ธนญ พานับหนึ่งมาที่คอนโดหรูติดริมแม่น้ำ มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำและสะพานข้ามต่างๆ สวยงามชัดเจน มันเป็นห้องส่วนตัวของเขา ที่ใช้เวลามาดื่มกับเพื่อนที่ผับ หรือสโมสร ตั้งแต่คบกับเขามานับหนึ่งไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวใดๆ กับเขาเลย จะรับรู้ต่อเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง เพราะเธอเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยถามเธอก่อน มีแต่เธอเล่าให้เขาฟังก่อนเสมอ
“ที่นี่สวยจัง” เธอมองทิวทัศน์ผ่านผนังกระจกหนา ที่เปิดม่านออกจนหมด
“ห้องนี้ฉันซื้อไว้นอนกับผู้หญิง” เขาตอบเธอตรงๆ นับหนึ่งเบิกตากว้าง หันขวับมามองเขา
“บางเรื่องไม่ต้องบอกฉันก็ได้” เธอต่อว่า
“รู้ทีหลังจะมาโกรธฉัน”
“ถ้าเขายอมนาย และนายก็ชอบ ฉันจะมีสิทธิ์ว่าหรือโกรธอะไรนายได้ล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันไม่ชอบการมีแฟน” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้
“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นับหนึ่งถามเขาตรงๆ
“เพื่อน”
เขาย้ำแค่คำว่าเพื่อนอีกแล้ว เธอจะเป็นสถานะอื่นสำหรับเขาไม่ได้ นอกจากเพื่อนแค่นั้นหรือ
“ทำไมฉันไม่ใช่แฟนของนายล่ะ” คำถามตรงๆ ของนับหนึ่งถึงกับทำให้เขาหน้าชา
“เพราะฉันไม่ได้รักเธอน่ะสิ” เขายิ้มให้เธออย่างเย็นชา
“ถ้าฉันรักนายล่ะ” เธอเริ่มรุกเขาจน เขาเริ่มอึดอัด
“มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ แต่เธอไม่สามารถบังคับให้ฉันรักเธอได้หรอก”
นับหนึ่งรู้สึกเจ็บแปบอยู่ข้างใน นิ่งเงียบไปเฝ้ามองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกน้ำ เหมือนแสงตะวันที่กำลังริบหรี่ ความรักที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นทุกวันของเธอ ถูกเขาดับมันด้วยคำพูดแค่ประโยคเดียวของเขา
ธนญเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง นับหนึ่งทำได้แค่ขยับตัวหนี จนเขารู้สึกได้ว่าเธอกำลังโกรธ ถึงแม้สีหน้าจะเรียบเฉย ไม่ตีโพยตีพาย แต่มันบ่งบอกถึงอารมณ์ผิดหวังที่ฉายอยู่ในแววตา
“ฉันชอบที่ได้นอนกับเธอ ฉันเลยพาเธอมาเปลี่ยนบรรยากาศ” เขาคิดกับเธอแค่เรื่องนี้
“ถ้าฉันไม่นอนล่ะ” เธอขึงขัง
“เธอไม่ปฏิเสธ ฉันรู้”
เขายังรุกต่อ เขานอนกับเธอนับครั้งไม่ถ้วน เขารู้ดีว่านับหนึ่งต้องการเขามากแค่ไหน เธอไม่เคยปฏิเสธเขาเลยสักครั้ง ถึงแม้จะพยายาม แต่ร่างกายของเธอต่างหากที่เรียกร้อง
ธนญ ปลดกระดุมเสื้อของเขา และค่อยๆเดินเข้าหาเธอ นับหนึ่งจ้องหน้าเขาด้วยสายตาขุ่นมัว และก้าวถอย เขากำลังรุกเธอ เพราะเชี่ยวชาญการหว่านเสน่ห์ เขาถอดมันและโยนมันไปที่โซฟา ต่อมาคือกางเกง แค่เขาแกะเข็มขัด นับหนึ่งก็แทบจะหันหลังหนี แต่เขาก็ดึงเธอไว้ก่อน จับมือทั้งสองของเธอให้ช่วยแกะมันออก
ร่างกายกำยำของเขาตรงหน้าถูกแสงแดดสาดส่องทอประกายสีทอง จนน่าสัมผัส แผงกล้ามเนื้อหน้าท้องนูนแน่น ทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด เมื่อเข็มขัดถูกปลด กางเกงถูกรูดลงกองที่พื้นเหลือเพียงชั้นในตัวบาง ที่ปิดบังอวัยวะที่สร้างความหรรษา มันตุงและพองตัว
เขาจับมือเธอให้เข้าไปสัมผัสด้านใน เนื้ออุ่นร้อนที่คับแน่นตอดมือของนับหนึ่ง ตามจังหวะหัวใจเต้นแรง เธอเกาะกุมมันอยู่อย่างนั้น เหมือนต้องมนต์ ในขณะที่เขาเริ่มรูดซิปกระโปรงด้านหลังของเธอลง และปล่อยให้มันตกลงที่พื้น เผยกางเกงชั้นในตัวน้อยผ้าลูกไม้บางสีขาวสายจีสตริงที่เย้ายวน เขาเคล้าคลึงสะโพกขาของเธอตามจังหวะลูบไล้ที่เธอเล่นกับงูน้อยของเขา
“เธอต้องการมันไหม ถ้าเธอปฏิเสธ ฉันก็จะหยุด”
เขาท้าทายเธอด้วยร่างกายที่พองโตของเขา และจูบเธออย่างเร่าร้อนและดูดดื่ม ลิ้นแลกลิ้น เขาจับมือเธอออกช้าๆ และค่อยๆเดินถอยไปนั่งที่เตียง ถอดกางเกงชั้นในของตัวเองออก เขาไม่พูดอะไร นอกจากรอเธอ และสัมผัสแก่นกายตัวเองและเฝ้ามองเธออยู่อย่างนั้น หัวมังกรที่ชูคอผงาด ร้อนฉ่าจนแทบจะพ่นไฟออกมา มันแค่รอที่จะมุดเข้าถ้ำที่แสนชุ่มฉ่ำ
นับหนึ่งกระวนกระวาย มองดูเขาด้วยดวงตาโหยหา แต่ความรู้สึกเจ็บปวดก่อนหน้า ยับยั้งเธอไว้ ความสับสันทำเธอแทบบ้า ในเมื่อร่างกายมันร้องขอ และต้องการที่จะเข้าไปสวมกอดเขามังกรน้อยที่ชูคอรออยู่นานแล้ว
“ฉัน”
นับหนึ่งยืนอยู่ที่เดิม ขาเริ่มอ่อนแรงจนขยับไม่ได้ เธอเซจนต้องค้ำตัวเองกับผนังกระจก เมื่อธนญ เห็นเช่นนั้น เขาจึงเข้าไปช้อนร่างของเธอมาก่อนที่จะล้ม ร่างกายที่อ่อนเปลี้ย เพราะพยายามข่มแรงปรารถนาของตัวเองสั่นอยู่ในอ้อมกอดของเขา จนเขาต้องสูดหายใจแรง ที่เธอแข็งขืน
“เธอจะทนมันได้สักแค่ไหน”
เขาถอดเสื้อของเธอและชั้นในออก จนสิ้นสิ่งกีดขวางใดๆ ระหว่างร่ายกายของเขาและเธอ ยอดถันของเธอชูช่อให้เขาเข้ามาลิ้มลอง โพรงเนื้อนุ่มละมุนเริ่มชุ่มฉ่ำ มังกรของเขาทะยายสู่ถ้ำของเธออย่างง่ายดาย เพราะหยาดน้ำที่ไหลลื่น นำทางให้เขาเป็นอย่างดี เม็ดถันที่แข็งเป็นไต ถูกเขาดูดจนเสียวสะท้านถึงติ่งเนื้อเหนือปากถ้ำ ช่วยเร่งจังหวะให้มังกรลดเลี้ยวผลาญเพลิงสวาทจนแทบมอดไหม้
“ต้องการไหม” เขาเร้าให้เธอตอบ ด้วยการหยุด
“อย่า” เธอเว้าวอนแทบขาดใจ
“ตอบมาสิถ้าต้องการ” เขาเร่งจังหวะ เพื่อให้เธอตอบเพราะหากเธอไม่ตอบเขาจะหยุดมันให้เธอค้างอีกรอบ
“ฉันต้องการ” เธอรั้งลำตัวไว้ เพื่อให้เขาขยับมัน
นับหนึ่งครวญคราง ดิ้นเร่า จนแทบขาดใจ เขาแกล้งทรมานเธออยู่อย่างนั้น เมื่อเขาคือผู้คุมเกมส์ ความสุขสมไม่มีสิ้นสุด แก่นกายที่ผงาดอยู่ทั้งคืน ทำให้ร่างบอบบางของนับหนึ่งแทบแหลกละเอียด ม้าป่าสาวที่ถูกนายพรานอย่างเขาใช้บ่วงรักบ่วงสวาทคล้องไว้จนสำเร็จ เขาเย่อเธอ ควบขี่อย่างบ้าคลั่ง แรงกระแทกทั้งเจ็บและจุก จนเธอตัวโก่ง เหมือนเขากำลังลงโทษเธอ ร่างของเธอถูกผลักลง เมื่อเขาเสร็จกิจ เธอกระตุกอยู่ 2-3 ครั้ง จนฟุบหลับไป
ค่ำคืนที่เธอรู้สึกเดียวดาย แม้ข้างกายจะมีชายที่เธอรักนอนอยู่ แต่นับหนึ่งกลับรู้สึกเหน็บหนาว และสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาของเธอเบิกโพรงในความมืด ตะแคงกายหันหลังให้กับเขา และเหม่อมองออกนอกผนังกระจกบานใหญ่ที่มีเพียงแสงดาวส่องสว่างเต็มท้องฟ้ายามราตรี
นับหนึ่งฟังเสียงหัวใจของตัวเองที่ดังกึงก้องอยู่ข้างใน น้ำตาค่อยๆ ไหล แต่ต้องกักเก็บมันไว้ และค่อยๆ หย่อนเท้าลงเพื่อพาร่างกายอันบอบช้ำทั้งภายนอกและภายใน เดินเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ
เมื่อเข้าสู่ภาคเรียนปกติ ทุกอย่างดำเนินไป มีบางอย่างที่เปลี่ยนไป สิ่งที่อยู่ในใจแสดงออกทางแววตา ห้องปฏิบัติการทางเคมี ที่จับกลุ่มนั่งใหม่ นับหนึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับสืบสาย แต่ธนญแยกออกไปอยู่อีกกลุ่มหนึ่งที่มีพีม พีมแสดงออกอย่างชัดเจนด้วยสายตาเยาะเย้ยที่เธอได้นั่งอยู่ข้างๆ ธนญเช่นเคย ในขณะที่นับหนึ่งต้องแยกออกไป และมีความเย็นชาเกิดขึ้นระหว่างเขาและนับหนึ่ง
แววตาที่เศร้าสร้อยของนับหนึ่ง ทำให้สืบสายสังเกตเห็น และคอยสังเกตปฏิสัมพันธ์ระหว่างเธอกับธนญ สืบสายเป็นเพื่อนกับธนญมานาน จึงพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา ในเทอมนี้พัศวีได้ลงเรียนในรายวิชานี้ด้วย แต่เขาถูกแยกไปอยู่ลำพังคนเดียวอีกลุ่มหนึ่ง ที่เขาไม่ค่อยสนิทนัก
พัศวี ก็เห็นความอึมครึมระหว่างพวกเขา แต่ตัวเองก็ไม่ได้เอามาใส่ใจมากเพราะมันเป็นเรื่องปกติของธนญ แต่เขาเสียดาย หากต้องเสียมิตรภาพระหว่างนับหนึ่งกับพวกเขาไป ทั้งที่นับหนึ่งดูจะเป็นหญิงสาวที่เข้ากับพวกเขาได้ดีที่สุด และตัวเขาเองก็ไม่ต่างกันนัก เขาเริ่มห่างเหินกับเนื้อน้องเพราะคืนนั้น เขากลัวความต้องการของตัวเอง จึงค่อยๆ ปลีกตัวออกมา ให้ห่างจากเธอ งดกิจกรรมที่จะทำร่วมกัน ตลอด 2 สัปดาห์ เขาอยู่กับอัญชิสา เพราะสัญญากับเธอที่จะพาเที่ยว แต่ก็ไม่มีอะไรเกินเลย เขาแค่รู้สึกชื่นชมเธอ เพราะเธอทำให้เขาสบายใจ และทำให้เขาคิดถึงเกศิตา
“เราไปสโมสรกันต่อไหม ไม่ได้ไปพร้อมหน้ากันแบบนี้นานแล้ว” พัศวีชวนเพื่อนทั้ง 3
“ฉันไป” นับหนึ่งตอบคนแรก
“อืม”
สืบสายเห็นนับหนึ่งตอบรับ จึงคิดว่าการที่เขาไปด้วยจะดีกว่า และหันไปมองหน้าธนญ เชิงถามเขา แต่ธนญไม่ตอบอะไร ในเมื่อนับหนึ่งไปเขาก็ไป
เมื่อแยกออกมาอยู่ด้วยกันเพียงลำพัง เขารู้ว่าจากวันนั้น นับหนึ่งมีเรื่องในใจแต่ไม่พูดออกมา เขาจึงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ ทำทุกอย่างให้ปกติ เขาจะไม่เป็นฝ่ายรุกเธอก่อนเหมือนทุกครั้ง เพราะเขาต้องคุมเกมส์ เพราะกำลังจะมีบางอย่างผิดพลาดไป หากเขาไม่กลับมาเป็นตัวเขาดังเดิม
ความเงียบ ไร้บทสนทนาระหว่างกัน ทำให้บรรยากาศในรถอึดอัด จนแทบหายใจไม่ออก เธอจึงต้องหาเรื่องคุยเพื่อทำลายความอึดอัดนี้
“วันนี้ตอนไปส่งฉัน แวะไปที่ห้องทดลองก่อนนะ ฉันมีอะไรจะให้นายดู”
นับหนึ่งชวนเขา ทำให้ธนญมองหน้าเธออย่างฉงน สองสัปดาห์ที่ผ่านมาเธอเงียบหายไป ไม่ได้ติดต่อเขาเลย จนกระทั่งเปิดภาคเรียน
“อืม” เขารับคำสั้นๆ
เมื่อมีโอกาสอยู่ลำพังระหว่างสืบสายกับนับหนึ่ง ด้วยความเป็นห่วง สืบสายได้พูดขึ้นลอย ๆ แต่เป็นความหวังดีกับเพื่อนทั้งสอง ขณะนอนพัก อิงกายที่เก้าอี้นอน มองดูธนญกับพัศวีว่ายน้ำแข่งกันอยู่ในสระ
“ฉันไม่รู้หรอกว่า นญมันคิดอะไรอยู่ แต่นญไม่เคยสนิทกับผู้หญิงคนไหนมากเท่าเธอ อย่ายึดติดกับคำว่าแฟน หรือคนรัก เลยนะ เพราะสถานะพวกนี้ ก็แค่สิ่งที่คนอื่นเขาใช้เรียกกัน ฉันก็รักเธอเหมือนกัน แต่รักในฐานะเพื่อน ฉันรู้ว่าเขาก็รักเธอ แต่ฉันไม่รู้ว่าในฐานะอะไร บางทีฉันว่าเขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า เขารักเธอในฐานะอะไร”
“เขาไม่ได้รักฉัน” นับหนึ่งยิ้มอย่างยากเย็น
“เขาบอกเธอเหรอ” สืบสายถามเสียงเรียบ ๆ และคิดถึงบางอย่าง
“อืม”
“เพราะเธอถามเขาใช่ไหม” นับหนึ่งมองสืบสาย อย่างไม่เข้าใจ
“ฉันถามเขาตรงๆ” นับหนึ่งตอบ
“นั่นเพราะเขาไม่รู้ว่าเขารักเธอหรือเปล่าน่ะสิ นญไม่เคยรักใครมาก่อน เขาไม่รู้หรอก หากเธอรักเขาก็แค่ดูว่าเขาปฏิบัติกับเธอแบบไหนก็พอ ไม่ต้องหาคำตอบ” สืบสายแนะนำ
การสนทนากันระหว่างสืบสายกับนับหนึ่ง อยู่ในสายตาของ ธนญ เขารู้สึกไม่พอใจที่นับหนึ่งคุยกับสืบสายอย่างสบายใจ ธนญไม่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังหึงเธอ ทั้งที่สืบสายและพัศวีก็ปฏิบัติตัวกับนับหนึ่งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่ธนญกลับมองว่ามันมากเกินไป เขารู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ไม่เคยบอกใคร นอกจากการเงียบเฉย
ร่างกายที่สวยงามของนับหนึ่ง ทำให้เขาหวงแหน ไม่อยากให้ใครมอง หรือใกล้ชิด แม้เขากับเพื่อนจะไม่เคยมีปัญหาเรื่องผู้หญิงกันมาก่อน แต่ในใจลึกๆ เขาก็มีความรู้สึกหวั่นไหว ยิ่งเห็นสืบสายคุยกับเธออย่างสนิทสนมเขากลับยิ่งโกรธ
หลังจากกลับจากสโมสร นับหนึ่งพาเขามาที่ห้องทดลองของเธอ หยิบขวดแก้วที่มีจุกก๊อกปิดอยู่ ส่งให้เขา ธนญมองมันและเอียงคอเชิงถาม ว่ามันคืออะไร นับหนึ่งไม่ได้ตอบแค่ยิ้ม เขาดึงจุกนั้นออก และลองดมผ่านในระยะกว่าคืบ และโบกมือให้กลิ่นนั้นฟุ้งกระจาย
“หอมจัง” เขาสูดมันอีกครั้งแบบเต็มปอด เพื่อค้นหาที่มาของกลิ่น มันเป็นกลิ่นหอมละมุนอ่อนๆ แต่มีความเข้มข้นของกลิ่นเมื่อสูดเข้าเต็มปอด คล้ายกลิ่นกายของผู้ชาย แต่หอมละมุนและอ่อนโยนแบบผู้หญิง
“ฉันทำให้นาย” รับไปสิ
“ขอบใจ”
เขาจูบเธอที่หน้าผาก ด้วยคุณรู้สึกขอบคุณจากใจจริง นอกจากแม่ของเขา ไม่มีใครทำของแบบนี้ให้เขามาก่อน
นับหนึ่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเขา
“ฉันขอดูสูตรมันได้ไหม”
“มันเป็นความลับ” เธอไม่ยอมให้เขาดู และเดินเลี่ยงออกไปทางอื่น
“แล้วนี่เธอทำอะไรอยู่”
เขาถามเธอเมื่อเห็นรายงานการทดสอบสารให้ความหอมจากน้ำมันหอมดอกมณฑาป่า อยู่บนโต๊ะ
“ฉันกำลังแต่งกลิ่นใหม่โดยใช้น้ำมันหอมที่เราซื้อมาจากศูนย์โอทอป เป็นหัวเชื้อคัดแยกสาร และเติมส่วนผสมอื่นๆ ให้มันเกิดการสังเคราะห์กลิ่นใหม่ และทดทอบผลข้างเคียงสารระเหย ที่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายต่อผิวหนังน่ะ”
นับหนึ่งตอบเขาอย่างละเอียด ทำใหญ่ธนญยิ้มออกมา เมื่อรู้สึกว่า การที่ได้คุยกันเรื่องนี้ทำให้เธอผ่อนคลายกับเขาเหมือนเดิม
“ฉันจะเอางานทดลองของเธอไปต่อยอด ทำน้ำหอมให้เธอบ้าง เธอจะอนุญาตไหม”
เขากอดเธอจากข้างหลังและวางคางไว้ที่ไหล่ของเธอ เป็นเชิงอ้อนขอรายงานวิจัยบางส่วนของเธอ การสัมผัสแบบนี้ของเขาทำให้เธอเริ่มอึดอัด เขากับเธอไม่ได้แนบชิดกันมากกว่า 2 สัปดาห์ ร่างกายจึงรู้สึกโหยหา แต่เธอไม่ต้องการให้ตัวเองถลำลึกไปมากว่านี้ จึงพยายามห่างเขา และดึงตัวเองออกมารักษาระยะห่างแค่เพื่อน ตามที่เขาต้องการ และเขาเองก็ไม่ได้รุกเธอมากเหมือนเมื่อก่อน นั่นเพราะเขาอาจจะเริ่มเบื่อเธอแล้ว เหมือนที่ใครๆ เคยเตือนเธอมาแล้วก่อนหน้านี้
“อืม” เธอรับคำแค่สั้นๆ และดึงตัวเองผละออกจากเขา เพราะรู้สึกร้อน
“เหงื่อโซกเชียว ร้อนหรือ” เขาถามเธอเมื่อเห็นเม็ดเหงื่อที่ไรผม
“จะไปอาบน้ำแล้วหละ เธอจะกลับเลยไหม” นับหนึ่งตัดบท
“ไม่”
เขาปฏิเสธทั้งที่รู้ว่าเธออยากให้เขากลับ และหยิบรายงานของเธอไปด้วย เดินเข้าบ้านหลังใหญ่โดยไม่รอเธอด้วยซ้ำ
“มาสิ อาบน้ำด้วยกัน”
เขาถอดเสื้อผ้ารอเธออยู่ในห้องน้ำก่อนแล้ว และเปิดฝักบัวผ่านหลังของเขา จนไอขึ้นขาวฟุ้งไปทั้งห้อง โดยไม่ได้สนใจเธออีก
นับหนึ่งได้แต่นั่งหน้าเครียดที่โต๊ะเครื่องแป้งมองดูตัวเองในกระจก ภายใต้เสื้อคลุมอาบน้ำนั่น กายของเธอร้อนระอุ อกชูชัน แรงแข็งขึงตุบๆ ที่หว่างขา เมื่อเขาออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวที่พันแค่ส่วนล่าง เธอก็รีบสวนเข้าไปเพราะไม่อยากมองร่างกายของเขา ทำให้ธนญ ถึงกับยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ
ธนญ ยืนพิงผนังห้องหลบอยู่ข้างประตู เมื่อนับหนึ่งเลื่อนประตูห้องน้ำออก เขาจึงใช้แขนดักเธออย่างรวดเร็ว จนหญิงสาวตกใจถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ทำให้ธนญหัวเราะชอบใจ เสียงหัวเราะสดใสของเขาทำให้เธอเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย และยิ้มออกมาที่เขาทำตัวเป็นเด็ก และดันแขนเขาออก เพื่อจะได้เข้าไปในห้อง แต่เขากลับตวัดมันกอดเธอและดันร่างของเธอให้เดินตรงไปที่เตียง
“ผมฉันยังเปียกอยู่นะ ตาบ้า ปล่อย”
เธอพยายามดึงแขนเขาออกแต่ไม่เป็นผล ผมที่เปียกถูกห่อหุ้มด้วยผ้าขนหนูผืนน้อย เขาดึงมันออก จนผมของเธอกระจายเต็มแผ่นหลัง เป็นลอนเล็กๆ แนบศีรษะ จนดูเซ็กซี่ หยดน้ำที่ไหลอาบไปตามไหล่ หลัง อก และคอ สร้างแรงกระตุ้นภายในให้เขาอย่างมาก เมื่อผ้าคลุมถูกร่นลงมากองที่แขน ติดอยู่กับร่างแค่รอยผูกหลวมๆ ที่เอว โดยมีแขนของเขาข้างหนึ่งรัดไว้
“ไม่คิดถึงฉันหรือไง” เขาแกล้งถาม ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าร่างกายเธอต้องการเขามากแค่ไหนตอนนี้
“ไม่” เธอทำเสียงแข็ง
“แต่เธออยากมากนะตอนนี้”
เขาใช้มือข้างที่ว่างล้วงผ่านพงหญ้าที่เปียกชุ่มของเธอ จนเจอแอ่งน้ำภายใน และกดมันจนแน่น ทำให้นับหนึ่งถึงกับเขย่งปลายเท้า เขากดหลังเธอคว่ำลงบนเตียง และดึงเสื้อคลุมออก เผยร่างกายของเธอโดยเฉพาะสะโพกที่กลมกลึงตรงหน้า ทำให้เขาอยากสัมผัสมันอย่างรวดเร็ว
เขาสอดใส่ทันที โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว และจับตัวเธอขึ้นตั้งฉากกับสะโพก เขากำลังควบมันอยู่ เขาเป็นเหมือนม้าป่าหนุ่มที่กำลังควบขี่ม้าสาว เสียงพ่นลมหายใจแรง เสียงครางของทั้งคู่สอดประสาน เขาไม่ยอมปล่อยแรงหฤหรรษ์จบลงง่ายๆ เมื่อถึงจุดที่ใกล้จะระเบิด เขากลับถอนกายออก และดันขาของหญิงสาวไปทางเหนือศีรษะของเขา หันให้ร่างกายของเธอและเขาอยู่ในทิศตรงกันข้าม และกดแก่นกายของเขาลง จนริมฝีปากของเธอต้องเผยอรับ และบรรเลงจูบดูดดื่มเธอ ด้วยปลายลิ้นที่เหยียดยาวและทดแทนแก่นกายชายของเขาด้วยการสอดใส่อย่างนุ่นนวล จนต้องถ่างขาออกเพื่อจะแอ่นกายรับสัมผัสจากลิ้นที่ละมุนอ่อนนุ่มของเขา แม้ความคับแน่นในลำคอจะแสนทรมาน แต่มันเสียวซ่านและแปลกใหม่จนเธอลืมหายใจ
เล็บของเธอจิกลงบนเนื้อโคนขา จนเขารู้สึกเจ็บแปบ แต่ไม่ยอมหยุดโยกมันขึ้นลง เพราะยิ่งเจ็บ ลิ้นของเธอและลำคอยิ่งรัดเขาแน่น แม้น้ำตาของนับหนึ่งไหลออกทางหางตาด้วยความทรมาน แต่เธอกับไม่คิดจะหยุดมัน หรือดันร่างของเขาออก เพราะร่างของเธอก็ต้องการเขามากเช่นกัน
นับหนึ่งเปลี่ยนไปกดที่ศีรษะของเขาให้มุดลงต่ำและแนบชิด และโอบเขาด้วยขาทั้งสอง เสียงของเขาแหบพร่า แทบหายใจไม่ออก เมื่อร่างกายของเขาทนต่อไปไม่ไหว เขาจึงต้องหลั่งมันออกมา แต่เธอไม่ยอมปล่อยกลับดูดกลืนมันไว้ ทำให้เขาถึงกับสั้นสะท้านเพราะมันเสียวซ่านมากกว่าที่เคย
“อ่า เธอจะฆ่าฉัน”
เขาหายใจแรงเมื่อถอนแก่นกายของเขาออกมาได้สำเร็จ แม้หยดเมล็ดพันธุ์ยังไม่หยุด ไหลอาบลำคอของเธอ เขาก็รีบกลับตัว เอามันกลับไปในร่างของเธออีกครั้งก่อนที่เธอจะคลั่งและทรมานไปมากกว่านี้ เขาซอยถี่จนเธอร้องออกมาแทบขาดใจ
“ฉันต้องทำโทษเธอ”
เขากระหน่ำไม่ยั้งเพราะเธอทำให้เขาแทบบ้า ที่เธอดูดเขาไว้ และรีดน้ำของเขาแทบไม่เหลือสักหยดไว้ในลำคอ จนเมื่อเขารับรู้ถึงแรงกระตุกจากร่างกายและเริ่มมีของเหลวเหนอะหนะไหลซึม เขาจึงค่อยๆ หยุดมัน แม้น้ำของเธอจะน้อยกว่าเขา แต่มันก็บอกให้รู้ว่ามันสุดยอดแค่ไหน ที่เธอหลั่งมันออกมาเพราะเขา
เขาไม่หยุดก่ายกอดเธอ ยังคงเล้าโลมคลอเคลียไปตามร่างกายที่เขาหวงแหน จูบที่แสนละมุนของเขาไล้ไปตามเนินอกอวบ เลื้อยไปตามลำคอ และจบที่ริมฝีปากบางที่อ่อนนุ่ม เมื่อถอนริมฝีปากออก เขาหยุดมองหน้าเธอ นิ่งอยู่อย่างนั้น แววตาฉายแววแห่งความสุขที่เธอมอบให้เขา กับรอยยิ้มอ่อนโยน แม้จะไม่หลบสายตาของเขา แต่เธอก็พยายามเก็บอาการหมองเศร้า กลบเกลื่อนมันด้วยรอยยิ้มจางๆ
ร่างกายที่คาวคลุ้งด้วยกลิ่นสวาท ทำให้ทั้งสองต้องอาบน้ำอีกครั้ง และเข้านอนโดยไม่มีกิจกรรมอื่นใดอีก
“ฉันรักเธอ”
เสียงที่ละเมออยู่ข้างหูของธนญ ทำให้เขาตื่น และเบิกตามองเพดานอย่างสับสน นับหนึ่งยังคงกอดเขาและหลับอยู่ เธอแค่ละเมอพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมา เพราะความเพลียและอ่อนล้า เธอแทบจะไม่รู้สึกตัว เขาค่อยๆ ลุกออกไป
เมื่อเขาจากไป และทิ้งเธอไว้ลำพัง ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาสับสน และโกรธตัวเอง แม้นับหนึ่งจะเป็นคนตรงไปตรงมาตลอด แต่ความตรงไปตรงมาของเธอทำให้เขากลัว เขาไม่เคยสนใจ ว่าผู้หญิงคนนั้นจะรักเขาไหม เขาแค่ต้องการสิ่งที่เขาต้องการ นับหนึ่งก็เป็นเพียงหญิงสาวที่ตอบสนองความต้องการของเขาได้ทุกอย่างเท่านั้น เขาคิดเพียงเท่านี้ แต่เมื่อได้ยินคำว่ารักจากปากของเธอ มันทำให้เขาหวั่นไหว ถึงแม้จะเป็นคำพูดที่เธอพูดตอนละเมอออกมาก็ตาม
เวลาผ่านไป นานวัน ที่ความห่างเหินของทั้งคู่ปรากฏชัดขึ้น แม้ไม่เคยแสดงความโกรธ หรือเมินเฉยใส่กัน แต่ความใกล้ชิดค่อยๆ ลดลง ระยะห่างเพิ่มมากขึ้น เพราะการเรียน เพราะสังคม และเหตุผลอื่นๆ อีกมากมาย เธอไม่เคยโทรหาเขา และเขาก็ไม่เคยโทรหาเธอมาตั้งแต่แรก เมื่อต้องการเธอ เขาก็จะไปหาเธอด้วยตัวเองทุกครั้ง
นับหนึ่งกลับมาใช้เวลากับตัวเอง และการทดลองเพื่อคลายเหงา และสร้างความเพลิดเพลินให้กับตัวเอง แม้ไม่ได้ติดต่อกับเขาเธอก็ยังมีความสุข เหมือนเมื่อก่อน ที่เธอเคยอยู่ลำพัง
“ไม่คิดจะโทรหาฉันเลยเหรอ”
เขาถามเธอจากด้านหลังขณะที่นับหนึ่งกำลังเติมสารบางอย่างในหลอดทดลอง ด้วยความตกใจ มันหยดใส่มือ จนเธอต้องรีบล้างมันออก
“ขอโทษนะ” เขาขอโทษที่ทำให้เธอตกใจ
“นายก็ทำแบบนี้เสมอ” เธอต่อว่าเขาตามจริง
“เอาของที่ยืมไปมาคืน”
เขาวางเอกสาร รายงานการวิจัยที่ยืมเธอไปครั้งก่อนมาคืน วางมันไว้ที่ชั้นเอกสาร ที่จัดหมวดหมู่ง่ายต่อการค้นหา จนทำให้เขารู้ว่าเขาจะนำแฟ้มนี้ใส่ไว้ในช่องใด
“แล้วนี่ของเธอ” เขายื่นกล่องของขวัญเล็กๆ ให้กับเธอ
“อะไร” เธอถามด้วยความสงสัย ปนความตื่นเต้น
“ลองเปิดดูสิ” เขายิ้ม
เมื่อนับหนึ่งเปิดออก มันคือขวดคริสตัลที่ภายในบรรจุน้ำหอมกลิ่นละมุน กลิ่นค่อนข้างอ่อน แต่เมื่อสูดดมเข้าไป ทำให้รู้สึกสดชื่น มันเหมาะกับเธอ ที่ดูสดใสร่าเริงกระฉับกระเฉง แต่ก็นุ่มนวลอ่อนโยนในแบบของผู้หญิง
“ขอบคุณ”
เธอหอมเขาที่แก้มเป็นการขอบคุณ และกอดเขาด้วยความดีใจ เขาใช้ผลงานวิจัยของเธอไปต่อยอดสร้างสูตรน้ำหอมที่แสนวิเศษให้กับเธอ
“สูตรของมันอยู่ในรายงานเล่มนั้นแล้ว เผื่อว่าเธออยากทำมันเพิ่มเติม”
เขายิ้มและกอดเอวเธอไว้ นับหนึ่งลองแตะมันที่ซอกคอหลังใบหู ทำให้กลิ่นเขามันยั่วยวนเขา จนต้องก้มลงประทับริมฝีปากจนแดง
“เธอใช้น้ำหอมของฉัน ยั่วยวนฉัน” ก่อนที่จะกัดเธอเบาๆ ที่หัวไหล่
“โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ” เธอผลักเขาออก
“เธอทานอะไรหรือยัง ไปทานข้าวกับฉันนะ” เขาเอ่ยชวน
“ฉันยังทำงานค้างอยู่ งานกลุ่มจากคาบเรียนที่แล้วในส่วนของฉันที่ต้องส่งให้หัวหน้ากลุ่ม ในคาบเรียนหน้า” เธอยิ้มแห้งๆ
“เหลืออีกเยอะไหม ฉันรอก่อนก็ได้”
“รอประมาณ 10 นาที เพราะต้องดูปฏิกิริยา และจดรายงาน บันทึกสังเกตการณ์ “ เธอตอบทั้งที่ยังจดจ่อกับหลอดทดลองไม่วางตา
เขานั่งมองเธอที่เก้าอี้ในมุมหนึ่ง มันเป็นภาพที่ชวนมอง นับหนึ่งสวมชุดกาวน์สีขาวสะอาด และสวมแว่นตาป้องกันอันตรายจากสารระเหยที่ใช้ในการทดลอง ที่อาจทำร้ายดวงตาของเธอ
ทั้งคู่ออกมาทานอาหารด้วยกันในร้านดัง ที่เคยเป็นวังเก่าริมน้ำ เขาต้องสั่งจองล่วงหน้า เมื่อนับหนึ่งทราบทีหลังถึงกับต่อว่า ที่เขาไม่บอกเธอทำให้เสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมง เพราะเธอจะได้หยุดงานทดลองที่ทำค้างอยู่ไว้ก่อน
“เรามีเวลาเหลืออีกตั้งเกือบชั่วโมง ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ร้านสวยๆ แบบนี้ ฉันก็อยากดื่มด่ำกับบรรยากาศนานๆ หน่อยสิ” เธอตัดพ้อ
“ชอบไหม” เขาถามและส่งสายตาที่กำลังชื่นชมรอยยิ้มของเธอ
“ชอบสิ ฉันมีความสุขมากเลย ขอบคุณนะที่พามาที่แบบนี้” เธอยิ้มอย่างแจ่มใส ออกมาจากใจจริง
ทั้งคู่ทานอาหารอย่างเงียบๆ ในบรรยากาศที่แสนโรแมนติก ทำให้นับหนึ่งสลดลงเล็กน้อย เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่เธอเป็นแค่เพื่อนคนหนึ่งของเขาเท่านั้น
“ทำไมดูเศร้าจัง” เขาถามเมื่อเห็นเธอมองพระอาทิตย์ที่กำลังลาลับ เหลือเพียงแสงสีส้มรำไรแตะขอบน้ำ
“บรรยากาศแบบนี้มีไว้ให้คนที่คบกันแบบคู่รักมากกว่า” เธอพูดตามความรู้สึกที่แท้จริง
“งั้นเหรอ” เขายกไวน์ขึ้นจิบ
“นายไม่น่าพาฉันมาเลย เพราะจะทำให้ฉันสับสนอีก”
เธอพูดเสียงราบเรียบปนเศร้า เพราะมันกำลังจี้ความรู้สึกภายในของเธอ
“ฉันชอบอาหารร้านนี้ และอยากให้เธอได้ลองทาน ไม่ได้คิดซับซ้อนขนาดนั้น”
เขาเริ่มขมวดคิดที่เธอทำให้บรรยากาศตึงเครียด
“อย่างนั้นเหรอ” เธอหันหน้าไปทางแม่น้ำ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน นับหนึ่งขอให้เขากลับไปก่อน เพราะเธอไม่พร้อมและกำลังรู้สึกแย่กับความรู้สึกสับสนที่เขาทำให้เธอเจ็บปวดจากการกระทำ ที่เขาคิดกับมันแค่เรื่องธรรมดา แต่สำหรับเธอมันต่างออกไป
“ฉันต้องการเธอนะ เราไม่ได้นอนด้วยกันนานแล้ว”
“ฉันชอบการมีเซ็กซ์กับเธอ แต่เธอต้องการแค่นี้จริงๆเหรอ”
“เธอเป็นอะไรไป เธอเปลี่ยนไปนะ เธอไม่เคยถาม แต่วันนี้กลับขี้สงสัยขึ้นมา” เขาทำเสียงเข้ม
“ฉันต้องการความชัดเจน” นับหนึ่งยื่นคำขาด
“ชัดเจนเรื่อง”
“ถ้าสถานะของฉันเป็นเพื่อน นายก็ควรปฏิบัติกับฉันเหมือนเพื่อน ไม่ใช่อยากนอนกับฉัน ก็มา แล้วบอกว่าฉันเป็นแค่เพื่อน”
เธอพรั่งพรูคำพูดที่แสนอัดอั้นออกมา
“ฉันไม่ต้องการคนรัก เพราะคนที่จะเป็นคนรัก คือคนที่ฉันจะแต่งงานด้วย ซึ่งไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน ตอนนี้ฉันต้องการแค่คู่นอนและเพื่อน ถ้าไม่อยากเป็นเพื่อน เธอจะยอมเป็นแค่คู่นอนอย่างนั้นเหรอ”
เขาถามเธอตรงๆ ด้วยดวงตาที่ดุดัน มันทำให้เขานึกถึงพิชญา ผู้หญิงก่อนหน้าที่เขาคบมาก่อนที่จะได้พบกับนับหนึ่ง ผู้หญิงคนนั้นก็เรียกร้องสถานะคู่รักของเขา แต่เมื่อเขายอมจ่ายเพื่อให้เรื่องมันจบ เธอก็ยอมจากไปด้วยดี
“ไม่” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฉันนอนกับคนที่ฉันต้องการ ถ้าไม่ต้องการแบบนั้นเราก็แค่จบเรื่องนี้ แต่เธอจะไม่มีวันได้นอนกับฉันอีก” เขาจ้องหน้าเธอเพื่อรอคำตอบ
“ฉันยอมจบ” นับหนึ่งจ้องตาเขา และตัดสินใจเพื่อท้าทายเขา
“อย่าให้คำว่าสถานะ มาทำลายความสัมพันธ์ที่ดีของเรา จนไม่เหลือแม้แต่ความเป็นเพื่อน ถ้าสถานะมันสำคัญกับเธอนัก ก็จงอยู่ในสถานะที่เป็นเธอ คนที่ไม่เคยมีตัวตนสำหรับฉันมาก่อน”
“ถึงจะจบเรื่องระหว่างเรา แต่ฉันก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับนาย” นับหนึ่งตะโกนบอกเขาทันทีที่เขาผุนผันออกไป
ธนญขับรถออกไปด้วยความโกรธ และอารมณ์ที่ฉุนเฉียว นับหนึ่งถึงกับเข่าทรุด และร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาทำให้เธอรักเขาจนหมดใจ แต่กลับตอกย้ำเธอเป็นได้แค่คู่นอนสำหรับเขา ความเป็นเพื่อนที่มีให้ มันก็แค่การหลอกล่อให้เธอเข้ามาติดกับ
นับหนึ่งคิดถึงคำพูดของสืบสาย แต่ก็ไม่อาจทำใจกับคำพูดของธนญได้ เธอต้องการท้าทายเขา ไม่ยอมแพ้ และตัดสินใจด้วยอารมณ์ จึงนึกเสียใจทีหลัง เธอต้องการเวลาสักพัก การห่างจากเขาอาจทำให้ความรู้สึกที่มีให้เขามันลดน้อยลงบ้าง แต่เธอไม่ได้คิดจะตัดความสัมพันธ์ฉันเพื่อนไปเลยเสียทีเดียว เพราะเธอยังมีความรู้สึกที่ดีต่อเขา มันแค่เกินเลย และล้ำเส้นของเขาเพียงเพราะเธอรักเขาก็เท่านั้น หากเขาไม่รักเธอ เธอก็ไม่อาจบังคับใจของเขาได้ นอกจากใจของตัวเอง
นับหนึ่ง พยายามติดต่อกับธนญ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องเรียน ไปหาถึงบ้าน แต่เธอก็ไม่สามารถผ่านแม้กระทั่งประตูรั้วหน้าคฤหาสน์เข้าไปได้ ตอนที่ความสัมพันธ์ยังเป็นเพื่อนสนิทกันนั้น นับหนึ่งไม่เคยต้องรอหรือกดกริ่งเรียกเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ เขาทำกับเธอเหมือนอากาศธาตุที่ล่องหน ไม่มีตัวตน แม้แต่เป็นคนรู้จัก มันเร็วจนตั้งรับไม่ทัน เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปด้วยดีมาโดยตลอด
หลังจากวันที่เธอตัดสินใจจบความสัมพันธ์ทางกายกับ ธนญ ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ก็จบลงด้วย แม้จะเจอกันในห้องเรียน ต่างฝ่ายต่างไม่เคยแม้แต่มองหน้ากัน นับหนึ่งเป็นคนที่เข้มแข็งแม้จะถูกหญิงสาวที่เคยอิจฉาเธอค่อนแคะ เธอก็ไม่โต้ตอบ หรือแสดงความโกรธหรืออารมณ์ใดๆ ให้ใครเห็นระหว่างสืบสายและพัศวี เธอยังคงพูดคุยด้วยปกติ แต่เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของธนญ จึงต้องเมินเธอบางครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพื่อไม่ทำให้นับหนึ่งลำบากใจ มีแค่รอยยิ้มที่เห็นใจและเข้าใจเธอเท่านั้นฝนที่กำลังกระหน่ำปลายฤดู ราวกับพายุ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้นักศึกษาทั้งชายหญิง ต่างพากันวิ่งเข้าใต้อาคาร โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นใคร นับหนึ่งวิ่งชนกับใครคนหนึ่ง จนล้มลง เป้และของที่ถือมากระจายหล่นลงบนพื้นที่เปียกแฉะ เธอจงรีบเก็บมัน ทำให้ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อสีขาวตัวบางแนบเนื้อ ทำให้มองเห็นสรีระ และยกทรงตัวงาม เมื่อเข้ามาใต้อาคาร ผู้คนต่างมองเธอ รูปร่างที่สวยงามเย้ายวน ทำให้หนุ่มๆ ตาระห้อย สาวๆต่างอิจฉา
ปลายลิ้นที่พลิ้วไหวของเขา ที่เนื้อน้องมองมันทำให้เธอเคลิ้มเคล้ม จนต้องดูดนิ้วของตัวเองตามแรงสัมผัสของเขา พัศวีสอดนิ้วของตัวเองเข้าไปในปากอวบอิ่มของเธอเพื่อให้เธอดูดกลืนเขา แทนนิ้วเรียวของเธอก่อนหน้า เขารับรู้ถึงแรงสัมผัสที่ปลายนิ้วของเขาเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาตวัดมันกับกลีบจำปาของเธอ ยิ่งแรงและเร็ว เธอยิ่งดูดกลืนเขาลึกขึ้น เธอมีความต้องการเขาแล้ว เช่นเดียวกับที่เขาต้องการเธอพัศวี โถมร่างกายแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นค่อมร่างบางของเธอไว้ ให้แก่นเสียดสีกับกลีบจำปาของเธอ ก่อนจะก้มตัวลงจูบเธออย่างดูดดื่ม แบบเดียวกับที่เขาจูบเนินเนื้อของเธอ ความหิวโหยของหนุ่มสาวแทบจะรอการกลืนกินกันและกันไม่ไหว แต่ต้องฝีนต้าน เพื่อความหฤหรรษ์ที่รอคอยกันมานาน“ต้องการมันไหม” เขาถาม“ฉันต้องการ” เนื้อน้องไม่อยากทนมันอีกแล้ว“เธอจะต้องเจ็บมากนะ” เขากระซิบบอก และเคล้าเคลียเธอไปมา“ขอร้อง” เธอไม่กลัวสิ่งใดอีกต่อไป เธอขอร้องให้เขาดับไฟในตัวเธอ เพราะมันกำลังเผาผลาญเธอแทบมอดไหมพัศวีจูบ
พระแพงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ เธอไม่พูด ได้แต่นั่งหน้าเครียดมองออกไปด้านข้าง สืบสายจอดรถให้เธอที่หน้าบ้านทั้งที่ยังจอดไม่สนิท พระแพงรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สังเกตว่าพ่อของเธอเพิ่งลงจากรถคันหนึ่ง“แพง”พระแพงหันตามเสียงด้วยความตกใจ สืบสายเองก็ต้องตกใจที่ชายสูงวัยกำลังจ้องมองเขาอยู่ผ่านกระจกด้านหน้า พระแพงเดินไปหาเขา และช่วยหิ้วของในมือ“ใครน่ะ” พ่อของเธอถาม ทำให้พระแพงอึกอัก เมื่อเห็นเช่นนั้นสืบสายจึงลงจากรถ และเข้าไปแนะนำตัวกับเขา“ผมชื่อสืบสายครับ เป็นเพื่อนกับพระแพง” เขาทักทายผู้ใหญ่อย่างสุภาพ“เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเหรอ ไม่เคยเห็นนายมาก่อน” ผู้ใหญ่มองออกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนธรรมดา“พ่อคะเข้าบ้านเถอะ” พระแพงพยายามคะยั้นคะยอ“เข้าบ้านก่อนสิ ได้คุยกัน” พ่อเชิญเขา เพื่อทำความรู้จัก เพราะพระแพงทำท่าทางอึกอัก ไม่อยากให้เขาได้คุยกับพ่อ“ครับ” สืบสายไม่ปฏิเสธ รับคำสั้นๆ เดินต
นับหนึ่งนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเหนือทิวไม้ อากาศที่หนาวเหน็บ ทำให้นึกถึงเขา อ้อมกอดที่เขาทิ้งไว้ ราวกับกองไฟที่ถูกสุม เขาต้องการเพียงร่างกายของเธอ เขาหลอกล่อเธอจนหนำใจ และจากไปโดยไม่มีแม้คำกล่าวลา เธอไม่ควรจะมานั่งเสียใจ เพราะเธอเองที่ผิด ผิดที่ไปรักเขา ผิดที่ไม่อาจต้านทานความต้องการของตัวเองได้“น้องหนึ่งครับ พรุ่งนี้ทีมศาสตราจารย์ประวิทย์จะนำคณะของ ดร.กลอส เข้าป่า ไปดูพืชอนุรักษ์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ น้องหนึ่งจะไปด้วยไหมครับ เพราะมันค่อนข้างลำบาก ถ้ากลับออกมาไม่ทัน อาจต้องค้างแรมในป่าด้วย”พี่ชูชาติ เจ้าหน้าศูนย์วิจัยที่ทำหน้าที่ดูแลนักศึกษาฝึกงาน เข้ามาถามความสมัครใจ เพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง“ไปค่ะ หนึ่งไหว”เธอตอบรับคำทันที เพราะอย่างน้อยมันช่วยให้เธอไม่คิดมาก และไม่ต้องการให้มีเวลาคิดถึงเขาเช้าวันรุ่งขึ้น นับหนึ่งเตรียมของใช้ที่จำเป็นและสัมภาระใส่เป้สนาม เตรียมพร้อมการเข้าป่ากับเจ้าหน้าที่และกลุ่มเพื่อนนักศึกษาฝึกงาน จากมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ
ลานจอดรถที่แน่นขนัด ในมุมหนึ่งที่มืดมิด ร่างชองชายหนุ่มและหญิงสาวในเครื่องแต่งกายที่สมบูรณ์ แต่ร่างกายท่อนร่างกลับกำลังออกกำลัง โยกรับต่อกัน หอมหายใจถี่และแรง คงทรัพย์ประคองสะโพกของอรปวีร์ กดอาวุธของเขาเข้าออก ผ่านช่องซิบที่รูดลงจนสุด กระโปรงแค่คืบที่ปกปิดสะโพกกลมกลึงถูกรั้งขึ้น จนแทบมองไม่เห็นเมื่อร่างกายแนบชิดติดกันเขาเขย่าสะโพกของเธอจนต้องเอามือปิดปากกั้นเสียงเอาไว้ ความแปลกใหม่ตื่นเต้นเร้าใจ อรปวีร์ถูกคงทรัพย์จับได้ว่าเข้ามาขายบริการในผับอินดีสที่เขาดูแลอยู่ ในฐานะผู้จัดการฝ่ายรักษาความปลอดภัย เขาต้องการจะส่งตัวเธอให้เจ้าหน้าที่ แต่เธอกลับขอร้องและแลกเปลี่ยนด้วยการที่จะยอมมีอะไรกับเขา โดยไม่อายที่จะใช้ลานจอดรถนี้สร้างความหรรษาให้กับเขา และพยายามยื่นข้อเสนอบางอย่างทั้งที่เขายังสอดใส่“ฉันมีเพื่อนคนนึง ที่เคยมาที่นี่กับฉัน พระแพง นายรู้จักนี่” อรปวีร์หอบแรงจนเสียงกระเส่า“รู้จัก ทำไม”“ฉันอยากแนะนำนางให้คุณอำนาจ ฉันกับนางเคยโดยจับได้ค
ธนญ พัศวี และคงทรัพย์ ยืนจ้องมองอรปวีร์ ที่ถูกมัดติดกับเก้าอี้ เนื่องจากเธอพยายามหนี และออกแรงต่อสู้กับลูกน้องของคงทรัพย์ เธอถูกตบไป 2-3 ครั้ง จนใบหน้าแดงช้ำ“เธอทำตัวน่ารังเกียจ” พัศวีพูดพร้อมกับเบ้ปาก“พวกนายต่างหากที่เข้ามายุ่งกับเรื่องของฉัน” อรปวีร์เดือดดาน“ฉันเสียดายที่ครั้งหนึ่งเธอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของสืบสาย เพื่อนฉันมันพลาดจริงๆ” ธนญยกมุมปากด้วยความรู้สึกสมเพช“ที่ลูกน้องฉันทำกับเธอมันก็สมควรแล้ว กล้าหลอกฉัน” คงทรัพย์ตวาดเมื่อเห็นว่าเธอไม่สำนึก และยังกล้าตีฝีปาก“ก็แกมันโง่ไง” อรปวีร์ยิ้มเย้ยเขาอรปวีร์ ไม่ได้รู้จักคงทรัพย์ดีไปกว่าพวกเขา ธนญและพัศวีได้แต่มองหน้ากัน และนึกเอาใจช่วยที่เธอบังอาจล่วงเกินคงทรัพย์ขนาดนี้ เขาทั้งสองขอตัวไปดื่มต่อ เพราะเขารู้ดีว่า ทำไมคงทรัพย์ถึงได้เป็นผู้ดูแล ผับอันดับหนึ่งของประเทศผู้หญิงอย่างอรปวีร์คงไม่กล้าไปอีกนาน ถึงแม้จะนึกสงสารและเห็นใจ 
นับหนึ่งหยิบเสื้อผ้าของเธอเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำ และจัดการทำความสะอาดมันโดยเปิดก๊อกน้ำให้ไหลผ่านคราบสกปรกที่ติดอยู่ จากนั้นจึงใช้ครีมอาบน้ำขยี้ชุดชั้นในและ ชุดเดรสเนื้อบาง อย่างเบามือ และแขวนมันไว้ในห้องน้ำก่อนจะใช้ดรายค่อยๆเป่าให้แห้งที่ละชิ้นเมื่อเขาเห็นเธอหายเข้าไปในห้องน้ำนานผิดปกติทั้งที่เตรียมกาแฟดำไว้ให้นานแล้ว จึงเดินเข้ามาดู จึงเห็นสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ ทำให้เขาถึงกับขมวดคิ้ว ที่เธอรีบจนไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย“ฉันเตรียมกาแฟดำไว้ให้ ไปดื่มก่อนสิ เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”และดึงดรายกับชุดที่เธอเป่าอยู่ออกจากมือ“ทำอะไร”นับหนึ่งพยายามดึงมันกลับ เพราะเขากำลังจับเสื้อผ้าของเธอเปล่าดรายแทนเธอทันทีที่สั่งให้ไปดื่มกาแฟ“เดี๋ยวฉันทำให้ เธออกไปได้แล้ว อย่าเสียเวลาอยู่ หรือ กำลังถ่วง”เขาพูดพร้อมกับสั่งให้เธอออกไป แต่กลับทิ้งเสียงกล่าวหาว่าเธอต้องการถ่วงเวลาเพื่ออยู่กับเขา“ฉันไม่ได้ต้องการมาที่นี่ และไม่เคยต้องการเจอกับนาย
เกศิตาที่กำลังว้าวุ่นเรื่องของพัศวี เธอไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของเขาได้ ทำให้ต้องเอาอารมณ์ไปลงที่งาน แม้การประชุมในวันนี้จะสำคัญต่อเธอและบริษัท แต่การประชุมทำให้เธอไม่สามารถเก็บอารมณ์ที่ขุ่นมัวไว้ได้ ทำให้หุ้นส่วนทางธุรกิจบางคนไม่พอใจ และเกิดการโต้เถียงขั้นรุนแรง เกี่ยวกับการปรับผังโครงสร้างบริษัทและกลยุทธ์การตลาดที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของโครงสร้างใหม่“ในฐานะที่ดิฉันเป็นประธานบริหารโครงการนี้ ดิฉันขอให้ทุกท่านกลับไปพิจารณาและปรับแก้แผนงานมาใหม่ อีก 2 วัน เรามาประชุมกันใหม่ ถ้าทำไม่ได้ดิฉันพร้อมยุบโครงการทันที”ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและมีพลัง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ จนกระทั่งเธอเดินออกไป ในบรรดาผู้บริหารที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเก่าแก่ ถึงกับตบโต๊ะ แสดงความไม่พอใจ และรวมกลุ่มที่จะต่อต้านเธอ“นังเด็กเมื่อวานซืน คิดว่าตัวเองแน่มาจากไหน วันๆ ทำแต่เรื่องฉาวโฉ่ แต่ยังกล้าชูคอเป็นนางหงส์ เป็นแค่ลูกนอกสมรส ของประทานคนก่อน กล้ามาผยอง”
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง