ธนญไม่ได้นอนอยู่กับเธอจนถึงเช้า เขาจากไปตอนไหน เธอเองไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ยังมีอะไรหลายอย่างต้องทำ วันนี้มีเรียนปฏิบัติการชีวเคมี ก็ต้องได้เจอเขาอยู่ดี นับหนึ่งจึงไม่ได้รู้สึกว่าถูกทิ้งและจากไปดื้อๆ โดยไม่บอกลา แม้ร่างกายจะเมื่อยล้าไปทั้งตัว แต่ความรู้สึกภายในกลับมีชีวิตชีวา และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
เช้านี้นับหนึ่งมีเรียนต่อเนื่อง 2 วิชา ก่อนพักเที่ยง สมองเริ่มล้า เพราะการอดนอนจากกิจกรรมในค่ำคืนที่ผ่านมา นับหนึ่งยังใช้เวลาในการรับประทานอาหารกลางวันเพียงครึ่งชั่วโมงเหมือนเดิม เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงให้เธอได้พักงีบที่ห้องสมุด พอให้ได้ฟื้นตัว และสามารถเรียนต่อในคาบปฏิบัติการในห้องทดลองอย่างกระปรี้กระเปร่า
“ไฮ!” นับหนึ่งทักทายเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ก่อน
“หวัดดี” สืบสายทักตอบ ตรีทศและยศพยักหน้ารับ
นับหนึ่งไม่เห็น ธนญ กับพีม แต่ก็ไม่เอ่ยถามใคร เพียงหยิบอุปกรณ์การเรียนของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น พร้อมกับยื่นสมุดจดบันทึกคืนให้สืบสาย
“ขอโทษที อุตส่าห์ขอเบอร์โทรไปแล้วแต่กลับไม่ได้โทรหา ลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย” นับหนึ่งยิ้มแห้งๆ
“ไม่เป็นไร เพราะยังไงในคาบนี้เราก็เจอกันอยู่แล้ว” สืบสายตอบและยิ้มให้
ธนญ กับพีมเดินเข้ามาพร้อมกัน โดยมีพีมคล้องแขนเขาไว้ แสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ ต่อหน้านับหนึ่งเต็มที่ แต่ นับหนึ่งไม่ได้สนใจ แค่ส่งยิ้มให้เป็นเชิงทักทาย ธนญขมวดคิ้ว ที่เห็นนับหนึ่งทำสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึก หรือแสดงความหึงหวงเขาเลยแม้แต่น้อย ทั้งที่เพิ่งนอนด้วยกันมาทั้งคืน ที่นั่งว่างติดกัน ทั้งสองจึงได้นั่งชิดติดกันไม่ห่าง ไม่มีการพูดคุยใดๆ ขณะที่รอการเรียนการสอน ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตาดูโทรศัพท์ของตัวเอง สื่อสารผ่านโลกโซเชียล
ธนญ ยื่นของสิ่งหนึ่งวางไว้ด้านหน้าของนับหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เสียงพวงกุญแจกระทบกันดังกริ๊ง ทำให้ทุกคนผละสายตาจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง มองมาที่สิ่งนั้น
“เมื่อเช้าถือติดมือมา” เขาแกล้งพูดอย่างจงใจให้คนรอบข้างรับรู้
“เก็บไว้เถอะ ฉันมีสำรอง” นับหนึ่งตอบกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ธนญรู้สึกที่งกับวิธีการที่เธอตอบโต้เขา และการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ที่ก่อนหน้า พีมเจตนาจะบอกเธอถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับพีม แต่ใครจะเชื่อว่าการตอบกลับของนับหนึ่ง เหมือนถูกกำปั้นกระทุ้งเข้าลิ้นปี่ จุกจนแทบกระอัก ชายหนุ่ม 3 คน มองหน้ากัน แล้วพร้อมใจกันหันไปทางพีม ส่วนพีมนั้น ได้แต่อ้าปากค้าง ทำตาเบิกโพรงด้วยความตกใจ ธนญจึงหยิบกุญแจพวงนั้นกลับมาและใส่ลงในกระเป๋ากางเกง นับหนึ่งยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ
สืบสายไม่ได้ตกใจเรื่องของนับหนึ่งกับ ธนญ แต่เขาแค่รู้สึกตกใจกับวิธีการโต้ตอบกันและกันของเพื่อนทั้งสอง เขาไม่เคยเห็นการกระทำของ ธนญ แบบนี้กับผู้หญิงคนอื่นมาก่อน และไม่คิดว่านับหนึ่งฉลาดในการโต้ตอบแบบร้ายลึก จากการพูดเรียบเฉย แต่เจตนาสื่อสารความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกว่า การแสดงออกของพีมที่ทำได้เพียงแค่คล้องแขน จนทำเอาทุกคนถึงกับอึ้ง
บรรยากาศการเรียนเป็นไปตามปกติ นับหนึ่งและธนญไม่ได้แสดงออกที่ผิดไปจากเดิม หรือพิเศษต่อกัน แม้เพื่อนคนอื่นๆจะเก็บความสงสัยไว้ในใจ แต่คนที่แสดงออกชัดเจนถึงความโกรธ และไม่พอใจ คือพีม ระหว่างที่จบการเรียนการสอน และกำลังเก็บอุปกรณ์อยู่นั้น พีมเข้ามากระชากแขนนับหนึ่งอย่างแรง
“เธอนอนกับนญเหรอ” พีมกระแทกเสียงด้วยความโกรธ
นับหนึ่งสะบัดแขนออก ไม่สนใจ และไม่พูดอะไร แค่จ้องตาดุแบบเอาเรื่อง เพื่อปามการกระทำของอีกฝ่าย ตรีทศซึ่งยืนอยู่ข้างนับหนึ่ง จึงต้องเข้ามาแยก กันพีมออกจากนับหนึ่ง และดึงแขนเธอไว้ เนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปี 1 จึงรู้จักนิสัยใจคอของพีมดี ผู้หญิงที่เข้ามาเกี่ยวพันกับธนญทุกรายจะถูกพีมตามราวี จนต้องถอยล่าไป ทั้งที่ธนญกับพีมไม่เคยมีอะไรเกินเลย นอกจากความเป็นเพื่อนปกติเหมือนกับคนอื่นๆ เป็นพีม ที่คิดไปเองฝ่ายเดียวและต้องการมากกว่า แต่ก็ไม่เคยได้รับการตอบสนอง มีการยื่นคำขาดจากธนญ หากพีมยังตื๊อเขาไม่เลิก เขาจะตัดเธอออกจากกลุ่มและยุติความเป็นเพื่อน เธอจึงได้แต่ทำตัวเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงมาโดยตลอด
“เร็วจังนะ มาไม่กี่วันก็ขึ้นเตียงกับเขาแล้ว” พีมตวาด เมื่อเห็นนับหนึ่งเมินและถูกตรีทศกันไว้
“อืม! ก็สงสารพวกที่อยู่มานานเหมือนกัน” นับหนึ่งตอบรับ และพูดขึ้นลอย ๆ แต่ก็รู้ว่าหมายถึงใคร
ธนญ ขำนับหนึ่ง กลั้นหัวเราะ “หึ ๆ” เธอร้ายกาจไม่เบา เขาคงปรามาสเธอเกินไป สืบสายมองตา ธนญ เชิงถามว่าจะไม่ทำอะไรเลยหรือ มันคงเป็นวิถีของลูกผู้ชาย แบบธนญ ที่มีแต่ผู้หญิงมาแกร่งแย่งเพื่อให้ได้เป็นเจ้าของหัวใจเขา เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน มันคงเป็นวิธีการบริหารเสน่ห์ของเขา สืบสายยังคงอึ้งกับวิธีการตอบโต้พีมของนับหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าเธอจะกล้ามากขนาดนี้ และตรงไปตรงมาจนน่าตกใจ
“เธอเห็นเราขึ้นเตียงกันตอนไหนพีม” ธนญเป็นฝ่ายถามแทนนับหนึ่ง และเดินมายืนด้านหลังนับหนึ่งที่ประจันหน้ากับพีม แบบพร้อมรบ
“นายถึงกับออกตัว” พีมหน้าง้ำ
“ถึงฉันกับนับหนึ่งจะมีอะไรหรือไม่มีอะไรกัน มันก็ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเธอนะ เพราะมันเป็นเรื่องของเราสองคน” ธนญเน้นเสียง พร้อมกับดึงแขนนับหนึ่งให้เดินตามเขาไป
สืบสายเดินตามออกไปด้วย เพราะเอือมระอากับพฤติกรรมของพีม ที่เอาแต่ร้องร่ำกระทืบเท้ายามไม่สบอารมณ์ เอาแต่ใจแบบผู้หญิง
“นายจะเข้าแทรกทำไม ฉันไม่ได้อ่อนแอ หรือให้ใครรังแกง่ายๆ นะ” นับหนึ่งฮึดฮัด ที่เขาดึงเธอออกมาก่อน
“เธอร้ายกาจมากนับหนึ่ง” สืบสายสำทับพร้อมกับหัวเราะ
“ฮึ! เพิ่งมาก็จะสร้างศัตรูแล้วเหรอ” ธนญเย้าเธอ
“ไทยนี้รักสงบ แต่ถึงรบไม่ขลาด” นับหนึ่งยืดอก เชิดหน้า ทำเอาสองหนุ่มถึงกับหัวเราะร่วน
ธนญลากเธอมาโดยไม่บอกสักคำว่าจะไปไหน เธอเองก็เดินตามต้อย ๆ เพราะไม่มีจังหวะถาม ระหว่างทางมีแต่สายตาริษยาของสาวๆ ทั้งมหาวิทยาลัย ที่เห็นสองคนจูงมือ เดินคู่กันมา เสียงวิพากวิจารณ์ว่านับหนึ่ง คือผู้หญิงคนใหม่ของ ธนญ ซุบซิบกันอย่างสนุกปาก
ธนญจำได้ว่านี่คือคาบเรียนสุดท้ายของนับหนึ่ง เมื่อแยกกับสืบสาย จึงพาเธอมาที่ห้างหรูย่านใจกลางเมือง เพื่อไปแผนกน้ำหอม เคาน์เตอร์แบรนด์หรูมากมาย เขาทดสอบกลิ่นต่างๆ แต่ก็ไม่ได้เลือกซื้อ นับหนึ่งไม่ได้ถาม และไม่ได้สนใจว่าเขาจะซื้อให้เธอหรือไม่ เธอเองกลับยินดี และตื่นเต้นที่ได้สูดดมน้ำหอมนานาชนิด แต่ไม่วายที่ต้องขอหยุดพักเป็นระยะ แม้ได้สูดเมล็ดกาแฟบรรเทาอาการวิงเวียนและปรับสมดุลไปบ้างแล้ว
นับหนึ่งมีความสนใจวิจัยเรื่องการสกัดสารให้กลิ่นหอม เพื่อนำมาปรุงแต่งน้ำหอมกลิ่นเฉพาะต่างๆ เธอจึงพยายามจำแนกกลิ่นต่างๆ ให้ออกว่ามีส่วนผสมของอะไรบ้าง จึงเป็นเรื่องที่ดี ที่ธนญพาเธอมา เพราะดูเหมือนห้างสรรพสินค้าแห่งนี้มีแผนกน้ำหอมที่ใหญ่และค่อนข้างหลากหลาย
“เธออยากได้ชิ้นไหนก็บอกนะ ฉันซื้อให้เธอได้” ธนญเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นเธอตื่นเต้นกับกลิ่นน้ำหอมตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว ซึ่งกลิ่นของมันค่อนข้างหอมแบบมีสไตล์จำเพาะ
“ของแบบนี้ ฉันซื้อเองได้ ทำไมต้องขอจากคนอื่น” เธอเมินเขาอีกแล้ว
“ฉันเป็นคนอื่นเหรอ” เขาขมวดคิ้ว
“แล้วเหตุผลอะไรที่นายต้องซื้อให้ฉัน” นับหนึ่งมองหน้าเขาและถามแบบกวนอารมณ์
“เห็นคนอื่นชอบ ที่จะให้ฉันซื้อของแบบนี้ให้” เขาพูดถึงประสบการณ์ที่บรรดาผู้หญิงของเขา มักร้องขอสิ่งของต่างๆจากเขา
“อย่าเอาฉันไปเปรียบเทียบกันคนอื่น เพราะฉันก็คือฉัน” นับหนึ่งเบ้ปาก
เขาเลือกน้ำหอมที่เพิ่งเปิดตัว และยื่นบัตรชำระเงินทันที ไม่นานพนักงานก็กลับมาพร้อมถุงบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามยื่นให้เขา พร้อมยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณ โดยที่นับหนึ่งไม่ได้สนใจ และเดินดูไปเรื่อย ๆ ที่ละแบรนด์ ขอดมกลิ่นนั้นกลิ่นนี้ที
ธนญยื่น ถุงเล็กนั่นให้เธอ บอกเขาซื้อมาแล้วก็ให้รับไป เพราะมันไม่ใช่กลิ่นที่ผู้ชายใช้ นับหนึ่งตีหน้ายักษ์ ที่เขาทำอะไรเอาแต่ใจ และตีค่าเธอเหมือนผู้หญิงที่ผ่านมาของเขา
“นายควรซื้อให้ตัวเอง ในเมื่อนายเป็นคนชวนฉันมา” นับหนึ่งตำหนิ
“ฉันแค่สนใจกลิ่นของมัน ไม่ได้บอกว่าจะใช้มัน” เขาตอบ
“ฉันก็แค่สนใจกลิ่นของมัน ไม่ได้บอกว่าอยากได้มัน” นับหนึ่งย้อน
“ฉันจะทำวิจัยเรื่องการสกัดกลิ่นหอม เพื่อนำมาใช้ในอุตสาหกรรมน้ำหอม เลยชวนเธอมาดู เพื่อที่จะไม่ดูแปลกประหลาดว่าเป็นผู้ชายทำไมมาสนใจน้ำหอมผู้หญิง และถ้าไม่ซื้อเลยมันก็ดูน่าเกลียดไปหน่อย เพราะเราเข้าทุกแบรนด์” เขาตอบเสียงราบเรียบ
“นายกำลังแย่งหัวข้อของฉันนะ” นับหนึ่งทำเสียงสูง เมื่อรู้หัวข้อของเขา
“ฉันไม่เคยบอกเธอ แถมเธอก็ไม่ได้บอกฉัน และจะบอกว่าฉันแย่งได้อย่างไร” เขาโต้กลับ
นับหนึ่งรู้สึกขัดใจ ที่เขาตอกกลับมันคือเรื่องจริง
“ฉันคิดไว้นานแล้ว ถ้ามันเหมือนกัน จะถูกเปรียบเทียบและงานผ่านยากขึ้นน่ะสิ” นับหนึ่งทำเสียงเว้าวอน
“เธอทำเรื่องการสกัดกลิ่นด้วยกรรมวิธีต่างๆ ด้วยวัตถุดิบชนิดเดียวกัน แต่ผลลัพธ์ คือกลิ่นที่แตกต่างและปัจจัยที่ทำให้เกิดกลิ่นจำเพาะดีกว่าไหม” ธนญเสนอ เพราะหากนับหนึ่งทำเรื่องนี้มันสามารถร่วมทำวิจัยกับเขาไปพร้อมกันได้ และช่วยกันหาข้อมูล และทดลองร่วมกันได้
“แล้วทำไมฉันต้องให้นายทำเรื่องนั้นด้วยล่ะ” เธอแย้ง
“เพราะว่าบ้านฉันทำธุรกิจน้ำหอมน่ะสิ มันเหมาะกับฉันมากกว่า” เขายิ้ม
“เชอะ” นับหนึ่งสะบัดหน้าไปทางอื่น
“แต่ถ้าเธอทำเรื่องที่ฉันเสนอ เราสามารถทำร่วมกันได้ จะได้ช่วยกันคิด หาข้อมูล และทดลองด้วยกัน ช่วยกันทำมันดีกว่าไม่ใช่เหรอ” เขาใช้เหตุผลในการหลอกล่อเธอ จนนับหนึ่งยอมตกลง
หลังจากออกจากห้างสรรพสินค้า นับหนึ่งกับธนญ ได้ไปเดินดู ดอกไม้หอมต่างๆ พืชพื้นเมืองของไทย ที่ในอดีตนิยมนำมาทำน้ำอบน้ำปรุง ถ้าพวกเขาทดลองสกัดดอกไม้เหล่านี้ด้วยกรรมวิธีที่แตกต่าง และเข้ากับยุคสมัย และผสมผสานกลิ่นอื่นๆ เข้าด้วยกันให้แตกต่าง จะได้กลิ่นที่เป็นที่นิยมในระดับสากลหรือไม่ เมื่อเริ่มต้นความคิดแล้ว ก็อยากลงมือปฏิบัติ โดย ธนญได้อาสาพานับหนึ่งไปที่ ตลาดต้นไม้แถบชานเมือง ซึ่งไม่ไกลจากบ้านของเธอนัก ที่บ้านของนับหนึ่งเองมีเรือนเพาะชำ ที่เป็นเรือนกระจำ ที่เธอดัดแปลงเตรียมไว้สำหรับห้องแลบทดลอง เพื่อทำกิจกรรมทดลองสกัดสาร น้ำมันหอมระเหยในวันหยุดด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นการทบทวนวิชาความารู้ที่เรียนมาด้วยไปในตัว
สิ่งนี้ทำให้ ธนญ ยิ่งรู้สึกดีต่อเธอ เธอมีแนวคิดคล้ายกับเขา และค่อนไปในทิศทางเดียวกัน และยังมีห้องทดลองเป็นของตัวเอง ไม่ต่างจากเขาที่มีเรือนเล็กด้านหลังคฤหาสน์ ที่แม่ของเขาเคยใช้ทำงานวิจัย เมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็ก ธุรกิจน้ำหอม เป็นมรดกของแม่ที่ทิ้งไว้ให้กับเขา หลังจากหย่าร้างกับพ่อ และเดินทางไปใช้ชีวิตบั้นปลายกับสามีใหม่ในฝรั่งเศส เขาจึงตั้งปณิธานที่จะสืบทอดกิจการต่อจากแม่ โดยขอร้องให้พ่อเก็บรักษาไว้ให้เขาจนกว่าจะเรียนจบ และกลับมาบริหารเองในอนาคต ที่ผ่านมาใช้วิธีจ้างผู้บริหารจากภายนอกมาดูแล และให้แม่คอยเป็นที่ปรึกษา ส่วนพ่อมีหน้าที่เพียงสนับสนุนเงินทุนในการวิจัย เพื่อคิดค้นกลิ่นหรือสูตรน้ำหอมใหม่ๆ เนื่องจากท่านทั้งสองจากกันด้วยดี จึงไม่มีปัญหาเรื่องการบริหารมรดกสำหรับเขา
ธนญ ขับรถมาส่งนับหนึ่งที่บ้าน และช่วยยกกระถากดอกไม้ 3 ต้น เข้าไปเก็บในเรือนเพาะชำ และเดินสำรวจห้องทดลองขนาดเล็กของเธอด้วยความสนใจ
“อืม ดีกว่าที่ฉันคิดไว้ นี่ของใหม่หมดเลยเหรอ”
เขาหยิบจับอุปกรณ์ต่างๆ ที่ดูใหม่มาก และบางชิ้นเหมือนยังไม่ถูกใช้งาน
“มีของเก่าไม่กี่ชิ้น ที่ฉันขนมาจากแซมเบีย แต่ก็ยังมีที่ยังมาไม่ถึง เพราะส่งมาทางเรือ”
เธอตอบเขา ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เพราะเขาพาเธอไปในสถานที่ชื่นชอบทั้งนั้น ดูเธอมีความสุขจากการแสดงออกที่ใบหน้า เขานึกทึ่งเธอยู่ไม่น้อย
“ฉันขอมาเล่นสนุกกับเธอที่นี่ด้วยคนนะ” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูเธอเบาๆ
“แปลกใจที่นายขอ เห็นทำอะไรตามใจตัวเองตลอด แต่ก่อนไม่เห็นเคยขอเลย ไม่ว่าจะเรื่องไหน” นับหนึ่งประชด
ธนญ ก้มลงจูบเธอที่ซอกคอ จากด้านหลังไม่ทันตั้งตัว และดูดจนเป็นรอย นับหนึ่งสะดุ้งตกใจ เขาจึงโอบแขนรัดเธอไว้ที่รอบเอว
“อีกแล้วนะ” นับหนึ่งพยายามเอียงหลบ
“จะทำมากกว่านี้อีก” เขาหัวเราะ แล้วหมุนเธอกลับมาประจันหน้า แล้วยกตัวขึ้นให้นั่งบนโต๊ะ เขาโอบกอดและเริ่มจูบเธออย่างหนักหน่วง
ก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปกว่านี้ เสียโทรศัพท์มือถือของนับหนึ่งก็ดังขึ้น เธอจึงได้โอกาสที่จะผละจากเขา
“ว่า...”
“แกอยู่ไหน คุณพ่อให้เรียกแกมาทานข้าวที่บ้าน” ณัฐการเพื่อนรัก
“เอ่อ อยู่บ้าน” นับหนึ่งตอบไม่เต็มเสียงนัก
“ทำเสียงแบบนี้ เหมือนซ่อนอะไรไว้ แกอยู่กับใครบอกมา” เพื่อนสาวรู้ทัน
“ธนญ อยู่ด้วย” เธอตอบแล้วหมุนตัวกลับ ปลีกตัวไปคุยลำพัง
นับหนึ่งพูดคุยกับณัฐการอยู่ 2-3 นาทีก่อนจะวางสาย เธอเดินยิ้มอ่อยๆ มาหาเขา ทำให้ ธนญ เข้าใจ ว่าเธอคงมีธุระสำคัญกับฝั่งโน้น และเขาคงต้องกลับก่อน แผนสำหรับคืนนี้เป็นต้องปรับเปลี่ยน
“คุณลุงให้ อิ๋ง โทรมาเรียกไปทานข้าว จริงสิเรายังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลย นายจะไปทานด้วยกันไหม” เธอประสานมือไว้ด้านหน้า เม้มปากและฉีกยิ้ม
“ไม่หละ” เขาปฏิเสธ
“แต่อิ๋งบอกว่าให้ชวนนายได้” เธอทำหน้าแห้งๆ เหยเก รู้สึกผิดที่ต้องจากไปที่อื่น
“ไปหาผู้ใหญ่ ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันไปส่งเธอเอง แล้วก็เลยกลับ” เขาใช้มือประคองแก้มเธอทั้งสองข้าง อย่างเอ็นดู
ธนญ ส่งนับหนึ่งถึงหน้าบ้านของณัฐการ ทันทีที่เพื่อนสาวเห็นรถคันงานจอดนอกรั้ว เธอรีบวิ่งมาเปิดประตูให้นับหนึ่งด้วยตัวเอง เชิงอยากรู้อยากเห็น
“แหม แหม มีรถรับส่งไม่ต้องพึ่งฉันแล้วสิ ชิ แม่สาวไฟแรงสูง” ณัฐการเย้านับหนึ่ง โบกมือทักทาย ธนญ ก่อนที่เขาจะออกรถ ธนญแค่พยักหน้ารับและจากไปเท่านั้น
นับหนึ่งยกมือไหว้ทำความเคารพพ่อ แม่ และคุณย่าของณัฐการอย่างอ่อนน้อม ชวนให้ผู้ใหญ่เอ็นดู รักใคร่ ต่างพากันถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ติดปัญหาเรื่องการใช้ชีวิต หรือเรื่องการเรียนอะไรไหม ทางนี้พร้อมจะคอยช่วยเหลือดูแลเป็นพิเศษ อีกทั้งยังฝากฝังนับหนึ่งให้ช่วยดูแลและติวภาษาอังกฤษให้ณัฐการด้วย เพราะต่อไป เมื่อไปเรียนต่อเมืองนอกจะได้ง่ายขึ้น การอยู่ในต่างประเทศจะได้ไม่ลำบาก
จบมื้อค่ำ เป็นเวลาของหญิงสาว ณัฐการซักไซ้ถามนับหนึ่งถึงเรื่อง ธนญ ด้วยความอยากรู้และไขข้อข้องใจของตัวเอง ว่าระหว่างเขาและเธอเป็นอย่างไร และเลยเถิดกันถึงขั้นนั้นแล้วหรือ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงรวดเร็วนัก เพราะด้วยกิตติศัพท์ของ ธนญ ไม่เคยพลาดเรื่องบนเตียงกับผู้หญิงที่เขาคบหา ไม่ว่าจะสถานะไหนก็ตาม ยกเว้นยายพีมคนเดียวที่พยายามมากเกินไป แต่ก็ไม่เคยได้ตัวเขา และอีกทั้งยายพีมเป็นลูกสาวของคนใกล้ชิดพ่อของเขา เลยต้องกลายเป็นข้อยกเว้น
นับหนึ่งไม่ได้ปิดบังณัฐการ แต่ตอบไปตามความจริง มันเป็นการสมยอมทั้งสองฝ่าย ไม่มีอะไรนอกจากความรู้สึกดีที่เริ่มต้นจากจุดนั้น และเมื่อได้ใกล้ชิดกัน มันทำให้มีอะไรหลายๆ อย่างในตัวของ ธนญ และนับหนึ่งเข้ากันได้ดี ทั้งเรื่องเรียน และทัศนคติการใช้ชีวิต ความฝันเรื่องการงานในอนาคต
ณัฐการเคารพการตัดสินใจของเพื่อน แต่ก็ยังอยากเตือนเรื่องบางเรื่อง ที่เธอยังไม่เห็นในตอนนี้ อาจเกิดขึ้นกับเธอในอนาคต เขาและเธอก็เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่ ที่สนใจ สนุกสนานกับของเล่นใหม่ นานไปก็อาจเริ่มเบื่อ และขว้างทิ้งอย่างไม่เหลือชิ้นดี นับหนึ่งใช้ชีวิตอย่างอิสระทั้งทางกายและใจ ความคิดแบบโลกตะวันตก แต่เมื่อมาใช้ชีวิตในเมืองไทย ที่ค่อนข้างปิดกั้น เคร่งครัดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ถึงแม้แค่เพียงฉากหน้าสำหรับบางคน ก็อาจหนีไม่พ้นการติฉินนินทา ซุบซิบ ดูถูกเหยียดหยาม
ณัฐการรู้ดีว่านับหนึ่งไม่ใช่คนอ่อนแอหรือยอมแพ้เมื่อถูกรังแก แม้นับหนึ่งจะพยายามหลีกเลี่ยงปัญหา แต่ณัฐการเชื่อว่าปัญหาต่างๆ จะไล่ตามนับหนึ่งไม่วันจบ หากยังคบหากับ ธนญ แต่เมื่อถึงเวลานั้น เธอก็ยังจะยืนหยัดเพื่อเพื่อนรักของเธอตลอดไป
ธนญเมื่อไปส่งนับหนึ่งที่บ้านของณัฐการแล้ว แต่เขายังไม่ตรงกลับบ้านของตัวเองเช่นเคย ในเมื่อนับหนึ่งจุดไฟให้เขาก่อนจากมา มันก็ยากสำหรับชายหนุ่มที่จะดับไฟในกายให้สงบลงได้ ทางออกสำหรับเขาคือใครสักคนที่เขาจะเลือกให้ปลดเปลื้องไฟราคะ มีผู้หญิงมากมายที่รอเขาอยู่ ตั้งแต่นับหนึ่งเข้ามา หญิงสาวเหล่านั้นแทบไม่มีความหมาย และเขาเองเกือบลืมไปแล้วว่ามีใครบ้าง
ธนญตัดสินใจไปที่ผับดัง สถานที่ผ่อนคลายประจำของเขา และเป็นที่ ที่ทำให้เขาและนับหนึ่งได้มีอะไรลึกซึ้งต่อกัน เขานั่งดื่มลำพัง ระหว่างที่รอให้พัศวีมาสมทบ ห่างไปไม่ไกลหญิงสาวหน้าตาสระสวย เฉียบคม มองเขาไม่วางตา ยิ้มให้เขาอย่างเชิญชวน ธนญจ้องมองผู้หญิงคนนั้นอยู่นาน เกิดความสับสนภายในตัวของเขาเอง เขาเริ่มชั่งใจตัวเอง เหมือนการที่มีนับหนึ่งข้างกาย ตัวเขาเองเริ่มเปลี่ยนไป การมองผู้หญิงทั่วไป ไม่น่าสนใจอีกต่อไปสำหรับเขา มีเพียงนับหนึ่งเท่านั้นที่เขาต้องการ
ทันทีที่เขาเบือนหน้าหนี หญิงสาวใจกล้านางนั้นก็เดิมตรงมานั่งข้างๆ เขาพร้อมแก้วเครื่องดื่ม
“ฉันกำลังหาเพื่อนดื่ม เราดื่มด้วยกันสิ” เธอยกแก้ขึ้นชนแก้วของเขาเบาๆ
“ใครอนุญาตให้คุณมานั่งข้างๆ ผม” เขากล่าวเรียบ ๆ แต่เฉียบขาด
“ตาคุณยังไงล่ะ คุณมองฉันตั้งนาน” เธอตอบและมองเขาอย่างเชิญชวน
“เดี๋ยวเพื่อนผมก็มา ตอนนี้ผมไม่ได้ต้องการใคร ขอบคุณ” เขาปฏิเสธอย่างไว้หน้าหญิงสาว
เธอวางมือไว้บนไหล่ของเขา ใช้ปลายนิ้วเขี่ยปกเสื้อ ไล้ไปตามลำคอเบาๆ โดยท้าวศอกไว้ที่พนักพิงของโซฟา แสดงออกอย่างเปิดเผย ว่าอยากไปต่อกับเขา เธอโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้กระซิบที่ข้างหู ขบริมฝีปากลงเบาๆ
“ถ้าเพื่อนคุณไม่มา ถ้าต้องการก็มาหาฉันนะ” และลุกจากไปด้วยท่วงท่าสง่างาม และเย้ายวน ไปนั่งที่โต๊ะเดิมของเธอ
ธนญ ยอมรับว่า เธอค่อนข้างต้องใจเขา เธออาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับค่ำคืนนี้ เขาได้แต่ปรายตามองอยู่เงียบๆ
พัศวีมาถึงแล้ว เขาก็เป็นหนุ่มหล่ออีกคนหนึ่ง ที่ดึงดูดความสนใจ และดูเป็นมิตรกว่า ธนญเสียอีก สายตาที่จับจ้องของหญิงสาวคนนั้น ทำให้ธนญถึงกับยิ้มเยาะ เมื่อพัศวีสังเกตุเห็นสายตาที่ ธนญมองใครคนหนึ่ง เขาจึงหันไปมอง หญิงสาวก็เดินมาปรากฎตรงหน้า แสดงตนให้เขาเห็นจนเต็มตา เขาเองก็เชื่อมั่น ว่าเธอไม่มีทางพ้นมือเขาแน่นอน เมื่อสังเกตุจากการยิ้มเยาะของ ธนญเมื่อครู่ เธอไม่มีวันได้ขึ้นเตียงกับ ธนญ ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธให้เธอนั่งร่วมวง
“ยินดีที่ได้พบกับสาวสวย คุณคือใครครับ” พัศวีเชิญเธอนั่งและถามเธอก่อน
“เกศิตาค่ะ” เธอนั่งลงข้างๆ เขา เหมือนที่ทำกับธนญ ภาพเบื้องหน้าถึงกับทำให้ ธนญยิ้ม และเบือนหน้าไปทางอื่น
“ผมพัศวี นั่นเพื่อนผม ธนญ เราเป็นสมาชิกที่นี่ เราไม่เคยพบคุณมาก่อน คุณมากับใคร สมาชิกใหม่หรือ คุณรู้ใช่ใหมว่าคนที่มาที่นี่ เป็นคนพิเศษ แล้วคุณล่ะพิเศษไหม” แม้พัศวีจะพูดจาไพเราะ และดูเป็นมิตร แต่มิวายค่อนขอด
“แน่นอน พิเศษ จนคุณต้องจดจำ” เธออ่อยเขา และปรายตาให้ธนญ
พัศวีพยักหน้า โยกขึ้นลงเบาๆ แล้วยิ้ม
“ผมให้คุณเลือก ระหว่างผมกับเขา คืนนี้คุณจะเลือกใคร” พัศวี มองตา ธนญ แล้วปรายตามาที่หญิงสาว เหมือนรู้คำตอบอยู่แล้ว
“ตอนนี้ฉันสนใจคุณไม่ใช่เขา” เธอตอบและยกแก้วขึ้นแตะแก้วของเขา แล้วยิ้ม ไม่มองธนญเลยด้วยซ้ำ
ธนญ ยกแก้วให้เพื่อน เชิงยินดีที่ได้สาวเกรดเอไปครอง เมื่อนึกถึงตัวเอง เขาก็เซ็งขึ้นมานิดหน่อย นึกเคืองที่นับหนึ่งจุดไฟ แล้วก็จากไป โดยไม่คิดว่าไฟมันจะเผาผลาญตัวเขาเอง คืนนี้เหมือนอะไรๆ ก็น่าเบื่อไปหมดสำหรับเขา ไม่นานเขาก็ขอตัวแยกกับพัศวี ในเมื่อเพื่อนมีคนข้างกายแล้ว เขาคงต้องไปจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนที่ไฟที่ครุกรุ่น จะเผาผลาญเขาไปมากกว่านี้ ต่อหน้า ธนญ สองหนุ่มสาว ทั้งการกอดจูบ ลูบคลำ ทำเหมือนเขาเป็นส่วนเกิน ทั้งที่สาวนางนั้นมาอ่อยเขาก่อนเสียอีก
เกือบเที่ยงคืนแล้ว นับหนึ่งยังไม่นอน เนื่องจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เธอกกลับมาถึงบ้านทำให้นึกถึงเขา และเสียใจนิดๆ ที่คืนนี้เขาไม่อยู่ที่นี่ เธอสวมชุดนอนเนื้อผ้าบางเบา กางเกงขาสั้นตัวจิ๋วรั้งสะโพกขาวจนเห็นเนินแก้มก้นนุ่มนิ่ม เหมือนเด็กอ่อน ผมยาวๆ ถูกมวยไว้หลวมๆ เผยลำคอระหง นวลเนียน ลูกผมเล็กๆ โรยตัวอยู่ประปราย
นับหนึ่งลองใช้น้ำหอมขวดใหม่ที่ ธนญ มอบให้ มันหอมหวานและเย้ายวนใจเป็นอย่างมาก อีกใจหนึ่งเธอก็แอบนึกถึงเขา อยากให้เขาได้กลิ่นหอมนี้คนแรก คิดแล้วเธอก็อดอมยิ้มไม่ได้
เขาแอบยืนมองเธออยู่เงียบๆ กอดอกพิงประตูอยู่นานแล้ว ท่วงท่าของเธอน่ามอง จนน่าหลงใหล ใบหน้าเรียวสวยได้รูป ผิวกายขาวใสสะอาดหมดจดไร้การแต่งเติมสีสัน สวยงามตามธรรมชาติ ไหล่มนกลมเกลี้ยงคล้องสายเสื้อนอนเส้นเล็กๆ น่ารัก สะโพกผึ่งผายกลมกลึงนุ่มนิ่มน่าขยำ เอวบางคอดเล็ก หน้าท้องแบนราบ ปลายถันที่เป็นไตชูชัน จนน่าขบกัด กลิ่นหอมอ่อนๆ จากของขวัญที่เขามอบให้ หอมรันจวนใจ จุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน พลันสายตาของเธอเห็นเขาในกระจก นับหนึ่ง เอามือป้องปากอุทานด้วยความตกใจ สะดุ้งสุดตัว และหันไปเผชิญหน้ากับเขา “บ้าจริง!” ด้วยความตกใจและโกรธที่เขาเข้ามาเงียบๆ เธอถลันเข้าไปทุบอกเขา 2-3 ครั้ง จนเขาต้องล็อคมือเธอไว้ “ขอโทษ ฉันแค่จะเซอร์ไพร์ทเธอเท่านั้น” เขาขำที่เธอโกรธจนลงมือ “ไหนว่าจะกลับบ้าน ทำไมมีกลิ่นเหล้า ไปดื่มมาเหรอ” เธอต่อว่าเขา “ไปผับกับพัศวีมา” แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง “ลุกขึ้นเลย ตัวเหม็น” พยายามดึงแขนเขา “ฉันเมานะ ขอนอนพักหน่อย” เขาฉีกยิ้ม และรั้งตัวเองไว้ นับหนึ่งถอนหายใจ เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนน้อย ชุบน้ำบิดหมาด
หลังจากรักษาตัวโนโรงพยาบาลร่วมเดือน ข่าวการถูกทำร้ายของพัศวีก็ค่อยๆ เงียบหายไป เนื่องจากการใช้อิทธิพลของครอบครัวกดดันให้สำนักข่าวต่างๆ ปิดข่าวและเลิกสนใจติดตามข่าว ส่วนด้านคดีความ ก็ต้องยอมความ เพราะมันเกี่ยวพันถึงชื่อเสียง และหน้าตาทางสังคม ซึ่งฝ่ายหญิงเองก็ถือว่าได้รับความเสียหายมากเช่นกัน เกศิตา ปุญญะวัชโร เป็นลูกนอกสมรสของ พลวัตร ปุญญะวัชโร ที่เพิ่งกลับมาใช้ชีวิตในไทยเพียง 5 เดือนก่อนเกิดคดีฉาวกับพัศวี และค่อนข้างเป็นที่จับตามมองของสื่อ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้เธอถูกขุดคุ้ยอย่างหนัก ทั้งความเสเพล และเสพติดกามารมณ์ และการใช้ความรุนแรง เนื่องจากอิทธิพลของครอบครัว ทำให้รอดพ้นจากคดีฉาวต่างๆ มาได้ หลายต่อหลายครั้ง แต่การที่เธอยังคงได้รับเกียร์ติ และยอมรับในฐานะทายาท และได้มีส่วนในการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถสูง คุมบริษัทเครือเบฟเวอร์เรจทั้งหมดไว้ในกำมือ และแบรนด์ดังเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่เธอเข้ามาบริหาร กลุ
การได้มองดู และสูดดมดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่กำลังเบ่งบานชูช่อสวยงาม ช่างสร้างความเพลิดเพลินให้แก่นับหนึ่งเป็นอย่างมาก กุหลาบหลากสี ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว มะลิ แก้ว พุดซ้อน ฯลฯ ดอกไม้ไทยต้นเล็กต้นน้อย ที่เธอซื้อมาเพื่อทดลองสกัดน้ำมันหอม ก็มีมากมาย แม้เธอจะขลุกอยู่ในเรือนเพาะชำทั้งวัน ก็ไม่มีวันเบื่อ ห้องทดลองที่กั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซ้อนในเรือนเพาะชำอีกที ของนับหนึ่งได้เริ่มใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้ววันนี้ ธนญ ไม่ได้มาหาเธอ นับหนึ่งไม่ได้โทรหา หรือถามเขาว่าจะมาไหม เพราะเธอเข้าใจดีว่า บางครั้งคนเราก็ต้องการเวลาส่วนตัวของตัวเอง เวลาสำหรับครอบครัว และเธอเองก็เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งของเขา การคบกันของพวกเธอยังไม่ได้ชัดเจน ต่างยังคงมีระยะห่างของกันและกันอยู่หลังจากกลับจาก งานสังสรรค์เลี้ยงรับขวัญ พัศวี ทุกคนต่างแยกย้าย เขาแค่มาส่งเธอ แล้วก็กลับ เธอไม่ได้ชวนเขาอยู่ต่อ ถึงแม้จะอยากให้เขาอยู่ เขาเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะเข้าไปในบ้าน เขาแค่ส่งเธอหน้าประตูรั้วเท่านั้น
“ทานข้าวเถอะ” นับหนึ่งแตะที่แขน ธนญ เบาๆ ปลุกเขาให้ลุกขึ้นเพื่อรับประทานอาหารเย็นเขาเลิกคิ้ว ด้วยความสงสัย เธอเตรียมอาหารได้อย่างไร เพราะเมื่อมาถึง เขาก็ขอตรงมานอนก่อนเลย โดยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“เอามาจากไหน”เมื่อเขาเดินออกมาที่ระเบียงด้านหน้าบ้านพัก นับหนึ่งจัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะเล็กๆ เป็นอาหารพื้น ๆ ไข่เจียว ต้มยำ ผัดเผ็ด และข้าวร้อนๆที่ควันยังกรุ่น อาหารเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ผักสดๆ“สั่งจากร้านของกลุ่มครอบครัวเจ้าหน้า ข้างที่ทำการอุทยานฯ เป็นร้านอาหารที่ทำกันเองไว้บริการนักท่องเที่ยวน่ะ ฉันเห็นนายหลับ เลยอยากให้นอนพัก จะได้ไม่ต้องขับรถออกไปหาของกินอีก”“ขอบใจ”อากาศเริ่มหนาวเย็น แต่ธนญสวมเพียงเสือยืดตัวเดียว นับหนึ่งจึงเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาให้ เธอใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย จนเขารู้สึกชื่นชม“ทานได้ไหม” นับหนึ่งมอง ธนญตักอาหารเข้าปาก“ได้สิ มองฉันกินตลอด ฉันไม่ได้กินอะไรยากขนาดนั้น
เขานั่งมองเธอก่อนตัดสินใจย้ายเธอขึ้นไปนอนบนเตียง เพราะมันอาจทำให้เธอนอนสบายกว่า“ฉันต้องการหกแสน” พระแพงพึมพรำ“หึ” เขาขำในลำคอ ที่ค่าตัวเธอหกแสนเชียวเหรอ“ฉันเกลียดนาย” พระแพงกำลังฝัน และต่อว่าเขาที่มาขัดขวางการยืมเงินของเธอ พร้อมตีเขาที่หน้าอกอย่างแรง“ยายบ้าเอ๊ย! หลับอยู่ยังกล้าตีฉัน”เธอทุบหน้าอกเขาทั้งที่ยังหลับตา สืบสายอุ้มเธอโยนลงเตียง จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะร่างกายเธอบอบช้ำ จากแรงกระแทกที่ตกลงจากรถ ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกตัว และลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นหน้าเขา พระแพงตกใจสุดขีด จึงถลันตัวลุกขึ้นหนีเขา ลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่สืบสายคว้าไหล่ของเธอไว้แล้วผลักลงนอนตามเดิม ความกลัวทำให้เธอดิ้นรน หนีจากพันธนาการของเขา เขาจึงใช้ร่างกายของเขากดเธอไว้กับที่นอน แขนทั้งสองข้างถูกล็อคไว้เหนือศีรษะ ร่างของเขาทับเต็มตัวกดทับลงที่หว่างขาจนไม่สามารถขยับได้“หยุด” เขาคำราม&ld
แขนที่เกร็งเริ่มอ่อนแรง เปลี่ยนเป็นสัมผัส ลูบไล้แผ่วเบา เขาประคองแก้มพระแพงไว้เต็มฝ่ามือ จุมพิตดูดดื่มแผ่วเบา ปลายลิ้นบางสอดรับปลายลิ้นของเขาที่ซอกซอนกระพุ้งแก้ม ขาทั้งสองข้างตวัดรอบสะโพกที่สอดเข่าทั้งสองเพื่อแอ่นสะโพกผายของเธอให้รับแก่นกายที่ตั้งตรงได้มุม แต่มันทำหน้าที่เพียงสัมผัสหน้าปากถ้าที่ปกคลุมพุ่มริ้วสีดำหยิกขอด เสียดสีไปมาสร้างความเพลิดเพลินทีละน้อย รอจนกว่าปลายกลีบจำปาจะเผยอออก พร้อมน้ำหวานเขาจับมือเธอให้กุมที่แท่งลำของเขา และประคองมือเธอไว้ เขาสอนวิธีสัมผัสที่ช่วยให้เขารู้สึกกระสัน และปล่อยมือให้เธอได้ทำด้วยตัวเอง ก่อนจะทำมันให้กับเธอบ้าง ปลายนิ้วที่กรีดไปตามรอบแยก ขึ้นและลงช้าๆ หนักบ้าง เบาบ้าง จนเธอครางออกมา“ช้าหน่อย”เขากระซิบบอกเธอที่ข้างหู เมื่อเธอสัมผัสเขารุกเร้าเร็วเกินไป เพราะหากแรงกระสันมันมากเกินจะทนได้ เขาอาจจะต้องรุกเธอก่อนถึงเวลาที่ร่างกายเธอพร้อม เขาค่อยๆสอดนิ้วกลางเขาไปจนมิด ร่างของเธอแอ่นรับอัตโนมัติ ไม่ต่อต้าน ดูเหมือนความเจ็บปวดจะจางหายไปแล้ว เพราะร่างกายเธอต้องการเขามากกว่า แรง
สืบสายหายไปเกือบสัปดาห์ แต่พระแพงกลับไม่โทรหาเขาเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาบอกว่าเมื่อเธอทำงานให้เขาแล้วจะปล่อยเธอไป แต่เขากลับยังไม่บอกเธอให้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ หรือถ้าต้องการเธอ 60 ครั้งอย่างที่บอก แต่เขากลับไม่มาหาเธอเลย แล้วจะอีกนานแค่ไหนกันที่เธอต้องอยู่ที่นี่ โดยไม่สามารถติดต่อใครได้เลยความคิดต่างๆ ประดังประเดเข้ามาจนสับสนไปหมด พระแพงขดตัว กอดเข่าชั้นอยู่มุมหนึ่งของโซฟา ผล็อยหลับไปอย่างรู้ตัวสืบสายเปิดประตู แล้วต้องแปลกใจที่ทั้งห้องมืดราวกับไม่มีคนอยู่ เขาสงสัยว่าพระแพงแอบหนีออกไปข้างนอก เพราะเขาไม่ได้มาหาเธอเกือบสัปดาห์ เมื่อเปิดไฟในห้องเขาก็ต้องตกใจที่เห็นเธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟา และไม่รู้สึกตัวว่าเขาได้เข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำเขาตรงไปอุ้มเธอขึ้น เพื่อย้ายไปนอนที่เตียง พระแพงก็รู้สึกตัวและรีบดีดตัวหย่อนขาลงที่พื้น เพื่อยืน ด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะมา เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย และออกจะล่อแหลม เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบเสื้อยืด
ธนญ พานับหนึ่งมาที่คอนโดหรูติดริมแม่น้ำ มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำและสะพานข้ามต่างๆ สวยงามชัดเจน มันเป็นห้องส่วนตัวของเขา ที่ใช้เวลามาดื่มกับเพื่อนที่ผับ หรือสโมสร ตั้งแต่คบกับเขามานับหนึ่งไม่เคยถามเรื่องส่วนตัวใดๆ กับเขาเลย จะรับรู้ต่อเมื่อเขาเป็นฝ่ายเล่าให้เธอฟังเอง เพราะเธอเคารพในความเป็นส่วนตัวของเขา เช่นเดียวกับที่เขาไม่เคยถามเธอก่อน มีแต่เธอเล่าให้เขาฟังก่อนเสมอ“ที่นี่สวยจัง” เธอมองทิวทัศน์ผ่านผนังกระจกหนา ที่เปิดม่านออกจนหมด“ห้องนี้ฉันซื้อไว้นอนกับผู้หญิง” เขาตอบเธอตรงๆ นับหนึ่งเบิกตากว้าง หันขวับมามองเขา“บางเรื่องไม่ต้องบอกฉันก็ได้” เธอต่อว่า“รู้ทีหลังจะมาโกรธฉัน”“ถ้าเขายอมนาย และนายก็ชอบ ฉันจะมีสิทธิ์ว่าหรือโกรธอะไรนายได้ล่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“ฉันไม่ชอบการมีแฟน” คำพูดของเขาทำให้นับหนึ่งหายใจติดขัด แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้“เราสองคนเป็นอะไรกันเหรอ” นับหนึ่งถามเขาตรงๆ“เพื่อน&rdq
อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา
พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ
ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่
ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ
คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา
ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา
ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต
นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร
พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง