ณัฐการลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ผละตัวจากเขารีบคว้ากระเป๋า และโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เพราะกำลังสับสนกับการกระทำของเขาที่มีต่อเธอ ความอ่อนโยนพวกนี้ กำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่
“จะกลับแล้วเหรอ”
เขาถาม และคว้าเอวเธอไว้ เมื่อเห็นอาการร้อนรน ร่างที่แนบชิดกับอกของเขา ทำให้ณัฐการใจเต้นแรง และพยายามแกะแขนเขาออกจากเอว แต่ยิ่งแกะมันกลับยิ่งแน่น
“ขอบคุณที่ทานข้าวเป็นเพื่อน”
เธอขอบคุณเขาอย่างละล่ำละลัก ปากสั่นเพราะประหม่า ที่เขาอยู่ใกล้มาก
“แค่นี้เองเหรอ” เขายิ้มที่เห็นเธอกำลังประหม่า ดวงตาสั่นไหว
“อืม” ณัฐการหลบตาต่ำลงจ่ออยู่ที่อก
“แต่ผมอยากทำอย่างอื่นอีก” พูดจบ เขาก็พรมจูบไปทั่วหน้า บดขยี้ริมฝีปากเธออย่างโหยหา
“อ่า” ณัฐการทำได้แค่หาจังหวะได้หายใจ เพราะมันรัวไปหมดจนหายใจไม่ทัน
“ไม่เจอกันตั้งนานคุณไม่ต้องการมันเหรอ”
เขาซุกไซร้จนเธอไม่มีจังหวะปฏิเสธ&n
ร่างที่นอนคว่ำอ่อนระโหยโรยแรง แทบไม่มีแรงต้านและปฏิกิริยาตอบสนอง สหัสวรรษชั่งมีพลังล้นเหลือ สอดใส่ไม่หยุดแม้จะปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาใช้สองมือประคองบั้นท้ายให้แอ่นโค้งขึ้นรับคันชัก จากนั้นไม่นาน เกศิตาถึงกับเบิกตาโพรง เมื่อเขาเริ่มหาช่องทางใหม่ที่คับแน่นกว่า และบีบรัดเขาได้ดีกว่าโพรงเก่าที่บวมช้ำจากการกรำศึกมานาน“แล้วเธอจะชอบ” เขากอดเธอไว้ ไม่ให้ขยับ เพราะยิ่งขยับมันจะยิ่งเจ็บ“คุณใหญ่เกินไป” เธอร้องแทบขาดใจ“ชอบไหม”สหัสวรรษรู้สึกถึงแรงฮึด ที่อยากจะกดมันเข้าให้สุด เพราะเธอบอกว่ามันใหญ่เกินไป“ชอบ แต่เบาหน่อยได้ไหม คุณใจร้ายกับฉันมาก”เกศิตาตอบและร้องขอ เจ็บปวดและหฤหรรษ์จนต้องร้องไห้ออกมา สะอื้นไห้จนร่างกายสั่นไหวไปหมด“ร้องสิ ร้องเยอะๆ ผมชอบ”สหัสวรรษชอบความรุนแรง ความเจ็บปวด ยิ่งเธอร้อง
“คืนนี้เราค้างที่นี่กันไหม”ปารวัตรถามณัฐการอย่างแผ่วเบา ขณะที่ร่างทั้งสองนอนซ้อนกันอยู่บนเก้าอี้โยกหวายตัวเก่าริมระเบียง เพื่อมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะพ้นขอบฟ้า“ค่ะ”ณัฐการตอบรับ ขณะที่มือของเขาที่ลูบไล้เธอไปตามเนินอกนุ่มนิ่มอวบอิ่ม จนใบหน้าที่แนบกับแขนของเขา ที่แทนหมอนหนุนให้เธอเริ่มขยับขึ้นลงเสียดสีกับต้นแขน ก่อนจะครางเบาๆ“ผมชอบเสียงแบบนี้ของคุณที่สุด” ก่อนจะจูบข้างแก้ม และติ่งหูเลยถึงซอกคอไล่มาตามแนวไหล่เปล่าเปลือย“คุณหิวไหม” ณัฐการถามเขาเพราะมันเย็นค่ำ ใกล้ถึงเวลามื้อเย็นเพราะดวงอาทิตย์เพิ่งจะลาลับไป“หิวสิ”ก่อนจะดึงเธอกลับมาและจูบอย่างเร่าร้อน และเคล้าคลึงเนินอกนุ่ม ก่อนจะลากฝ่ามือผ่านหน้าท้องแบนราบ เลยต่ำลงตรงจุดกลางกายสาวที่อบอุ่น“ทานข้าวก่อนดีกว่าไหม”ณัฐการจับมือเขาไว้ และยิ้มอย่างอ่อนโยน เพราะเขาควรจะอิ่มท้องก่อน จึงจะมีแรงอิ่มรักกันต่อไป&nbs
สหัสวรรษ ข่มตาไม่ลง เพราะร่างกายของเขากำลังพุ่งพล่าน แม้จะเพิ่งจบเกมส์ไป แต่มันผิดแปลกไปจากเดิม ที่เขาเคยเติมเต็มนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้เขาต้องควบคุมมันเพราะเกศิตา เขาอยากให้ร่างกายของเธอหายเป็นปกติโดยเร็ว จึงไม่อยากลงมือกับเธอเกินกว่าร่างกายของเธอจะรับไหว เขานอนหันหลังให้เธอทั้งที่ยังคงสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย แม้มันจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเขาหายใจแรงจนปลุกให้เกศิตาค่อยๆ ลืมตาตื่น แต่เธอกลับไม่ไหวติง แค่มองแผ่นหลังที่เปียกชื้นอยู่อย่างนั้น กลิ่นกายที่เกศิตาได้กลิ่น ทั้งหอมและเย้ายวนจนร่างกายเริ่มตุบตอด พลันร่างกายที่ทนไม่ไหวของสหัสวรรษก็ลุกขึ้น และตรงไปที่ห้องน้ำ โดยไม่ทันสังเกตว่าเธอตื่นและมองตามเขาไปสหัสวรรษถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนเปล่าเปลือยก่อนจะเปิดน้ำเย็นๆ จากฝักบัวผ่านศีรษะ ปล่อยให้มันไหลผ่านเรือนร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาดตา ที่มีร่องรอยถูกกัด รอยเล็บ รอยนิ้วมือที่พยายามตบตี ขีดข่วนเขา เสียงน้ำตกกระทบในความเงียบ ทำให้เกศิตาเริ่มหายใจติดขัด
ภาพของปรารณที่โปะยาสลบณัฐการชัดเจน ทำให้เขาโมโหและโกรธจัด ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาไล่ล่ามันมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ปารวัตรมีเส้นสายค่อนข้างมาก เพราะเขาอยู่ในกลุ่มชมรมศิลปะการต่อสู้ หน่วยอบรมพิเศษฝึกการต่อสู้ กลุ่มนักเลงและเครือข่ายผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่และมีอิทธิพลมากอย่าง คงทรัพย์“ครับพี่ ผมรู้ที่ ที่มันชอบพาผู้หญิงไป ผมได้ที่อยู่มาแล้ว ผมส่งลูกน้องไปดักแล้ว ส่วนพี่ปกรณ์กำลังตามมา”คงทรัพย์โทรแจ้งปารวัตรทันที เมื่อรู้ห้องเชือดของปรารณ“จับตัวมันไว้ก่อน อย่าเพิ่งทำไร ฉันจะจัดการกับมันเอง” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเหี้ยมเกรียม“ครับ”คงทรัพย์รู้จักเขาดี เพราะเขาคือมืออาชีพด้านนี้ ภายนอกเขาอาจจะดูเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่เมื่อไหร่ที่เขาสวมวิญญาณนักสู้ เขาคือบอร์ดี้การ์ดที่พร้อมจะปกป้องและฆ่าศัตรูของเขาได้อย่างไม่ลังเลปรารณวางณัฐการลงบนเตียง และ
นับหนึ่งกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เธอแทบจะไม่มีแรงยืน หรือเดินไปไหน ได้แต่ทอดตัวนอนที่โซฟาตัวเก่า ที่ทำให้รำลึกถึงความหลัง ที่ครั้งหนึ่งธนญเคยนอนอยู่ตรงนี้ กลิ่นหอมละมุนที่คุกรุ่นผสมกับกลิ่นเหงื่อทำให้นับหนึ่งต้องหลับตาลง น้ำหอมที่เธอใช้คือกลิ่นที่เขาบรรจงสร้างสรรค์ให้กับเธอ ตั้งแต่ได้มันมา เธอไม่เคยแตะต้องกลิ่นอื่นอีกเลยการมาปรากฏตัวของธนญ ที่แม้เวลาจะผ่านไป 10 ปี นับหนึ่งก็ไม่เคยลืมเขา แม้ครั้งสุดท้ายที่เจอกันเขาจะสร้างความเจ็บช้ำแสนสาหัสให้แก่เธอมากก็ตาม แต่ใจที่รักเขามานานแสนนาน กลับเก็บเขาไว้จนลึก ยากที่จะหาใครมาทดแทนหรือเติมเต็มหัวใจของเธอได้อีก“ทำไมนายเงียบจัง” สืบสายถามเพื่อนรัก เมื่อเห็นเขาเงียบไป เอาแต่ดื่ม มีแต่เขาและพัศวีที่พูดคุยกันอยู่สองคน“ได้ข่าวว่านายไปเทคบริษัทออลโมส ฟราแกรนซ์มาเหรอ” พัศวีสนใจข่าวสังคมธุรกิจที่กำลังมาแรง“ใช่ วันนี้เพิ่งเข้าไปแนะ
ใบหน้าที่เคร่งเครียด จับจ้องอยู่ที่จอคอมพิวเตอร์ นับหนึ่งกำลังอ่านรายงานความเสียหายจากเหตุระเบิดห้องวิจัยเมื่อสองวันก่อน เธอหัวหมุนมาสองวันเต็ม เพิ่งจะมีโอกาสได้นั่งพัก และอ่านรายงานต่างๆ รวมถึงเมล์ที่ส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นร้อย ๆ เรื่อง ที่เธอต้องอ่านและตอบกลับโดยด่วนในขณะที่มินตรา กำลังเรียบเรียงเอกสารที่นับหนึ่งต้องเซ็นอนุมัติมากมายตามลำดับความสำคัญก่อนหลัง และไม่ลืมที่จะเตือน นัดหมายเรื่องสำคัญ“วันนี้ช่วงบ่าย ท่านรองจะพาท่านประธานมาเยี่ยมชมแผนกของเรา และดูความคืบหน้าเกี่ยวกับ การปรับปรุงห้องแล็ปที่ได้รับความเสียหาย แล้วก็พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับท่านประธานและคณะ ผอ.จะให้ดิฉันไปรับชุดจากที่ร้านมาให้ที่นี่เลยใช่ไหมคะ”นับหนึ่งหยุดคิดนิดหนึ่ง เมื่อมินตรารายงานเรื่องที่ ธนญ จะมาเยี่ยมแผนกของเธอในวันนี้ และยังจะเรื่องชุดที่ใส่ในงานเลี้ยงต้อนรับ ที่เพิ่งมีเมล์แจ้งมาว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับประธานคนใหม่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึกสำนักงาน ในธีมแองเจิล
นับหนึ่งเอนกายพิงศีรษะลงที่ขอบพนักเก้าอี้ทำงาน และหลับตาลง เพื่อพักสายตาที่อ่อนล้าจากการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูเบาๆ เธอจึงลืมตาขึ้นและยืดตัวลุกขึ้นนั่งในท่าปกติที่สง่างาม“เชิญค่ะ” นับหนึ่งขานรับ“ผอ.ค่ะ ดิฉันรับชุมมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ให้ไว้ที่ห้องพักเลยไหมคะ”มินตรานำชุดที่จะใส่ในงานเลี้ยงคืนนี้มาให้เธอ เพื่อจะถามเธอว่าจะเอาไว้ที่ห้องแล็ปที่เปรียบเสมือนห้องพักส่วนตัวของเธอเลยหรือไม่“ค่ะ ขอบใจนะคุณมินตรา” นับหนึ่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนนับหนึ่งมองที่นาฬิกาบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว แต่เธอยังไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด เพราะติดพันธ์งานวิจัยเปลือกไม้ที่หยุดมาสักระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น เมื่อหยิบมันขึ้นมาทำต่อ จึงลืมเรื่องอื่นไปเสียสนิท อีกประมาณ 20 นาทีก็จะเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ไปช้าสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร เพราะสถานที่จัดเลี้ยงก็อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าสำนักงานนี่เ
ขบวนขันหมากของปารวัตรมาถึง โดยมีเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดราชปะแตนสีขาวนุ่งโจงสีม่วง ส่งเสียงโห่ร้องที่หน้าบ้านของเจ้าสาวอย่างอึกทึก มัสยาวิ่งออกมาดูด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะรีบเข้าไปดูความเรียบร้อยของเจ้าสาว ณัฐการในชุดไทยจักรพรรดิสีครีมห่มสไบรองสีฟ้าอมเขียวทับด้วยสะพักปักลายวิจิตรบรรจงทั่วทั้งผืน ผ้านุ่งไหมยกสีครีมไล่สีเหลือบวาว ในขณะที่เพื่อนเจ้าสาวสวมชุดไทยอัมรินทร์คอตั้ง แขนกระบอกเข้ารูปแบบเรียบง่าย สีชมพูอ่อนแต่ดูสง่างามปารวัตรในชุดราชปะแตนสีครีม ผ้านุ่งโจงสีเขียวอมน้ำตาล ถูกเด็กๆ ตัวน้อยลูกหลานเครือญาติที่มาร่วมงาน กั้นประตูเงินประตูทอง 5 ชั้น แจกซองค่าผ่านประตู เป็นที่สนุกสนานกว่าที่เจ้าบ่าวจะผ่านด่านเข้ามาได้พิธีหมั้น และพิธีรดน้ำสังข์ถูกจัดต่อเนื่องในช่วงเช้า นับหนึ่งมองดูพิธีการและขั้นตอนต่างๆ อย่างสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวสู่ขอเจ้าสาว และแสดงสินสอดต่อหน้าพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง การสวมแหวนและรับพรจากผู้ใหญ่ จนถึงพิธีการทางสงฆ์ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของคุณหญิง
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง