แชร์

ตอนที่ ๑๕ ผู้กองคมกริช

ผู้เขียน: Mkutkomen
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-21 08:30:14

          “เมื่อไหร่จะจับตัวคนร้ายได้สักทีวะ แม่งไอ้พวกวิปริตพวกนี้ เวลามันรัก มันรักฝังใจ เวลามันแค้น ดูเอาเถอะ ฆ่าไม่บันยะบันยัง รกโลก” ผู้กองคมกริชสบถออกมาระหว่างทาง จ่าหนุ่มที่เป็นพลขับหันกลับทันที

          “เอ่อ ผู้กอง ทำไมถึงมีอคติกับคนพวกนี้จังล่ะครับ มีอะไรไหม” จ่าหนุ่มถามออกมา เหมือนจะแซวเพราะน้ำเสียงไม่จริงจังนัก

          “บ้าเหรอจ่า ผมนี่นะจะไปมีอะไร ชีวิตนี้ไม่อยากย่างกรายคนพวกนี้หรอก ไม่ชอบส่วนตัวน่ะ” เขารีบตอบออกมาด้วยเสียงที่ดัง จ่าหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว ผู้กองคมกริชหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ หวนคิดไปถึงวันวาน ที่เขาเกลียดคนจำพวกนี้เข้าไส้แบบนี้

          “แบมว่าไปติวก็ดีนะ กริช เขาการันตีไม่ใช่เหรอ ว่าที่นี่คนที่ติวส่วนมากสอบได้” เด็กสาวในวัยมัธยม กำลังเกาะแขนเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าสถาบันติว

          “ก็ได้ ลองดู พี่ทิวก็ติวจากที่นี่ ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่” ความใฝ่ฝันของเด็กหนุ่ม คือการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย เขาสอบเมื่อปีที่แล้วแต่ภาคปฏิบัติเขาไม่ผ่าน เขากลับมามุมานะออกกำลัง เล่นกีฬาอย่างหนัก จนรูปร่างของเด็กหนุ่มกำยำขึ้น

          “ถ้ากริชสอบได้ก็คงดี แบมจะได้มีแฟนเป็นนายร้อย” เขาเอ่ยด้วยเสียงที่ทุ้ม

          “จริงเหรอ ไม่ใช่ว่าพอสอบได้แล้ว ก็เปลี่ยนแฟนซะล่ะ” เธอกระเง้ากระงอด

          “ไม่มีทาง กริชรักแบมคนเดียว แบมก็รู้ รักมานานแล้ว” เขาหยอดคำหวาน จนในที่สุดเขาก็สมัครเข้าติวที่สถาบันแห่งนี้

          “สวัสดีครับน้อง เพิ่งมาสมัครใช่ไหมครับ พี่ชื่อป๊อบนะ เป็นครูฝึกที่นี่ น้องเลือกที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ แล้วเล็งที่ไหนไว้ครับ” ชายหนุ่มรูปร่างสันทัด เดินเข้ามาทักทายทันที หลังจากที่เขากรอกใบสมัครเสร็จ ค่าใช้จ่ายเป็นราคาที่เขาคิดว่าพ่อกับแม่ของเขารับได้

          “พระจุลครับ” “เยี่ยม ตำรวจหรือทหารล่ะ” เขาซักด้วยประกายตาที่สว่างไสว

          “ตำรวจครับ ผมอยากเป็นตำรวจ” เขาตอบอย่างองอาจ

          “เลือกถูกแล้วน้อง เอ่อ น้องชื่ออะไรนะครับ”

          “คมกริชครับ เรียกกริชก็ได้ครับ” เขาตอบอย่างไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก

          “ดูคอร์สเรียนแล้วใช่ไหมครับ” “ดูแล้วครับ” เขายกแผ่วพับขึ้นมาดูเป็นครั้งที่สาม

          “ที่จริง น้องกริชไม่ต้องไปเรียนที่โรงเรียนแล้วก็ได้นะครับ เพราะตารางสอนของสถาบันเรา เหมือนจะตรงกับเวลาเรียนปกติ และส่วนมากคนที่มาลงติวที่นี่ จะผ่านทุกคน พี่รับรองได้” เขาดูมั่นใจในสถาบันที่เขาทำงาน คมกริชตัดสินใจดร็อปเรียนมัธยม ๔ ไว้ เพื่อจะได้มาทุ่มเทสู่เป้าหมายหลัก

          “ภาคเช้า จะมีการติวภาควิชาการ ส่วนภาคบ่ายจะมีการฝึกสมรรถภาพของร่างกาย” พอเริ่มเข้าเรียนที่สถาบัน ทุกคนที่มาลงเรียนที่นี่ต่างก็มีเป้าหมายอันเดียวกัน คือการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยให้ได้ คมกริชเองก็ไม่ต่างจากคนอื่น เวลาที่เรียนเขาจึงตั้งใจมาก

          “เดี๋ยวพี่จับข้อเท้าไว้ให้” ป๊อบมาจับข้อเท้า ตอนที่กำลังฝึกซิทอัพ

          “โห รูปร่างน้องกริชนี่ดีจังเลยครับ เล่นกีฬาอยู่แล้วใช่ไหม แบบนี้ไม่น่ายาก” เขาเอ่ยชมเมื่อเห็นเรือนร่างของเขา ที่เปลือยท่อนบน ส่วนมากของนักเรียนก็เปลือยท่อนบน เพราะเหงื่อออกเยอะเกินไป

          “เพิ่งเล่นได้ปีกว่าเองครับ แต่ก่อนผมไม่ได้เล่นอะไรเลย” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่หอบเพราะเหนื่อย

          “เกร็งท้องไว้นะครับ พี่ขอจับดูหน่อย” เขาพูดแล้วทำเลย เอามือมากดตรงแผงท้องของคมกริช เขาเองไม่ได้คิดอะไร เพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน หน้าท้องของคมกริชมีมัดกล้ามเป็นลอนพองาม

          “ถ้าแน่นได้กว่านี้อีกนิดนึง ดีเลย” เขาเอ่ยแนะนำ หลังจากนั้นมา ป๊อบก็เข้ามาเทรนให้คมกริชแทบจะตัวต่อตัว คอยซื้อนั่นซื้อนี่มาให้ จนเพื่อนๆเริ่มจะมอง

          “กูว่า ไอ้พี่ป๊อบอะไรนี่ จ้องจะแดกมึงแหงเลยไอ้กริช” ภานุเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกันเอ่ยขึ้น ตอนที่กลังจะกลับบ้าน

          “บ้าน่ามึง พี่เขาเห็นว่ากูอ่อนไง มึงมันเก่งทุกทักษะอยู่แล้วนี่หว่า” เขามองโลกในแง่ดี

          “ระวังตัวไว้หน่อยก็ดีมึง เดี๋ยวนี้ มีพวกอีแอบเข้ามาในที่แบบนี้เยอะ ที่ที่มีเด็กผู้ชายอย่างเรา รวมตัวกันเยอะๆ น่ากลัว” ภานุเตือน คมกริชได้แต่พยักหน้ารับ เขาไม่คิดว่าป๊อบจะเป็นแบบนั้น เพราะไม่มีทีท่าหรือการแสดงออกอะไร ที่บ่งชี้ว่าเขาเป็นพวกเบี่ยงเบนทางเพศ หรือชอบเพศเดียวกัน

          “เหนื่อยไหมจ๊ะ ว่าที่นายร้อย” เด็กสาวมายืนรอเขาอยู่ที่นัดพบ หลังจากเลิกเรียน เขาก็รีบออกมาเจอแฟนสาว ความรักของทั้งสองกำลังสุกงอม แม้ด้วยอายุจะแค่เพียงวัยรุ่นก็ตามที

          “นิดหน่อยจ๊ะ แล้ววันนี้เป็นไงบ้าง” เขาเข้าไปกุมมือแฟนสาวอย่างเคยชิน

          “วันนี้ไม่มีอะไรมาก ยากไหมอ่ะกริช สถาบันเขาสอนดีไหม”

          “ก็ดีนะ แต่มันยากนิดหน่อย” คมกริชหน้าเครียด เพราะความจริงแล้ว เขาอ่อนทุกทักษะ แม้ร่างกายจะเล่นกีฬามาแล้วเป็นปี แต่ถ้าเทียบกับเพื่อนๆแล้ว เขายังนับว่าสมรรถภาพทางร่างกาย ยังสู้คนอื่นไม่ได้เลย รวมถึงเรื่องวิชาการด้วย เขามีใจที่ใหญ่และมั่นคง แต่บางทีเขาคงต้องใช้ความพยายามเพิ่มขึ้นให้มากกว่าคนอื่นเขา

          “สู้นะกริช แบมเป็นกำลังใจให้ ทำให้เต็มที่ เวลาเรามองย้อนกลับมา เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจ” เธอยิ้มสดใส กำลังใจยิ่งใหญ่ที่เขามี นอกจากครอบครัวแล้ว ก็มีแฟนสาวคนที่อยู่ข้างกายในตอนนี้

          “เอาหน่อยๆ กริช ขออีกห้าที” ครูฝึกที่กำลังเทสรอบแรก พยายามให้กำลังใจ เขากำลังดันพื้นอยู่ แต่เหมือนว่าแขนทั้งสองข้าง มันเกินกำลังที่จะทานทนรับน้ำหนักได้อีกต่อไป

          “น้องจะเทสไม่ผ่านนะกริช สู้หน่อย” เสียงที่ส่งมาจากข้างกายเรียกความฮึดในใจเขาขึ้นมา แต่มันก็เท่านั้น เพราะร่างกายมันไม่ไหว

          “คงต้องฝึกให้มากกว่านี้ มีกริชและสมภพ ที่เทสไม่ผ่าน” ครูฝึกบอกตอนที่เทสเสร็จ

          “ไม่ใช่แค่การทดสอบสมรรถภาพนะ วิชาการของกริชก็อ่อน คงต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษ” คมกริชที่ยืนก้มหน้าฟังอยู่นั้น เขาเม้มปากแน่น ทำไมกัน ทั้งที่ก็พยายามเหมือนคนอื่น แต่ทำไม ทำไมเขาทำได้แค่นี้เอง หรือว่าเขาทำมันยังไม่พออีกเหรอ มีเวลาเหลืออีกไม่กี่ปี ที่เขาจะต้องสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยให้ได้

          “อย่าเพิ่งท้อ มีเทสอีกตั้งสองครั้ง ก่อนเข้าสอบจริง ต้องทำให้ได้สิวะกริช อย่ายอมแพ้ เรามาที่นี่ก็เพราะมีเป้าหมาย อย่าเลิกกลางครัน” ครูฝึกตบบ่าของเขาให้กำลังใจ

          “อย่าท้อสิวะไอ้กริช มาถึงขั้นนี้แล้ว มึงต้องดึงข้อให้เยอะขึ้น กินโปรตีนเยอะๆ เลิกเรียนช้าหน่อยก็ได้ เดี๋ยวกุอยู่เป็นเพื่อน โอกาสมันไม่มีมาง่ายๆนะโว้ยมึง ตอนค่ำมึงก็ติวหนังสือให้หนักขึ้น แค่ไม่กี่เดือน พอมันผ่านแล้ว ค่อยว่ากัน” ภานุเข้ามาปลอบ คมกริชได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้า

          “แบม ช่วงนี้กริชต้องติวหนักหน่อยนะ เพราะเทสไม่ผ่าน ไม่ผ่านแค่สองคน ตอนเย็นอาจจะไม่ได้เจอแล้วนะ” เขาโทรศัพท์ไปบอกแฟนสาว เธอเม้มปาก

          “ไม่เป็นไรนะกริช กริชทำให้เต็มที่ แบมโอเค แบมเข้าใจ แบมก็จะติวหนังสือให้หนัก เพราะแบมเองก็อยากสอบเข้าเภสัชให้ได้ เพราะแบมก็อยากที่จะมีอาชีพ ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายร้อยของกริชเหมือนกัน” เธอเอ่ยออกมาด้วยความจริงใจ เขาสะอึกน้ำตาปริ่ม

          “แบม กริชรักแบมนะ รักมาก เป็นกำลังให้กริชด้วยนะ” เขาครางออกมา เธอเองพอได้ยิน ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ รู้ดีว่าความสามารถของคมกริชมีแค่ไหน เขาไม่ใช่คนเรียนหนังสือเก่ง แต่ก่อนเขาไม่เล่นกีฬาด้วยซ้ำ เขาเล่นแต่เกม แต่พอคบกับเธอเขาก็เริ่มมีความฝัน และเธอเองก็คอยสนับสนุนเขา แม้ว่าในใจอยากจะเจอหน้าเขาทุกวันก็ตาม คนเรามันโตขึ้นในทุกๆวัน ทุกๆวินาที พอเราโตขึ้น เรื่องแบบนี้มันก็จะผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้น ต้องรู้จักยอมรับและทำใจไปกับมัน แล้วเราก็ค่อยๆก้าวต่อไป

          “แบมจะอยู่ตรงนี้เสมอนะกริช อย่ายอมแพ้นะ แบมรู้ว่ากริชทำได้ รักกริชมากนะ” เธอบอกออกมาทั้งน้ำตา มันไม่ใช่ความเสียใจแต่มันเป็นความตื้นตันบางอย่างที่วิ่งขึ้นมาจุกที่คอ

          “เอาอีกรอบมึง” ภานุเป็นเพื่อนที่ดี แม้เขาจะเก่งกาจและเทสผ่านในรอบแรกอย่างง่ายดาย แต่เขาก็อยู่เป็นเพื่อนคมกริชจนค่ำมืด เขาฝึกเป็นเพื่อน ติวหนังสือให้ คมกริชก็เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่การที่จะเทสผ่านรอบที่สองนี้ เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ

          “ทำไมแต่ก่อน กูมัวแต่เสียเวลากับการเล่นเกมวะ แม่ง กว่าร่างกายกูจะปรับเหมือนคนอื่น เสียเวลาเป็นบ้าเลย” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เพราะไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ แต่เหมือนพละกำลังมันจะไม่เพียงพอ

          “อย่าท้อดิวะ เอาใหม่ ให้มันรู้กันไป ว่าร่างกายมึงมันจะตายเพราะฝึกหนัก” ภานุเพิ่มแรงฮึดให้เขา

          “เฮ้ย กริช ไปฝืนแบบนั้นไม่ได้นะ เดี๋ยวกล้ามเนื้อฉีกขึ้นมา ลำบากกว่าเดิมอีกนะ นี่ก็ใกล้ถึงวันเทสรอบสองแล้ว” ป๊อบเดินเข้ามาบอก ภานุมองด้วยสายตาที่ไม่ค่อยชอบใจนัก

          “มันมีวิธีนะ กล้ามเนื้อของคนเรา มันไม่เหมือนกัน เร่งเหมือนคนที่เขาแข็งแรง ไม่ได้หรอกนะ มันต้องดูทีละส่วน” เขาอธิบาย

          “ไอ้กริช วันนี้กูลืมไป กูติดธุระ งั้นกูกลับก่อนนะ” ภานุบอกแล้วลุกขึ้นทันที

          “อ้าว งั้นกูก็กลับเหมือนกัน รอด้วยดิวะ” “เดี๋ยวสิกริช อยากรู้ไหมล่ะ ว่าต้องทำยังไง ถึงจะเทสผ่าน” สิ่งที่ป๊อบเอ่ยทำให้คมกริชลังเล

          “ทำไงครับ” เขาถามออกมาอย่างเสียไม่ได้ มันไม่มีทางให้เขาเลือกมากนัก เพราะเขาอยากจะเทสผ่าน ป๊อบยิ้มออกมาอย่างดีใจ

          “เดี๋ยวพี่ติวให้ ส่วนตัว ไม่คิดเงินเพิ่ม พี่เห็นใจและเข้าใจกริชไง รับรอง คนที่พี่ติวให้ผ่านทุกคน” คมกริชเม้มปากแน่น เขากำลังใช้ความคิด หรือว่าที่ภานุบอกมันจะเป็นความจริง

          “พี่ไมได้คิดอะไรเกินเลยใช่ไหมครับ” เขาเป็นคนตรง และเขาก็ถามออกไปทันที

          “เฮ้ย บ้าหรือเปล่า ทำไมคิดว่าพี่จะคิดแบบนั้นล่ะ พี่สอนมากี่รุ่นแล้วกริช พูดแบบนี้ดูถูกพี่นะ แฟนพี่ก็มี พี่เห็นกริชพยายาม แต่ก็ไม่คืบหน้า แค่อยากยื่นมือมาช่วย แต่ถ้าคิดกับพี่แบบนี้ ก็ตามใจกริชเถอะ” เขาชักสีหน้าไม่พอใจ

          “ขอโทษครับพี่ป๊อบ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น เอ่อ” คมกริชลังเล เขารีบยกมือขึ้นไหว้ขอโทษ

          “พี่โคตรเสียใจนะโว้ย เห็นพี่คุยด้วย หรือช่วยเหลือ ก็มองว่าพี่จะคิดเกินเลย ถ้ารู้ว่าการที่เห็นน้องๆ จะไม่ไหวแล้วยื่นมือเข้าไปช่วย แล้วจะโดนว่าแบบนี้ พี่ไม่สนใจหรอกนะ” เขายังคงทำท่าไม่พอใจอยู่

          “ผมขอโทษครับพี่ป๊อบ พี่อย่าโกรธเลยนะครับ แล้วถ้าพี่จะติวให้ส่วนตัว ต้องทำยังไงครับ” คมกริชเอ่ยออกมา

          “อืม พี่จะไม่ถือโทษโกรธเคืองอะไรละกัน ก็เวลาเลิกเรียนจากสถาบัน ก็ไปห้องพี่ไง ห้องพี่มีอุปกรณ์ครบ พี่จะได้แนะจุดได้เลย ว่ากริชต้องปรับปรุงเพิ่มเติมตรงไหน” เขาบอกออกมา คมกริชชั่งใจอยู่

          “เอ่อ มันจะดีเหรอครับ ห้องส่วนตัวของพี่” เขาลังเล

          “คิดอะไรวะ ห้องพี่ก็ห้องผู้ชาย รกหน่อย เพียงแค่มันมีอุปกรณ์ครบ หรือกริชอยากฝึกต่อที่นี่ แต่พอเลิกแล้ว พี่ก็อยากกลับห้อง คือมันสะดวกกว่าน่ะ” คมกริชยังคงไม่ให้คำตอบ

          “แล้วแต่กริชละกันนะ พอดีเลิกงานแล้ว พี่ไม่มีอะไรทำ พี่แค่อยากช่วย เห็นว่ากริชมีความพยายาม แต่บางจุดเท่านั้นที่ต้องปรับปรุง แก้หน่อยเดียวก็ได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปฝืนฝึกขนาดนั้น” เขายักไหล่แล้วเดินออกไป คมกริชจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นาน

          “เขาคิดอะไรหรือเปล่ากริช ทำไมถึงมาเสนอตัว สอนให้กริชคนเดียว” แบมเอ่ยออกมาด้วยความกังวล หลังจากที่คมกริชโทรปรึกษากับเธอ

          “นั่นสิแบม แต่กริชถ้าไม่มีคนสอน คงไม่ทันเทสรอบสองแน่เลย” เขาเองก็กังวล

          “แล้วนุล่ะ นุอาสาจะอยู่ติว และสอนให้ไม่ใช่เหรอ ไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยเหรอกริช” เธอเป็นห่วง เพราะรู้ดีว่าแฟนหนุ่มของตนมีหน้าตาเป็นที่ล่อตาล่อใจของใครหลายคน แม้จะรู้ดีและเชื่อใจว่าเขาจะไม่มีทางมองคนอื่น เพราะเท่าที่เธอคบกันมา เขาไม่เคยทำแบบนั้นเลย ไม่ว่าต่อหน้าหรือลับหลัง เชื่อใจแฟนตัวเองน่ะใช่ แต่เธอไม่มีทางเชื่อใจคนอื่นที่เข้าหาแฟนหนุ่มของเธอเลย

          “ใช่ แต่ช่วงนี้ไอ้นุมันก็ติดธุระบ่อย เอาไงดีอ่ะแบม” เขาโอดครวญเพราะคิดไม่ตก

          “ถ้ากริชมั่นใจ ว่าพี่เขาเข้าหา โดยไม่ได้หวังผลอะไร ก็ลองดูได้ อยากให้กริชเทสผ่านเหมือนกัน” เธอตัดสินใจส่งเสริมเขา เธอบอกตัวเองว่าต้องหนักแน่นและเข้มแข็ง เธอจะไม่ยอมให้อารมณ์หึงหวง เกินไปของวัยรุ่น มาขวางทางของเขาและเธอเด็ดขาด

          “หลังเลิกเรียน ไปรอพี่ที่ป้ายรถเมล์ ก่อนถึงสถาบันนะ เดินย้อนไปหน่อย” ป๊อบเดินมากระซิบบอกก่อนจะเลิกเรียน เพราะเมื่อเช้าเขาเจอหน้าก็บอกความประสงค์ออกไปแล้ว ว่าจะให้เขาสอนให้ตัวต่อตัวที่ห้องของเขา

          “ทำไมไม่ให้ผมรอ ที่ป้ายหน้าสถานบันล่ะครับ” เขาถามเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเดินย้อน

          “กริชไม่กลัวเพื่อนเห็น แล้วเอาไปนินทาเหรอ เราห้ามคนอื่นพูดในแง่ร้ายไม่ได้หรอกนะ ใช่ไหม” สิ่งที่เขาพูด ทำให้คมกริชคล้อยตาม หลังจากที่ยืนรออยู่สักพัก ป๊อบก็ขับรถมารับ กลิ่นในรถหอมสะอาด ห้องพักของป๊อบก็เป็นคอนโดใจกลางเมือง สภาพไม่ได้หรูหราแต่ก็คงราคาไม่น้อย

          “ตามสบายนะกริช เปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำได้เลยนะ พี่ขอล้างตัวหน่อย เหนียวตัวจะแย่” เขาชี้ให้ให้คมกริชไปห้องน้ำ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง คมกริชประหม่า เพราะเป็นครั้งแรกที่มาห้องคนอื่นที่ไม่ได้สนิทคุ้นเคยเหมือนเพื่อน เพราะเขาเป็นครูฝึก สนิทไหม ก็สนิทแต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นต้องมาเยี่ยมห้องเขา เขายืนเก้ๆกังๆอยู่นาน จึงถือกระเป๋าเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ

          “ใช้กำลังกล้ามเนื้อมัดนี้สิกริช ถึงว่า แบบนี้มันเหนื่อย เพราะกล้ามเนื้อคนเรา มันมีเป็นมัดๆ แยกกันใช้งาน อย่างเราดันพื้น จะใช้ตรงส่วนนี้ และส่วนนี้” เขาสอนแบบถึงเนื้อถึงตัว แต่ก็ไม่ได้ลวนลามอะไร คมกริชจึงสบายใจ เขาชี้จุดให้ดู แล้วให้คมกริชทำตาม เขารู้สึกดีมากเพราะทำตามที่เขาแนะนำแล้วมันทำได้

          “วิชานี้ ตรงนี้ส่วนมาก ออกข้อสอบทุกปี จำแค่ตรงนี้” พอผ่านการฝึกร่างกายมา เขาให้คมกริชเข้าไปอาบน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็มาติวหนังสือต่อ

          “อันนี้กริชเอาไปอ่าน และท่องเองนะ พี่ไฮไลท์ไว้ให้แล้ว ตรงที่พี่ทำไว้ เขาออกข้อสอบทั้งหมด” เขามีชีทสรุปข้อสอบทุกวิชา และเขาได้ทำจุดเด่น เพื่อให้ง่ายแก่การอ่านและท่องจำในการสอบ คมกริชรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก ครั้งนี้เขาต้องผ่าน

          “ขอบคุณนะครับพี่ป๊อบ พี่ใจดีกับผมมากเลย” เขายกมือไหว้

          “ไม่เป็นไร เห็นไหม พี่เห็นเราเป็นน้องเป็นนุ่ง ทำไมวะ การที่เราหวังดีกับใครสักคน ทำไมต้องมองว่าคนๆนั้น จะคิดไม่ดีตลอดเลย” เขาบ่นออกมา

          “เอ่อ” “ช่างแม่งเถอะ ดื่มน้ำสิ มันไม่เย็นแล้วนะ” เขาชงเครื่องดื่มเย็นมาให้ เป็นพวกสมูธตี้ เขาแนะนำให้คมกริช กินแต่ของที่บำรุงร่างกายเท่านั้น

          “ขอบคุณนะครับพี่” เขายกแก้วสมูธตี้ขึ้นดื่ม แล้วดูแผ่นสรุปวิชาการต่อ สักพักก็รู้สึกว่าง่วงนอน จนตาจะลืมไม่ขึ้น

          “ง่วงเหรอกริช นอนก่อนๆ เดี๋ยวตื่นค่อยมาติวต่อ” แววตานั้นยิ้มออกมาอย่างพึงใจ หน้าอกของเขาเต้นแรงจนกระเพื่อมไหว รูปร่างหน้าตาอย่างคมกริช เตะตาต้องใจเขาตั้งแต่แรกเห็น สิ่งที่เขาเก็บงำเอาไว้มานาน ความปรารถนาที่อัดแน่น จนใจของเขาแทบระเบิด ทุกการเคลื่อนไหวของคมกริช อยู่ในสายตาของเขามาโดยตลอด และในตอนนี้ เขากำลังจะสมปรารถนา คมกริชหลับไปเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ ที่เขาแอบเอาใส่ในเครื่องดื่ม เขายกร่างของคมกริชเข้าไปในห้องนอน อย่างง่ายดายเพราะรูปร่างไม่ต่างกันมากนัก ร่างของเด็กหนุ่มนอนแผ่อยู่ไม่รู้สติ เขาค่อยๆถอดเสื้อผ้าของคมกริชออกทีละชิ้น และแต่ละขั้นตอน เขาบันทึกวีดีโอเอาไว้หมด

          “อือ” คมกริชงัวเงียตื่นขึ้นในตอนเช้า ทันทีที่ขยับตัวความรู้สึกมึน แปลบเจ็บที่บั้นท้าย ร้าวขึ้นสู่สมอง เขาลืมตาขึ้นช้าๆ กวาดสายตาเพื่อปรับสภาพการมองเห็น

          “ที่ไหน” เขารำพึงออกมา

          “ตื่นแล้วเหรอกริช กินอะไรอุ่นๆหน่อย จะได้รู้สึกดีขึ้น” เสียงพร้อมร่างที่เปิดประตูห้องเข้ามา ทำให้คมกริชใจเต้นแรง ความชามันวิ่งจากหัวลงเท้า เขารีบลุกขึ้น พอเห็นสภาพตัวเองเขาก็ถึงกับตะลึง

          “พะ พี่ทำอะไรผม” เขาถามออกมาเสียงสั่น

          “หือ ก็เมื่อคืนกริชหลับไง พี่เลยพาเข้ามานอน คงจะฝึกหนักไป”

          “แล้วเสื้อผ้าผมไปไหน”  เขาเริ่มตวาด

          “พี่เห็นกริชทำท่าเหมือนร้อน เลยถอดเสื้อผ้าให้ พี่ก็ถอดนะ ไม่ต้องอายหรอก” เขาพูดหน้าตาเฉย คมกริชมองหาเสื้อผ้าของตนพอเห็นว่ากองอยู่ที่พื้นเขาจึงรีบก้มลงหยิบ แต่พอก้มก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ก้น

          “โอ้ย” ทั้งบนเตียงยังมีคราบร่องรอยของเลือดเป็นจุดอยู่

          “ไอ้เหี้ย นี่มึงทำอะไรกู” พอสมองมันประมวลผล เขาก็หันกลับไปจู่โจมทันที ป๊อบไม่ทันตั้งตัวโดนหมัดเขาเต็มรักเข้าที่กลางหน้า เลือดทะลักออกจากจมูก

          “เฮ้ย” “มึงทำอะไรกู ไอ้เวรเอ้ย” เขากระหน่ำหมัดรัวไม่ยั้ง หน้าตาเหมือนคนขาดสติ

          “หยุด กูบอกให้หยุด มึงเป็นของกูแล้ว ทำไม กูชอบมึง กูชอบมึงมานานแล้ว” เขาโพล่งออกมา ทั้งๆที่หน้าตาเปรอะไปด้วยเลือด

          “ไอ้โรคจิต” เขาผงะออกมา เพราะท่าทางและหน้าตาของป๊อบมันเหมือนคนบ้า ปากยิ้ม ตาลอยเลือดไหล

          “กูไม่น่ามากับมึงเลย” คมกริชรู้สึกเสียใจ

          “มึงจะจากกู ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” เขาตวาดกลับมาตอนที่คมกริชหอบเสื้อผ้าออกจากห้อง

          “กูไม่แจ้งความจับมึง ก็บุญหัวเท่าไหร่แล้ว ไอ้ชาติชั่ว” คมกริชอายุ ๑๖ ปี กฎหมายเยาวชนยังคุ้มครองเขาอยู่

          “กูยอม เอาสิ แจ้งเลย เมื่อไหร่ที่มึงแจ้ง กูก็จะปล่อยคลิปเช่นกัน” “คลิป คลิปอะ ไอ้เหี้ย” เขาอ้าปากค้าง แล้วกระโจนเข้าหาอีกครั้ง ป๊อบได้แต่คู้ตัวป้องกันหมัด และเท้าของคมกริช กว่าที่เขาจะเย็นลง สภาพของป๊อบก็ยับเยินเหมือนเพิ่งผ่านสมรภูมิมา

          “ไอ้กริช เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมไม่ไปเรียน” ภานุมาหาคมกริชที่นัดพบ เพราะตลอดทั้งวัน เขาไม่เข้าเรียนซ้ำยังติดต่อไม่ได้ แต่เขาเพิ่งจะติดต่อเข้ามาตอนเลิกเรียน

          “ไอ้นุ ฮือ จบกัน กูจบแล้ว ไอ้เวรนั่น” เขาร้องไห้ออกมาโผเข้ากอดคอเพื่อน ภานุตกใจแต่ก็ยิ่งอยู่ ปล่อยให้เพื่อนร้องไห้ให้พอ

          “มีเรื่องอะไรวะ บอกกู ใครทำอะไรมึง” พอเห็นว่าคมกริชเริ่มที่จะสงบลงเขาจึงถาม

          “ไอ้เวรนั่น” “ใครวะ” เขาถามกลับทันทีด้วยความร้อนใจ

          “ไอ้ป๊อบ” ภานุตะลึง เขาเงียบไป อย่านะ อย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิด

          “มันหลอกมึงไปที่ห้อง แล้วมันล่วงเกินมึงเหรอ” เขาถามเสียงขรึม คมกริชน้ำตาไหลก้มหน้า

          “ไอ้เหี้ย กูว่าแล้ว เห็นไหม กูเตือนมึงแล้ว” เขาอ้าปากด่า แต่ก็แค่นั้น เพราะตอนนี้สภาพจิตใจของคมกริช คงไม่ทนที่จะรับฟังคำเตือน หรือการตอกย้ำว่าเขาคิดผิด

          “กูไม่น่าเลย มึงกูจะทำยังไงดี” เขาคร่ำครวญ

          “ไปแจ้งความ ปล่อยมันไว้ไม่ได้” ภานุกัดฟันกรอด ด้วยความโกรธแทนเพื่อน

          “ไม่ได้ มันมีคลิป มันถ่ายคลิปไว้” “ไอ้ชาติชั่ว” ภานุบริภาษออกมาทันที

          “มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอวะ ตอนที่มันทำ” ภานุฉุนจัด จนหน้าแดง ท่าทางของเขาขึงขัง โมโหเพื่อนก็โมโห เพราะเขาเตือนแล้ว เขาพอจะมองออก ว่าป๊อบเข้าหาเพราะมีจุดประสงค์ที่แอบแฝง ด้วยหน้าตาของคมกริชที่หล่อเหลา คมกริชจึงเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนที่เขามีสติจำได้

          “เลวชาติ มันแอบวางยานอนหลับมึง แล้วมันก็ล่วงเกินมึง และมีหน้า ยังถ่ายคลิปเก็บไว้อีก ระยำเอ้ย”

          “แล้วกูต้องทำไงวะ” “ไม่ต้องทำอะไร มันก็คงไม่กล้าปล่อยคลิปหรอก เพราะมันก็มีหน้ามันเหมือนกัน มันไม่ได้พังแต่มึงหรอก รีบเรียนให้จบคอร์ส เราค่อยๆคิด พอสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยได้ ค่อยมาเอาคืนมัน จับมันเข้าคุกให้หมด ไอ้พวกอีแอบ โรคจิต” คมกริชทำตามเพื่อน โดยปิดเรื่องนี้เป็นความลับ ไม่ให้ใครรู้แม้แต่แฟนสาว ที่เขาเล่าทุกเรื่องให้เธอฟังได้อย่างไม่มีปิดบัง แต่เว้นเรื่องนี้ เธอคงรับไม่ได้ เพราะตัวของเขาเองยังรับไม่ได้เลย

          “กริช เลิกเรียนแล้วไปรอพี่ที่เดิมนะ” ความหน้าด้านของมนุษย์มีไม่เท่ากัน คมกริชอับอายขายขี้หน้า ที่เสียประตูหลังให้กับคนพรรค์นี้ แต่เขากลับมองว่ามันเป็นแต้มต่อ

          “อย่ามายุ่งกับกู ไม่งั้นกูจะแจ้งตำรวจ” เขาขู่ออกมาเสียงไม่ดัง เพราะกลัวคนอื่นได้ยิน

          “ลืมเรื่องคลิปไปแล้วเหรอ” “ไอ้สัตว์เอ้ย” คมกริชเลือดร้อน เขาง้างมือจะตะบันหน้าสักที แต่ด้วยที่นี่มีกฎเรื่องการทะเลาะวิวาท เขาจึงลดมือลง

          “ไม่รู้ล่ะ ถ้ากริชไม่ไปตามที่พี่บอก รู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขากัดฟันกรอด ไม่มีทางที่เขาจะยอม ทำตามคำขู่ของอีแอบเช่นนี้

          “ตามใจมึง อยากทำอะไรก็เรื่องของแม่มึง กูไม่สน ไม่ได้มีแต่กูคนเดียวนี่ ที่จะพัง” สายตาของคมกริช มองกลับมาด้วยความเจ็บแค้นใจ ป๊อบเม้มปากแน่น

          “แบมรอนานไหม” พอเลิกเรียน แฟนสาวของเขาก็มารอรับที่หน้าสถาบัน เธอมีรอยยิ้มที่สดใส จนเพื่อนที่เดินออกมาจากสถาบันมอง แล้วอิจฉาไปตามๆกัน

          “ไปด้วยกันไหมไอ้นุ ไปกินข้าวกัน” เขาหันไปชวนเพื่อนรัก

          “ไอ้ห่า กูไปก็เป็นกขคดิวะ กูก็จะไปหาเด็กเหมือนกัน หวัดดีแบม สวยเหมือนเดิมเลยนะ เบื่อไอ้กริชเมื่อไหร่ เราพร้อมนะ” “ไอ้เวรนี่ เดี๋ยวเถอะมึง” เขาไล่เตะเพื่อนอย่างสนุกสนาน ลืมเรื่องเมื่อครู่ไปหมดสิ้น

          “ขอบใจจ๊ะนุ แต่หัวใจเรามีแค่กริชคนเดียวสิ รอนานหน่อยนะ สัก ๖๐ รอไหวไหม” เธอแซวกลับพร้อมร่อยยิ้มที่สดใส ทั้งสามคนทำเหมือนไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ทว่าแววตาคู่หนึ่ง ที่จ้องมองอยู่บนอาคาร ถลึงมองด้วยความเกลียดชัง อิจฉา หึงหวง

          “กว่าจะหาเจอ ตามยากมาก” เขาใช้ความพยายาม ในการค้นหาเบอร์โทรศัพท์แฟนสาวของคมกริช แต่ด้วยความพยายาม เขาได้มันมาอย่างไม่ยากนัก ด้วยอำนาจเงิน ที่บันดาลทุกสิ่งอย่างให้เขาได้ แต่ทำไม เด็กผู้ชายคนที่เขารู้สึกปักใจตั้งแต่แรกเจอ เขาถึงไม่เคยปรายตามามองเขาเลย ทั้งที่เขาก็ทุ่มเททุกอย่างให้ไม่แพ้ใคร

          “แบมใช่ไหม” เขาส่งข้อความไปตามเบอร์ที่ได้มา เธอได้รับแต่ก็ไม่ได้ตอบ

          “ฉันรู้ว่าเธอและกริชคบกัน แต่มีบางอย่างที่เธอต้องรู้ไว้นะ” แบมเริ่มใจเต้น เธอทำเป็นไม่สนใจ กระทั่งมีข้อความเด้งเข้ามาอีกรอบ เธอไม่เปิดมันดูเพราะกำลังเรียนอยู่ แต่ความอยากรู้ของคน มันทำให้เธอไปเปิดอ่านข้อความในห้องน้ำ แต่ข้อความที่ว่ามันคือคลิปวีดีโอ เด็กสาวตะลึงงัน ปากอ้าค้าง น้ำตาเอ่อนอง หัวใจแตกสลาย

บทที่เกี่ยวข้อง

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๖ ท้าทาย

    “จ่าไปซื้อเหล้ามาหน่อยสิครับ” พอถึงห้อง แสงตะวันก็ควักเงินออกมายื่นให้จ่าอิน เขาทำหน้าตาตื่น นานทีปีหนถึงจะเห็นแสงตะวันดื่มเหล้า และนี่มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง “เอ่อ เอาแต่หัววันเลยเหรอครับ สารวัตร” จ่าอินยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่ผมหรอกที่จะกิน เราทุกคนนั่นล่ะ แม่งเครียด” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จ่าอินจึงรีบออกไปจากห้อง “ทิตย์ ยังไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหน” เขาโทรไปหาแสงอาทิตย์เพราะเข้าห้องมาก็ไม่เห็นวี่แวว “พอดีเราแวะซื้อของที่ซุปเปอร์น่ะ ท่าทางตะวัน จะใช้ห้องเราเป็นฐานอีกนานไม่ใช่เหรอ ของในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว แล้วตะวันอยู่ไหน” “เพิ่งถึงห้อง” เขาตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด จริงสิ ทีมมาใช้ห้อง ไม่ใช่แต่ห้องนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ก็ต้องให้ลูกทีมใช้ด้วย รวมถึงข้าวปลาอาหาร “ทิตย์ซื้ออะไรบ้างแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราให้พี่จ่ากับผู้กองไปช่วย” “ไม่ต้องหรอกตะวัน เราซื้อไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถือกลับได้ ตะวันหิวยัง รอแป๊บนะ เราซื้อข้าวปั้นไปฝาก” น้ำเสียงนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มันยั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๗ ทุกนาทีมีค่า

    “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับโรงเรียน ตัดผู้ต้องสงสัยออกไปได้เยอะเลยครับ เพราะคนที่อยู่ในทีมฟุตบอลตอนนั้น ส่วนมากอยู่ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เวลาที่เกิดเหตุ เกือบทั้งหมดมีพยานยืนยันที่อยู่ชัดเจน แม้กระทั่งน้องชายของนายธรรผู้ตาย เฟสบุ๊คของเขายังคงใช้งานอยู่ เมื่อวานก็เพิ่งจะโพสต์รูปภาพ ว่าอยู่ที่บอสตันครับ” จ่าอินรายงาน ทุกคนหน้าเครียด คิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนดี มันเหมือนจะเจอทางสว่าง แต่แสงนั้นดับพรึ่บลง โดยที่ยังไม่ทันได้บ่ายหน้าไปหาแสงเสียด้วยซ้ำ “โอ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” แสงตะวันแหกปากออกมา เขาคิดไม่ออก หาทางไม่เจอ เขาทึ้งหัวตัวเอง อาการที่เขาไม่เคยแสดงออกมา ลูกทีมไม่มีใครเคยได้เห็น ว่าสารวัตรผู้หยั่งรู้จะจนแต้มขนาดนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันยากมาก “มันต้องมีเหตุจูงใจครับ หรือว่านี่ มันคือพฤติกรรม สร้างสถานการณ์เลียนแบบ” ผู้กองคมกริชขมวดคิ้ว หน้าเครียดไม่ต่างกัน “เลียนแบบ แล้วมันไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เห็นนายวันชัยบอกว่าเรื่องนี้ถูกปิดเงียบ เพราะพ่อของนายสมโชติ เป็นคนจัดการ มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถูกกำชับไม่ให้เปิดปาก” “แล้วเด็ก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-21
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   บทนำ

    “เขาไม่ได้ตายมาก่อนหน้านี้ นี่ไม่ใช่การอำพราง แต่มันคือการเผาเขาทั้งเป็น โอ ตะวัน มันโหดร้ายมาก เขาโกรธแค้น เขาไม่ยอม” ชายหนุ่มสูงเพรียว สวมแว่นสายตาหนาเตอะ หลับตานิ่งเปลือกตานั้นกรอกไปมาเหมือนว่าการหลับตาไม่ได้ช่วยให้เขาปิดจอภาพได้เลย ภาพที่เขาเห็นผ่านสัมผัสพิเศษหรือ ตาที่สามนั้น คือร่างของชายรูปร่างสูง ตัวดำไหม้เกรียม เขาปรากฏร่างในสภาพที่เขาตาย “เขาบอกได้ไหม ว่าใคร” สารวัตรหนุ่มถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น “เขาบอกไม่ได้ มันผิดกฎ” กฎที่ว่าคือกฎหลังความตาย วิญญาณไม่สามารถจะเอ่ยปากบอกว่าตัวเขาเองตายโดยใคร กรรม มันคือการฝืนกรรม “เห็นอะไรอีก ทิตย์” เขาร้อนใจ “ของกิน เหล้า เขาไม่มีพลังแล้วตะวัน” ทั้งสองสนทนากันผ่านสายโทรศัพท์ สารวัตรหนุ่มมีหูฟังไร้สายเสียบไว้ที่หูด้านขวา ส่วนหนุ่มแว่นหนาเปิดลำโพงเพราะเขากำลังใช้สมาธิเพ่ง ไม่นานภาพเหล่านั้นก็จางหายไป เขาถอนออกจากสมาธิแล้วหายใจหอบ พลังงานที่ใช้ไปทำให้เขาแทบทรุด ทุกครั้งเขาจะไม่ได้ใช้พลังหากว่าเพียงแค่เห็น แต่ครั้งใดที่เขาต้องการที่จะสื่อสาร เขาจะสูญเสียพลังงานไปอย่างรวดเร็ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑. พระอาทิตย์สองดวง

    ป่ายางที่ครึ้มจนแสงแดดส่องลงถึงพื้นได้เพียงรำไร ด้านล่างหญ้าถูกตัดจนเตียน มองเข้ามาเห็นต้นยางเรียงรายกันเป็นระเบียบ สวยงาม เขียวขจี ทว่าลึกเข้าไป มีกองขี้เถ้ากองใหญ่ที่เหมือนจะเพิ่งถูกสายฝนชะให้มอดเชื้อลงไม่นาน ความสวยงามเมื่อครู่มลายหายสิ้น เพราะกองขี้เถ้านั้นมันคือการเผาคนโดยวิธีนั่งยาง จากรายงานที่สารวัตรหนุ่มได้รับ เขาและลูกทีมต้องมาที่นี่ เพราะคดีนี้ปิดยังไม่ได้ แม้จะผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วก็ตาม ด้วยหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าใครคือผู้ต้องสงสัย เพราะผู้ตาย ตามประวัติมีเรื่องกับเขาไปทั่ว นักเลงนั่นเอง สายสืบจากหน่วยงานสืบสวนกลางจึงได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ลงพื้นที่ ลูกทีมทั้งห้านายแยกกำลังกัน บางนายก็เดินตรวจบริเวณโดยรอบ รอยเท้า รอยรถ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พบในที่เกิดเหตุ ที่จริงคือหลักฐาน ทว่าผ่านมาเป็นสัปดาห์ขนาดนี้ รอยเหล่านั้นคงมาจากทีมสืบสวนชุดแรกที่เข้ามาเก็บหลักฐาน และฝนก็ได้ชะล้างออกหมดแล้ว สารวัตรหนุ่มหล่อ ผู้ที่ได้ฉายาว่าสายสืบผู้หยั่งรู้ เพราะไม่มีคดีไหนที่ว่ายากแล้วเขาจะสืบไม่ได้ เขาปิดได้ทุกคดี ร. ต. อ. แสงตะวัน พิริยลักษณ์ สารวัตรหนุ่มผู้มีอนาคตไกล เขาเพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๒. คนเห็นผี

    “เป็นอะไรไปลูก วิ่งหน้าตาตื่นเชียว” แสงเดือนแม่ของแสงตะวันร้องทัก เธอกำลังง่วนอยู่ในครัวกำลังเตรียมอาหารเย็นไว้ให้สามีและผู้เป็นลูก “มะ ไม่มีอะไรครับแม่ พ่อยังไม่กลับเหรอครับ” เขาแกล้งทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่ขนลุกชันทั่วทั้งร่าง เขาไม่เคยเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แม้ในใจลึกๆก็แอบเอนเอียงบ้าง เพราะบิดาเป็นผู้พร่ำสอน “เป็นตำรวจสายสืบ บางทีมันก็ต้องพึ่งพาสิ่งที่เรามองไม่เห็น ยังมีอีกหลายอย่าง ที่มนุษย์อย่างเรา จินตนาการไปไม่ถึงหรอกนะตะวัน” คำสอนของพ่อเขาเคยบอกไว้ ตอนที่เห็นพ่อกำลังกุมบางอย่างไว้ในมือ แล้วยกขึ้นพนม สวดคาถาเป่าออกมาก่อนจะออกไปทำงาน “น่าจะกลับเร็วๆนี้ล่ะ โรงเรียนใหม่เป็นยังไงบ้างลูก มีเพื่อนใหม่หรือยัง” เธอหันมาถามเพราะกำลังปรุงอาหารในหม้ออยู่ “ก็ดีครับ เพื่อนที่นี่ดูเข้าหาง่ายกว่าในเมือง” เขาตอบและกำลังคิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะผ่านมาเมื่อครู่ เสียงหัวเราะ ต้นไม้ที่ไหวเหมือนมันเขย่าวิ่งตามรถของเขานั้น มันคือลมประเภทไหนกันนะ แล้วด้านหลังจากที่มองกระจก ทำไมมันนิ่งสนิท มันคืออะไรกันแน่ “แม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๓ จับแพะ

    สุริยาเป็นคนขับรถไปส่งแสงอาทิตย์ที่บ้าน เขาไม่ยอมให้แสงตะวันเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ เพราะเขาเชื่ออย่างที่แสงอาทิตย์บอก เชื่อทุกคำ เพราะนี่มันคือตำหนิของอาชีพของเขา ไม่มีวันลืม สายสืบที่มีฝีมือฉกาจอย่างเขา แม้จะมีผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่าเป็นคนออกคำสั่ง แต่ด้วยความไม่ละเอียดของเขาเอง ผู้ต้องหาฆ่าตัวตาย และหลังจากนั้นความจริงถึงกระจ่าง ว่าเขาบริสุทธิ์ และเป็นเขาเองที่กลับไปสืบ แต่มันสายไปแล้ว มันยุติธรรมกับประสิทธิ์แล้วหรือ เขาโดนสั่งย้ายทันที หลังจากที่เขานำความจริงออกมารายงานเบื้องสูง ผู้บังคับบัญชาสายตรงได้สั่งห้ามเขาแล้ว ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเสีย แต่เขาทำไม่ได้ “ยังไม่นอนกันอีกเหรอ” เขากลับเข้าบ้านมาค่อนข้างดึก เพราะเขาจอดรถคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่หน้าซอยเข้าบ้าน แสงเดือนและแสงตะวันยังคงนั่งรอเขา สายตาทั้งสองที่มองมา ต้องการฟังจากปากของเขา “มันเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจพ่อมาโดยตลอด ที่โดนคำสั่งย้ายมานี่ ก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ” เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเล่าออกมา “คดีมันปิดไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ” แสงเดือนถาม “ใช่ แต่มันไม่ถูก คนร้ายตัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๔ คดีบ้านร้าง ๓๖๕

    “ไม่อร่อยเหรอตะวัน ทำไมมองแต่หน้าเรา” เสียงทักของแสงอาทิตย์ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ เขายิ้ม “อร่อยสิ คิดถึงทิตย์ล่ะ” “หือ ก็นั่งอยู่นี่ไง” แสงอาทิตย์ขมวดคิ้วแล้วยกนิ้วขึ้นขยับแว่น เวลาเขาเขินเขามักจะขยับแว่นตาแก้เขิน “เปล่า คิดถึงอดีต” แสงอาทิตย์พยักหน้า “เรื่องอะไรเหรอ” “ตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน” แสงอาทิตย์ขยับแว่นหลายที บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกในตอนนี้ “ตะวันว่างเหรอ ถึงได้คิดถึงเรื่องเก่าๆ หรือมีอะไรป่ะ” เสียงที่ถามนั้นดูไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก “ไม่มีอะไร ก็คิดถึงขึ้นมาไง แล้วงานเป็นไงบ้างช่วงนี้” แสงตะวันตักข้าวเข้าปาก สายตายังคงจับที่ใบหน้าของแสงอาทิตย์ แว่นหนานั้นเหมือนจะปิดบังดวงตากลมโตของเขา ดวงตาที่มีวงรัศมีสองชั้น ดวงตาที่พิเศษ แสงอาทิตย์รู้สึกเขิน จึงลุกเข้าไปในครัวเพื่อหยิบเอาบางอย่างแก้เขิน “มีรายงาน พบศพผู้เสียชีวิตที่บ้านร้าง ย่านมีนบุรี สภาพศพเปลือยกายและถูกพันธนาการด้วยเชือก ส่วนสาเหตุการตาย คาดว่าผู้ตายน่าจะขาดอากาศหายใจ และโดนทรมานก่อนที่จะสิ้นใจ ความคืบหน้า ทีมข่าวของเราจะติดตามต่อไปค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-14
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๕ ตัวตนของผู้ตาย

    บ้านเช่าหลังเล็กแถวย่านอ่อนนุช ด้านในบ้านถูกตกแต่งใหม่หมด ให้มีสภาพเป็นออฟฟิศ นอกจากนทีผู้เป็นเจ้าของ และแสงอาทิตย์ที่เป็นมือหนึ่งแล้ว ยังมีมณีรุ่นพี่ของนทีอีกคน และมนฤดีเพื่อนรุ่นพี่ของมณีอีกที ทั้งออฟฟิศมีพนักงานแค่สี่คน แต่ตอนนี้กำลังจ้างพนักงานตรวจสอบบัญชีชั่วคราว จ้างเป็นวันๆไป ส่วนมากที่รับคือนักศึกษาที่เพิ่งจบ แต่ยังหางานไม่ได้ เพราะงานที่รับไว้มันเกินมือของทั้งสี่คนมาก “พี่มนกับอาทิตย์ ตรวจแผนกบัญชีนะ ส่วนผมจะดูจัดซื้อ ส่วนพี่มณีดูฝ่ายบริหาร ส่วนแผนกอื่น ให้น้องๆช่วยตรวจเอกสาร เราค่อยหอบเอามาตรวจที่นี่” นทีแจงงานในห้องประชุม มีตัวแทนของพนักงานชั่วคราวเข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องด้วยเป็นบริษัทใหญ่ การตรวจจะต้องใช้เวลาเป็นสัปดาห์ ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามที่ทำสัญญากัน “เลิกงานแล้วไปเดินบิ๊กซีกันไหม” มณีเป็นคนชวน “ไม่เอาพี่ วันนี้ผมต้องเตรียมเอกสาร น่าจะเกือบโต้รุ่งโน่นล่ะ” นทีโอดครวญ “ไปๆ พี่จะแวะซื้อขนมปังพอดี ไปด้วยกันนะอาทิตย์” มนฤดีหันมาชวนแสงอาทิตย์ ที่กำลังเก็บของบนโต๊ะ “ได้พี่ วันนี้เลิกเร็ว กลับห้องไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18

บทล่าสุด

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๗ ทุกนาทีมีค่า

    “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับโรงเรียน ตัดผู้ต้องสงสัยออกไปได้เยอะเลยครับ เพราะคนที่อยู่ในทีมฟุตบอลตอนนั้น ส่วนมากอยู่ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เวลาที่เกิดเหตุ เกือบทั้งหมดมีพยานยืนยันที่อยู่ชัดเจน แม้กระทั่งน้องชายของนายธรรผู้ตาย เฟสบุ๊คของเขายังคงใช้งานอยู่ เมื่อวานก็เพิ่งจะโพสต์รูปภาพ ว่าอยู่ที่บอสตันครับ” จ่าอินรายงาน ทุกคนหน้าเครียด คิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนดี มันเหมือนจะเจอทางสว่าง แต่แสงนั้นดับพรึ่บลง โดยที่ยังไม่ทันได้บ่ายหน้าไปหาแสงเสียด้วยซ้ำ “โอ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” แสงตะวันแหกปากออกมา เขาคิดไม่ออก หาทางไม่เจอ เขาทึ้งหัวตัวเอง อาการที่เขาไม่เคยแสดงออกมา ลูกทีมไม่มีใครเคยได้เห็น ว่าสารวัตรผู้หยั่งรู้จะจนแต้มขนาดนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันยากมาก “มันต้องมีเหตุจูงใจครับ หรือว่านี่ มันคือพฤติกรรม สร้างสถานการณ์เลียนแบบ” ผู้กองคมกริชขมวดคิ้ว หน้าเครียดไม่ต่างกัน “เลียนแบบ แล้วมันไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เห็นนายวันชัยบอกว่าเรื่องนี้ถูกปิดเงียบ เพราะพ่อของนายสมโชติ เป็นคนจัดการ มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถูกกำชับไม่ให้เปิดปาก” “แล้วเด็ก

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๖ ท้าทาย

    “จ่าไปซื้อเหล้ามาหน่อยสิครับ” พอถึงห้อง แสงตะวันก็ควักเงินออกมายื่นให้จ่าอิน เขาทำหน้าตาตื่น นานทีปีหนถึงจะเห็นแสงตะวันดื่มเหล้า และนี่มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง “เอ่อ เอาแต่หัววันเลยเหรอครับ สารวัตร” จ่าอินยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่ผมหรอกที่จะกิน เราทุกคนนั่นล่ะ แม่งเครียด” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จ่าอินจึงรีบออกไปจากห้อง “ทิตย์ ยังไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหน” เขาโทรไปหาแสงอาทิตย์เพราะเข้าห้องมาก็ไม่เห็นวี่แวว “พอดีเราแวะซื้อของที่ซุปเปอร์น่ะ ท่าทางตะวัน จะใช้ห้องเราเป็นฐานอีกนานไม่ใช่เหรอ ของในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว แล้วตะวันอยู่ไหน” “เพิ่งถึงห้อง” เขาตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด จริงสิ ทีมมาใช้ห้อง ไม่ใช่แต่ห้องนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ก็ต้องให้ลูกทีมใช้ด้วย รวมถึงข้าวปลาอาหาร “ทิตย์ซื้ออะไรบ้างแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราให้พี่จ่ากับผู้กองไปช่วย” “ไม่ต้องหรอกตะวัน เราซื้อไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถือกลับได้ ตะวันหิวยัง รอแป๊บนะ เราซื้อข้าวปั้นไปฝาก” น้ำเสียงนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มันยั

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๕ ผู้กองคมกริช

    “เมื่อไหร่จะจับตัวคนร้ายได้สักทีวะ แม่งไอ้พวกวิปริตพวกนี้ เวลามันรัก มันรักฝังใจ เวลามันแค้น ดูเอาเถอะ ฆ่าไม่บันยะบันยัง รกโลก” ผู้กองคมกริชสบถออกมาระหว่างทาง จ่าหนุ่มที่เป็นพลขับหันกลับทันที “เอ่อ ผู้กอง ทำไมถึงมีอคติกับคนพวกนี้จังล่ะครับ มีอะไรไหม” จ่าหนุ่มถามออกมา เหมือนจะแซวเพราะน้ำเสียงไม่จริงจังนัก “บ้าเหรอจ่า ผมนี่นะจะไปมีอะไร ชีวิตนี้ไม่อยากย่างกรายคนพวกนี้หรอก ไม่ชอบส่วนตัวน่ะ” เขารีบตอบออกมาด้วยเสียงที่ดัง จ่าหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว ผู้กองคมกริชหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ หวนคิดไปถึงวันวาน ที่เขาเกลียดคนจำพวกนี้เข้าไส้แบบนี้ “แบมว่าไปติวก็ดีนะ กริช เขาการันตีไม่ใช่เหรอ ว่าที่นี่คนที่ติวส่วนมากสอบได้” เด็กสาวในวัยมัธยม กำลังเกาะแขนเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าสถาบันติว “ก็ได้ ลองดู พี่ทิวก็ติวจากที่นี่ ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่” ความใฝ่ฝันของเด็กหนุ่ม คือการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย เขาสอบเมื่อปีที่แล้วแต่ภาคปฏิบัติเขาไม่ผ่าน เขากลับมามุมานะออกกำลัง เล่นกีฬาอย่างหนัก จนรูปร่างของเด็กหนุ่มกำยำขึ้น “ถ้า

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๔ คดีโรงหนังร้าง ๓๖๘

    ตลอดทั้งคืนไม่มีใครกลับบ้าน ต่างพากันประชุมกันอยู่ที่ห้องรับแขก แสงตะวันเข้าไปนอนในห้องกับแสงอาทิตย์ เขาสละห้องนอนส่วนตัว ให้ผู้กองกับจ่าอิน ส่วนจ่าหนุ่มนอนอยู่ที่โซฟา “เวลาไม่ได้ทำคดีแล้ว บางทีมันก็สบายอย่างนี้สินะ” แสงตะวันเอ่ยขึ้นหลังจากตื่นนอน แสงอาทิตย์ลุกไปนานเป็นชั่วโมงแล้ว “อ้าว ตื่นไวจังจ่า เป็นไง นอนหลับไหม” เขาทักจ่าหนุ่มที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟา “ตื่นสักพักล่ะครับ คุณอาทิตย์สิครับ ตื่นก่อนใคร มาต้มกาแฟให้แต่เช้า ตอนนี้ยังไปทำอาหารเช้าให้ด้วยครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แสงตะวันเดินไปเทกาแฟใส่แก้ว แล้วเดินเข้าไปในครัวขนาดเล็ก แสงอาทิตย์กำลังง่วนอยู่ กับการปิ้งขนมปังและทอดไข่ดาว “ทำไรทิตย์” เขาพิงเคาท์เตอร์แล้วเอ่ยถาม “ปิ้งขนมปัง พี่จ่าเขากินกาแฟหมดยัง ตะวันเอาออกไปให้เขาหน่อยสิ เดี๋ยวเรากำลังทอดไข่ดาว” แสงอาทิตย์ไม่ได้หันมามอง เขากำลังจดจ้องอยู่ที่การทอดไข่ดาวแบบไร้น้ำมันอยู่ “ขอโทษนะทิตย์ ที่ต้องทำให้ทิตย์ต้องตื่นมาวุ่นวายแบบนี้ เราคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะไปหาที่ประชุมลับที่ไหนดี นอกจากห้องของเรา” เขาเอ่ยเสียงท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๓ ฐานปฏิบัติการลับ

    แสงอาทิตย์กำลังปิดรายงาน เพื่อส่งให้นทีรีวิว ก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า เหลือรายงานสรุปที่ต้องส่งทีหลัง เขารู้สึกโล่งมาก เพราะตรวจบัญชีหนักหน่วงมาทั้งอาทิตย์ เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี ซ้ำช่วงนี้ยังมีเรื่อง มีวิญญาณที่ขอความช่วยเหลือ ยิ่งถอนตะปูตรึงวิญญาณได้แล้ว เหมือนว่าวิญญาณทั้งสามจะปรากฏร่างให้แสงอาทิตย์เห็นบ่อยขึ้น “วันนี้เลิกเร็ว รีบกลับไปพักเถอะทุกคน เราค่อยนัดเลี้ยงกันพรุ่งนี้ วันนี้ทุกคนน่าจะไม่ไหว ขอบใจมากนะเด็กๆ พรุ่งนี้มีกินเลี้ยงกันนะ เดี๋ยวพี่แจ้งชื่อร้านและเวลาไปอีกที มาให้ได้กันทุกคนนะ” นทีบอกพนักงานที่จ้างมาชั่วคราว พอแยกย้ายกันกลับ เหลือแต่พนักงานประจำที่กำลังเก็บของ “กลับไปถึงบ้าน พี่จะกระโดดขึ้นเตียง แล้วนอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปวดเมื่อยมาก” มนฤดีบ่นอุบ “ไปนวดไหมพี่มน นี่ก็ไม่ไหว นั่งจ้องเอกสารทั้งวัน ปวดตามาก” มณีเอ่ยชวน “เออ ดีเหมือนกัน อ่อนนุชเหมือนเดิมเหรอ” “มีร้านเปิดใหม่ ก็ใกล้ร้านเดิมที่เราเคยไปล่ะเจ๊ ไปด้วยกันไหม นที อาทิตย์” มณีหันมาชวนหนุ่มโสดทั้งสองคน “วันนี้ผมขอตัวครับ ผมรู้สึกมึนๆยังไม่หาย อยากกลับไปนอน” แสงอาท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๒ ถอนตะปู

    “วันนี้รองลางาน แปลก ปกติไม่เคยลา แกบอกไม่สบาย” พอมาถึงที่สำนักงาน จ่าอินก็รีบรายงานทันที แสงตะวันขมวดคิ้ว “แกเป็นอะไร” “เหมือนจะหวัดครับ เพราะแกไม่เคยลงพื้นที่ เมื่อคืนก็ไปเฝ้าตั้งแต่หัววัน คงโดนน้ำค้าง” น้ำค้าง? แสงตะวันนึกขัน ตำรวจอะไรจะไม่ถูกกับน้ำค้าง นี่แสดงว่าเรียนมาเพื่อเซ็นเอกสารอย่างเดียวเลยสินะ เขานึกปรามาสอยู่ในใจ เพราะเขาเองกว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ บุกป่าฝ่าดงก็ไปมาหมดแล้ว อดข้าวสามวัน อดนอนเป็นอาทิตย์ การฝึกก็โหด แค่น้ำค้างเนี่ยนะ ต่อให้เป็นฝนตกเขาก็ไม่เป็นอะไร “โล่งไปนะครับ สารวัตร” จ่าหนุ่มยิ้มแห้งๆ “ไม่โล่งหรอกพี่จ่า แสดงว่าเรายังพอมีเวลา มีอะไรคืบหน้าไหม ที่โรงเรียน” เขาถาม และมองหาผู้กองคมกริช “ผู้กองไปเบิกผลตรวจของที่เจอเมื่อวานครับ” จ่าอินเหมือนจะรู้ใจ เขาพยักหน้า “มีกลุ่มของนักกีฬาโรงเรียนครับ และสารวัตรครับ ผมว่าเราน่าจะเจออะไรบางอย่างแล้วครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่วาวระยับ “หือว่ามาจ่า” เขาเองก็ตื่นเต้น รีบนั่งลงที่โต๊ะหันหน้าเข้าหา “นักกีฬาฟุตบอลโรงเรียน และทั้งสามคนที่ตายคือสมาชิก ใน

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๑ คดีริมบึงกลางเมือง ๓๖๗

    “อ่า” เลือดสีดำแดงที่พุ่งออกจากปากของเขา เต็มชักโครกจนน่ากลัว นี่เป็นครั้งที่สองแล้วในวันนี้ ที่เขาได้อาเจียนเป็นเลือด “ถอนของกูได้แล้วสินะ” เขาเอ่ยออกมาอย่างเคียดแค้น “อย่าให้กูรู้นะว่าใคร มันกล้ามาเหยียบรอยตีนกู มึงได้ตายแน่” เขาจ้องลงไปในชักโครก ที่เขากดให้เลือดไหลวนลงไป ด้วยสายตาที่เคียดแค้น “ใต้สะพาน สวน มีรถไฟ แต่เขาไม่ได้ตายที่ใต้สะพานนะ เดี๋ยวนะ รถไฟ รีบไปตะวัน ร่างของเขากำลังถูกคุกคาม” แสงอาทิตย์เร่ง เขาพูดออกมาเป็นคำๆ เท่าที่จิตจะเห็น เขาเห็นคนร้าย รูปร่าง ลักษณะ แม้แต่ตอนที่เขากำลังฆ่า แต่ใบหน้านั้นมีเหมือนเงาหรือหมอกบางอย่าง ปกคลุมอยู่ เขาพยายามเพ่งแล้ว แต่มองไม่เห็น “สวนรถไฟอะไรอาทิตย์” นทีที่ยืนรออยู่เอ่ยถามออกมา “ฆาตรกรพี่นที เขาลงมืออีกแล้ว” “หา ไอ้ต่อเนื่องนั่นน่ะเหรอ” นทีตกใจ กระเป๋าแทบจะหลุดมือ เขารู้เพราะตามข่าวที่ออกทุกสำนัก บางสำนักถึงกับทำสกู๊ปข่างลงพื้นที่ ทั้งที่ตำรวจได้ห้ามก็ไม่ฟัง นำเสนอข่าวโดยล้วงลึกไปยังครอบครัว ทุกสิ่งอย่างที่ทางตำรวจต่างปกปิด เพราะยังจับตัวคนร้าย

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๐ ที่เกิดเหตุ

    ณ ชะง่อนผาหินริมฝั่งโขง แมกไม้น้อยใหญ่ขึ้นโปร่ง เพราะเป็นป่าเบญจพรรณ ลานหินตะปุ่มตะป่ำบ้างเป็นแท่ง บ้างนูนสูงนูนต่ำ แล้วแต่ธรรมชาติจะเนรมิตสรรค์สร้าง สำนักสงฆ์ที่มีศาลาทำด้วยไม้หลังย่อม ตั้งอยู่ระหว่างหินนั้น ถัดออกไปตรงชะง่อนผา คือกระท่อมหรือกุฏิของพระอาจารย์ ภิกษุหนุ่มวัยกลางคน นั่งรอลูกศิษย์อยู่ที่ชานหน้ากระท่อม ท่านเข้าสมาธิหลับตาอยู่ แสงตะวันจอดรถไว้ที่ตีนภู เพราะบริเวณของสำนักสงฆ์เป็นภูหินริมฝั่งโขงรถขึ้นไม่ได้ ทอดสายตาออกไปทางทิศตะวันออก คือแม่น้ำสายหลักที่กั้นเขตแดนระหว่างประเทศ สายน้ำกระทบเปลวแดดระยับไหวอยู่ราวกับมีชีวิต แสงตะวันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังศาลา “นมัสการครับ หลวงพี่ พระอาจารย์อยู่ไหมครับ” แสงตะวันนั่งลงแล้วก้มลงกราบทันที ภิกษุที่อ่อนวัยกว่าพระอาจารย์ กำลังนั่งทำกิจวัตรของท่านอยู่ ร้างไร้ผู้คนขึ้นมารบกวน เพราะที่นี่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหรือชุมชนกว่า ๗ กิโลเมตร เวลาเช้าออกบิณฑบาตต้องออกแต่เช้าตรู่ และต้องเดินลงภูไปกลับกว่า ๑๔ กิโลเมตร “เจริญพร โยมตะวัน ท่านรออยู่ที่กุฏิ” ท่านเอ่ยแต่เพียงเท่านั้นแล้วหันกลับไปตั้งใจทำวัตรของตนต่อ แสงตะวันก้มลง

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๙ ข้อตกลง

    “อ้าวผู้กอง ไปเอาผลชันสูตรถึงไหนครับเนี่ย” ทันทีที่ผู้กองคมกริชกลับเข้าไปในสำนักงาน จ่าหนุ่มก็เอ่ยแซวขึ้นทันที เพราะนี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว “พอดีไปธุระมานิดหน่อยน่ะจ่า สารวัตรครับ นี่ผลตรวจครั้งที่สองครับ” เขาวางแฟ้มไว้ต่อหน้าแสงตะวัน เขาหันมาพยักหน้า ตาเริ่มโหลลึกเพราะนอนน้อยกันทุกคน “วันนี้ผมเหมือนจะเจอเพื่อนสารวัตรด้วยนะครับ” เขาเอ่ยแล้วยิ้ม สายตาจ้องมองอยู่ ว่าแสงตะวันจะมีปฏิกริยายังไง ได้ผล เขาหันขวับทันที “ใคร เพื่อนคนไหน” เสียงนั้นห้วนจนเหมือนตวาด “เอ่อ คุณอาทิตย์น่ะครับ พอดีบังเอิญเจอที่หน้าตึก ที่แกไปทำงาน” แสงตะวันหน้าเปลี่ยนสี “รู้จักกันได้ยังไง” เขาจ้องจนบรรยากาศไม่ดี เขาเหมือนจะรู้ตัว เขาจึงลุกขึ้น “ผู้กอง คุยกันหน่อยสิ” เขาเดินออกไปทันที ผู้กองคมกริชอมยิ้มด้วยความบรรลุเป้าหมาย สองจ่านั่งมองหน้ากันว่ามันเกิดอะไรขึ้น “ครับ สารวัตร” ผู้กองคมกริชเดินตามออกไปหน้าตึก แสงตะวันยืนปักหลักหันหลังเหมือนยักษ์ เขาหันหน้ากลับมา “คุณไปรู้จักเพื่อนผมได

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status