เขาแอบยืนมองเธออยู่เงียบๆ กอดอกพิงประตูอยู่นานแล้ว ท่วงท่าของเธอน่ามอง จนน่าหลงใหล ใบหน้าเรียวสวยได้รูป ผิวกายขาวใสสะอาดหมดจดไร้การแต่งเติมสีสัน สวยงามตามธรรมชาติ ไหล่มนกลมเกลี้ยงคล้องสายเสื้อนอนเส้นเล็กๆ น่ารัก สะโพกผึ่งผายกลมกลึงนุ่มนิ่มน่าขยำ เอวบางคอดเล็ก หน้าท้องแบนราบ ปลายถันที่เป็นไตชูชัน จนน่าขบกัด
กลิ่นหอมอ่อนๆ จากของขวัญที่เขามอบให้ หอมรันจวนใจ จุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน พลันสายตาของเธอเห็นเขาในกระจก นับหนึ่ง เอามือป้องปากอุทานด้วยความตกใจ สะดุ้งสุดตัว และหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“บ้าจริง!” ด้วยความตกใจและโกรธที่เขาเข้ามาเงียบๆ เธอถลันเข้าไปทุบอกเขา 2-3 ครั้ง จนเขาต้องล็อคมือเธอไว้
“ขอโทษ ฉันแค่จะเซอร์ไพร์ทเธอเท่านั้น” เขาขำที่เธอโกรธจนลงมือ
“ไหนว่าจะกลับบ้าน ทำไมมีกลิ่นเหล้า ไปดื่มมาเหรอ” เธอต่อว่าเขา
“ไปผับกับพัศวีมา” แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
“ลุกขึ้นเลย ตัวเหม็น” พยายามดึงแขนเขา
“ฉันเมานะ ขอนอนพักหน่อย” เขาฉีกยิ้ม และรั้งตัวเองไว้
นับหนึ่งถอนหายใจ เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนน้อย ชุบน้ำบิดหมาด มาเช็ดหน้าเช็ดตาให้เขา พลางแกะกระดุมเสื้อออก จนสามารถเช็ดตัว หน้าอกซอกคอให้คลายร้อนจากพิษน้ำเมา กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้เขายิ้ม แต่ยังคงนอนอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้เธอทำอะไรกับตัวเขาก็ได้ เขามองเธอทุกอริยาบทที่นุ่มนวล แผ่วเบา นับหนึ่งเช็ดมือให้เขา เช็ดนิ้วทีละนิ้ว เขาแตะแก้มนับหนึ่งเบาๆ จนไอร้อนผ่อนถ่ายจนแก้มอุ่น
“มือร้อนมากเลย เช็ดตัวสักหน่อย เดี๋ยวน่าจะดีขึ้น”
เธอพูดพร้อมกับเอียงแก้มขยับหนีให้พ้นจากมือเขา ค่อยดึงเขาให้ลุกขึ้น แล้วถอดเสื้อออกให้สอดแขนอ้อมไปเช็ดแผ่นหลัง ธนญได้กลิ่นอ่อนๆของน้ำหอมที่เขามอบให้ที่กรุ่นอยู่ที่ปลายจมูก เมื่อเธอเอียงคออยู่ ใกล้ ๆ หน้าของเขา จนเผลอแตะปลายจมูกลงที่ซอกคอของเธอ
“หอมจัง”
“ฉันลองน้ำหอมที่นายซื้อให้น่ะ” เธอหันมายิ้มตรงหน้าเขา
“นอนลงเถอะ เดี๋ยวเสื้อนี่ต้องซักไม่ไหว” เธอย่นจมูกใส่
“ไม่เห็นจะเหม็น หอมจะตาย” เขากอดเธอและหอมฟอดใหญ่ ก่อนจะดึงนับหนึ่งลงไปนอนทับอกเขาไว้
นับหนึ่งไม่ได้ขัดขืน และรู้สึกดี และอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ไม่มีใครกอดฉันแบบนี้นานมากแล้ว” พูดพร้อมกับแนบแก้มของเธอลงไปบนแผ่นอกของเขา พลันให้นึกถึงอ้อมกอดของพ่อและแม่ เธอกระชับร่างเขาอย่างลืมตัว
นับหนึ่งฟังเสียงหัวใจของ ธนญเต้นเร็วและรัวเป็นจังหวะขึ้นลง และผ่อนลมหายใจยาวๆ ฝ่ามือที่ของนับหนึ่งทาบทับบนหน้าอกด้านซ้ายของเขา รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของการเต้นของหัวใจ ไออุ่นของนิ้วมือเรียวยาวของเธอทำให้ใจเขาเต้นเร็วขึ้นอีก ความร้อนจากกายถึงกาย แผ่กระจาย สู่ร่างกายของเขา
เธอผงกศีรษะขึ้นมองเขา โดยใช้ท่อนแขนพยุงตัวไม่ ทำให้เขามองเห็นเนินอกนุ่มที่เบียดแนบชิดของเขาอย่างถนัดตา นัยตาชวนถามว่าต้องการมันไหม เขาได้แต่มองหน้าเธอเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
“นอนพักก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันมา” เธอบอกเขาให้นอน และลุกเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับเสื้อของเขา
นับหนึ่งหายไปราวครึ่งชั่วโมง แล้วกลับเข้ามาในห้องพร้อมชาร้อนผสมน้ำผึ้ง พร้อมเสื้อตัวยืดโคร่งกับกางเกงชาวเล ตัวที่เธอเอาไว้ใส่นอนเวลาไปค้างอ้างแรมกับเพื่อน สมัยอยู่ที่แซมเบีย เพราะคิดว่าหากเขาต้องนอนก็ควรจะใส่อะไรที่สบายกว่าการใส่การเกงแสลกขายาว
ธนญหลับไปแล้ว แต่ก็รู้สึกตัวทันทีที่นับหนึ่งเปิดประตูเข้ามา เขายังนอนทอดตัวยาวราวกับเป็นเจ้าของเตียงอยู่อย่างนั้น เฝ้าดูอากัปกิริยาของเธออย่างเพลิดเพลิน รู้สึกหวงแหนเรือนร่างตรงหน้าและโอบกอดไว้แน่นๆ
“ดื่มชาน้ำผึ้งก่อน แล้วก็เปลี่ยนกางเกงซะ”
เธอวางเสื้อผ้าไว้ที่ปลายเตียง รอให้เขาลุกขึ้นจึงยื่นชาให้ดื่ม ก่อนใช้หลังมือแตะที่หน้าผาก เขาจับมือนั้นมาประกบที่ข้างแก้มของตัวเอง และจูบกลางฝ่ามือเบาๆ ทำให้นับหนึ่งรู้สึกเขิน จนหน้าแดง
“ดูแลดีขนาดนี้ เดี๋ยวจะให้รางวัล” เขารับชามาดื่มพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม
ธนญเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เขายิ้มตลกตัวเองที่ใส่เสื้อผ้าของนับหนึ่ง ถ้าชุดนี้ของเธอจริงๆ เขาจินตนาการไม่ออกว่าเธอจะเป็นแบบไหน เพราะชุดนอนที่ใส่ตอนนี้ มันต่างกันราวกับมาจากคนละโลกกันเลย
“แน่ใจนะว่านี่เสื้อผ้าเธอ”
เขายืนมองดูตัวเองในกระจก และหัวเราะออกมาเต็มเสียง ดึงเธอมายืนด้านหน้า ชุดที่เธอใส่ตอนนี้มันบางเบาแนบเนื้อ โชว์สัดส่วนให้เห็นเด่นชัด กับชุดที่เขาใส่เหมือนลุงแก่ๆ ไว้ใส่ทำนามากกว่าจะเป็นชุดนอน
เธอทำหน้ายู่ใส่ มันเป็นชุดที่ใส่ที่แซมเบีย ตอนนี้เธออยู่ที่ไทยแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่ย่อมต่างออกไป แฟชั่นที่นี่กับแฟชั่นที่โน่นมันคนละเรื่อง เธอยังถือคติ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะที่นี่ร้อนมาก และณัฐการเป็นคนแนะนำเรื่องเสื้อผ้าให้ต่างหาก และเธอเองก็มองว่าเธออยู่คนเดียวไม่ได้จะใส่ให้ใครดู แต่เขาต่างหากที่ถือวิสาสะเข้าออกบ้านของเธอเหมือนเป็นบ้านตัวเองไปแล้ว
“ใส่แบบที่เธอใส่ตอนนี้ ที่นี่เขาเรียกชุดนอนไม่ได้นอน” พร้อมกับหัวเราะและส่งสายตาผ่านกระจก ว่าเขากำลังมองที่หน้าอกของเธออยู่
“โอ๊ย!”
นับหนึ่งยกมือปิดหน้า ทั้งอาย ทั้งเขิน ทำตัวไม่ถูก ที่เขาพูดจาโจ่งแจ้งกับเธอ และเจตนาชัดเจนว่าต่อไปจะทำอะไร เขาหัวเราะชอบใจ พยายามดึงมือของเธอออกจากหน้าที่แดงเหมือนลูกตำลึง และบีบจมูกหยอกเธอเบาๆ ผิวหน้าที่แดง และริมฝีปากระเรื่อที่เป็นสีธรรมชาติ สะกดเขาไม่คล้านที่จะจูบมันอย่างดูดดื่ม เขาจูบเธอและดูดมันจนแดงฮ่อ กัดเบาๆ ส่วนปลายลิ้นที่ดุนดัน ไหลลื่น ก่อให้จินตนาการสัมผัสเร่าร้อนส่วนนั้น เวลาที่เร่งเร้าจังหวะเข้าหากัน นับหนี่งเผลอคิดว่า หากลิ้นของเขาสัมผัสที่ส่วนนั้นของเธอมันจะเป็นเช่นไร พลันใบหน้าก็แดงกล่ำและร้อนผ่าว จนธนญจับสังเกต
เขาดันเธอถอยจนชิดขอบเตียง จนต้องนั่งลง ก่อนจะค่อยๆ คุกเข่าแทรกตัวเอง ให้อยู่ระหว่างขายาว ขาวเนียนของเธอ แล้วค่อยๆ ดันเธอนอนราบกับที่นอน เขาจูบหยอกเย้าเธอที่ขาอ่อนด้านใน ใกล้ของสงวน จนเธอหดตัวหลบ แต่ถูกเขาตรึงไว้ด้วยแขนทั้งสองข้างที่ลูบไล้ไปมาจนเธอต้องเบียดตัวเร่า เขาค่อยๆ สอดมือผ่านใต้ร่มผ้า จนถึงหน้าท้องของเธอ เคล้าคลึงมัน ราวกับปูตัวน้อย ที่ไต่ไปตามเนินดิน เพื่อหารูเล็ก รังที่อบอุ่นของมัน
นับหนึ่งกระสับกระส่าย เสียวกระสันอยู่ในที คลื่นสวาทกำลังถาโถม เธอได้แต่ให้มือขยุมผมดำเรียบตรงของเขา ยามที่ปลายลิ้นดุนดันมันอย่างแผ่วเบา เขาลากปลายนิ้ว เกาะเกี่ยวอาภรณ์ตัวน้อยรูดลงที่โคนขาของเธอ เผยเนินเนื้ออวบอูม ปกคลุมหญ้าอ่อนสีน้ำตาลบางเบา ก่อนที่จะดึงมันลงไปกองที่พื้น เขาจุมพิตปากถ้ำของเธออย่างอ่อนโยน ดุนดันตวัดสอดใส่อย่างเร่าร้อน จนสัมผัสถึงความชุ่มฉ่ำ ของลำธารสวาทที่ไหลริน เสียงครางทุกครั้งที่ปลายลิ้นตวัดสัมผัสปุ่มหรรษา เธอแอ่นรับ เบียดจนชิด มันพร้อมแล้วการเกมส์สวาท ที่เขาตั้งใจจะมอบให้ เธอทรมานเขามาตลอดทั้งคืน เขาแค่เอาคืนนิดหน่อย เพื่อเพิ่มอรรถรสและสอนเธอให้เข้าใจความหฤหรรษ์ทางเพศ และการตอบสนองทางกายยามที่ต้องการปลดปล่อยอย่างถึงขีดสุด ว่ามันเป็นเช่นไร เมื่อได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงของเขา และเขาคือชายคนแรกที่เป็นครู ย่อมต้องถ่ายทอดให้ได้มากที่สุด เพื่อที่ทั้งเธอและเขาจะไปให้ถึงจุดสุดยอดพร้อมกัน ทุกเกมส์รัก
เล็บที่จิกแน่น เสียงครางแทบขาดใจ ธนญเงยหน้า ขึ้นมองและยิ้มอย่างผู้ชนะ
“ที่หน้าแดง เพราะคิดเรื่องนี้สินะ”
เขายิ้มเยาะก่อนจะยกขาทั้งสองข้างของเธอให้รับสึกใหญ่ จากพลังความแข็งขึงแก่นกาย ปลายหอกมนุษย์ที่ทิ่มแทง แก่นกายที่ดันเข้าทีเดียว นับหนึ่งถึงกับหายใจเฮือกใหญ่อย่างติดขัด แขนของเขาค้ำลงบนที่นอน โดยจ้องมองสีหน้าที่เร่าร้อน บิดเบี้ยวเหยเก มือน้อยๆ ทั้งสองกำข้อมือเขาไว้แน่น สีหน้าบอกความต้องการให้เขาบรรเลงบทรักอย่างต่อเนื่อง เร่าร้อน เร่งจังหวะ และปลดปล่อย ธารลาวาหลั่งไหลในกายเธอเสียที เธอรอจนใจแทบขาด เขาจ้องมองใบหน้าเรียวงามนั้นไม่วางตา เสียงครางของเขาทำให้นับหนึ่งลืมตาและสอดประสาน จ้องมองลึกเข้าไปจนเห็นเงาของกันและกัน บทรักของเขาเนิบนาบ และเร่งจังหวะเร็วและแรงขึ้น จนเกิดการเกร็งเสียวซ่านจนขนลุกไปทุกอนู เสียงร้องสอดประสานหายไปในลำคอ เมื่อเขาปลดปล่อยแล้วก้มลงประกบริมฝีปากของเธอไว้เพื่อไม่ให้เสียงนั้นเล็ดรอดดังเกินไป แขนของเขาล็อคขายาวของเธอให้เกาะเกี่ยวเข้าให้นานและแน่นที่สุด เขาตอดทิ้งจังหวะอีก 2-3 ครั้ง ฝังกายทิ้งไว้เหมือนทุกครั้ง ปล่อยให้ ของเหลวพันธทางเคมี ค่อยๆ ซึมออกมาเอง
ผ่านไป 20 นาที เขาขยับกาย แต่ไม่ได้ถอนออก เขาแค่ต้องการขยับร่างของเธอและเขาให้นอนในท่าที่สบายขึ้น แต่กระเสียดสี 2-3 ครั้งเบาๆ มันกลับก่อคลื่นสวาทลูกใหม่ขึ้นอีก
“รายกายฉันต้องการอีกแล้ว”
เขาลูบไรผมที่ชุ่มเหงื่อของเธอ ออกจากใบหน้า นับหนึ่งรับรู้ถึงความแข็งขึงของเขา แต่เธอเพลียเหลือเกิน จากศึกครั้งนี้ เธอคงต้องปล่อยให้ร่างกายตอบสนองไปเองตามกำลังของมัน เพราะก่อนหน้าเธอได้รับรับรู้ถึงพลังมหาศาลของความต้องการที่มากล้น ว่ามันทรมานแค่ไหน เธอจึงไม่อยากให้เขาต้องทรมานแบบเดียวกับเธอ
“ทำเถอะ ฉันต้องการ”
เธอกอดเขาแน่น พร้อมจับแก้มก้นที่กล้ามเนื้อแน่นแข็งเกร็ง โยกตามจังหวะที่เขาขึ้นลงช้าๆ กวัดขารัดรึงเขา ให้ได้ท่าทางที่เหมาะสม เร่งการก่อตัวได้ง่าย ให้ติ่งเนื้อเล็กๆนั้นได้เสียดสีและสัมผัสความเป็นชายเขาให้ได้แนบชิดที่สุด
เขาจูบเธอ เพื่อขอบคุณที่มอบร่างกายที่สวยงาม ดีงามไปทุกสัดส่วน และไม่เคยเบื่อหน่ายที่จะได้ครอบครองร่างกายนี้
“นับหนึ่ง เริ่มต้นนับหนึ่งมา กี่ครั้งกันแล้ว เธอทรมานฉันเกินไปแล้ว อ่า”
เขาทรมานเหลือเกิน น้ำในกายเหมือนพิษงูที่ถูกรีด ไม่มีเหลือ แม้แค่หยดเดียว มันก็ต้องปล่อยออกมาให้ได้ เขารู้สึกเหมือนไอร้อนย้อนกลับไปหาเขา ทรมานเหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยง
“รอบหน้าจะให้เธอจัดการเองนะ” เขากอดเธอและหลับไปในอ้อมแขนของกันและกัน
ร่างกายเปลือยเปล่าของนับหนึ่งนั่งค่อมเขาไว้ ขณะที่เขายังไม่ลืมตา แต่ร่างกายนั้นตื่นนานแล้ว กล้ามเนื้อที่โปร่งพองตั้งลำแล้ว นับหนึ่งกำลังจะทำในสิ่งที่เขาบอกไว้ก่อนหน้า เธอเคยเห็นจากภาพยนตร์ และหนังผู้ใหญ่ ที่ผู้หญิงหลายคนทำแล้วสามารถควบคุมผู้ชายได้ เธอไม่รอให้เขาลืมตา วางสะโพกตนเอง และกดร่างกายของเธอลงแนบชิด ทันที่เขาสัมผัสถึงแรงเสียดสีที่เสียวกระสัน ธนญเบิกตาโพรง ยกตัวแอ่นสะโพกโดยอัตโนมัติ แก่นกายเขาเริ่มสั่น เขาดึงแขนเธอให้อกอวบนั้นแนบกับอกของเขา และกำเนื้อสะโพกเนียนเต็มมือ บีบรัดรึงอย่างลืมตัว
เข้าจ้องหน้าเธอที่ก่อไฟครั้งนี้ให้กับเขา แต่ไม่ยอมทำต่อ รอยยิ้มหยอกเย้าของเธอ มันน่าหงุดหงิดใจ เธอไม่ยอมขยับ
“คิดดีแล้วเหรอ” เขาจับก้นเธอโยกขึ้นลง จนเธอต้องอ้าปากผ่อนลมครางออกมา
ร่างกายของเธอตอบสนองเองอย่างลืมตัว เมื่อถูกเขานำทาง ธนญจึงปล่อยมือ ผละจากสะโพกขาว มาเกาะกุมอกอวบอูมตรงหน้า และบดขยี้ตุ่มเล็กสีชมพูระเรื่อ จนเกิดอารมณ์สยิว เสียวซ่าน แผ่ลงไปถึง ติ่งเนื้อน้อยๆ ที่กำลังทำหน้าที่อยู่ที่ปากถ้ำ ใจที่ต้องการควบคุมเขา กลับถูกเขาควบคุมเสียเอง แรงจังหวะ ที่เริ่มออกตัวแม้จะเชื่องช้า แต่เบียดเสียดหนักแน่น บดคั้นจุดกระสันได้ล้ำลึกเหมือนถูกกระแสไฟสวาทไหลพล่านไปทั่วกาย ช็อตตุบๆที่ละนิดจนต้องควบแข่ง เร่งความเร็วดุจม้าป่าที่โจนทะยาน ให้กระแสไฟรักที่ถูกจุดนั้นระเบิดออกมาโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความทรมานของร่างบางจากแรงปรารถนา จากแก่งกายที่คับแน่น
ธนญ พยายามอดทน ข่มความต้องการที่จะปลอดปล่อยกระสุนมนุษย์ของเขา แม้เขาจะขึ้นลำกล้องพร้อมยิ่งมานานแล้ว แต่การได้แกล้งหญิงสาวให้ทรมาน และรอจนถึงจุดสุดยอดที่แท้จริง มันจะทำให้นับหนึ่งไม่มีวันลืมเรือนบทรักที่ผ่านการทดสอบที่แสนจะทรมานนี้ไปได้อย่างแน่นอน
“เอาล่ะนะ”
ร่างกายที่ร้อนผ่าว ใบหน้าแดงกล่ำ เขาส่งสัญญานและกดฝ่ามือลงที่สะโพกของเธอ และช่วยเร่งจังหวะจากล้านล่าง จากนั้นกระสุนจากปลายกระบอกปืนก็ถูกปล่อยจนหมดลำกล้อง เธอแผดเสียงจนสุดด้วยความสุขสม เขาเองได้แต่ผ่อนลมหายใจแรงๆ ไปหลายเฮือก ก่อนจะพลิกเธอและกดกระแทกครั้งสุดท้าย ทะลวงลึกจนร่างสั่นสะท้าน
“มีความสุขไหม” เขาถาม
“นายล่ะ” เธอพยักหน้า
“มาก”
เขาตอบแค่นั้นแล้วหลับไปบนกายเธอ เขาเพลียมาก จนยากจะขยับ แม้ร่างกายที่ใหญ่โตของเขาจะทับร่างของเธอ แต่นับหนึ่งกลับไม่รู้สึกหนัก มีเพียงความสุข และความอบอุ่นที่เข้ามาแทน
ทางด้าน พัศวีนั้น ไปต่อกับเกศิตา สาวสวยที่เร่าร้อน เสน่ห์ล้นเหลือ แปลกที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบเรื่องเพศสัมพันธ์ที่ปกติเหมือนคนอื่น แรกเริ่มเขาก็รู้สึกตกใจ กับความใจกล้าบ้าบิ่นของเธอ แต่ก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น เป็นความอยากลองเข้ามาแทน เกศิตาให้เขาจอดรถในซอยที่รกร้างและค่อนข้างเปลี่ยว ไม่มีผู้คนสัญจร เธอและเขามีเพศสัมพันธ์ในที่โล่งแจ้ง ท่ามกลางแสงจันทร์และดวงดาว โดยใช้ฝากระโปรงรถยนต์แทนเตียงนอนนุ่มๆ
เสียงผิวเนื้อที่เสียดสีกับรถยนตร์คันงาม ดังเอี๊ยดอ๊าด กระตุ้นความตื่นเต้นเร้าใจ ความกล้าบ้านบิ่นทำให้ไฟราคะ โหมกระพือรุนแรง ท่วงท่าลีลา ใหม่ๆ ถูกรังสรรค์ตามสถานการณ์ และสถานที่ที่ไม่เอื้ออำนวย
“ชอบไหม” เธอถามเขา
“ชอบสิ”
เธอทำสิ่งที่เหนือการคาดหมาย ขณะที่ครอบครองอาวุธของเขาด้วยปาก ที่ทาสีแดงคล้ำ อมน้ำตาล ดูดกลืนมันลงคอ ขบกัดเบาๆ สร้างแรงสยิว เสียวซ่าน เกินบรรยาย
ความรู้สึกหลากหลายผสมผสาน พัศวีทั้งตื่นเต้นและกลัวผู้คนจะพบเห็น ความกำหนัด ความต้องการที่จะปลดปล่อยความเป็นชาย ฉีดพ่นน้ำกามใส่ปากเรียวรูปกระจับอวบอิ่มนี้ เขาแอ่นกายและร้องครางอย่างสุขสม และกักเก็บลมหายใจติดขัด ยามที่ประกายสวาทใกล้จะปะทุก่อนเวลาที่เขาต้องการ ได้แต่เป่าปาก สูดลมหายใจแรงๆ
เขากดศีรษะของเธอจนแนบชิด ลำคอที่โอบรัด ท่อนแกนยาว ดูจะลึกกว่าปกติ น้ำตาที่เล็ดจากหางตา เหมือนชัยชนะของเขา เขาดึงศีรษะของเธอออก ก่อนที่เธอจะสำลัก และยกร่างของเธอวางลงบนฝากระโปรงที่มีไออุ่นของเครื่องยนต์ รั้งชุดกระโปรงผ้ายืดสวมทั้งตัวแบบสั้นที่ปิดลงมาที่ของสงวนเพียงแค่คืบขึ้นให้พ้นทาง ดึงกางชั้นในตัวจิ๋วจนขาดหลุดติดมือ แยกขาทั้งสองของเธอออกจากกัน ก่อนจะโลมเลียอย่างตระกะตระกราม ความไหลลื่นที่พร้อมอยู่นานแล้ว ยังไม่เพียงพอต่อความปรารถนาทั้งหมด เขาตวัดปลายลิ้นอย่างช่ำชอง เขี่ยติ่งเนื้อหยุ่นนุ่ม เลาะกลีบจำปีขึ้นลง จนทำให้เธอเกร็งตัวขยับ ถ่างขาและแอ่นกายรับท้าลมหายใจที่พ่นออกมาด้วยแรงกระสัน
ท่อนกายกำยำ ที่ตั้งตรง สอดใส่ช่องทางแคบ แต่นุ่มลื่นดุจแพรไหม ส่ายสับรับล้อกันอย่างไม่มีติดขัด สูดลมหายใจเข้าออกเร็วแรงตามจังหวะ เขามองหญิงสาวที่เลื้อยไหลแผ่กาย กางนิ้วสัมผัสโลหะสีบรอนซ์ ราวกับเล็บของเธอเป็นเหล็กแหลมที่สามารถจิกทะลุแผ่นเหล็กที่สั่นสะเทือน ด้วยแรงเครื่องยนต์ และแรงกระแทกที่เขาทวีขึ้นจากแรงกำหนัด
เมล็ดพันธุ์ของเขาถูกชักออกมาปลดปล่อยพื้นผืนหญ้าดกดำเหนือปากถ้ำ หลังจากที่เธอเกร็งและอัดรัดรึงเขาจนคับแน่น ก่อนที่มันจะพุ่งออกจากลำปืน
เขาเปิดประตูรถ อุ้มเธอที่สิ้นฤทธิ์ ให้นอนเอนกายพักยก เอาแรง ก่อนที่คลื่นสวาท ระลอกใหม่จะก่อตัว
“คุณคนพิเศษ ผมยังไหว คุณล่ะ” เขาถามทั้งที่จัดร่างกายตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะเคลื่อนรถคันงาม
“อืม” เสียงตอบรับแผ่วเบา
“ต่อไปเป็นเกมส์ของผมแล้วนะ” เขาขับรถออกไปได้ระยะหนึ่งขณะที่เธอยังสลบสไล
รถของพัศวี จอดที่โกดังสินค้าส่วนบุคคลที่ห่างไกล ล้อมลอบด้วยสระน้ำและป่ารก เปิดเข้าไปด้านในด้วยประตูอัตโนมัติ ที่นี่ถูกออกแบบมาพิเศษ ด้านในเป็นสตูดิโอเล็กๆ ที่มีกล้องติดตั้งไว้รอบทิศ สำหรับถ่ายวีดีโอ หนังส่วนตัวของเขา โต๊ะ เตียง เก้าอี้ ที่ถูกจัดไว้ในแต่ละมุม พร้อมอุปกรณ์ช่วยที่สร้างความหฤหรรษ์
เกศิตา ถึงกับอ้าปากค้าง และรู้สึกหวาดหวั่น และเริ่มกลัว จึงปฏิเสธเขา ว่าเธอไม่ต้องการแบบนี้ ขอให้เขาส่งเธอกลับ โดยยังไม่ทันได้ขึ้นรถ เขาก็ล็อคเธอไว้แล้ว
“ทำไมล่ะ ทีคุณ ผมยังตามใจ ทำให้ทุกอย่าง คราวนี้ตาผมบ้าง คุณกลัวเหรอ”
เขาล็อคแขนเธอไว้ด้านหลัง กดเธอชิดกับกระจกรถ โดยใช้มือด้านหนึ่ง รั้งกระโปรงขึ้นเหนือสะโพก ก่อนที่จะสอดนิ้วเข้าไป ถูไถเสียดตุ่มเนื้อนูนนุ่ม เพื่อให้เธอผ่อนคลาย มีความต้องการมากกว่าความกลัว เขาซุกไซร้จูบเธออย่างเร่าร้อนที่ซอกคอ ขบติ่งหู และใช้ปลายลิ้นดุนดัน สยิวจนขนลุก
เธอไม่สามารถปฏิเสธเขาได้อีกต่อไป ร่างกายต้องการจนเกินต้านทาน แม้จะอ่อนล้าจากศึกครั้งก่อน เขายังล็อค ร่างบางระหงของเธอไว้ นำทางให้เดินไปข้างหน้า และผลักให้เธอนั่งลงบนโซฟาหนังสีดำตัวยาว ยืนมองและถอดเสื้อผ้าของตัวเองอย่างเชื่องช้า ให้เธอได้มองเห็นเรือนร่างของเขาอย่างชัดเจน ท่ามกลางแสงไฟสีขาวของสปอร์ตไลน์ที่สาดส่อง กล้ามเนื้อแขนและขาแน่น หน้าท้องซิกแพคเป็นสันนูนเด่นชัด ขายาวแข็งแรงมั่นคง ร่างกายที่เปล่าเปลือย โดดเด่นเร้าใจ เขาใช้รีโมทคอนโทรลเปิดระบบควบคุมกล้องและวีดีโอ ให้พร้อมใช้งาน
“แน่นอน พิเศษ จนคุณต้องจดจำ”
เขาพูดพร้อมกับโยนรีโมทคอนโทรล ลงบนโต๊ะตัวเล็กที่มุมหนึ่ง
เกศิตานึกถึงคำพูดของตัวเอง ที่ใช้หลอกล่อเขา เขาใช้มันเพื่อทำให้เธอกลัว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขายิ้ม ยืนท้าวสะเอว อวดความเป็นชายตรงหน้า
“ทำไมต้องถ่ายวีดีโอ ฉันเป็นคนที่มีหน้ามีตา ถ้ามันหลุดออกไปจะทำอย่างไร” เธอกระวนกระวาย
“ผมจำผู้หญิงที่นอนด้วยไม่ค่อยได้ ในเมื่อคุณคือคนพิเศษ ที่ผมต้องจดจำ นี่ก็เป็นเครื่องมือช่วยจำของผม”
เขาหันไปหยิบเบียร์ 2 กระป๋องจากตู้เย็นและยื่นให้เธอ
“คุณจะแบล็คเมล์ ฉันเหรอ” เธอรับเครื่องดื่มมาถือไว้ และขยับออกห่างเขาที่นั่งลงข้างๆ
พัศวีกระดกเบียร์ รวดเดียวจนหมดกระป๋อง และหันมาดึงจุกเบียร์เปิดให้เธอ โดยไม่พูดอะไร แต่ยกมันจ่อที่ปากของเธอ เป็นเชิงบังคับให้ดื่ม
“มันก็แค่หนังที่เราเล่นกันเอง ไว้ดูแก้เบื่อ ใช่ว่ามีแต่คุณที่มีหน้ามีตา ผมสิควรต้องกลัวมากกว่า คุณมาอ่อยผมเอง ไม่รู้มีเจตนาแอบแฝงอะไรหรือเปล่า”
เขาล้วงมือเข้าใต้ร่มผ้า กำที่ต้นขาใกล้ของสงวน ดึงให้เธอเข้ามาใกล้ มือที่ถือกระป๋องเบียร์ที่ยังไม่ถูกดื่ม สะบัดจนเบียร์กระฉอกฟูออกจากกระป๋อง ไหลอาบคอเสื้อปาดกว้าง เกาะไหล่ ที่เผยอกอวบอูม
“ก็บอกให้ดื่ม ทำไมไม่ดื่ม หรือจะให้ผมดื่ม” เขากระซิบแผ่วที่ข้างหู เรื่อยลงมาที่ลำคอ หยุดที่เนินอกที่ชุมฉ่ำด้วยฟองเบียร์ เขาใช้ลิ้นลากผ่านเนินเนื้ออย่างอ่อนโยน และดูดกลืนหยดน้ำจนหมดสิ้น ก่อนที่หันกลับไปจูบเธอดูดปาก แลกลิ้นอย่างเมามัน
กลิ่นลมหายใจ กลิ่นฟองเบียร์จากปากของเขา ทำให้เธอเคลิบเคลิ้ม ปล่อยกระป๋องเบียร์ร่วงหล่น หันมาคว้าลำกายของเขาที่เต็มไปด้วยเมล็ดพันธุ์ ที่ชูชัน เขาถอดชุดกระโปรงผ้ายืดรัดรูปของเธอออก เผยร่างกายเปลือยเปล่า ขาวโพน ตัดกับผิวสีแทนของเขา ชั้นในถูกดึงทิ้งตั้งแต่อยู่ในป่าข้างทาง
เขาจัดท่าให้เธอนอนลง และยกขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นพาดขอบพนักโซฟา อีกข้างทิ้งลงที่พื้น ให้องศารับกับแก่นกายที่กำลังสอดใส่ โดยใช้เข่าดันสอดที่เอวไม่ให้เธอตก เข่าอีกข้างวางราบไปด้านหลัง เขาโอบขาข้างที่วางบนพนักพิงขึ้น เพื่อที่จะให้ความเป็นชายของเขาถาโถมประชิดเธอให้ถนัด และรับกับมุมกล้องที่ตั้งไว้ด้านหลัง และด้านหน้า
สังเวียนแห่งนี้เขาใช้งานมาหลายครั้งกับบรรดาสาวน้อย สาวใหญ่มากมายที่ พร้อมใจพลีกายให้กับเขา จนรู้ว่ามุมไหน ท่าไหนต้องเล่นที่อุปกรณ์ใด พัศวีเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี มีฐานะมั่งคั่ง มีหน้ามีตาในสังคมเช่นเดียวกับ ธนญ เป็นที่รู้กัน ว่ากลุ่มของเขารักสนุกและเปลี่ยนผู้หญิงไม่เคยซ้ำ จึงไม่แปลกที่เขาจะจัดการกับสถานที่แบบนี้ได้อย่างมิดชิด ปลอดภัย และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะแบล็คเมล์ใคร เขาต่างหากที่จะถูกผู้หญิงส่วนใหญ่พยายามแบล็คเมล์มากกว่า
เกศิตา รู้สึกเร่าร้อน ตื่นเต้น ที่มองเห็นตัวเองในมอนิเตอร์นับสิบที่เรียงรายอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง ในมุมต่างๆ ของกล้องที่ถูกติดตั้ง ใจเธอเต้นแรงและรัว ด้วยภาพและท่าทางต่างๆที่ทั้งสองร่วมรักกัน มันกระตุ้นความหื่นกระหาย เร้าอารมณ์และความต้องการเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะบนโต๊ะ โซฟา เตียง เก้าอี้ พื้น หรือผนังห้อง ทุกกามกิจถูกบันทึกในมุมที่ชัดเจน
“ยังกลัวอยู่ไหม”
เขากระซิบข้างหู ขณะที่สอดใส่จากด้านหลังทาบทับลำตัวของเธอที่นอบราบตรง มีเพียงสะโพกที่โยกขึ้นลง แง้มกลีบจำปีที่เบียดชิด หลักที่ปักจมลงแน่นและหนัก หลุมสวาทที่ตอกลงรัดรึงจนเจ็บปวด สะท้านอยู่ภายใน พื้นหินอ่อนเย็นเฉียบเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อกายและหยดน้ำคาวคลุ้ง ครั้งแล้วครั้งเล่า เขาใช้ศอกค้ำอยู่ที่พื้น มือข้างหนึ่งเกาะกุมที่ถันบัวตูม ข้างหนึ่งรัดหลวม ๆ ที่ลำคอ พยุงศีรษะให้ตั้งตรง และจ้องมองมอนิเตอร์ดูภาพที่เขาทั้งสองกำลังร่วมรัก มือที่กำและขย้ำเต้าตึง เคล้าคลึง บดขยี้หัวนมด้วยปลายนิ้วอย่างหนักหน่วง เค้นคำตอบจากปากหญิงสาวที่พยายามกั้นเสียงที่กรีดร้องด้วยความหฤหรรษ์ ไว้ในลำคอ
“ไม่ ฉันต้องการไปต่อ ได้โปรด”
เธอร้องขอ เมื่อเขาหยุดนิ่ง มองหน้าเธอผ่านมอนิเตอร์ เธอใช้มือรั้งผมที่หยักศกของเขา เพื่อรบเร้าขออย่าหยุด อยู่ ๆ เขาก็ชักธงออกมาดื้อๆ แบบไร้ความปราณี จนเธอตกใจอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพรง
พัศวี ลุกขึ้นไปนั่งที่เตียง ทั้งที่ยังไม่เสร็จกิจ เกศิตาลุกขึ้นอย่างรนราน เพราะร่างกายของตนเองทนไม่ไหวอีกต่อไป ผลักเขาและขึ้นค่อมอย่างไม่รีรอ หรืออายต่อการควบขี่เขาประดุจควบม้าพยศ
“ฮ่ะฮ่ะฮ่า”
เขาหัวเราะชอบใจ ปล่อยให้เธอควบร่างกายเขาจนแข็งขึง อัดแน่นเปลวเพลิงจนแทบระเบิด ดอกจำปีกลีบช้ำรูดไปมากับเสาหินที่ร้อนระอุ จนน้ำอุ่นๆ ค่อยๆไหลซึมเป็นเมือกขาวออกมา เธอเปล่งเสียงร้องสุขสม โดยไม่ต้องเก็บซ่อนอีกต่อไป เมื่อเธอถึงแล้ว เขาจึงกลับเธอลงนอน และชักธงรบขึ้นสู่ยอดเสาด้วยการเร่งจังหวะ 2-3 ครั้ง ก่อนจะดึงมันออกมาเค้นรีดพิษด้วยตนเอง ปล่อยลงบนท้องน้อยของเธอ สองหนุ่มนอนแผ่บนเตียงนอน เพื่อรอให้ร่างกายฟื้นตัว และกอปรกิจใหม่อีกครั้ง เครื่องเล่นสร้างความบันเทิงหลากหลาย ที่เธอและเขาต้องจัดการร่วมกันแบบไม่มีเหน็ดเหนื่อย
“คุณคือใคร” เขาถามทั้งที่ยังหลับตา หลังเสร็จศึกไปหลายยก
“ฉันคือเกศิตา” เธอพรึมพรำ
“ผมหมายถึงหน้าตาในสังคมที่คุณว่า” เขาทอดเสียง
“คุณเคยได้ยิน นามสกุล ปุญญะวัชโร ไหม” ทันทีที่ได้ยิน เขาลืมตาขึ้นช้าๆ
“อืม! กลุ่มเบฟเวอเรจยักษ์ใหญ่” เสียงของเขาเรียบเฉย แต่แววตาคุ่นคิด
“เกศิตา ปุญญะวัชโร” เธอตอบและหลับไปในอ้อมแขนของเขา
เกศิตาให้เขามาส่งที่ผับในตอนเช้า เพื่อไปรับรถยนต์ของตัวเองที่จอดทิ้งไว้ โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า ชายฉกรรจ์ 5-6 คน ซึ่งเป็นคนของปุญญะวัชโร ดักรออยู่ที่รถ เขาถูกล้อมทันที หลังจากกลับมาที่รถของตน หลังจากส่งเธอขึ้นรถและขับออกไป เขาถูกรุมทำร้าย จนบาดเจ็บปางตาย ศีรษะแตก หน้าตาปูดโปน แขนและขาถูกฟาดด้วยของแข็ง และสลบไป โชคดีที่พนักงานรักษาความปลอดภัยเข้ามาช่วยเหลือทันท่วงที และนำเขาส่งโรงพยาบาลในที่สุด
ธนญ สืบสาย และนับหนึ่ง เฝ้ารอดูอาการอย่างเคร่งเครียด รอให้เขาฟื้น ในห้องพักฟื้นส่วนตัวของโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำ ไม่เคยเคาดคิดว่า พัศวีจะถูกรุมทำร้าย ที่ผับแห่งนั้น เพราะที่นั่นทั้งพนักงาน และแขกล้วนแต่เป็นคนคุ้นเคย และรู้จักเขาเป็นอย่างดี สาเหตุที่คาดการณ์หนีไม่พ้นหญิงสาวหน้าใหม่ของสถานบันเทิงแห่งนี้ ที่เพิ่งพบเจอกันเมื่อคืน และหากคนที่ไปกับเธอไม่ใช่พัศวี คนที่นอนอยู่ตอนนี้คงหนีไม่พ้น ธนญเป็นแน่
ข่าวทายาทเศรษฐี ตระกูลดังถูกทำร้าย ถูกตีแผ่อย่างรวดเร็ว สาเหตุถูกสันนิษฐานว่าเกิดจากความเจ้าชู้และรักสนุกที่ไม่มีขอบเขต โดยครั้งนี้น่าจะเจอตอ เพราะจากคำให้การของพยานพุ่งไปที่สาวนางหนึ่ง ที่กำลังเป็นที่จับตามองในสังคมไฮโซ ความไม่ประสาและวัยคะนอง ทำให้เขาเจ็บปางตาย และคงเข็ดขยาดจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
หลังจากฟื้นขึ้นมา พัศวีอ่านข่าวที่สื่อกำลังเล่น และโจมตีเขาอย่างหนัก แทบจะไม่อยากเชื่อ เขาถูกเล่นงานทีเผลอ ข่าวนี้ส่งผลกระทบต่อเขาและครอบครัว ที่ต้องเสียหน้าเพราะผู้หญิงที่เพิ่งรู้จัก คิดแค่รักสนุก ไม่ได้คิดสานสัมพันธ์ต่อให้เกิดเรื่องราว และเธอเองเป็นคนเริ่มต้นและหลอกล่อเขาก่อน เขาจึงคิดแผนจะแก้แค้นเธอเพื่อเอาคืน
“เอาน่า นายพักให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน” สืบสายปลอบเพื่อน
“จริงหรือเปล่า ที่หล่อนมายั่ว ธนญก่อน” นับหนึ่งถามขึ้น และมองหน้าธนญ เหมือนเค้นหาคำตอบ
“มันใช่เวลามาถามเรื่องนี้เหรอ” ธนญพยายามเบี่ยงเบน
“อืม! ฉันซวยเองที่รับช่วงต่อจากนาย”
เขาทำเสียงเข้ม ไม่สบอารมณ์ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ เขาไม่เคยเสียรู้หรือเจ็บตัวเพราะผู้หญิง ครั้งนี้เขายอมไม่ได้ มันหยามกัน มากกินไป
“อืม! ฉันจะช่วยนายเอง” นับหนึ่งสนับสนุน และปลอบใจเขา
ได้ยินดังนั้นทั้ง 3 หนุ่มหันขวับพร้อมกัน พวกเขาเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า ทำไมเธอถึงออกตัวแรงขนาดนี้ มันไม่ได้เกี่ยวกับเธอเสียหน่อย
“ฉันเจ็บร้อนแทนเพื่อนน่ะ ก็นายเป็นเพื่อนฉันนี่นา” นับหนึ่งตอบแก้เก้อไป พร้อมกับหัวเราะกลบเกลื่อน
หลังจากรักษาตัวโนโรงพยาบาลร่วมเดือน ข่าวการถูกทำร้ายของพัศวีก็ค่อยๆ เงียบหายไป เนื่องจากการใช้อิทธิพลของครอบครัวกดดันให้สำนักข่าวต่างๆ ปิดข่าวและเลิกสนใจติดตามข่าว ส่วนด้านคดีความ ก็ต้องยอมความ เพราะมันเกี่ยวพันถึงชื่อเสียง และหน้าตาทางสังคม ซึ่งฝ่ายหญิงเองก็ถือว่าได้รับความเสียหายมากเช่นกัน เกศิตา ปุญญะวัชโร เป็นลูกนอกสมรสของ พลวัตร ปุญญะวัชโร ที่เพิ่งกลับมาใช้ชีวิตในไทยเพียง 5 เดือนก่อนเกิดคดีฉาวกับพัศวี และค่อนข้างเป็นที่จับตามมองของสื่อ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้เธอถูกขุดคุ้ยอย่างหนัก ทั้งความเสเพล และเสพติดกามารมณ์ และการใช้ความรุนแรง เนื่องจากอิทธิพลของครอบครัว ทำให้รอดพ้นจากคดีฉาวต่างๆ มาได้ หลายต่อหลายครั้ง แต่การที่เธอยังคงได้รับเกียร์ติ และยอมรับในฐานะทายาท และได้มีส่วนในการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถสูง คุมบริษัทเครือเบฟเวอร์เรจทั้งหมดไว้ในกำมือ และแบรนด์ดังเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่เธอเข้ามาบริหาร กลุ
การได้มองดู และสูดดมดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่กำลังเบ่งบานชูช่อสวยงาม ช่างสร้างความเพลิดเพลินให้แก่นับหนึ่งเป็นอย่างมาก กุหลาบหลากสี ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว มะลิ แก้ว พุดซ้อน ฯลฯ ดอกไม้ไทยต้นเล็กต้นน้อย ที่เธอซื้อมาเพื่อทดลองสกัดน้ำมันหอม ก็มีมากมาย แม้เธอจะขลุกอยู่ในเรือนเพาะชำทั้งวัน ก็ไม่มีวันเบื่อ ห้องทดลองที่กั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซ้อนในเรือนเพาะชำอีกที ของนับหนึ่งได้เริ่มใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้ววันนี้ ธนญ ไม่ได้มาหาเธอ นับหนึ่งไม่ได้โทรหา หรือถามเขาว่าจะมาไหม เพราะเธอเข้าใจดีว่า บางครั้งคนเราก็ต้องการเวลาส่วนตัวของตัวเอง เวลาสำหรับครอบครัว และเธอเองก็เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งของเขา การคบกันของพวกเธอยังไม่ได้ชัดเจน ต่างยังคงมีระยะห่างของกันและกันอยู่หลังจากกลับจาก งานสังสรรค์เลี้ยงรับขวัญ พัศวี ทุกคนต่างแยกย้าย เขาแค่มาส่งเธอ แล้วก็กลับ เธอไม่ได้ชวนเขาอยู่ต่อ ถึงแม้จะอยากให้เขาอยู่ เขาเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะเข้าไปในบ้าน เขาแค่ส่งเธอหน้าประตูรั้วเท่านั้น
“ทานข้าวเถอะ” นับหนึ่งแตะที่แขน ธนญ เบาๆ ปลุกเขาให้ลุกขึ้นเพื่อรับประทานอาหารเย็นเขาเลิกคิ้ว ด้วยความสงสัย เธอเตรียมอาหารได้อย่างไร เพราะเมื่อมาถึง เขาก็ขอตรงมานอนก่อนเลย โดยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“เอามาจากไหน”เมื่อเขาเดินออกมาที่ระเบียงด้านหน้าบ้านพัก นับหนึ่งจัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะเล็กๆ เป็นอาหารพื้น ๆ ไข่เจียว ต้มยำ ผัดเผ็ด และข้าวร้อนๆที่ควันยังกรุ่น อาหารเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ผักสดๆ“สั่งจากร้านของกลุ่มครอบครัวเจ้าหน้า ข้างที่ทำการอุทยานฯ เป็นร้านอาหารที่ทำกันเองไว้บริการนักท่องเที่ยวน่ะ ฉันเห็นนายหลับ เลยอยากให้นอนพัก จะได้ไม่ต้องขับรถออกไปหาของกินอีก”“ขอบใจ”อากาศเริ่มหนาวเย็น แต่ธนญสวมเพียงเสือยืดตัวเดียว นับหนึ่งจึงเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาให้ เธอใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย จนเขารู้สึกชื่นชม“ทานได้ไหม” นับหนึ่งมอง ธนญตักอาหารเข้าปาก“ได้สิ มองฉันกินตลอด ฉันไม่ได้กินอะไรยากขนาดนั้น
เขานั่งมองเธอก่อนตัดสินใจย้ายเธอขึ้นไปนอนบนเตียง เพราะมันอาจทำให้เธอนอนสบายกว่า“ฉันต้องการหกแสน” พระแพงพึมพรำ“หึ” เขาขำในลำคอ ที่ค่าตัวเธอหกแสนเชียวเหรอ“ฉันเกลียดนาย” พระแพงกำลังฝัน และต่อว่าเขาที่มาขัดขวางการยืมเงินของเธอ พร้อมตีเขาที่หน้าอกอย่างแรง“ยายบ้าเอ๊ย! หลับอยู่ยังกล้าตีฉัน”เธอทุบหน้าอกเขาทั้งที่ยังหลับตา สืบสายอุ้มเธอโยนลงเตียง จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะร่างกายเธอบอบช้ำ จากแรงกระแทกที่ตกลงจากรถ ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกตัว และลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นหน้าเขา พระแพงตกใจสุดขีด จึงถลันตัวลุกขึ้นหนีเขา ลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่สืบสายคว้าไหล่ของเธอไว้แล้วผลักลงนอนตามเดิม ความกลัวทำให้เธอดิ้นรน หนีจากพันธนาการของเขา เขาจึงใช้ร่างกายของเขากดเธอไว้กับที่นอน แขนทั้งสองข้างถูกล็อคไว้เหนือศีรษะ ร่างของเขาทับเต็มตัวกดทับลงที่หว่างขาจนไม่สามารถขยับได้“หยุด” เขาคำราม&ld
แขนที่เกร็งเริ่มอ่อนแรง เปลี่ยนเป็นสัมผัส ลูบไล้แผ่วเบา เขาประคองแก้มพระแพงไว้เต็มฝ่ามือ จุมพิตดูดดื่มแผ่วเบา ปลายลิ้นบางสอดรับปลายลิ้นของเขาที่ซอกซอนกระพุ้งแก้ม ขาทั้งสองข้างตวัดรอบสะโพกที่สอดเข่าทั้งสองเพื่อแอ่นสะโพกผายของเธอให้รับแก่นกายที่ตั้งตรงได้มุม แต่มันทำหน้าที่เพียงสัมผัสหน้าปากถ้าที่ปกคลุมพุ่มริ้วสีดำหยิกขอด เสียดสีไปมาสร้างความเพลิดเพลินทีละน้อย รอจนกว่าปลายกลีบจำปาจะเผยอออก พร้อมน้ำหวานเขาจับมือเธอให้กุมที่แท่งลำของเขา และประคองมือเธอไว้ เขาสอนวิธีสัมผัสที่ช่วยให้เขารู้สึกกระสัน และปล่อยมือให้เธอได้ทำด้วยตัวเอง ก่อนจะทำมันให้กับเธอบ้าง ปลายนิ้วที่กรีดไปตามรอบแยก ขึ้นและลงช้าๆ หนักบ้าง เบาบ้าง จนเธอครางออกมา“ช้าหน่อย”เขากระซิบบอกเธอที่ข้างหู เมื่อเธอสัมผัสเขารุกเร้าเร็วเกินไป เพราะหากแรงกระสันมันมากเกินจะทนได้ เขาอาจจะต้องรุกเธอก่อนถึงเวลาที่ร่างกายเธอพร้อม เขาค่อยๆสอดนิ้วกลางเขาไปจนมิด ร่างของเธอแอ่นรับอัตโนมัติ ไม่ต่อต้าน ดูเหมือนความเจ็บปวดจะจางหายไปแล้ว เพราะร่างกายเธอต้องการเขามากกว่า แรง
สืบสายหายไปเกือบสัปดาห์ แต่พระแพงกลับไม่โทรหาเขาเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาบอกว่าเมื่อเธอทำงานให้เขาแล้วจะปล่อยเธอไป แต่เขากลับยังไม่บอกเธอให้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ หรือถ้าต้องการเธอ 60 ครั้งอย่างที่บอก แต่เขากลับไม่มาหาเธอเลย แล้วจะอีกนานแค่ไหนกันที่เธอต้องอยู่ที่นี่ โดยไม่สามารถติดต่อใครได้เลยความคิดต่างๆ ประดังประเดเข้ามาจนสับสนไปหมด พระแพงขดตัว กอดเข่าชั้นอยู่มุมหนึ่งของโซฟา ผล็อยหลับไปอย่างรู้ตัวสืบสายเปิดประตู แล้วต้องแปลกใจที่ทั้งห้องมืดราวกับไม่มีคนอยู่ เขาสงสัยว่าพระแพงแอบหนีออกไปข้างนอก เพราะเขาไม่ได้มาหาเธอเกือบสัปดาห์ เมื่อเปิดไฟในห้องเขาก็ต้องตกใจที่เห็นเธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟา และไม่รู้สึกตัวว่าเขาได้เข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำเขาตรงไปอุ้มเธอขึ้น เพื่อย้ายไปนอนที่เตียง พระแพงก็รู้สึกตัวและรีบดีดตัวหย่อนขาลงที่พื้น เพื่อยืน ด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะมา เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย และออกจะล่อแหลม เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบเสื้อยืด
ธนญ พานับหนึ่งมาที่คอนโดหรูติดริมแม่น้ำ มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำและสะพานข้ามต่างๆ สวยงามชัดเจน มันเป็นห้องส่วนตัวของเขา ที่ใช้เวลามาดื่มกับเพื่อนที่ผับ หรือสโมสร ตั้งแต่คบกับเขามานับหนึ่งไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวใดๆ กับเขาเลย จะรับรู้ต่อเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง เพราะเธอเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยถามเธอก่อน มีแต่เธอเล่าให้เขาฟังก่อนเสมอ“ที่นี่สวยจัง” เธอมองทิวทัศน์ผ่านผนังกระจกหนา ที่เปิดม่านออกจนหมด“ห้องนี้ฉันซื้อไว้นอนกับผู้หญิง” เขาตอบเธอตรงๆ นับหนึ่งเบิกตากว้าง หันขวับมามองเขา“บางเรื่องไม่ต้องบอกฉันก็ได้” เธอต่อว่า“รู้ทีหลังจะมาโกรธฉัน”“ถ้าเขายอมนาย และนายก็ชอบ ฉันจะมีสิทธิ์ว่าหรือโกรธอะไรนายได้ล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ฉันไม่ชอบการมีแฟน” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นับหนึ่งถามเขาตรงๆ“เพื่อน&rdq
หลังจากวันที่เธอตัดสินใจจบความสัมพันธ์ทางกายกับ ธนญ ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ก็จบลงด้วย แม้จะเจอกันในห้องเรียน ต่างฝ่ายต่างไม่เคยแม้แต่มองหน้ากัน นับหนึ่งเป็นคนที่เข้มแข็งแม้จะถูกหญิงสาวที่เคยอิจฉาเธอค่อนแคะ เธอก็ไม่โต้ตอบ หรือแสดงความโกรธหรืออารมณ์ใดๆ ให้ใครเห็นระหว่างสืบสายและพัศวี เธอยังคงพูดคุยด้วยปกติ แต่เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทของธนญ จึงต้องเมินเธอบางครั้งที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เพื่อไม่ทำให้นับหนึ่งลำบากใจ มีแค่รอยยิ้มที่เห็นใจและเข้าใจเธอเท่านั้นฝนที่กำลังกระหน่ำปลายฤดู ราวกับพายุ แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้นักศึกษาทั้งชายหญิง ต่างพากันวิ่งเข้าใต้อาคาร โดยไม่ได้มองว่าใครเป็นใคร นับหนึ่งวิ่งชนกับใครคนหนึ่ง จนล้มลง เป้และของที่ถือมากระจายหล่นลงบนพื้นที่เปียกแฉะ เธอจงรีบเก็บมัน ทำให้ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน เสื้อสีขาวตัวบางแนบเนื้อ ทำให้มองเห็นสรีระ และยกทรงตัวงาม เมื่อเข้ามาใต้อาคาร ผู้คนต่างมองเธอ รูปร่างที่สวยงามเย้ายวน ทำให้หนุ่มๆ ตาระห้อย สาวๆต่างอิจฉา
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง