แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: Alphabet N.
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2021-12-12 22:11:10

เปลือกตาที่ปกคลุมด้วยขนตาแพสีดำเติมแต่งด้วยมาสคาร่า  ค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ  ในห้องที่มีเพียงเธอนอนอยู่ลำพัง ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าด้วยผ้าห่มอุ่น  เสื้อผ้าที่ถูกถอดวางพาดอย่างเป็นระเบียบที่พนักเก้าอี้มุมโต๊ะหนังสือ ร่างกายที่อ่อนล้า แทบจะผยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ใช่ความฝัน มันคือเรื่องจริงที่เกินจะบรรยาย คาบเลือดแห้งกรังที่ขา และบนเตียงนอนทำให้นับหนึ่ง ตกใจนิดหน่อย  แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจ  เพราะมันเป็นครั้งแรกของเธอ ทำได้แค่พาตัวเองเข้าห้องน้ำและชำระร่างกาย  จัดแจงเปลี่ยนเครื่องนอนใหม่  เก็บเสื้อผ้าข้าวของที่ฝ่ายชายได้รวมรวมจากคนละทิศละทางให้มาอยู่รวมกันที่พนักเก้าอี้  ให้อย่างเรียบร้อย เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น 

ระหว่างที่กำลังเป่าผมให้แห้ง  และมองดูรอยเขียวช้ำที่ซอกคอ  พลันนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน จึงไม่ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงคนที่เดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง  เขาแย่งแปรงหวีผมกับเครื่องเป่าผมไปและจัดการเป่าให้เธอ นับหนึ่งสะดุ้งและหันขวับไปหาเขา  เพราะไม่คิดว่าเขาจะกลับมา

“หันไปตรงๆ ฉันเป่าให้ ด้านหลังยังไม่แห้ง” เขาสั่ง พร้อมหมุนศีรษะเธอกลับไป  และลงมือเป่าผมยาวสยายที่กลางหลัง พร้อมหวีให้เข้าที่

“นายกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ” นับหนึ่งถาม มองตาเขาผ่านกระจก

“อืม”

“แล้วกลับมาทำไมอีก แล้วนี่เข้าบ้านมาได้ แสดงว่านายเอากุญแจบ้านฉันไปเหรอ” เธอเลิกคิ้วถาม

“ก็เธอให้ฉันเอง” เขาวางแปรงและเครื่องเป่าผมบนโต๊ะเครื่องแป้ง  และหยิบยากล่องหนึ่งออกมาจากระเป๋ากางเกง

“กินยานี่ซะ ยาคุมฉุกเฉิน  เมื่อคืนเราไม่ได้ป้องกัน” นับหนึ่งถึงกับหน้าแดง

“ขอบใจ  นายออกไปก่อน ฉันจะใส่เสื้อผ้า”

“ฉันก็เห็นของเธอหมดแล้วยังจะอายอีกเหรอ” ธนญ พูดและยิ้มที่มุมปาก

“มันไม่เหมือนกัน  นายออกไปได้แล้ว” นับหนึ่งลุกขึ้นและผลักเขาออกไป ก่อนจะปิดประตูและยกมือขึ้นปิดหน้าที่ร้อนฉ่า

นับหนึ่งเดินลงมาในชุดลำลอง กางเกงขาสั้นสีดำ  กับเสื้อยืดพอดีตัวคอกลมสีเทา ขณะที่มองหา ธนญ

“กลับไปแล้วเหรอ” เธอพรึมพรำเบาๆ แต่เขากลับได้ยิน

“เปล่า  อยู่นี่ ทานข้าวเถอะ ฉันซื้อมาให้  เห็นเธอเพลียนอนหลับสนิท  ตื่นมาคงไม่มีแรงทำอะไร” เขาพูดไปยิ้มไป และจัดอาหารใส่จาน

“หยุดเลย  ไม่ต้องพูด” นับหนึ่งวิ่งถลันเข้าไปแย่งกล่องอาหาร  และจัดแจงเองแก้เขิน มือไม้จับนั่นนี่ผิดๆถูกๆ ตกหล่น เป็นที่ขบขันของ ธนญ

เขาไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเธอ  มันรู้สึกแปลกใหม่สำหรับเขามาก  แต่ก็ยังไม่เชื่อว่านั่นคือทั้งหมดที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของนับหนึ่ง การอยู่ใกล้ชิดกัน นับหนึ่งดูเป็นธรรมชาติ เข้าถึงง่าย  ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จะพูด  พูดจากันได้ตรงๆ จิกกัด ค่อนขอดกันตามประสา คนหวาดระแวงหญิงสาว ที่คอยแต่หวังประโยชน์จากเขา เธอเองก็รู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เลย ไม่ได้สนใจและรู้สึกว่าต้องโกรธ หรือคิดเป็นอย่างอื่น  นอกจากโต้ตอบไปตามจริง

“กินยาหรือยัง” เขาเอ่ยถามขณะที่ช่วยเธอเก็บโต๊ะอาหารหลังรับประทานเสร็จ

“ทานแล้ว  ฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองพลาดเรื่องนี้หรอก  นายก็คงไม่เคยพลาดสินะ” พูดพร้อมกับค้อนขวับเข้าครัว

ธนญ กลับมานอนหลับที่โซฟา  เขาเองก็เหนื่อยและเพลียไม่แพ้กัน  แต่ก็ฝืน เพราะเรื่องนั้นสำคัญกว่า  หากพลาดพลั้งคงไม่เกิดผลดีทั้งกับเขาและเธอ

นับหนึ่ง เดินมาหยุดยืนมองเขาที่เดิม  แต่คราวนี้ต่างออกไป  เธอไม่ได้ปลุก  หรือแตะต้องตัวเขา ได้แต่มองและครุ่นคิด และเดินจากไป

ผ่านไป 1 ชั่วโมง ธนญ  ขยับตัวและค่อยๆ ลุกขึ้น และยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมาดู ไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้ นับหนึ่ง นั่งอ่านสมุดโน้ตของสืบสาย  เทียบเคียงกับตำราเรียน และสรุปจดเนื้อหาสำคัญไว้ในสมุดของตัวเอง  ที่โต๊ะนั่งเล่นอีกมุมหนึ่ง  เพราะเกรงว่าจะเกิดเสียงดังรบกวนเขา

“ทำอะไรอยู่น่ะ” เขาถามและเดินไปยืนด้านหลัง

“จดเนื้อหาจากโน้ตของสืบสายน่ะ  เทียบกับตำราเรียน  พวกค่าตัวแปรต่างๆ ผลการทดลอง และบันทึกข้อสังเกตุ” เธอตอบและจดไปด้วย โดยไม่มองเขาเลย

“เดี๋ยวฉันดูให้” เขาหยิบโน้ตของสืบสายมาดู  และนั่งลง  และคอยแก้ข้อที่ผิดให้นับหนึ่ง และลงรายละเอียดให้กับเธอ

เมื่อฟังวิธีการอธิบายของ ธนญ แล้ว  นับหนึ่งถึงกับทึ่ง  และรู้สึกชื่นชมความสามารถในการจดจำของเขาที่ดีเยี่ยม  ราวกับคอมพิวเตอร์ และกระบวนการทำความเข้าใจ ที่ทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

ริมฝีปากที่อธิบายเนื้อหา กับมือที่พยายามอธิบายให้เห็นภาพ  ทำให้นับหนึ่งเพลินกับการติวพิเศษของเขาเป็นอย่างมาก ถึงกลับไม่ได้ยินว่าเขากำลังเรียกเธออยู่ เมื่อเขาเรียกดังขึ้น จึงตกใจสะดุ้งนิดหนึ่ง

“นับหนึ่ง หนึ่ง คุณนับหนึ่งครับ” พร้อมเคาะที่โต๊ะ

“เสร็จแล้ว ฉันจะกลับแล้วนะ” เขาวางสมุด และลุกขึ้น

“อืม” เสียงเหมือนละเมอ

“ค่อยเจอกันที่แลบนะ” เธอตอบและเก็บของอย่างเมื่อยล้า จากการนั่งเป็นเวลานาน

เขาเดินออกจากบ้านอย่างฉงนครุ่นคิด และขับรถหรูของเขาออกไป  ใจนั้นคิด ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น  กับปฏิกิริยาตอบกลับที่นับหนึ่งปฏิบัติต่อเขา เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เธอคิดอะไรอยู่  มีแผนอย่างไร  หรือจริงๆ แล้วเธอเป็นแค่คนรักสนุก  แต่เมื่อคืน มันก็บอกแล้วว่ามันเป็นครั้งแรกของเธอ  เพราะเลือดที่ซึมติดส่วนสงวนของเขา และความเจ็บปวดจากปฏิกิริยาที่พยายามผลักเขาและหดตัวกลับ  จากการที่เขารุกเข้าหาเธอครั้งแรก  เขาเองก็นึกตกใจ แต่ก็ไม่สามารถหยุดหรือบังคับตัวเองได้  อีกทั้งการรับรู้ว่า เขาเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ  มันยิ่งตื่นเต้นและปรารถนาจะครอบครองมากยิ่งขึ้น  ความเสน่หารันจวน เพิ่มทวีนับครั้งไม่ถ้วน  ปฏิกิริยาของเธอก็ไม่เหมือยมือใหม่  การตอบสนองดูกระหายและต้องการมากพิเศษ  กระตุ้นแรงกระสันของเขาไม่หยุด  เพราะเขาเองก็ห่างหายจากกิจกรรมนี้มานานมากแล้ว  เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายผู้หญิงรอบกายที่ได้มาง่ายๆ  แต่ไม่ค่อยน่าสนใจหรือมีอะไรใหม่  แม้แต่หญิงสาวที่เขาใช้ทดสอบความรู้สึกของตัวเอง ด้วยการจูบที่บันไดตึกห้องทดลองยังไร้ความรู้สึก และเทียบไม่ได้กับการจูบกับนับหนึ่งครั้งแรก

ประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ปิดลง  ทันที ที่รถหรูของ ธนญ ผ่านเข้ามา คนขับรถรับกุญแจ  เพื่อนำรถเข้าโรงจอดให้เรียบร้อย

“คุณหนูครับ  นายท่านกลับมาแล้วครับ” คนขับรถรายงานก่อนรับกุญแจ

“กลับมาแล้วเหรอครับพ่อ” เขาทักทาย เมื่อเปิดประตูเข้าไป และพบพ่อนั่งอยู่ที่โซฟา ห้องนั่งเล่น

“กลับมาแล้ว คือแก หรือว่าฉัน” ผู้เป็นพ่อเหน็บ

เขาะหัวเราะติดตลก  ไม่คิดว่าพ่อจะยิงมุข  พร้อมนั่งลงใกล้ๆ

“ผมไปติวหนังสือให้เพื่อนมาครับ” เขาพูดความจริงไม่หมด  จนผู้เป็นพ่อถึงกับเลิกคิ้ว

“ไปเถอะ สภาพแกมันคงจะติวกันทั้งคืน” แล้วส่ายหัวเบาๆ  เขารู้จักลูกชายตัวเองดีพอ

ผ่านมา 1 สัปดาห์ ชีวิตในมหาวิทยาลัย เริ่มเข้าที่เข้าทาง  นับหนึ่งรู้จักห้องเรียนตึกเรียนครบทุกวิชาแล้ว ห้องบรรยายในแต่ละรายวิชามีนักศึกษาค่อนข้างน้อย  ทำให้คุ้นหน้าคุ้นตา  และเริ่มยิ้มให้กันเป็นการทักทายบ้าง แต่แปลกที่จากวันนั้นจนถึงวันนี้  นับหนึ่ง ไม่พบกับกลุ่มของ ธนญ และสืบสายเลย  ทั้งที่ก็เรียนในชั้นปีที่ 3 เหมือนกัน  ถึงแม้บางวิชาอาจจะไม่ได้ลงเรียนเหมือนกัน  แต่ก็น่าจะมีบ้างซึ่งเป็นวิชาบังคับเฉพาะชั้นปี

แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกโล่ง  ที่ไม่เจอ ธนญ เนื่องจากทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่า  ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะเป็นแบบไหนกันแน่  เขาเองอาจไม่ได้คิดอะไร  แค่อารมณ์พาไป หรือปฏิกิริยาธรรมชาติของร่างกาย  ซึ่งเป็นไปด้วยความยินยอมทั้งสองฝ่าย  และก็ได้มีการป้องกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นับหนึ่งนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องบรรยายด้านหลัง  เนื่องจากมาช้า  จึงเกรงว่าจะเป็นการรบกวนคนอื่น ถ้าจะเดินผ่านไปนั่งด้านหน้า  เธอพยายามทำความเข้าใจกับเนื้อหาภายใน 2-3 นาที เพื่อจะตามให้ทัน  โดยไม่ทันสังเกตุว่ามีใครอีกคนที่มาช้าเหมือนเธอ ได้ตรงเข้ามานั่งลงข้างๆ

“จริงจังกับการเรียนขนาดนี้เลยเหรอ” ธนญ พูดขึ้นลอย ๆ เป็นเชิงทักทาย

เสียงคุ้นหูจากคนข้างๆ ทำให้นับหนึ่ง ละสายตาจากจอโปรเจคเตอร์ หันมามองช้าๆ

“นายมาได้ไง เรียนวิชานี้ด้วยเหรอ” นับหนึ่งเอียงเศีรษะเข้าไปใกล้ และทักเบาๆ เพราะกลัวเสียงพูดคุยจะรบกวนคนอื่น

“ฉันก็ต้องเรียนสิ ฉันก็ปีเดียวกับเธอ” เขาเอียงมากระซิบที่ข้างหู

“อาทิตย์ที่แล้วฉันไม่เห็น...” นับหนึ่งพูดไม่จบ

“โดด” เขาขัดจังหวะ ตอบทื่อๆ

“อะไรคือโดด” คำนี้ยังไม่เข้าใจ

“ไม่มาเรียน โดยไม่มีเหตุผลอันควร เขาเรียกว่าโดดเรียน หรือหนีเรียน  เรียกสั้นๆ ว่า โดด” เขาสาธยายหน้านิ่ง แกล้งนับหนึ่งเพราะรู้ว่า เธอไม่เข้าใจคำพวกนี้

“ไม่มาเรียน แล้วจะเข้าใจเนื้อหาเหรอ”

“ก็พอเข้าใจ มันไม่ยากมาก  เพราะปลายภาค อาจารย์ก็จะบรรยายสรุป ทบทวนให้อีกครั้ง ถ้าห่วงว่าฉันจะไม่ทัน เธอจะติวให้ฉันเหรอ” ธนญ พูดกระเซ้าทีเล่นทีจริง พร้อมเหร่ตามอง ด้วยสายตามีเลศนัย

นับหนึ่งหลบสายตา  จู่ ๆ หน้าก็แดงขึ้นมา ทำทีก้มหน้าลงจดช็อตโน้ต  ธนญได้แต่ยิ้มมุมปาก

จบการบรรยายในห้องเรียน  นักศึกษาทยอยออกจากห้อง  ธนญ ยังไม่ลุกขึ้นไปไหน  ยังคงนั่งอยู่  รอนับหนึ่งเก็บของ สมุดตำราและอุปกรณ์เครื่องเขียนต่างๆ จนเขาแอบขำเธอไม่ได้  เพราะเขามีแค่แท็บเลต 1 เครื่อง  เนื่องจากประตูทางออกอยู่ด้านหลัง  ทุกคนจะมองเห็นทั้งสองคนชัดเจน  จนเกิดการซุบซิบ กระซิบกระซาบทั้งต่อหน้าและลับหลัง  จนใครคนหนึ่งหยุดยืนข้างๆ  ธนญ จึงเงยหน้าขึ้นมอง

“พีม ว่าไง” ธนญ ถามเมื่อเห็นเธอมายืนใกล้ๆ เหมือนจะพูดอะไร

“เดี๋ยวนี้เธอสนิทกับนับหนึ่งเหรอ  ถึงมานั่งด้วยกัน” เธอถามพร้อมเบะปาก ไม่สบอารมณ์

“อืม  ใช่” เขาตอบหน้าตาเฉย  นับหนึ่ง ถึงกับหันขวับมามอง  และคิดในใจ เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่

พีม เมื่อได้คำตอบ ถึงกับสะบัดหน้า หันหลังย่ำเท้าเดินจากมาด้วยความโกรธ แต่ทำอะไรไม่ได้ เธอควรจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ ธนญ จะสนิทด้วย  ไม่ใช่ผู้หญิงคนนี้ที่เพิ่งพบกันแค่ 3 ครั้ง

“เสร็จหรือยัง” เขาถามนับหนึ่ง เพราะเห็นยังอ้อยอิ่งอยู่

“นี่นายรอฉันเหรอ” นับหนึ่งถึงกับฉงน เลิกคิ้วถาม

“ก็ใช่น่ะสิ  ไปว่ายน้ำที่สโมสรกันเถอะ  ฉันอยากว่ายน้ำ  แต่ไม่มีเพื่อนไป คนอื่นมันติดเรียน” เขาพูดพร้อมกับดึงแขนเธอให้ลุกขึ้น

“แล้วฉันไม่มีเรียนหรือไง” นับหนึ่งดึงแขน และแหว๋ใส่เขา

“ไม่มี  เธอไม่มีเรียน” เขาก้มหน้าลงไปใกล้หน้าเธอแล้วตอบ

“นายรู้ได้ไง” นับหนึ่งเอียงหน้าถามมองด้วยหางตา

ธนญไม่ตอบ ดึงแขนเธอกึ่งดึงกึ่งลาก  จนเป็นที่จับตามองของคนอื่นๆ โดยเฉพาะพวกผู้หญิง

ถึงสโมสรเฟิร์สแล้ว  ทำให้นับหนึ่ง คิดถึงวันแรกที่ได้พบกับ ธนญ กับท่าทีที่ไม่เป็นมิตร  เมื่อเทียบกับตอนนี้มันต่างกันจนน่าแปลกใจ  และไม่ค่อยเข้าใจกับวิธีที่เขาแสดงออกกับเธอสักเท่าไร มันเปลี่ยนแปลงฉับพลันอยู่ตลอดเวลา  ปุบปับไปเสียหมด

“เดี๋ยว เธอไปเปลี่ยนชุดนะ เจอกันที่โต๊ะด้านใน” เขาผลักเธอนิดหนึ่งให้เดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า

“ฉันไม่ได้เอาชุดว่ายน้ำมา  ฉันแค่นั่งเป็นเพื่อนนายแล้วกัน” นับหนึ่งปฏิเสธ บุ้ยปากไปทางโต๊ะนั่งที่จองไว้

“งั้นก็เลือกสิ ฉันซื้อให้เอง”

“ทำไมนายต้องซื้อให้  ฉันไม่มีเงินหรือไง” เธอเบะปาก แล้วสะบัดหน้า ไปเลือกชุดที่ตัวเองชอบ  เดินไปชำระเงินเองที่แคชเชียร์  โดยไม่รอเขา

ธนญ ได้แต่ยืนยิ้ม ขำกับพฤติกรรม สวยเลิศเชิดหยิ่ง ของเธอ

เมื่อเดินถึงที่โต๊ะ ธนญก็ลงสระไปก่อนแล้ว  ท่วงท่าที่เขาว่ายน้ำแบบไม่เงยหน้าหายใจ ดูเป็นนักกีฬามืออาชีพ  และตั้งใจมาเพื่อออกกำลังกายจริงๆ  สะกดให้นับหนึ่งยืนนิ่งไม่ไหวติง มองเขาอย่างชื่นชม

เมื่อมือแตะขอบสระ  ธนญโผล่หน้าขึ้นจากน้ำ และหันหน้าเพื่อมองดูว่านับหนึ่งมาหรือยัง  มันกลับตรึงเขาให้ต้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอมาด้วยชุบิกินี สีส้มสดใส  สายสปาเก็ตตี้สีขาวผูกรวบไว้ที่ต้นคอและแผ่นหลัง  ส่วนผมยาวถูกรวบไว้เป็นมวยสูงกลางศีรษะ มีลูกผมเส้นเล็กๆ สั้นๆ ตกเคลียร์ลำคอ  เธอยืนมองเขาอยู่ก่อน  เป็นครั้งแรกที่เขาได้พินิจพิเคราะห์ และเห็นรูปร่างได้สัดส่วนของนับหนึ่ง  เพราะเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน  เขาแทบจะไม่มองดูเธอเลยด้วยซ้ำ  ทั้งที่ใครๆ ต่างพากันชื่นชมเธอ  แม้เขาจะได้ใกล้ชิดจนถึงขั้นนั้น  แต่มันก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่จะพิจารณาร่างกาย สัดส่วน  ส่วนเว้าส่วนโค้งใดๆ เมื่อทั้งคู่ประสานสายตากัน  ก็พลันได้สติ นับหนึ่งหันไปทางอื่น ส่วนเขาก็ดึงตัวเองขึ้นจากสระ  เดินมาหยิบผ้าขนหนูเช็ดหน้าและผมที่เปียก

เขามองเห็นรอช้ำที่เริ่มจางบริเวณลำคอ เนินอก และต้นขาอ่อนด้านใน ก็ต้องกั้นขำเอาไว้ เสียง “หึหึ” ของเขาทำให้นับหนึ่งต้องหันมาถลึงตาใส่

“ขำอะไร”

“ตราประทับของฉันยังอยู่เลย” เขาตอบพร้อมส่งสายตาบอกตำแหน่งที่มองเห็น

“อะไร แค่รอยช้ำ ฉันหยิบของบนหลังตู้หล่นใส่” เธอแว้ด พร้อมกับยกมือขึ้นปิด

“แต่ฉันก็ยังจำได้นะ  ว่าคีสมาร์คไว้ตรงไหนบ้าง” ธนญก้มกระซิบที่ข้างหู  จนทำให้นับหนึ่งหน้าแดง

ด้วยความเขินและอายมาก  เธอจึงดึงแขนเขาเหวี่ยงสุดแรงเกิด หวังจะให้เขาตกลงไปในสระ  แต่ทว่า เขารู้ทัน จึงดึงแขนเธอตกลงไปในน้ำด้วยกัน  ก่อนจะทะลึ่งตัวพ้นน้ำโดยกอดเธอไว้ในวงแขน  เมื่อทั้งสองแนบชิดกันชนิดเนื้อแนบเนื้อ น้ำที่เย็นฉ่ำ ดูจะกลายเป็นน้ำร้อนในทันที ธนญดันร่างของนับหนึ่งไปติดขอบสระ  และก้มลงจูบ  โดยที่ฝ่ายหญิงไม่อาจปฏิเสธหรือต้านทานแรงปรารถนา นับหนึ่งใช้มือและแขนดันเขาออก

“นี่เรามาว่ายน้ำนะ  ฉันยังไม่ทันได้ว่าย  นายก็จะพาฉันกลับบ้านแล้วเหรอ”  นับหนึ่งเองเริ่มมีมุข ยอกย้อนแบบไทยมากขึ้น ทั้งตัวเองก็อาย  แต่สิ่งที่พูดกลับดูเหมือนยอมรับและเชิญชวน  ธนญได้แต่หัวเราะ  เขาไม่ได้หัวเราะเต็มเสียงแบบนี้กับผู้หญิงมาก่อน  เลยเป็นที่สนใจของคนที่รู้จักและพบเห็น

“มาสิ ว่ายน้ำแข่งกันเถอะ”

นับหนึ่งออกตัวไปก่อน  เมื่อมีการท้า  เขาไม่รอช้าที่จะตามเธอให้ทัน  และต้องชนะเธอ  เพื่อจะได้ลงโทษ  หรือขอรางวัลตอบแทน  เสียงหัวเราะ ที่ต่างฝ่ายต่างหยอกเอิน ไม่ยอมแพ้ท้าทายกันไปมา  ทำให้บรรยากาศความเงียบสงบ เปลี่ยนเป็นความสนุกสนาน ดันน้ำใส่กันไปมา  สุดท้ายต้องพักยก  ลงเอยนอนหอบที่เก้าอี้ยาวริมสระด้วยกันทั้งคู่

“หิวไหม” ธนญถาม

“หิวมาก” เธอตอบพร้อมลากเสียงยาว

“ทานมื้อเย็นก่อนค่อยกลับ”

เขาพูดพร้อมลุกขึ้น  ดึงมือเธอให้ลุกจากเก้าอี้ยาว  แต่ด้วยความสบายและยังไม่อยากลุก  นับหนึ่งเลยถ่วงน้ำหนักตัวเองไว้ ไม่ให้เขาดึงขึ้นไปได้  ทำให้ธนญเสียหลักขมำล้มลงทับเธอ  แต่โชคดีที่เขาใช้เข่าดันไว้ที่หว่างขาของนับหนึ่ง พยุงร่างของตัวเองไม่ให้น้ำหนักลงเต็มแรง ส่วนมือข้างที่ว่างก็ค้ำอยู่เหนือศีรษะของนับหนึ่ง

“ซนนักนะ” ได้ที่เขาจึงจูบเธอแก้เผ็ด

“ยอมแล้ว” นับหนึ่งเบือนหน้าหนี ร้องขอ ยอมแพ้  เพราะกลัวจะโดนจูบอีกรอบ เพราะอยู่ในที่รโหฐานรถหรูของ ธนญ กลายเป็นแขกประจำของหมู่บ้าน นับหนึ่งซึ่งอ่อนล้าจากการออกกำลังอย่างหักโหม  และเพลียจากรถติด นั่งหลับมาตลอดทาง  เมื่อรถของ ธนญจอดสนิท เปิดประตูด้านข้างคนขับให้  เธอจึงตื่นขึ้นด้วยอาการสลึมสะลือ

“ถึงแล้วเหรอ” ลงจากรถด้วยขาที่อ่อนแรง

“ไหวไหม” ธนญช่วยสะพายเป้ และสัมภาระอื่นๆ หิ้วปีกเดินเข้าบ้าน

“ไหวสิ” ตอบพร้อมขยี้ตาอย่างงัวเงีย

คำว่าไหวไหมของ ธนญแอบแฝงบางอย่าง  มันไม่ได้ตรงตามความหมายหรือคำตอบของนับหนึ่ง เขาวางเป้ของนับหนึ่งที่โซฟา  ก่อนจะเดินไปด้านในที่โต๊ะรับประทานอาหาร  วางถุงขนมหวาน ทั้งไทยและเทศ ซึ่งนับหนึ่งแวะซื้อจากร้านข้างทาง   ธนญเคยแต่ซื้อในร้านหรูติดแบรนด์ ไม่เคยได้มีโอกาสทำอะไรแบบนี้  นี่เป็นครั้งแรกที่นับหนึ่งพาเขาทำอะไรที่ต่างออกไป

“เธอจะทานเลยไหม”

“ทานสิ  เธอทานด้วยนะ” หลังจากล้างมือล้างหน้าในห้องน้ำมาแล้ว เธอก็เดินตรงมาหาเขาและใช้มือหยิบจับขนมชิ้นเล็กๆ ที่ ธนญเพิ่งเปิดกล่องออก

“อร่อยจัง น่ารักเนอะ กล้วยหอมลูกจิ๋ว” พร้อมหัวเราะคิกคัก

“อยากกินลูกใหญ่เหรอ” เขาพูดหน้าตาย วางสายตาตรงๆ จ้องไปในตาของนับหนึ่ง  แต่เธอก็ไม่เข้าใจ

“เขาเรียกว่าขนมอะไร” เธอจับผลไม้ลูกเล็ก ทั้งมะม่วง มังคุด กล้วย ชมพู่ พริก พินิจพิเคราะห์ เจลใสที่เคลือบผิวขนม

“ขนมลูกชุบ” เขาตอบและลองหยิบขึ้นมากิน 1 ชิ้น แต่ไม่ทันจะเข้าปาก ก็ถูกนับหนึ่งแย่งไป

“ฉันจะกินมังคุด นายเอานี่ไป” แย่งมังคุดมา แล้วยื่นมะม่วงให้แทน

เขาไม่ยอม คิดอยากแกล้งนับหนึ่ง พยายามแย่งมังคุดคืน กอดรัดฟัดเหวี่ยงกัน เขาดึงมือของนับหนึ่งเข้ามาใกล้และใช้ปากงับมังคุดลูกน้อยไว้  หลังจากงับไว้ในปากเขาก็พยายามล็อคมือทั้งสองข้างของเธอ  ไม่ให้มาดึงจากปากเขาได้  นับหนึ่งไม่ยอมจึงใช้ปากตัวเองประกบ เพื่อจะแย่งขนมคืน  โดยลืมไปว่าการทำแบบนี้ คือการล่อลวงเธอด้วยขนมหวาน ไม่ใช่แค่ขนมหวานที่ถูกกลืนกิน  แต่เป็นริมฝีปากของเธอด้วย รสหวานหอมของขนม หรือจะสู้รสหวานหอมจากปากสาวสวยเย้ายวนใจ  มือทั้งสองข้างที่ล็อคไว้  ถูกดึงให้ไปโอบรอบเอวเขา  เขาเองก็โอบรอบตัวเธอ  เคล้าคลึงแผ่นหลังและสะโพก บีบจับเบาๆ ทำให้นับหนึ่งรู้สึกถึงแรงสัมผัสที่เร่าร้อน  ร่ำร้องความต้องการจากกายเธอ อกอวบเสียดสีเนื้อผ้า แนบอกเขาไปมา จนชูช่อพร้อมเบ่งบาน  จากแผ่นหลังเนียนเรียบ เลยเรื่อยมาทางด้านหน้า หยุดที่อกอูมที่ชูช่อ  เขาเคล้าคลึงจนเกิดเสียงครางกระเส่าในลำคอ  หญิงสาวตอบสนองด้วยร่างกายที่พร้อมเต็มที่ ความแข็งขึงเคร่งเครียด แก่นกายชายแทบไหม้  ทุกสัมผัสใต้ร่มผ้าที่ขาของเธอเคลื่อนไหวขึ้นลงด้วยไฟเสน่หา ดุจลาวาที่พร้อมจะประทุออกจากปล่อง

เขายกร่างของเธอขึ้นค่อมจุดกระสัน  ก่อนที่จะใช้มือข้างหนึ่งนำทาง ผ่านกำแพงกั้นของเขาและเธอ  จนเจอถ้ำที่เย็นชุ่มฉ่ำอาวุธของผู้ชายแข็งแกร่งและร้อนแรง ทุกสัมผัสที่สอดใส่ มันแทบจะฉีกร่างบางของนับหนึ่งออกเป็นชิ้นๆ เธอแทบจะกอดรอบคอเขาไม่อยู่ ธนญจึงตัดสินใจ ยกร่างของเธอที่ประกบกันแน่น ขาของเธอขัดเกี่ยวรอบเอวเขาไว้  ธนญใช้แขนทั้งสองประคองสะโพกเนียนนุ่ม  และตรงขึ้นไปยังห้องนอน  ที่คืนก่อนเคยเป็นสวรรค์ของเขาทั้งสอง และค่อยวางเธอลง  ให้ร่างกายทำงานของมัน  ความเร่าร้อนที่รุกโชนของนับหนึ่ง  กระตุ้นแรงกระสันให้เขาเป็นอย่างมาก จากความอ่อนโยนที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า  เริ่มเร็วขึ้น  แรงขึ้น ตามจังหวะบีบรัดของหญิงสาว  ร่างกายที่ร้อนผ่าว  แดงขึ้นเหมือนถ่านไฟที่พร้อมจะประทุ เสื้อผ้าที่ห่อหุ้มร่างกาย ถูกปลดเปลื้องจนสิ้น  แต่มันไม่สามารถคลายไฟสวาทลงได้เลย  กลับยิ่งทวีคูณ  เมื่อเห็นอกอวบอิ่มสั่นไหว  สะโพกผายที่ยกขึ้นลง และแอ่นรับแรงกระแทกทุกจังหวะแบบไม่หวั่นเกรง 

เสียงที่ครางราวกับเจ็บปวด แต่กระเส่าซ่านร้องขออย่าหยุด  เสียงนั้นจุดไฟกามาต่อเนื่องยาวนาน  ครั้งแล้วครั้งเล่า  จนหมดเรี่ยวแรง  ทั้งเหงื่อทั้งน้ำตา ที่พรั่งพรูทำให้ใบหน้าของหญิงสาวเปียกชุ่ม เหงื่อที่ผุดออกทุกอนู  ทำให้ร่างของเขาเปียกและลื่น  เธอพยายามเกาะเกี่ยว จิกกงเล็บให้แน่น  เพื่อไม่ให้เขาขยับเข้าออกเร็วนัก  เพราะมันเหมือนเป็นการทรมานเธอแทบขาดใจ  ยิ่งจิกมันกลับยิ่งลื่นหลุดและช่วยเร้าเขายิ่งขึ้น  สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้เขาไปในที่สุด

แรงบีบอัดครั้งสุดท้ายของนับหนึ่ง  ทำให้ธารลาวาของ ธนญ ทะลักจนล้นปลี่ แรงสั่นสะท้านราวแผ่นดินไหวของร่างกายคนทั้งสอง เตียงนอนสะท้อนเสียงต่อเนื่อง ร่างของชายหนุ่มกระตุกเกร็งและกดร่างของหญิงสาวจมลึกลงบนฟูก  ก่อนที่จะฟุบลงทาบทับอย่างหมดแรง  โดยไม่มีการขยับออกจากกายเธอเป็นเวลากว่า 20 นาที ฟังเสียงรวยรินของลมหายใจที่ข้างหู  ดังเสียงลมเย็นๆ ที่โชยเอื่อย มันมากพอที่จะก่อคลื่นกระสันลูกใหม่ได้อีกครั้ง  ธนญรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาไม่อ่อนตัว แต่เริ่มแข็งขึงขึ้นอีก จนแน่นคับโพร่งนุ่ม ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำอุ่น แทบไม่เชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเร็วเหลือเกิน  เขาไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้ทำอะไรกับเขา ความต้องการที่มันเกินขีดจำกัด  ความรวดเร็วของการก่อตัว  เธอคือยายแม่มดตัวร้าย  ที่เขาเริ่มกลัวว่าตัวเองจะถลำลึก จนหยุดเกมส์ไม่ได้  ด้วยร่างกายที่แข็งแรงเฉกเช่นนักกีฬา  เขายังมีแรงอีกเหลือเฟือ  แต่หญิงสาวที่นอนสงบนิ่งใต้ร่างนี้สิ  จะทานทนไหวไหม

เขายกแค่ส่วนสะโพกของตัวเองขึ้นลงช้าๆ  เพราะมันเริ่มตื่นตัว ไม่วายที่เสียงลมหายใจและเสียงครางของนับหนึ่งเริ่มถี่รัวขึ้น เป็นจังหวะ

“เธอจะให้ฉันหยุดไหม” เขากระซิบที่ข้างหู เพราะเธอดูเหนื่อยมาก

นับหนึ่งส่ายหน้าเบาๆ และเริ่มจับที่สะโพกของเขาด้วยมือที่อ่อนแรงทั้งสองข้าง  เขาสูดหายใจแรงขึ้น  และรวบรวมพลังทั้งหมด  ทั้งแรงและเร็ว  เพื่อปลดปล่อยให้เร็ว จะได้สิ้นสุดการทรมานทั้งสองฝ่าย  อีกทั้งการผละออกจากเธอ เพื่อป้องกันการก่อตัวอีกครั้ง แต่มันกลับผิดคาด  เพราะเธอยิ่งตวัดโอบรัดเขาแน่นขึ้นทั้งแขนที่โอบรอบตัว  และขาที่รัดรึงสะโพกของเขาไว้แน่น  ไม่ให้เขาหลุดจากพันธนาการได้เลย

“ฉันหยุดไม่ได้แล้ว” เขาได้แต่พร่ำบอกเธอที่ข้างหู

“ไม่หยุด ฉันต้องการมากขึ้นอีก”

นับหนึ่งทรมานด้วยแรงกระสัน  แต่ไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาในใจที่มีต่อ ธนญได้ การที่ผู้หญิงหลายคนปรารถนาเขา มันคงเป็นแบบนี้เอง  ถ้าไม่ใช่เขาเธอจะต้องการคนอื่นมากแบบนี้ไหม  ผู้ชายคนแรกในชีวิตสาวที่จุดไฟโหมกระหน่ำได้มากมาย  ราวจะเผาไหม้ร่ายกายของเธอให้เป็นจุล  บัดนี้นับหนึ่งไม่อาจปรารถนาเพียงร่างกายของเขา  แต่หากอยากครอบครองหัวใจของเขาอีกด้วย  การใช้สิ่งนี้จะช่วยให้เธอได้ครอบครองเขาไหม  และเขาจะชอบเธอได้มากกว่านี้ไหม  หรือจะเป็นแบบเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง  เขาจะเบื่อเธอเมื่อไร หากมีผู้หญิงคนอื่นที่มีประสบการณ์และร้อนแรงกว่าเธอ  เขาจะจากเธอไปไหม  ความคิดต่างๆ ประดังประเดเข้ามา  จนกลั้นน้ำตาแห่งความสุข  และน้ำตาแห่งความปวดร้าวใจ น้ำตาจากการทรมานร่างกายด้วยไฟสวาท 

ทั้งสองผละจากกัน  นับหนึ่งนอนคว่ำหน้าแนบกับหมอน คราบน้ำตาที่เปียกชื้นยังเกาะพราวที่แพขนตา  ธนญ นอนหลับตาสงบนิ่ง หายใจเป็นจังหวะขึ้นลงสม่ำเสมอ

“ถ้าฉันค้างที่นี่  เธออาจต้องเหนื่อยอีก จะให้ฉันกลับเลยไหม” เขาเอ่ยถามทั้งที่ยังหลับตา

“เธอก็เหนื่อย  ดูจะเหนื่อยกว่าฉันเสียอีก ขับรถกลับ ดึกมากแล้วมันอันตราย” เธอตอบทั้งที่ยังหันหลังให้อยู่ ทำให้เขาถึงกับยิ้มทั้งที่ยังหลับตา

“ขอบใจ ที่เป็นห่วง” เขาพลิกตัวก้มลงจูบที่แผ่นหลังของเธอ

“อืม” นับหนึ่งขยับนิดหนึ่งเมื่อริมฝีปากเย็นชื้นของเขาแตะที่แผ่นหลัง

“มันเป็นครั้งแรกของเธอ  แต่เธอกลับไม่พูดถึงมัน  เธอมีอะไรจะบอกฉันไหม” เขาตะแคงมองเธอจากด้านหลัง และใช่ปลายนิ้วไล่ไปตามเนินไหล่

“ต้องพูดถึงมันด้วยเหรอ  นายก็แค่ทำฉันเจ็บ” เสียงตอบเรียบ ๆ พยายามเก็บความรู้สึกของตัวเองที่เริ่มมีใจให้เขา

“ครั้งนี้ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม” เขาขยับตัวเข้ามาใกล้จนชิดแผ่นหลัง แก่นกายสัมผัสสะโพก มือใหญ่นิ้วเรียวยาว สอดเข้าเกาะกุมถันอูมนุ่มละมุนอย่างแผ่วเบา  พร้อมก้มจูบที่ข้างแก้ม  แล้วเลื่อนมือไล้ผ่านหน้าท้องแบนราบ สอดนิ้วเรียวยาวผ่านจุดกระสันของหญิงสาว

“ฉันสัมผัสเธอแบบนี้ชอบไหม แล้วแบบนี้ล่ะ” เขากดมันจมลึกจนมิด

ธนญรู้สึกถึงแรงตอดตุบๆ ที่อุ่นร้อนรอบนิ้วทั้งสองที่สอดใส่  นับหนึ่งคู้ตัวจนบันท้ายยกระดก เข่าทั้งสองข้างดันกับฟูกค่อยๆถ่างออก ตามแรงไถลของปลายนิ้วยาวทั้งสองนำทาง ให้แก่นกายชายที่เสียดสีกับสะโพกก่อนหน้า คล่อยปรับตำแหน่ง เคลื่อนสอดใส่แนบลงตามแนวร่อง ด้านหลังก่อนจะเลยผ่านจ่อที่ปากถ้ำของสงวน โดยมีนิ้วที่ช่ำชองของเขาเปิดทางไว้ให้ ขณะที่แท่งลำสอดใส่อย่างไหลลื่น  นิ้วเรียวยาวทั้งสองยังคงบดขยี้ติ่งเนื้ออย่างเร่าร้อนไม่ผ่อน เหมือนโพรงเนื้อที่ถูกเบียดเสียดจะคับแน่น ยากจะถอยกลับ  แต่เมื่อมันถูกดึงออกและย้อนกลับเข้าไปอีกครั้ง  ความลื่นไหลทำให้เสียดลึกยิ่งกว่าเดิม  ก้นน้อยๆ งอนงามเริ่มตั้งฉากกับเข่าที่ยันพื้นราบไปตามเรียวขา  มือของเขาประคองเอวคอดเล็กให้ขยับเข้าออกตามจังหวะ  นับหนึ่งต้องพยุงตัวด้วยการใช้แขนข้างหนึ่งยันกับหัวเตียง  อีกข้างหนึ่งกุมข้อมือเขาไว้แน่น  เสียงครางสะท้านไม่อาจปิดกันได้อีก ดั่งแรงกระตุ้นที่ตอบสนองและพอใจที่มีต่อท่วงทำนองรักที่เขาบรรเลงให้

สำหรับ ธนญ การได้ครอบครองหญิงสาวจากด้านหลัง เหมือนการผสมพันธุ์ของสัตว์ ที่ตัวผู้แสดงถึงชัยชนะเหนือตัวเมีย ความต้องการที่ดิบเถื่อนจากภายใน คือการทรมานทั้งตัวเขาและเธอ  ความหื่นกระหาย ความเสียวซ่านสั่นสะท้านไปทั้งตัว ปรารถนาครอบครองเรือนร่างที่สวยงาม ในทุกท่วงท่า  สร้างแรงกระสันภายในไม่หยุดหย่อน เสียงผิวเนื้อที่กระทบกัน “ผับ ผับ” จนแก่นกายต้องพ่นไฟร้อนออกมาเต็มแรงกระแทกที่จมมิดลำ

“อย่า ได้โปรดอย่าหยุด เร็วอีก แรงอีก  อ่า”

เธอร้องเสียงหลงเมื่อเขากระแทกกายถี่ขึ้นเร็วและรัว เขาส่งแรงครั้งสุดท้ายที่มีทั้งหมด จนตัวสั่นเทิ้ม ล้นทะลักดั่งทำนบแตก  แรงบีบอัดของเธอทำให้เขาถึงกับจุดประกายไฟแตกเป็นเม็ดพวยพุ่งไม่หยุด

เขาล้มตัวลงนอน โอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง  โดยยังไม่ถอดถอนตัวเองออกจากเรือนกายของนับหนึ่ง   ปล่อยให้มันค่อยๆ สงบหลับไปพร้อมกับเขาและเธอในอ้อมแขนของกันและกัน

บทที่เกี่ยวข้อง

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 4

    ธนญไม่ได้นอนอยู่กับเธอจนถึงเช้า เขาจากไปตอนไหน เธอเองไม่รู้สึกตัวเลยด้วยซ้ำ ยังมีอะไรหลายอย่างต้องทำ วันนี้มีเรียนปฏิบัติการชีวเคมี ก็ต้องได้เจอเขาอยู่ดี นับหนึ่งจึงไม่ได้รู้สึกว่าถูกทิ้งและจากไปดื้อๆ โดยไม่บอกลา แม้ร่างกายจะเมื่อยล้าไปทั้งตัว แต่ความรู้สึกภายในกลับมีชีวิตชีวา และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เช้านี้นับหนึ่งมีเรียนต่อเนื่อง 2 วิชา ก่อนพักเที่ยง สมองเริ่มล้า เพราะการอดนอนจากกิจกรรมในค่ำคืนที่ผ่านมา นับหนึ่งยังใช้เวลาในการรับประทานอาหารกลางวันเพียงครึ่งชั่วโมงเหมือนเดิม เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงให้เธอได้พักงีบที่ห้องสมุด พอให้ได้ฟื้นตัว และสามารถเรียนต่อในคาบปฏิบัติการในห้องทดลองอย่างกระปรี้กระเปร่า “ไฮ!” นับหนึ่งทักทายเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ก่อน “หวัดดี” สืบสายทักตอบ ตรีทศและยศพยักหน้ารับ นับหนึ่งไม่เห็น ธนญ กับพีม แต่ก็ไม่เอ่ยถามใคร เพียงหยิบอุปกรณ์การเรียนของตัวเองขึ้นมาเท่านั้น พร้อมกับยื่นสมุดจดบันทึกคืนให้สืบสาย “ขอโทษที อุตส่าห์ขอเบอร์โทรไปแล้วแต่กลั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-12
  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 5

    เขาแอบยืนมองเธออยู่เงียบๆ กอดอกพิงประตูอยู่นานแล้ว ท่วงท่าของเธอน่ามอง จนน่าหลงใหล ใบหน้าเรียวสวยได้รูป ผิวกายขาวใสสะอาดหมดจดไร้การแต่งเติมสีสัน สวยงามตามธรรมชาติ ไหล่มนกลมเกลี้ยงคล้องสายเสื้อนอนเส้นเล็กๆ น่ารัก สะโพกผึ่งผายกลมกลึงนุ่มนิ่มน่าขยำ เอวบางคอดเล็ก หน้าท้องแบนราบ ปลายถันที่เป็นไตชูชัน จนน่าขบกัด กลิ่นหอมอ่อนๆ จากของขวัญที่เขามอบให้ หอมรันจวนใจ จุดไฟปรารถนาให้ลุกโชน พลันสายตาของเธอเห็นเขาในกระจก นับหนึ่ง เอามือป้องปากอุทานด้วยความตกใจ สะดุ้งสุดตัว และหันไปเผชิญหน้ากับเขา “บ้าจริง!” ด้วยความตกใจและโกรธที่เขาเข้ามาเงียบๆ เธอถลันเข้าไปทุบอกเขา 2-3 ครั้ง จนเขาต้องล็อคมือเธอไว้ “ขอโทษ ฉันแค่จะเซอร์ไพร์ทเธอเท่านั้น” เขาขำที่เธอโกรธจนลงมือ “ไหนว่าจะกลับบ้าน ทำไมมีกลิ่นเหล้า ไปดื่มมาเหรอ” เธอต่อว่าเขา “ไปผับกับพัศวีมา” แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง “ลุกขึ้นเลย ตัวเหม็น” พยายามดึงแขนเขา “ฉันเมานะ ขอนอนพักหน่อย” เขาฉีกยิ้ม และรั้งตัวเองไว้ นับหนึ่งถอนหายใจ เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนน้อย ชุบน้ำบิดหมาด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-12
  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 6

    หลังจากรักษาตัวโนโรงพยาบาลร่วมเดือน ข่าวการถูกทำร้ายของพัศวีก็ค่อยๆ เงียบหายไป เนื่องจากการใช้อิทธิพลของครอบครัวกดดันให้สำนักข่าวต่างๆ ปิดข่าวและเลิกสนใจติดตามข่าว ส่วนด้านคดีความ ก็ต้องยอมความ เพราะมันเกี่ยวพันถึงชื่อเสียง และหน้าตาทางสังคม ซึ่งฝ่ายหญิงเองก็ถือว่าได้รับความเสียหายมากเช่นกัน เกศิตา ปุญญะวัชโร เป็นลูกนอกสมรสของ พลวัตร ปุญญะวัชโร ที่เพิ่งกลับมาใช้ชีวิตในไทยเพียง 5 เดือนก่อนเกิดคดีฉาวกับพัศวี และค่อนข้างเป็นที่จับตามมองของสื่อ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ทำให้เธอถูกขุดคุ้ยอย่างหนัก ทั้งความเสเพล และเสพติดกามารมณ์ และการใช้ความรุนแรง เนื่องจากอิทธิพลของครอบครัว ทำให้รอดพ้นจากคดีฉาวต่างๆ มาได้ หลายต่อหลายครั้ง แต่การที่เธอยังคงได้รับเกียร์ติ และยอมรับในฐานะทายาท และได้มีส่วนในการบริหารกลุ่มบริษัทในเครือ เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงที่มีความสามารถสูง คุมบริษัทเครือเบฟเวอร์เรจทั้งหมดไว้ในกำมือ และแบรนด์ดังเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ภายในระยะเวลาอันสั้นหลังจากที่เธอเข้ามาบริหาร กลุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-12
  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 7

    การได้มองดู และสูดดมดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่กำลังเบ่งบานชูช่อสวยงาม ช่างสร้างความเพลิดเพลินให้แก่นับหนึ่งเป็นอย่างมาก กุหลาบหลากสี ส่งกลิ่นหอมกระจายไปทั่ว มะลิ แก้ว พุดซ้อน ฯลฯ ดอกไม้ไทยต้นเล็กต้นน้อย ที่เธอซื้อมาเพื่อทดลองสกัดน้ำมันหอม ก็มีมากมาย แม้เธอจะขลุกอยู่ในเรือนเพาะชำทั้งวัน ก็ไม่มีวันเบื่อ ห้องทดลองที่กั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ซ้อนในเรือนเพาะชำอีกที ของนับหนึ่งได้เริ่มใช้งานมาสักระยะหนึ่งแล้ววันนี้ ธนญ ไม่ได้มาหาเธอ นับหนึ่งไม่ได้โทรหา หรือถามเขาว่าจะมาไหม เพราะเธอเข้าใจดีว่า บางครั้งคนเราก็ต้องการเวลาส่วนตัวของตัวเอง เวลาสำหรับครอบครัว และเธอเองก็เป็นเพียงเพื่อนคนหนึ่งของเขา การคบกันของพวกเธอยังไม่ได้ชัดเจน ต่างยังคงมีระยะห่างของกันและกันอยู่หลังจากกลับจาก งานสังสรรค์เลี้ยงรับขวัญ พัศวี ทุกคนต่างแยกย้าย เขาแค่มาส่งเธอ แล้วก็กลับ เธอไม่ได้ชวนเขาอยู่ต่อ ถึงแม้จะอยากให้เขาอยู่ เขาเองก็ไม่ได้มีทีท่าว่าอยากจะเข้าไปในบ้าน เขาแค่ส่งเธอหน้าประตูรั้วเท่านั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-27
  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 8

    “ทานข้าวเถอะ” นับหนึ่งแตะที่แขน ธนญ เบาๆ ปลุกเขาให้ลุกขึ้นเพื่อรับประทานอาหารเย็นเขาเลิกคิ้ว ด้วยความสงสัย เธอเตรียมอาหารได้อย่างไร เพราะเมื่อมาถึง เขาก็ขอตรงมานอนก่อนเลย โดยลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท“เอามาจากไหน”เมื่อเขาเดินออกมาที่ระเบียงด้านหน้าบ้านพัก นับหนึ่งจัดเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะเล็กๆ เป็นอาหารพื้น ๆ ไข่เจียว ต้มยำ ผัดเผ็ด และข้าวร้อนๆที่ควันยังกรุ่น อาหารเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ผักสดๆ“สั่งจากร้านของกลุ่มครอบครัวเจ้าหน้า ข้างที่ทำการอุทยานฯ เป็นร้านอาหารที่ทำกันเองไว้บริการนักท่องเที่ยวน่ะ ฉันเห็นนายหลับ เลยอยากให้นอนพัก จะได้ไม่ต้องขับรถออกไปหาของกินอีก”“ขอบใจ”อากาศเริ่มหนาวเย็น แต่ธนญสวมเพียงเสือยืดตัวเดียว นับหนึ่งจึงเดินไปหยิบเสื้อกันหนาวมาให้ เธอใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย จนเขารู้สึกชื่นชม“ทานได้ไหม” นับหนึ่งมอง ธนญตักอาหารเข้าปาก“ได้สิ มองฉันกินตลอด ฉันไม่ได้กินอะไรยากขนาดนั้น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-27
  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 9

    เขานั่งมองเธอก่อนตัดสินใจย้ายเธอขึ้นไปนอนบนเตียง เพราะมันอาจทำให้เธอนอนสบายกว่า“ฉันต้องการหกแสน” พระแพงพึมพรำ“หึ” เขาขำในลำคอ ที่ค่าตัวเธอหกแสนเชียวเหรอ“ฉันเกลียดนาย” พระแพงกำลังฝัน และต่อว่าเขาที่มาขัดขวางการยืมเงินของเธอ พร้อมตีเขาที่หน้าอกอย่างแรง“ยายบ้าเอ๊ย! หลับอยู่ยังกล้าตีฉัน”เธอทุบหน้าอกเขาทั้งที่ยังหลับตา สืบสายอุ้มเธอโยนลงเตียง จนเธอร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะร่างกายเธอบอบช้ำ จากแรงกระแทกที่ตกลงจากรถ ความเจ็บปวดทำให้เธอรู้สึกตัว และลืมตาขึ้น เมื่อมองเห็นหน้าเขา พระแพงตกใจสุดขีด จึงถลันตัวลุกขึ้นหนีเขา ลืมว่าตัวเองเจ็บอยู่สืบสายคว้าไหล่ของเธอไว้แล้วผลักลงนอนตามเดิม ความกลัวทำให้เธอดิ้นรน หนีจากพันธนาการของเขา เขาจึงใช้ร่างกายของเขากดเธอไว้กับที่นอน แขนทั้งสองข้างถูกล็อคไว้เหนือศีรษะ ร่างของเขาทับเต็มตัวกดทับลงที่หว่างขาจนไม่สามารถขยับได้“หยุด” เขาคำราม&ld

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-27
  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 10

    แขนที่เกร็งเริ่มอ่อนแรง เปลี่ยนเป็นสัมผัส ลูบไล้แผ่วเบา เขาประคองแก้มพระแพงไว้เต็มฝ่ามือ จุมพิตดูดดื่มแผ่วเบา ปลายลิ้นบางสอดรับปลายลิ้นของเขาที่ซอกซอนกระพุ้งแก้ม ขาทั้งสองข้างตวัดรอบสะโพกที่สอดเข่าทั้งสองเพื่อแอ่นสะโพกผายของเธอให้รับแก่นกายที่ตั้งตรงได้มุม แต่มันทำหน้าที่เพียงสัมผัสหน้าปากถ้าที่ปกคลุมพุ่มริ้วสีดำหยิกขอด เสียดสีไปมาสร้างความเพลิดเพลินทีละน้อย รอจนกว่าปลายกลีบจำปาจะเผยอออก พร้อมน้ำหวานเขาจับมือเธอให้กุมที่แท่งลำของเขา และประคองมือเธอไว้ เขาสอนวิธีสัมผัสที่ช่วยให้เขารู้สึกกระสัน และปล่อยมือให้เธอได้ทำด้วยตัวเอง ก่อนจะทำมันให้กับเธอบ้าง ปลายนิ้วที่กรีดไปตามรอบแยก ขึ้นและลงช้าๆ หนักบ้าง เบาบ้าง จนเธอครางออกมา“ช้าหน่อย”เขากระซิบบอกเธอที่ข้างหู เมื่อเธอสัมผัสเขารุกเร้าเร็วเกินไป เพราะหากแรงกระสันมันมากเกินจะทนได้ เขาอาจจะต้องรุกเธอก่อนถึงเวลาที่ร่างกายเธอพร้อม เขาค่อยๆสอดนิ้วกลางเขาไปจนมิด ร่างของเธอแอ่นรับอัตโนมัติ ไม่ต่อต้าน ดูเหมือนความเจ็บปวดจะจางหายไปแล้ว เพราะร่างกายเธอต้องการเขามากกว่า แรง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-27
  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 11

    สืบสายหายไปเกือบสัปดาห์ แต่พระแพงกลับไม่โทรหาเขาเลยสักนิด เขาเองก็ไม่ เธอไม่รู้ว่าตัวเองต้องอยู่ที่นี่ไปอีกนานเท่าไหร่ เขาบอกว่าเมื่อเธอทำงานให้เขาแล้วจะปล่อยเธอไป แต่เขากลับยังไม่บอกเธอให้ชัดเจนว่าเมื่อไหร่ หรือถ้าต้องการเธอ 60 ครั้งอย่างที่บอก แต่เขากลับไม่มาหาเธอเลย แล้วจะอีกนานแค่ไหนกันที่เธอต้องอยู่ที่นี่ โดยไม่สามารถติดต่อใครได้เลยความคิดต่างๆ ประดังประเดเข้ามาจนสับสนไปหมด พระแพงขดตัว กอดเข่าชั้นอยู่มุมหนึ่งของโซฟา ผล็อยหลับไปอย่างรู้ตัวสืบสายเปิดประตู แล้วต้องแปลกใจที่ทั้งห้องมืดราวกับไม่มีคนอยู่ เขาสงสัยว่าพระแพงแอบหนีออกไปข้างนอก เพราะเขาไม่ได้มาหาเธอเกือบสัปดาห์ เมื่อเปิดไฟในห้องเขาก็ต้องตกใจที่เห็นเธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟา และไม่รู้สึกตัวว่าเขาได้เข้ามาในห้องเลยด้วยซ้ำเขาตรงไปอุ้มเธอขึ้น เพื่อย้ายไปนอนที่เตียง พระแพงก็รู้สึกตัวและรีบดีดตัวหย่อนขาลงที่พื้น เพื่อยืน ด้วยอาการที่ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเขาจะมา เธอแต่งตัวไม่เรียบร้อย และออกจะล่อแหลม เธอจึงรีบวิ่งไปหยิบเสื้อยืด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2021-12-27

บทล่าสุด

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 154

    อาการบอบช้ำตามร่างกายของวิกรม ทุเลาลงมาก เขาร้อนใจ เมื่อพนมกรมารายงานความคุ้มคลั่งของอักษะที่นับวันจะทวีความรุนแรง และออกคำสั่งที่ดูเหมือนคนขาดสติและมิได้ไตร่ตรอง เรื่องหนึ่งไม่ทันจะหายเรื่องใหม่ก็เข้ามาพนมกรประคองร่างที่ยังเดินได้ไม่ดีนักของวิกรมมาที่รถของเขา ก่อนจะรีบเปิดประตูให้วิกรมได้นั่งสบายๆที่เบาะหลัง เขาปฏิบัติต่อวิกรมต่างจากอักษะ ราวกับวิกรมนั้นเป็นนายใหญ่แทนอักษะเสียอีก ดูจะมีความเคารพยำเกรงและเป็นห่วงเป็นใยมากกว่าเสียด้วยซ้ำไม่ทันที่พนมกรจะขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ เสียงโทรศัพท์ของวิกรมก็ดังขึ้น“เรื่องที่ผมเคยขอให้คุณวิกรมลองตัดสินใจ ตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้ว ผมจะไม่รอคำตอบจากคุณอีกแล้วครับ ผมเลือกแล้ว”“มีอะไรหรือคุณเมืองนาย คนของผมเพิ่งมารับผมออกจากโรงพยาบาลวันนี้”“คุณวิกรมทบทวนข้อเสนอของนายธนญหรือยัง ก่อนหน้าที่ผมเคยบอกกับคุณไว้ ว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี และผมฝากคุณวิกรม ไปบอกท่านอักษะด้วยว่า ผมขอยุติการเป็นตัวแทนในการทำธุรกรรมทางการเงินผิดกฎหมายนั่น ถึงผมจะรักเงินมากแค่ไหน แต่น้องชายของผมก็สำคัญกว่าเงินนั่นมากกว่าเป็นหลายเท่า อย่าได้ริอาจมาแตะต้องน้องชา

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 153

    พระแพงมองแผ่นหลังกว้างของสืบสาย ที่แสงจันทร์จับเป็นเงาวาววับ เสียงพูดคุยที่เบา แต่น้ำเสียงหนักแน่น แม้จะได้ยินไม่ถนัดนัก แต่ก็พอเข้าใจจากโทนเสียง น้ำหนักเสียงหนักเบาของเขา ที่แฝงไปด้วยความจริงจังเคร่งเครียดสืบสายรับโทรศัพท์ของธนญที่เรียกเข้ากลางดึก หลังจากที่ต่างฝ่ายต่างเสร็จกิจกันผ่านไปไม่นานนัก นับหนึ่งที่หมดแรงหลับไปแล้ว ส่วนพระแพงเองก็ไม่ขยับตัวเมื่อสืบสายประคองศีรษะของเธอออกจากไหล่ของเขา เพื่อที่จะลุกไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ที่โต๊ะหัวเตียงสืบสายนั่งอยู่ที่ปลายเตียงด้วยร่างกายเปลือยเปล่า หันหลังให้พระแพงที่นอนอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่น ปิดคลุมไว้แค่เนินอก จนกระทั้งรู้สึกว่าไออุ่นที่เคยได้รับจากกายของสืบสายหายไป และไหล่ของเธอเริ่มเย็นเฉียบ จนรู้สึกขนลุก อีกทั้งเสียงใครบางคนที่กำลังคุยกับใคร ทำให้พระแพงค่อยๆ ลืมตา และเพ่งมองไปที่แผ่นหลังของสืบสาย เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นเขา“ฉันจะให้คงทรัพย์ ส่งคนไปเฝ้าคนร้ายที่โรงพยาบาลทันที ฉันกลัวจะเหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้เราต้องมีพยานบุคคลให้ได้ แล้วเพื่อนนายเป็นอะไรมากไหม”“เมืองเหนือปลอดภัย แผลแค่ถากๆ แต่เจ้าหน้าที่หญิงที่ถูกจ

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 152

    ชายที่ตามไล่ล่าพลอยฟ้า ชะงักฝีเท้าทันที ที่เห็นกลุ่มคนมากมายอยู่ที่รถของพวกเขา แต่ไม่ทันที่จะหลบวิ่งหนีกลับเข้าไปในป่า เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็ตะโกนขึ้นด้วยเสียงอันดัง“หยุดนะ ไม่งั้นฉันยิ่ง”ทำให้ตำรวจนายอื่นประทับลำกล้องขึ้นไกปืนทันที แต่คนร้ายกลับไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวกับคำขู่เลยสักนิด พวกเขาวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว จนตำรวจนายนั้นลั่นกระสุนตามทันที จนเสียงดังกึกก้องป่า ราวกับเสียงฟ้าคำรามยามฟ้าฝนกระหน่ำเช่นนี้ พร้อมกับไว่ไล่ตามไป“เกิดอะไรขึ้นครับ”เมืองเหนือที่มาถึงที่เกิดเหตุพร้อมภูผารีบตรงเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ทันที เมื่อได้ยินเสียงปืน“พวกคนร้ายมันวิ่งหนีการจับกุมครับ”“แล้วผู้หญิงล่ะครับ”“เราไม่เห็นคุณผู้หญิง ผมคาดว่าคุณผู้หญิง อาจจะหลบหนี พวกมันถึงวิ่งหน้าตื่นออกมาตามหาไม่ทันระวังตัวแบบนั้น”“หนีหรือ”น้ำเสียงของเมืองเหนือนั้นตกใจ เพราะเขาชำนาญป่าแถบนี้ และรู้ว่าเป็นพื้นที่อันตราย และมีหุบเหวลึกอยู่มากมาย หากคนไม่ชินทางอาจตกลงไปโดยไม่รู้ตัวฝนที่เบาลง ให้พวกเขาตัดสินใจออกตามล่า พร้อมทั้งตามหาพลอยฟ้าไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเชื่อว่าคนร้ายยังไม่ได้ตัวเธออย่

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 151

    ชายสองคนที่นั่งอยู่ในรถกระบะเก่าคร่ำคร่า จอดอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในซอยเล็กๆ ห่างจากบ้านฟ้าร้อยดาวราวยี่สิบเมตร ไม่ได้โดดเด่นหรือน่าสนใจเกินไปนัก ที่จะเป็นที่สนใจของผู้ผ่านไปผ่านมา เพราะปกติจะมีรถที่หลบเข้ามาหาที่จอด เพื่อเข้ามาทานอาหารหรือมาที่คาเฟ่อยู่เป็นประจำ“ผมซุ่มดูอยู่ครับ ห่างออกมาจากหน้าคาเฟ่ราวยี่สิบเมตรครับ ไม่มีใครสนใจเรา ผู้หญิงนักวิจัยที่มาจากขุนวางพร้อมนายเมืองเหนือพักอยู่ที่นี่ครับ เป็นคาเฟ่เล็กๆครับนาย คนไม่พลุกพล่าน แต่อุปสรรคอย่างหนึ่งคือ ดูเหมือนไอ้ภูผาคนสนิทของคุณเมืองนายและน้องชายจะเป็นเจ้าของที่นี่ และมันก็พักอยู่ที่นี่ครับ พวกบนเขามีคนของนายภูผาเฝ้าอยู่ และคอยติดตามเข้าป่าไปพร้อมป่าไม้ครับ ยากมากที่จะเข้าถึง ”ชายคนขับกำลังส่งข่าวถึงใครบางคน ซึ่งปลายสายนั้นรู้จักเมืองเหนือและเมืองนายเป็นอย่างดี อีกทั้งการพูดถึงนักวิจัยหญิง ซึ่งคนเดียวที่อยู่ที่นี่นั่นคือพลอยฟ้า รวมถึงภูผาที่เป็นอุปสรรคของพวกมัน“นายว่าไงพี่”“นายบอกให้รอจังหวะ อย่าเพิ่งบุ่มบ่าม รอดูพวกมันไปก่อน”ทั้งสองเอนเบาะนอนในรถ พร้อมดับเครื่องและแง้มกระจกไว้ให้อากาศได้ถ่ายเท พวกมันตั้งใจ

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 150

    คนของอักษะที่ซุ่มรอดูอยู่บริเวณคอนโดหรูที่พักของตรีทศ รอเวลาที่ลลิตาจะออกมา ในที่สุดเป้าหมายของพวกเขาก็ปรากฏตัว ลลิตาที่เดินเคียงคู่มาในชุดลำลองของตรีทศ สองหนุ่มสาวเดินออกมาบริเวณด้านหน้า เดินไปตามฟุตบาททางเท้าเพื่อไปยังร้านอาหารที่ห่างออกไปราว สองร้อยเมตรคนของอักษะรีบส่งสัญญาณไปยังคนที่อยู่ในรถ ส่วนคนที่เดินตามก็ตามมาห่างๆ แต่คอยรายงานเป็นระยะ จนกระทั่งตรีทศและลลิตาถึงที่หมายเนื่องจากเป็นร้านอาหารดัง ราคาย่อมเยา รสชาติถูกปากผู้คนในย่านนั้น ทำให้มีคนไปใช้บริการจำนวนมาก จนต้องมีการตั้งโต๊ะเสริมล้นออกมายังริมฟุตบาท“วันนี้ลูกค้าเยอะ สงสัยเราคงต้องนั่งข้างนอกนี้แล้วหละ”“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันนั่งได้”“คุณครับด้านในที่นั่งเต็มหมดแล้วครับ”เป็นอย่างที่คิด พนักงานเสิร์ฟออกมาแจ้งตรีทศ เมื่อเขามาถึงและถามพนักงานว่าด้านในยังพอที่นั่งเหลือไหม โดยที่พนักงานนั้นจำเขาได้ดี เพราะตรีทศเป็นลูกค้าประจำ พนักงานเสิร์ฟกุลีกุจอ เข้าไปสำรวจด้านในทันที ก่อนจะกลับออกมาพร้อมความผิดหวัง“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเรานั่งข้างนอกนี่ก็ได้”ตรีทศตอบและหันไปทางโต๊ะเสริมที่อยู่ห่างออกไปด้านหลัง ไกลจากปา

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 149

    ตรีทศตะแคงใช้ศอกค้ำ ฝ่ามือยันศีรษะของตัวเองไว้ นอนมองลลิตาที่มีอาการงัวเงีย เมื่อแสงสว่างจากด้านนอกที่ส่องเข้ามาในห้อง ทำให้ห้องนอนที่แสนจะเรียบง่ายสว่างขึ้น เปลือกตาที่ค่อยๆเปิดออก เธอปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องตอบเขาไป ราวกับไม่เชื่อว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้า คือความจริง ลลิตาคิดว่าตัวเองฝันไป เธอกระพริบตาอยู่สองถึงสามครั้ง“ตื่นเถอะ”เสียงของตรีทศบอกเธอว่า ไม่ใช่ความฝัน ลลิตาตกใจรีบลุกขึ้น เธอมองไปรอบๆ นี่มันห้องของเขาจริงๆ มันไม่ใช่ความฝัน ตรีทศที่ยังนอนมองลลิตาเหยียดยิ้มออก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งลลิตาที่ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงถูกตรีทศรวบเอาไว้ก่อน ลลิตานั่งลงบนตักของเขาอย่างไม่ตั้งใจเพราะแรงยื้อที่เหวียงเข้าหาตัวเขา“คุณทศ ไหนบอกให้ฉันตื่น ฉันจะลุกแล้วนี่ไง”“ผมให้คุณตื่นไม่ได้บอกให้คุณลงจากเตียงเสียหน่อย”ตรีทศกอดรอบเอวลลิตาไว้ เธอนั้นจับท่อนแขนที่แน่นขึ้นของเขา พร้อมทั้งห่อตัว เมื่อตรีทศพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอ“นี่สายแล้วนะคะ ไม่ไปทำงานหรือ”“ผมทำงานโปรเจคฯ ไม่ต้องเข้าสำนักงานก็ได้ นี่ไงที่ทำงานผม”“แต่ฉันต้องทำ”“เจ้านายคุณไม่อยู่ไม่ใช่เหรอ เขาให้คุณดูแลณัฐกา

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 148

    ตรีทศและนิอรที่เดินออกมายังโถงส่วนหน้าของโรงพยาบาล ห่างไปไม่ไกลจากตรงนั้น ลลิตานั่งรอณัฐการอยู่ที่ร้านกาแฟ ตามที่ณัฐการบอก โดยตกอยู่ในภวังค์ความคิดที่กำลังสับสนและหวั่นไหวกับความรู้สึกของตัวเอง“นิอร มาทำอะไรที่นี่น่ะ”ณัฐการในชุดคลุมท้องแสนน่ารัก นั่งอยู่บนรถเข็นที่นางพยาบาลช่วยเข็นมาหาลลิตาที่ร้านกาแฟ“คุณอิ๋ง ไม่ได้เจอกันนานเลย ตั้งแต่คุณออกจากบริษัท พวกเราเหงามากเลยค่ะ เจ้านายไม่พาลูกน้องไปเลี้ยงเหมือนเคย อรขอฟ้อง”“นี่พี่อุ๋งกับพี่หัส ละเลยลูกน้องขนาดนี้เลยเหรอฉันต้องจัดการหน่อยแล้ว”“แล้วนี้มาตรวจครรภ์หรือคะ”ตรีทศมองณัฐการ ด้วยความรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เขาคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อน ณัฐการเองก็มองเขาแว้บหนึ่งก่อนจะจำได้“อ้อ ฉันจำนายได้แล้ว นายเป็นเพื่อนของนับหนึ่งนี่นา ฉันเป็นเพื่อนนับหนึ่ง เราเจอกันบ่อยๆ ที่มหาวิทยาลัย”“อ้อ! จำได้แล้ว เธอชื่ออะไรนะ ติดอยู่ที่ปาก”“ฉันชื่อณัฐการคณะบริหาร”“อ่อใช่ ผมตรีทศ”ตรีทศยิ้มให้ณัฐการ ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน เมื่อจำกันได้“นายเป็นแฟนกับนิอรเหรอ”สิ้นเสียงคำถามของณัฐการ ตรีทศไม่ทันจะได้ตอบ สายต

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 147

    นายอักษะที่อยู่ในอารมณ์ครุกรุ่น โกรธโมโห และบันดาลโทสะ เขาทำร้ายวิกรมไม่ยั้ง ที่คนของวิกรม ทำผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า ชายสูงอายุสองคนที่เคยเป็นเสมือนเพื่อนรัก คู่หู เจ้านายและลูกน้องที่รักกัน แต่เมื่อเป็นเรื่องงาน ที่พลาด อักษะไม่เคยให้อภัยใคร เพราะมันหมายถึงชีวิตทั้งหมดของเขาอาจจบสิ้นลงนายวิกรมที่กองอยู่ที่พื้น ถูกลูกน้องสองคนประคองข้างให้ทรงตัวนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น ในขณะที่ลูกน้องคนหนึ่งยื่นผ้าขนหนูผืนเล็กให้นายอักษะเช็ดมือ เอาเลือดของวิกรมที่เปรอะเปื้อนออก ด้วยสายตาและมือที่สั่นเทา เขาไม่เคยเห็นอักษะซ้อมหรือทำร้ายวิกรมถึงขั้นปางตายขนาดนี้มาก่อน เพราะทุกคนรู้ดีว่าวิกรมคือเพื่อนรัก ที่เคียงบ่าเคียงไหล่ของนายอักษะมาตั้งสมัยยังหนุ่ม จนกระทั่งเรืองอำนาจ อีกทั้งเป็นนายอีกคนของพวกเขา“พามันออกไป”สิ้นคำสั่งสองหนุ่มรีบหิ้วปีกวิกรมออกไปทันที เป็นครั้งแรกที่วิกรมสิ้นลาย และสูญสิ้นศักดิ์ศรีจากการกระทำที่ไม่ให้เกียรติกันของอักษะ สายตาดุดันเข้มขึ้น เขากัดฟัน และข่มความเจ็บแค้นเอาไว้ด้วยร่างกายที่สะบักสะบอม วิกรมถูกหามส่งโรงพยาบาลทันทีเมื่อสิ้นสติเช้าวันใหม่ที่แสงอร

  • กรุ่นกลิ่นรัก แรงปรารถนา   บทที่ 146

    พลอยฟ้าตกใจตื่นขึ้นมาเมื่อใกล้รุ่งสาง ดวงตาที่พยายามลืมขึ้นในแสงสลัวที่ฟ้ายังไม่แจ้งดี พลอยฟ้านอนหันหลังให้เขาด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า มีเพียงผ้าห่มอุ่นคลุมกายอยู่ใต้วงแขน เสียงหายใจแรงของภูผาทำให้พลอยฟ้า ไม่แน่ใจว่าเขาตื่นอยู่หรือว่าหลับก่อนจะค่อยลุกขึ้น และหันไปตามเสียงนั้นช้าๆ ใบหน้าที่เอียงไปทางหนึ่ง แขนทั้งสองวางอยู่บนอก ผ้าห่มคลุมแค่ท่อนล่าง ผิวกายที่ขาวสะอาด มีกล้ามเนื้อเล็กน้อยแต่ดูแข็งแรงพลอยฟ้ามองหาเสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะย่องลงจากเตียง และรีบร้อนสวมใส่มัน และไม่ลืมที่จะเก็บของสำคัญที่เธอตั้งใจมาเอาคืน แต่กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอและเขาลงเอยกันบนเตียงเสียงประตูที่ปิดลงเบาๆ ทำให้ภูผาลืมตา เขาตื่นนานแล้ว แต่เพราะกลัวว่าพลอยฟ้าจะทำตัวไม่ถูก เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับอยู่ เพราะมันก็ยากสำหรับเขาด้วยเช่นกันที่จะต้องเผชิญหากับเธอพลอยฟ้าที่หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า แสงแดดอ่อนๆ ก็ฉายแสงเต็มที่ แต่เธอยังคงหมกตัวอยู่ในห้อง อยากออกไปข้างนอกใจจะขาด แต่ไม่แน่ใจว่าโผล่ไปเจอเขาตอนไหน เธอจึงเอาแต่นั่งเงียบๆ อยู่ในห้องจนกว่าจะได้ยินเสียงของเขา จนกระทั่งช่วงสาย เสียง

DMCA.com Protection Status