“ทานข้าวเถอะ” นับหนึ่งแตะที่แขน ธนญ เบาๆ ปลุกเขาให้ลุกขึ้นเพื่อรับประทานอาหารเย็น
เขาเลิกคิ้ว ด้วยความสงสัย เธอเตรียมอาหารได้อย่างไร เพราะเมื่อมาถึง เขาก็ขอตรงมานอนก่อนเลย โดยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“เอามาจากไหน”
เมื่อเขาเดินออกมาที่ระเบียงด้านหน้าบ้านพัก นับหนึ่งจัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะเล็กๆ เป็นอาหารพื้น ๆ ไข่เจียว ต้มยำ ผัดเผ็ด และข้าวร้อนๆที่ควันยังกรุ่น อาหารเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ผักสดๆ
“สั่งจากร้านของกลุ่มครอบครัวเจ้าหน้า ข้างที่ทำการอุทยานฯ เป็นร้านอาหารที่ทำกันเองไว้บริการนักท่องเที่ยวน่ะ ฉันเห็นนายหลับ เลยอยากให้นอนพัก จะได้ไม่ต้องขับรถออกไปหาของกินอีก”
“ขอบใจ”
อากาศเริ่มหนาวเย็น แต่ธนญสวมเพียงเสือยืดตัวเดียว นับหนึ่งจึงเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาให้ เธอใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย จนเขารู้สึกชื่นชม
“ทานได้ไหม” นับหนึ่งมอง ธนญตักอาหารเข้าปาก
“ได้สิ มองฉันกินตลอด ฉันไม่ได้กินอะไรยากขนาดนั้น”
เขารู้สึกกระดากที่เธอเอาแต่จ้องเวลาเขาทานอาหาร นับหนึ่งยิ้มอ่อน
“ก็เป็นห่วง สำหรับฉันมันง่าย เพราะตอนอยู่แอฟริกา มีอะไรก็ทานไป อาหารพื้นเมืองบางอย่างของไทยยังน่ากินกว่า”
“ฉันเข้าป่า ไปแคมป์กับพวกพัศวีบ่อย ไม่ได้ติดหรู อยู่แต่กรุงเทพฯหรอก มันก็มีบ้างที่ต้องลำบาก แค่หลังๆ ไม่ค่อยได้มากันสักเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างเรียนหนักขึ้น และติดเที่ยวผับ เข้าสังคมเยอะขึ้น ทั้งธุรกิจของครอบครัว ทั้งเรื่องผู้หญิง..”
เล่าถึงเรื่องหญิง ธนญ ก็หยุดพูดไปเฉยๆ นับหนึ่งฟังเพลิน จนลืมทาน ธนญจึงตักไข่เจียวให้เธอ
“ขอบใจ”
เธอขอบคุณเขา แต่สีหน้ากลับหดหู่ เมื่อเขาพูดถึงเรื่องผู้หญิง แต่ทำเป็นไม่สนใจกลบเกลื่อน และตักอาหารเข้าปาก ธนญ แอบยิ้มที่มุมปาก เหมือนการพูดถึงผู้หญิงมันสะกิดใจเธอ เธอคงหวั่นไหวให้กับเขามาพอสมควร
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองต่างรังเรที่จะอาบน้ำ เนื่องจากอากาศหนาวเย็น แม้ที่บ้านพักของอุทยานจะมีเครื่องทำน้ำอุ่นไว้บริการก็ตาม เพราะแค่ถอดเสื้อผ้าออกก็สั่นไปทั้งตัวแล้ว แต่ด้วยความเป็นผู้หญิง นับหนึ่งต้องการอาบน้ำ จึงตัดสินใจเข้าไปในห้องน้ำก่อนเขา ผ่านไปเกือบ 20 นาที เธอออกมาด้วยอการปากสั่น ห้อผ้าเช็ดตัวออกมา และตรงขึ้นไปซุกใต้ผ้าห่มทันที
“ไหวไหม” เขาหัวเราะขำเธอ ได้แต่ช่วยกอดนอกผ้าห่มให้อุ่นขึ้น
“นายก็ต้องไปอาบด้วย จะได้เสมอภาคกัน” เธอไล่เขาไปอาบน้ำ
“เฮ่ย! อยางนี้ก็ได้เหรอ” เขาหัวเราะเสียงดัง
เขาหายเข้าไปในห้องน้ำแค่ครู่เดียว แล้วก็ออกมาตัวล่อนจ้อง เพราะนับหนึ่งหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาหมด ไม่เหลือให้เขาสักผืน
“ตาบ้า” นับหนึ่งร้องเสียงหลง แล้วเขวี้ยงผ้าเช็ดตัวไปให้ เขาได้แต่หัวเราะ
“ก็เธอเอามาหมด ฉันไม่มีอะไรเช็ดตัว หนาวจะตายเนี่ย เธอต้องกอดฉันให้อุ่นทั้งคืนนะคืนนี้” พูดแล้วก็หัวเราะ
นับหนึ่งอยากสวมเสื้อผ้า แต่มันหนาวมาก แค่เปิดผ้าห่มออก ขนก็ลุกซู เธอบอกเขาว่าคืนนี้เธอจะนอนแบบนี้ ไม่สวมอะไร เพราะอยู่ในโปงผ้าห่มมันก็อุ่นดีแล้ว
“ไม่ใส่ก็ดีแล้ว เสียเวลาถอด ยังไงเธอกับฉันก็ต้องกอดกันทั้งคืนอยู่แล้ว” เขาตอบหน้าตาเฉย จนนับหนึ่งหน้าแดง
ไม่ทันขาดคำ หลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสร็จเขาก็เข้าไปใต้ผ้าห่มและกอดเธอ ด้วยร่างกายที่เย็นของเขาหลังการอาบน้ำ ทำเอาขนลุกไปหมด เหมือนกอดก้อนน้ำแข็ง แต่ความอบอุ่นในร่างกายของนับหนึ่งกลับทำให้เขากระชับกอดมากยิ่งขึ้น เขาใช้ฝ่ามือเกาะกุมเอาไออุ่นจากเต้าของเธอ การได้เคล้าคลึงอกอวบอิ่มนุ่มนิ่มเบาๆ ทำให้ไออุ่นกระจายไปตามร่องมือเร็วขึ้น แต่กลับทำให้นับหนึ่งรู้สึกร้อนขึ้นไปอีก
การที่ ธนญ กอดเธออยู่อย่างนั้น เหมือนเร่งอุณหภูมิในร่างกายของนับหนึ่งให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอขยับท่านอน ให้ร่างกายสัมผัสกันให้น้อยลง จะได้ไม่ก่อไฟปรารถนา จน ธนญ รู้สึกแปลกๆ ที่เธอเอาแต่ขยับหนีเวลาที่เขาก่ายกอด
“ขยับหนีทำไม” นับหนึ่งไม่ตอบ
แต่เขาพอจะเข้าใจ เขาจึงใช้ขาล็อคเธอไว้ จนแก่นกายของเขาดุนอยู่ที่หน้าท้องของเธอ มันค่อยๆ พองตัวร้อนผ่าวตอดตุบๆ ที่ท้องน้อย จนหญิงสาวรู้สึกได้ หน้าอกของเธอถูกกดแนบกับอกของเขา เขาซุกหน้าลงที่ซอกคอของเธอ เขากอดเธอแน่น เพื่อต้องการไออุ่น หรือพยายามข่มแรงปรารถนา ที่กระสันขึ้นทีละนิดกันแน่
“อ่า” เสียงผ่อนลมหายใจ ดังอยู่ข้างหู จนเธอต้องสูดลมหายใจเช่นกัน
“ไม่ต้องทนแล้ว”
เขากระซิบที่ข้างหูเธอ แล้วใช้ริมฝีปากขบเบาๆ แล้วเปลี่ยนมาจูบปากเธอแทน ลิ้นที่ชอนเข้าไปทั้งอุ่นและลื่น ชวนหลงใหล ร่างกายที่ก่ายกอดเริ่มผ่อนคลาย ผ้าห่มถูกคุมโปงจนมิด เขาจูบเธออย่างดูดดื่ม ใช้ปลายนิ้วสอดช้อนศีรษะขยุมเบาๆ อีกข้างยังเกาะกุมที่ทรวงอก ขาทั้งสองค่อมร่างบางประคองน้ำหนักตัว ไม่ให้ทับเธอเต็มแรง จนแก่นกายชายกดอยู่บริเวณของสงวน ทั้งที่ยังไม่มีการสอดใส่ แต่สัมผัสของมันทำให้กลีบจำปาของเธอเริ่มสั่น และตอดตุบๆ ฉ่ำน้ำที่ค่อยๆ ซึมออกมาจากถ้ำ
ไอร้อนในกายโหมกระพือ จนลืมความหนาวเย็น เขาค่อยๆ ไล้เรื่อย โลมเลียเธอด้วยจุมพิต ต่ำ ลงจนถึงท้องน้อย และเนินที่มีหญ้าอ่อนปกคลุม เขาจูบที่กลีบจำปี และดูดมัน ตวัดปลายลิ้นแทรกเข้าไปจนถึงปากถ้ำที่ชุ่มน้ำ น้ำหวานที่หยาดเยิ้ม ยั่วยวนด้วยกลิ่นหอมจากกายสาว ติ่งนุ่มหยุ่นหดตัวเวลาที่ปลายลิ้นสัมผัส แต่สะโพกกลับแอ่นรับ เธอกุมศีรษะของเขาไว้ ให้แนบกระชับ และไม่ยอมให้เขาถอนริมฝีปากออก ธนญ ใช้ลิ้นอันช่ำชองสอดใส่ประหนึ่งแก่นกายที่สองของเขา เสียงร้องครวญครางดิ้นเร่า แทบขาดใจ ร่างเกร็งและกระตุกเป็นจังหวะ เธอไปถึงสวรรค์ดังต้องการแล้ว
เมื่อเธอนิ่งไป เขาจึงเริ่มสอดใส่ร่างกายของตัวเองช้าๆ เป็นจังหวะ แม้เธอจะเสร็จสมไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่แรงกระตุ้นของเขาก็ไม่อาจต้านทานได้ คลื่นระรอกใหม่ค่อยๆ ก่อตัว
“อีกรอบพร้อมกัน”
เขาจูบปากเธอเป็นการรับปาก เคลื่อนร่างกายเป็นจังหวะเนิบๆ ความยาวและใหญ่ของมันทำหน้าที่เต็มกำลัง ปากถ้ำที่ชุ่มฉ่ำ ทำให้นุ่มลื่นดุจแพรไหม จังหวะสั้นยาว ลึกตื้นหยอกเอินกลีบจำปีอย่างเสียวซ่าน สะโพกของเธอแอ่นรับขึ้นลงตามจังหวะจ้วงเข้าจนสุด แรงกระแทกที่ฝังร่างของเธอทำให้หน้าขาเกร็งและสั่น โดยเฉพาะจังหวะที่เขาซอยถี่และเขย่ามันก่อนออกช้าๆ มันถึงกับเสียวสันหลัง แผ่ซานไปตามหนังศีรษะ วูบวาบ มันช่างเพลิดเพลินเสียเหลือเกิน
“อย่า”
“ชอบเหรอ” เขาถามเมื่อเธอท้วง เมื่อเขาเปลี่ยนจังหวะช้าลง
“อืม เร็วอีกหน่อย แบบเมื่อกี้” ใช้มือและเล็บจิกที่ก้นของเขา ให้ได้จังหวะที่ตัวเองต้องการ
“แบบนั้น ฉันจะหยุดไม่ได้อีกนะ เธอพร้อมหรือยัง”
นับหนึ่งพยักหน้า ตอบรับจังหวะของเขา โดยยกแอ่นสะโพกไม่มีผ่อน ในขณะที่ ธนญ สับไม่ยั้ง ถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาเองไม่ไหว ร่างกายร้อนผ่าว เส้นเลือดปูด เกร็งไปทั้งร่าง เมื่อนับหนึ่งทะลึ่งตัวแอ่นรับเต็มกำลัง กล้างเนื้อโพรงสวาทของเธอบีบรัดเขาจนแน่น ธนญจึงปล่อยพลังของเขาอย่างเต็มกำลังที่กั้นไว้ เหมือนน้ำป่าที่ผ่าทะลัก นับหนึ่งรับรู้ถึงสิ่งที่ไหลเข้าในกายเธอ มันอุ่นและข้น
เขาจูบปากเธอ เพื่อผ่อนคลายตัวเองลง ราวกับจะกลืนกินเธอก็ไม่ปาน จูบแสดงถึงความสุขความเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและหวงแห่ง เรือนร่างอันแสนวิเศษ ที่เขาไม่มีวันยอมให้ใครมาแทนที่เขาได้ หากวัดใดที่เลิกรา เธอก็ไม่อาจลืมเขาได้เช่นกัน เขาดึงร่างเธอมากอดไว้แนบออก และหลับไปพร้อมกัน
ดวงอาทิตย์ยามเช้า โผล่พ้นทิวป่าทอแสงรำไรเป็นประกาย เสียงไก่ขันตอนเช้า ปลุกให้ทั้งคู่ตื่นเช้ากว่าปกติ ร่างกายที่ก่ายกอด กระชับไออุ่นของกันและกัน
“เช้าแล้ว อาบน้ำจะได้ออกไปสูดอาการบริสุทธิ์กัน”
นับหนึ่งหอมแก้มเขา ปลุกเขายามเช้าเหมือนคู่รักทั่วไป แต่เขาไม่ได้หอมกลับ แบบที่เธอต้องการ เขาลุกขึ้นและหยิบผ้าเช็ดตัวตรงเข้าห้องน้ำเลย ทำให้นับหนึ่งถึงกับหน้าถอดสีด้วยความผิดหวัง แต่ก็เก็บอาการเอาไว้ ไม่ได้พูดอะไร
ที่ศูนย์วิจัยพืช ธนญเก็บเอกสารเผยแพร่ เกี่ยวกับกรรมวิธีการสกัดน้ำมันหอมของพืชหลากหลายชนิด และกรอกแบบฟอร์มขอรายงานวิจัยอย่างเป็นทางการ ในฐานะนักศึกษาที่ต้องการข้อมูลไปศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งขั้นตอนการขออนุญาตินี้ค่อนข้างมีหลายขั้นตอน และต้องรอการอนุมัติแล้วจึงจะสามารถส่งข้อมูลให้ได้ ซึ่งเขาก็ยินดีปฏิบัติตาม และขอเป็นข้อมูลอิเลคทรอนิคผ่านทางอีเมล์แอดเดรสแทน
จากนั้นเขาได้พานับหนึ่งไปยังร้านค้าโอทอป สถานที่จำหน่ายสินค้าพื้นเมือง แปรรูปจากธรรมชาติ อาหารผลไม้และผักสด รวมไปถึงหัตถกรรม งานฝีมือต่างๆ และที่ขาดไม่ได้คือ หัวน้ำหอม น้ำมันหอมระเหยแบบดั้งเดิม ที่สกัดจากดอกไม้นานาพันธุ์ ที่ยังไม่ได้คัดแยกสารประกอบ แต่มีกลิ่นหอมรุนแรง ซึ่งมีหลากหลายชนิด
ธนญ สั่งออร์เดอร์เป็นจำนวนมาก ทำให้สินค้าไม่พอ แต่เนื่องจากศูนย์จำหน่ายกระจายอยู่ในพื้นที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก จึงต้องขอให้เขากลับมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น เพื่อรวบรวมสินค้าจากที่อื่นๆ ให้ได้ตามจำนวนที่เขาต้องการ ซึ่งได้สร้างความตื่นเต้นให้กับเจ้าหน้าที่ไม่น้อย
“ทำไมนายถึงเจาะจงมณฑาป่า เยอะกว่าอย่างอื่นล่ะ”
นับหนึ่งสงสัย เมื่อเดินออกมาที่รถพร้อมเขา เพื่อเก็นของที่ซื้อมาบางส่วน
“เพราะมณฑาป่ามีกลิ่นหอมฉุน อีกทั้งเป็นวัตถุดิบที่มีปริมาณไม่มาก เดิมที่ชอบเกิดขึ้นในป่าพื้นที่มีอกาศหนาวเย็น ค่อนข้างหายาก ปัจจุบันมีการอนุรักษ์และขยายพันธุ์เพิ่ม แต่เพราะยังอยู่ในช่วงการขยายพันธุ์ ปริมาณการผลิตยังทำได้น้อย ถ้าหากเราสามารถคิดค้นน้ำหอมที่ใช้มณฑาป่าเป็นตัวหลักก่อนคนอื่น ลิขสิทธิ์จะตกที่เรา”
เขาตอบด้วยเหตุผลเรียบง่าย แต่เกินคาดสำหรับนับหนึ่งที่เป็นเพียงนักศึกษา แต่คำตอบของเขาคาดไปไกลถึงธุรกิจในอนาคต เธอรู้สึกทึ่งในความคิด และความเป็นผู้ใหญ่ของเขา สมกับเป็นทายาทนักธุรกิจชื่อดัง
“ถ้าเราต้องกลับมาพรุ่งนี้ เราต้องค้างคืนที่นี่ต่อ เราจะกลับกรุงเทพฯวันไหนเหรอ” นับหนึ่งถามเพราะมากับเขายังไม่รู้เลยว่ามากี่วันและจะกลับวันไหน
“ปิดเทอมช่วงสั้นๆ ก็อยู่นานๆ สิ เดี๋ยวก็กลับไปเคร่งเครียดกับเรื่องเรียนอีก เธอเองก็อยากเที่ยวไม่ใช่เหรอ” เขาหัวเราะ
“ชิ” นับหนึ่งสะบัดหน้าที่เขารู้ทัน
“เดี๋ยวเสร็จจากนี่ จะพาเข้าไปในเมือง และจากพาขึ้นดอยสุเทพไหว้พระ ถ้าเธอสนใจ”
“โอเค” นับหนึ่งตอบเสียงร่าเริง ด้วยความดีใจ
หลังจากลงจากดอย ไหว้พระเรียบร้อย มื้อเย็นที่เรียบง่ายในตลาดกลางคืน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของเชียงใหม่ ทำให้นับหนึ่งสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก สินค้าพื้นเมือง แฟชั่น ของกิน ของใช้ มีให้เลือกหลากหลาย นักท่องเที่ยวต่างชาติมากมายเดินสวนกันไปมา ทำให้เธอนึกถึงบรรยากาศที่เคยอยู่ในต่างแดน เธอรู้สึกขอบคุณเขาที่ทำให้เธอได้มีโอกาสเปิดโลกในเมืองไทยได้เพิ่มขึ้นอีก โดยเฉพาะการได้มากับเขาประหนึ่งคู่รัก ถึงแม้จะยังไม่ใช่ก็ตาม
ผ่านไปเกือบสัปดาห์ หลังจากที่พัศวีมาส่งเกศิตาที่หน้าคอนโดน ไม่มีสักวันที่เธอจะไม่นึกถึงเขา ทั้งที่เธอพยายามทำงานหนัก ง่วนอยู่กับเอกสารสัญญาต่างๆ อ่านรายงานผลประกอบการ รายงานการประชุมต่างๆ เพื่อทำให้ตัวเองยุ่งเข้าไว้ เหมือนสติจะหลุด เขาทำให้เธอเป็นเหมือนคนบ้า เหม่อลอย โหยหาเขาตลอดเวลา แต่ด้วยความหยิ่ง และศักดิ์ศรีของตัวเอง เขาจะไม่มีวันพบกับเขาอีก แม้จะรู้ดีว่าจะพบเจอเขาได้ที่ไหน
พัศวีออกมาหาความสุขกับสืบสายที่ผับเช่นเคย ถึงแม้กำลังโอบกอดหญิงสาวนางหนึ่งข้างกาย แต่ใจของเขากลับคิดถึงใบหน้าของเกศิตาแทน รอยยิ้มที่แค่น ไม่สดชื่นเหมือนพัศวีคนเดิม ทำให้สืบสายแปลกใจ ว่าเพื่อนสุดหล่อของเขาเปลี่ยนไปเพราะอะไร
“ไอ้นญหนีไปเที่ยวเหนือ ส่วนนาย ก็ซังกะตาย” สืบสายตัดพ้อ
“ว่าไป” พัศวีติง ที่สืบสายหาว่าเขาซังกะตาย
“จะครบอาทิตย์แล้วนะเพื่อน ที่แกพาแม่สาวไฟแรงสูงนั่นไป แกทำเขา หรือเขาทำแกกันแน่ถึงอยู่ในสภาพนี้ พวกเราช่วยให้แกได้แก้เผ็ด ไม่ใช่ช่วยให้ไปหลงเสน่ห์เขา” สืบสายพูดเนิบๆ
พัศวียกแก้วแอลกอฮอล์เข้าปาก ดื่มจนหมด ยิ้มมุมปากเพราะคำพูดของสืบสายจี้ใจดำเขาเข้าให้
“ฉันไม่หลงเขาหรอก มีแต่เขาสิจะหลงฉัน อย่างน้องแก้วนี่ไง หลงผมแล้วใช่ไหม” เขาตอบ พร้อมก้มลงจูบสาวข้างกาย
เด็กสาวรุ่นน้องที่ติดตามเขามาที่ผับครั้งแรก ถึงกับเคลิบเคลิ้มกับจูบของเขา ยิ้มอย่างเขินอายสืบสาย ภาพแบบนี้เขาเห็นจนชินตา จึงไม่ได้สนใจ สืบสายเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดมาก หรือแสดงออกความเจ้าชู้ การแต่งกายธรรมดาฉบับผู้ชายเรียบง่าย ต่างกับธนญและพัศวี ที่หล่อเนี้ยบนำแฟชั่น แต่เขาก็เป็นคนที่มีสายตาพิฆาตนารีเช่นกัน
ขณะที่กำลังกวาดสายตามองไปรอบๆ เขาก็สะดุดเขากับสายตาคู่หนึ่ง ที่มองเขาเชิงขอความช่วยเหลือ หญิงกำลังถูกชายอีกคนรวนลามที่ทางเดินระหว่างทางไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งชายคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเพื่อนสมัยมัธยมของเขา ซึ่งมีพ่อเป็นนักธุรกิจสีดำ และค่อนข้างมีอิทธิพลไม่เกรงกลัวกฎหมายในย่านนี้
สืบสายลุกขึ้นและเดินตรงไปหาเขา และทักทาย โดยส่งสายตาให้หญิงสาวคนนั้นรีบเดินหนีไป
“ไงเพื่อน” สืบสายตบไหล่ คงทรัพย์ เป็นการทักทายอย่างคนคุ้นเคย
“อ้าว! ไอ้สืบ หมู่นี้นายมาบ่อยนะ เพื่อนนายคนนั้นสุดยอดจริงๆ โดนขนาดนั้นยังไม่เข็ดกับที่นี่” พร้อมหัวเราะ
“เอาน่ามันผ่านไปแล้ว ที่นี่ก็ส่วนใหญ่คนกันเองจะทะเลาะกันไปทำไม” เขาพูดพร้อมยกแก้วให้เขา
“แม่สาวนั่นไปไหนแล้ว” หันไปอีกที หญิงสาวที่เขาจับแขนไว้เมื่อคู่ก็หายไปแล้ว
“ใครเหรอ ปกติฉันไม่เคยเห็นนานสนใจใคร” สืบสายสงสัยเช่นกัน
“ลูกสาวลูกหนี้ของพ่อ รู้จักกัน แต่หล่อนหยิ่งใส่ฉัน พ่อตัวเองจะล้มละลายอยู่ไม่กี่วันแล้ว ยังจะมาเชิดใส่” เขาแสยะยิ้มดูถูก
“มาที่นี่ได้ ก็ไม่ธรรมดาสิ” สืบสายเริ่มสนใจ
“ลูกสาวคนเดียวของเสี่ยมาโนช อิมเจริญ” เขาตอบและยิ้ม เมื่อเห็นเพื่อนสนใจ
สืบสายมองดูเหมือนเป็นคนเรียบง่าย เข้ากับคนอื่นง่าย ไม่มีพิษมีภัย แต่น้อยคนนักที่จะรู้จักเขาดีเท่าคงทรัพย์ ในอดีตภาพลักษณ์ของเขา ค่อนข้างเกเร รังแกคนอื่นที่อ่อนแอกว่า ใช้เงินแก้ปัญหา เขาเป็นคนที่คอยบงการ หัวโจก ที่ลูกน้องคนอื่นยินดีจัดการแทนเขา แค่ให้เงินเป็นค่าตอบแทน เขาเป็นหนุ่มหล่อ ดูอบอุ่น จนสาวๆ หลายคนตกเป็นเหยื่อความร้ายเดียงสาของเขามานักต่อนัก แต่ถึงแม้เขาจะร้ายลึก เขาก็จะไม่ทำร้ายใครก่อน นอกเสียจากคนๆนั้นจะทำให้เขาโกรธ และคงทรัพย์ คือคนที่เป็นทั้งเพื่อน และเป็นลูกน้องของเขา
“เค ไว้เจอกันใหม่ ฉันไปหาเพื่อนแล้ว” คงทรัพย์ผละจากไป
สืบสายเดินกลับมานั่งที่โต๊ะ เขาไม่ได้คิดจะช่วยหญิงสาวคนนั้น แค่เห็นว่าชายคนนั้นคือคงทรัพย์เพื่อนเก่าของเขาเท่านั้น แต่มันคงจะทำให้หญิงสาวคนนั้นเข้าใจผิด ว่าเขาตั้งใจมาช่วยเธอ เธอจึงเดินมาหาเขาและกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันเมื่อสักครู่”
หญิงสาวหน้าตาดี รูปร่างเล็กสูงราว 160 ซ.ม. เดินเข้ามาหาสืบสายและกล่าวขอบคุณจากใจจริง
“ผมไม่ได้ช่วยคุณ ผมแค่ทักทายเพื่อนของผม” เขาตอบเสียงเรียบ ไม่ยินดียินร้าย จนหญิงสาวถึงกับหน้าเสีย
“งั้นฉันก็ขอคืน” เธอสะบัดหน้า และย่ำเท้าออกไปอย่างเสียอารมณ์
พระแพง อิมเจริญ ลูกสาวคนเดียวของ มาโนช อิมเจริญ เธอถูกคงทรัพย์รวนลาม เดิมทีเธอกับคงทรัพย์รู้จักกันดี แต่ด้วยเรื่องบาดหมางที่พ่อของเธอติดหนี้พ่อของเขา ไม่สามารถชดใช้ให้ได้ จึงพลอยทำให้ลูกๆ กลายเป็นศัตรูกันไปโดยปริยาย เธอมองหาใครสักคนให้ช่วย แต่เหมือนไม่มีใครสนใจ จนกระทั่งสายตาที่กวาดมาเจอสืบสาย เธอเว้าวอนขอให้เขาช่วย แล้วเขาก็เดินเข้ามาพอดี ทำให้คิดว่าเขาตั้งใจมาช่วยเธอ แต่เมื่อทราบว่าเขาเป็นเพื่อนกับคงทรัพย์ ความรู้สึกขอบคุณ กลับเปลี่ยนเป็นเกลียดชัง คนที่เป็นเพื่อนกันได้ นิสัยก็คงแย่และเลวร้ายพอกัน
“เฮ่ ทำไมนายเมินสาวคนนั้นล่ะ”
พัศวีเสียดายที่จะได้ทำความรู้จักสาวคนใหม่ เมื่อเห็นเพื่อนของเขาเมินเธอ ซึ่งไม่ใช่นิสัยปกติของเขา
“ไม่อยากรู้จัก” เขาตอบพร้อมปลายหางตามองเธอเดินจากไปทางหนึ่ง
“ปกตินายเป็นมิตรกับผู้หญิงจะตาย ไหงคราวนี้เฉยเมยจัง” พัศวีถามอย่างแปลกใจ
สืบสายยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ และมองไปรอบๆ ก็ต้องเตะตาไปที่พระแพงอีกครั้ง พระแพงนั่งอยู่กับใครคนหนึ่งที่คุ้นตาเขามาก จึงจ้องมองเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจำคนไม่ผิด พลันพระแพงเห็นเขาจ้องมาไม่วางตา ก็นึกหงุดหงิด ที่เขาวางท่าใส่เธอแต่ยังกล้ามองมาที่เธออีก
เพื่อนสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามเธอว่า มองอะไรอยู่ ทำไมดูเหม่อลอย เพราะเธอตั้งใจแนะนำพระแพงให้รู้จักเพื่อนชายตรงหน้า และจะเป็นการดีถ้าเธอได้คบกับเขา เพราะเธอรู้สถานการณ์ของพระแพงดี
“เพื่อนฉันพระแพง นี่ธนากร” ชายหนุ่มรูปร่างอ้วนเตี้ย มองเธอด้วยสายตาโลมเลีย หญิงสาวยิ้มแห้งๆ
“เรียกโอ๊ดเถอะครับ ยินดีที่รู้จัก” พร้อมทั้งยื่นมือมาหมายจะจับมือกับเธอ
พระแพงยื่นมือแตะมือเขานิดหนึ่งก่อนจะรีบชักกลับ เธอดูกระอักกระอวน และไม่ค่อยปลื้มเขาสักเท่าไร เมื่อเทียบกับสืบสาย มันต่างชั้นกันชัดเจน หากเป็นสืบสายคงจะรู้สึกดีกว่า แต่ท่าทางของเขาที่เมินเธอ มันทำให้เธอโกรธ และรู้สึกรังเกียจที่เขาเป็นเพื่อนกับคงทรัพย์
หญิงสาวที่อยู่กับพระแพงคืออรปวีร์ ผู้หญิงที่น่ารักเกียจขายตัวเองไม่พอ ยังทำตัวเหมือนแม่เร้า ชอบชักนำเพื่อนมาเสนอให้ผู้ชายที่พร้อมจ่าย คราวนี้ยายคุณหนูตกอับนั่นก็คงกำลังโดนขาย หล่อนทำตัวเหมือนนางหงส์ ทั้งที่เป็นแค่นกกระจอก ช่างน่าสมเพท การที่สองสาวมีโอกาสเข้ามาที่นี่ได้ น่าจะเป็นเพราะผู้ชายคนนั้น สืบสายเห็นเขาประจำที่นี่
อรปวีร์ เคยคบกับเขา ระยะหนึ่ง นอกจากเขาแล้ว เธอยังพยายามเข้าหาธนญ และพัศวี ทำให้เขารู้สึกขยักแขยง จนต้องจ้างให้เธออกไปจากชีวิตเขาและกลุ่มเพื่อน สืบสายจ่ายเธอตามจำนวนครั้งที่นอนด้วยกัน ทำให้เธอโวยวาย ไม่ยอมจะเอาเรื่องและจะแฉเขา เขาจึงต้องให้คงทรัพย์จัดการให้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็ปกติ
“ถ้าเธออยากได้เงินจากเขา ก็ยอมๆให้เขาจับบ้างสิ” อรปวีร์กระซิบบอกพระแพง
“ฉันแค่จะยืมเงินเขา ไม่ใช่อย่างอื่นนะ” พระแพงไม่พอใจเพื่อนที่แนะนำให้เธอทำเหมือนผู้หญิงขายบริการ
“เธอมานั่งข้างๆคุณโอ๊ดสิ จะได้คุยกันถนัด”
อรปวีร์ ดึงให้พระแพงมานั่งข้างธนากรแบบใกล้ชิด ไม่ทันไรเขาก็โอบเธอแบบไม่ทันตั้งตัว จนเธอต้องเอียงตัวหลบ
“มันไม่เหมาะนะคะ เราเพิ่งรู้จักกัน” เธอปฏิเสธอย่างสุภาพ
สืบสายมองสถานการณ์ ดูว่าเธอจะแก้ปัญหาอย่างไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจพระแพงที่ดูเหมือนไม่เต็มใจ แต่ก็ยังยอมให้เขาแตะเนื้อต้องตัว และยังมีอรปวีร์ที่คอยสนับสนุน ทั้งยังยัดเยียดเครื่องดื่มหวังจะมอมเหล้าเธอ
สืบสายลุกขึ้นและเดินตรงไปหาพระแพง ดึงเธอให้ลุกขึ้นตามเขาไป เธอยื้อไว้ เพราะไม่เข้าใจการกระทำของเขา
“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่พวกเธอจะมาขาย” พูดจบ เขาหันไปมองอรปวีร์ และธนากร และลากพระแพงออกไป
“ปล่อยนะ ที่นายพูดหมายความว่าไง” พระแพงพยายามสะบัดให้หลุดจะการกำข้อมือของเขา
“ที่นี่ไม่ใช่ซ่อง”
เขาลากเธอไปหาการ์ดด้านหน้า เพื่อให้ไล่เธอออกไป มันแทบจะไม่มีปัญหา ถึงแม้เธอจะมากับธนากร แต่ธนากรรู้ดีว่าใครมีอิทธิพลในผับแห่งนี้มากที่สุด อรปวีร์ถูกสั่งห้ามเข้ามาที่นี่ ไม่ว่าจะกับ VIP คนไหน
“เธอทำให้ฉันถูกเขาดูถูก” พระแพงต่อว่าอรปวีร์อย่างรุนแรง ทั้งตัดสัมพันธ์ความเป็นเพื่อน
“ถ้ามีปัญญาจะหาเงินทางอื่น ก็แล้วแต่เธอแล้วกัน จะชูคอเป็นหงส์ได้อีกนานแค่ไหน ฉันจะคอยดู”
หล่อนตอกย้ำพระแพงอย่างดูถูก
พระแพงปล่อยโฮและร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น ถ้าหากไม่ใช่ปัญหาของพ่อ เธอไม่เคยคิดจะมาทำอะไรแบบนี้มาก่อน เธอตั้งใจเพียงแค่จะทำความรู้จัก และขอยืมเงินเขาสักก้อนแค่นั้น ไม่คิดว่าจะเลยเถิดถึงขนาดนี้ เพราะสืบสายคนเดียวที่ทำให้เกิดเรื่อง และเธอต้องเสียหน้าเสียชื่อเสียง
พระแพงนั่งอยู่ในรถคันเก่าของเธอที่ลานจอดรถ ฟุบตัวลงกับพวกมาลัยอย่างหมดอาลัย คิดหาหนทางไม่ออก เพราะอีกไม่กี่วัน ดอกเบี้ยธนาคารที่นำบ้านไปจำนองก็ต้องจ่าย ร่วมหกแสน เสียงที่คุ้นหูทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมองหาเสียงนั้น
“วี นายไหวใช่ไหม คุณแก้วฝากดูแลเพื่อนผมด้วย”
เขาปิดประตูรถให้พัศวีกับแก้วตา ทั้งสองคนมีจุดหมายชัดเจน สืบสายเดินกลับไปที่รถของตัวเองเพียงลำพัง เมื่อพระแพงเห็นเขา ด้วยความแค้น จึงตัดสินใจเดินไปดักเขาไว้ และผลักเขาอย่างแรง เพราะไม่ทันตั้งตัวเขาจึงล้มลง ใช้แขนพยุงไว้ด้านหลัง จนโทรศัพท์มือถือกระเด็นไปอีกทาง
“นายเป็นใครถึงมายุ่งเรื่องของฉัน”
เธอชี้หน้าตรงเข้าไปตบเขาอีกครั้งเต็มแรง ด้วยความโกรธและโมโหจัด ผู้หญิงร่างเล็กแต่พละกำลังมหาศาล
“กล้าดียังไงมาตบฉัน”
เขาคว้าข้อมือของเธอแน่น เมื่อเธอจะลงมือเป็นครั้งที่สอง เขาลากเธอเต็มแรงก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเอง เขาไม่พูดอะไร ความเงียบกับใบหน้าที่ขึงขังทำให้เธอกลัวขึ้นมา เธอไม่รู้อะไรเกี่ยบกับเขาเลย เขาผลักเธอเข้าไปในรถของตัวเอง และล็อคอัตโนมัติ ไม่ให้เธอหนีออกมาได้ ก่อนที่เขาจะขึ้นมาประจำตำแหน่งคนขับ และออกรถไปด้วยความโมโหสุดขีด
ผู้ชายที่ดูสุภาพและอ่อนโยนภายนอก กลับดูแข็งกระด้างก้าวร้าวและน่ากลัว พระแพงไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับเธอ ความกลัวและความเงียบทำให้เธอสั่น แต่ด้วยความเย่อหยิ่งของตัวเอง เธอแสร้งทำเป็นเข้มแข็ง ไม่กลัวเขาและพยายามจะยื้อพวงมาลัย เพื่อให้เขาหยุดรถ
“อยากตายหรือไง”
เขาล็อคแขนเธอและบีบมันเต็มแรง จนหญิงสาวร้องออกมา ราวกับกระดูกของเธอจะแตกเป็นเสี่ยง มืออีกข้างกุมมือเขาไว้ให้ปล่อย เพราะเธอเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนน้ำตาเล็ด สืบสายไม่ผ่อนความเร็ว ไม่ปล่อยเธอ ขับรถด้วยมือข้างเดียว สายตาดุดัน มองไปข้างหน้า ไม่หันมองเธอแม้แต่น้อย
เขาขับรถออกมาไกลมาก แต่ด้วยเป็นเวลากลางคืนและไม่ทันสังเกตุเส้นทาง พระแพงไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน เขาหยุดรถในซอยเปลี่ยว แล้วเปิดประตูผลักเธอลงไปเต็มแรง และขับออกไปอย่างรวดเร็ว พระแพงถูกทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง ร่างกายที่ตกลงบนพื้นถลอกครูดไปกับถนน จนเลือดไหลออกซิบ ๆ ที่หัวเข่าและศอก รองเท้าส้นสูงเหลือติดเท้าเพียงข้างเดียว เธอต้องทิ้งมันไป และเดินเท้าเปล่า ร่างกายที่บอบช้ำเจ็บปวดจากบาดแผล พระแพงเจ็บจนกั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ชุดที่สวมใส่ ก็ล่อแหลมในเวลาดึกสงัดเช่นนี้ ชุดรัดรูปสีดำสั้นแค่คืบ เปิดไหล่และแขนอีกข้างหนึ่งเกาะแขนเสื้อไว้แค่ไหล่
พระแพงเดินเท้าเปล่าจนเป็นแผล แสบจนเดินไม่ไหว ต้องเขย่งเท้าเพื่อบรรเทาอาการแสบร้อน และหยุดเดินเป็นระยะ ความมืด ความเงียบสงัดไม่มีแม้เสียงสุนัขเห่า เธอถูกคนใจร้ายรังแกถึงสามครั้งในวันเดียว
พรึ่บ! แสงไฟหน้ารถถูกเปิดขึ้นและสาดมันใส่หน้าเธอในความมืด จนเธอตกใจ เมื่อมองไม่เห็นทางข้างหน้า เธอจึงตัดสินใจหันหลังและออกวิ่งด้วยขาที่โขยกเขยกเพราะความกลัว เธอวิ่งได้แค่สองก้าวก็ถูกคว้างแขนไว้ เธอกรีดร้องและต่อสู้สุดกำลัง จนช็อคและสลบไปในที่สุด
สืบสายได้แต่ยืนมองร่างที่กองอยู่กับพื้น เอามือกุมหน้าผากตัวเอง และอุ้มร่างที่สะบักสะบอมของเธอไปที่รถ เขาไม่รู้ว่าจะพาเธอไปที่ไหน เพราะหากไปที่โรงพยาบาลเสี่ยงกับตำรวจและนักข่าว ถ้าจะไปส่งเธอที่บ้านก็ไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน จึงตัดสินใจพาเธอไปที่คอนโดส่วนตัวของตัวเอง ปกติที่นี่เขาจะใช้กับผู้หญิงของเขาเท่านั้น ไม่เคยพาคนอื่นมาที่นี่แม้แต่เพื่อนสนิท
เขาใช้ผ้าหมาดๆ เช็ดตามเนื้อตามตัวให้เธอ ใบหน้าที่ยังหลงเหลือคราบน้ำตา พระแพงยังคงสลบอยู่ เธอถูกวางลงบนโซฟาตัวยาว เขาเช็ดคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนตามแขนและขา แผลถลอกครูดยาว ทำให้ผิวขาวๆ ของเธอมีริ้วรอย ห่วงจะเป็นแผลเป็นไม่น้อย เขารู้สึกผิด ที่ทำรุนแรงกับเธอ ทั้งที่เธอตัวเล็กนิดเดียว เขาฆ่าเชื้อและทายาที่แผลให้เธอ เขาสังเกตเห็นชุดของเธอที่ฉีกขาด ตะเข็บด้านข้างปริแตก เขาจ้องมองเธอก่อนตัดสินใจเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ โดยให้สวมเสื้อยืดของเขา เนื่องจากเธอตัวเล็กกว่าเขามาก เสื้อยืดที่สวมจึงกลายเป็นชุดนอนยาวไปโดยปริยาย และห่มผ้าให้เธอก่อนที่จะไปจัดการกับตัวเอง
ขณะที่อาบน้ำอยู่เขาเหลือบไปเห็นถุงยางอนามัยที่วางอยู่บนชั้นหน้าอ่างล้างหน้า พลันนึกถึงอรปวีร์ และพระแพงที่กล้าขายตัวเองในสถานที่แบบนั้น เขาอยากรู้เหลือเกินว่ารูปร่างแบบเธอจะเสนอขายนายธนากรไปสักเท่าไหร่กัน เมื่อเทียบกับผู้หญิงคนอื่น หรือแม้แต่อรปวีร์เอง เธอเทียบไม่ติดเลยสักนิด เธอไม่ได้มีรูปร่างที่เร้าใจอะไรเลย เธอผอมเกินไป หน้าอกก็เล็กนิดเดียว ถึงในตอนนี้ที่เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอ และได้เห็นว่าหน้าอกของเธอดูเต่งตึง อูมได้รูปดูดีกว่าที่เห็นภายใต้เสื้อผ้าที่สวมใส่อำพรางไว้มากก็ตาม
เขานั่งมองเธอก่อนตัดสินใจย้ายเธอขึ้นไปนอนบนเตียง เพราะมันอาจทำให้เธอนอนสบายกว่า“ฉันต้องการหกแสน” พระแพงพึมพรำ“หึ” เขาขำในลำคอ ที่ค่าตัวเธอหกแสนเชียวเหรอ“ฉันเกลียดนาย” พระแพงกำลังฝัน และต่อว่าเขาที่มาขัดขวางการยืมเงินของเธอ พร้อมตีเขาที่หน้าอกอย่างแรง“ยายบ้าเอ๊ย! หลับอยู่ยังกล้าตีฉัน”เธอทุบหน้าอกเขาทั้งที่ยังหลับตา สืบสายอุ้มเธอโยนลงเตียง จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะร่างกายเธอบอบช้ำ จากแรงกระแทกที่ตกลงจากรถ ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกตัว และลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นหน้าเขา พระแพงตกใจสุดขีด จึงถลันตัวลุกขึ้นหนีเขา ลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่สืบสายคว้าไหล่ของเธอไว้แล้วผลักลงนอนตามเดิม ความกลัวทำให้เธอดิ้นรน หนีจากพันธนาการของเขา เขาจึงใช้ร่างกายของเขากดเธอไว้กับที่นอน แขนทั้งสองข้างถูกล็อคไว้เหนือศีรษะ ร่างของเขาทับเต็มตัวกดทับลงที่หว่างขาจนไม่สามารถขยับได้“หยุด” เขาคำราม&ld
แขนที่เกร็งเริ่มอ่อนแรง เปลี่ยนเป็นสัมผัส ลูบไล้แผ่วเบา เขาประคองแก้มพระแพงไว้เต็มฝ่ามือ จุมพิตดูดดื่มแผ่วเบา ปลายลิ้นบางสอดรับปลายลิ้นของเขาที่ซอกซอนกระพุ้งแก้ม ขาทั้งสองข้างตวัดรอบสะโพกที่สอดเข่าทั้งสองเพื่อแอ่นสะโพกผายของเธอให้รับแก่นกายที่ตั้งตรงได้มุม แต่มันทำหน้าที่เพียงสัมผัสหน้าปากถ้าที่ปกคลุมพุ่มริ้วสีดำหยิกขอด เสียดสีไปมาสร้างความเพลิดเพลินทีละน้อย รอจนกว่าปลายกลีบจำปาจะเผยอออก พร้อมน้ำหวานเขาจับมือเธอให้กุมที่แท่งลำของเขา และประคองมือเธอไว้ เขาสอนวิธีสัมผัสที่ช่วยให้เขารู้สึกกระสัน และปล่อยมือให้เธอได้ทำด้วยตัวเอง ก่อนจะทำมันให้กับเธอบ้าง ปลายนิ้วที่กรีดไปตามรอบแยก ขึ้นและลงช้าๆ หนักบ้าง เบาบ้าง จนเธอครางออกมา“ช้าหน่อย”เขากระซิบบอกเธอที่ข้างหู เมื่อเธอสัมผัสเขารุกเร้าเร็วเกินไป เพราะหากแรงกระสันมันมากเกินจะทนได้ เขาอาจจะต้องรุกเธอก่อนถึงเวลาที่ร่างกายเธอพร้อม เขาค่อยๆสอดนิ้วกลางเขาไปจนมิด ร่างของเธอแอ่นรับอัตโนมัติ ไม่ต่อต้าน ดูเหมือนความเจ็บปวดจะจางหายไปแล้ว เพราะร่างกายเธอต้องการเขามากกว่า แรง
สืบสายหายไปเกือบสัปดาห์ แต่พระแพงกลับไม่โทรหาเขาเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาบอกว่าเมื่อเธอทำงานให้เขาแล้วจะปล่อยเธอไป แต่เขากลับยังไม่บอกเธอให้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ หรือถ้าต้องการเธอ 60 ครั้งอย่างที่บอก แต่เขากลับไม่มาหาเธอเลย แล้วจะอีกนานแค่ไหนกันที่เธอต้องอยู่ที่นี่ โดยไม่สามารถติดต่อใครได้เลยความคิดต่างๆ ประดังประเดเข้ามาจนสับสนไปหมด พระแพงขดตัว กอดเข่าชั้นอยู่มุมหนึ่งของโซฟา ผล็อยหลับไปอย่างรู้ตัวสืบสายเปิดประตู แล้วต้องแปลกใจที่ทั้งห้องมืดราวกับไม่มีคนอยู่ เขาสงสัยว่าพระแพงแอบหนีออกไปข้างนอก เพราะเขาไม่ได้มาหาเธอเกือบสัปดาห์ เมื่อเปิดไฟในห้องเขาก็ต้องตกใจที่เห็นเธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟา และไม่รู้สึกตัวว่าเขาได้เข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำเขาตรงไปอุ้มเธอขึ้น เพื่อย้ายไปนอนที่เตียง พระแพงก็รู้สึกตัวและรีบดีดตัวหย่อนขาลงที่พื้น เพื่อยืน ด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะมา เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย และออกจะล่อแหลม เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบเสื้อยืด
ธนญ พานับหนึ่งมาที่คอนโดหรูติดริมแม่น้ำ มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำและสะพานข้ามต่างๆ สวยงามชัดเจน มันเป็นห้องส่วนตัวของเขา ที่ใช้เวลามาดื่มกับเพื่อนที่ผับ หรือสโมสร ตั้งแต่คบกับเขามานับหนึ่งไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวใดๆ กับเขาเลย จะรับรู้ต่อเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง เพราะเธอเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยถามเธอก่อน มีแต่เธอเล่าให้เขาฟังก่อนเสมอ“ที่นี่สวยจัง” เธอมองทิวทัศน์ผ่านผนังกระจกหนา ที่เปิดม่านออกจนหมด“ห้องนี้ฉันซื้อไว้นอนกับผู้หญิง” เขาตอบเธอตรงๆ นับหนึ่งเบิกตากว้าง หันขวับมามองเขา“บางเรื่องไม่ต้องบอกฉันก็ได้” เธอต่อว่า“รู้ทีหลังจะมาโกรธฉัน”“ถ้าเขายอมนาย และนายก็ชอบ ฉันจะมีสิทธิ์ว่าหรือโกรธอะไรนายได้ล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ฉันไม่ชอบการมีแฟน” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นับหนึ่งถามเขาตรงๆ“เพื่อน&rdq
หลังจากวันที่เธอตัดสินใจจบความสัมพันธ์ทางกายกับ ธนญ ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ก็จบลงด้วย แม้จะเจอกันในห้องเรียน ต่างฝ่ายต่างไม่เคยแม้แต่มองหน้ากัน นับหนึ่งเป็นคนที่เข้มแข็งแม้จะถูกหญิงสาวที่เคยอิจฉาเธอค่อนแคะ เธอก็ไม่โต้ตอบ หรือแสดงความโกรธหรืออารมณ์ใดๆ ให้ใครเห็นระหว่างสืบสายและพัศวี เธอยังคงพูดคุยด้วยปกติ แต่เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของธนญ จึงต้องเมินเธอบางครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพื่อไม่ทำให้นับหนึ่งลำบากใจ มีแค่รอยยิ้มที่เห็นใจและเข้าใจเธอเท่านั้นฝนที่กำลังกระหน่ำปลายฤดู ราวกับพายุ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้นักศึกษาทั้งชายหญิง ต่างพากันวิ่งเข้าใต้อาคาร โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นใคร นับหนึ่งวิ่งชนกับใครคนหนึ่ง จนล้มลง เป้และของที่ถือมากระจายหล่นลงบนพื้นที่เปียกแฉะ เธอจงรีบเก็บมัน ทำให้ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อสีขาวตัวบางแนบเนื้อ ทำให้มองเห็นสรีระ และยกทรงตัวงาม เมื่อเข้ามาใต้อาคาร ผู้คนต่างมองเธอ รูปร่างที่สวยงามเย้ายวน ทำให้หนุ่มๆ ตาระห้อย สาวๆต่างอิจฉา
ปลายลิ้นที่พลิ้วไหวของเขา ที่เนื้อน้องมองมันทำให้เธอเคลิ้มเคล้ม จนต้องดูดนิ้วของตัวเองตามแรงสัมผัสของเขา พัศวีสอดนิ้วของตัวเองเข้าไปในปากอวบอิ่มของเธอเพื่อให้เธอดูดกลืนเขา แทนนิ้วเรียวของเธอก่อนหน้า เขารับรู้ถึงแรงสัมผัสที่ปลายนิ้วของเขาเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาตวัดมันกับกลีบจำปาของเธอ ยิ่งแรงและเร็ว เธอยิ่งดูดกลืนเขาลึกขึ้น เธอมีความต้องการเขาแล้ว เช่นเดียวกับที่เขาต้องการเธอพัศวี โถมร่างกายแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นค่อมร่างบางของเธอไว้ ให้แก่นเสียดสีกับกลีบจำปาของเธอ ก่อนจะก้มตัวลงจูบเธออย่างดูดดื่ม แบบเดียวกับที่เขาจูบเนินเนื้อของเธอ ความหิวโหยของหนุ่มสาวแทบจะรอการกลืนกินกันและกันไม่ไหว แต่ต้องฝีนต้าน เพื่อความหฤหรรษ์ที่รอคอยกันมานาน“ต้องการมันไหม” เขาถาม“ฉันต้องการ” เนื้อน้องไม่อยากทนมันอีกแล้ว“เธอจะต้องเจ็บมากนะ” เขากระซิบบอก และเคล้าเคลียเธอไปมา“ขอร้อง” เธอไม่กลัวสิ่งใดอีกต่อไป เธอขอร้องให้เขาดับไฟในตัวเธอ เพราะมันกำลังเผาผลาญเธอแทบมอดไหมพัศวีจูบ
พระแพงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำอยู่ เธอไม่พูด ได้แต่นั่งหน้าเครียดมองออกไปด้านข้าง สืบสายจอดรถให้เธอที่หน้าบ้านทั้งที่ยังจอดไม่สนิท พระแพงรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่สังเกตว่าพ่อของเธอเพิ่งลงจากรถคันหนึ่ง“แพง”พระแพงหันตามเสียงด้วยความตกใจ สืบสายเองก็ต้องตกใจที่ชายสูงวัยกำลังจ้องมองเขาอยู่ผ่านกระจกด้านหน้า พระแพงเดินไปหาเขา และช่วยหิ้วของในมือ“ใครน่ะ” พ่อของเธอถาม ทำให้พระแพงอึกอัก เมื่อเห็นเช่นนั้นสืบสายจึงลงจากรถ และเข้าไปแนะนำตัวกับเขา“ผมชื่อสืบสายครับ เป็นเพื่อนกับพระแพง” เขาทักทายผู้ใหญ่อย่างสุภาพ“เพื่อนที่มหาวิทยาลัยเหรอ ไม่เคยเห็นนายมาก่อน” ผู้ใหญ่มองออกว่าเขาไม่ใช่เพื่อนธรรมดา“พ่อคะเข้าบ้านเถอะ” พระแพงพยายามคะยั้นคะยอ“เข้าบ้านก่อนสิ ได้คุยกัน” พ่อเชิญเขา เพื่อทำความรู้จัก เพราะพระแพงทำท่าทางอึกอัก ไม่อยากให้เขาได้คุยกับพ่อ“ครับ” สืบสายไม่ปฏิเสธ รับคำสั้นๆ เดินต
นับหนึ่งนั่งมองพระอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าเหนือทิวไม้ อากาศที่หนาวเหน็บ ทำให้นึกถึงเขา อ้อมกอดที่เขาทิ้งไว้ ราวกับกองไฟที่ถูกสุม เขาต้องการเพียงร่างกายของเธอ เขาหลอกล่อเธอจนหนำใจ และจากไปโดยไม่มีแม้คำกล่าวลา เธอไม่ควรจะมานั่งเสียใจ เพราะเธอเองที่ผิด ผิดที่ไปรักเขา ผิดที่ไม่อาจต้านทานความต้องการของตัวเองได้“น้องหนึ่งครับ พรุ่งนี้ทีมศาสตราจารย์ประวิทย์จะนำคณะของ ดร.กลอส เข้าป่า ไปดูพืชอนุรักษ์ ที่ใกล้สูญพันธุ์ น้องหนึ่งจะไปด้วยไหมครับ เพราะมันค่อนข้างลำบาก ถ้ากลับออกมาไม่ทัน อาจต้องค้างแรมในป่าด้วย”พี่ชูชาติ เจ้าหน้าศูนย์วิจัยที่ทำหน้าที่ดูแลนักศึกษาฝึกงาน เข้ามาถามความสมัครใจ เพราะเห็นว่าเธอเป็นผู้หญิง“ไปค่ะ หนึ่งไหว”เธอตอบรับคำทันที เพราะอย่างน้อยมันช่วยให้เธอไม่คิดมาก และไม่ต้องการให้มีเวลาคิดถึงเขาเช้าวันรุ่งขึ้น นับหนึ่งเตรียมของใช้ที่จำเป็นและสัมภาระใส่เป้สนาม เตรียมพร้อมการเข้าป่ากับเจ้าหน้าที่และกลุ่มเพื่อนนักศึกษาฝึกงาน จากมหาวิทยาลัยทางภาคเหนือ
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง