“คืนนี้เราค้างที่นี่กันไหม”
ปารวัตรถามณัฐการอย่างแผ่วเบา ขณะที่ร่างทั้งสองนอนซ้อนกันอยู่บนเก้าอี้โยกหวายตัวเก่าริมระเบียง เพื่อมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะพ้นขอบฟ้า
“ค่ะ”
ณัฐการตอบรับ ขณะที่มือของเขาที่ลูบไล้เธอไปตามเนินอกนุ่มนิ่มอวบอิ่ม จนใบหน้าที่แนบกับแขนของเขา ที่แทนหมอนหนุนให้เธอเริ่มขยับขึ้นลงเสียดสีกับต้นแขน ก่อนจะครางเบาๆ
“ผมชอบเสียงแบบนี้ของคุณที่สุด” ก่อนจะจูบข้างแก้ม และติ่งหูเลยถึงซอกคอไล่มาตามแนวไหล่เปล่าเปลือย
“คุณหิวไหม” ณัฐการถามเขาเพราะมันเย็นค่ำ ใกล้ถึงเวลามื้อเย็นเพราะดวงอาทิตย์เพิ่งจะลาลับไป
“หิวสิ”
ก่อนจะดึงเธอกลับมาและจูบอย่างเร่าร้อน และเคล้าคลึงเนินอกนุ่ม ก่อนจะลากฝ่ามือผ่านหน้าท้องแบนราบ เลยต่ำลงตรงจุดกลางกายสาวที่อบอุ่น
“ทานข้าวก่อนดีกว่าไหม”
ณัฐการจับมือเขาไว้ และยิ้มอย่างอ่อนโยน เพราะเขาควรจะอิ่มท้องก่อน จึงจะมีแรงอิ่มรักกันต่อไป&nbs
สหัสวรรษ ข่มตาไม่ลง เพราะร่างกายของเขากำลังพุ่งพล่าน แม้จะเพิ่งจบเกมส์ไป แต่มันผิดแปลกไปจากเดิม ที่เขาเคยเติมเต็มนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้เขาต้องควบคุมมันเพราะเกศิตา เขาอยากให้ร่างกายของเธอหายเป็นปกติโดยเร็ว จึงไม่อยากลงมือกับเธอเกินกว่าร่างกายของเธอจะรับไหว เขานอนหันหลังให้เธอทั้งที่ยังคงสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย แม้มันจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเขาหายใจแรงจนปลุกให้เกศิตาค่อยๆ ลืมตาตื่น แต่เธอกลับไม่ไหวติง แค่มองแผ่นหลังที่เปียกชื้นอยู่อย่างนั้น กลิ่นกายที่เกศิตาได้กลิ่น ทั้งหอมและเย้ายวนจนร่างกายเริ่มตุบตอด พลันร่างกายที่ทนไม่ไหวของสหัสวรรษก็ลุกขึ้น และตรงไปที่ห้องน้ำ โดยไม่ทันสังเกตว่าเธอตื่นและมองตามเขาไปสหัสวรรษถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนเปล่าเปลือยก่อนจะเปิดน้ำเย็นๆ จากฝักบัวผ่านศีรษะ ปล่อยให้มันไหลผ่านเรือนร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาดตา ที่มีร่องรอยถูกกัด รอยเล็บ รอยนิ้วมือที่พยายามตบตี ขีดข่วนเขา เสียงน้ำตกกระทบในความเงียบ ทำให้เกศิตาเริ่มหายใจติดขัด
ภาพของปรารณที่โปะยาสลบณัฐการชัดเจน ทำให้เขาโมโหและโกรธจัด ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาไล่ล่ามันมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ปารวัตรมีเส้นสายค่อนข้างมาก เพราะเขาอยู่ในกลุ่มชมรมศิลปะการต่อสู้ หน่วยอบรมพิเศษฝึกการต่อสู้ กลุ่มนักเลงและเครือข่ายผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่และมีอิทธิพลมากอย่าง คงทรัพย์“ครับพี่ ผมรู้ที่ ที่มันชอบพาผู้หญิงไป ผมได้ที่อยู่มาแล้ว ผมส่งลูกน้องไปดักแล้ว ส่วนพี่ปกรณ์กำลังตามมา”คงทรัพย์โทรแจ้งปารวัตรทันที เมื่อรู้ห้องเชือดของปรารณ“จับตัวมันไว้ก่อน อย่าเพิ่งทำไร ฉันจะจัดการกับมันเอง” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเหี้ยมเกรียม“ครับ”คงทรัพย์รู้จักเขาดี เพราะเขาคือมืออาชีพด้านนี้ ภายนอกเขาอาจจะดูเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่เมื่อไหร่ที่เขาสวมวิญญาณนักสู้ เขาคือบอร์ดี้การ์ดที่พร้อมจะปกป้องและฆ่าศัตรูของเขาได้อย่างไม่ลังเลปรารณวางณัฐการลงบนเตียง และ
นับหนึ่งกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เธอแทบจะไม่มีแรงยืน หรือเดินไปไหน ได้แต่ทอดตัวนอนที่โซฟาตัวเก่า ที่ทำให้รำลึกถึงความหลัง ที่ครั้งหนึ่งธนญเคยนอนอยู่ตรงนี้ กลิ่นหอมละมุนที่คุกรุ่นผสมกับกลิ่นเหงื่อทำให้นับหนึ่งต้องหลับตาลง น้ำหอมที่เธอใช้คือกลิ่นที่เขาบรรจงสร้างสรรค์ให้กับเธอ ตั้งแต่ได้มันมา เธอไม่เคยแตะต้องกลิ่นอื่นอีกเลยการมาปรากฏตัวของธนญ ที่แม้เวลาจะผ่านไป 10 ปี นับหนึ่งก็ไม่เคยลืมเขา แม้ครั้งสุดท้ายที่เจอกันเขาจะสร้างความเจ็บช้ำแสนสาหัสให้แก่เธอมากก็ตาม แต่ใจที่รักเขามานานแสนนาน กลับเก็บเขาไว้จนลึก ยากที่จะหาใครมาทดแทนหรือเติมเต็มหัวใจของเธอได้อีก“ทำไมนายเงียบจัง” สืบสายถามเพื่อนรัก เมื่อเห็นเขาเงียบไป เอาแต่ดื่ม มีแต่เขาและพัศวีที่พูดคุยกันอยู่สองคน“ได้ข่าวว่านายไปเทคบริษัทออลโมส ฟราแกรนซ์มาเหรอ” พัศวีสนใจข่าวสังคมธุรกิจที่กำลังมาแรง“ใช่ วันนี้เพิ่งเข้าไปแนะ
ใบหน้าที่เคร่งเครียด จับจ้องอยู่ที่จอคอมพิวเตอร์ นับหนึ่งกำลังอ่านรายงานความเสียหายจากเหตุระเบิดห้องวิจัยเมื่อสองวันก่อน เธอหัวหมุนมาสองวันเต็ม เพิ่งจะมีโอกาสได้นั่งพัก และอ่านรายงานต่างๆ รวมถึงเมล์ที่ส่งเข้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นร้อย ๆ เรื่อง ที่เธอต้องอ่านและตอบกลับโดยด่วนในขณะที่มินตรา กำลังเรียบเรียงเอกสารที่นับหนึ่งต้องเซ็นอนุมัติมากมายตามลำดับความสำคัญก่อนหลัง และไม่ลืมที่จะเตือน นัดหมายเรื่องสำคัญ“วันนี้ช่วงบ่าย ท่านรองจะพาท่านประธานมาเยี่ยมชมแผนกของเรา และดูความคืบหน้าเกี่ยวกับ การปรับปรุงห้องแล็ปที่ได้รับความเสียหาย แล้วก็พรุ่งนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับท่านประธานและคณะ ผอ.จะให้ดิฉันไปรับชุดจากที่ร้านมาให้ที่นี่เลยใช่ไหมคะ”นับหนึ่งหยุดคิดนิดหนึ่ง เมื่อมินตรารายงานเรื่องที่ ธนญ จะมาเยี่ยมแผนกของเธอในวันนี้ และยังจะเรื่องชุดที่ใส่ในงานเลี้ยงต้อนรับ ที่เพิ่งมีเมล์แจ้งมาว่าจะจัดงานเลี้ยงต้อนรับประธานคนใหม่ที่ชั้นดาดฟ้าของตึกสำนักงาน ในธีมแองเจิล
นับหนึ่งเอนกายพิงศีรษะลงที่ขอบพนักเก้าอี้ทำงาน และหลับตาลง เพื่อพักสายตาที่อ่อนล้าจากการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูเบาๆ เธอจึงลืมตาขึ้นและยืดตัวลุกขึ้นนั่งในท่าปกติที่สง่างาม“เชิญค่ะ” นับหนึ่งขานรับ“ผอ.ค่ะ ดิฉันรับชุมมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ให้ไว้ที่ห้องพักเลยไหมคะ”มินตรานำชุดที่จะใส่ในงานเลี้ยงคืนนี้มาให้เธอ เพื่อจะถามเธอว่าจะเอาไว้ที่ห้องแล็ปที่เปรียบเสมือนห้องพักส่วนตัวของเธอเลยหรือไม่“ค่ะ ขอบใจนะคุณมินตรา” นับหนึ่งยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนนับหนึ่งมองที่นาฬิกาบอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่มแล้ว แต่เธอยังไม่ได้เตรียมตัวเลยสักนิด เพราะติดพันธ์งานวิจัยเปลือกไม้ที่หยุดมาสักระยะหนึ่งแล้วตั้งแต่อุบัติเหตุครั้งนั้น เมื่อหยิบมันขึ้นมาทำต่อ จึงลืมเรื่องอื่นไปเสียสนิท อีกประมาณ 20 นาทีก็จะเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว ไปช้าสักหน่อยคงจะไม่เป็นไร เพราะสถานที่จัดเลี้ยงก็อยู่ที่ชั้นดาดฟ้าสำนักงานนี่เ
ขบวนขันหมากของปารวัตรมาถึง โดยมีเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดราชปะแตนสีขาวนุ่งโจงสีม่วง ส่งเสียงโห่ร้องที่หน้าบ้านของเจ้าสาวอย่างอึกทึก มัสยาวิ่งออกมาดูด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะรีบเข้าไปดูความเรียบร้อยของเจ้าสาว ณัฐการในชุดไทยจักรพรรดิสีครีมห่มสไบรองสีฟ้าอมเขียวทับด้วยสะพักปักลายวิจิตรบรรจงทั่วทั้งผืน ผ้านุ่งไหมยกสีครีมไล่สีเหลือบวาว ในขณะที่เพื่อนเจ้าสาวสวมชุดไทยอัมรินทร์คอตั้ง แขนกระบอกเข้ารูปแบบเรียบง่าย สีชมพูอ่อนแต่ดูสง่างามปารวัตรในชุดราชปะแตนสีครีม ผ้านุ่งโจงสีเขียวอมน้ำตาล ถูกเด็กๆ ตัวน้อยลูกหลานเครือญาติที่มาร่วมงาน กั้นประตูเงินประตูทอง 5 ชั้น แจกซองค่าผ่านประตู เป็นที่สนุกสนานกว่าที่เจ้าบ่าวจะผ่านด่านเข้ามาได้พิธีหมั้น และพิธีรดน้ำสังข์ถูกจัดต่อเนื่องในช่วงเช้า นับหนึ่งมองดูพิธีการและขั้นตอนต่างๆ อย่างสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวสู่ขอเจ้าสาว และแสดงสินสอดต่อหน้าพ่อแม่ และญาติผู้ใหญ่ฝ่ายหญิง การสวมแหวนและรับพรจากผู้ใหญ่ จนถึงพิธีการทางสงฆ์ ใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของคุณหญิง
เกศิตาพยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ โดยหันหลังให้เขามองออกไปด้านนอกกระจกใสที่มองเห็นทิวทัศน์บรรยากาศของโรงแรมยามค่ำคืนภายนอกที่ประดับแสงไฟระยิบระยับ“ผู้ชายคนนั้นเหรอที่คุณไปหาเขา”เสียงที่คุ้นหู ทำลายภวังค์ของเธอจากทิวทัศน์ยามราตรีลง และค่อยๆ หันมามองเจ้าของเสียงด้วยอาการตกตลึงที่ได้พบเขา สหัสวรรษในสูทสีเทาเข้ม ผูกเนคไทสีฟ้าคราม“ทำไมคุณอยู่ที่นี่” เกศิตาเสียงสั่น“ผมเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว” สหัสวรรษยิ้ม“ไหนว่าเลิกคบกับวัตรแล้ว” คิ้วทั้งสองขมวดเป็นปม“กลับมาคบกันใหม่แล้ว” เขาตอบเธอหน้าตาเฉย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับปารวัตรมาก่อนเกศิตาจะเบี่ยงตัวหลบเพื่อเดินหนีเขาไปทางอื่น การเลี่ยงที่จะเจอเขาดีกว่าจะให้เขากับพัศวีเผชิญหน้ากัน แต่เขาใช้ตัวขวางไว้ จนเธอชนเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา จนเกศิตาต้องรีบผลักตัวเองออกจากเขา“ที่นี่คนเยอะ มีนักข่าว” เกสิตาค่อนข้างระวังตัว
นับหนึ่งพยุงธนญเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่ ทำให้น้ำหนักตัวของเขาก็มากตามไปด้วย แม้นับหนึ่งจะแข็งแรงแค่ไหน แต่กับร่างที่ไร้สติ น้ำหนักก็จะถูกเทมาอีกคนช่วยประคองเสมอ นับหนึ่งวาง ธนญ ลงนอนที่โซฟาตัวเดิม ก่อนจะนำผ้าเย็นมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาอาการกระวนกระวายเพ้อพร่ำเพราะพิษน้ำเมา ธนญ พูดจาไม่ได้ศัพท์ เขาพูดบางอย่างที่นับหนึ่งไม่เข้าใจ และพยายามเรียกหาแต่เธอไม่ยอมสงบลงง่ายๆ“นับหนึ่ง”“ฉันอยู่นี่แหละ” นับหนึ่งขานรับเพื่อปลอบประโลมเขา ที่เอาแต่พร่ำเพ้อเรียกชื่อเธออยู่อย่างนั้น“ขอโทษ” ธนญกล่าวคำขอโทษ แต่นับหนึ่งไม่รู้ว่าขอโทษเรื่องอะไร“อืม”นับหนึ่งรับคำ เพื่อไม่ให้เขาอาละวาด เพราะหากเธอไม่ตอบเขา ธนญจะส่งเสียงดัง จนถึงขั้นตะโกนออกมา ด้วยความอัดอั้นบางอย่าง“ฉันเมา ฉันผิดสัญญาหนึ่ง”ธนญพูดถึงเรื่องที่เขารับปากเธอว่าจะดื่