขอบคุณนะ”
นับหนึ่งขอบคุณเขาและกอดเขาแน่นขึ้น นิ่งอยู่อย่างนั้นพักหนึ่ง จนแม่บ้านที่จัดเตรียมของว่างมาให้เข้ามาพอดี จงต้องผละออกจากกัน หญิงสูงอายุถึงกับยิ้มด้วยความเอ็นดู เธอคิดไปแล้วว่านับหนึ่งคงต้องเป็นแฟนของคุณหนูของเธออย่างแน่นอน
“ทานของว่างกันเถอะ” เขาชวนเธอทานของว่างแก้เขิน ที่ผู้ใหญ่เข้ามาเห็นว่าทั้งสองกำลังกอดกัน
“คุณหนูคะ คุณท่านให้แจ้งคุณหนูค่ะว่าคุณท่านมีธุระด่วน ต้องออกไปข้างนอก น่าจะกลับดึกสักหน่อยค่ะ”
หญิงสูงวัยแจ้งเขาตามที่เจ้านายสั่ง เพราะหากเขาและเพื่อนทำงานที่ห้องนี้ต่อจะได้ไม่ต้องพะวงว่ามีผู้ใหญ่อยู่ที่บ้าน จะเป็นการรบกวนหรือไม่
“ครับป้า”
“ปกติดิฉันจะทำอาหารกลางวันและเย็นไว้ให้ท่าน แล้วคุณหนูจะให้ดิฉันเตรียมให้ด้วยไหมคะ” เธอถามเพราะปกติเขาไม่เคยทานข้าวที่บ้าน
“เตรียมแค่อาหารกลางวันก็พอครับ ส่วนอาหารเย็นผมจะไปทานข้างนอกตอนที่ไปส่งเธอ” เขาตอบ และยิ้มขอบคุณ
เมื่อหญิงสูงวัยออกไปแล้ว นับหนึ่งก็หัวเราะเขาออกมา เพราะไม่เคยเห็นเขาสุภาพมากแบบนี้มาก่อน ภายนอกเขาจะเย็นชา เคร่งขรึม และพูดจากวนโทสะอยู่ตลอดเวลา แต่กับคนในบ้านเขากลับแสดงออกในทางตรงกันข้าม
“หัวเราะอะไร” เขาเลิกคิ้วถาม
“ฉันขำนาย นายออกจากพูดจาน่ารักเหมือนเด็ก ตอนอยู่ที่บ้าน แต่เวลาอยู่ข้างนอก หรืออยู่กับฉันนายกวนมากๆ”
นับหนึ่งย่นจมูกใส่เขา
“งั้นเหรอ แล้วเธอล่ะยายบ๊อง อยู่กับฉันเธอก็กวนเหมือนกัน แต่เมื่อกี๊ ตอนเจอพ่อ หงอเชียว”
เขาดึงเธอมากอด โอบแขนรอบเอวเธอไว้ด้านหลัง และโน้มใบ้หน้าจนจมูกของเขาชนกับจมูกของเธอ เขาใช้จมูกตัวเองขยี้จมูกของเธอเบาๆ
“ฉันไม่ได้หงอนะ แค่เก็บอาการ” เธอเม้มปาก
“ทานของว่างกัน”
พูดจบก็ดันให้เธอนั่งลง และลงมือกับขนมและเครื่องดื่มตรงหน้า
เขาและเธออ่านรายงานวิจัยของแม่หลายๆ ตัวอย่าง เพื่อลองนำมาวิเคราะห์และสรุป เพื่อปรับใช้กับวัตุดิบใหม่ที่เขาได้มาอย่างน้ำมันหอมจากมณฑาป่า และวางแผนการทดลองและสกัดสารจำเพาะแต่ละชนิดออกจากกัน ก่อนจะนำมาผสมใหม่ในสัดส่วนที่ต่างกัน และจดสูตรในชื่อผลงานของตัวเอง ถึงแม้เป็นแค่นักศึกษาระดับชั้นปีที่ 3 แต่ทั้งสองกลับมองไปไกลกว่านั้น เพราะทั้งเธอและเขาต่างมีเป้าหมาในชีวิตที่ชัดเจน
สืบสายหายไปเกือบสัปดาห์ แต่พระแพงกลับไม่โทรหาเขาเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาบอกว่าเมื่อเธอทำงานให้เขาแล้วจะปล่อยเธอไป แต่เขากลับยังไม่บอกเธอให้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ หรือถ้าต้องการเธอ 60 ครั้งอย่างที่บอก แต่เขากลับไม่มาหาเธอเลย แล้วจะอีกนานแค่ไหนกันที่เธอต้องอยู่ที่นี่ โดยไม่สามารถติดต่อใครได้เลยความคิดต่างๆ ประดังประเดเข้ามาจนสับสนไปหมด พระแพงขดตัว กอดเข่าชั้นอยู่มุมหนึ่งของโซฟา ผล็อยหลับไปอย่างรู้ตัวสืบสายเปิดประตู แล้วต้องแปลกใจที่ทั้งห้องมืดราวกับไม่มีคนอยู่ เขาสงสัยว่าพระแพงแอบหนีออกไปข้างนอก เพราะเขาไม่ได้มาหาเธอเกือบสัปดาห์ เมื่อเปิดไฟในห้องเขาก็ต้องตกใจที่เห็นเธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟา และไม่รู้สึกตัวว่าเขาได้เข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำเขาตรงไปอุ้มเธอขึ้น เพื่อย้ายไปนอนที่เตียง พระแพงก็รู้สึกตัวและรีบดีดตัวหย่อนขาลงที่พื้น เพื่อยืน ด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะมา เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย และออกจะล่อแหลม เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบเสื้อยืด
ธนญ พานับหนึ่งมาที่คอนโดหรูติดริมแม่น้ำ มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำและสะพานข้ามต่างๆ สวยงามชัดเจน มันเป็นห้องส่วนตัวของเขา ที่ใช้เวลามาดื่มกับเพื่อนที่ผับ หรือสโมสร ตั้งแต่คบกับเขามานับหนึ่งไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวใดๆ กับเขาเลย จะรับรู้ต่อเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง เพราะเธอเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยถามเธอก่อน มีแต่เธอเล่าให้เขาฟังก่อนเสมอ“ที่นี่สวยจัง” เธอมองทิวทัศน์ผ่านผนังกระจกหนา ที่เปิดม่านออกจนหมด“ห้องนี้ฉันซื้อไว้นอนกับผู้หญิง” เขาตอบเธอตรงๆ นับหนึ่งเบิกตากว้าง หันขวับมามองเขา“บางเรื่องไม่ต้องบอกฉันก็ได้” เธอต่อว่า“รู้ทีหลังจะมาโกรธฉัน”“ถ้าเขายอมนาย และนายก็ชอบ ฉันจะมีสิทธิ์ว่าหรือโกรธอะไรนายได้ล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ฉันไม่ชอบการมีแฟน” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นับหนึ่งถามเขาตรงๆ“เพื่อน&rdq
หลังจากวันที่เธอตัดสินใจจบความสัมพันธ์ทางกายกับ ธนญ ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ก็จบลงด้วย แม้จะเจอกันในห้องเรียน ต่างฝ่ายต่างไม่เคยแม้แต่มองหน้ากัน นับหนึ่งเป็นคนที่เข้มแข็งแม้จะถูกหญิงสาวที่เคยอิจฉาเธอค่อนแคะ เธอก็ไม่โต้ตอบ หรือแสดงความโกรธหรืออารมณ์ใดๆ ให้ใครเห็นระหว่างสืบสายและพัศวี เธอยังคงพูดคุยด้วยปกติ แต่เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของธนญ จึงต้องเมินเธอบางครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพื่อไม่ทำให้นับหนึ่งลำบากใจ มีแค่รอยยิ้มที่เห็นใจและเข้าใจเธอเท่านั้นฝนที่กำลังกระหน่ำปลายฤดู ราวกับพายุ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้นักศึกษาทั้งชายหญิง ต่างพากันวิ่งเข้าใต้อาคาร โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นใคร นับหนึ่งวิ่งชนกับใครคนหนึ่ง จนล้มลง เป้และของที่ถือมากระจายหล่นลงบนพื้นที่เปียกแฉะ เธอจงรีบเก็บมัน ทำให้ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อสีขาวตัวบางแนบเนื้อ ทำให้มองเห็นสรีระ และยกทรงตัวงาม เมื่อเข้ามาใต้อาคาร ผู้คนต่างมองเธอ รูปร่างที่สวยงามเย้ายวน ทำให้หนุ่มๆ ตาระห้อย สาวๆต่างอิจฉา
