Share

บทที่ 12

ธนญ พานับหนึ่งมาที่คอนโดหรูติดริมแม่น้ำ  มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำและสะพานข้ามต่างๆ สวยงามชัดเจน มันเป็นห้องส่วนตัวของเขา  ที่ใช้เวลามาดื่มกับเพื่อนที่ผับ หรือสโมสร  ตั้งแต่คบกับเขามานับหนึ่งไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวใดๆ กับเขาเลย  จะรับรู้ต่อเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง  เพราะเธอเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา  เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยถามเธอก่อน มีแต่เธอเล่าให้เขาฟังก่อนเสมอ

“ที่นี่สวยจัง” เธอมองทิวทัศน์ผ่านผนังกระจกหนา ที่เปิดม่านออกจนหมด

“ห้องนี้ฉันซื้อไว้นอนกับผู้หญิง” เขาตอบเธอตรงๆ นับหนึ่งเบิกตากว้าง หันขวับมามองเขา

“บางเรื่องไม่ต้องบอกฉันก็ได้” เธอต่อว่า

“รู้ทีหลังจะมาโกรธฉัน”

“ถ้าเขายอมนาย  และนายก็ชอบ ฉันจะมีสิทธิ์ว่าหรือโกรธอะไรนายได้ล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ฉันไม่ชอบการมีแฟน” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้

“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นับหนึ่งถามเขาตรงๆ

“เพื่อน”

เขาย้ำแค่คำว่าเพื่อนอีกแล้ว  เธอจะเป็นสถานะอื่นสำหรับเขาไม่ได้ นอกจากเพื่อนแค่นั้นหรือ

“ทำไมฉันไม่ใช่แฟนของนายล่ะ” คำถามตรงๆ ของนับหนึ่งถึงกับทำให้เขาหน้าชา

“เพราะฉันไม่ได้รักเธอน่ะสิ” เขายิ้มให้เธออย่างเย็นชา

“ถ้าฉันรักนายล่ะ” เธอเริ่มรุกเขาจน เขาเริ่มอึดอัด

“มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ แต่เธอไม่สามารถบังคับให้ฉันรักเธอได้หรอก”

นับหนึ่งรู้สึกเจ็บแปบอยู่ข้างใน นิ่งเงียบไปเฝ้ามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกน้ำ  เหมือนแสงตะวันที่กำลังริบหรี่  ความรักที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นทุกวันของเธอ  ถูกเขาดับมันด้วยคำพูดแค่ประโยคเดียวของเขา

ธนญเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง นับหนึ่งทำได้แค่ขยับตัวหนี จนเขารู้สึกได้ว่าเธอกำลังโกรธ  ถึงแม้สีหน้าจะเรียบเฉย ไม่ตีโพยตีพาย  แต่มันบ่งบอกถึงอารมณ์ผิดหวังที่ฉายอยู่ในแววตา

“ฉันชอบที่ได้นอนกับเธอ ฉันเลยพาเธอมาเปลี่ยนบรรยากาศ” เขาคิดกับเธอแค่เรื่องนี้

“ถ้าฉันไม่นอนล่ะ” เธอขึงขัง

“เธอไม่ปฏิเสธ ฉันรู้”

เขายังรุกต่อ เขานอนกับเธอนับครั้งไม่ถ้วน  เขารู้ดีว่านับหนึ่งต้องการเขามากแค่ไหน  เธอไม่เคยปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง  ถึงแม้จะพยายาม  แต่ร่างกายของเธอต่างหากที่เรียกร้อง

ธนญ ปลดกระดุมเสื้อของเขา และค่อยๆเดินเข้าหาเธอ  นับหนึ่งจ้องหน้าเขาด้วยสายตาขุ่นมัว และก้าวถอย เขากำลังรุกเธอ เพราะเชี่ยวชาญการหว่านเสน่ห์  เขาถอดมันและโยนมันไปที่โซฟา ต่อมาคือกางเกง  แค่เขาแกะเข็มขัด นับหนึ่งก็แทบจะหันหลังหนี แต่เขาก็ดึงเธอไว้ก่อน  จับมือทั้งสองของเธอให้ช่วยแกะมันออก

ร่างกายกำยำของเขาตรงหน้าถูกแสงแดดสาดส่องทอประกายสีทอง จนน่าสัมผัส แผงกล้ามเนื้อหน้าท้องนูนแน่น ทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด  เมื่อเข็มขัดถูกปลด กางเกงถูกรูดลงกองที่พื้นเหลือเพียงชั้นในตัวบาง ที่ปิดบังอวัยวะที่สร้างความหรรษา มันตุงและพองตัว

เขาจับมือเธอให้เข้าไปสัมผัสด้านใน  เนื้ออุ่นร้อนที่คับแน่นตอดมือของนับหนึ่ง ตามจังหวะหัวใจเต้นแรง เธอเกาะกุมมันอยู่อย่างนั้น เหมือนต้องมนต์  ในขณะที่เขาเริ่มรูดซิปกระโปรงด้านหลังของเธอลง และปล่อยให้มันตกลงที่พื้น  เผยกางเกงชั้นในตัวน้อยผ้าลูกไม้บางสีขาวสายจีสตริงที่เย้ายวน เขาเคล้าคลึงสะโพกขาของเธอตามจังหวะลูบไล้ที่เธอเล่นกับงูน้อยของเขา

