กรงรักในมือซาตาน
ตอนที่ 21
(ห้องแดง)
...ห้องแดงที่มีไว้สำหรับกิจกรรมพิเศษ ห้องต้องห้ามที่คนนอกจะเข้ามาได้ต้องได้รับอนุญาตจาก เชคฮ อานัส เพียงคนเดียวเท่านั้น หากใครฝ่าฝืนหรือลักลอบเข้ามาต้องถูกคาดโทษหนัก
"ห้ามใครเข้ามาวุ่นวายกับเรา หากเราอยู่จนพอใจแล้วจะออกไปเอง" อานัสสั่งการกับคนสนิทอยู่ประตูหน้าห้อง
"ครับท่าน" อัมกาสรับคำสั่งพร้อมก้มหัวเล็กน้อยด้วยความเคารพ
"ให้คนดูแลฟาตินให้ดี อย่าได้มีอะไรบกพร่อง หากเธอต้องการอะไรก็ให้รีบตามใจหามาให้เธอ...ยกเว้นก็แต่..." คำสั่งการถึงอีกคนที่นึกห่วงใย แม้จะตีตัวออกมาก็ยังมีเธอในห้วงความคิดเสมอ
"ครับท่านกระผมทราบดี จะกระชับซาดียะห์ให้อย่างดีครับ"
ว่าจบประตูห้องแดงก็ถูกปิดลงสนิทเมื่อสิ้นคำตอบรับของอัมกาส ห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นอย่างดี แม้เสียงที่อยู่ภายในจะดังแค่ไหนก็ไม่สามารถเล็ดลอดออกมาได้
...เชคฮ อานัส ขลุกตัวอยู่ในห้องนั้นนานจวบจนข้ามวัน ยังไม่มีทีท่าจะออกมาแม้แต่น้อย ห้องแดงที่ทุกคนรู้ดีว่ามีไว้เพื่อการใด หญิงรับใช้ที่เคยอยู่เฝ้าปรนนิบัติหน้าห้องถูกสั่งให้ออกไปทั้งหมด
////////
"จะไปไหนหรือคะ?" ซาดียะห์ที่คอยรับใช้ฟาติน เธอเอ่ยถามเมื่อเห็นฟาตินพยายามที่จะลุกยืน
"อึดอัด อยากสูดอากาศบ้าง" ฟาตินบอกเล่าเสียงเศร้าเมื่อเธอรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ
"ถ้าอย่างนั้นรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวเอารถเข็นมารับค่ะ"
"อืม"
ซาดียะห์ยิ้มรับอย่างเป็นมิตร เดินทอดน่องไปยังรถเข็นก่อนจะพามาหยุดตรงหน้าผู้หญิงของนาย
"ระวังนะคะ"
"ขอบใจนะ"
ซาดียะห์คอยประคองคนป่วยลงจากเตียงให้นั่งรถเข็นด้วยความระมัดระวัง แล้วพาเธอไปเข็นออกมาจากห้องตามทางเดินของคฤหาสน์หลังโต
"ซาดียะห์"
"คะ?"
"นั่นห้องอะไรเหรอ?...มันดูลึกลับน่ากลัวจัง"
"นั่นเรียกว่าห้องแดงค่ะ เป็นห้องต้องห้ามที่นายท่านใช้ทำกิจส่วนตัว ห้ามผู้ใดเข้าไปหากไม่ได้รับอนุญาต"
"กิจส่วนตัว?"
"ค่ะ ตอนนี้อากาศยามเย็นคงสวยงามเราไปกันดีกว่านะคะ"
"อืม"
ระหว่างทางเดินที่ต้องผ่านห้องแดงที่ทะลุไปยังสวนแมกไม้นานาพรรณสวยงามด้านหลัง ห้องแดงที่อยู่แอบซ่อนลับสายตา ต้องผ่านด้านหลังถึงจะเห็น มันสะดุดตาฟาตินจนต้องเอ่ยถาม บานประตูที่ถูกแกะสลักลวดลายของราชสีห์ที่กำลังคำราม ความสวยงามจากงานฝีมือที่แอบซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่ฟาตินสัมผัสได้ คำว่ากิจส่วนตัวที่เธอน่าจะเข้าใจความหมายไม่ผิดเพี้ยนว่าหมายถึงอะไร?
"ซาดียะห์ ท่านอานัสไปที่ห้องแดงนั่นบ่อยไหม?"
"ตั้งแต่ที่คุณเข้าโรงพยาบาลท่านก็ไม่ได้ไปนานแล้วนะคะจนวันนี้ที่ท่านเข้าไป มีอะไรหรือเปล่าคะ?"
"ไม่มี"
แม้จะสงสัยอยู่ลึกในใจ ใบหน้าที่ดูเฉยชานิ่งขรึม แต่ในสมองก็คิดเตลิดไกลจนถลำลึกแอบซ่อนความรู้สึกบางอย่างไว้โดยไม่รู้ตัว เธอทอดสายตามองดอกไม้สีสวย ต้นไม้เขียวขจีสวยงาม อากาศยามเย็นที่มีแสงแดดอ่อนกระทบผิว ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นจนแทบลืมความเจ็บปวดที่มีไปในบัดดล
"อีกคนที่เคยอยู่กับซาดียะห์นางไปไหนเสียล่ะ ฉันไม่เห็นเลย" ฟาตินเอ่ยถามเมื่อตั้งแต่บ่ายคล้อยไม่พบกับคู่หูหญิงรับใช้แม้แต่เงา
"ได้ยินว่าท่านอานัสเรียกให้ไปพบที่ห้องแดงค่ะ"
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 22(เห็นเต็มสองตา)"หะ ห้องแดงอย่างนั้นหรือ""ค่ะ""ไหนบอกว่าต้องห้าม?""ท่านอนุญาตเลยเข้าไปได้ค่ะ"คนที่ได้ยินคำตอบถึงกับย้อนถามติดขัด เมื่อความคิดนั้นเตลิดล่องลอย ไม่รู้ว่าตอนนี้มีความรู้สึกอะไรอยู่ภายใน หัวใจที่เต้นปกติกลับเต้นเร็วถี่ จึงย้อนถามซาดียะห์อีกรอบ และคำตอบที่ได้ทำให้ฟาตินนั้นถึงกลับเงียบทันที(เข้าไปทำอะไรนะ)ฟาตินนั่งจ้องมองดอกไม้สีสด พลางคิดในใจกับสิ่งที่ได้รับฟัง ทำให้นึกหวั่นในอก"เข้าข้างในคฤหาสน์ไหมคะ นี่ก็ออกมานานแล้ว" ซาดียะห์เอ่ยถามอย่างนึกห่วง เพราะตั้งแต่ออกมาชมธรรมชาติเธอก็นิ่งเงียบไม่คิดปลีกตัวไปจุดไหน"ยังจ้ะ ขออยู่แบบนี้อีกสักพักนะ" ฟาตินตอบรับเสียงเรียบนิ่ง สายตายังคงไม่ลดละจากดอกไม้ไปไหน เธอมองอยู่แบบนั้นอย่างคนเลื่อนลอย สีหน้าที่ไม่อาจเดาความรู้สึกได้ว่าตอนนี้เธอเป็นแบบไหน คนที่อยู่ใกล้จึงทำได้เพียงดูแลห่วงใยเท่านั้น"ค่ะ"เธอนั่งนิ่งแบบนี้อยู่นาน สายตามองไกลทอดยาวออกไปอย่างคนเลื่อนลอยไร้จุดหมาย จวบจนพระอาทิตย์ที่เปล่งแสงจ้าเลือนหาย ดวงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้าลงสู่พื้นพสุธาจนมืดมิด"เข้าไปข้างในเถอะนะคะ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อากาศข้างนอก
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 23(เถียงเก่ง)...สองขายาวก้าวเดินเข้าทายังห้องนอนที่โอ่อ่าในยามราตรีอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่จัดการชำระร่างกายจนสะอาดตามที่ใจปรารถนา อานัสเปิดประตูเข้ามาแล้วกวาดสายตามองหาคนที่เฝ้ารอ คนที่ร่างกายยังไม่หายดีนั่งหลังพนักเก้าอี้นุ่มตรงระเบียง สายตามองสูงไปยังดวงจันทร์ที่ส่องแสงที่เหลืองนวลเต็มดวง เฝ้าคิดใคร่ครวญทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเจอมา ไม่รู้ว่าโชคชะตากำลังทดสอบสิ่งใดต่อเธอกันแน่ ถึงได้พบเจอแต่สิ่งเลวร้ายทำลายทั้งจิตใจและร่างกาย"ทำไมต้องเจออะไรแบบนี้ด้วยนะ" เธอพูดเสียงเบาหวิวดั่งสายลมเพียงลำพัง ท่ามกลางแสงไฟและดวงจันทร์ที่สลัวในยามค่ำคืน นึกน้อยใจในโชคชะตาที่ทำให้ต้องเจอเรื่องราวที่เลวร้ายเช่นนี้ เวรกรรมอันใดทำให้ไม่เคยได้พบกับคำว่าความสุขที่แท้จริง"ทำไมออกมาข้างนอกแบบนี้ อากาศเย็นแล้วเข้าข้างในเถอะ" อานัสที่เดินมาหาใกล้ เอื้อนเอ่ยวาจาด้วยสีหน้าและน้ำเสียงนิ่งเรียบ"............" เสียงพูดทำให้ฟาตินนั้นหยุดนิ่งความคิดทุกอย่าง เธอไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาเพียงเสี้ยวสายตา ได้ยินทุกวาจาคำพูดที่เขาเอื้อนเอ่ยแต่ไม่คิดสนใจ ทำเพียงหยัดตัวลุกยืนแล้วเดินกลับเข้ามา
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 24(วันนั้น)(วันนั้นที่นายท่านเรียกไปห้องแดง มันเกิดอะไรขึ้นเหรอฮาน่า...เพราะปกติท่านสั่งหนักหนาน้อยคนจะได้เข้าไป)((นายท่านสั่งแค่ว่าให้เข้าไป ไม่มีอะไรนะนอกจากเก็บเศษแก้วไวน์ที่หล่นแตกเท่านั้น))(จริงเหรอ?)((อืม พอเก็บเสร็จเรียบร้อยนายท่านก็ไล่ฉันออกมาเลย แล้วไปยังสวนด้านหลังหวังไปหาซาดียะห์นั่นแหละ แต่ก็ไม่เจอเลยเดินกลับเข้าไปในครัว...แต่สีหน้านายท่านน่ากลัวมาก ๆ เลยนะ แก้วแตกกระจายเกลื่อนพื้นไปหมด สายตากร้าวจนฮาน่าไม่อยากจะอยู่ใกล้ มือนี่สั่นเก็บเศษแก้วเลย ไม่รู้ว่าเกรี้ยวโกรธใครมา))(อืม...พอดีพาคุณฟาตินขึ้นห้องนอนน่ะ วันนั้นเธอสีหน้าดูไม่สู้ดีนัก เลยพาเธอขึ้นไปเพราะอีกอย่างอากาศก็เย็นแล้ว แต่ปกตินายท่านก็ดูน่ากลัวอยู่แล้วนะ)((แต่วันนั้นนายท่านน่ากลัวที่สุดเลย...ว่าแต่ซาดียะห์มีอะไรหรือเปล่าทำไมถึงได้ถาม))(ก็แค่แปลกใจ เพราะห้องแดงนั่นเป็นห้องต้องห้าม ฉันก็นึกว่า....)((คิก คิก บ้าไปแล้วซาดียะห์คิดเลยเถิดเกินตัวไปแล้ว เป็นแค่คนรับใช้นะ ไม่ได้คิดใฝ่สูงขนาดนั้น...อีกอย่างนะถึงฮาน่าจะจนแต่ก็ไม่คิดเป็นของเล่นของเศรษฐีหรอก...เจ็บหัวใจแย่เลย หากเกิดมีความรักข
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 25(หน้าด้าน!)"อย่าดื้อกับเราอีกเข้าใจไหม?" อานัสที่คลายความรุนแรงในการบีบแก้มสวย กลีบปากละออกห่างในระยะประชิด เอื้อยเอ่ยวาจาอย่างออกคำสั่งกับคนที่อยู่ในอาณัติ แต่.....เพี๊ยะ!!!!ฝ่ามือเรียวยาวฟาดลงแก้มสากจนเต็มแรง ทำให้ใบหน้าคมนั้นหันไปตามแรงตบ จนกระทุ้งลิ้นดันกระพุ้งแก้มเพราะเจ็บแสบ"มือหนักใช้ได้เลยนี่ฟาติน" เขาไม่ด่าทอใด ๆ ใช้ลูบแก้มเบา ๆ ให้คลายบรรเทาความเจ็บแล้วยกยิ้มมุมปาก เอ่ยวาจาเรียบนิ่งมองหน้าฟาตินอย่างยั่วโทสะ"ท่านมัน!...ไร้ความเป็นสุภาพบุรษ ชอบฉวยโอกาสทั้งที่ร่างกายตัวเองเปรอะเปื้อนราคี" คนที่ถูกลวนลามโมโหเลือดขึ้นหน้า ฟาตินที่หลุดจากพันธนาการ ชี้หน้าต่อว่าคนที่ยืนท่วมสูงอย่างเจ็บใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มร้ายนั้นยิ่งบันดาลโทสะเธอเป็นอย่างดี"แล้วไงล่ะ?" อานัสย้อนถามตาใส ไม่ได้สะทกสะท้านต่อสายตาที่ดูไม่พอใจของฟาตินแม้แต่น้อย"หน้าด้าน!" เธอหมดคำด่าจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนต่อว่า"เราจะถือว่านั่นคือคำชมแล้วกัน" อานัสที่เห็นสีหน้าอีกมุมของเธอ ท่าทางที่ดูเกรี้ยวโกรธ เมื่อไม่อยากทำร้ายเธออีก จึงพยายามมองข้ามแม้จะนึกไม่พอใจกับคำด่านั้นที่หลุดจากปากของเธอก็ตามที"
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 26(เจ็บซ้ำ)"ท่านมันบ้า!!" ฟาตินออกแรงผลักจนเธอนั้นหลุดพ้นจากอ้อมแขนแกร่ง ตะเบ็งเสียงแข็งใส่หน้า ใช้มือเช็ดปากแรงอย่างรังเกียจเดียดฉันท์ แล้วเดินจ้ำเท้าเร็วหนีออกมาอย่างไม่คิดหันไปมองกลับหลัง จากความชังที่มีเป็นทุนยิ่งเพิ่มพูลทวีมากกว่าเดิม"หนีไม่พ้นหรอกฟาติน" อานัสยืนนิ่งมือกอดอกมองตามหลังเธอ พึมพำเพียงลำพังด้วยรอยยิ้มอ่อนดั่งคนมีแผนการ"ไอ้คนเลว! รังแกได้แม้กระทั่งคนไม่มีทางสู้ อย่าหวังเลยว่าฉันจะมีใจ เชคฮป่าเถื่อน! ....อ๊ะ!!" ฟาตินที่เดินพึมพำโดยไม่คิดสนใจสิ่งรอบข้าง เดินพร่ำบ่นตลอดทางจนก้าวขาเข้ามาในห้อง บางอย่างทำให้เธอต้องชะงักหยุดเดินทันที"โอ๊ะ!! เจ็บ" เธอเดินย้ำเท้าลงพื้นพรมที่ฟูนุ่ม ฝ่าเท้าที่เหยียบเข้ากับเศษแก้วจนเลือดไหลเต็มพื้น"เศษแก้ว? ทำไมมีเศษแก้วอยู่บนพรม" เท้าที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดไหลไม่ยอมหยุด ยิ่งเธอขยับขาเดินยิ่งทำให้เลือดไหลมากกว่าเดิมความเจ็บปวดทำให้เธอนั้นค่อย ๆ เขย่งเท้าเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะหากย้ำเท้าหนักอาจจะทำให้เศษแก้วฝังลึกลงอีก"ฮาน่า ซาดียะห์ อยู่แถวนี้ไหม? ช่วยฉันด้วย" ฟาตินที่เริ่มเหงื่อตก ความเจ็บปวดฝ่าเท้า เศษแก้
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 27(ช่วยเหลือ)"ตามคนทุกคนที่ทำความสะอาดห้องนี้ไปรอเราข้างล่าง!..." อานัสสั่งการเสียงเข้มดุดัน สีหน้าแสดงถึงความเกรี้ยวโกรธสุดแสน"ค่ะ" ซาดียะห์รับคำแล้วเดินจากไปด้วยอาการสั่นกลัว...ใครก็รู้หากว่านายเหนือหัวผู้นี้ได้เกรี้ยสโกรธ คฤหาสน์หลังนี้คงเหมือนฟ้าพิโรธเป็นแน่แท้"เจ็บมากไหม?" น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากจากก่อนหน้า วาจาที่ทำเอาคนฟังนั้นต้องปรายตามอง อานัสยืนจ้องหน้าฟาตินด้วยแววตาห่วงใย ในขณะที่หมอกำลังทำการรักษาบาดแผลในห้องที่มีเครื่องมือพร้อม คฤหาสน์ที่พร้อมด้วยเครื่องมือแพทย์มากมาย จนแทบไม่ต้องไปโรงพยาบาลหากไม่หนักหนาจริง ๆ"อืม" เธอแค่นเสียงตอบรับสั้น ๆ เท่านั้น โดยไม่มองหน้าคนถาม ทำเพียงก้มมองบาดแผลของตัวเองที่หมอกำลังกระทำ แม้จะเจ็บแสบแต่ยังคงกัดฟันแน่นอย่างอดทน"จะทำการเอาเศษแก้วออกค่ะ...อาจจะเจ็บสักนิดนะคะ" หมอที่ทำการรักษาเอ่ยบอก"ค่ะ" ฟาตินหลับตาปี๋ กำมือเกร็งแน่นด้วยความกลัว ทันทีเมื่อรู้ว่ามือของหมอสัมผัสลงเนื้อผิว ยิ่งทำให้เธอนั้นเกร็งจนต้องยกแขนตัวเองขึ้นมากัดไว้เพื่อเบี่ยงเบน...คนที่ยืนมองทุกอิริยาบถของหญิงสาว การที่เธอจะเกิดบาดแผลและเห็นว่าเธอ
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 28(คิดผิด)"อย่าได้พูดคำว่า ตาย อีกเพราะเราไม่ชอบหากมันหลุดจากปากสวย ๆ ของเธอ" อานัสที่เคืองหูกับคำพูดที่เหมือนการพลัดจาก และไม่ชอบใจมากเป็นทวีเพราะออกจากปากของผู้หญิงตรงหน้า"น่าจะเป็นคำที่เหมาะกับฉันมากที่สุด""ถ้ายังไม่หยุดพูดเช่นนี้อย่าหาว่าเราไม่เตือน!"อานัสที่เริ่มทนไม่ไหวกับคำพูดที่แสนจะประชดประชันของเธอ ดีดตัวลุกยืนเต็มความสูง จ้องมองหน้าเธอด้วยแววตาที่เกรี้ยวโกรธ แต่ยังคงสีหน้าที่เรียบนิ่ง ทุกอย่างสื่อออกมาทางแววตาดุดันเท่านั้น"ทำไม? หากฉันพูดท่านจะเฉือดเฉือนฉันด้วยวิธีใดอย่างนั้นหรือ""อย่าหือกับเราฟาติน เพราะในตอนนี้เรายังควบคุมตัวเองได้"ฟาตินที่ไม่ยอม เธอต่อต้านด้วยการเถียงอย่างไม่คิดยอมปรน จนอานัสนั้นเอ่ยวาจาสุขุมอย่างควบคุมสติเพราะไม่อยากทำร้ายเธออย่างที่เคยทำ พร้อมสีหน้าที่นิ่งเรียบที่สื่อไปยังเธออย่างแอบแฝงความหมาย แต่คนที่ได้ฟังและนั่งให้หมอทำแผลไม่ได้คิดเกรงกลัวแม้แต่น้อย เพราะชีวิตเธอที่เหลือนั้นไม่มีอะไรจะเสียอีกต่อไป"............." เธอเงียบไม่ต่อปากและเบือนหน้าหนีไปอีกทาง"ให้หมอรักษาบาดแผล และอย่าคิดจะดื้อดึงอีกเพราะนั่นคือสิ่งที่เธอค
กรงรักในมือซาตานตอนที่ 29(เลวก็มีหัวใจ)"ใครเป็นคนทำสะอาดห้องของนายหญิง" ใบหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงกร้าวดุดัน เอื้อนเอ่ยต่อเหล่าบริวารที่ยืนก้มมองต่ำเรียงหน้ากระดาน เพราะเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้หญิงของนายเหนือหัวนั้นได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออก"ดิฉันกับซาติย่าค่ะ" หญิงรับใช้ที่ได้รับมอบหมายยกมือเสนอตัว เพราะเธอคือคนที่ทำความสะอาดห้องนั้นจริง ๆ"ทำงานภาษาอะไรทำไมในห้องของฟาตินยังมีเศษแก้วแหลมคมอยู่บนพื้นพรม จนเธอเหยียบย่ำได้รับบาดเจ็บเพียงนี้!!" อานัสตะเบ็งเสียงแข็งดังลั่นก้องกังวานทั่วคฤหาสน์ต่อว่าด้วยความเกรี้ยวโกรธ กล่าวตำหนิอย่างดุดัน น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแทบเฉือนคนฟังให้สั่นกลัว"ดิฉันทำความสะอาดอย่างดี มั่นใจว่าไม่มีอะไรที่เป็นดั่งนายท่านว่าแน่นอนค่ะ ดิฉันกับซาติย่าสาบานได้ค่ะ""จริงค่ะนายท่านพวกเราทำจนสะอาดเรียบร้อยจริง ๆ ค่ะ"หญิงรับใช้ทั้งสองคนเข่าทรุดกับพื้น โค้งตัวก้มหัวอย่างหวาดกลัว รีบบอกเล่าในสิ่งที่กระทำด้วยความมั่นใจ แต่ตอนนี้ผู้เป็นนายกลับไร้ความเชื่อมั่นในสิ่งที่หญิงรับใช้กล่าวอ้าง"ทำงานได้สะเพร่าขนาดนี้ ก็ไม่ควรที่จะได้อยู่ที่นี่อีกต่อไป และต้องได้รับโทษหนัก" อานัสว่าด้ว
กาลเวลาผ่านพ้นไป ความรักมั่นไม่เคยเสื่อมคลาย บัดนี้รานีแห่ง เชคฮ อานัส ตั้งครรภ์บุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เพียงแค่รอให้กำเนิดทายาท มันทำให้คนที่ขึ้นชื่อเรื่องเสือผู้หญิงถึงกับศิโรราบ"เป็นอย่างไรบ้าง" ถามไถ่ภริยาที่มีอาการแพ้ท้องอย่างหนัก ทั้งที่ท้องแก่เจียนใกล้คลอด อาเจียนจนใบหน้าเหลืองซีด เชคฮ อานัส ค่อย ๆ ประคองภริยาให้เอนหลังพิงกับหัวเตียง จับยาหอมจ่อจมูกให้นางได้สูดดม"เหนื่อยค่ะ" จากน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนึกสงสารคนรักเป็นอย่างมาก หากเป็นไปได้ก็อยากจะเป็นแทนเสียเอง"ลูกคนนี้คงจะดื้อรั้นน่าดู ขนาดอยู่ในท้องยังทำแม่หอบเหนื่อยขนาดนี้""เหมือนท่านไงคะ" ฟาตินนางแย้งทันที แม้จะมีสีหน้าอ่อนแรง ทว่าปากของนางนั้นยังสามารถตอบโต้ได้อย่างลืมเหนื่อย"โธ่ ฟาตินที่รักตอนนี้ผัวน่ารักแล้วนะ" กลายเป็นคนขี้อ้อนเอาดื้อ ๆ ตั้งแต่รู้ว่ากำลังจะมีทายาท ราชกิจที่เคยจัดการ ก็รีบสะสางเพื่อมาคอยดูแลรานีอันเป็นที่รัก"น่ารักอะไรกัน ก่อนหน้านี้ท่านยังชวน เชคฮ บราฮิม ไปฮาเร็มแบบนี้น่ารักตรงไหนคะ นึกแล้วโมโห!" ฟาตินที่จำไม่ลืม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง นึกแล้วก็อยากจะทึ้งหัวสวามีให้ผมหลุด ทั้งที่นางตั้งครร
พิเศษ : รักที่สุดแม้ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศก็ไม่สามารถยับยั้งไฟสวาทของคนทั้งสองได้ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นตามเนื้อผิวหน้าและผิวกายของคนทั้งสอง เมื่อความเร่าร้อนของรสสวาทนั้นมีมากล้นเกินบรรยาย ความโหยหายิ่งสร้างแรงกระสันให้แก่พวกเขา เธอพร้อมรองรับทุกแรงขับเคลื่อนตามที่เขานั้นปรารถนาตับ ตับ ตับ เอวหนาสวนเด้งกระแทกเสียงดังอย่างต่อเนื่อง ความเร็วและถี่ในการควบเอวยิ่งทำให้ร่างกายของหญิงสาวนั้นแทบแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และทุกครั้งที่เขาถาโถมเอวสอบยิ่งทำให้ความกระสันในกายนั้นแทบมอดไหม้เป็นจุนดุจไฟเผา“อี๊ อึก อร๊าย”"เสียวที่สุด...อ่า...แม่งแตกเร็วจังวะ""ไม่ไหวแล้ว อะ ๆ...จะแตก"อ่า / ซี๊ด และแล้วทุกอย่างก็จบลง บทรักที่ร้อนแรงของคนทั้งสองความรู้สึกอุ่นวาบในช่องท้อง เมื่อชายหนุ่มนั้นปลดปล่อยตัวตนพร้อมกับบรรดาน้ำรักที่พุ่งฉีดอัดในมดลูกของเธอเต็ม ๆ“แฮ่ก ๆ ๆ”แรงหายใจหอบเหนื่อยของหญิงสาวที่นอนราบนิ่ง ดวงตาสวยจ้องมองชายหนุ่มด้วยรัก การสัมผัสที่ลึกซึ้งของคนทั้งสองยิ่งก่อความรักให้ทวีเพิ่มพูนกว่าเดิม“ฟาตินจ๋า”“อะไรคะ”เขาที่จ้องมองหน้าเธอที่อิดโรย เอ่ยเสียงหวานขึ้น พร้อมกับสายตาที่เดาได้ไม่ยาก
พิเศษ : รักไปแล้ว "ท่านอานัส!! อย่ามาแสร้งนะคะ มาอธิบายเดี๋ยวนี้เลย!""โอ๊ะ ๆ ๆ เจ็บ ๆ นี่ถึงขั้นทำร้ายร่างกายผัวเลยเหรอ....กล้าเกินไปแล้วที่รัก"เธอทุบตีลงอกของเขาเร็วถี่อย่างเจ็บใจ พูดพร่ำออกไปอย่างเหลืออด พร้อมกับม่านน้ำตาที่เอ่อคลอ และเริ่มรินไหลเป็นสายไม่หยุดหย่อนเขาไม่ต้องพูดมาก เธอก็พอจะเดาเรื่องราวออกแล้วว่ามันคืออะไร แค่อยากจะฟังมันให้ชัดเจนก็เท่านั้น ว่าสิ่งที่เธอคิดมันคือความจริงที่เขาเสแสร้งแกล้งเธอ"ท่านมันคนเจ้าเล่ห์ คนหลอกลวง มาเล่นกับความรู้สึกกันแบบนี้ได้ยังไง ทำไมถึงได้ใจร้ายไม่จบไม่สิ้น อึก อึก ทำไมใจร้ายแบบนี้ ฮือ~~~รู้ไหมว่าเป็นห่วงแค่ไหน เจ็บหัวใจจะตายอยู่แล้วรู้บ้างไหม ฮึก อึก ฮือ~~"เธอยังคงทุบตีเขาเรื่อยไป พูดพร่ำพรรณนาทั้งน้ำตา จนเขาต้องรีบกอดเธอไว้แน่นอย่างห้ามปราม ไม่อย่างนั้นเธอคงทุบเขาไม่หยุด"รักเราไหม""ไม่รักจะมาทนดูแล มาอยู่แบบนี้ทำไม...ท่านมันใจร้าย คนผีทะเล ฮือ~~ไม่ต้องมากอด! ปล่อยฟาตินเดี๋ยวนี้! ปล่อยเลย!"เธอพยายามดีดดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของเขา แต่ว่ายิ่งดิ้นเท่าไหร่เขานั้นกลับยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม"จะปล่อยเมียตัวเองไปได้ยังไงกันล่ะ กว่าจะม
พิเศษ : ไม่เคยลืม“เมื่อไหร่จะจำฟาตินได้นะ รอนานแล้วนะคะรู้ไหม?”เธอพูดพร่ำพร้อมกับถูไถแก้มกับมือของเขา จ้องมองใบหน้าคมคายภายใต้แสงจันทร์ ที่สาดส่องเข้ามาในห้องสายตาของเธอไม่ละห่างจากใบหน้าของเขา ยามหลับใหลที่เขาดูไม่มีพิษภัย เธอจ้องมองอยู่นานนับชั่วโมงก่อนจะฟุบหน้าลงกับเตียงข้างเขา และเผลอหลับไปทั้งที่ยังกุมมือเขาไม่ห่างกายอาการหนักตรงแขน ทำให้คนที่นอนหลับ ที่กำลังพยายามพลิกตัวตะแคงหนีฝัน เริ่มรู้สึกตัวตื่น สายตาของเขาจ้องมองไปยังใบหน้าสวย ที่นอนทับมือเขาไว้ จ้องมองด้วยความพยายามว่าเธอนั้นใช่คนที่รักจริงหรือเปล่าและนี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือน และเริ่มมีภาพใบหน้าของเธอผู้นี้อยู่ในฝันแทบทุกคืน แม้กระทั่งคืนนี้ก็เช่นกัน นับชั่วโมงที่เขามองเธออยู่แบบนั้น และแล้วภาพเธอก็ลอยเข้ามาให้ห้วงความทรงจำ รอยยิ้มและการกระทำไม่นานเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ ภาพเดิม ๆ วนเวียนซ้ำ ๆ จนเขานั้นเริ่มมั่นใจแล้วว่าต้องใช่เธอแน่นอน“ฟาติน”เขาเอ่ยเรียกชื่อของเธอแผ่วเบา รอยยิ้มของเขาเฉิดฉายบนใบหน้า มือหนาอีกข้างที่ว่างเว้น ลูบหัวของเธอเบา ๆ ความรู้สึกเก่า ๆ เริ่มคืบคลานเข้ามา“คิดถึงจัง”เขาพลิกตัวตะแคงมาทางเธอ นอ
พิเศษ : น่าเบื่อ“ลืมฟาตินจริง ๆ ใช่ไหม?”“นายหญิงคะ?”“ซาดียะห์ออกไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว”“แต่ว่า....”“ขอร้อง”เมื่อต่อความกันไม่จบสิ้น คำพูดที่เป็นการอ้อนวอน แม้ซาดียะห์จะห่วงใย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก จำต้องเดินจากมาด้วยความห่วงใย ปล่อยให้ผู้เป็นนายได้อยู่ลำพัง ตามที่เธอนั้นต้องการ“อึก ฮึก”เมื่อรู้ว่าหญิงรับใช้ได้ออกจากห้องไป ฟาตินก็เริ่มปล่อยธารน้ำตาให้รินไหล มองไปยังคนตัวโตที่ตอนนี้เดินห่างออกไป เขาคงกำลังจะกลับเข้ามาในตัวบ้าน เพราะดวงตะวันนั้นลับขอบฟ้าไปเสียแล้วทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เขาไม่มีทีท่าจะจดจำเธอได้สักนิด จนตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนสามเดือนแล้ว เธอต้องคอยเข้าหาเขาด้วยความเจ็บปวดที่ขั้วหัวใจ ยิ่งตอนเขาขับไล่ผลักไสปฏิเสธ ยิ่งบีบหัวใจเธอไม่น้อย แต่เธอก็พยายามเข้าใจว่าเขานั้นยังไม่หายดี หวังว่าต้องมีสักวัน เขาจะต้องจดจำเธอได้เป็นแน่การดูแลที่เหมือนเดิม จนเขานั้นคงชังขี้หน้าเธอเข้าไส้ แต่จะทำอย่างไรได้ เธอต้องอาศัยความหน้าทน เพื่อนปรนนิบัติใกล้ชิดเขา เพื่อเฝ้ารอวันหนึ่งวันใด เขาจะต้องจดจำเธอได้แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีเธอนั้นความทรงจำ แต่เธอจะทำให้เขามีเธอในห้วงความคิดเสียใ
พิเศษ : ลืมสองเท้าก้าวเดินออกจากห้องไป มุ่งตรงสู่ห้องส่วนตัวที่ถูกเตรียมไว้ให้ ซึ่งมีเครื่องใช้และเสื้อผ้าเพียบพร้อม เธอจัดการชำระร่างกายตามสมควร ใช้เวลาไม่นานมากก็เดินกลับหาคนป่วยดังเดิม“นายหญิงคะ นายหญิง”ขณะเดินท้าวไปตามทางเดิน เพื่อไปยังห้องของคนป่วย ระหว่างก็เห็นหญิงรับใช้วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา“มีอะไรเหรอซาดียะห์”“นายท่านค่ะ นายท่าน”“ท่านอานัสเป็นอะไร”“นายหญิงรีบไปดูด้วยตาตัวเองเถอะค่ะ”สีหน้าที่เห็นและการบอกเล่าที่ยังจับใจความไม่ได้ ทำให้ฟาตินนั้นเริ่มใจไม่ดี เธอย้อนถามด้วยความพะวงใจ กลัวว่าคนที่นอนป่วยจะอาการทรุด แม้จะบอกว่าเขาเริ่มดีขึ้นแล้วก็ตาม“ท่านอานัส”เมื่อเปิดประตูเข้ามา สิ่งที่เห็นทำให้เธอนั้นขอบตาร้อนผ่าว เขาที่เคยนอนหลับตานิ่ง ตอนนี้ไหวติงกะพริบตาแล้วมองมาที่เธอ“ซาดียะห์ บอกอัมกาสด้วยนะว่าท่านอานัสฟื้นแล้ว และให้ตามหมอมาดูอาการด่วนเลย”“ค่ะนายหญิง”ฟาตินออกคำสั่งด้วยความดีใจ เธอรีบปรี่เข้าไปหา แล้วยืนเคียงข้างกายเขา พร้อมกับหยาดน้ำตาแห่งความดีใจ ที่รินไหลอาบสองข้างแก้มเนียนใส“เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”เธอเอ่ยถามเขาด้วยความดีใจ สายตากวาดมองตามร่างกา
พิเศษ : ปลอดภัยแต่..."ท่านอานัสปลอดภัยแล้วครับ"อัมกาสรายงาน แต่ว่าสีหน้าของเขานั้นไม่สู้ดี นั่นทำให้ฟาตินนั้นไม่อาจวางใจได้"ปลอดภัยแล้วทำไมถึงทำหน้าแบบนั้น" ฟาตินย้อนถาม"หมอบอกว่า...ท่านอานัสอาจจะเสียความทรงจำชั่วคราว เนื่องจากว่าหัวได้รับการกระทบกระเทือนรุนแรง""....."สิ่งที่ได้ยินทำเอาฟาตินถึงกับนิ่งงันไป ทำไมชีวิตของเธอเมื่อจะถึงเวลามีความสุข จะต้องมีอะไรมาบั่นทอนให้เสียใจ คนที่คิดว่าจะรักก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่เธอนั้นกำลังจะเปิดใจ แต่ไหนถึงได้เป็นเช่นนี้"ความจำเสื่อมอย่างนั้นหรืออัมกาส" ฟาตินถามย้ำให้ชัดต่อสิ่งที่ได้รับฟัง บ่อน้ำตาก็รื้นขึ้นมาทันที แต่ไม่มีเสียงสะอื้นร่ำไห้ เหมือนเธอนั้นช้ำอยู่ในอก จนร้องไห้ออกมาไม่ได้ นอกจากหยาดน้ำตาสีใสที่ไหลรินโดยไม่อาจสั่งให้หยุดได้"ครับนายหญิง...ซึ่งหมอบอกว่าคงต้องใช้เวลา ตอนนายท่านพลัดตกน้ำ น่าจะกระแทกกับหินอย่างแรง บาดแผลที่ถูกยิงหมอจัดการผ่ากระสุนออกเรียบร้อยแล้วครับ""......"อัมกาสเล่าอาการต่อไป ส่วนคนที่เศร้าใจก็นิ่งงัน มีเพียงหยาดน้ำตาที่ยังคงไหลรินเป็นสาย "เราเข้าไปหาเขาได้ไหมอัมกาส""ได้ครับ...ซาดียะห์เอาชุดมาให้นายหญิงสวม"
พิเศษ : จบลงฟาตินถูกพามายังที่พักอย่างปลอดภัย แต่อีกคนไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ก็ยังไม่มีใครทราบแน่ แม้เหล่าบอร์ดี้การ์ดก็ไม่ทราบข่าวคราวหลายชั่วโมงกับการที่หญิงสาวนอนไม่ได้สติ จนเวลาผ่านพ้นคืนนั้นไป ยามเช้าที่แสงแดดอ่อนสาดทอเข้ามากระทบกับม่านตาให้รู้สึกตัว อาการมึนศีรษะก็เริ่มมี เธอค่อย ๆ ขยับตัวลุกนั่งหลังพิงกับหัวเตียงช้า ๆ“นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ ซาดียะห์ดีใจมากเลยค่ะ อึก ฮึก...”หญิงรับใช้ที่ถูกสั่งมา เมื่อรู้ว่าเป็นใครที่เธอต้องดูแล ก็มีอาการดีใจ เพราะความผูกพันที่มีต่อกัน แม้จะระยะเวลาสั้น ๆ มันก็ทำให้เธอรู้สึกดีต่อฟาตินได้“ซาดียะห์เหรอ”คนที่เพ่งพิศจ้องมอง ภาพตรงหน้าที่เลือนราง เพราะการหลับทำให้วิสัยทัศน์ในการมองพร่าเบลอ“ค่ะ...ซาดียะห์เอง นายหญิงเป็นอย่างไรบ้างคะ เจ็บตรงไหนไหม หรือว่าปวดหัวบ้างไหมคะ?”ซาดียะห์ไล่สายตามอง แล้วรีบถามด้วยความห่วงใย น้ำตาของเธอที่รินไหล ก็เพราะว่าห่วงใยนายหญิงของคฤหาสน์เหลือแสน“เราเจ็บท้ายทอยแล้วก็ปวดหัว” ฟาตินบอกด้วยรอยยิ้มที่ฝืน ๆ“เดี๋ยวซาดียะห์จะไปเอาประคบมาให้นะคะ นายหญิงรอสักครู่”“ขอบใจนะ”เมื่อได้ยินถึงอาการ หญิงรับใช้ที่จงรักภักดีก
พิเศษ : รักฟาติน เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่อง ด้วยไหวพริบและความเร็วที่อานัสมี เขาพาฟาตินวิ่งลัดเลาะไปตามชายป่ารกทึบ ที่มีทั้งต้นไม้ใหญ่และขวากหนามมากมาย แต่สุดท้ายก็พาเธอมาถึงที่หมายได้สำเร็จ“ไม่ต้องร้องนะฟาติน เธอจะปลอดภัย เราไม่มีทางให้เธอเป็นอะไรไปแน่”เขาพูดปลอบคนที่ร้องไห้หนักเพราะหวาดกลัว ไล้มือเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน แตะจูบชิดริมฝีปากอวบอิ่มนั้นด้วยความรัก สายตาที่จ้องมองแม้จะอาทรห่วงใย แต่หน้าที่ของลูกผู้ชายที่เป็นบุตรก็ย่อมสำคัญเช่นกัน ความรักและหน้าที่ที่สำคัญไม่ต่างกัน เขาจะต้องฝ่าฟันมันไปให้จงได้“แล้วอัมกาสจะมาตอนไหนคะ...ท่านอานัสอย่าทิ้งฉันนะคะ ฉันกลัวจริง ๆ”“จะทิ้งได้ยังไงล่ะ กว่าจะตามหาและได้ยินคำว่ารัก มันยากเย็นแค่ไหนไม่รู้หรือไง หื้ม เรายังใช้มันไม่คุ้มเลยนะ...นั่นอัมกาสมาพอดี”อานัสพยายามยิ้มให้ แม้จะไม่มั่นใจว่าเขาจะได้กลับไปหาเธออีกไหม เพราะสถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ค่อนข้างรุนแรง กระสุนปืนที่ไม่รู้ทิศทาง ไม่รู้จะฝังลงจุดใดบ้าง"ท่านครับ""อืม ทำตามที่เราบอกไว้ ให้คนคุ้มกันฟาตินให้ดี ไปในที่ที่เราบอกไว้ ที่นั่นจะปลอดภัยแน่นอน"เมื่อคนสนิทและเหล่าบอร์ดี้การ์ดฝีมือ