Share

บทที 2

สิ่งสำคัญตอนนี้  คือ การเรียน  ผ่านมา 3 วัน  ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ในคืนนั้น  จะยากที่จะลืมเลือน  นับหนึ่งพยายามคิดเรื่องอื่น  เรื่องเรียน  เรื่องเพื่อน  เรื่องการเข้าสังคมใหม่ๆ และสถานที่ใหม่ๆ ที่ยังไม่คุ้นเคย

หลังอาหารมื้อกลางวัน  ยังเหลือคาบเรียนช่วงบ่ายอีก 1 วิชา  ซึ่งดีหน่อยที่เป็นคาบปฏิบัติการในห้องแลบทดลอง  ไม่อย่างนั้น  มันคงเป็นคาบที่ยาวนานและทนต่อภาวะสมองเฉื่อยชาจากอาการอิ่มอาหารอย่างรุนแรง  นับหนึ่งยังไม่ค่อยรู้จักเพื่อนๆ มากนัก  เนื่องจากมีการเรียนการสอนไปก่อนหน้ากว่า 2 สัปดาห์  ก่อนที่นับหนึ่งจะติดต่อเรื่องการเทียบหน่วยกิจ เทียบรายวิชาเสร็จเรียบร้อย หรือวางแผนการเรียนในแต่ละเทอม  อีกทั้งมหาวิทยาลัยค่อนข้างมีพื้นที่กว้างขวาง  อาคารแต่ละหลังอยู่ห่างไกล  ตึกเล็กตึกน้อยกระจัดกระจาย  การเดินเท้าเป็นทางเลือกเดียวของนับหนึ่งในขณะนี้

นับหนึ่งใช้เวลารับประทานอาหารกลางวันเพียง 30 นาที  เพราะต้องเผื่อเวลาสำหรับการหาตึกเรียน  ซึ่งห้องแลบทดลองอยู่ตึกด้านหลังของคณะวิทยาศาสตร์  ลึกเข้าไปห่างไกลจากตัวตึกหลักปกติของคณะฯ  ล้อมรอบด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงา  แต่บรรยากาศอึมครึม  เนื่องจากมีนักศึกษาจำนวนไม่มากที่จะเข้ามาเรียนที่ตึกนี้  นอกจากกลุ่มรายวิชาเฉพาะ  ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาปีที่ 3 และ 4 ปีสุดท้ายที่กำลังจะจบการศึกษา

ตึกใหม่ออกแบบเรียบง่ายทรงตัวแอล 3 ชั้น มีบันไดทางขึ้นด้านข้างอาคาร ทั้ง 2 ด้าน และในตัวอาคารตรงมุมแอลอีก 1 ที่  นักศึกษาส่วนใหญ่จะเดินทางมาที่ตึกนี้จากถนนหลักด้านหลัง  ซึ่งจะตรงเข้าบันไดในตึกตรงกลางมุมตัวแอลพอดี  แต่สำหรับนักศึกษาใหม่เช่นนับหนึ่ง  ที่อาศัยการถามไถ่  และเดินทะลุมาจากตึกสำนักงานหลักคณะฯ จะเจอกับบันไดด้านข้างตึก มุมตรงหัวตัวแอล  ซึงจะลับตาและไม่ค่อยมีคนใช้สักเท่าไร

ห้องเรียนของเธออยู่ชั้นสอง ขณะที่ก้าวขึ้นบันไดได้ 2 ขั้น นับหนึ่งต้องผงะเซเล็กน้อย  จนต้องใช้มือจับราวบันไดช่วยพยุงตัวไว้ไม่ให้ล้ม ชายหนุ่มที่คุ้นตาใช้ฝ่ามือค้ำยันผนังตึก  ในขณะที่อีกมือหนึ่งสอดไปด้านหลังศีรษะของหญิงสาว จูบกับหญิงอย่างดูดดื่ม มีเพียงแค่หางตาที่ชำเลืองดูคนที่เพิ่งมาใหม่อย่างนับหนึ่ง  ซึ่งดูเหมือนจะเข้ามาขัดจังหวะพวกเขา

หญิงสาวร่างเล็กดูจะเขินอายนับหนึ่งและพยายามที่จะผละตัวออก  แต่หนุ่มหล่อวายร้ายกลับไม่สนใจ  และดูเหมือนจะทำเย้ยนับหนึ่งอยู่ในที  นับหนึ่งตั้งหลักและดึงสติกลับคืน  จึงรีบวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว กึ่งเดินกึ่งวิ่ง จนหอบหายใจ เนื่องจากภาพเหตุการณ์ก่อนหน้าทำให้เธอหายใจติดขัด  เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในห้องรับแขกเมื่อ 3 วันก่อน

“     ”  ธนญผละริมฝีปากตัวเองออก มองริบฝีปากอวบอิ่ม ในดวงตาคิดอะไรอยู่ ก่อนปล่อยหญิงสาวรุ่นน้อง ผลักออกเบาๆ และเดินจากมา

“พี่นญ  หนูขอโทษ” สาวหน้าใสทำเสียงเว้าวอน  แต่ก็ไม่ได้ผล เขาจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

ในห้อง A202 นับหนึ่งนั่งที่โต๊ะด้านหน้าใกล้ๆ กับโพเดียม ของอาจารย์ผู้สอน  เพื่อรอนักศึกษาคนอื่นๆ ที่ทยอยกันเข้ามา โดยไม่ทันสังเกตุว่า คนที่ทำให้เธอหวั่นไหว  ก็ได้เดินเข้ามาในห้องและหันมามองเธออยู่ครู่หนึ่ง  และนั่งลงกับโต๊ะด้านหลังกับกลุ่มเพื่อนๆ ของตน

โต๊ะทดลองขนาดใหญ่ถูกจัดวางห่างกันระยะ 2-3 เมตร มีเก้าอี้ประจำ กลุ่มละ 6 ตัว จำนวน 4 กลุ่ม  นักศึกษาแต่ละคนนั่งประจำที่ของตัวเอง  ซึ่งสัปดาห์ก่อนได้มีการแบ่งกลุ่มไว้แล้ว  มีเพียงนับหนึ่งที่มาทีหลัง  ยังไม่มีกลุ่มประจำของตัวเอง  รอให้อาจารย์ผู้สอน แจ้งอีกที ซึ่งทางผู้ช่วยสอน  ได้ให้นับหนึ่งนั่งรอด้านหน้าก่อน จะได้มีการแนะนำตัวกันอีกทีถึงจะเข้ากลุ่มของตัวเองได้

เมื่อทุกคนได้ขานชื่อกันครบแล้ว  ทางศาสตราจารย์ ดร.อรรณพ ได้แนะนำนักศึกษาใหม่ที่โอนย้ายมาจากมหาวิทยาลัยแซมเบีย  ซึ่งอยู่ในแอฟาริกากลาง สาธารณะรัฐแซมเบีย

“สวัสดีค่ะ  ฉันชื่อ นับหนึ่ง ฉันเพิ่งย้ายมาที่ไทยได้ 1 เดือน ก่อนหน้านี้ฉันเรียนที่แซมเบีย ในแอฟาริกากลาง คณะวิทยาศาสตร์ภาควิชาเคมี เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่ ทำงานอยู่ทวีปแอฟาริกาเสียส่วนใหญ่ ฉันเลยเกิดและโตที่นั่น  และเพิ่งได้มีโอกาสกลับมาไทยครั้งแรก  เพราะพ่อและแม่ได้จากไป เนื่องจากอุบัติเหตุ ฉันเลยต้องนำเถ้ากระดูกของพวกท่านกลับบ้าน และถือโอกาสกลับมาเรียนต่อและใช้ชีวิตที่ไทยต่อไป  ยินดีที่รู้จักทุกคนค่ะ  มีอะไรช่วยแนะนำด้วยนะคะ  มีหลายๆ อย่างที่ฉันยังสับสนอยู่บ้าง” ยิ้มพร้อมก้มหัวนิดหนึ่ง

“เดี๋ยวเธอนั่งกับกลุ่มด้านหลังนะ  กลุ่มนั้นมี 5 คน แถมเขามีผู้หญิงคนเดียว จะได้ลงตัวพอดี” ศาสตราจารย์ ดร.อรรณพ ชี้ไปด้านหลัง โต๊ะที่ ธนญ นั่งอยู่

นับหนึ่งถึงกับนิ่งแข็งไปครู่หนึ่ง เมื่อประสานสายตาเข้ากับ ธนญ แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากัน “ใจดีสู้เสือ” สำนวนไทยสำนวนนี้เขาคงใช้กันตอนนี้กระมัง  เธอนั่งลงที่เก้าอี้ตัวที่ว่างอยู่ ตรงข้ามกับ ธนญ กวาดตามองเพื่อนใหม่ทีละคนและยิ้มอ่อนๆ ดูเหมือนสืบสายจะจำเธอได้ และดูเป็นมิตรกว่าคนอื่นๆ แนะนำเพื่อนๆ ให้เธอรู้จัก

“ผมชื่อสืบสาย นี่ธนญ ยศ ตรีทศ ส่วนนั่นพีม” หญิงสาวคนเดียวชื่อพีม วางสายตาแข็งๆ จ้องนับหนึ่งตรงๆ

บรรยากาศอึมครึม เงียบเกินไปสำหรับการเรียนและงานทดลองกลุ่ม  มีเพียงเสียงแก้วทดลองกระทบกันกริ่งแกร่ง กับเสียงเปลวไฟลุกซู่เบาๆ เสียงน้ำ เสียงล้างและเก็บอุปกรณ์  เนื่องจากนับหนึ่งเรียนช้ากว่าคนอื่น  เธอจึงขอยืมสมุดจดเนื้อหาการเรียนคาบเรียนก่อนหน้าจากเพื่อนในกลุ่ม  แต่ไม่มีใครตอบรับและไม่ใยดีเธอเลย  ทำให้สืบสายที่นิ่งเงียบอยู่นาน ยื่นสมุดจดบันทึกการเรียนของตัวเองให้แทน

“ของผมจดไม่ค่อยเรียบร้อยหรอก  แต่จะให้ยืม  แต่ถ้าดีและละเอียดจริงๆ ต้องของ ธนญ เพราะเขาเป็นหัวหน้ากลุ่มและเป็นคนคอยสรุปรายงาน เนื้อหาของแต่ละคาบ  เพื่อรวบรวมส่งปลายภาคอีกที” เขาพูดพร้อมกับมองหน้าที่เฉยเมยของ ธนญ ที่ไม่เงยหน้ามองเธอด้วยซ้ำ  นับหนึ่งได้แต่ยิ้มแหยๆ และรับสมุดของสืบสายมา พร้อมกล่าวขอบคุณ

“ขอบคุณนะ ของคุณก็ได้ ถ้าคนอื่นๆ ไม่สะดวก” และจัดแจงรวบรวมกับสมุดบันทึกของตัวเองใส่ในเป้

“คุณกลับเลยเหรอ”

สืบสายถาม เหลือบมอง ธนญ นิดหนึ่ง เขาก็ยังเฉยอยู่  เขาสนใจนับหนึ่งเพราะก่อนหน้าที่พบเธอที่สโมสร  เธอเป็นหัวข้อการสนทนาของชายหนุ่มในสโมสรเป็นอย่างมาก  อีกทั้งเรื่องราวที่เธอแนะนำตัวนั้นก็น่าสนใจ  จึงอยากทำความรู้จัก

“อืม เรียนคาบนี้ คาบสุดท้ายแล้ว คงกลับบ้านเลย” นับหนึ่งตอบขณะที่ช่วยเพื่อนในกลุ่มเก็บอุปกรณ์

“เราเคยเจอคุณที่สโมสร เฟิร์ส วันนี้เราจะไปกัน คุณไปกับเราไหม”

“ไม่ดีกว่า” นับหนึ่งเริ่มผ่อนคลายกับสืบสายมากขึ้น

“ทำไมล่ะ ก็ไม่มีเรียนแล้ว คุณเพิ่งกลับมาไทย  น่าจะยังไม่ค่อยได้ไปไหน ไปกับเราสิ จะได้พาเที่ยว” เขายิ้มเรียบ ๆ

“สโมสรเฟิร์ส ฉันเคยไปแล้ว คุณต้องพาฉันไปที่อื่นสิ” เธอหัวเราะเบาๆ  เสียงหัวเราะสดใจของนับหนึ่งทำให้พีมและ ธนญ ปรายตามองอย่างไม่สบอารมณ์นัก

ทุกคนเก็บอุปกรณ์เรียบร้อย ตรวจเช็คโดยผู้ช่วยสอน  ต่างคนต่างแยกย้าย แต่นับหนึ่งเรียกสืบสายไว้ก่อน

“สืบสาย รอก่อนค่ะ ฉันรบกวนขอเบอร์โทรศัพท์คุณไว้หน่อยได้ไหม  เผื่อไม่เข้าใจตรงไหนจะได้โทรถาม แล้วก็นัดคืนสมุดให้คุณด้วย เผื่อว่าคุณจะเอาไปอ่านทบทวน” พร้อมยื่นโทรศัพท์ให้

แต่กลับเป็น ธนญ ที่ชิงคว้าโทรศัพท์ไปก่อน และกดหมายเลขโทรออกซึ่งเป็นหมายเลขของเขาเอง

“ถ้าถามเรื่องรายงาน เนื้อหาวิชานี้เธอควรจะถามฉันมากกว่า” แล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้และหมุนตัวเดินออกไป

“มันก็จริงของเขา ธนญ จดได้ละเอียดและรอบครอบกว่าผมเยอะ  แต่นี่เบอร์ผม” สืบสายรับโทรศัพท์มือถือแทนนับหนึ่ง ซึ่งยังยกมือค้างอยู่ตอนยื่นโทรศัพท์ให้เขา กดหมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองให้และโทรออกก่อนวางใส่มือให้เธอรับไป  พร้อมกับกดบันทึกชื่อนับหนึ่งไว้ หันหลังเดินไปทางเดียวกับ ธนญ และยกมือลา

“ขอบคุณนะ แล้วเจอกันคาบหน้า” เธอโบกมือให้

นับหนึ่งยืนรอณัฐการ ที่หน้ามหาวิทยาลัย ชะเง้อมองหารถของเพื่อนสาว  เธอคงจะกลับไปถึงบ้านแล้ว  ถ้าณัฐการไม่โทรมาเสียก่อน  คืนนี้แก๊งสาวโสด จะไปเที่ยวผับออกลีลากันสักหน่อย เนื่องจากวันพรุ่งนี้เป็นวันหยุด  โดยมีณัฐการเป็นตัวตั้งตัวตี  ทั้งที่นับหนึ่งไม่ได้เตรียมตัวหรือมีเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปสถานที่แบบนั้นเลย  แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา กับสาวนักช้อปทั้ง 4 ซึ่งยังมีเวลาในการเตรียมตัว

กลุ่มสาวสวยทั้ง 5 เป็นที่สนใจไม่น้อย โดยเฉพาะนับหนึ่ง  ซึ่งสวยสะดุดตากว่าใคร กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าสุดเซ็กซี่ แต่แอบหรูดูแพง  ร้านแบรนด์เนมชื่อดัง ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ

นับหนึ่ง เลือกชุดสีดำเลื่อม ดูเซ็กซี่เบาๆ กระเป๋าและร้องเท้าเข้าชุดกัน เครื่องประดับไม่แพงมาก สร้อยคอจี้เล็กๆ และต่างหูระย้ารูปดาวน่ารัก ทั้ง 5 สาวมารวมตัวกันที่คอนโดของมัสยา  เพื่อแปลงโฉมสาวงามบ้านทุ่งสะวันนา  ให้เป็นสาวชาวกรุง เทพฯ เมืองอมรของแท้ๆ ว่าสังคมเมืองเราเขาแซ่บกันแค่ไหน

เมื่อการรวมตัวของสาวๆ ที่ทั้งสวยและมีเงินใช้ไม่ขัดสน  ย่อมต้องมีการแข่งกันสวยเป็นธรรมดา  ต่างไม่มีใครยอมใคร  ความสนุกสนานแบบนี้  นับหนึ่งแทบจะไม่เคยสัมผัสเลย  นับแต่เริ่มแตกเนื้อสาว  เนื่องจากประเทศที่เธออยู่  ผู้คนแร้นแค้น  ไม่ค่อยมีสิ่งเร้าร่อตาร่อใจมากมายนัก  ดูจะธรรมดามากๆ เมื่อเทียบกับคนธรรมดาชนชั้นกรรมาชีพของไทยเสียอีก  มันเป็นประสบการณ์ใหม่ และค่อนข้างดีสำหรับนับหนึ่ง  การได้เข้าสังคมทำให้เธอได้ศึกษารสนิยมของผู้คน  ความเป็นเอกลักษณ์ บุคลิกภาพ และภาพรวมความงาม  มันช่วยให้นับหนึ่งเข้าใจธรรมชาติของคน  ความงาม ความต้องการ  ที่ปรับให้เข้ากับรสนิยมการใช้น้ำหอมน้ำปรุง  และกลิ่นจรุงกายต่างๆ ดีขึ้นด้วย

รถหรูคันแล้วคันเล่าเข้าจอดหน้าผับหรูย่านดังของไทย หนุ่มสาวในชุดต่างกายดูดีมีระดับถูกปฏิบัติและต้อนรับจากพนักงานด้านหน้าเป็นอย่างดี  เขาเหล่านั้นล้วนเป็นบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาและเป็นที่รู้จักของพนักงานทุกคน ซึ่งมันเป็นกฎ ที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปเที่ยวที่นี่ได้  นอกจากระดับ VIP เท่านั้น

รถของณัฐการมาจอดที่ด้านหน้าประตูทางเข้า  พร้อมด้วยสาวงามทั้ง 5 ที่เจิดจรัส  โดยเฉพาะนับหนึ่ง  ณัฐการเป็นแขกประจำ ได้ยกระดับ VIP จากการที่ได้ติดตามพ่อและพี่ชายมาเที่ยวเพื่อเอนเตอร์เทรนลูกค้าบ่อยๆ จนเป็นที่รู้จักของพนักงานทุกคน  ไม่ต่างกับทายาทเศรษฐีระดับต้นๆ คนอื่นๆ เลย  ณัฐการส่งกุญแจรถให้พนักงานและพาเพื่อนสาวเดินตามพนักงานต้อนรับเข้าไปด้านใน  ซึ่งได้มีการจองและตระเตรียมโซนที่นั่งไว้ให้เรียบร้อยแล้ว 

สาวสวยทั้ง 5 เป็นที่จับตามองของหนุ่มๆ ไปโดยปริยาย  เนื่องจากส่วนใหญ่ในสถานที่แบบนี้มักจะมีแต่ผู้ชายมาหาความสุข ความสำราญจากการดื่ม และมองหาหญิงสาวที่ถูกใจไว้แก้เหงา  หรือไปต่อตามความสมัครของทั้งสองฝ่าย  เมื่อถึงที่นั่งประจำ  ณัฐการเป็นคนจัดการเรื่องเครื่องดื่มเองอย่างไม่รังเร  เนื่องจากมาเป็นประจำและจดจำเครื่องดื่มแต่ละชนิดได้หมด  และรู้ดีว่าอะไรเหมาะกับใคร  การพูดคุย การดื่มแบบระเรียด ค่อยๆ จิบ ดื่มด่ำกับเสียงดนตรีเบาๆ ช้าบ้างเร็วบ้าง ให้พอได้โยกกันสนุกๆ เป็นอะไรที่เพลิดเพลินมากสำหรับนับหนึ่ง 

ความงามที่เตะตา  และใบหน้าที่เจิดจรัสของนับหนึ่ง  สะดุดตาของผู้มาใหม่  ทั้งที่นั่งอยู่ในแสงสลัว ประกายระยิบจากจี้เล็กๆ และต่างหูรูปดาว  ยามแสงไฟตกกระทบชวนมอง ใบหน้าเย้ายวนที่ยิ้มพรายอ่อนๆ เคอะเขิน กระเซ้าเย้าแหย่กันในกลุ่มเพื่อนสาว

ธนญอึ้งกับความงามที่ปรากฏตรงหน้า  แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ  เดินตรงเข้าไปนั่งในมุมประจำของตัวเอง

“ไฮ! นับหนึ่ง” สืบสายยกมือขึ้นทักขณะที่เดินตรงมาทางกลุ่มของเธอ ซึ่งที่นั่งของพวกเขาอยู่ติดกัน  โต๊ะที่ว่างอยู่นาน  มีเจ้าของแล้ว  ที่แท้ก็กลุ่มเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัยของนับหนึ่งเอง  นับหนึ่งยกมือตอบรับและลุกขึ้นมาหาสืบสาย พร้อมโอบไหล่และเอียงแก้มเข้าหา  แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าที่นี่เป็นเมืองไทย การทักทายแบบนี้ดูไม่ดีเท่าไหร่สำหรับหญิงสาว  เธอเลยแก้เก้อผลักเขาเบาๆ อย่างลืมตัว  ซึ่งภาพดังกล่าวไม่พ้นสายตาของ ธนญ

“ฉันลืมไป  ขอโทษนะ ที่แท้ โต๊ะนี้ของพวกคุณ” พร้อมปรายตามองไปทาง ธนญ และยิ้มให้สืบสายอย่างเขินๆ สืบสายเข้าใจดี

“ไหนว่าจะไม่มากับพวกเรา  บอกจะกลับบ้าน  เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าบ้านคุณใหญ่มาก  รับแต่แขกไฮโซ” พร้อมหัวเราะ

“คุณบอกจะไปที่เฟิร์ส นะ  ถ้ารู้ว่ามาที่นี่ ฉันจะรีบตอบตกลงเลย  ฮ่าฮ่า” นับหนึ่งหัวเราะน้ำเสียงสดใส

“ก็ไปเฟิร์ส มาก่อน  แล้วมาต่อที่นี่น่ะ” สืบสายตอบตามจริง

 “พอดีเพื่อนฉันโทรมาดัก  ยังไม่ทันได้กลับบ้าน  เลยลากกันมาเนี่ย  มาสิ จะแนะนำให้รู้จัก” นับหนึ่งผายมือ เพื่อจะแนะนำเพื่อนๆ ของเธอ

“อืม คนนั้นผมรู้จักดีแล้ว” เขายิ้มกรุ้มกริ่มให้ณัฐการ  เพราะเมื่อก่อนณัฐการเคยพยายามตีสนิทเพื่อเข้าหา ธนญ มาก่อน ไม่วายที่ณัฐการจะถลึงตาใส่ และค้อมศีรษะให้คนอื่นๆ ตามมารยาท

“ตาผมบ้าง  คนนี้คุณยังไม่รู้จัก พัศวี” พัศวีทำหน้าระรื่น  ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าหานับหนึ่ง  แต่ถูกสืบสายบังไว้  นับหนึ่งแอบขำ ในท่าทีของเขา

“ผมพัศวีครับ  เสียดายจังที่วันนี้ผมไม่ได้ร่วมเรียนกับพวกคุณ” พร้อมยื่นมือแตะมือนับหนึ่งเบาๆ

“ยังไงก็นั่งติดกันเรามาแจมกันได้นะ  ได้พูดคุยเลกเปลี่ยนกัน  เพื่อนๆ ของคุณก็เรียนคนละคณะกับพวกเรา  น่าจะมีเรื่องที่น่าสนใจ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ๆ กัน” พัศวีนำเสนอ และมองธนญเป็นเชิงให้สัญญาณ แต่ธนญก็ยังเฉย ไม่ยินดียินร้าย คำตอบอยู่ในเชิงแล้วแต่เพื่อน เพราะเขาไม่ได้สนใจ

“ต้องถามเพื่อนๆ ก่อนค่ะ  เราไม่มีอะไรมากหรอก  แค่อยากดื่มและฟังเพลง ผ่อนคลายกันนิดหน่อย”

เพื่อนๆ ในกลุ่มของนับหนึ่ง  ยินดีเนื่องจากนานทีจะมีโอกาสได้นั่งร่วมวงกับ ธนญรูปหล่อจอมหยิ่งยะโส  ตัวร้ายสำหรับสาวๆ  ถึงอย่างนั้น  เขาก็ยังเป็นชายที่น่าหลงไหลเสมอ  ด้วยรูปร่างหน้าตา  และความเป็นตัวของตัวเองสูง คุณสมบัติ รูปสมบัติครบถ้วน

เก้าอี้และโต๊ะเครื่องดื่ม ถูกเคลื่อนย้ายเข้ามารวมกันเป็นวงใหญ่  จนเป็นที่สะดุดตาของหนุ่มสาวนักดื่มในวงอื่น หนุ่มหล่อสาวสาย  รวมตัวกันจนเป็นที่สนใจ

“พวกคุณมากันเท่านี้เหรอคะ” นับหนึ่งถาม

“ครับ แล้วหนึ่งคิดว่าต้องมีใครมาอีกเหรอ” สืบสายถาม

“แฟนสาวของพวกคุณไง” นับหนึ่งตอบตาใส

“พวกผมโสด  ไม่มีแฟนนะ  แฟนคือสิ่งต้องห้ามของชีวิตหนุ่มโสดอย่างพวกผม” พัศวีรีบตอบ  และฉีกยิ้มจนเห็นฟัน

“อ้าวเหรอ ฉันเห็น ธนญ จูบกับ ผู้หญิงเมื่อตอนบ่าย  นึกว่าเป็นแฟนของเขาเสียอีก” นับหนึ่งพูดเสียงเรียบเฉยเบนสายตามองออกไปทางด้านอื่น พร้อมยกเครื่องดื่มขึ้นจิบ  บรรดาเพื่อนสาวนิ่งเงียบ มองปฏิกิริยาของ ธนญ

“ถ้าฉันจูบผู้หญิง  แล้วกลายเป็นแฟนฉัน  งั้นเธอก็เป็นแฟนฉันด้วยสิ”

ธนญ วางแก้วเปล่าที่เพิ่งดื่มรวดเดียวหมด กระแทกบนโต๊ะ อย่างจงใจให้เกิดเสียงดัง จนทุกคนสะดุ้ง  ถึงกับเบิกตาโพรง สาวๆ เอามือปิดปากด้วยความตกใจ  นับหนึ่ง หน้าเสีย กัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อสะกดอาการสั่น  ด้วยความโมโหที่เขาโพล่งออกมากลางวงและทำท่าเหมือนโกรธ  ทั้งที่เป็นเรื่องจริง ที่คนทั่วไปเข้าใจ ว่าพฤติกรรมกอดจูบ มีแค่คู่รักที่ทำกัน หากไม่ใช่หรือปิดบัง ก็ไม่ควรทำอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่แคร์สายตาคนอื่น  เขาทำให้เธอต้องอับอายจากคำพูดและการกระทำที่ผิดพลาดต่อเธอ  หยุดทุกการเคลื่อนไหว ตาต่อตา จ้องมองกันไม่มีใครหลบใคร  คนอื่นๆ ได้แต่เงียบและมองสถานการณ์ขมุกขมัว อย่างเงียบๆ

ธนญ ได้แต่คิดว่า  ผู้หญิงคนนี้กล้าพูดถึงผู้หญิงคนอื่นของเขาต่อหน้า  ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นๆ ที่พยายามเข้าหาเขา เธอต้องการอะไร  หรือจะสื่ออะไรกันแน่  ด้วยท่าทางในตอนนี้  เธอไม่ธรรมดาอย่างที่คิดจริงๆ การแสดงออกตรงไปตรงมา ใสซื่อที่ใครๆ เห็นมันอาจจะไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของเธอ หรือแค่ส่วนหนึ่ง  แอบร้ายกาจอยู่ในที

นับหนึ่งแก้เก้อ ด้วยการหัวเราะเบาๆ และยิ้มอย่างเสียมิได้ พลางหยิบแก้วเครื่องดื่มแก้วใหม่ ที่บริกรเพิ่งนำมาเสิร์ฟ  ตั้งแต่เข้ามาในผับ และเริ่มดื่ม  เธอดื่มไปเยอะมาก จนน่าตกใจ  เพื่อนๆ ไม่คาดคิดว่าเธอจะคอแข็งและดื่มจัดขนาดนี้

“วันนี้เราทุกคนโสด ใช้ชีวิตวัยหนุ่มสาวกันใช้เต็มที่ มา ดื่ม” สืบสายและพัศวีแก้สถานการณ์ โดยการเปลี่ยนเรื่อง  และชวนให้ชนแก้วดื่มกันต่อ  และเริ่มชวนสาวคณะอื่นคุย

นับหนึ่งขอตัวเข้าห้องน้ำ  เนื่องจากเธอดื่มไปเยอะมาก แต่การเดินและการทรงตัวของเธอยังทำได้ดีเยี่ยม  มีแค่ดวงตาที่ดูจะพล่าลง มองอะไรไม่ค่อยชัด  และมึนๆ นิดหน่อยเท่านั้น ทำให้ไม่ต้องเป็นห่วงเธอมากนัก  ถึงแม้ว่าเธอจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก  และสังคมในสถานบันเทิงที่ค่อนข้างซับซ้อนและอันตราย แต่ดูเธอจะแกร่งและกร้านโลกพอสมควร  ด้วยประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างประเทศ พบผู้คนมาหลากหลายรูปแบบ ทำให้เธอเอาตัวรอดจากสถานการณ์แบบนี้ได้สบายๆ  ทุกย่างก้าวที่งามสง่า เดรสสีดำเลื่อม สายสปาเก็ตตี้เส้นเล็กสีเงินเกาะไหล่กว้าง  สีดำขับผิวให้ขาวผ่อง อกอวบอูม ร่องอกที่แนบชิดเย้ายวน  ชายกระโปรงระบายเฉียงพริ้วยกสูงเหมือนกีบดอกไม้ ตรึงหน้าขาท่อนบนด้านขวา เผยให้เห็นเรียบขายาวได้สัดส่วน รองเท้าส้นสูงเสริมให้ดูสง่างาม  ภาพชวนมองและน่าหลงใหล  มันทำให้ ธนญ หวั่นไหวไม่น้อย  แต่ก็ได้แต่ก็วางท่าเฉยชาอยู่เหมือนเดิม  ปกติเขาไม่ค่อยสนใจผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษ เนื่องจากผู้หญิงส่วนใหญ่จะเสนอตัวและเข้าถึงลวนลามเขาก่อนเสมอ  และแสดงออกชัดเจนว่าต้องการใกล้ชิดเขา  ผิดกับนับหนึ่ง  ที่ทำเหมือนไม่สนใจ แต่เมื่อมีโอกาสก็ไม่ปฏิเสธ หรือพยายามหลบเลี่ยง แต่ก็ตอบสนองอย่างเร่าร้อน มันทำให้เขานึกถึงจูบในคืนนั้น

การที่ ธนญ ประกาศว่าเขาและนับหนึ่งได้จูบกันแล้ว  ทำให้เพื่อนๆ ต่างรับรู้อยู่เป็นนัยว่า  นับหนึ่ง ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้หญิงของเขาแล้ว  ทำให้การปฏิบัติต่อนับหนึ่ง ของสืบสายและพัศวีต่างออกไป  รวมถึงสาวๆ ที่ต้องระวังตัวมากขึ้นจากสายตาที่ ธนญมองมาที่พวกเธอและนับหนึ่ง 

หลังจากเข้าห้องน้ำกลับมาหลายรอบ  นับหนึ่งเริ่มเคลื่อนไหวช้าลง พูดน้อย และสงบลงมากเนื่องจากความเมา  เวลาก็ล่วงเลยมามาก จนถึงเวลาผับเลิก ด้วยความถูกอัธยาศัยต่อกันในกลุ่มเพื่อนชายหญิง  จึงไม่เกิดความเบื่อหน่ายที่จะสนทนากันในเรื่องราวและประสบการณ์ที่ต่างกันออกไป  เป็นครั้งแรกที่เขาและเธอดื่มกันจนผับปิด จนเมื่อถึงเวลาแยกย้าย  หนุ่มๆก็อดที่จะห่วงสาวๆ ไม่ได้  เนื่องจากแต่ละคนก็ไม่ต่างจากนับหนึ่งมาก  แต่ก็ยังได้สติอยู่  ณัฐการไม่สามารถขับรถของตัวเองได้  จึงได้ใช้บริการพนักงานของสถานบันเทิงขับรถไปส่งที่คอนโดของมัสยาซึ่งไม่ไกลนัก และอาศัยค้างแรมด้วย เพราะหากกลับบ้านในสภาพนี้  คงโดนบ่นไม่จบแน่  ส่วนอีก 2 สาว ขอแยกกลับรถที่เรียกใช้บริการจากแอพพลิเคชั่น  โดย พัศวี อาสานั่งไปเป็นเพื่อน  เนื่องจากสองสาวกลับลำพังเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย  สืบสายนึกขำพัศวี เจอหญิงแล้วทิ้งเพื่อน

สำหรับนับหนึ่ง  เป็นอันเข้าใจกันเองว่า ธนญ จะเป็นคนไปส่ง ตามพฤติการณ์ที่ผ่านๆ มา  ซึ่งณัฐการเองก็ไม่อยากให้นับหนึ่งไปกับ ธนญนัก  แต่ก็ขัดไม่ได้  แต่ด้วยสถานการณ์และความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและไม่ค่อยชัดเจนของพวกเขา  และการที่ ธนญ และนับหนึ่งพูดถึงการจูบของพวกเขา ด้วยตัวเอง ก็ได้ประกาศความเป็นเจ้าของ และการเป็นผู้หญิงของ ธนญ แล้ว  ซึ่งไม่มีใครอยากมีปัญหากับเขาอย่างแน่นอน  ถือว่านั่นคือเรื่องส่วนตัวของพวกเขา

“คุณจะไปส่งฉันเหรอ เมาไม่ขับนะ” นับหนึ่งจิ้มไปที่หน้าอกของเขาขณะที่รอให้พนักงานนำรถมาให้

“ฉันไม่ได้เมานี่  เธอต่างหากที่เมา” เขาพูดจบก็โอบรอบเอวพยุงเธอไปนั่งข้างคนขับขณะที่บริกรหนุ่มเปิดประตูให้  และอ้อมมานั่งประจำที่คนขับ

ธนญดื่มไปเพียงนิดเดียว  เพราะเขาแค่จิบมันเป็นพิธีเท่านั้น  ในเมื่อเพื่อนๆ อยากสังสรรค์ เขาก็ไม่อย่างขัดบรรยากาศความสำราญของคนอื่นๆ

รถหรูคันเดิมจอดที่หน้าป้อมรักษาความปลอดภัย  ดูเหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะจำเขาได้  เนื่องจากมีไม่บ่อยนักที่จะมีรถหรูราคาแพงมาที่หมู่บ้านแห่งนี้  คราวนี้การตรวจสอบและแลกบัตรทำได้รวดเร็วขึ้น  เนื่องจาก ธนญเองก็ยื่นบัตรให้เขาเองโดยไม่ต้องร้องขอ และมาถึงหน้าบ้านของนับหนึ่งอย่างรวดเร็ว  เธอกดรีโหมดเปิดประตูรั้วอัตโนมัติ และยื่นกุญแจให้เขาอย่างไม่รังเร  เนื่องจากเธอเมามาก แต่ก็ยังรู้ตัวดีว่าตัวเองคงไม่สามารถเปิดประตูบ้านด้านในได้ด้วยตัวเอง

คาดเดาอะไรจากผู้หญิงคนนี้ยากจริงๆ เธออ่อยเขา ให้ท่า หรืออะไรกันแน่

“เธอกำลังให้ท่าฉันเหรอ” เขาเปิดประตูและผลักเธอเบาๆ ให้เดินเข้าไป เพราะเธอสามารถทรงตัวยืนมองเขาไขกุญแจได้แล้ว  ก็ควรจะเดินเอง

“อะไรคือให้ท่า  มันหมายความว่าอย่างไร” เธอเซ 2-3 ก้าว แล้วหันกลับมาถามเขา

“ให้ท่าก็คือให้ท่า  คิดเอาเอง”

ด้วยท่าทียียวนของ ธนญ ทำให้นับหนึ่งหัวเสีย หงุดหงิดและ คับข้องใจ ไม่เข้าใจความหมาย เธอเดินไปเปิดไฟ ชนโต๊ะ ชนเก้าอี้ไม่ได้สนใจ  และเดินตรงไปด้านหลังเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นยกกรอกใส่ปาก กลืนลงคออึกใหญ่  จนน่าตกใจ  ธนญ เห็นเช่นนั้นกลัวเธอจะสำลัก จึงรีบเข้าไปดึงออก ทั้งสองยื้อแย่งกัน ทำให้น้ำหกลงร่องอกของนับหนึ่ง และกระฉอกโดนเสื้อเชิตขาวของเขาจนเปียก

“ยายบ้าเอ๊ย!” เขากระชากขวดวางกระแทกลงบนโต๊ะ

“นายมาแย่งฉันทำไม ฉันจะดื่มน้ำ”

อารามตกใจ นับหนึ่งเดินเซ ไม่ตรงนัก ไปหยิบทิชชู มาซับน้ำออกให้เขา  ดูเหมือนจะส่างเมาทันทีเมื่อมีเหตุให้ตกใจ  การดื่มน้ำมากๆ ช่วยให้เจือจางฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ได้มาก  ตลอดทั้งคืนเพื่อนๆเห็น นับหนึ่ง ดื่มเยอะก็จริง  แต่เธอก็จะดื่มน้ำเปล่าตามด้วยทุกครั้ง  การที่เธอดื่มเยอะ เธอก็แก้พิษแอลกอฮอล์ลงได้เร็วขึ้นด้วย

“หายเมาแล้วเหรอ  คล่องเชียว” เขาจับมือเธอออก และจัดการตัวเองโดยจับเสื้อสะบัดให้เกิดลม

“ถอดเสื้อ  เดี๋ยวฉันจัดการให้” นับหนึ่งโยนทิชชูทิ้ง และพูดหน้าตาเฉย

“จะทำไร” เขาเอียงคอถาม พร้อมท้าวสะเอว

“ถอดเถอะน่า”

นับหนึ่งปลดกระดุมของเขาทีละเม็ด  ปลายนิ้วเรียวเล็กเย็นชืดที่สัมผัสแตะเบาๆที่หน้าอก จนถึงหน้าท้องทำให้ใจของ ธนญ เริ่มเต้นแรง ผิดจังหวะ แต่ไม่ทันทีที่นับหนึ่งจะดึงเสื้อออกจากไหล่ของเขา  ก็ถูกล็อคข้อมือทั้งสองข้างไว้

“แน่ใจแล้วเหรอ ที่ถอดเสื้อผู้ชายแบบนี้” เขาจ้องตาเธอตรงๆ

“นายสิ  คิดอะไร  ฉันแค่จะเอาเสื้อไปเป่าให้แห้ง”

นับหนึ่งเองก็จ้องตรงๆ ตอบไปตามจริง พร้อมกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ พลันนึกถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ มันก็ดูเหมือนผู้หญิงกำลังแก้ผ้าผู้ชายเพื่อ?

ธนญ ปล่อยมือ  นับหนึ่งดึงเสื้อของเขาไปและเดินขึ้นชั้นบนอย่างรวดเร็ว ทั้งที่ยังสวมรองเท้า เสียงส้นสูงกระทบเสียงบันไดดังกึกก้อง  อึกกระทึกอยู่พักหนึ่ง  ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเสียงปลายเท้าเบาๆ ลงมา

ขณะที่เขายังยืนเคว้งเปลือยท่อนบน แก้เก้อด้วยการหาน้ำดื่มขวดใหม่มาดื่มเอง  นับหนึ่งก็ยื่นเสื้อยืดตัวโคร่งสีขาวให้  พร้อมวางเสื้อเชิตของเขาบนโต๊ะ เสียบปลั๊กเครื่องเป่าผม เป่าเสื้อของเขาอย่างรวดเร็ว  เธอใช้มือจับเครื่องเป่าผมส่ายไปมา เป่าในระยะใกล้อย่างระมัดระวัง  เขาเผลอยืนมองภาพนั้น และยิ้มออกมา  หญิงสาวร่างบาง สูงโปร่ง เท้าเปลือยเปล่า ในชุดเดรสสีดำเลื่อมขับผิวขาว เผยผิวขาวเรียบเนียนของแผ่นหลังถึงขอบเอวคอดเล็ก  เรียวขาขาวยาวได้สัดส่วน โผล่พ้นกลีบกระโปรงย้วยถึงต้นขา  เสื้อคอด้านหน้ารูปตัววี ที่มีคราบน้ำชื้นๆ จากการยื้อแย่ง หยดน้ำเล็กๆ เกาะพราวอยู่ในร่องอกอวบที่แนบชิดติดกัน  ผมยาวสยายละเคลียแก้มและไหล่ พาดยาวถึงกลางหลัง

เขาตกอยู่ในภวังค์นั้น นานเท่าไร ทันทีที่เจ้าของเรือนร่างงามหันมา

“ไม่ใส่เสื้อล่ะ  ตัวนี้ใหญ่มาก  นายใส่ได้  เดี๋ยวจะเป็นหวัดนะ” เธอหันมาเตือน เมื่อเขายืนนิ่งมองเธออยู่อย่างนั้น

เขาสะดุ้งนิดหนึ่งเรียกสติตัวเองกลับมา และสวมเสื้อยืดที่เธอยื่นให้และเดินผละไปที่ห้องรับแขก  นั่งรอที่โซฟา  และเผลอเป่าปาก พร้อมกับส่ายหัวตัวเองเบาๆ แบบไม่เชื่อในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำให้ตัวเองตกอยู่ในภวังค์

เสียงเครื่องเป่าผมดับลง  มีเพียงความเงียบ จนนับหนึ่งสงสัยว่าเขาทำอะไรอยู่จึงเงียบไป นับหนึ่งลองใช้หลังมือสัมผัสเนื้อผ้า  ว่าแห้งดีแล้ว  จึงถือมันเดินมาให้เขาที่ห้องรับแขก  แต่ภาพที่เห็น  เหมือนเวลาถอยหลังไปเมื่อ 3 วันก่อน  ที่เขานอนหลับอยู่บนโซฟา ทำให้นับหนึ่งได้แต่ยืนเก้ ๆ กังๆ ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี  แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจ แตะเบาๆที่แขนของเขา

“ธนญ ตื่นเถอะ เสื้อนายแห้งแล้ว”

“    “ เขาค่อยๆ ลืมตา มองหญิงสาว ที่นั่งยอง ๆ ข้างโซฟา  จนใบหน้าอยู่ห่างกันแค่เอื้อม

เขายื่นมือ ใช้หัวแม่มือไล้ไปที่ฝีปากบางของเธอเบาๆ

“นอนกันนะ”

นับหนึ่งตกตะลึงกับคำพูดเรียบง่ายที่ยังไม่ทันจะตอบ  เขาก็ใช้แขนอีกข้างตวัดรอบเอว ดึงเธอเข้ามาใกล้  พร้อมใช้มือที่ไล้ริมฝีปากช้อนใบหน้าของเธอมาจูบเบาๆ และเคล้าคลึงดูดดื่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อไฟร้อนภายในร่างกายเริ่มประทุ อารมณ์สวาทของวัยหนุ่มสาวเรียกร้อง เสริมด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์อ่อนๆ คำปฏิเสธยากจะเอ่ย สัมผัสลูบไล้ทั่วแผ่นหลังมันซาบซ่าน กลิ่นกายสาวหอมละมุน ผิวกายเนียนนุ่ม สัมผัสถึงความเร่าร้อนภายใน  ยามที่ริมฝีปากเลื่อนต่ำไล้ไปตามลำคอจนถึงเนินอกนุ่มละมุนที่กระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ แตะปลายลิ้นแผ่วเบาจุมพิตอุ่นๆ ลงบนผิวเนื้อเย็น กลับร้อนดังถูกไฟเผา

เขาลุกขึ้นอุ้มเธออย่างรวดเร็ว สับเท้าก้าวยาวๆ ขึ้นบันได้ไปสู่ชั้นสอง ยังห้องนอนของเธออย่างรวดเร็ว  เดาไม่ยากว่าห้องไหน  ในเมื่อประตูที่ถูกเปิดแง้มไว้บอกเป็นสัญญาณ  เนื่องจากความรีบร้อน นำเครื่องเป่าผลลงไปข้างล่าง  เธอจึงไม่ได้ปิดประตูห้อง  ดูเหมือนฉากรักนี้จะเตรียมพร้อมสำหรับเขา  ไม่มีช่องว่างหรือช่วงเวลาที่จะต้องพูดอะไร  ให้ได้ปฏิเสธซึ่งกันและกัน

เขาวางเธอลงบนเตียง พร้อมโน้มตัวเองลงทาบทับ บรรเลงจูบ เคล้าคลึงร่างกายของ นับหนึ่ง อย่างโหยหา และหิวกระหาย มือไม้รู้จักหน้าที่ของมัน  ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ติดขัด การปลดเปลื้องอาภรณ์ของเธอและเขา อย่างช่ำชอง ไม่มีบทรักใดจะยาวนานเท่า  ความเร่าร้อนรันจวนใจ  สัมผัสรุกและรับของทั้งฝ่ายไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่ากัน เพลงรักที่บรรเลงร่วมกันไม่มีติดขัด เมื่อความต้องการถึงขีดสุดด้วยกันทั้งสองฝ่าย

นับหนึ่ง แม้เริ่มต้นวัยสาวในต่างแดน  แต่ก็ไม่ได้มีความช่ำชอง  หรือพลาดพลั้งให้กับพลังความต้องการทางเพศ  หรือความสัมพันธ์กับใครมาก่อน  เพราะเธอไม่เคยสนใจชายหนุ่มคนไหนเป็นพิเศษ  จึงสามารถยับยั้งความต้องการทางธรรมชาติของตัวเองได้ มาโดยตลอด  เพราะสิ่งที่แม่พร่ำบอกเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร มันเกิดขึ้นได้ทุกขณะ มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่าจะยับยังชั่งใจได้มากน้อยแค่ไหน  หากไม่สามารถต้านทานได้ ก็ต้องรู้จักวิธีป้องกันตัวเอง ด้วยความเป็นคนเรียบง่ายและเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ 

นับหนึ่ง รู้จักหลบหลีกปัญหาที่จะเกิดและตามมาในภายหลัง เธอจึงไม่เคยคบกับใครในลักษณะชู้สาว  จึงไม่เข้าใจความต้องการที่แท้จริงของร่างกาย เมื่ออยู่กับคนที่มีจิตเสน่หา มันเกินต้านทานเพียงใด  บัดนี้ชายหนุ่มตรงหน้าเข้ามาอยู่ในใจของเธอตั้งแต่แรกพบ แม้พยายามปฏิเสธและสารพัดเหตุผลที่ประดังเข้ามาในหัว  ก็ไม่สามารถทานต่อแรงปรารถนาทางกายที่มีต่อเขาได้ แม้จะรู้สึกเจ็บ  แต่มันก็แปลกใหม่ ที่มาพร้อมความเสียวซานรันจวนใจ  และเคลิบเคลิ้มประดุจลอยอยู่บนปุยเมฆ  เสียงหอบ หายใจแรง เสียงกระเส่าด้วยแรงปรารถนา ที่ดังก้องอยู่ในหู ครั้งแล้วครั้งเล่า  จนค่อยๆ หายไปในค่ำคืนอันยาวนาน

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status