การประชุมเริ่มขึ้นไม่ถึง 10 นาที เกศิตาก็ตกเป็นเป้าสายตา และถูกเปิดประเด็นให้ได้โจมตีทันที เพราะร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้ที่ต้นคอ สายตาที่ปารวัตรชำเรืองมองปฏิกิริยาจากด้านข้าง แสดงออกถึงความกังวน เพราะเขาไม่อยากให้เธอเปิดศึกภายในกับคนในบริษัทเพียงเพราะเรื่องพวกนี้ แม้เกศิตาจะพยายามแสดงออกถึงความมั่นใจ และไม่แคร์ต่อคำวิพากวิจารณ์ของคนอื่น แต่ลึกๆ เธอกลับเก็บมันมาใส่ใจ และคิดแค้นคนเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
“ผมขอเข้าประเด็นเลยแล้วกัน วันนี้พวกเราหลายคนต่างเห็นพร้องต้องกันว่าคุณเกศิตา ควรลงจากตำแหน่งประธานบริษัท”
นายพันธุ์ภพ ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง เป็นคนกล่าวขึ้นท่ามกลางเสียงที่กำลังถกเถียง เรื่องความสามารถของเธอไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเลยสักนิด จนทำให้เกศิตา ที่เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายใจ ถึงกับโน้มตัวมาข้างหน้า และท้าวแขนทั้งสองลุกขึ้น ด้วยท่าทีนิ่งเฉย
“ดิฉันยังไม่เห็นว่า การที่ดิฉันบริหารงานในฐานะประธานบ
ปารวัตรและณัฐการก่ายกอดกันจนถึงเช้า แสงแดดอ่อนที่สาดส่องผ่านม่านพลางแสง ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ร่างเปลือยเปล่าอวบอัดขาวเนียนที่ก่ายกอดเขาอยู่ยังคงนิ่งสงบ เขานึกขำที่เธอนอนขี้เซา และมักละเมอสัมผัสเขาในยามเช้า เขาสงสัยว่าณัฐการฝันถึงเรื่องใด และพยายามปลุกพญางูของเขาเสมอ“ตื่นสิ” เขาจูบเธอที่หน้าผาก ก่อนจะประกบมันที่ปากเรียวบาง พญางูกำลังตื่น แต่ณัฐการยังคงหลับใหล“อ่า” เธอครวญคราง เมื่อเขากำลังสำรวจปากถ้ำ และเข้าหาเธออย่างไม่ยากเย็น“นี่เป็นการไถ่โทษ จาก 2 ครั้งก่อน”เขากระซิบเธอที่ข้างหู ก่อนจะเม้มริมฝีปากลงบนติ่งหูนุ่มนิ่มและซุกไซร้ไปตามลำคอ พร้อมจังหวะเข้าออกอย่างเชื่องช้าเนิบนาบ ค่อยๆ ก่อเพลิงสวาททีละนิดให้กับเธอราวกับอยู่ในความฝันอันแสนเคลิบเคลิ้มมือเล็กนิ้วเรียวยาว ลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง บางจังหวะเล็บยาวที่ถูกแต่งแต้มก็ครูดไปตามผิวหนังจนรู้สึกแสบเจ็บแปลบ จนร่างกายของเขาต้องกระตุก ให้จังหวะเร้าตา
พระอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ทอประกายแสงอันอบอุ่น เกศิตา ค่อยๆ ลืมตารับแสงแดดอ่อน ร่างกายที่อ่อนล้า ภาพชวนฝันที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเห็นชายหนุ่มท่ามกลาง ทิวทัศน์สวยงามราวภาพฝันตรงหน้า ทำให้เธอตกอยู่ในภวังค์ ทะเลก่อคลื่นเล็กน้อย ท้องฟ้าสีคราม หาดทรายขาวสะอาด สหัสวรรษที่คล้ายกับพัศวียืนอยู่ที่ริมหาด ด้วยเสื้อผ้าสุดเนี้ยบ ในเชิ้ตสีเปลือกมังคุด พับแขนแค่ศอก สวมเข้าในกางเกงแสลกแนบขายาว คัทชูหนังเงางาม จมลงในพื้นทราย มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ พูดคุยปลายสายด้วยรอยยิ้ม และดูสดใส ผมที่ถูกลมพัด สะบัดเป็นริ้ว ราวกับเกรียวคลื่นตามแนวหยักศกสหัสวรรษ เห็นว่าเธอรู้สึกตัวและจ้องมองเขาอยู่ในรถ เขาได้แต่มอง และยังคุยโทรศัพท์ต่อไป เมื่อสายตาเริ่มปรับ และดึงสติกลับมาที่ปัจจุบัน ทำให้เธอรับรู้ว่าชายหนุ่มคนที่เธอมองอยู่ตรงหน้าไม่ใช่พัศวี หากแต่เป็นสหัสวรรษ ชายคนใหม่ที่ตามเธอออกมา เพื่ออยู่เป็นเพื่อนและปลอบใจในยามที่เจ็บปวดจากคำดูถูกเหยียดหยามสหัสวรรษไม่ได้แตะต้องเธอ เขาแค่นั่งเป็นเพื่อนให้เธอได้ร้องไห้
ณัฐการลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ผละตัวจากเขารีบคว้ากระเป๋า และโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เพราะกำลังสับสนกับการกระทำของเขาที่มีต่อเธอ ความอ่อนโยนพวกนี้ กำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่“จะกลับแล้วเหรอ”เขาถาม และคว้าเอวเธอไว้ เมื่อเห็นอาการร้อนรน ร่างที่แนบชิดกับอกของเขา ทำให้ณัฐการใจเต้นแรง และพยายามแกะแขนเขาออกจากเอว แต่ยิ่งแกะมันกลับยิ่งแน่น“ขอบคุณที่ทานข้าวเป็นเพื่อน”เธอขอบคุณเขาอย่างละล่ำละลัก ปากสั่นเพราะประหม่า ที่เขาอยู่ใกล้มาก“แค่นี้เองเหรอ” เขายิ้มที่เห็นเธอกำลังประหม่า ดวงตาสั่นไหว“อืม” ณัฐการหลบตาต่ำลงจ่ออยู่ที่อก“แต่ผมอยากทำอย่างอื่นอีก” พูดจบ เขาก็พรมจูบไปทั่วหน้า บดขยี้ริมฝีปากเธออย่างโหยหา“อ่า” ณัฐการทำได้แค่หาจังหวะได้หายใจ เพราะมันรัวไปหมดจนหายใจไม่ทัน“ไม่เจอกันตั้งนานคุณไม่ต้องการมันเหรอ”เขาซุกไซร้จนเธอไม่มีจังหวะปฏิเสธ&n
ร่างที่นอนคว่ำอ่อนระโหยโรยแรง แทบไม่มีแรงต้านและปฏิกิริยาตอบสนอง สหัสวรรษชั่งมีพลังล้นเหลือ สอดใส่ไม่หยุดแม้จะปลดปล่อยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขากลับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาใช้สองมือประคองบั้นท้ายให้แอ่นโค้งขึ้นรับคันชัก จากนั้นไม่นาน เกศิตาถึงกับเบิกตาโพรง เมื่อเขาเริ่มหาช่องทางใหม่ที่คับแน่นกว่า และบีบรัดเขาได้ดีกว่าโพรงเก่าที่บวมช้ำจากการกรำศึกมานาน“แล้วเธอจะชอบ” เขากอดเธอไว้ ไม่ให้ขยับ เพราะยิ่งขยับมันจะยิ่งเจ็บ“คุณใหญ่เกินไป” เธอร้องแทบขาดใจ“ชอบไหม”สหัสวรรษรู้สึกถึงแรงฮึด ที่อยากจะกดมันเข้าให้สุด เพราะเธอบอกว่ามันใหญ่เกินไป“ชอบ แต่เบาหน่อยได้ไหม คุณใจร้ายกับฉันมาก”เกศิตาตอบและร้องขอ เจ็บปวดและหฤหรรษ์จนต้องร้องไห้ออกมา สะอื้นไห้จนร่างกายสั่นไหวไปหมด“ร้องสิ ร้องเยอะๆ ผมชอบ”สหัสวรรษชอบความรุนแรง ความเจ็บปวด ยิ่งเธอร้อง
“คืนนี้เราค้างที่นี่กันไหม”ปารวัตรถามณัฐการอย่างแผ่วเบา ขณะที่ร่างทั้งสองนอนซ้อนกันอยู่บนเก้าอี้โยกหวายตัวเก่าริมระเบียง เพื่อมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะพ้นขอบฟ้า“ค่ะ”ณัฐการตอบรับ ขณะที่มือของเขาที่ลูบไล้เธอไปตามเนินอกนุ่มนิ่มอวบอิ่ม จนใบหน้าที่แนบกับแขนของเขา ที่แทนหมอนหนุนให้เธอเริ่มขยับขึ้นลงเสียดสีกับต้นแขน ก่อนจะครางเบาๆ“ผมชอบเสียงแบบนี้ของคุณที่สุด” ก่อนจะจูบข้างแก้ม และติ่งหูเลยถึงซอกคอไล่มาตามแนวไหล่เปล่าเปลือย“คุณหิวไหม” ณัฐการถามเขาเพราะมันเย็นค่ำ ใกล้ถึงเวลามื้อเย็นเพราะดวงอาทิตย์เพิ่งจะลาลับไป“หิวสิ”ก่อนจะดึงเธอกลับมาและจูบอย่างเร่าร้อน และเคล้าคลึงเนินอกนุ่ม ก่อนจะลากฝ่ามือผ่านหน้าท้องแบนราบ เลยต่ำลงตรงจุดกลางกายสาวที่อบอุ่น“ทานข้าวก่อนดีกว่าไหม”ณัฐการจับมือเขาไว้ และยิ้มอย่างอ่อนโยน เพราะเขาควรจะอิ่มท้องก่อน จึงจะมีแรงอิ่มรักกันต่อไป&nbs
สหัสวรรษ ข่มตาไม่ลง เพราะร่างกายของเขากำลังพุ่งพล่าน แม้จะเพิ่งจบเกมส์ไป แต่มันผิดแปลกไปจากเดิม ที่เขาเคยเติมเต็มนับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้เขาต้องควบคุมมันเพราะเกศิตา เขาอยากให้ร่างกายของเธอหายเป็นปกติโดยเร็ว จึงไม่อยากลงมือกับเธอเกินกว่าร่างกายของเธอจะรับไหว เขานอนหันหลังให้เธอทั้งที่ยังคงสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย แม้มันจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อเขาหายใจแรงจนปลุกให้เกศิตาค่อยๆ ลืมตาตื่น แต่เธอกลับไม่ไหวติง แค่มองแผ่นหลังที่เปียกชื้นอยู่อย่างนั้น กลิ่นกายที่เกศิตาได้กลิ่น ทั้งหอมและเย้ายวนจนร่างกายเริ่มตุบตอด พลันร่างกายที่ทนไม่ไหวของสหัสวรรษก็ลุกขึ้น และตรงไปที่ห้องน้ำ โดยไม่ทันสังเกตว่าเธอตื่นและมองตามเขาไปสหัสวรรษถอดเสื้อผ้าของตัวเองจนเปล่าเปลือยก่อนจะเปิดน้ำเย็นๆ จากฝักบัวผ่านศีรษะ ปล่อยให้มันไหลผ่านเรือนร่างสูงโปร่ง ผิวขาวสะอาดตา ที่มีร่องรอยถูกกัด รอยเล็บ รอยนิ้วมือที่พยายามตบตี ขีดข่วนเขา เสียงน้ำตกกระทบในความเงียบ ทำให้เกศิตาเริ่มหายใจติดขัด
ภาพของปรารณที่โปะยาสลบณัฐการชัดเจน ทำให้เขาโมโหและโกรธจัด ออกคำสั่งให้ลูกน้องของเขาไล่ล่ามันมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ปารวัตรมีเส้นสายค่อนข้างมาก เพราะเขาอยู่ในกลุ่มชมรมศิลปะการต่อสู้ หน่วยอบรมพิเศษฝึกการต่อสู้ กลุ่มนักเลงและเครือข่ายผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย โดยเฉพาะกลุ่มใหญ่และมีอิทธิพลมากอย่าง คงทรัพย์“ครับพี่ ผมรู้ที่ ที่มันชอบพาผู้หญิงไป ผมได้ที่อยู่มาแล้ว ผมส่งลูกน้องไปดักแล้ว ส่วนพี่ปกรณ์กำลังตามมา”คงทรัพย์โทรแจ้งปารวัตรทันที เมื่อรู้ห้องเชือดของปรารณ“จับตัวมันไว้ก่อน อย่าเพิ่งทำไร ฉันจะจัดการกับมันเอง” น้ำเสียงของเขาเย็นชาและเหี้ยมเกรียม“ครับ”คงทรัพย์รู้จักเขาดี เพราะเขาคือมืออาชีพด้านนี้ ภายนอกเขาอาจจะดูเฉยชาไม่แสดงอารมณ์ความรู้สึกมากนัก แต่เมื่อไหร่ที่เขาสวมวิญญาณนักสู้ เขาคือบอร์ดี้การ์ดที่พร้อมจะปกป้องและฆ่าศัตรูของเขาได้อย่างไม่ลังเลปรารณวางณัฐการลงบนเตียง และ
นับหนึ่งกลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ด้วยความเหนื่อยล้ามาทั้งวัน เธอแทบจะไม่มีแรงยืน หรือเดินไปไหน ได้แต่ทอดตัวนอนที่โซฟาตัวเก่า ที่ทำให้รำลึกถึงความหลัง ที่ครั้งหนึ่งธนญเคยนอนอยู่ตรงนี้ กลิ่นหอมละมุนที่คุกรุ่นผสมกับกลิ่นเหงื่อทำให้นับหนึ่งต้องหลับตาลง น้ำหอมที่เธอใช้คือกลิ่นที่เขาบรรจงสร้างสรรค์ให้กับเธอ ตั้งแต่ได้มันมา เธอไม่เคยแตะต้องกลิ่นอื่นอีกเลยการมาปรากฏตัวของธนญ ที่แม้เวลาจะผ่านไป 10 ปี นับหนึ่งก็ไม่เคยลืมเขา แม้ครั้งสุดท้ายที่เจอกันเขาจะสร้างความเจ็บช้ำแสนสาหัสให้แก่เธอมากก็ตาม แต่ใจที่รักเขามานานแสนนาน กลับเก็บเขาไว้จนลึก ยากที่จะหาใครมาทดแทนหรือเติมเต็มหัวใจของเธอได้อีก“ทำไมนายเงียบจัง” สืบสายถามเพื่อนรัก เมื่อเห็นเขาเงียบไป เอาแต่ดื่ม มีแต่เขาและพัศวีที่พูดคุยกันอยู่สองคน“ได้ข่าวว่านายไปเทคบริษัทออลโมส ฟราแกรนซ์มาเหรอ” พัศวีสนใจข่าวสังคมธุรกิจที่กำลังมาแรง“ใช่ วันนี้เพิ่งเข้าไปแนะ