ปลายลิ้นที่พลิ้วไหวของเขา ที่เนื้อน้องมองมันทำให้เธอเคลิ้มเคล้ม จนต้องดูดนิ้วของตัวเองตามแรงสัมผัสของเขา พัศวีสอดนิ้วของตัวเองเข้าไปในปากอวบอิ่มของเธอเพื่อให้เธอดูดกลืนเขา แทนนิ้วเรียวของเธอก่อนหน้า เขารับรู้ถึงแรงสัมผัสที่ปลายนิ้วของเขาเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาตวัดมันกับกลีบจำปาของเธอ ยิ่งแรงและเร็ว เธอยิ่งดูดกลืนเขาลึกขึ้น เธอมีความต้องการเขาแล้ว เช่นเดียวกับที่เขาต้องการเธอพัศวี โถมร่างกายแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นค่อมร่างบางของเธอไว้ ให้แก่นเสียดสีกับกลีบจำปาของเธอ ก่อนจะก้มตัวลงจูบเธออย่างดูดดื่ม แบบเดียวกับที่เขาจูบเนินเนื้อของเธอ ความหิวโหยของหนุ่มสาวแทบจะรอการกลืนกินกันและกันไม่ไหว แต่ต้องฝีนต้าน เพื่อความหฤหรรษ์ที่รอคอยกันมานาน“ต้องการมันไหม” เขาถาม“ฉันต้องการ” เนื้อน้องไม่อยากทนมันอีกแล้ว“เธอจะต้องเจ็บมากนะ” เขากระซิบบอก และเคล้าเคลียเธอไปมา“ขอร้อง” เธอไม่กลัวสิ่งใดอีกต่อไป เธอขอร้องให้เขาดับไฟในตัวเธอ เพราะมันกำลังเผาผลาญเธอแทบมอดไหมพัศวีจูบ
พระแพงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ เธอไม่พูด ได้แต่นั่งหน้าเครียดมองออกไปด้านข้าง สืบสายจอดรถให้เธอที่หน้าบ้านทั้งที่ยังจอดไม่สนิท พระแพงรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สังเกตว่าพ่อของเธอเพิ่งลงจากรถคันหนึ่ง“แพง”พระแพงหันตามเสียงด้วยความตกใจ สืบสายเองก็ต้องตกใจที่ชายสูงวัยกำลังจ้องมองเขาอยู่ผ่านกระจกด้านหน้า พระแพงเดินไปหาเขา และช่วยหิ้วของในมือ“ใครน่ะ” พ่อของเธอถาม ทำให้พระแพงอึกอัก เมื่อเห็นเช่นนั้นสืบสายจึงลงจากรถ และเข้าไปแนะนำตัวกับเขา“ผมชื่อสืบสายครับ เป็นเพื่อนกับพระแพง” เขาทักทายผู้ใหญ่อย่างสุภาพ“เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเหรอ ไม่เคยเห็นนายมาก่อน” ผู้ใหญ่มองออกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนธรรมดา“พ่อคะเข้าบ้านเถอะ” พระแพงพยายามคะยั้นคะยอ“เข้าบ้านก่อนสิ ได้คุยกัน” พ่อเชิญเขา เพื่อทำความรู้จัก เพราะพระแพงทำท่าทางอึกอัก ไม่อยากให้เขาได้คุยกับพ่อ“ครับ” สืบสายไม่ปฏิเสธ รับคำสั้นๆ เดินต
นับหนึ่งนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเหนือทิวไม้ อากาศที่หนาวเหน็บ ทำให้นึกถึงเขา อ้อมกอดที่เขาทิ้งไว้ ราวกับกองไฟที่ถูกสุม เขาต้องการเพียงร่างกายของเธอ เขาหลอกล่อเธอจนหนำใจ และจากไปโดยไม่มีแม้คำกล่าวลา เธอไม่ควรจะมานั่งเสียใจ เพราะเธอเองที่ผิด ผิดที่ไปรักเขา ผิดที่ไม่อาจต้านทานความต้องการของตัวเองได้“น้องหนึ่งครับ พรุ่งนี้ทีมศาสตราจารย์ประวิทย์จะนำคณะของ ดร.กลอส เข้าป่า ไปดูพืชอนุรักษ์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ น้องหนึ่งจะไปด้วยไหมครับ เพราะมันค่อนข้างลำบาก ถ้ากลับออกมาไม่ทัน อาจต้องค้างแรมในป่าด้วย”พี่ชูชาติ เจ้าหน้าศูนย์วิจัยที่ทำหน้าที่ดูแลนักศึกษาฝึกงาน เข้ามาถามความสมัครใจ เพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง“ไปค่ะ หนึ่งไหว”เธอตอบรับคำทันที เพราะอย่างน้อยมันช่วยให้เธอไม่คิดมาก และไม่ต้องการให้มีเวลาคิดถึงเขาเช้าวันรุ่งขึ้น นับหนึ่งเตรียมของใช้ที่จำเป็นและสัมภาระใส่เป้สนาม เตรียมพร้อมการเข้าป่ากับเจ้าหน้าที่และกลุ่มเพื่อนนักศึกษาฝึกงาน จากมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ
ลานจอดรถที่แน่นขนัด ในมุมหนึ่งที่มืดมิด ร่างชองชายหนุ่มและหญิงสาวในเครื่องแต่งกายที่สมบูรณ์ แต่ร่างกายท่อนร่างกลับกำลังออกกำลัง โยกรับต่อกัน หอมหายใจถี่และแรง คงทรัพย์ประคองสะโพกของอรปวีร์ กดอาวุธของเขาเข้าออก ผ่านช่องซิบที่รูดลงจนสุด กระโปรงแค่คืบที่ปกปิดสะโพกกลมกลึงถูกรั้งขึ้น จนแทบมองไม่เห็นเมื่อร่างกายแนบชิดติดกันเขาเขย่าสะโพกของเธอจนต้องเอามือปิดปากกั้นเสียงเอาไว้ ความแปลกใหม่ตื่นเต้นเร้าใจ อรปวีร์ถูกคงทรัพย์จับได้ว่าเข้ามาขายบริการในผับอินดีสที่เขาดูแลอยู่ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัย เขาต้องการจะส่งตัวเธอให้เจ้าหน้าที่ แต่เธอกลับขอร้องและแลกเปลี่ยนด้วยการที่จะยอมมีอะไรกับเขา โดยไม่อายที่จะใช้ลานจอดรถนี้สร้างความหรรษาให้กับเขา และพยายามยื่นข้อเสนอบางอย่างทั้งที่เขายังสอดใส่“ฉันมีเพื่อนคนนึง ที่เคยมาที่นี่กับฉัน พระแพง นายรู้จักนี่” อรปวีร์หอบแรงจนเสียงกระเส่า“รู้จัก ทำไม”“ฉันอยากแนะนำนางให้คุณอำนาจ ฉันกับนางเคยโดยจับได้ค
ธนญ พัศวี และคงทรัพย์ ยืนจ้องมองอรปวีร์ ที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ เนื่องจากเธอพยายามหนี และออกแรงต่อสู้กับลูกน้องของคงทรัพย์ เธอถูกตบไป 2-3 ครั้ง จนใบหน้าแดงช้ำ“เธอทำตัวน่ารังเกียจ” พัศวีพูดพร้อมกับเบ้ปาก“พวกนายต่างหากที่เข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน” อรปวีร์เดือดดาน“ฉันเสียดายที่ครั้งหนึ่งเธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของสืบสาย เพื่อนฉันมันพลาดจริงๆ” ธนญยกมุมปากด้วยความรู้สึกสมเพช“ที่ลูกน้องฉันทำกับเธอมันก็สมควรแล้ว กล้าหลอกฉัน” คงทรัพย์ตวาดเมื่อเห็นว่าเธอไม่สำนึก และยังกล้าตีฝีปาก“ก็แกมันโง่ไง” อรปวีร์ยิ้มเย้ยเขาอรปวีร์ ไม่ได้รู้จักคงทรัพย์ดีไปกว่าพวกเขา ธนญและพัศวีได้แต่มองหน้ากัน และนึกเอาใจช่วยที่เธอบังอาจล่วงเกินคงทรัพย์ขนาดนี้ เขาทั้งสองขอตัวไปดื่มต่อ เพราะเขารู้ดีว่า ทำไมคงทรัพย์ถึงได้เป็นผู้ดูแล ผับอันดับหนึ่งของประเทศผู้หญิงอย่างอรปวีร์คงไม่กล้าไปอีกนาน ถึงแม้จะนึกสงสารและเห็นใจ 
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง