Home / LGBTQ+ / Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ) / ตอนที่ ๑๓ ฐานปฏิบัติการลับ

Share

ตอนที่ ๑๓ ฐานปฏิบัติการลับ

Author: Mkutkomen
last update Last Updated: 2025-01-21 08:22:30

แสงอาทิตย์กำลังปิดรายงาน เพื่อส่งให้นทีรีวิว ก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า เหลือรายงานสรุปที่ต้องส่งทีหลัง เขารู้สึกโล่งมาก เพราะตรวจบัญชีหนักหน่วงมาทั้งอาทิตย์ เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี ซ้ำช่วงนี้ยังมีเรื่อง มีวิญญาณที่ขอความช่วยเหลือ ยิ่งถอนตะปูตรึงวิญญาณได้แล้ว เหมือนว่าวิญญาณทั้งสามจะปรากฏร่างให้แสงอาทิตย์เห็นบ่อยขึ้น

          “วันนี้เลิกเร็ว รีบกลับไปพักเถอะทุกคน เราค่อยนัดเลี้ยงกันพรุ่งนี้ วันนี้ทุกคนน่าจะไม่ไหว ขอบใจมากนะเด็กๆ พรุ่งนี้มีกินเลี้ยงกันนะ เดี๋ยวพี่แจ้งชื่อร้านและเวลาไปอีกที มาให้ได้กันทุกคนนะ” นทีบอกพนักงานที่จ้างมาชั่วคราว พอแยกย้ายกันกลับ เหลือแต่พนักงานประจำที่กำลังเก็บของ

          “กลับไปถึงบ้าน พี่จะกระโดดขึ้นเตียง แล้วนอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปวดเมื่อยมาก” มนฤดีบ่นอุบ

          “ไปนวดไหมพี่มน นี่ก็ไม่ไหว นั่งจ้องเอกสารทั้งวัน ปวดตามาก” มณีเอ่ยชวน

          “เออ ดีเหมือนกัน อ่อนนุชเหมือนเดิมเหรอ” “มีร้านเปิดใหม่ ก็ใกล้ร้านเดิมที่เราเคยไปล่ะเจ๊ ไปด้วยกันไหม นที อาทิตย์” มณีหันมาชวนหนุ่มโสดทั้งสองคน

          “วันนี้ผมขอตัวครับ ผมรู้สึกมึนๆยังไม่หาย อยากกลับไปนอน” แสงอาทิตย์รีบปฏิเสธ นทีเองก็ขอตัวเพราะเหนื่อยเกินจะทน

          “ให้พี่ไปส่งไหมอาทิตย์” นทีถามด้วยความเป็นห่วง เขารู้ดีว่าช่วงนี้แสงอาทิตย์ กำลังเผชิญอยู่กับบางสิ่งที่มองไม่เห็น แม้เขาเองจะกลัวแต่ก็อดเป็นห่วงรุ่นน้องที่เขารักไม่ได้

          “ไม่เป็นไรครับพี่นที วันนี้เลิกไว ตะวันยังไม่ตกดินเลย น่าจะโอเค เดี๋ยวผมนั่งรถไฟกลับได้ครับ” นทีจึงไม่ได้เซ้าซี้อะไรอีก แสงอาทิตย์เดินไปขึ้นรถไฟฟ้า เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนเลิกงานกันพอดี ผู้คนจึงคับคั่งไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เขาวิตก ทว่าพอขึ้นมาบนรถไฟ ร่างสามร่างในสภาพที่ยับเยิน มองเห็นเพียงเงาลางๆ ยืนสลับอยู่กับผู้โดยสารท่านอื่น ที่ยืนเบียดเสียดกันอยู่ แสงอาทิตย์ก้มหน้าทันที

          “กูรู้ว่ามึงเห็นกู ช่วยกูด้วย ช่วยกูด้วย” ร่างของทวียื่นหน้าเข้ามาแล้วกระซิบที่ข้างหู แสงอาทิตย์ก้มหน้าจนคางชิดอก ท่าทางของเขาทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นเริ่มมอง

          “ช่วยกูด้วย มึงเห็นพวกกู” จากทวีร่างเดียว ก็กลายเป็นทั้งจักรเพชรและศุภกร เข้ามาล้อมหน้าล้อมหลัง ตะโกนใส่หูของแสงอาทิตย์ เขาเหงื่อไหลออกมาเป็นทาง พอถึงสถานีถัดไป ประตูเปิดเขาก็รีบออกมาทันที แม้จะยังไม่ถึงสถานีปลายทางก็ตามที เขาจะทำให้ตัวเองดูแย่ ในสายตาของคนอื่นแบบนี้ไม่ได้  พอออกจากรถไฟมา ก็เห็นฝั่งตรงข้ามเป็นร่างของศุภกรยืนอยู่ข้างร่างของทวี ส่วนจักรเพชร เขายืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับแสงอาทิตย์ เขารีบเดินเร็วลงจากสถานี เพื่อจะไปเรียกแท็กซี่กลับบ้าน เสียงคนวิ่งตามไล่หลังมา ยิ่งทำให้เขาไม่กล้าหันกลับไปมอง

          “วัด” เขาเอ่ยออกมา เขาต้องไปวัด อย่างน้อยในขอบขัณฑสีมาก็ยังดี แสงอาทิตย์เรียกวินมอเตอร์ไซค์

          “ไปไหนครับน้อง” เขาถามแข่งกับเสียงรถราเบื้องล่างสถานีรถไฟ

          “ไปวัดที่ใกล้ที่สุดพี่” “มึงต้องช่วยกู ช่วยกูด้วย มึงเห็นพวกกู” เสียงที่ตะโกนไล่หลังมา ทำให้แสงอาทิตย์ประสาทเสีย เขาเครียดหลายอย่าง ที่จริงไม่จำเป็นต้องหนี แต่เขายังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้า กับวิญญาณดวงไหนทั้งสิ้น วินมอเตอร์ไซค์พาเขาเข้าไปในซอย พอเข้าไปในวัดแสงอาทิตย์รู้สึกดีขึ้น เขายืนนิ่งเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาต้องการพลัง พลังของจิตที่ช่วงนี้ใช้งานมันมากเกินไป เขาจึงเดินเข้าไปในหอพระใหญ่ในวัด หลังจากกราบพระทำสมาธิอยู่สักพัก เขาก็รู้สึกดีขึ้นมาก

          “มากราบพระหรือโยม” เสียงทักมาจากทางด้านหลัง แสงอาทิตย์หันกลับไปมอง เขาพนมมือขึ้น

          “ครับ หลวงพ่อ” “ดีแล้ว คนสมัยนี้ไม่ค่อยเข้าวัด อาตมาเห็นโยมนั่งสมาธิอยู่นาน มีเรื่องไม่สบายใจมาล่ะสิ” หลวงพ่อเดินไปนั่งอาสนะเบื้องหน้า แสงอาทิตย์จึงก้มลงกราบ

          “นิดหน่อยครับ รู้สึกว่าช่วงนี้ไม่มีพลัง ผมจึงมากราบพระทำสมาธิ”

          “คนที่ตามโยมมา เขาไม่ได้ตั้งใจ ให้โยมกลัวหรอกนะ เพียงแต่พลังงานเขามีเท่านั้น อย่ากลัวเลยโยม ช่วยเขา แล้วได้กุศล” แสงอาทิตย์ไม่ได้แปลกใจที่หลวงพ่อเอ่ยเช่นนั้น เขาชินเสียแล้ว

          “แต่ผมจิตไม่แข็งแรงครับ ช่วงนี้ใช้พลังงานไปเยอะ ผมไม่พร้อมที่จะเจออะไรทั้งนั้น” แสงอาทิตย์ตอบออกไป ด้วยเสียงที่ไม่มั่นคงนัก

          “แต่ตาที่สามของโยม เขาให้มาเพื่อช่วยคนนะ โยมก็น่าจะรู้ เฮ้อ แต่มันก็กรรมล่ะโยม อาตมาเข้าใจ กรรมของเขา กรรมหนัก กรรมเพราะขาดความยับยั้งชั่งใจ สิ่งที่พวกเขาเคยร่วมมือกันกระทำ มันไม่ได้ทำลายแค่เพียงคนๆเดียว แต่” หลวงพ่อหยุดแค่นั้นแล้วก็นิ่งไป แสงอาทิตย์หูผึ่ง

          “หลวงพ่อ รู้จักคนพวกนี้เหรอครับ” แสงอาทิตย์รีบถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น

          “มันไม่ใช่กิจของสงฆ์หรอกโยม แล้วเป็นไง สบายใจขึ้นไหม” หลวงพ่อมองมาด้วยแววตาที่ปรานี

          “สบายใจขึ้นครับ ผมกราบลานะครับ ค่ำแล้ว” แสงอาทิตย์กราบแล้วคลานออกมาจากหอพระ หลวงพ่อมองตามแล้วถอนหายใจออกมา

          “อย่าก่อเวร ก่อกรรม อีกเลยนะ” หลวงพ่อเอ่ยออกมาแล้วลุกจากอาสนะ

          “สารวัตรจะกลับมาที่สำนักงานไหมครับ” จ่าอินโทรเข้ามาถาม

          “เข้าสิจ่า ทุกคนอยู่ที่นั่นกันไหมล่ะ” แสงตะวันถามกลับ

          “เอ่อ เหมือนว่าทีมเรา จะโดนย้ายครับ” “หา อะไรนะ คำสั่งลงมาเมื่อไหร่” แสงตะวันตะโกนออกมาเสียงดัง

          “ตอนที่สารวัตรกับผู้กอง ไปที่นิติเวชนั่นล่ะครับ ผมเพิ่งกลับเข้ามา เห็นจ่าหนุ่มบอก ผมเห็นเอกสารแล้ว”

          “ใครมารับช่วงแทน” เขาถามเสียงห้วน ไม่สบอารมณ์ เขารู้ว่ามันต้องมีวันนี้ ชื่อเสียงที่สั่งสมมา มันพังทลายเพราะไอ้ฆาตรกรโรคจิตต่อเนื่องคนนี้ ฉายาสารวัตรผู้หยั่งรู้ เหมือนจะเป็นที่ขบขันกัน ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานไปเสียแล้ว

          “ผู้กองบินครับ” จ่าอินเอ่ยออกมาเสียงสลดเหมือนกัน

          “เราคงต้องหาที่เจอกัน ไม่ได้ แบบนี้ไม่ได้ เรากำลังจะเจอต้นตออยู่แล้ว อย่าบอกนะว่าคำสั่งรอง”

          “ใช่ครับ ท่านรองสั่งลงมา แกมาเฉ่งผมกับจ่าหนุ่ม ตั้งแต่เช้า” “ช่างแม่ง หาที่เจอกันก่อนจ่า บอกทุกคน” เขาวางสายไปแล้วกำพวงมาลัยไว้แน่น

          “พ่อ ทำอะไรอยู่ครับ” เขาโทรกลับไปหาบิดา ที่ตอนนี้ซื้อที่ปลูกอยู่ข้างบ้านแสงอาทิตย์ ทำไร่ทำนากับแม่สองคน สุริยาปลดเกษียณไปหลายปีแล้ว เขาภาคภูมิใจทุกครั้ง ที่ลูกชายของเขาปรากฏตัว ในหน้าหนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ สายเลือดของเขาไม่ทิ้งแถว วิชาความรู้ต่างๆเขาก็ได้ถ่ายทอดให้บุตรชายโทนหมดสิ้น

          “ว่าไงสารวัตร น้ำเสียงไม่ดีเลยนี่ มีอะไรลูก” เขาเม้มปากแน่น

          “พ่อ คดีที่ทำอยู่ ผมโดนสั่งย้าย ไม่ให้ทำแล้วครับ” เขาถอนหายใจออกมา น้ำเสียงนั้นดูหมดเรี่ยวแรง จนสุริยาต้องวางมือจากงานที่ทำ เขากำลังเหลาตอก เอาไว้เพื่อมัดกล้าในตอนค่ำ ส่วนแสงเดือนกำลังคุยกับจันทร์เพ็ญที่บ้านของแสงอาทิตย์

          “ตะวันลูก คดีที่ลูกทำอยู่ พ่อเองยังว่ายากมากเลยนะ พ่อว่าลูกกำลังเจอกับฆาตรกร ที่จับตัวยากมากคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ของไทยเลยนะ เท่าที่พ่อดูข่าว นอกจากหลักฐานมันจะไม่ทิ้งไว้แล้ว มันยังเหมือนรู้กฎหมายดี อันไหนไม่ควรเหลือร่องรอยมันก็เก็บเรียบ ใจเย็นๆนะตะวัน บางทีถอยออกมาก่อน แล้วมองเข้าไป เราอาจจะมองเห็นอะไรที่มันชัดกว่าการที่เราอยู่วงในก็ได้นะ อย่าท้อลูก เรามีหน้าที่รับใช้ประชาชน ถ้าเราท้อ ประชาชนเขาจะพึ่งใครล่ะลูก” สุริยาให้กำลังใจ

          “สารวัตรครับ มีร้านกาแฟ ด้านในเป็นห้องลับ จ่าหนุ่มไปติดต่อมาได้ครับ เราใช้เป็นฐานลับของเราได้” จ่าอินโทรกลับเข้ามารายงาน

          “ใครเป็นเจ้าของเหรอจ่า” “เด็กของผู้การครับ” จ่าอินตอบทันที ไม่สิ ถ้าจะเป็นฐานลับจริงๆ มันต้องไม่มีใครรู้

          “ผมว่าหาที่อื่นเถอะ ผมไม่อยากให้ใครรู้เลย งั้นมาที่ห้องผมก่อน ค่อยหาทางออกกัน” แสงตะวันตัดสินใจ แม้เขาจะหวงและห่วงแสงอาทิตย์มากสักเท่าใด แต่เรื่องนี้มันก็สำคัญกับเขามากเช่นกัน

          “ทิตย์ กลับห้องหรือยัง” เขาโทรออกไปหาแสงอาทิตย์ ที่กำลังจะถึงห้อง แม้ว่าจะมีวิญญาณตามอยู่ แต่เขาก็มีพลังที่แข็งแกร่งขึ้น จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก

          “กำลังขึ้นห้องตะวัน แล้วตะวันจะกลับห้องไหม”

          “กลับ นี่กำลังจะถึง ทิตย์กินอะไรหรือยัง เดี๋ยวเราแวะซื้อเข้าไปให้”

          “ยังเลย เราไปวัดมา ตะวันซื้ออะไรมาก็ได้นะ เรากินมาจากที่บริษัทลูกค้าบ้างแล้ว” แสงอาทิตย์ตอบกลับ น้ำเสียงของเขาเหมือนคนระแวงหลัง

          “มีอะไรหรือเปล่าทิตย์ เหมือนกำลังรีบเดินเลย” เขาจับอาการของเสียงได้จึงถามขึ้น

          “ก็วิญญาณสามคนนั่น ตามติดเราตลอดเลย เราเหนื่อย เรายังไม่อยากสื่อสาร”

          “ใช้หินของพระอาจารย์สิทิตย์ น่าจะช่วยได้นะ” แสงอาทิตย์หยุดกึก เออ นั่นสิ เขาลืมไปเลย หินสีส้มถูกเก็บไว้ในกระเป๋าสะพาย เขาจึงล้วงออกมา แล้วพนมมือตั้งจิตอธิษฐาน พอหันกลับไปทางวิญญาณที่ตามก็ไม่มีแล้ว เขาจึงโล่งใจ

          “ขอบใจนะตะวัน ไปแล้วล่ะ” “เออ ทิตย์ จะว่าอะไรเราไหม ถ้าเราให้ทีม มาประชุมงานที่ห้อง คือ เราถูกสั่งย้ายแล้ว แต่เรายังไม่อยากทิ้งคดี” แสงตะวันเอ่ยออกมาเสียงเครียด

          “อะไรกัน ทำไมถึงถูกสั่งย้ายล่ะ แล้วคนใหม่ที่มาทำแทน เขาก็ต้องงมเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ได้สิตะวัน ตอนที่ทีมมา เราจะไม่ออกมาเพ่นพ่านหรอก” แสงอาทิตย์ตอบกลับเพื่อให้เขาสบายใจ

          “ขอบใจนะทิตย์ เดี๋ยวเราซื้อข้าวก่อน เจอกันที่ห้อง” แสงตะวันวางสายไปแล้ว แสงอาทิตย์จึงเดินเข้าไปในอาคาร

          “วี๊ดดด” เขาต้องเอามือขึ้นอุดหูสองข้างทันที เสียงหวีดที่เล็กแหลม เหมือนมันแทงเข้ามาทะลุทะลวงโสตประสาท

          “มึงเองเหรอ ที่หาตัวกู” เสียงหนาใหญ่ ตวาดก้องอยู่ในกะโหลก แสงอาทิตย์เซรีบไปนั่งที่โซฟาที่ล้อบบี้

          “ใคร” เขาเอ่ยออกมา

          “ฮึฮึ หากูให้เจอล่ะ แต่อย่าให้กูรู้ ว่ามึงอยู่ไหน” พลังจิตนั้นรุนแรงจนทำให้แสงอาทิตย์ค้อมตัวลง เหงื่อกาฬไหล เขากำหินของพระอาจารย์แนบอกไว้แน่น

          “อ้าว คุณอาทิตย์ เป็นอะไรไปครับ” เสียงทักนั้น ทำให้ทุกสิ่งอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติ แสงอาทิตย์กอบเอาอากาศเข้าปอดอย่างตะกละ พอเงยหน้าขึ้น เห็นว่าเป็นใครเขาค่อยเบาใจ

          “ผู้กอง” ผู้กองคมกริชนั่งลงข้างๆ แล้วสังเกตอยู่ว่าแสงอาทิตย์เป็นอะไร เพราะท่าทางไม่ดีเอาเสียเลย เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่แสงอาทิตย์เดินเข้ามาในตึก แล้วเอามือขึ้นอุดหู และค้อมตัวลง

          “ไม่สบายหรือแปล่าครับ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

          “ไม่เป็นไรครับ ผู้กองมาทำ เอ่อ อ้อ มาประชุมงานที่ห้องสินะครับ” แสงอาทิตย์คิดขึ้นมาได้ เพราะแสงตะวันเพิ่งบอกเมื่อครู่เอง

          “ครับ เราโดนสั่งย้าย ปลดนั่นล่ะครับ ถ้าจะพูดให้ถูก เราไม่อยากทิ้งคดี จึงต้องหาที่ประชุม” เขาเล่า สายตาไม่วางจากใบหน้าของหนุ่มแว่นหนา

          “งั้นขึ้นห้อง ไปพร้อมผมก็ได้ครับ หรือว่าผู้กองจะรอทีมก่อน” แสงอาทิตย์ลุกขึ้นจากโซฟา

          “ไม่รอครับ ผมขึ้นไปพร้อมกับคุณอาทิตย์ดีกว่า” เขาลุกขึ้นทันที

          “อะแฮ่ม ทิตย์รอนานไหม” เจ้าของตัวจริงเขามาโน่นแล้ว ผู้กองคมกริชหน้าจ๋อยลงทันที มีจ่าอินกับจ่าหนุ่มเดินหิ้วของมาหลังเขา

          “เราเพิ่งเข้ามาเอง ไหนบอกซื้อของอยู่” แสงอาทิตย์ถาม เขารู้สึกประหม่านิดหน่อย เพราะนับเป็นครั้งแรก ที่เห็นทีมของแสงตะวัน ยกเว้นแต่ผู้กองหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ

          “พอดีเจอพี่จ่า เลยให้เขาช่วยซื้อ แต่เราก็คุยกับทิตย์นานแล้วนะ ทำไมยังไม่ขึ้นห้อง” ท้ายประโยคเขาเสียงเขียว หันไปทางผู้กองคมกริช

          “อะ เอ้อ พอดีผมเห็นคุณอาทิตย์ เหมือนจะไม่สบาย เลยเข้ามาดูครับ” เขารีบตอบ

          “ทิตย์ไม่สบายเหรอ รีบขึ้นห้องเถอะ ไปจ่า” เขารีบเดินเข้ามาใกล้แล้วหันไปบอกจ่าทั้งสองคน ห้องของทั้งสองเป็นห้องชุด มีสองห้องนอนสองห้องน้ำ มีห้องรับแขกและห้องครัว ระเบียง พื้นที่ใช้สอยแม้ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็เป็นสัดส่วน ด้วยการออกแบบให้ทุกพื้นที่ มีประโยชน์ใช้สอยมากที่สุด โทนสีของห้องตัดกันอย่างรุนแรง เพราะส่วนหนึ่งเป็นสีเทาออกดำ ส่วนหนึ่งเป็นสีเขียวทึมๆ

          “ตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน” พอเข้าไปในห้อง หลังจากหาน้ำหาท่าให้แขกแล้ว แสงอาทิตย์ก็ขอตัวเพื่อเข้าห้องส่วนตัว

          “อ้าว แล้วคุณอาทิตย์ ไม่กินข้าวกับพวกเราก่อนเหรอครับ” จ่าอินถาม

          “นั่นสิทิตย์ กินข้าวก่อน พวกเราไม่เสียงดังหรอก” แสงตะวันเอ่ย แสงอาทิตย์จึงเดินกลับมา

          “ผู้กองบิน น่าจะไม่ค่อยอยากรับคดีนี้หรอกครับ เพราะแกมาบ่นกับผม เพราะเป็นคำสั่ง จึงขัดไม่ได้” จ่าหนุ่มเอ่ยระหว่างกำลังกินข้าว

          “หึ ใครล่ะ มันอยากจะมารับช่วงต่อคดี ที่มืดแปดด้านแบบนี้ ทุกคนเขารู้หมดล่ะว่ามันยาก คงมีแต่รองมั้งที่ไม่รู้” แสงตะวันพ่นลมหายใจออกมา

          “ทำไมจะไม่รู้ วันที่ไปสวนจตุจักร ท่านรองก็ไปด้วย ก็น่าจะรู้แล้วว่าไอ้ฆาตรกรคนนี้ มันเหลี่ยมจัดแค่ไหน” จ่าอินเสริม

          “ว่าแต่วันนั้น เห็นทีมโน้นบอกว่ารองไปแต่อยู่ในรถ ออกมาตอนที่งานจบ แล้วจะไปทำไมวะ ปกติก็อยู่รอที่สำนักงาน รอเอาหน้าก็พอแล้วนี่” จ่าหนุ่มไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก

          “นี่พวกเรา ลืมคุณอาทิตย์ไปหรือเปล่า อย่าเพิ่งคุยเรื่องงานกันสิ” ผู้กองคมกริชเอ่ยขัดขึ้น

          “ไม่เป็นไรครับ ผมชินแล้ว” เขายิ้มแห้งๆตอบออกมา

          “รีบกินเถอะ จะได้รีบประชุมงานกัน” แสงตะวันเอ่ยตัดบท แสงอาทิตย์กินเร็วกว่าปกติ พอเสร็จเขาก็เอาจานไปไว้ที่อ่าง แล้วก็ขอตัวเข้าไปในห้องส่วนตัว ถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เพราะประหม่า

          “เราจะไม่รบกวนคุณอาทิตย์เหรอครับ สารวัตร” ผู้กองคมกริชถามขึ้นระหว่างนั่งที่โต๊ะกินข้าว เคลียร์ทุกอย่างสะอาดแล้ว

          “ไม่หรอก ทิตย์เขาไม่เรื่องมากหรอก เราไม่มีสถานที่นี่ อีกอย่าง ผมสงสัย ว่าเหมือนฆาตรกรมันรู้ว่าเราจะสืบยังไง ผมเริ่มสงสัยตั้งแต่เรื่องที่สวนแล้ว ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่เต็มพื้นที่ขนาดนั้น มันยังไม่เกรงกลัว พอก่อเหตุเสร็จ มันก็หลบหนีได้อย่างไร้ร่องรอย” เขาขมวดคิ้ว

          “สารวัตรสงสัยว่า คนของเราเองเหรอครับ ที่เป็นคนร้าย” จ่าอินตาโต

          “ไม่ใช่หรอก เป็นไปไม่ได้ครับสารวัตร ตำรวจทุกนาย ห้ามมีรอยสัก อีกอย่างวิธีการฆ่า มันสลับซับซ้อน มีเครื่องมือ ถ้าหากว่าเป็นเจ้าหน้าที่ มันจะเก็บของยังไงทัน” จ่าหนุ่มวิเคราะห์ แสงตะวันก็พยักหน้าเห็นด้วย

          “นั่นสิครับ หรืออาจจะเป็นคนที่ใกล้ชิดพวกเรามากที่สุด รู้ความเคลื่อนไหวทุกอย่าง” ผู้กองคมกริชเสนอความคิด

          “เป็นไปได้ พวกเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจาะซิจ่าอิน” เขาหันไปสั่งจ่าอิน เขาก็เปิดโน๊ตบุ๊คเข้าข้อมูลทันที

          “แต่เดี๋ยวนะ ทิน ทหาร ได้ข้อมูลมาบ้างหรือยังจ่าหนุ่ม” เขาคิดขึ้นมาได้ ว่าแสงอาทิตย์เคยบอก ตอนที่สื่อกับวิญญาณของจักรเพชรได้

          “มีคนชื่อทินครับ แต่เขาสูงแค่ ๑๗๐ ผิวคล้ำ อีกคน สูง ๑๗๖ ผิวคล้ำเช่นกัน” จ่าหนุ่มตอบทันที

          “ลองสอบดูหน่อยก็ดี” “สอบแล้วครับ ทั้งสองมีพยานชัดเจนในวันที่เกิดเหตุ มีกล้องวงจรปิด เป็นพยานหลักฐานด้วยครับ” แสงตะวันเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มทันที

          “บอร์ดของเรา เอามาด้วยไหม กางได้เลยนะ ขอทวนหน่อย จะได้ไม่หลงประเด็น” เขาหันไปหาผู้กองคมกริช เมื่อกางบอร์ดออกติดผนังห้องแล้วเขาก็ยืนขึ้นกอดอกมองอยู่

          “นายทวี ร่วมสกุล อายุ ๔๕ ปี ที่เกิดเหตุ บ้านร้างมีนบุรี เคยเป็นสมาชิกชมรมฟุตบอล โรงเรียน xx คนที่สอง นายจักรเพชร สรนีย์ อายุ ๔๕ ปี โคกหนองนาทวีวัฒนา เคยเป็นสมาชิกชมรมฟุตบอล โรงเรียน xx ปีเดียวกันกับนายทวี คนที่สาม นายศุภกร รักผอง อายุ ๔๕ ปี สวนรถไฟ จตุจักร เคยเป็นสมาชิกชมรมฟุตบอล โรงเรียน xx ปีเดียวกับสองคนที่ตาย มันต้องมีอะไร เราจับประเด็นตรงนี้ล่ะ แล้วคนที่เหลือในแก๊งค์ตามตัวได้หรือยัง” แสงตะวันตาลุกขึ้นเป็นประกาย

          “สารวัตรครับ นายศุภกร หรือชื่อเดิม วีระชน มีชื่อเล่นว่า ไท ครับ” จ่าหนุ่มแทรกขึ้น

          “กำลังที่เราส่งออกไปในเขตพญาไท แจ้งว่าไม่มีคนมีพิรุธ และพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ใจกลางเมือง ไม่มีสถานที่หมิ่นเหม่ ที่จะก่อเหตุได้เลยครับ คนร้ายมันวางแผนเอาไว้หมดแล้ว ตอนนี้เรากำลังเจาะเข้าแผนมัน” ผู้กองคมกริชรายงาน

          “นั่นล่ะ มันวางเอาไว้แล้ว มันถึงโยงชื่อคน กับสถานที่แบบนี้ และผมมั่นใจ ว่ามันไม่รู้ว่าเรากำลังเจาะไปยังเบื้องหลัง จุดเริ่มต้นของมัน ทุกคน ผมว่าเราพอจะมีหวังแล้วล่ะ ว่าใครคือคนร้าย เราต้องเจาะไปที่โรงเรียน ชมรมฟุตบอล” แสงตะวันเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แข็งขัน

          “เออ แล้วสองคนที่เหลือ ไหนบอกว่าคนหนึ่ง ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่ไกลจากเรา ตามตัวได้ไหมจ่า” ผู้กองคมกริชหันไปหาจ่าหนุ่ม

          “นายประยงค์ ใบทอง ตามข้อมูลบอกว่าทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลครับ แต่ว่าตามที่เข้าไปตรวจสอบ ไม่พบคนชื่อนี้ครับ” “อ้าว” ทุกคนอ้าวพร้อมกันแล้วหันมายังจ่าหนุ่ม

          “เป็นไปได้ยังไง ข้อมูลไม่มีทางคลาดเคลื่อน ไปขนาดนั้นนะ เพราะเอามาจากทะเบียนราษฎร์” จ่าอินเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอ

          “เขาเปลี่ยนชื่อ เหมือนนายศุภกรหรือเปล่า” แสงตะวันเอ่ยขึ้น

          “เป็นไปได้ครับ แต่ผมลองหาแล้ว นามสกุลนี้ ไม่มีปรากฏในฐานข้อมูลเลยครับ” จ่าหนุ่มเสียงอ่อย

          “เอาล่ะๆ แล้วรุ่นเดียวกัน ที่บอกว่าอยู่บางเสาธงกับที่ไหนนะ” เขาถาม

          “บางบอนครับ ผมไปเจอมาแล้ว นายกรวิทย์ วิสาโท เป็นเจ้าของเขียงหมูในตลาด” จ่าอินเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง

          “ผมเขียนรายงานแล้วครับ นายกรวิทย์บอกว่า เขาเป็นทีมสำรอง แต่เขาจำได้ ว่าน่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น ตอนที่ไปแข่งที่ต่างจังหวัด เพราะกลับมาสถานการณ์ของชมรมไม่เหมือนเดิม หลังจากนั้นแค่เดือนเดียว รุ่นพี่ห้าคน ก็ลาออกจากโรงเรียน ย้ายที่เรียนใหม่ครับ รวมถึงครูผู้ฝึกสอน เขามีข้อมูลแค่นี้ครับ” จ่าอินเล่า

          “แล้วเขาจำทั้งห้าคนได้ไหม” ผู้กองคมกริชถาม

          “จำไม่ค่อยได้แล้วครับ แต่จำได้ว่านายสมโชติ น่าจะเป็นลูกชายของตำรวจ กลุ่มนี้ไม่ค่อยมีคนยุ่งด้วย เพราะชอบแซวรุ่นน้องเรื่องสัปดนครับ” “หือ” ทุกคนหันหน้ามองกัน

          “หึ มันจะแปลกอะไร ก็วิปริตผิดเพศมาตั้งแต่ตอนนั้นสินะ” ผู้กองคมกริชเอ่ยออกมา ด้วยน้ำเสียงที่เหยียดขั้นสุด ริมฝีปากยกขึ้นเล็กน้อย แสงตะวันมองอยู่ด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก

          “เอ่อ ขอโทษครับ” ผู้กองคมกริชรู้ตัวว่าเผลอ เขาก้มหน้าลงทันที แสงตะวันส่ายหน้าน้อยๆ ความคิดอคติต่อเพศอื่น ความชอบอื่น เขาไม่คิดว่ามันถูกต้องนัก ในยุคสมัยปัจจุบัน แต่มันก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของผู้กองคมกริช

          “แล้วคนที่อยู่บางเสาธงล่ะ” “เขาไปต่างจังหวัดครับ นายวันชัย พิมุก เป็นลูกจ้างของโรงพิมพ์พิมพ์ดี ออกไปส่งงานครับ น่าจะกลับมาพรุ่งนี้” จ่าหนุ่มรายงาน

          “เขารู้ไหม ว่าจ่าเข้าไปหา” “รู้ครับ ผมโทรคุยกับเขา เขาบอก เขาอยากเข้ามาคุยกับสารวัตรด้วยตัวเอง” แสงตะวันขมวดคิ้วทันที แต่แววตานั้นมีประกายตาแห่งความหวัง

          “อืม เข้าท่าๆ แล้วครูที่สอนฟุตบอลล่ะ” เขาถามต่อ

          “เหมือนท่านจะออกบวชครับ” “หือ” ทุกคนหันไปหาจ่าอิน

          “แต่ไม่รู้ว่าจำวัดอยู่ที่ไหนครับ เพราะท่านบวชตั้งแต่ลาออก เอ่อ ในปีนั้นล่ะครับ” จ่าอินเอ่ยตามรายงาน ที่เขาได้ข้อมูลมา

          “นี่ล่ะทุกคน เราน่าจะเจอบางอย่างแล้ว มันต้องมีอะไร อะไรที่ค่อนข้างที่จะรุนแรง จุดเปลี่ยน และถ้าคาดไม่ผิด ห้าคนนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด จ่าหนุ่ม ตามเรื่องสองคน สมาชิกที่เหลือ อย่าให้สายเกินไป เราไม่มีเวลามากนัก” แสงตะวันสั่งการออกมา

          “แต่สารวัตรครับ ตอนนี้คดี เราไม่ได้รับผิดชอบแล้วนะครับ” ผู้กองคมกริช ทำให้ลูกโป่งแห่งความหวังของแสงตะวัน แฟบลงทันทีทันใด เขาหน้าเผือดลง

          “อืม นั่นสินะ ติดต่อผู้กองบินได้ไหม เผื่อเขาอยากได้ความช่วยเหลือ”

          “ผู้กองบิน เป็นลูกน้องสายตรงของท่านรองครับ ผมคิดว่าคงไม่ ข้อมูลทุกอย่าง ส่งมอบให้เรียบร้อยแล้ว” จ่าอินรายงาน เขาคอตกอีกครั้ง

          “ตึง” เสียงของวัตถุบางอย่าง ที่ชนกระจกหน้าต่างห้องดังสนั่น ดังจนทำให้ทุกคนหันไปมองพร้อมกัน

          “เสียงอะไรชน” แสงตะวันก้าวขา ไปยังบานกระจกทันที มีรอยคราบบางอย่างอยู่ด้านนอก เขาเพ่งพิจารณา

          “เลือดนี่ครับสารวัตร” จ่าอินร้องขึ้น เขาเดินตามแล้วมองไปยังจุดที่มีรอยเปื้อน

          “นกบินชนเหรอ นกอะไรวะ มาบินตอนดึก”

          “แสกกก” เสียงดังขึ้นต่อหน้าต่อตา ทั้งแสงตะวันและจ่าอินผงะออกมา นกแสกตัวเท่าไก่ มันกำลังกระพือปีก สายตาคู่คมจ้องมองเข้ามาในห้อง

          “ห่า ตกใจหมด นกอะไรครับสารวัตร ตัวเท่าไก่” จ่าอินอุทาน

          “นกแสก” “ตะวัน เขาส่งมา คาถา ตะวันว่าคาถา” ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรง ร่างของแสงอาทิตย์ ก้าวออกมายืนจังก้า ตานั้นเบิกม่านตาขยาย เมื่อแสงตะวันรู้ และเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อสาร แสงตะวันจึงพนมมือขึ้นทันที ว่าคาถาแล้วเป่าออกไป ทั้งๆที่มีกระจกแผ่นหนากั้น

          “แคว่กกกก” เสียงนกตัวนั้นร้อง โก่งคอสะบัดปีกดิ้นรนอย่างทรมาน แล้วพลันก็กลายร่างเป็นอีกา นัยน์ตาแดงฉาน ขนที่ร่วงปลิวว่อนลงสู่เบื้องล่าง

          “มันส่งมาทำไมทิตย์” เขาหันมาตะโกนถาม

          “เพราะเรา พยายามหาตัวเขา เขาส่งมา เพื่อให้รู้ว่าใคร” แสงอาทิตย์เอ่ยออกมา เหมือนหุ่นยนต์ เสียงเป็นระดับเดียวกัน คือแข็ง

          “คุณอาทิตย์” เสียงของผู้กองคมกริชร้องดัง เพราะหลังจากที่เอ่ยออกมา เหมือนว่าร่างของแสงอาทิตย์ ถูกปะทะเข้ากับบางอย่าง ร่างกระเด็นถอยหลัง แสงตะวันกระโจนจากหน้าต่าง เข้าถึงตัวก่อนผู้กองคมกริชเสียอีก

          “ทิตย์ ทิตย์” เขาร้องเรียก เอามือตีตามตัวเขาเบาๆ

          “มะ เหมือนคุณอาทิตย์ โดนชนเลยนะครับ สารวัตร” จ่าหนุ่มตาค้าง เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้กับตา

          “จ่าอิน หยิบขวดน้ำให้หน่อย” แสงตะวันหันไปหาจ่าอิน ที่ละล้าละลังอยู่ที่หน้ากระจก เพราะอีกาตัวนั้น มันยังบินจ้องอยู่ ด้วยสายตาที่วาวแดง เขารีบวิ่งไปหยิบขวดน้ำมายื่นให้แสงตะวัน ตอนนี้แสงอาทิตย์นอนนิ่งหลับตาสนิท ใบหน้าซีดเผือดและเขาไม่ได้สวมแว่น

          “ขออ่าง หรืออะไรก็ได้มารองน้ำหน่อย” แสงตะวันประคองร่างของแสงอาทิตย์ ให้คอพาดที่ตักของเขา หินที่อกเสื้อเขาหยิบขึ้นมาแล้วพนมมือสวดคาถา แล้วระลึกถึงคุณพระอาจารย์ เขาเอาน้ำราดหินสีแดงนั้น แล้วเอามาพรมทั้วหน้าของแสงอาทิตย์

          "ฮ่า" แสงอาทิตย์โกยเอาอากาศเข้าปอด เขาลุกขึ้นโดยมีแสงตะวันประคองหลังอยู่

          “ทิตย์ เป็นอะไร เห็นอะไร” เขาถามอย่างเป็นห่วง ท่าทางของแสงตะวันที่ปฏิบัติต่อแสงอาทิตย์นั้น ทำให้ทีมทั้งสามยืนมองตาโตอยู่

          “ตะวัน เขาน่าสงสารมากนะ เขาโดนกระทำ เขาโดนล่วงละเมิด พ่อ พี่ชาย ต้องตายเพราะเรื่องนี้ เขามาเอาคืน เราขวางเขาไม่ได้ ตะวัน” เสียงที่เปล่งออกมา และท่าทางที่เหมือนหวาดกลัวของแสงอาทิตย์ ทำให้แสงตะวันกอดปลอบ

          “ไม่เป็นไรแล้วทิตย์ เราอยู่นี่ ไม่มีอะไรแล้วนะ ทิตย์ๆ เราอยู่นี่” เสียงที่ทุ้มนั้น ทีมไม่เคยได้ยินเลย จากสารวัตรหนุ่มไฟแรงผู้นี้ แววตาที่อ่อนโยนแบบนั้นก็เช่นกัน

          “อีกสองคน ตะวัน แต่เราไม่เห็นหน้าเขาเลย  มีบางอย่างบังเอาไว้ และเหมือนเขาจะรู้ตัวแล้ว ว่ามีคนสื่อถึงเขา” ปลายประโยคคือความกลัว แสงอาทิตย์ห่อไหล่ลง แสงตะวันกอดตัวเขาไว้แน่น

Related chapters

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๔ คดีโรงหนังร้าง ๓๖๘

    ตลอดทั้งคืนไม่มีใครกลับบ้าน ต่างพากันประชุมกันอยู่ที่ห้องรับแขก แสงตะวันเข้าไปนอนในห้องกับแสงอาทิตย์ เขาสละห้องนอนส่วนตัว ให้ผู้กองกับจ่าอิน ส่วนจ่าหนุ่มนอนอยู่ที่โซฟา “เวลาไม่ได้ทำคดีแล้ว บางทีมันก็สบายอย่างนี้สินะ” แสงตะวันเอ่ยขึ้นหลังจากตื่นนอน แสงอาทิตย์ลุกไปนานเป็นชั่วโมงแล้ว “อ้าว ตื่นไวจังจ่า เป็นไง นอนหลับไหม” เขาทักจ่าหนุ่มที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟา “ตื่นสักพักล่ะครับ คุณอาทิตย์สิครับ ตื่นก่อนใคร มาต้มกาแฟให้แต่เช้า ตอนนี้ยังไปทำอาหารเช้าให้ด้วยครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แสงตะวันเดินไปเทกาแฟใส่แก้ว แล้วเดินเข้าไปในครัวขนาดเล็ก แสงอาทิตย์กำลังง่วนอยู่ กับการปิ้งขนมปังและทอดไข่ดาว “ทำไรทิตย์” เขาพิงเคาท์เตอร์แล้วเอ่ยถาม “ปิ้งขนมปัง พี่จ่าเขากินกาแฟหมดยัง ตะวันเอาออกไปให้เขาหน่อยสิ เดี๋ยวเรากำลังทอดไข่ดาว” แสงอาทิตย์ไม่ได้หันมามอง เขากำลังจดจ้องอยู่ที่การทอดไข่ดาวแบบไร้น้ำมันอยู่ “ขอโทษนะทิตย์ ที่ต้องทำให้ทิตย์ต้องตื่นมาวุ่นวายแบบนี้ เราคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะไปหาที่ประชุมลับที่ไหนดี นอกจากห้องของเรา” เขาเอ่ยเสียงท

    Last Updated : 2025-01-21
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๕ ผู้กองคมกริช

    “เมื่อไหร่จะจับตัวคนร้ายได้สักทีวะ แม่งไอ้พวกวิปริตพวกนี้ เวลามันรัก มันรักฝังใจ เวลามันแค้น ดูเอาเถอะ ฆ่าไม่บันยะบันยัง รกโลก” ผู้กองคมกริชสบถออกมาระหว่างทาง จ่าหนุ่มที่เป็นพลขับหันกลับทันที “เอ่อ ผู้กอง ทำไมถึงมีอคติกับคนพวกนี้จังล่ะครับ มีอะไรไหม” จ่าหนุ่มถามออกมา เหมือนจะแซวเพราะน้ำเสียงไม่จริงจังนัก “บ้าเหรอจ่า ผมนี่นะจะไปมีอะไร ชีวิตนี้ไม่อยากย่างกรายคนพวกนี้หรอก ไม่ชอบส่วนตัวน่ะ” เขารีบตอบออกมาด้วยเสียงที่ดัง จ่าหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว ผู้กองคมกริชหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ หวนคิดไปถึงวันวาน ที่เขาเกลียดคนจำพวกนี้เข้าไส้แบบนี้ “แบมว่าไปติวก็ดีนะ กริช เขาการันตีไม่ใช่เหรอ ว่าที่นี่คนที่ติวส่วนมากสอบได้” เด็กสาวในวัยมัธยม กำลังเกาะแขนเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าสถาบันติว “ก็ได้ ลองดู พี่ทิวก็ติวจากที่นี่ ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่” ความใฝ่ฝันของเด็กหนุ่ม คือการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย เขาสอบเมื่อปีที่แล้วแต่ภาคปฏิบัติเขาไม่ผ่าน เขากลับมามุมานะออกกำลัง เล่นกีฬาอย่างหนัก จนรูปร่างของเด็กหนุ่มกำยำขึ้น “ถ้า

    Last Updated : 2025-01-21
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๖ ท้าทาย

    “จ่าไปซื้อเหล้ามาหน่อยสิครับ” พอถึงห้อง แสงตะวันก็ควักเงินออกมายื่นให้จ่าอิน เขาทำหน้าตาตื่น นานทีปีหนถึงจะเห็นแสงตะวันดื่มเหล้า และนี่มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง “เอ่อ เอาแต่หัววันเลยเหรอครับ สารวัตร” จ่าอินยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่ผมหรอกที่จะกิน เราทุกคนนั่นล่ะ แม่งเครียด” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จ่าอินจึงรีบออกไปจากห้อง “ทิตย์ ยังไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหน” เขาโทรไปหาแสงอาทิตย์เพราะเข้าห้องมาก็ไม่เห็นวี่แวว “พอดีเราแวะซื้อของที่ซุปเปอร์น่ะ ท่าทางตะวัน จะใช้ห้องเราเป็นฐานอีกนานไม่ใช่เหรอ ของในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว แล้วตะวันอยู่ไหน” “เพิ่งถึงห้อง” เขาตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด จริงสิ ทีมมาใช้ห้อง ไม่ใช่แต่ห้องนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ก็ต้องให้ลูกทีมใช้ด้วย รวมถึงข้าวปลาอาหาร “ทิตย์ซื้ออะไรบ้างแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราให้พี่จ่ากับผู้กองไปช่วย” “ไม่ต้องหรอกตะวัน เราซื้อไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถือกลับได้ ตะวันหิวยัง รอแป๊บนะ เราซื้อข้าวปั้นไปฝาก” น้ำเสียงนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มันยั

    Last Updated : 2025-01-21
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๗ ทุกนาทีมีค่า

    “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับโรงเรียน ตัดผู้ต้องสงสัยออกไปได้เยอะเลยครับ เพราะคนที่อยู่ในทีมฟุตบอลตอนนั้น ส่วนมากอยู่ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เวลาที่เกิดเหตุ เกือบทั้งหมดมีพยานยืนยันที่อยู่ชัดเจน แม้กระทั่งน้องชายของนายธรรผู้ตาย เฟสบุ๊คของเขายังคงใช้งานอยู่ เมื่อวานก็เพิ่งจะโพสต์รูปภาพ ว่าอยู่ที่บอสตันครับ” จ่าอินรายงาน ทุกคนหน้าเครียด คิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนดี มันเหมือนจะเจอทางสว่าง แต่แสงนั้นดับพรึ่บลง โดยที่ยังไม่ทันได้บ่ายหน้าไปหาแสงเสียด้วยซ้ำ “โอ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” แสงตะวันแหกปากออกมา เขาคิดไม่ออก หาทางไม่เจอ เขาทึ้งหัวตัวเอง อาการที่เขาไม่เคยแสดงออกมา ลูกทีมไม่มีใครเคยได้เห็น ว่าสารวัตรผู้หยั่งรู้จะจนแต้มขนาดนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันยากมาก “มันต้องมีเหตุจูงใจครับ หรือว่านี่ มันคือพฤติกรรม สร้างสถานการณ์เลียนแบบ” ผู้กองคมกริชขมวดคิ้ว หน้าเครียดไม่ต่างกัน “เลียนแบบ แล้วมันไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เห็นนายวันชัยบอกว่าเรื่องนี้ถูกปิดเงียบ เพราะพ่อของนายสมโชติ เป็นคนจัดการ มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถูกกำชับไม่ให้เปิดปาก” “แล้วเด็ก

    Last Updated : 2025-01-21
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   บทนำ

    “เขาไม่ได้ตายมาก่อนหน้านี้ นี่ไม่ใช่การอำพราง แต่มันคือการเผาเขาทั้งเป็น โอ ตะวัน มันโหดร้ายมาก เขาโกรธแค้น เขาไม่ยอม” ชายหนุ่มสูงเพรียว สวมแว่นสายตาหนาเตอะ หลับตานิ่งเปลือกตานั้นกรอกไปมาเหมือนว่าการหลับตาไม่ได้ช่วยให้เขาปิดจอภาพได้เลย ภาพที่เขาเห็นผ่านสัมผัสพิเศษหรือ ตาที่สามนั้น คือร่างของชายรูปร่างสูง ตัวดำไหม้เกรียม เขาปรากฏร่างในสภาพที่เขาตาย “เขาบอกได้ไหม ว่าใคร” สารวัตรหนุ่มถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น “เขาบอกไม่ได้ มันผิดกฎ” กฎที่ว่าคือกฎหลังความตาย วิญญาณไม่สามารถจะเอ่ยปากบอกว่าตัวเขาเองตายโดยใคร กรรม มันคือการฝืนกรรม “เห็นอะไรอีก ทิตย์” เขาร้อนใจ “ของกิน เหล้า เขาไม่มีพลังแล้วตะวัน” ทั้งสองสนทนากันผ่านสายโทรศัพท์ สารวัตรหนุ่มมีหูฟังไร้สายเสียบไว้ที่หูด้านขวา ส่วนหนุ่มแว่นหนาเปิดลำโพงเพราะเขากำลังใช้สมาธิเพ่ง ไม่นานภาพเหล่านั้นก็จางหายไป เขาถอนออกจากสมาธิแล้วหายใจหอบ พลังงานที่ใช้ไปทำให้เขาแทบทรุด ทุกครั้งเขาจะไม่ได้ใช้พลังหากว่าเพียงแค่เห็น แต่ครั้งใดที่เขาต้องการที่จะสื่อสาร เขาจะสูญเสียพลังงานไปอย่างรวดเร็ว

    Last Updated : 2024-12-11
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑. พระอาทิตย์สองดวง

    ป่ายางที่ครึ้มจนแสงแดดส่องลงถึงพื้นได้เพียงรำไร ด้านล่างหญ้าถูกตัดจนเตียน มองเข้ามาเห็นต้นยางเรียงรายกันเป็นระเบียบ สวยงาม เขียวขจี ทว่าลึกเข้าไป มีกองขี้เถ้ากองใหญ่ที่เหมือนจะเพิ่งถูกสายฝนชะให้มอดเชื้อลงไม่นาน ความสวยงามเมื่อครู่มลายหายสิ้น เพราะกองขี้เถ้านั้นมันคือการเผาคนโดยวิธีนั่งยาง จากรายงานที่สารวัตรหนุ่มได้รับ เขาและลูกทีมต้องมาที่นี่ เพราะคดีนี้ปิดยังไม่ได้ แม้จะผ่านมาเป็นสัปดาห์แล้วก็ตาม ด้วยหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุ ไม่สามารถบ่งชี้ได้ว่าใครคือผู้ต้องสงสัย เพราะผู้ตาย ตามประวัติมีเรื่องกับเขาไปทั่ว นักเลงนั่นเอง สายสืบจากหน่วยงานสืบสวนกลางจึงได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ลงพื้นที่ ลูกทีมทั้งห้านายแยกกำลังกัน บางนายก็เดินตรวจบริเวณโดยรอบ รอยเท้า รอยรถ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่พบในที่เกิดเหตุ ที่จริงคือหลักฐาน ทว่าผ่านมาเป็นสัปดาห์ขนาดนี้ รอยเหล่านั้นคงมาจากทีมสืบสวนชุดแรกที่เข้ามาเก็บหลักฐาน และฝนก็ได้ชะล้างออกหมดแล้ว สารวัตรหนุ่มหล่อ ผู้ที่ได้ฉายาว่าสายสืบผู้หยั่งรู้ เพราะไม่มีคดีไหนที่ว่ายากแล้วเขาจะสืบไม่ได้ เขาปิดได้ทุกคดี ร. ต. อ. แสงตะวัน พิริยลักษณ์ สารวัตรหนุ่มผู้มีอนาคตไกล เขาเพ

    Last Updated : 2024-12-11
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๒. คนเห็นผี

    “เป็นอะไรไปลูก วิ่งหน้าตาตื่นเชียว” แสงเดือนแม่ของแสงตะวันร้องทัก เธอกำลังง่วนอยู่ในครัวกำลังเตรียมอาหารเย็นไว้ให้สามีและผู้เป็นลูก “มะ ไม่มีอะไรครับแม่ พ่อยังไม่กลับเหรอครับ” เขาแกล้งทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่ขนลุกชันทั่วทั้งร่าง เขาไม่เคยเชื่อที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แม้ในใจลึกๆก็แอบเอนเอียงบ้าง เพราะบิดาเป็นผู้พร่ำสอน “เป็นตำรวจสายสืบ บางทีมันก็ต้องพึ่งพาสิ่งที่เรามองไม่เห็น ยังมีอีกหลายอย่าง ที่มนุษย์อย่างเรา จินตนาการไปไม่ถึงหรอกนะตะวัน” คำสอนของพ่อเขาเคยบอกไว้ ตอนที่เห็นพ่อกำลังกุมบางอย่างไว้ในมือ แล้วยกขึ้นพนม สวดคาถาเป่าออกมาก่อนจะออกไปทำงาน “น่าจะกลับเร็วๆนี้ล่ะ โรงเรียนใหม่เป็นยังไงบ้างลูก มีเพื่อนใหม่หรือยัง” เธอหันมาถามเพราะกำลังปรุงอาหารในหม้ออยู่ “ก็ดีครับ เพื่อนที่นี่ดูเข้าหาง่ายกว่าในเมือง” เขาตอบและกำลังคิดถึงเรื่องที่เพิ่งจะผ่านมาเมื่อครู่ เสียงหัวเราะ ต้นไม้ที่ไหวเหมือนมันเขย่าวิ่งตามรถของเขานั้น มันคือลมประเภทไหนกันนะ แล้วด้านหลังจากที่มองกระจก ทำไมมันนิ่งสนิท มันคืออะไรกันแน่ “แม

    Last Updated : 2024-12-11
  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๓ จับแพะ

    สุริยาเป็นคนขับรถไปส่งแสงอาทิตย์ที่บ้าน เขาไม่ยอมให้แสงตะวันเป็นคนขับมอเตอร์ไซค์ เพราะเขาเชื่ออย่างที่แสงอาทิตย์บอก เชื่อทุกคำ เพราะนี่มันคือตำหนิของอาชีพของเขา ไม่มีวันลืม สายสืบที่มีฝีมือฉกาจอย่างเขา แม้จะมีผู้บังคับบัญชาที่เหนือกว่าเป็นคนออกคำสั่ง แต่ด้วยความไม่ละเอียดของเขาเอง ผู้ต้องหาฆ่าตัวตาย และหลังจากนั้นความจริงถึงกระจ่าง ว่าเขาบริสุทธิ์ และเป็นเขาเองที่กลับไปสืบ แต่มันสายไปแล้ว มันยุติธรรมกับประสิทธิ์แล้วหรือ เขาโดนสั่งย้ายทันที หลังจากที่เขานำความจริงออกมารายงานเบื้องสูง ผู้บังคับบัญชาสายตรงได้สั่งห้ามเขาแล้ว ปล่อยให้เรื่องเงียบไปเสีย แต่เขาทำไม่ได้ “ยังไม่นอนกันอีกเหรอ” เขากลับเข้าบ้านมาค่อนข้างดึก เพราะเขาจอดรถคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้นอยู่หน้าซอยเข้าบ้าน แสงเดือนและแสงตะวันยังคงนั่งรอเขา สายตาทั้งสองที่มองมา ต้องการฟังจากปากของเขา “มันเป็นสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจพ่อมาโดยตลอด ที่โดนคำสั่งย้ายมานี่ ก็เพราะเรื่องนี้ล่ะ” เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะเล่าออกมา “คดีมันปิดไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ” แสงเดือนถาม “ใช่ แต่มันไม่ถูก คนร้ายตัว

    Last Updated : 2024-12-14

Latest chapter

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๗ ทุกนาทีมีค่า

    “ข้อมูลที่เรารวบรวมมาได้เกี่ยวกับโรงเรียน ตัดผู้ต้องสงสัยออกไปได้เยอะเลยครับ เพราะคนที่อยู่ในทีมฟุตบอลตอนนั้น ส่วนมากอยู่ต่างจังหวัด และต่างประเทศ เวลาที่เกิดเหตุ เกือบทั้งหมดมีพยานยืนยันที่อยู่ชัดเจน แม้กระทั่งน้องชายของนายธรรผู้ตาย เฟสบุ๊คของเขายังคงใช้งานอยู่ เมื่อวานก็เพิ่งจะโพสต์รูปภาพ ว่าอยู่ที่บอสตันครับ” จ่าอินรายงาน ทุกคนหน้าเครียด คิดไม่ตกว่าจะไปทางไหนดี มันเหมือนจะเจอทางสว่าง แต่แสงนั้นดับพรึ่บลง โดยที่ยังไม่ทันได้บ่ายหน้าไปหาแสงเสียด้วยซ้ำ “โอ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” แสงตะวันแหกปากออกมา เขาคิดไม่ออก หาทางไม่เจอ เขาทึ้งหัวตัวเอง อาการที่เขาไม่เคยแสดงออกมา ลูกทีมไม่มีใครเคยได้เห็น ว่าสารวัตรผู้หยั่งรู้จะจนแต้มขนาดนี้ แต่ทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันยากมาก “มันต้องมีเหตุจูงใจครับ หรือว่านี่ มันคือพฤติกรรม สร้างสถานการณ์เลียนแบบ” ผู้กองคมกริชขมวดคิ้ว หน้าเครียดไม่ต่างกัน “เลียนแบบ แล้วมันไปรู้เรื่องนี้ได้ยังไง เห็นนายวันชัยบอกว่าเรื่องนี้ถูกปิดเงียบ เพราะพ่อของนายสมโชติ เป็นคนจัดการ มีแต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งถูกกำชับไม่ให้เปิดปาก” “แล้วเด็ก

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๖ ท้าทาย

    “จ่าไปซื้อเหล้ามาหน่อยสิครับ” พอถึงห้อง แสงตะวันก็ควักเงินออกมายื่นให้จ่าอิน เขาทำหน้าตาตื่น นานทีปีหนถึงจะเห็นแสงตะวันดื่มเหล้า และนี่มันเพิ่งจะบ่ายกว่าๆเอง “เอ่อ เอาแต่หัววันเลยเหรอครับ สารวัตร” จ่าอินยื่นมือไปรับเงินมาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่ใช่ผมหรอกที่จะกิน เราทุกคนนั่นล่ะ แม่งเครียด” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย จ่าอินจึงรีบออกไปจากห้อง “ทิตย์ ยังไม่กลับห้องเหรอ อยู่ไหน” เขาโทรไปหาแสงอาทิตย์เพราะเข้าห้องมาก็ไม่เห็นวี่แวว “พอดีเราแวะซื้อของที่ซุปเปอร์น่ะ ท่าทางตะวัน จะใช้ห้องเราเป็นฐานอีกนานไม่ใช่เหรอ ของในตู้เย็นเริ่มหมดแล้ว เสร็จแล้วล่ะ เดี๋ยวก็กลับแล้ว แล้วตะวันอยู่ไหน” “เพิ่งถึงห้อง” เขาตอบน้ำเสียงรู้สึกผิด จริงสิ ทีมมาใช้ห้อง ไม่ใช่แต่ห้องนี่นะ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ก็ต้องให้ลูกทีมใช้ด้วย รวมถึงข้าวปลาอาหาร “ทิตย์ซื้ออะไรบ้างแล้วอ่ะ เดี๋ยวเราให้พี่จ่ากับผู้กองไปช่วย” “ไม่ต้องหรอกตะวัน เราซื้อไม่เยอะเท่าไหร่หรอก ถือกลับได้ ตะวันหิวยัง รอแป๊บนะ เราซื้อข้าวปั้นไปฝาก” น้ำเสียงนั้น ไม่ว่าจะผ่านไปนานเท่าไหร่ มันยั

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๕ ผู้กองคมกริช

    “เมื่อไหร่จะจับตัวคนร้ายได้สักทีวะ แม่งไอ้พวกวิปริตพวกนี้ เวลามันรัก มันรักฝังใจ เวลามันแค้น ดูเอาเถอะ ฆ่าไม่บันยะบันยัง รกโลก” ผู้กองคมกริชสบถออกมาระหว่างทาง จ่าหนุ่มที่เป็นพลขับหันกลับทันที “เอ่อ ผู้กอง ทำไมถึงมีอคติกับคนพวกนี้จังล่ะครับ มีอะไรไหม” จ่าหนุ่มถามออกมา เหมือนจะแซวเพราะน้ำเสียงไม่จริงจังนัก “บ้าเหรอจ่า ผมนี่นะจะไปมีอะไร ชีวิตนี้ไม่อยากย่างกรายคนพวกนี้หรอก ไม่ชอบส่วนตัวน่ะ” เขารีบตอบออกมาด้วยเสียงที่ดัง จ่าหนุ่มได้แต่ขมวดคิ้ว ผู้กองคมกริชหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างรถ หวนคิดไปถึงวันวาน ที่เขาเกลียดคนจำพวกนี้เข้าไส้แบบนี้ “แบมว่าไปติวก็ดีนะ กริช เขาการันตีไม่ใช่เหรอ ว่าที่นี่คนที่ติวส่วนมากสอบได้” เด็กสาวในวัยมัธยม กำลังเกาะแขนเด็กหนุ่ม ที่อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน ทั้งสองกำลังยืนอยู่หน้าสถาบันติว “ก็ได้ ลองดู พี่ทิวก็ติวจากที่นี่ ตอนนี้ก็กำลังเรียนอยู่” ความใฝ่ฝันของเด็กหนุ่ม คือการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อย เขาสอบเมื่อปีที่แล้วแต่ภาคปฏิบัติเขาไม่ผ่าน เขากลับมามุมานะออกกำลัง เล่นกีฬาอย่างหนัก จนรูปร่างของเด็กหนุ่มกำยำขึ้น “ถ้า

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๔ คดีโรงหนังร้าง ๓๖๘

    ตลอดทั้งคืนไม่มีใครกลับบ้าน ต่างพากันประชุมกันอยู่ที่ห้องรับแขก แสงตะวันเข้าไปนอนในห้องกับแสงอาทิตย์ เขาสละห้องนอนส่วนตัว ให้ผู้กองกับจ่าอิน ส่วนจ่าหนุ่มนอนอยู่ที่โซฟา “เวลาไม่ได้ทำคดีแล้ว บางทีมันก็สบายอย่างนี้สินะ” แสงตะวันเอ่ยขึ้นหลังจากตื่นนอน แสงอาทิตย์ลุกไปนานเป็นชั่วโมงแล้ว “อ้าว ตื่นไวจังจ่า เป็นไง นอนหลับไหม” เขาทักจ่าหนุ่มที่นั่งดื่มกาแฟอยู่ที่โซฟา “ตื่นสักพักล่ะครับ คุณอาทิตย์สิครับ ตื่นก่อนใคร มาต้มกาแฟให้แต่เช้า ตอนนี้ยังไปทำอาหารเช้าให้ด้วยครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยอย่างอารมณ์ดี แสงตะวันเดินไปเทกาแฟใส่แก้ว แล้วเดินเข้าไปในครัวขนาดเล็ก แสงอาทิตย์กำลังง่วนอยู่ กับการปิ้งขนมปังและทอดไข่ดาว “ทำไรทิตย์” เขาพิงเคาท์เตอร์แล้วเอ่ยถาม “ปิ้งขนมปัง พี่จ่าเขากินกาแฟหมดยัง ตะวันเอาออกไปให้เขาหน่อยสิ เดี๋ยวเรากำลังทอดไข่ดาว” แสงอาทิตย์ไม่ได้หันมามอง เขากำลังจดจ้องอยู่ที่การทอดไข่ดาวแบบไร้น้ำมันอยู่ “ขอโทษนะทิตย์ ที่ต้องทำให้ทิตย์ต้องตื่นมาวุ่นวายแบบนี้ เราคิดไม่ออกจริงๆ ว่าควรจะไปหาที่ประชุมลับที่ไหนดี นอกจากห้องของเรา” เขาเอ่ยเสียงท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๓ ฐานปฏิบัติการลับ

    แสงอาทิตย์กำลังปิดรายงาน เพื่อส่งให้นทีรีวิว ก่อนที่จะส่งมอบให้ลูกค้า เหลือรายงานสรุปที่ต้องส่งทีหลัง เขารู้สึกโล่งมาก เพราะตรวจบัญชีหนักหน่วงมาทั้งอาทิตย์ เวลาพักผ่อนแทบจะไม่มี ซ้ำช่วงนี้ยังมีเรื่อง มีวิญญาณที่ขอความช่วยเหลือ ยิ่งถอนตะปูตรึงวิญญาณได้แล้ว เหมือนว่าวิญญาณทั้งสามจะปรากฏร่างให้แสงอาทิตย์เห็นบ่อยขึ้น “วันนี้เลิกเร็ว รีบกลับไปพักเถอะทุกคน เราค่อยนัดเลี้ยงกันพรุ่งนี้ วันนี้ทุกคนน่าจะไม่ไหว ขอบใจมากนะเด็กๆ พรุ่งนี้มีกินเลี้ยงกันนะ เดี๋ยวพี่แจ้งชื่อร้านและเวลาไปอีกที มาให้ได้กันทุกคนนะ” นทีบอกพนักงานที่จ้างมาชั่วคราว พอแยกย้ายกันกลับ เหลือแต่พนักงานประจำที่กำลังเก็บของ “กลับไปถึงบ้าน พี่จะกระโดดขึ้นเตียง แล้วนอนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ปวดเมื่อยมาก” มนฤดีบ่นอุบ “ไปนวดไหมพี่มน นี่ก็ไม่ไหว นั่งจ้องเอกสารทั้งวัน ปวดตามาก” มณีเอ่ยชวน “เออ ดีเหมือนกัน อ่อนนุชเหมือนเดิมเหรอ” “มีร้านเปิดใหม่ ก็ใกล้ร้านเดิมที่เราเคยไปล่ะเจ๊ ไปด้วยกันไหม นที อาทิตย์” มณีหันมาชวนหนุ่มโสดทั้งสองคน “วันนี้ผมขอตัวครับ ผมรู้สึกมึนๆยังไม่หาย อยากกลับไปนอน” แสงอาท

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๒ ถอนตะปู

    “วันนี้รองลางาน แปลก ปกติไม่เคยลา แกบอกไม่สบาย” พอมาถึงที่สำนักงาน จ่าอินก็รีบรายงานทันที แสงตะวันขมวดคิ้ว “แกเป็นอะไร” “เหมือนจะหวัดครับ เพราะแกไม่เคยลงพื้นที่ เมื่อคืนก็ไปเฝ้าตั้งแต่หัววัน คงโดนน้ำค้าง” น้ำค้าง? แสงตะวันนึกขัน ตำรวจอะไรจะไม่ถูกกับน้ำค้าง นี่แสดงว่าเรียนมาเพื่อเซ็นเอกสารอย่างเดียวเลยสินะ เขานึกปรามาสอยู่ในใจ เพราะเขาเองกว่าจะมาอยู่จุดนี้ได้ บุกป่าฝ่าดงก็ไปมาหมดแล้ว อดข้าวสามวัน อดนอนเป็นอาทิตย์ การฝึกก็โหด แค่น้ำค้างเนี่ยนะ ต่อให้เป็นฝนตกเขาก็ไม่เป็นอะไร “โล่งไปนะครับ สารวัตร” จ่าหนุ่มยิ้มแห้งๆ “ไม่โล่งหรอกพี่จ่า แสดงว่าเรายังพอมีเวลา มีอะไรคืบหน้าไหม ที่โรงเรียน” เขาถาม และมองหาผู้กองคมกริช “ผู้กองไปเบิกผลตรวจของที่เจอเมื่อวานครับ” จ่าอินเหมือนจะรู้ใจ เขาพยักหน้า “มีกลุ่มของนักกีฬาโรงเรียนครับ และสารวัตรครับ ผมว่าเราน่าจะเจออะไรบางอย่างแล้วครับ” จ่าหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยสายตาที่วาวระยับ “หือว่ามาจ่า” เขาเองก็ตื่นเต้น รีบนั่งลงที่โต๊ะหันหน้าเข้าหา “นักกีฬาฟุตบอลโรงเรียน และทั้งสามคนที่ตายคือสมาชิก ใน

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๑ คดีริมบึงกลางเมือง ๓๖๗

    “อ่า” เลือดสีดำแดงที่พุ่งออกจากปากของเขา เต็มชักโครกจนน่ากลัว นี่เป็นครั้งที่สองแล้วในวันนี้ ที่เขาได้อาเจียนเป็นเลือด “ถอนของกูได้แล้วสินะ” เขาเอ่ยออกมาอย่างเคียดแค้น “อย่าให้กูรู้นะว่าใคร มันกล้ามาเหยียบรอยตีนกู มึงได้ตายแน่” เขาจ้องลงไปในชักโครก ที่เขากดให้เลือดไหลวนลงไป ด้วยสายตาที่เคียดแค้น “ใต้สะพาน สวน มีรถไฟ แต่เขาไม่ได้ตายที่ใต้สะพานนะ เดี๋ยวนะ รถไฟ รีบไปตะวัน ร่างของเขากำลังถูกคุกคาม” แสงอาทิตย์เร่ง เขาพูดออกมาเป็นคำๆ เท่าที่จิตจะเห็น เขาเห็นคนร้าย รูปร่าง ลักษณะ แม้แต่ตอนที่เขากำลังฆ่า แต่ใบหน้านั้นมีเหมือนเงาหรือหมอกบางอย่าง ปกคลุมอยู่ เขาพยายามเพ่งแล้ว แต่มองไม่เห็น “สวนรถไฟอะไรอาทิตย์” นทีที่ยืนรออยู่เอ่ยถามออกมา “ฆาตรกรพี่นที เขาลงมืออีกแล้ว” “หา ไอ้ต่อเนื่องนั่นน่ะเหรอ” นทีตกใจ กระเป๋าแทบจะหลุดมือ เขารู้เพราะตามข่าวที่ออกทุกสำนัก บางสำนักถึงกับทำสกู๊ปข่างลงพื้นที่ ทั้งที่ตำรวจได้ห้ามก็ไม่ฟัง นำเสนอข่าวโดยล้วงลึกไปยังครอบครัว ทุกสิ่งอย่างที่ทางตำรวจต่างปกปิด เพราะยังจับตัวคนร้าย

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๑๐ ที่เกิดเหตุ

    ณ ชะง่อนผาหินริมฝั่งโขง แมกไม้น้อยใหญ่ขึ้นโปร่ง เพราะเป็นป่าเบญจพรรณ ลานหินตะปุ่มตะป่ำบ้างเป็นแท่ง บ้างนูนสูงนูนต่ำ แล้วแต่ธรรมชาติจะเนรมิตสรรค์สร้าง สำนักสงฆ์ที่มีศาลาทำด้วยไม้หลังย่อม ตั้งอยู่ระหว่างหินนั้น ถัดออกไปตรงชะง่อนผา คือกระท่อมหรือกุฏิของพระอาจารย์ ภิกษุหนุ่มวัยกลางคน นั่งรอลูกศิษย์อยู่ที่ชานหน้ากระท่อม ท่านเข้าสมาธิหลับตาอยู่ แสงตะวันจอดรถไว้ที่ตีนภู เพราะบริเวณของสำนักสงฆ์เป็นภูหินริมฝั่งโขงรถขึ้นไม่ได้ ทอดสายตาออกไปทางทิศตะวันออก คือแม่น้ำสายหลักที่กั้นเขตแดนระหว่างประเทศ สายน้ำกระทบเปลวแดดระยับไหวอยู่ราวกับมีชีวิต แสงตะวันกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังศาลา “นมัสการครับ หลวงพี่ พระอาจารย์อยู่ไหมครับ” แสงตะวันนั่งลงแล้วก้มลงกราบทันที ภิกษุที่อ่อนวัยกว่าพระอาจารย์ กำลังนั่งทำกิจวัตรของท่านอยู่ ร้างไร้ผู้คนขึ้นมารบกวน เพราะที่นี่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหรือชุมชนกว่า ๗ กิโลเมตร เวลาเช้าออกบิณฑบาตต้องออกแต่เช้าตรู่ และต้องเดินลงภูไปกลับกว่า ๑๔ กิโลเมตร “เจริญพร โยมตะวัน ท่านรออยู่ที่กุฏิ” ท่านเอ่ยแต่เพียงเท่านั้นแล้วหันกลับไปตั้งใจทำวัตรของตนต่อ แสงตะวันก้มลง

  • Third Eye (สืบด้วยตา สัมผัสด้วยใจ)   ตอนที่ ๙ ข้อตกลง

    “อ้าวผู้กอง ไปเอาผลชันสูตรถึงไหนครับเนี่ย” ทันทีที่ผู้กองคมกริชกลับเข้าไปในสำนักงาน จ่าหนุ่มก็เอ่ยแซวขึ้นทันที เพราะนี่มันจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว “พอดีไปธุระมานิดหน่อยน่ะจ่า สารวัตรครับ นี่ผลตรวจครั้งที่สองครับ” เขาวางแฟ้มไว้ต่อหน้าแสงตะวัน เขาหันมาพยักหน้า ตาเริ่มโหลลึกเพราะนอนน้อยกันทุกคน “วันนี้ผมเหมือนจะเจอเพื่อนสารวัตรด้วยนะครับ” เขาเอ่ยแล้วยิ้ม สายตาจ้องมองอยู่ ว่าแสงตะวันจะมีปฏิกริยายังไง ได้ผล เขาหันขวับทันที “ใคร เพื่อนคนไหน” เสียงนั้นห้วนจนเหมือนตวาด “เอ่อ คุณอาทิตย์น่ะครับ พอดีบังเอิญเจอที่หน้าตึก ที่แกไปทำงาน” แสงตะวันหน้าเปลี่ยนสี “รู้จักกันได้ยังไง” เขาจ้องจนบรรยากาศไม่ดี เขาเหมือนจะรู้ตัว เขาจึงลุกขึ้น “ผู้กอง คุยกันหน่อยสิ” เขาเดินออกไปทันที ผู้กองคมกริชอมยิ้มด้วยความบรรลุเป้าหมาย สองจ่านั่งมองหน้ากันว่ามันเกิดอะไรขึ้น “ครับ สารวัตร” ผู้กองคมกริชเดินตามออกไปหน้าตึก แสงตะวันยืนปักหลักหันหลังเหมือนยักษ์ เขาหันหน้ากลับมา “คุณไปรู้จักเพื่อนผมได

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status