เกศิตาที่กำลังว้าวุ่นเรื่องของพัศวี เธอไม่สามารถหยุดคิดเรื่องของเขาได้ ทำให้ต้องเอาอารมณ์ไปลงที่งาน แม้การประชุมในวันนี้จะสำคัญต่อเธอและบริษัท แต่การประชุมทำให้เธอไม่สามารถเก็บอารมณ์ที่ขุ่นมัวไว้ได้ ทำให้หุ้นส่วนทางธุรกิจบางคนไม่พอใจ และเกิดการโต้เถียงขั้นรุนแรง เกี่ยวกับการปรับผังโครงสร้างบริษัทและกลยุทธ์การตลาดที่ต้องสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติของโครงสร้างใหม่
“ในฐานะที่ดิฉันเป็นประธานบริหารโครงการนี้ ดิฉันขอให้ทุกท่านกลับไปพิจารณาและปรับแก้แผนงานมาใหม่ อีก 2 วัน เรามาประชุมกันใหม่ ถ้าทำไม่ได้ดิฉันพร้อมยุบโครงการทันที”
ด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและมีพลัง ทำให้ทั้งห้องเงียบกริบ จนกระทั่งเธอเดินออกไป ในบรรดาผู้บริหารที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ คนเก่าแก่ ถึงกับตบโต๊ะ แสดงความไม่พอใจ และรวมกลุ่มที่จะต่อต้านเธอ
“นังเด็กเมื่อวานซืน คิดว่าตัวเองแน่มาจากไหน วันๆ ทำแต่เรื่องฉาวโฉ่ แต่ยังกล้าชูคอเป็นนางหงส์ เป็นแค่ลูกนอกสมรส ของประทานคนก่อน กล้ามาผยอง”
ผู้บริหารท่านหนึ่งถึงกับสบถแรง แบบไม่มีเกรงใจกันอีกต่อไป เมื่อก่อนยังมีความเกรงใจต่อ คุณพลวัตร ปุญญะวัชโร ประทานผู้ก่อตั้งบริษัท ที่ให้ลูกสาวคนเดียวเข้ามาบริหาร เพราะเห็นแก่ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อปรากฏข่าวฉาวออกมาเรื่อย ๆ และนำพามาซึ่งความเสื่อมเสีย ชื่อเสียงของบริษัทที่สั่งสมมานาน ต้องป่นปี้เพราะความเหลวแหลกเน่าเฟะ ของเธอ ทำให้เขารู้สึกรังเกียจและไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ปารวัตร ส่งคนไปสืบเรื่องผู้หญิงที่ชื่อเนื้อน้องแฟนของนายพัศวี มารายงานฉันหน่อย ฉันขอข้อมูลด่วน”
เกศิตาสั่งเลขาคนสนิท เป็นทั้งบอร์ดี้การ์ด และคู่ขาของเธอในบางครา เขาคือหนึ่งในบอร์ดี้การ์ด ที่นับหนึ่งขอไว้ แลกกับพัศวี ให้กับณัฐการ และมัสยา ในคืนนั้น
ปารวัตร มีสีหน้าวิตกกังวล ที่เกศิตายังคงพยายามเอาตัวเอง ไปพัวพันอยู่กับพัศวี เขาพอจะเข้าใจว่าเธอต้องการ และชอบพัศวีมาก แต่ด้วยความเป็นลูกน้องคนสนิท อีกทั้งยังมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเธอ ทำให้เขาเป็นห่วง รวมถึงหวงเธอมากเช่นกัน
เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ใบหน้าละเอียดเกลี้ยงเกลา ผิวสีแทน แข็งแรง รูปร่างสูงโปร่ง ทำงานในฐานะเลขา และบอร์ดี้การ์ดตั้งแต่เธอย้ายกลับมาที่ไทย ด้วยความรักสนุกของเกศิตา ทำให้เขาถูกพ่วงตำแหน่งผู้ชายของเธอไปในตัว เมื่อเวลาที่เธอไม่มีเวลาออกไปหาผู้ชายคนใหม่ เขาเป็นเหมือนทุกอย่างที่เธอต้องการ
“ครับ” เขารับคำสั้นๆ ก่อนจะเก็บแฟ้มเอกสาร และเดินตามหลังเธอออกไป
“วันนี้ฉันไม่กลับคอนโด นายพาฉันไปที่แห่งหนึ่งก่อน” เกศิตา หันมาบอกเขา สำหรับแผนวันนี้ในช่วงเย็น
“แต่คุณมีนัดทานข้าวที่บ้านใหญ่นะครับวันนี้” เขาแย้งในทันทีที่เธอเปลี่ยนแผน และเหมือนเธอจะลืมนัด
“ไม่ ฉันไม่อยากไป พวกเขาโทรตามฉัน แต่ฉันไม่ได้รับปากว่าจะไปสักหน่อย” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเย็นชา
“ครับ” เมื่อเธอตัดสินใจเช่นนั้น เขาก็ไม่มีสิทธิ์ค้านอะไรอีก
หลังเรียนจบเนื้อน้อง ไม่ได้มีแผนการเรียนต่อเหมือนเพื่อนๆ เธอต้องมาช่วยงานที่บริษัทของครอบครัว ซึ่งเป็นบริษัทเล็ก ๆ ที่บริหารจัดการ เป็นตัวแทนจำหน่าย และกระจายสินค้าอุปโภคบริโภครายใหญ่ในจังหวัดทางภาคตะวันออก 2-3 เดือนที่ผ่านมา หลังงานเลี้ยงจบการศึกษา เธอแทบจะไม่ได้เจอเพื่อนๆ หรือแม้แต่พัศวีเลย เนื่องจากต้องมาเริ่มเรียนรู้งานอย่างจริงจัง เพื่อดูแลระบบบัญชี และการจัดการระบบเอกสารต่างๆ
“คะวี”
เนื้อน้องรับสายพัศวี ทั้งที่งานยังติดพัน ทำให้ปลายสายรู้สึกว่าเธอไม่ได้รู้สึกดีใจว่าเขาโทรหาเธอเลยสักนิด
“เหมือนน้องไม่ดีใจที่ผมโทรหาเลย” พัศวีตัดพ้อ
“พอดีน้องยุ่งนิดหน่อย”
เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ยิ่งทำให้เขาน้อยใจ ที่แฟนของตัวเองไม่ได้ให้ความสำคัญกับเขาสักเท่าไหร่
“งั้นน้องทำงานเถอะ ผมค่อยโทรหาใหม่”
เขาทิ้งน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะไม่พอใจ และตัดสายทันที ทำให้หญิงสาวถึงกับชะงัก และไม่เข้าใจว่าเขากำลังโกรธเธอเรื่องอะไร
พัศวีรู้สึกเหมือนการเป็นผู้ใหญ่ ทำให้เขาถูกทอดทิ้ง อีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะต้องเดินทางไปอเมริกา เพื่อศึกษาต่อ แต่แทนที่เธอจะใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเขาบ้าง เธอกับทำแต่งาน แม้แต่เวลาคุยโทรศัพท์ยังไม่มี
“สืบ วันนี้ฉันอยากเมา นายไปเป็นเพื่อนฉันหน่อย” เขาโทรหาเพื่อนรักทันที
“คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ”
สืบสายรู้ทันทีที่เขาชวนดื่ม เพราะดูเหมือนการชวนเขาไปดื่ม นอกจากหาความสุขแล้วก็คือเครียดต้องการปลดปล่อย
“เจอกัน อินดีส” เขาบอกแค่นั้น
สืบสายมาพร้อมกันธนญ ทำให้พัศวีถึงกับดีใจ ที่คราวนี้ธนญมาได้ หลังจากเรียนจบ ธนญก็ทำตัวไม่ต่างจากเนื้อน้องสักเท่าไหร่ เขายุ่งแต่กับเรื่องงานที่บริษัท และเรียนเพิ่มเติมภาษาฝรั่งเศส เพราะแผนของธนญคือไปเรียนต่อจนจบ ระดับปริญญาเอก ที่ฝรั่งเศส นั่นหมายความว่าพวกเขาต้องห่างกันนานหลายปี เพราะอยู่กันคนละทวีป ส่วนสืบสายอยู่ใกล้กับธนญแค่เอื้อม เพราะเขาไปต่อที่อังกฤษ
“อย่างน้อยฉันก็มีพวกนาย” พัศวีถึงกับพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า ทันทีที่เจอกับเพื่อนรัก เมื่อเทียบกันคนรัก
“น้อยใจแฟนอีกแล้วเหรอ” สืบสายล้อเขา
“อืม” เขายกแก้วเครื่องดื่มขึ้นกระดก ก่อนจะเรียกบริกรให้นำแก้วเครื่องดื่มมาเพิ่มเนื่องจากเพื่อนของเขามาแล้ว
“แล้วน้องเขาจะมาหาแกเมื่อไหร่เนี่ย อีกไม่กี่วันก็เดินทางแล้วไม่ใช่เหรอ” สืบสายถามเขา เพราะรู้ว่าเขากำลังโหยหาสิ่งใด
“น่าจะมะรืนนี้” พัศวีตอบอย่างหมดอารมณ์
“ก่อนวันเดินทางวันเดียวนี่นะ”
ธนญ ถามเพราะไม่เข้าใจ สถานะแฟน ตั้งแต่เริ่มต้นและดำเนินไปที่แปลกมากของเนื้อน้อง กับพัศวี
“คงกะให้ฉันนอนยาวตลอดการเดินทาง”
พัศวีพูดติดตลก เขาต้องเก็บเกี่ยวความสุขและใช้เวลาด้วยกันให้มากที่สุด เพราะต้องห่างจากเธอกว่า 2 ปี
“หนึ่งไปฝรั่งเศสนานแล้ว นายติดต่อเธอบ้างหรือเปล่า” พัศวีถามธนญด้วยความสนใจ
“ไม่”
เขาตอบอย่างเย็นชา เพราะการที่เขาไปเรียนต่อที่ฝรังเศส เป็นแผนที่เขาวางไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะพบกับนับหนึ่ง ไม่ใช่การบินตามเธอไปอย่างที่คนอื่นเข้าใจ เมื่อได้ยินคำตอบ สืบสายและพัศวีได้แค่สบตากันเท่านั้น
ขณะที่ปารวัตร กำลังเฝ้ามองเจ้านายของเขา ที่กำลังคลอเคลียร์หนุ่มคนหนึ่ง จากบาร์เครื่องดื่มของสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง หญิงสาวที่คุ้นตาก็มานั่งลงข้างๆ เขาที่เก้าอี้กลมทรงสูง และสั่งเครื่องดื่มของเธอหนึ่งแก้ว
“ไงคุณบอร์ดี้การ์ด ไม่เจอกันนานเลย”
ณัฐการทักเขา เพราะเธอจำเขาได้ดี คืนนี้เขาหล่อมาก ผิดกับวันที่เจอกันที่ผับอินดีส ในฐานะตัวแลกเปลี่ยนของพัศวี
“เรารู้จักกันหรือครับ” เขาถามแต่ไม่ได้มองหน้าเธอ เพราะเขามัวแต่มองเกศิตา ด้วยสายตากังวล จนณัฐการต้องหันตาม
“มาเฝ้าเจ้านายคุณอีกตามเคย” ณัฐการพูดพร้อมกันส่ายศีรษะ ที่เห็นพฤติกรรมของเกศิตา
“มันเป็นหน้าที่”
“ฉันว่า หน้าที่คุณคงไม่ใช่แค่นี้ คุณหน้าตาดีกว่าหมอนั่นอีก คุณก็คงเคยทำหน้าที่นั้นสินะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ณัฐการถึงกับแสยะยิ้มให้เขา จนปารวัตรถึงกับหันมามองหน้าเธอตรงๆ ด้วยความโกรธ เขาไม่ได้รู้จักเธอ แต่เธอกล้ามาดูถูกเขาต่อหน้า
“คุณเป็นใคร” เขาถามด้วยน้ำเสียงเข้ม
“ฉันเป็นเพื่อนกับพัศวี คืนนั้นจำไม่ได้เหรอ” ณัฐการฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะเดินจากไป และหัวเราะอยู่ในลำคอ
ปารวัตร จึงจำได้คลับคล้ายคลับคลา เขาถูกนับหนึ่งยกให้ณัฐการ ส่วนเพื่อนอีกคนของเขาถูกยกให้มัสยา แต่เธอปฏิเสธเขา เพราะเธอไม่ยุ่งกับศัตรู และตอนนั้นเธอทั้งยียวนกวนประสาท และข่มขู่เขาต่างๆ นาๆ
ในขณะที่เขาจ้องมองไปที่เกศิตา ที่กำลังสอดมือเข้าไปที่เป้ากางเกงของชายหนุ่มคนนั้น ในมุมมืด ทำให้ปารวัตรถึงกับกำมือแน่น ที่แก้วเครื่องดื่ม แทบจะบีบให้มันแตกคามือ เขากำลังหึงเกศิตา แต่สถานะของเขาเป็นแค่ลูกน้องเขาไม่มีสิทธิ์เอื้อมไปมากกว่านี้ การที่ได้ใกล้ชิดเธอในบางครั้ง มันทำให้เขามีความสุข แต่ก็แอบเศร้าที่เห็นคนที่ตัวเองรัก ปล่อยกายปล่อยใจให้กับคนอื่นไม่เว้นแต่ละวัน
“วันนี้อิ๋ง ต้องขอบคุณ คุณภัทร และทีมงานมากนะคะที่สนับสนุนบริษัทเรามาโดยตลอด ต่อไปให้น้อง ๆ คอยดูแลทุกท่านอย่างใกล้ชิดนะคะ เชิญตามสบาย ขาดตกบกพร่องยังไงบอกได้นะคะ เรื่องอาหารและเครื่องดื่มเดี๋ยวอิ๋งดูแลให้เองค่ะ ยังไงขอตัวก่อนนะคะ”
ณัฐการมาเลี้ยงขอบคุณลูกค้า คอยดูแลเทคแคร์เรื่องเครื่องดื่ม และกับแกล้ม รวมถึงเด็กสาวที่คอยเอนเตอร์เทรน ที่ค่อนข้างคัดเกรดมาโดยเฉพาะ
“น้องคะ พี่ขอเครื่องดื่มชุดเดิมให้แขกโต๊ะนั้น”
ณัฐการกลับมาที่บาร์และสั่งเครื่องดื่มด้วยตัวเอง เพื่อปลีกตัวออกมา เลี่ยงลูกค้าที่เริ่มเมา เพราะถึงแม้จะรับหน้าที่ดูแล แต่เธอแค่ ปล่อยเป็นหน้าที่ของเด็กๆ ที่จ้างมาก็พอ
“ได้ครับคุณอิ๋ง คราวนี้ลูกค้าคุณอิ๋งใช่ย่อยนะ อยู่ตรงนี้แหละครับ ผมให้เด็กจัดการให้”
กัปตันที่ดูแล บาร์มี ความสนิทสนทกับเธอเป็นพิเศษ เนื่องจากเธอพาลูกค้าลักษณะนี้มาที่นี่บ่อย จะคอยดูแลแทน เนื่องจากไม่อยากให้เธอเปลืองตัว
“เป็นแม่เล้าเหรอ” ปารวัตรพูดขึ้นลอย ๆ แต่จงใจแขวะเธอ ทั้งที่ไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำ
“ถ้าฉันเป็นแม่เล้า นายก็คงเป็นแมงดาสินะ” ณัฐการยิ้มที่มุมปาก และหันหลังไปอีกทาง มองดูลูกค้าของตัวเอง
ปารวัตรนึกโมโห ผู้หญิงที่ยียวนคนนี้ ที่กำลังดูถูกเขา เขามองพิจารณาเธอจากด้านหลัง อยู่นานก่อนจะหันไปมองเกศิตา ที่รูปร่างหน้าตาของทั้งคู่คล้ายคลึงกัน เมื่อเทียบดูแล้ว แม้เกศิตาจะสวยเฉี่ยวกว่ามากแต่เธอกลับดูเศร้าหมอง ผิดกับผู้หญิงคนนี้กลับดูสดใส และสนุกสนานกว่า เขาสังเกตยามเธอหัวเราะกับบาร์เทนเดอร์ โลกนี้เหมือนจะมีแค่พวกเขา
เกศิตาส่งสัญญาณบอกเขาว่าเธอจะไปต่อกับชายคนนั้น เขาไม่ต้องตามไป สิ่งที่ทำคือ แค่รอว่าเธอจะมีเรื่องด่วนให้เข้าไปจัดการอีกหรือไม่ หรือต้องการสิ่งใดเป็นพิเศษ หน้าของเขาเคร่งเครียดจนสังเกตได้ เขาหันมาสั่งเครื่องดื่มเพิ่ม และดื่มคนเดียวไปเรื่อย ๆ เพราะหมดหน้าที่ของเขาแล้ว
ณัฐการสังเกตเห็นเกศิตาควงแขนชายหนุ่มคนหนึ่งเดินผ่านหน้าไปออกไป โดยที่เขาไม่ตามออกไป ก็พอจะเข้าใจว่าทำไมถึงมีสีหน้าท่าทางเช่นนี้
“เลิกงานแล้วสิ คืนนี้ไม่ต้องทำโอที ดีใจด้วย”
เธอยกแก้วเครื่องดื่มของตัวเองชนกับแก้วของเขาที่วางอยู่ และหัวเราะออกมาดังๆ ล้อเลียนเขา ขณะที่กำลังจะเข้าปาก เขากลับกระชากแขนเธอไว้ จนเครื่องดื่มกระฉอกหกใส่เสื้อผ้าของเธอที่เป็นสีขาว จนเลอะเทอะ
“นายทำบ้าอะไร” ณัฐการพยายามดึงแขนออก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” กัปตันรีบเข้ามาถามเธอด้วยความเป็นห่วง แต่ปารวัตร จ้องเธอตาเขม็ง
“ไม่มีอะไรค่ะ เรารู้จักกันค่ะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวฉันกลับเลย ฝากดูลูกค้าด้วยนะ”
ณัฐการบอกกับกัปตัน และลุกออกไปทันที ปารวัตรเดินตามเธอไปติดๆ จนถึงตัวเธอ และดึงเธอไว้เหมือนเดิม
“คิดจะหนีเหรอ” เขาขึ้นเสียง เมื่อเห็นลับตาคน
“อย่ามาหาเรื่องฉันนะ” ณัฐการพยายามบิดแขนและตวาดกลับ
“ใครหาเรื่องกันแน่”
เขาไม่ยอม และผลักเธอติดกับรถที่จอดอยู่ที่ลานจอดอย่างแรง ทำให้ณัฐการตกใจกลัว เพราะเขาคือหนึ่งในคนที่ใช้กำลังทำร้ายพัศวี แต่เธอเป็นผู้หญิง เขาจะกล้าทำร้ายเธอเชียวหรือ
“ปล่อยนะ”
“ไม่ คุณต้องขอโทษผมก่อน” เขาออกคำสั่ง
“ขอโทษทำไม เรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” ณัฐการไม่ยอม
“คุณดูถูกผม ว่าผมเป็นแมงดา” เขาจ้องเธอเขม็ง ด้วยสายตาดุดัน
ณัฐการ ไม่ขอโทษ และหัวเราะเยาะเขาอย่างจงใจ ก่อนจะผลักเขาและเตะไปที่หน้าแข้งก่อนจะวิ่งหนี เพราะรองเท้าส้นสูงที่เธอใส่ ทำให้เธอสะดุดล้มลง จนเขาถึงตัวเธอ ขณะที่พยายามลุกขึ้น จะวิ่งต่อ เป็นจังหวะที่รถคันหนึ่งสวนมาพอดี เขาจึงคว้าเอวเธอไว้ และจูบเธอเพื่ออำพราง ให้คนที่ผ่านมาเข้าใจว่าคู่รักกำลังพลอดรักกัน จนเมื่อรถคันนั้นผ่านไป เขาจึงคลายจูบ ณัฐการผลักเขาออก และตบเขาไปหนึ่งที
“กล้าดียังไงมาจูบฉัน น่าขยักแขยง ผู้ชายของเกศิตาก็สกปรกเหมือนเกศิตานั่นแหละ วันนี้นายทำฉันสกปรกมามากพอแล้ว”
เธอด่าทอเขา ราวกับเขาเป็นสิ่งสกปรก
“งั้นเหรอ”
เขาไม่รอช้าผลักเธอไปที่รถของเขาที่จอดอยู่ใกล้ และดันเธอเข้าไปจากฝั่งคนขับ จนเธอไม่สามารถหนีไปไหนได้ ณัฐการ ทั้งดิ้นทั้งตบเขาพลันละวัน ก่อนที่เขาจะขับรถออกไป อย่างรวดเร็ว
“ปล่อยนะ ไอ้บ้า ไอ้แมงดา” เธอก่นด่าเขาไม่หยุด ทำให้ปารวัตรโมโหจนแทบจะฆ่าเธอ
ปารวัตรขับรถวน คดเคี้ยวไปในถนนที่ทอดไปในที่รกร้างว่างเปล่า เต็มไปด้วยทุ่งนาที่ปล่อยทิ้ง เต็มไปด้วยหนองน้ำที่ขังตัวเต็มไปด้วยโคลนตม และลากตัวณัฐการลงจากรถ ก่อนจะเหวี่ยงเธอลงไป จนเนื้อตัวเต็มไปด้วยคราบโคลนตมเน่าเหม็น จนเธอต้องกรีดร้องออกมาด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
“ไอ้บ้า”
“จิตใจสกปรก ตัวก็สกปรก นั่นแหละคนแบบเธอ”
ปารวัตรหัวเราะด้วยความสะใจก่อนจะขับรถออกไป ณัฐการพาตัวเองขึ้นมาจากปรักโคลนอย่าง ทุลักทุเล มองไปทางไหนก็มืดสนิท จับทิศทางไม่ถูก เธอต้องถอดรองเท้าส้นสูงที่สวมใส่มาถือไว้และเดินเท้าเปล่าไปตามถนน ซึ่งไกลมากกว่าจะมองเห็นแสงไฟอยู่ไกลๆ
เมื่ออกมาถึงถนนใหญ่ที่มีไฟส่องสว่าง เขายังจอดรถรออยู่ที่ปากทาง ทำให้ณัฐการต้องหยุดอยู่กับที่ ลังเลที่จะเดินออกไป เมื่อเขาเห็นเธอ จึงลงจากรถ และสาวเท้าเดินตรงมาหาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพาเธอขึ้นรถอีกครั้งทั้งที่ร่างกายเธอเลอะเทอะเต็มไปด้วยน้ำคลำ เสื้อสีขาวกลายเป็นสีเทา ทั้งคู่อยู่ในความเงียบ เขาขับรถพาเธอเข้าโรงแรมมาดรูดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ราวกับกลางป่าห่างไกลผู้คน ทำให้ณัฐการถึงกับมือสั่น
“พาฉันเข้ามาที่นี่ทำไม”
ปารวัตรไม่ตอบ เมื่อรถจอดสนิท ในล็อคที่ว่าง ณัฐการทำท่าจะวิ่งออกไป แต่พนักงานชายที่รูดม่านปิดให้ เข้ามาเสียก่อน ทำให้เธอตกใจ ก่อนที่เขาจะจับแขนเธอไว้ พนักงานมองสภาพของเธอด้วยสายตาแปลกๆ
“ค้างคืน หรือชั่วคราว” เขาถามและแจ้งราคากับปารวัตร โดยไม่ทันจะแจงรายละเอียดอื่นๆ
“ค้างคืน”
ปารวัตรตัดบท เพื่อให้เขารีบเปิดห้อง และผลักณัฐการเข้าไป
“ไปอาบน้ำซะ”
ณัฐการรีบเข้าห้องน้ำและล็อคประตูอย่างรวดเร็ว และแอบฟังเสียงการเคลื่อนไหวของเขาด้วยการแนบหูกับประตูห้องน้ำ ปารวัตรไม่ได้สนใจเธออีกต่อไป นอนลงบนเตียง และเปิดทีวีดูฆ่าเวลา ซึ่งเป็นหนังผู้ใหญ่ที่ถูกฉายวนไปวนมา และเผลอหลับไปในที่สุด
ณัฐการเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างคราบโคลนที่เน่าเหม็นอยู่นาน ทั้งพยายามซักเสื้อผ้าด้วยสบู่ แต่ก็ออกไปเพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่ก็ช่วยขจัดกลิ่นเหม็น ให้เธอพอได้ใส่กลับ เธอพยายามบิดหมาดสะบัดไปมาให้แห้ง แต่ก็มีที่ตาก เมื่อแอบฟัง ไม่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงแอบเปิดประตู พันผ้าเช็ดตัวผืนน้อยออกมา เธอเห็นปารวัตรนอนตะแคงหลับไป หันหน้าไปอีกด้าน จึงออกจากห้องน้ำ ไปหาไม้แขวน และอังมันกับช่องแอ พอให้ใส่ได้ เธอรออยู่ราว 10 นาที ไม่เห็นเขาเคลื่อนไหว ระหว่างนั้นจึงย่องไปที่หัวเตียงฝั่งที่เขานอนอยู่ เพื่อหยิบกุญแจรถ ที่วางไว้คู่กับโทรศัพท์
ณัฐการใช้ปลายเท้าย่องไปจนได้ระยะหยิบกุญแจที่โต๊ะหัวเตียง แต่เขากลับขยับตัว ทำให้เธอนิ่งอยู่อย่างนั้น และมองว่าเขาจะรู้สึกตัวหรือไม่ ก่อนจะหยิบมันขึ้นมา
“คิดจะทำอะไร”
เขาลืมตามองเธอ ที่กึ่งเปลือยพันผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก หยดน้ำเกาะพราว ผมเปียกหมาด กำกุญแจรถไว้ในมือ
“เปล่า”
เธอปลดเขา และหันหลังกลับ สุดท้ายต้องตัวแข็งเพราะหันไปเห็นฉากที่หนุ่มสาวกำลังสอดใส่ในหนังผู้ใหญ่ที่ปารวัตรเปิดทิ้งไว้ ปารวัตรดึงกุญแจออกจากมือของเธออย่างแรง จนแขนเธอสะบัดหันกลับมาหาเขา และล้มทับตัวเขา จนทำให้ปมผ้าเช็ดตัวหลุดออก เผยอกอวบต่อหน้าเขาโดยไม่ตั้งใจ
“กรี๊ด!” ณัฐการร้องเสียงหลง และเอามือปิดตาเขาที่กำลังจ้องมองมัน จนเขาต้องปัดออก เพราะเธอโถมใส่เขาทั้งตัว ทั้งที่ร่างกายของเธอเกือบเปลือย
“รุกหนักไปแล้วนะ ยายบ้า”
เขาดึงมือเธอออกจากตา และจับตัวเธอพลิกลงกับเตียง ทำให้ผ้าที่พันกายหลุดออกจนหมด เขาอยู่บนกายที่เปลือยเปล่าของเธอ ณัฐการพยามดึงมือมาปิดหน้าออกของเธอไว้ แต่เขากับขึงมันไว้ที่หมอนแนบศีรษะทั้งสองข้าง จนรู้สึกถึงอกอวบอูมที่กำลังเคลื่อนไหว หอบหายใจเพราะออกแรงขืน
“อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ”
แววตาของณัฐการสั่นระริกด้วยความกลัว เขามองเธออย่างค้นหา สายตาระเรื่อยมาหยุดที่เนินอกเปลือย ยอดเต่งตึงชมพูระเรื่อ
“กำลังให้ท่าอยู่เหรอ”
เขาประเมินจากที่ร่างกายของเธอกำลังตอบสนองเขาอยู่ ณัฐการตกใจที่เขาคิดว่าเธอกำลังให้ท่าเขาทั้งที่เขาต่างหากที่กำลังทับร่างกายของเธออยู่ ด้วยความโกรธ จึงไม่ทันคิดให้ดี จึงด่าทอเขาด้วยถ้อยคำหยาบคาย
“ใครให้ท่าแก ไอ้แมงดา”
“คำก็แมงดา สองคำก็แมงดา รู้ไหมแมงดามันเป็นยังไง”
เขาก้มหน้าจนใกล้ ประชิดริมฝีปากจนติดกับริมฝีปากของเธอ ก่อนพูดออกมาจนลมหายใจและลมปากที่กรุ่นไปด้วยแอลกอฮอล์ คละคลุ้ง ณัฐการได้แต่เอียงหน้าหนี ความเงียบของเธอและเขาทำให้ เสียงจากทีวีดังต่อเนื่อง เสียงครางกระเส่า และเสียงจังหวะการร่วมรัก ทำให้ใจเต้นแรง ณัฐการยังคงพยายามขัดขืน แต่แรงของเขามีมากกว่า จึงยังตรึงเธอไว้อย่างนั้น ทั้งที่เธอพยายามหลับตาไม่มองมัน แต่หูยังคงได้ยิน ทำให้เธอหายใจติดขัด
“อยากทำ แบบในทีวีหรือ”
เขาแกล้งถามก่อนจะแสยะยิ้มออกมา ก่อนจะปล่อยมือ และนั่งมองทั้งที่ยังค่อมร่างเธอไว้ เมื่อมือของเธอหลุดแล้ว ณัฐการไม่รอช้า ตบเขาไปที่หน้าเต็มแรงก่อนจะลุกขึ้นเพื่อคว้าผ้าขนหนูขึ้นมาปิดร่างกาย
“ฤทธิ์เยอะนักนะ แม่งเอ๊ย! “
ปารวัตร จับแก้มตัวเองและสบถออกมา ดึงขาทั้งสองข้างของเธอกลับมา และจู่โจมเธออย่างบ้าคลั่ง ดังผ้าที่ปกปิดร่างกายโยนออกไปทางหนึ่ง จูบเธออย่างดูดดื่ม สัมผัสร่างกาย เนินอกและของสงวนอย่างเร่าร้อน เพื่อสั่งสอนเธอ เขาไม่ได้คิดว่าเธอคือณัฐการ แต่เขากำลังคิดถึงเกศิตา เพราะรูปร่างของณัฐการไม่ต่างกับของเกศิตาเลยสักนิด
“ปล่อยฉัน”
มือของณัฐการพยายามดึงมือที่กำลังสัมผัสกายของเธอออก แต่ก็สู้แรงของเขาไม่ได้ จนต้องครางออกมาแข่งกับทีวี
“แมงดามันเหม็น แต่ลองกินแล้วจะติดใจ”
ปารวัตรแซะเธอ เพราะร่างกายเธอกำลังตอบสนองเขาอยู่ แม้จะพยายามขัดขื่น ร่างกายของเธออ่อนระทวยไปหมด ณัฐการเริ่มเคลื่อนไหวไปตามจังหวะเล้าโลม จนเกินต้านไหว มือไม้เริ่มปัดป่ายไปตามร่างกายของเขา เพื่อสัมผัสมันใกล้ชิด จนไม่รู้ว่าเขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาจนหมดสิ้นตั้งแต่เมื่อใด
การจู่โจมของเขาค่อยเป็นค่อยไปโดยที่เธอแทบจะไม่รู้สึกตัว เขาสอดใส่ตามจังหวะครางของเธอ จนคับแน่น ร่างกายของเธอตอบสนองเขาอย่างดี เขาสอดใส่ในกายเธออย่างไม่ติดขัด แต่เธอกลับสะดุ้งนิดหนึ่ง เมื่อเริ่มรู้ตัวว่า ตัวเองกำลังสอดประสานยอมรับการกล้ำกลายของเขาเข้าไปมาอย่างเต็มใจ และพยายามผลักมันออก
“เอามันออกไป”
“ไม่ทันแล้ว” น้ำเสียงที่ลุ่มลึก แหบพล่าในลำคอตอบเธออย่างยากเย็น เพราะกำลังข่มเสียงครางของตัวเองไว้
เขากดมันจนมิด และมองดูร่างกายที่กำลังสอดส่ายของเขาและเธอร่วมกัน แม้เธอจะปฏิเสธมัน แต่ร่างกายของเธอกลับตอบสนองเป็นอย่างดี ณัฐการห่างหายจากการมีพันธะทางกายกับผู้ชายมา กว่า 4 ปี เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยทำเรื่องผิดพลาดจนไม่น่าให้อภัย ทำให้พ่อแม่เสียใจ ในวัยมัธยมปลายที่กำลังคึกคะนอง เธอถูกผู้ชายที่ตนเองรัก ขอมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งเธอไป
“อย่าขยับมันเร็วนัก ฉันไม่ไหว”
เธอขอร้องเขาเสียงกระเส่า เพราะจังหวะที่เขาสอดใส่มันทำให้เธอสะท้านไปทั้งร่าง เธอไม่อยากให้ตัวเองเป็นเหมือนหญิงสาวในจอ ที่เร่าร้อนและเชิญชวนคู่ของเธอ ให้เร่งจังหวะขึ้นไปอีก
“เธอดูถูกฉันนี่ กับคุณเกศิตา มันร้อนแรงกว่านี้เยอะ คนแบบเธอไม่มีทางเทียบติด” เขายิ้มอย่างมีชัยเหนือเธอ
“หยุด”
ณัฐการไม่ต้องการให้เขาเอาเธอไปเปรียบกับเกศิตา จึงพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่จะขัดขืนเขา แต่ยิ่งสู้มันกลับทำให้เขายิ่งเพิ่มความรุนแรง และกระตุ้นให้แรงปรารถนาเป็นเท่าทวี แรงอัดที่บีบรัดร่างกายของเขา ทำให้เขารวดร้าวไปหมดทั้งสรรพางค์กาย ก่อนกดมันเข้าเต็มแรงและปล่อยมันในกายเธออย่างไม่ยั้ง จนเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่าง และหมดแรงหลับไปในที่สุด
ร่างกายที่อวบอัดของณัฐการชดเชยความต้องการของปารวัตรที่มีต่อเกศิตาได้อย่างดี แต่เขากลับต้องเอาแขนก่ายหน้าผาก เมื่อนึกถึงปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา เขามองใบหน้าที่สวยงามยามหลับใหล หยาดน้ำตาที่เกาะพราวที่ขนตา สะโพกผายกลมกลึง โค้งและเว้าลงที่เอวคอด แขนทั้งสองงอ ปิดอกอูมที่ชูช่อแดงระเรื่อจากรอยจุมพิต เนินเนื้อโหนกนูน ถูกขาทั้งสองเบียดชิดเป็นหลังเต่าที่มีไรขนบางเบาปกคลุม ขณะที่นอนตะแคงเข้าหาเขา
“ฉันรู้ว่าเธอตื่นอยู่ ลืมตาสิ” เขาบอกให้เธอลืมตา เพื่อมองเขา
ดวงตาชื้นแฉะค่อยๆ เปิดออก เธอมองเขาด้วยดวงตาที่ปวดร้าว เขาข่มขืนเธอในสถานที่ต่ำทราม ราคาแสนถูก เขาตีค่าราคาของเธอราวกับโสเภณีข้างถนน
“เราต้องคุยกัน” เขาต้องการตกลงกับเธอด้วยสันติ
“ฉันจะแจ้งจับนาย ถ้าฉันออกไปได้” ณัฐการกัดฟัน
“คุณไม่ทำแบบนั้นหรอก” เขายิ้ม และเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอ
“คุณไม่มีทางเอาชื่อเสียงมาเสี่ยงกับเรื่องนี้ เดี๋ยวจบจากตรงนี้ ผมจะพาไปส่ง แล้วก็คิดเสียว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ในเมื่อคุณก็ไม่ได้รู้สึกดีกับผม และผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณ ถือเสียว่า วันนี้เรามาแลกเปลี่ยนกัน ปากคุณบอกว่าไม่ แต่ร่างกายคุณกลับตอบสนองมัน”
รอยยิ้มและคำพูดของเขา ดูเย็นชา และเลือดเย็นต่อเธอมาก ณัฐการไม่เคยคิดมาก่อนว่า จะต้องมาเสียตัวให้กับคนของศัตรู ถึงแม้เกศิตาจะไม่ใช่ศัตรูของเธอโดยตรง แต่เธอคือคนที่เป็นอันตรายต่อเพื่อนของเธอถึงสองคน ใบหน้าที่หล่อเหล่าดังเทพบุตร แต่จิตใจกลับโหดเหี้ยมอำมหิต ราวกับซาตาน
“เลว”
คำพูดที่หายไปในลำคอ จึงต้องกลืนก้อนสะอื้นไว้ เธออยากจะหนีไปจากตรงนั้น แต่เขากลับดึงเธอไว้
“อย่าดิ้นรนไป ยิ่งคุณทำแบบนี้คุณยิ่งเจ็บ”
เขาซิบเบาๆ ที่ข้างหู ก่อนจะเริ่มเกมส์ใหม่อีกครั้ง แม้ไฟที่โหมกระหน่ำจะพัดผ่าน แต่ไฟที่สุมอยู่ภายในมันมากจนล้น จนต้องปลดปล่อยออกมานับครั้งไม่ถ้วน เขากอดเกี่ยวร่างกาย สอนเกมส์รักที่หิวกระหายต่อร่างงามที่อวบอัด คับแน่นของเธอแบบไม่มีวันอิ่ม
“คุณเกศ”
เขาครางชื่อของเกศิตา อยู่ข้างหูเธอ จนณัฐการเบิกตาโพรง เขาเห็นเธอเป็นเพียงตัวแทนของผู้หญิงแพศยาคนนั้น
“ฉันชื่อณัฐการ ไม่ใช่เกศิ..”
เสียงของเธอขาดหายเมื่อเขาปิดปากของเธอด้วยจุมพิตที่เร่าร้อน ก่อนจะสอดปลายลิ้นตวัดรัดเลี้ยวอย่างช่ำชอง จนณัฐการ ต้องหอบหายใจออกมา เมื่อเขาฝังตัวเองเข้าไปในร่างของเธออีกครั้ง เธอดิ้นรนจนหลุด และพยายามเบี่ยงตัวหนี เธอเริ่มออกฤทธิ์อีก เขาจะไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นม้าพยศ เขาจับเธอพลิกด้านหลังจนสัมผัสแผ่นหลังเรียบเนียน และสอดมันจากด้านหนัง จนต้องแอ่นกาย แรงจุกที่ถูกดันเข้าไปจนลึก ทำให้อกเธอสะท้านจนแกว่งไกว ชวนให้สัมผัส เขากอบกุมมันไว้และบดขยี้เม็ดบัวน้อยอย่างเมามัน พร้อมจังหวะเข้าออก ที่สะโพกของเธอเคลื่อนไหวตาม
ผิวเนื้อขาวสะอาดตัดกับผิวสีแทนของเขา ยามที่เขาเกาะกุมสะโพกผายในจังหวะที่รวดเร็ว แรงกดจากปลายนิ้วยาว ทำให้สะโพกเธอสั่นสะท้าน และไม่สามารถหลบหนีจากการครอบครองของเขาได้ เมื่อไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงแรงสัมผัสอันมหัศจรรย์นี้ได้ ณัฐการก็ต้องจำยอมปล่อยให้อารมณ์คุกรุ่นไปตามแรงสวาทที่เขา ก่อมันขึ้นมาไม่รู้จบ
“ใส่เสื้อผ้าผมจะพาคุณไปส่ง” ก่อนแสงอาทิตย์จะพ้นขอบฟ้า เขาปลุกให้เธอตื่นจากการสลบไสล กว่าสิบครั้งที่เขาโถมคลื่นสวาทซัดเข้าหาเธอแบบไม่ยั้งตลอดทั้งคืน จนไม่ได้แม้แต่จะพักร่างกาย จนเธอระบมไปหมด เจ็บหน่วงที่ช่องท้อง จนแทบจะไม่มีแรงพยุงกาย
“ฉันลุกไม่ไหว” แขนของเธออ่อนแรง
“หยุดแสดงได้แล้ว ถ้าไม่ลุกผมจะทิ้งไว้ที่นี่”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว โดยไม่สนใจเธอ ใส่เสื้อผ้าของตัวเอง เมื่อเธอไม่ขยับ เขาจึงจับที่แขนเธอหวังจะดึงให้ลูก แต่แล้วต้องตกใจ เพราะเธอมีอาการไข้ ตัวร้อน อุณหภูมิสูงอย่างรวดเร็ว จากภาวะช็อคของร่างกาย เขาจึงรีบสวมเสื้อผ้าให้เธอเองอย่างรวดเร็วก่อนนำตัวเธอส่งโรงพยาบาลเล็กๆ ที่ใกล้ที่สุด
“คนไข้อยู่ในภาวะร่างกายช็อคจากการมีเพศสัมพันธ์ เป็นระยะเวลาติดต่อกันยาวนาน ทำให้ช่องคลอดได้รับการกระทบกระเทือน และอาจเกิดการอักเสบภายใน เดี๋ยวหมอจะฉีดยาคลายกล้ามเนื้อลดการอักเสบภายใน ยาทานแก้ปวดให้ และยาแก้อักเสบสำหรับแผลฉีกขาดในช่องคลอด”
เขาอ้างตัวว่าเป็นแฟนของเธอ เพื่อเข้ามาฟังการวินิจฉัย และกันไม่ให้เธอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
“แล้วเราควรงดกิจกรรมนานแค่ไหนครับ” เขาถามหมอ โดยไม่สนใจสายตาที่ถลึงใส่เพราะความอาย
“ก็งดไปก่อนจนกว่าจะดีขึ้น อาจจะอาทิตย์นึงหรืออาจจะมากกว่า ต้องดูว่าคุณผู้หญิงยังรู้สึกเจ็บอยู่ไหม”
“ไม่ต้องกังวลไป ก็แค่ถามให้มันดูสมจริง ว่าทำไมเราถึงมีเช็กซ์กันดุเดือดขนาดนี้ เพื่อไม่ให้หมอสงสัย ต้องทำเหมือนเราต้องการมันมันมาก ก็แค่นั้น”
เขายิ้มเยาะเธอ เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขากับเธอจะไม่มีทางกลับมามีอะไรกันอีกอย่างแน่นอน ถ้าณัฐการไม่อยากให้ใครรู้เรื่องระหว่างเขา เธอก็ควรเงียบไป และทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันดีที่สุด
ปารวัตรวางแฟ้มเอกสารข้อมูลที่เกศิตาสั่งให้ไปสืบ ลงบนโต๊ะของเธอ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด“ประวัติของคุณเนื้อน้องที่เจ้านายสั่งให้ไปสืบครับ” เขารายงานด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดเกศิตาหยิบมันขึ้นมาดู พบรูปถ่าย หลายใบ ของคนใกล้ชิด เพื่อน และพัศวีที่ยืนกอดรัดแสดงความรักต่อกัน เธออ่านประวัติของเนื้อน้อง จึงรู้ว่า เกศิตาจะกำจัดเธอได้อย่างไร เพราะครอบครัวของเนื้อน้อง ทำธุรกิจภายใต้สังกัดของบริษัทที่เธอดูแล และที่สำคัญ ตอนนี้เนื้อน้องเข้ามามีบทบาทสำคัญในธุรกิจของครอบครัว“ขอบใจ นายเตรียมข้อมูลประชุมให้ฉันด้วย แล้วก็วันนี้หลังจบประชุม นายไปทำงานต่อที่คอนโดกับฉัน”เธอสั่งเขาอย่างเฉียบขาด แม้จะบอกว่าทำงาน แต่เขารู้ดีว่างานที่เธอต้องการให้เขาทำนั้นคืองานอะไร“ครับ”หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม ปารวัตรขับรถมาส่งเกศิตาที่คอนโดและตามขึ้นไปที่ห้องพัก ขณะที่กำลังเข้าไปในลิฟท์ที่ชั้นจอดรถอยู่นั้น มีเสียงคนตะโกนขอให้รอพวกเขาก่
หลังจากจบการประชุม ปารวัตรเดินตามเกศิตามาที่ห้องทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และครุ่นคิดอะไรบางอย่าง“ฉันมีงานที่ไหนต่อไหม วันนี้” เกศิตานั่งลงที่โต๊ะทำงาน ดึงแฟ้มงานที่รอการลายเซ็นอนุมัติของเธอก่อนจะถามเขา“หกโมงเย็นมีนัดทานอาหารค่ำกับลูกค้า บริษัทคัลเลอร์เวฟ คุณทรงกลด กับคุณนพดล ผมจองร้านอาหารให้แล้ว แต่ไม่ทราบว่าคุณเกศจะมีแพลนต่อที่อินดีสเหมือนเคยหรือเปล่าครับ ผมจะได้ติดต่อสำรองที่นั่งไว้ให้ เพราะช่วงสุดสัปดาห์อาจจะมีคนมาใช้บริการมากเป็นพิเศษ”เขาถามเธอเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด เพราะแขกทั้งสอง เป็นลูกค้า VIP ของพวกเขา“อืม จัดการได้เลย”“ครับ”ทันทีที่ได้คำตอบ เขาประสานงานและคอนเฟิร์มกับผู้จัดการทันที เพราะเขาได้ติดต่อล่วงหน้าไว้แล้วค่ำคืนนี้ ไม่เพียงแต่แขก VIP ของเกศิตา หากแต่มีแขก VIP ของณัฐการด้วยเช่นกัน เธอก็เลือกใช้อินดีสเป็นสถานที่รับรองลูกค้า วันนี้เธอแต่งตัวพร้อมกับการทำงานแ
วันคืนที่อยู่ด้วยกันมันผ่านไปเร็วเหลือเกิน รุ่งขึ้นพัศวีจะต้องออกเดินทางแล้ว เขากอดเธอไว้แน่น จนแทบจะประสานเป็นร่างเดียวกัน“วีไม่อยากห่างจากน้องเลย น้องไปเรียนต่อที่อเมริกากับวีเถอะนะ หรือไปเที่ยวก่อนก็ได้”พัศวีพยายามเกลี้ยกล่อมเนื้อน้อง เหมือนเด็กน้อยที่กำลังอ้อนแม่ ให้อยู่เล่นด้วยกันก่อน เพราะแม่มัวแต่ทำงาน“ไม่ได้หรอกวี น้องมีงานต้องทำ มีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบ” เนื้อน้องตอบเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ถ้าวีอยู่ที่โน่น แล้วทนคิดถึงน้องไม่ไหว ต้องทำเรื่องนั้นกับคนอื่น น้องจะเสียใจไหม”เขาถามเธอจากใจจริง เพราะที่ผ่านมาเขาแทบจะไม่เคยห่างหายจากเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งได้คบกับเธออย่างจริงจัง ทำให้เขาหยุดการมีใครต่อใครมากหน้าหลายตาได้ และเขาเองก็ไม่อยากกลับไปเป็นแบบนั้นอีกแล้ว“ก็คงเสียใจ แต่น้องไม่โกรธวีหรอก น้องเข้าใจ” น้ำเสียงของเธอเศร้าลง“สองปีหรืออาจจะมากกว่าเลยนะ”&n
การประชุมเริ่มขึ้นไม่ถึง 10 นาที เกศิตาก็ตกเป็นเป้าสายตา และถูกเปิดประเด็นให้ได้โจมตีทันที เพราะร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ที่ต้นคอ สายตาที่ปารวัตรชำเรืองมองปฏิกิริยาจากด้านข้าง แสดงออกถึงความกังวน เพราะเขาไม่อยากให้เธอเปิดศึกภายในกับคนในบริษัทเพียงเพราะเรื่องพวกนี้ แม้เกศิตาจะพยายามแสดงออกถึงความมั่นใจ และไม่แคร์ต่อคำวิพากวิจารณ์ของคนอื่น แต่ลึกๆ เธอกลับเก็บมันมาใส่ใจ และคิดแค้นคนเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา“ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน วันนี้พวกเราหลายคนต่างเห็นพร้องต้องกันว่าคุณเกศิตา ควรลงจากตำแหน่งประธานบริษัท”นายพันธุ์ภพ ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง เป็นคนกล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงที่กำลังถกเถียง เรื่องความสามารถของเธอไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลยสักนิด จนทำให้เกศิตา ที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ ถึงกับโน้มตัวมาข้างหน้า และท้าวแขนทั้งสองลุกขึ้น ด้วยท่าทีนิ่งเฉย“ดิฉันยังไม่เห็นว่า การที่ดิฉันบริหารงานในฐานะประธานบ
ปารวัตรและณัฐการก่ายกอดกันจนถึงเช้า แสงแดดอ่อนที่สาดส่องผ่านม่านพลางแสง ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ร่างเปลือยเปล่าอวบอัดขาวเนียนที่ก่ายกอดเขาอยู่ยังคงนิ่งสงบ เขานึกขำที่เธอนอนขี้เซา และมักละเมอสัมผัสเขาในยามเช้า เขาสงสัยว่าณัฐการฝันถึงเรื่องใด และพยายามปลุกพญางูของเขาเสมอ“ตื่นสิ” เขาจูบเธอที่หน้าผาก ก่อนจะประกบมันที่ปากเรียวบาง พญางูกำลังตื่น แต่ณัฐการยังคงหลับใหล“อ่า” เธอครวญคราง เมื่อเขากำลังสำรวจปากถ้ำ และเข้าหาเธออย่างไม่ยากเย็น“นี่เป็นการไถ่โทษ จาก 2 ครั้งก่อน”เขากระซิบเธอที่ข้างหู ก่อนจะเม้มริมฝีปากลงบนติ่งหูนุ่มนิ่มและซุกไซร้ไปตามลำคอ พร้อมจังหวะเข้าออกอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ ค่อยๆ ก่อเพลิงสวาททีละนิดให้กับเธอราวกับอยู่ในความฝันอันแสนเคลิบเคลิ้มมือเล็กนิ้วเรียวยาว ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง บางจังหวะเล็บยาวที่ถูกแต่งแต้มก็ครูดไปตามผิวหนังจนรู้สึกแสบเจ็บแปลบ จนร่างกายของเขาต้องกระตุก ให้จังหวะเร้าตา
พระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ทอประกายแสงอันอบอุ่น เกศิตา ค่อยๆ ลืมตารับแสงแดดอ่อน ร่างกายที่อ่อนล้า ภาพชวนฝันที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นชายหนุ่มท่ามกลาง ทิวทัศน์สวยงามราวภาพฝันตรงหน้า ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ ทะเลก่อคลื่นเล็กน้อย ท้องฟ้าสีคราม หาดทรายขาวสะอาด สหัสวรรษที่คล้ายกับพัศวียืนอยู่ที่ริมหาด ด้วยเสื้อผ้าสุดเนี้ยบ ในเชิ้ตสีเปลือกมังคุด พับแขนแค่ศอก สวมเข้าในกางเกงแสลกแนบขายาว คัทชูหนังเงางาม จมลงในพื้นทราย มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ พูดคุยปลายสายด้วยรอยยิ้ม และดูสดใส ผมที่ถูกลมพัด สะบัดเป็นริ้ว ราวกับเกรียวคลื่นตามแนวหยักศกสหัสวรรษ เห็นว่าเธอรู้สึกตัวและจ้องมองเขาอยู่ในรถ เขาได้แต่มอง และยังคุยโทรศัพท์ต่อไป เมื่อสายตาเริ่มปรับ และดึงสติกลับมาที่ปัจจุบัน ทำให้เธอรับรู้ว่าชายหนุ่มคนที่เธอมองอยู่ตรงหน้าไม่ใช่พัศวี หากแต่เป็นสหัสวรรษ ชายคนใหม่ที่ตามเธอออกมา เพื่ออยู่เป็นเพื่อนและปลอบใจในยามที่เจ็บปวดจากคำดูถูกเหยียดหยามสหัสวรรษไม่ได้แตะต้องเธอ เขาแค่นั่งเป็นเพื่อนให้เธอได้ร้องไห้
ณัฐการลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ผละตัวจากเขารีบคว้ากระเป๋า และโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เพราะกำลังสับสนกับการกระทำของเขาที่มีต่อเธอ ความอ่อนโยนพวกนี้ กำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่“จะกลับแล้วเหรอ”เขาถาม และคว้าเอวเธอไว้ เมื่อเห็นอาการร้อนรน ร่างที่แนบชิดกับอกของเขา ทำให้ณัฐการใจเต้นแรง และพยายามแกะแขนเขาออกจากเอว แต่ยิ่งแกะมันกลับยิ่งแน่น“ขอบคุณที่ทานข้าวเป็นเพื่อน”เธอขอบคุณเขาอย่างละล่ำละลัก ปากสั่นเพราะประหม่า ที่เขาอยู่ใกล้มาก“แค่นี้เองเหรอ” เขายิ้มที่เห็นเธอกำลังประหม่า ดวงตาสั่นไหว“อืม” ณัฐการหลบตาต่ำลงจ่ออยู่ที่อก“แต่ผมอยากทำอย่างอื่นอีก” พูดจบ เขาก็พรมจูบไปทั่วหน้า บดขยี้ริมฝีปากเธออย่างโหยหา“อ่า” ณัฐการทำได้แค่หาจังหวะได้หายใจ เพราะมันรัวไปหมดจนหายใจไม่ทัน“ไม่เจอกันตั้งนานคุณไม่ต้องการมันเหรอ”เขาซุกไซร้จนเธอไม่มีจังหวะปฏิเสธ&n
ร่างที่นอนคว่ำอ่อนระโหยโรยแรง แทบไม่มีแรงต้านและปฏิกิริยาตอบสนอง สหัสวรรษชั่งมีพลังล้นเหลือ สอดใส่ไม่หยุดแม้จะปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาใช้สองมือประคองบั้นท้ายให้แอ่นโค้งขึ้นรับคันชัก จากนั้นไม่นาน เกศิตาถึงกับเบิกตาโพรง เมื่อเขาเริ่มหาช่องทางใหม่ที่คับแน่นกว่า และบีบรัดเขาได้ดีกว่าโพรงเก่าที่บวมช้ำจากการกรำศึกมานาน“แล้วเธอจะชอบ” เขากอดเธอไว้ ไม่ให้ขยับ เพราะยิ่งขยับมันจะยิ่งเจ็บ“คุณใหญ่เกินไป” เธอร้องแทบขาดใจ“ชอบไหม”สหัสวรรษรู้สึกถึงแรงฮึด ที่อยากจะกดมันเข้าให้สุด เพราะเธอบอกว่ามันใหญ่เกินไป“ชอบ แต่เบาหน่อยได้ไหม คุณใจร้ายกับฉันมาก”เกศิตาตอบและร้องขอ เจ็บปวดและหฤหรรษ์จนต้องร้องไห้ออกมา สะอื้นไห้จนร่างกายสั่นไหวไปหมด“ร้องสิ ร้องเยอะๆ ผมชอบ”สหัสวรรษชอบความรุนแรง ความเจ็บปวด ยิ่งเธอร้อง