“เธอต้องการมันไหม  ถ้าเธอปฏิเสธ  ฉันก็จะหยุด”

เขาท้าทายเธอด้วยร่างกายที่พองโตของเขา  และจูบเธออย่างเร่าร้อนและดูดดื่ม  ลิ้นแลกลิ้น  เขาจับมือเธอออกช้าๆ และค่อยๆเดินถอยไปนั่งที่เตียง ถอดกางเกงชั้นในของตัวเองออก  เขาไม่พูดอะไร  นอกจากรอเธอ และสัมผัสแก่นกายตัวเองและเฝ้ามองเธออยู่อย่างนั้น หัวมังกรที่ชูคอผงาด ร้อนฉ่าจนแทบจะพ่นไฟออกมา มันแค่รอที่จะมุดเข้าถ้ำที่แสนชุ่มฉ่ำ

นับหนึ่งกระวนกระวาย มองดูเขาด้วยดวงตาโหยหา  แต่ความรู้สึกเจ็บปวดก่อนหน้า ยับยั้งเธอไว้  ความสับสันทำเธอแทบบ้า  ในเมื่อร่างกายมันร้องขอ และต้องการที่จะเข้าไปสวมกอดเขามังกรน้อยที่ชูคอรออยู่นานแล้ว

“ฉัน”

นับหนึ่งยืนอยู่ที่เดิม ขาเริ่มอ่อนแรงจนขยับไม่ได้ เธอเซจนต้องค้ำตัวเองกับผนังกระจก  เมื่อธนญ เห็นเช่นนั้น เขาจึงเข้าไปช้อนร่างของเธอมาก่อนที่จะล้ม  ร่างกายที่อ่อนเปลี้ย  เพราะพยายามข่มแรงปรารถนาของตัวเองสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา จนเขาต้องสูดหายใจแรง ที่เธอแข็งขืน

“เธอจะทนมันได้สักแค่ไหน”

เขาถอดเสื้อของเธอและชั้นในออก  จนสิ้นสิ่งกีดขวางใดๆ ระหว่างร่ายกายของเขาและเธอ ยอดถันของเธอชูช่อให้เขาเข้ามาลิ้มลอง โพรงเนื้อนุ่มละมุนเริ่มชุ่มฉ่ำ  มังกรของเขาทะยายสู่ถ้ำของเธออย่างง่ายดาย  เพราะหยาดน้ำที่ไหลลื่น  นำทางให้เขาเป็นอย่างดี เม็ดถันที่แข็งเป็นไต  ถูกเขาดูดจนเสียวสะท้านถึงติ่งเนื้อเหนือปากถ้ำ  ช่วยเร่งจังหวะให้มังกรลดเลี้ยวผลาญเพลิงสวาทจนแทบมอดไหม้

“ต้องการไหม” เขาเร้าให้เธอตอบ ด้วยการหยุด

“อย่า” เธอเว้าวอนแทบขาดใจ

“ตอบมาสิถ้าต้องการ” เขาเร่งจังหวะ เพื่อให้เธอตอบเพราะหากเธอไม่ตอบเขาจะหยุดมันให้เธอค้างอีกรอบ

“ฉันต้องการ” เธอรั้งลำตัวไว้  เพื่อให้เขาขยับมัน

นับหนึ่งครวญคราง ดิ้นเร่า จนแทบขาดใจ  เขาแกล้งทรมานเธออยู่อย่างนั้น เมื่อเขาคือผู้คุมเกมส์  ความสุขสมไม่มีสิ้นสุด แก่นกายที่ผงาดอยู่ทั้งคืน  ทำให้ร่างบอบบางของนับหนึ่งแทบแหลกละเอียด ม้าป่าสาวที่ถูกนายพรานอย่างเขาใช้บ่วงรักบ่วงสวาทคล้องไว้จนสำเร็จ  เขาเย่อเธอ ควบขี่อย่างบ้าคลั่ง แรงกระแทกทั้งเจ็บและจุก จนเธอตัวโก่ง  เหมือนเขากำลังลงโทษเธอ ร่างของเธอถูกผลักลง เมื่อเขาเสร็จกิจ เธอกระตุกอยู่ 2-3 ครั้ง จนฟุบหลับไป

ค่ำคืนที่เธอรู้สึกเดียวดาย  แม้ข้างกายจะมีชายที่เธอรักนอนอยู่  แต่นับหนึ่งกลับรู้สึกเหน็บหนาว  และสั่นสะท้านไปทั้งตัว  ดวงตาของเธอเบิกโพรงในความมืด  ตะแคงกายหันหลังให้กับเขา  และเหม่อมองออกนอกผนังกระจกบานใหญ่ที่มีเพียงแสงดาวส่องสว่างเต็มท้องฟ้ายามราตรี

นับหนึ่งฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่ดังกึงก้องอยู่ข้างใน  น้ำตาค่อยๆ ไหล แต่ต้องกักเก็บมันไว้  และค่อยๆ หย่อนเท้าลงเพื่อพาร่างกายอันบอบช้ำทั้งภายนอกและภายใน เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ

เมื่อเข้าสู่ภาคเรียนปกติ ทุกอย่างดำเนินไป  มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป สิ่งที่อยู่ในใจแสดงออกทางแววตา  ห้องปฏิบัติการทางเคมี  ที่จับกลุ่มนั่งใหม่  นับหนึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับสืบสาย  แต่ธนญแยกออกไปอยู่อีกกลุ่มหนึ่งที่มีพีม พีมแสดงออกอย่างชัดเจนด้วยสายตาเยาะเย้ยที่เธอได้นั่งอยู่ข้างๆ ธนญเช่นเคย  ในขณะที่นับหนึ่งต้องแยกออกไป  และมีความเย็นชาเกิดขึ้นระหว่างเขาและนับหนึ่ง

แววตาที่เศร้าสร้อยของนับหนึ่ง ทำให้สืบสายสังเกตเห็น  และคอยสังเกตปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธนญ  สืบสายเป็นเพื่อนกับธนญมานาน  จึงพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ในเทอมนี้พัศวีได้ลงเรียนในรายวิชานี้ด้วย  แต่เขาถูกแยกไปอยู่ลำพังคนเดียวอีกลุ่มหนึ่ง  ที่เขาไม่ค่อยสนิทนัก

พัศวี ก็เห็นความอึมครึมระหว่างพวกเขา  แต่ตัวเองก็ไม่ได้เอามาใส่ใจมากเพราะมันเป็นเรื่องปกติของธนญ  แต่เขาเสียดาย  หากต้องเสียมิตรภาพระหว่างนับหนึ่งกับพวกเขาไป  ทั้งที่นับหนึ่งดูจะเป็นหญิงสาวที่เข้ากับพวกเขาได้ดีที่สุด และตัวเขาเองก็ไม่ต่างกันนัก  เขาเริ่มห่างเหินกับเนื้อน้องเพราะคืนนั้น  เขากลัวความต้องการของตัวเอง  จึงค่อยๆ ปลีกตัวออกมา ให้ห่างจากเธอ  งดกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน  ตลอด 2 สัปดาห์  เขาอยู่กับอัญชิสา  เพราะสัญญากับเธอที่จะพาเที่ยว  แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลย  เขาแค่รู้สึกชื่นชมเธอ  เพราะเธอทำให้เขาสบายใจ และทำให้เขาคิดถึงเกศิตา

“เราไปสโมสรกันต่อไหม  ไม่ได้ไปพร้อมหน้ากันแบบนี้นานแล้ว” พัศวีชวนเพื่อนทั้ง 3

“ฉันไป” นับหนึ่งตอบคนแรก

“อืม”

สืบสายเห็นนับหนึ่งตอบรับ  จึงคิดว่าการที่เขาไปด้วยจะดีกว่า  และหันไปมองหน้าธนญ เชิงถามเขา  แต่ธนญไม่ตอบอะไร  ในเมื่อนับหนึ่งไปเขาก็ไป

เมื่อแยกออกมาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง  เขารู้ว่าจากวันนั้น  นับหนึ่งมีเรื่องในใจแต่ไม่พูดออกมา  เขาจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ  ทำทุกอย่างให้ปกติ  เขาจะไม่เป็นฝ่ายรุกเธอก่อนเหมือนทุกครั้ง  เพราะเขาต้องคุมเกมส์  เพราะกำลังจะมีบางอย่างผิดพลาดไป  หากเขาไม่กลับมาเป็นตัวเขาดังเดิม

ความเงียบ ไร้บทสนทนาระหว่างกัน ทำให้บรรยากาศในรถอึดอัด จนแทบหายใจไม่ออก  เธอจึงต้องหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความอึดอัดนี้

“วันนี้ตอนไปส่งฉัน  แวะไปที่ห้องทดลองก่อนนะ  ฉันมีอะไรจะให้นายดู”

นับหนึ่งชวนเขา  ทำให้ธนญมองหน้าเธออย่างฉงน  สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอเงียบหายไป ไม่ได้ติดต่อเขาเลย  จนกระทั่งเปิดภาคเรียน

“อืม” เขารับคำสั้นๆ

เมื่อมีโอกาสอยู่ลำพังระหว่างสืบสายกับนับหนึ่ง  ด้วยความเป็นห่วง สืบสายได้พูดขึ้นลอย ๆ แต่เป็นความหวังดีกับเพื่อนทั้งสอง  ขณะนอนพัก อิงกายที่เก้าอี้นอน  มองดูธนญกับพัศวีว่ายน้ำแข่งกันอยู่ในสระ

“ฉันไม่รู้หรอกว่า นญมันคิดอะไรอยู่  แต่นญไม่เคยสนิทกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอ อย่ายึดติดกับคำว่าแฟน หรือคนรัก เลยนะ เพราะสถานะพวกนี้ ก็แค่สิ่งที่คนอื่นเขาใช้เรียกกัน ฉันก็รักเธอเหมือนกัน  แต่รักในฐานะเพื่อน  ฉันรู้ว่าเขาก็รักเธอ  แต่ฉันไม่รู้ว่าในฐานะอะไร  บางทีฉันว่าเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขารักเธอในฐานะอะไร”

“เขาไม่ได้รักฉัน” นับหนึ่งยิ้มอย่างยากเย็น

“เขาบอกเธอเหรอ” สืบสายถามเสียงเรียบ ๆ และคิดถึงบางอย่าง

“อืม”

“เพราะเธอถามเขาใช่ไหม” นับหนึ่งมองสืบสาย อย่างไม่เข้าใจ

“ฉันถามเขาตรงๆ” นับหนึ่งตอบ

“นั่นเพราะเขาไม่รู้ว่าเขารักเธอหรือเปล่าน่ะสิ  นญไม่เคยรักใครมาก่อน  เขาไม่รู้หรอก หากเธอรักเขาก็แค่ดูว่าเขาปฏิบัติกับเธอแบบไหนก็พอ ไม่ต้องหาคำตอบ” สืบสายแนะนำ

การสนทนากันระหว่างสืบสายกับนับหนึ่ง  อยู่ในสายตาของ ธนญ เขารู้สึกไม่พอใจที่นับหนึ่งคุยกับสืบสายอย่างสบายใจ ธนญไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังหึงเธอ  ทั้งที่สืบสายและพัศวีก็ปฏิบัติตัวกับนับหนึ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ธนญกลับมองว่ามันมากเกินไป เขารู้สึกไม่พอใจ  แต่ก็ไม่เคยบอกใคร นอกจากการเงียบเฉย

ร่างกายที่สวยงามของนับหนึ่ง ทำให้เขาหวงแหน ไม่อยากให้ใครมอง หรือใกล้ชิด แม้เขากับเพื่อนจะไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงกันมาก่อน  แต่ในใจลึกๆ เขาก็มีความรู้สึกหวั่นไหว  ยิ่งเห็นสืบสายคุยกับเธออย่างสนิทสนมเขากลับยิ่งโกรธ

หลังจากกลับจากสโมสร  นับหนึ่งพาเขามาที่ห้องทดลองของเธอ  หยิบขวดแก้วที่มีจุกก๊อกปิดอยู่ ส่งให้เขา ธนญมองมันและเอียงคอเชิงถาม ว่ามันคืออะไร  นับหนึ่งไม่ได้ตอบแค่ยิ้ม เขาดึงจุกนั้นออก และลองดมผ่านในระยะกว่าคืบ และโบกมือให้กลิ่นนั้นฟุ้งกระจาย

“หอมจัง” เขาสูดมันอีกครั้งแบบเต็มปอด  เพื่อค้นหาที่มาของกลิ่น  มันเป็นกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ แต่มีความเข้มข้นของกลิ่นเมื่อสูดเข้าเต็มปอด คล้ายกลิ่นกายของผู้ชาย แต่หอมละมุนและอ่อนโยนแบบผู้หญิง

“ฉันทำให้นาย” รับไปสิ

“ขอบใจ”

เขาจูบเธอที่หน้าผาก  ด้วยคุณรู้สึกขอบคุณจากใจจริง  นอกจากแม่ของเขา ไม่มีใครทำของแบบนี้ให้เขามาก่อน

นับหนึ่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเขา

“ฉันขอดูสูตรมันได้ไหม”

“มันเป็นความลับ” เธอไม่ยอมให้เขาดู  และเดินเลี่ยงออกไปทางอื่น

“แล้วนี่เธอทำอะไรอยู่”

เขาถามเธอเมื่อเห็นรายงานการทดสอบสารให้ความหอมจากน้ำมันหอมดอกมณฑาป่า อยู่บนโต๊ะ

“ฉันกำลังแต่งกลิ่นใหม่โดยใช้น้ำมันหอมที่เราซื้อมาจากศูนย์โอทอป  เป็นหัวเชื้อคัดแยกสาร และเติมส่วนผสมอื่นๆ ให้มันเกิดการสังเคราะห์กลิ่นใหม่ และทดทอบผลข้างเคียงสารระเหย ที่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายต่อผิวหนังน่ะ”

นับหนึ่งตอบเขาอย่างละเอียด  ทำใหญ่ธนญยิ้มออกมา  เมื่อรู้สึกว่า การที่ได้คุยกันเรื่องนี้ทำให้เธอผ่อนคลายกับเขาเหมือนเดิม

“ฉันจะเอางานทดลองของเธอไปต่อยอด ทำน้ำหอมให้เธอบ้าง เธอจะอนุญาตไหม”

เขากอดเธอจากข้างหลังและวางคางไว้ที่ไหล่ของเธอ เป็นเชิงอ้อนขอรายงานวิจัยบางส่วนของเธอ การสัมผัสแบบนี้ของเขาทำให้เธอเริ่มอึดอัด เขากับเธอไม่ได้แนบชิดกันมากกว่า 2 สัปดาห์  ร่างกายจึงรู้สึกโหยหา  แต่เธอไม่ต้องการให้ตัวเองถลำลึกไปมากว่านี้  จึงพยายามห่างเขา และดึงตัวเองออกมารักษาระยะห่างแค่เพื่อน ตามที่เขาต้องการ  และเขาเองก็ไม่ได้รุกเธอมากเหมือนเมื่อก่อน  นั่นเพราะเขาอาจจะเริ่มเบื่อเธอแล้ว  เหมือนที่ใครๆ เคยเตือนเธอมาแล้วก่อนหน้านี้

“อืม” เธอรับคำแค่สั้นๆ และดึงตัวเองผละออกจากเขา เพราะรู้สึกร้อน

“เหงื่อโซกเชียว ร้อนหรือ” เขาถามเธอเมื่อเห็นเม็ดเหงื่อที่ไรผม

“จะไปอาบน้ำแล้วหละ เธอจะกลับเลยไหม” นับหนึ่งตัดบท

“ไม่”

เขาปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าเธออยากให้เขากลับ และหยิบรายงานของเธอไปด้วย  เดินเข้าบ้านหลังใหญ่โดยไม่รอเธอด้วยซ้ำ

“มาสิ อาบน้ำด้วยกัน”

เขาถอดเสื้อผ้ารอเธออยู่ในห้องน้ำก่อนแล้ว  และเปิดฝักบัวผ่านหลังของเขา จนไอขึ้นขาวฟุ้งไปทั้งห้อง โดยไม่ได้สนใจเธออีก 

นับหนึ่งได้แต่นั่งหน้าเครียดที่โต๊ะเครื่องแป้งมองดูตัวเองในกระจก ภายใต้เสื้อคลุมอาบน้ำนั่น กายของเธอร้อนระอุ อกชูชัน แรงแข็งขึงตุบๆ ที่หว่างขา เมื่อเขาออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวที่พันแค่ส่วนล่าง  เธอก็รีบสวนเข้าไปเพราะไม่อยากมองร่างกายของเขา  ทำให้ธนญ ถึงกับยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ

ธนญ ยืนพิงผนังห้องหลบอยู่ข้างประตู เมื่อนับหนึ่งเลื่อนประตูห้องน้ำออก เขาจึงใช้แขนดักเธออย่างรวดเร็ว  จนหญิงสาวตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำให้ธนญหัวเราะชอบใจ  เสียงหัวเราะสดใสของเขาทำให้เธอเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย และยิ้มออกมาที่เขาทำตัวเป็นเด็ก  และดันแขนเขาออก  เพื่อจะได้เข้าไปในห้อง แต่เขากลับตวัดมันกอดเธอและดันร่างของเธอให้เดินตรงไปที่เตียง

“ผมฉันยังเปียกอยู่นะ ตาบ้า ปล่อย”

เธอพยายามดึงแขนเขาออกแต่ไม่เป็นผล  ผมที่เปียกถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูผืนน้อย เขาดึงมันออก จนผมของเธอกระจายเต็มแผ่นหลัง เป็นลอนเล็กๆ แนบศีรษะ จนดูเซ็กซี่ หยดน้ำที่ไหลอาบไปตามไหล่ หลัง อก และคอ สร้างแรงกระตุ้นภายในให้เขาอย่างมาก เมื่อผ้าคลุมถูกร่นลงมากองที่แขน ติดอยู่กับร่างแค่รอยผูกหลวมๆ ที่เอว โดยมีแขนของเขาข้างหนึ่งรัดไว้

“ไม่คิดถึงฉันหรือไง” เขาแกล้งถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าร่างกายเธอต้องการเขามากแค่ไหนตอนนี้

“ไม่” เธอทำเสียงแข็ง

“แต่เธออยากมากนะตอนนี้”

เขาใช้มือข้างที่ว่างล้วงผ่านพงหญ้าที่เปียกชุ่มของเธอ จนเจอแอ่งน้ำภายใน และกดมันจนแน่น ทำให้นับหนึ่งถึงกับเขย่งปลายเท้า เขากดหลังเธอคว่ำลงบนเตียง และดึงเสื้อคลุมออก  เผยร่างกายของเธอโดยเฉพาะสะโพกที่กลมกลึงตรงหน้า ทำให้เขาอยากสัมผัสมันอย่างรวดเร็ว

เขาสอดใส่ทันที  โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว  และจับตัวเธอขึ้นตั้งฉากกับสะโพก  เขากำลังควบมันอยู่ เขาเป็นเหมือนม้าป่าหนุ่มที่กำลังควบขี่ม้าสาว เสียงพ่นลมหายใจแรง เสียงครางของทั้งคู่สอดประสาน เขาไม่ยอมปล่อยแรงหฤหรรษ์จบลงง่ายๆ เมื่อถึงจุดที่ใกล้จะระเบิด เขากลับถอนกายออก และดันขาของหญิงสาวไปทางเหนือศีรษะของเขา  หันให้ร่างกายของเธอและเขาอยู่ในทิศตรงกันข้าม  และกดแก่นกายของเขาลง จนริมฝีปากของเธอต้องเผยอรับ และบรรเลงจูบดูดดื่มเธอ ด้วยปลายลิ้นที่เหยียดยาวและทดแทนแก่นกายชายของเขาด้วยการสอดใส่อย่างนุ่นนวล จนต้องถ่างขาออกเพื่อจะแอ่นกายรับสัมผัสจากลิ้นที่ละมุนอ่อนนุ่มของเขา  แม้ความคับแน่นในลำคอจะแสนทรมาน  แต่มันเสียวซ่านและแปลกใหม่จนเธอลืมหายใจ

เล็บของเธอจิกลงบนเนื้อโคนขา จนเขารู้สึกเจ็บแปบ แต่ไม่ยอมหยุดโยกมันขึ้นลง เพราะยิ่งเจ็บ ลิ้นของเธอและลำคอยิ่งรัดเขาแน่น แม้น้ำตาของนับหนึ่งไหลออกทางหางตาด้วยความทรมาน  แต่เธอกับไม่คิดจะหยุดมัน หรือดันร่างของเขาออก เพราะร่างของเธอก็ต้องการเขามากเช่นกัน

นับหนึ่งเปลี่ยนไปกดที่ศีรษะของเขาให้มุดลงต่ำและแนบชิด และโอบเขาด้วยขาทั้งสอง เสียงของเขาแหบพร่า แทบหายใจไม่ออก เมื่อร่างกายของเขาทนต่อไปไม่ไหว  เขาจึงต้องหลั่งมันออกมา แต่เธอไม่ยอมปล่อยกลับดูดกลืนมันไว้ ทำให้เขาถึงกับสั้นสะท้านเพราะมันเสียวซ่านมากกว่าที่เคย

“อ่า  เธอจะฆ่าฉัน”

เขาหายใจแรงเมื่อถอนแก่นกายของเขาออกมาได้สำเร็จ  แม้หยดเมล็ดพันธุ์ยังไม่หยุด  ไหลอาบลำคอของเธอ เขาก็รีบกลับตัว  เอามันกลับไปในร่างของเธออีกครั้งก่อนที่เธอจะคลั่งและทรมานไปมากกว่านี้  เขาซอยถี่จนเธอร้องออกมาแทบขาดใจ

“ฉันต้องทำโทษเธอ”

เขากระหน่ำไม่ยั้งเพราะเธอทำให้เขาแทบบ้า ที่เธอดูดเขาไว้  และรีดน้ำของเขาแทบไม่เหลือสักหยดไว้ในลำคอ  จนเมื่อเขารับรู้ถึงแรงกระตุกจากร่างกายและเริ่มมีของเหลวเหนอะหนะไหลซึม  เขาจึงค่อยๆ หยุดมัน แม้น้ำของเธอจะน้อยกว่าเขา  แต่มันก็บอกให้รู้ว่ามันสุดยอดแค่ไหน ที่เธอหลั่งมันออกมาเพราะเขา

เขาไม่หยุดก่ายกอดเธอ ยังคงเล้าโลมคลอเคลียไปตามร่างกายที่เขาหวงแหน จูบที่แสนละมุนของเขาไล้ไปตามเนินอกอวบ เลื้อยไปตามลำคอ และจบที่ริมฝีปากบางที่อ่อนนุ่ม เมื่อถอนริมฝีปากออก เขาหยุดมองหน้าเธอ นิ่งอยู่อย่างนั้น แววตาฉายแววแห่งความสุขที่เธอมอบให้เขา กับรอยยิ้มอ่อนโยน แม้จะไม่หลบสายตาของเขา แต่เธอก็พยายามเก็บอาการหมองเศร้า กลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้มจางๆ

ร่างกายที่คาวคลุ้งด้วยกลิ่นสวาท  ทำให้ทั้งสองต้องอาบน้ำอีกครั้ง และเข้านอนโดยไม่มีกิจกรรมอื่นใดอีก

“ฉันรักเธอ”

เสียงที่ละเมออยู่ข้างหูของธนญ ทำให้เขาตื่น และเบิกตามองเพดานอย่างสับสน นับหนึ่งยังคงกอดเขาและหลับอยู่  เธอแค่ละเมอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา  เพราะความเพลียและอ่อนล้า  เธอแทบจะไม่รู้สึกตัว  เขาค่อยๆ ลุกออกไป

เมื่อเขาจากไป และทิ้งเธอไว้ลำพัง  ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาสับสน และโกรธตัวเอง  แม้นับหนึ่งจะเป็นคนตรงไปตรงมาตลอด  แต่ความตรงไปตรงมาของเธอทำให้เขากลัว  เขาไม่เคยสนใจ  ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรักเขาไหม  เขาแค่ต้องการสิ่งที่เขาต้องการ นับหนึ่งก็เป็นเพียงหญิงสาวที่ตอบสนองความต้องการของเขาได้ทุกอย่างเท่านั้น เขาคิดเพียงเท่านี้   แต่เมื่อได้ยินคำว่ารักจากปากของเธอ มันทำให้เขาหวั่นไหว ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่เธอพูดตอนละเมอออกมาก็ตาม

เวลาผ่านไป นานวัน ที่ความห่างเหินของทั้งคู่ปรากฏชัดขึ้น  แม้ไม่เคยแสดงความโกรธ หรือเมินเฉยใส่กัน  แต่ความใกล้ชิดค่อยๆ ลดลง  ระยะห่างเพิ่มมากขึ้น เพราะการเรียน เพราะสังคม  และเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย  เธอไม่เคยโทรหาเขา และเขาก็ไม่เคยโทรหาเธอมาตั้งแต่แรก  เมื่อต้องการเธอ  เขาก็จะไปหาเธอด้วยตัวเองทุกครั้ง

นับหนึ่งกลับมาใช้เวลากับตัวเอง และการทดลองเพื่อคลายเหงา  และสร้างความเพลิดเพลินให้กับตัวเอง แม้ไม่ได้ติดต่อกับเขาเธอก็ยังมีความสุข เหมือนเมื่อก่อน ที่เธอเคยอยู่ลำพัง

“ไม่คิดจะโทรหาฉันเลยเหรอ”

เขาถามเธอจากด้านหลังขณะที่นับหนึ่งกำลังเติมสารบางอย่างในหลอดทดลอง ด้วยความตกใจ มันหยดใส่มือ จนเธอต้องรีบล้างมันออก

“ขอโทษนะ” เขาขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ

“นายก็ทำแบบนี้เสมอ” เธอต่อว่าเขาตามจริง

“เอาของที่ยืมไปมาคืน”

เขาวางเอกสาร รายงานการวิจัยที่ยืมเธอไปครั้งก่อนมาคืน วางมันไว้ที่ชั้นเอกสาร  ที่จัดหมวดหมู่ง่ายต่อการค้นหา จนทำให้เขารู้ว่าเขาจะนำแฟ้มนี้ใส่ไว้ในช่องใด

“แล้วนี่ของเธอ” เขายื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ให้กับเธอ

“อะไร” เธอถามด้วยความสงสัย ปนความตื่นเต้น

“ลองเปิดดูสิ” เขายิ้ม

เมื่อนับหนึ่งเปิดออก  มันคือขวดคริสตัลที่ภายในบรรจุน้ำหอมกลิ่นละมุน กลิ่นค่อนข้างอ่อน แต่เมื่อสูดดมเข้าไป ทำให้รู้สึกสดชื่น มันเหมาะกับเธอ ที่ดูสดใสร่าเริงกระฉับกระเฉง แต่ก็นุ่มนวลอ่อนโยนในแบบของผู้หญิง

“ขอบคุณ”

เธอหอมเขาที่แก้มเป็นการขอบคุณ และกอดเขาด้วยความดีใจ เขาใช้ผลงานวิจัยของเธอไปต่อยอดสร้างสูตรน้ำหอมที่แสนวิเศษให้กับเธอ

“สูตรของมันอยู่ในรายงานเล่มนั้นแล้ว  เผื่อว่าเธออยากทำมันเพิ่มเติม”

เขายิ้มและกอดเอวเธอไว้ นับหนึ่งลองแตะมันที่ซอกคอหลังใบหู ทำให้กลิ่นเขามันยั่วยวนเขา จนต้องก้มลงประทับริมฝีปากจนแดง

“เธอใช้น้ำหอมของฉัน ยั่วยวนฉัน” ก่อนที่จะกัดเธอเบาๆ ที่หัวไหล่

“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ” เธอผลักเขาออก

“เธอทานอะไรหรือยัง  ไปทานข้าวกับฉันนะ” เขาเอ่ยชวน

“ฉันยังทำงานค้างอยู่  งานกลุ่มจากคาบเรียนที่แล้วในส่วนของฉันที่ต้องส่งให้หัวหน้ากลุ่ม ในคาบเรียนหน้า” เธอยิ้มแห้งๆ

“เหลืออีกเยอะไหม ฉันรอก่อนก็ได้”

“รอประมาณ 10 นาที เพราะต้องดูปฏิกิริยา และจดรายงาน บันทึกสังเกตการณ์ “  เธอตอบทั้งที่ยังจดจ่อกับหลอดทดลองไม่วางตา

เขานั่งมองเธอที่เก้าอี้ในมุมหนึ่ง มันเป็นภาพที่ชวนมอง นับหนึ่งสวมชุดกาวน์สีขาวสะอาด และสวมแว่นตาป้องกันอันตรายจากสารระเหยที่ใช้ในการทดลอง ที่อาจทำร้ายดวงตาของเธอ

ทั้งคู่ออกมาทานอาหารด้วยกันในร้านดัง ที่เคยเป็นวังเก่าริมน้ำ  เขาต้องสั่งจองล่วงหน้า  เมื่อนับหนึ่งทราบทีหลังถึงกับต่อว่า  ที่เขาไม่บอกเธอทำให้เสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง  เพราะเธอจะได้หยุดงานทดลองที่ทำค้างอยู่ไว้ก่อน

“เรามีเวลาเหลืออีกตั้งเกือบชั่วโมง ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่ร้านสวยๆ แบบนี้ ฉันก็อยากดื่มด่ำกับบรรยากาศนานๆ หน่อยสิ” เธอตัดพ้อ

“ชอบไหม” เขาถามและส่งสายตาที่กำลังชื่นชมรอยยิ้มของเธอ

“ชอบสิ  ฉันมีความสุขมากเลย ขอบคุณนะที่พามาที่แบบนี้” เธอยิ้มอย่างแจ่มใส ออกมาจากใจจริง

ทั้งคู่ทานอาหารอย่างเงียบๆ ในบรรยากาศที่แสนโรแมนติก ทำให้นับหนึ่งสลดลงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่เธอเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของเขาเท่านั้น

“ทำไมดูเศร้าจัง” เขาถามเมื่อเห็นเธอมองพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับ เหลือเพียงแสงสีส้มรำไรแตะขอบน้ำ

“บรรยากาศแบบนี้มีไว้ให้คนที่คบกันแบบคู่รักมากกว่า” เธอพูดตามความรู้สึกที่แท้จริง

“งั้นเหรอ” เขายกไวน์ขึ้นจิบ

“นายไม่น่าพาฉันมาเลย เพราะจะทำให้ฉันสับสนอีก”

เธอพูดเสียงราบเรียบปนเศร้า  เพราะมันกำลังจี้ความรู้สึกภายในของเธอ

“ฉันชอบอาหารร้านนี้ และอยากให้เธอได้ลองทาน ไม่ได้คิดซับซ้อนขนาดนั้น”

เขาเริ่มขมวดคิดที่เธอทำให้บรรยากาศตึงเครียด

“อย่างนั้นเหรอ” เธอหันหน้าไปทางแม่น้ำ

เมื่อกลับมาถึงบ้าน  นับหนึ่งขอให้เขากลับไปก่อน  เพราะเธอไม่พร้อมและกำลังรู้สึกแย่กับความรู้สึกสับสนที่เขาทำให้เธอเจ็บปวดจากการกระทำ ที่เขาคิดกับมันแค่เรื่องธรรมดา แต่สำหรับเธอมันต่างออกไป

“ฉันต้องการเธอนะ เราไม่ได้นอนด้วยกันนานแล้ว”

“ฉันชอบการมีเซ็กซ์กับเธอ แต่เธอต้องการแค่นี้จริงๆเหรอ”

“เธอเป็นอะไรไป เธอเปลี่ยนไปนะ  เธอไม่เคยถาม แต่วันนี้กลับขี้สงสัยขึ้นมา” เขาทำเสียงเข้ม

“ฉันต้องการความชัดเจน” นับหนึ่งยื่นคำขาด

“ชัดเจนเรื่อง”

“ถ้าสถานะของฉันเป็นเพื่อน  นายก็ควรปฏิบัติกับฉันเหมือนเพื่อน  ไม่ใช่อยากนอนกับฉัน ก็มา แล้วบอกว่าฉันเป็นแค่เพื่อน”

เธอพรั่งพรูคำพูดที่แสนอัดอั้นออกมา

“ฉันไม่ต้องการคนรัก เพราะคนที่จะเป็นคนรัก  คือคนที่ฉันจะแต่งงานด้วย ซึ่งไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน   ตอนนี้ฉันต้องการแค่คู่นอนและเพื่อน  ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน  เธอจะยอมเป็นแค่คู่นอนอย่างนั้นเหรอ”

เขาถามเธอตรงๆ ด้วยดวงตาที่ดุดัน  มันทำให้เขานึกถึงพิชญา  ผู้หญิงก่อนหน้าที่เขาคบมาก่อนที่จะได้พบกับนับหนึ่ง  ผู้หญิงคนนั้นก็เรียกร้องสถานะคู่รักของเขา  แต่เมื่อเขายอมจ่ายเพื่อให้เรื่องมันจบ  เธอก็ยอมจากไปด้วยดี

“ไม่” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง

“ฉันนอนกับคนที่ฉันต้องการ  ถ้าไม่ต้องการแบบนั้นเราก็แค่จบเรื่องนี้  แต่เธอจะไม่มีวันได้นอนกับฉันอีก” เขาจ้องหน้าเธอเพื่อรอคำตอบ

“ฉันยอมจบ” นับหนึ่งจ้องตาเขา  และตัดสินใจเพื่อท้าทายเขา

“อย่าให้คำว่าสถานะ มาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของเรา จนไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน ถ้าสถานะมันสำคัญกับเธอนัก ก็จงอยู่ในสถานะที่เป็นเธอ คนที่ไม่เคยมีตัวตนสำหรับฉันมาก่อน”

“ถึงจะจบเรื่องระหว่างเรา  แต่ฉันก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับนาย” นับหนึ่งตะโกนบอกเขาทันทีที่เขาผุนผันออกไป

ธนญขับรถออกไปด้วยความโกรธ และอารมณ์ที่ฉุนเฉียว  นับหนึ่งถึงกับเข่าทรุด และร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาทำให้เธอรักเขาจนหมดใจ  แต่กลับตอกย้ำเธอเป็นได้แค่คู่นอนสำหรับเขา ความเป็นเพื่อนที่มีให้ มันก็แค่การหลอกล่อให้เธอเข้ามาติดกับ

นับหนึ่งคิดถึงคำพูดของสืบสาย  แต่ก็ไม่อาจทำใจกับคำพูดของธนญได้  เธอต้องการท้าทายเขา  ไม่ยอมแพ้  และตัดสินใจด้วยอารมณ์  จึงนึกเสียใจทีหลัง  เธอต้องการเวลาสักพัก  การห่างจากเขาอาจทำให้ความรู้สึกที่มีให้เขามันลดน้อยลงบ้าง  แต่เธอไม่ได้คิดจะตัดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไปเลยเสียทีเดียว  เพราะเธอยังมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา  มันแค่เกินเลย  และล้ำเส้นของเขาเพียงเพราะเธอรักเขาก็เท่านั้น  หากเขาไม่รักเธอ  เธอก็ไม่อาจบังคับใจของเขาได้  นอกจากใจของตัวเอง

นับหนึ่ง พยายามติดต่อกับธนญ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน ไปหาถึงบ้าน แต่เธอก็ไม่สามารถผ่านแม้กระทั่งประตูรั้วหน้าคฤหาสน์เข้าไปได้ ตอนที่ความสัมพันธ์ยังเป็นเพื่อนสนิทกันนั้น  นับหนึ่งไม่เคยต้องรอหรือกดกริ่งเรียกเลยสักครั้ง  แต่ตอนนี้  เขาทำกับเธอเหมือนอากาศธาตุที่ล่องหน ไม่มีตัวตน แม้แต่เป็นคนรู้จัก มันเร็วจนตั้งรับไม่ทัน เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status