พิริสากับกลิ่นชวาเจอหน้ากันได้ก็กอดกันกลม ก่อนที่พิริสาจะเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยสารทุกข์สุกดิบเพราะความเป็นห่วงกลิ่นชวา คิดว่าเพื่อนเธอจะผอมโซเหมือนไม้เสียบผีไปแล้วเสียอีก เมื่อเห็นว่ากลิ่นชวายังคงสดใสก็โล่งใจ
“นึกว่าแกจะถูกขังอยู่ในกรง ได้ทานแต่อาหารขยะซะอีก”
“แกก็คิดมากไป ตอนนี้คุณวาดิมเค้าติดฉันยังกับแตงเม”
“จริงเหรอ แกทำให้เค้ารักได้สำเร็จแล้วเหรอ”
“เปล่า เค้าแพ้ท้องแทนฉันเลยเวียนหัวตลอดเวลา แต่จะหายอาการพวกนั้นเมื่อตอนอยู่ใกล้ฉัน”
“โถ่เอ้ย ไอ้เราก็คิดว่าทำให้เค้ารักสำเร็จ”
“แต่ฉันก็ว่าเค้าคงรู้สึกดีกับฉันบ้างแหละ เค้าตามใจฉันหลายอย่างอยู่นะ แถมเวลาฉันหอมแก้มเค้า เค้าก็ไม่ว่าด้วย”
“พูดถึงเค้าตาเป็นประกายขนาดนี้ไม่ใช่ว่าชอบเค้าไปแล้วเหรอ”
“ถ้าใช่ล่ะ”
“อืม ก็ดีนะ ถ้าแกชอบเค้า แล้วเค้าชอบแก เรื่องลูกที่แกอยากจะเก็บเอาไว้ก็จะได้คุยกับเค้าได้ง่ายขึ้น ถ้าเค้าชอบแกเค้าก็น่าจะตามใจแกนะ แต่ถ้าจะให้ดีแกก็รีบถามเค้าไปตามตรงว่าคิดยังไงกับแก ถ้าเค้าชอบแกจริงๆ ก็จะได้รีบคุยเรื่องลูกในท้องไปเลย”
“แล้วถ้าเค้าไม่ได้ชอบฉันล่ะ”
“ก็เหลือเวลาอีกตั้งเดือนนึงแกก็พยายามเข้าสิ”
กลิ่นชวาคิดหนักกับการที่จะคุยเรื่องลูกกับวาดิมอีกครั้ง ทว่าหากไม่คุยตอนนี้ก็จะไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ หากชอบเธอตามที่แอบคิดก็ดีไป แต่ถ้าไม่ก็ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือนเพื่อที่จะพิชิตใจของวาดิมตามที่พิริสาบอก จะว่าไปหากเขาไม่ได้ชอบเธออย่างที่เธอชอบเขาก็คงใจแป้วไม่น้อยเลย
วาดิมปล่อยให้สองสาวคุยกันตามลำพังไม่เกินสิบนาทีจริงๆ เช่นที่เขาพูด เพราะหลังจากสิบนาทีที่ปล่อยให้กลิ่นชวาอยู่กับพิริสา ชายหนุ่มก็เข้ามาเกาะติดกลิ่นชวาไม่ห่าง จนสองสาวไม่ค่อยกล้าพูดคุยกันเท่าไหร่นัก
พิริสาอยู่กับกลิ่นชวาจนรับประทานอาหารเย็นกันเรียบร้อย จากนั้นเดมาก็ขับรถไปส่งพิริสา
เมื่อเพื่อนรักกลับไปแล้วคราวนี้ก็ได้เวลาที่กลิ่นชวาจะต้องคุยกับวาดิม ทว่าเธอก็ชั่งใจอยู่จนใกล้เวลาจะเข้านอน ไม่ใช่ว่าไม่มั่นใจที่จะพูด แต่เพราะกลัวได้รับคำตอบที่ผิดหวังกลับมาต่างหาก
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณค่ะ”
“เรื่องอะไร”
กลิ่นชวาเดินไปกอดวาดิม “ฉันชอบคุณ ถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน...”
“ไม่ได้”
กลิ่นชวาหน้าเสียเมื่อชายหนุ่มไม่ปล่อยให้เธอได้พูดจนจบประโยค เธอผละออกจากตัวของเขาก่อนจะเอ่ยถามวาดิมด้วยสายตาที่ผิดหวัง “ทำไมคะ ตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันคุณก็ชอบฉันไม่ใช่เหรอ”
“ผมไม่เคยพูด” วาดิมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สีหน้าท่าทางของเขาเฉยชาดูไม่รู้สึกรู้สากับการที่เพิ่งปฏิเสธหัวใจของคนคนนึงแม้แต่น้อย
“แล้วที่คุณตามใจฉัน สอนฉันในสิ่งที่ฉันร้องขอ”
“ข้อแรกที่ผมอยู่ใกล้คุณเพราะอะไรคุณก็รู้ดี ส่วนที่ผมตามใจคุณ เพราะผมเห็นคุณเป็นเหมือนน้องสาวของผมต่างหาก”
“แค่นั้นจริงๆ ใช่ไหมคะ” ตอนนี้เธอไม่อยากจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด
“ใช่ แล้วไม่ว่าจะยังไง ข้อตกลงของเรายังเป็นเหมือนเดิม”
“หัวใจของคุณก็ให้ฉันไม่ได้ ลูกที่เป็นหัวใจของฉัน คุณก็ยังจะพรากเค้าไปอีกเหรอคะ” เพราะกลัวว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้ไง เธอเลยเพิ่งกล้าที่จะคุย แววตาของเขาตอนนี้มันเย็นชาจนแทบเหมือนคนไม่มีหัวใจ ตอบออกมาได้ว่าเห็นเธอเป็นเหมือนแค่น้องสาว จะถนอมน้ำใจกว่านี้หน่อยไม่ได้รึไง
“คุณไม่เข้าใจหรอกว่าการเป็นคนในครอบครัวของผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง”
“มันเป็นยังไงคุณก็อธิบายให้ฉันฟังสิคะ”
“นอนได้แล้ว”
“แม่ฉันเสียตั้งแต่เด็กๆ พ่อฉันแต่งงานใหม่ หลังจากนั้นฉันกับน้องสาวก็อยู่กันอย่างลำบาก ยิ่งหลังจากพ่อของฉันเสียก็ยิ่งลำบากกว่าเดิมเพราะแม่เลี้ยงฉันเอาแต่ผลาญเงิน แค่นั้นไม่พอยังจะเอาฉันไปประเคนให้เจ้าหนี้ของเธอจนฉันต้องชิงท้องก่อนนี่ไง พอถึงวันที่ฉันกับน้องสาวกำลังจะเป็นอิสระจากแม่เลี้ยง แล้วฉันก็กำลังเตรียมตัวเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณก็โผล่มาจะทำร้ายลูกของฉัน มาทำให้ฉันหลงรักคุณแล้วก็ปฏิเสธฉัน นี่ไงชีวิตของฉัน ทีนี้คุณก็เล่าชีวิตของคุณบ้าง ฉันอยากรู้ว่าครอบครัวคุณเลี้ยงคุณมายังไงคุณถึงอยากจะทำร้ายลูกฉันนัก”
กลิ่นชวาพูดไปปาดน้ำตาไป เธอเล่าเรื่องราวของเธอให้เขาฟังแล้ว ที่เขาพูดว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องครอบครัวของเขา ถ้าเขาอยากให้เธอเข้าใจก็เพียงแค่อธิบายมาเท่านั้น
“ผมไม่อยากเล่าอะไรทั้งนั้น ไม่มีเหตุผลที่จะพูดถึงคนที่ไม่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ นอนได้แล้ว” คว้าคนตัวเล็กพาเธอไปนอนด้วยกันที่เตียงนุ่ม เขาไม่อยากให้เธอถามอะไรต่อ โดยเฉพาะเรื่องครอบครัวของเขา
กลิ่นชวาได้แต่นอนปาดน้ำตาเงียบๆ อยากจะทำความเข้าใจว่าทำไมวาดิมถึงกีดกันการเกิดมาลืมตาดูโลกของเด็กคนนึงนักหนา ทั้งที่ลูกในท้องของเธอก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเหมือนกัน
เช้าของวันใหม่เป็นวันที่ไม่ค่อยสดใสสำหรับกลิ่นชวาเอาเสียเลย เธอต้องอยู่ใกล้วาดิมตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีแก่ใจที่จะพูดคุยอะไรกับเขา เพราะว้าวุ่นอยู่กับการคิดถึงวันข้างหน้าที่ตอนนี้ก็ไม่แน่ใจแล้วว่าเธอจะสามารถปกป้องลูกของเธอได้ไหม
“ผมเห็นคุณนั่งมองหน้ากระดาษเปล่ามาเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว” วาดิมละสายตาจากหน้าจอหันมามองคนข้างๆ ที่วันนี้เธอดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่
“ฉันไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ” เธอก้มลงเอาแก้มแนบไปกับโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม
“แล้วถ้าผมพูด คุณพร้อมจะเข้าใจไหม”
ได้ยินแค่นั้นก็ดีดตัวนั่งตรง พร้อมที่จะรับฟังเขาเต็มที่ “พูดมาสิคะ ถึงคุณจะไม่ชอบฉัน แต่คิดว่าฉันเป็นเพื่อนคุณคนนึงก็ได้ มีอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้ทุกอย่างเลย”
“ทำแบบนี้เพราะอยากให้ผมชอบคุณใช่ไหม”
กลิ่นชวาเริ่มขมวดคิ้วกับการตั้งคำถามของวาดิม อะไรทำให้เขาคิดกับเธอแบบนั้น ทว่าก็คงเป็นเพราะระแวงคำสารภาพของเธออยู่แน่นอนเลย
“เปล่าค่ะ ฉันอยากรับฟังคุณเพราะฉันเห็นว่าคุณเป็นเพื่อนร่วมโลกด้วยกันต่างหาก การสูญเสียคนในครอบครัวมันคงทำให้คุณว้าเหว่เหมือนไม่มีเสาหลักในชีวิตใช่ไหมล่ะ ฉันรู้ ขนาดฉันเหลือน้องสาวฉันยังรู้สึกแบบนั้นเลย แต่ถ้าคุณจะชอบฉันเพราะฉันแค่ทำหน้าที่เป็นที่ระบายก็ไม่ว่ากันนะคะ” เธอเอื้อมมือไปกุมมือที่มีแต่รอยแผลเป็นเอาไว้แน่น จากนั้นก็นั่งเงียบมองหน้าชายหนุ่มตาแทบไม่กะพริบ จดจ่อว่าเขากำลังจะพูดอะไรกับเธอ
“ชีวิตของการที่ได้ชื่อว่าเป็นครอบครัวมาเฟียมันไม่มีความปลอดภัยตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลืมตามาดูโลกด้วยซ้ำ ยิ่งคำว่าว่าหัวหน้ามาเฟียที่ควบคุมกิจการสีเทาหลายอย่าง เม็ดเงินและอำนาจที่อยู่ในมือก็มากมายมหาศาล ไม่มีใครไว้ใจใครได้แม้แต่คนในองค์กรเดียวกัน เพราะหลายคนอยากจะเป็นใหญ่กันทั้งนั้น พ่อแม่รวมถึงพี่น้องของผมล้วนถูกสังเวยชีวิตให้กับศัตรูในที่มืด ผมต้องทนเห็นคนที่รักตายอย่างทรมานไปต่อหน้าต่อตาไม่รู้กี่ครั้ง ถึงเราไม่คิดทำร้ายใคร แต่ก็ไม่วายมีคนอื่นคิดที่จะทำร้ายเราอยู่ดี”
“คุณเองก็รักลูกเหมือนกันใช่ไหม ถึงไม่อยากให้เค้าเกิดมามีชีวิตที่เต็มไปด้วยอันตราย แล้วถ้าไม่มีใครรู้ว่าคุณมีลูก ลูกคุณก็จะไม่เป็นอันตราย” กลิ่นชวาพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขา แต่มันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางออกเรื่องลูกของเธอ
“ความลับมันไม่มีในโลกหรอก คุณพ่อผมไม่เคยเปิดเผยว่ามีลูกกี่คน แต่ทุกคนที่เป็นพี่น้องผมก็ถูกเอาชีวิตไป ถึงเราจะรู้ตัวคนร้ายแล้วจัดการส่งพวกมันไปลงนรก มันก็มีศัตรูในที่มืดค่อยๆ ออกมาเพิ่มอยู่ดี”“เป็นไปได้ไหมว่าถ้าคุณรักฉัน คุณจะยอมให้ฉันเก็บลูกเอาไว้”“มันไม่เกี่ยวกัน”“คุณตอบตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะคุณยังไม่รู้สึกดีกับฉัน ฉันพูดถูกไหมล่ะ” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะค่อยๆ มีน้ำตาไหลลงมาที่แก้มเธอเชื่อว่าถ้าชายหนุ่มรักเธอ เขาก็จะต้องยอมทำตามใจเธอทุกอย่าง ถ้าหากไม่มีใครรู้ว่าเธอมีลูกกับเขา ลูกเธออาจจะไม่เป็นอันตรายอย่างที่เขาคิดในแง่ร้ายไปก่อนก็ได้วาดิมได้แต่นั่งหันหลังให้กลิ่นชวา เขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของใคร ตอนนี้เธอกำลังไม่เข้าใจความสูญเสียที่เขาพูดถึง เพราะเธอไม่เคยเห็นคนที่รักจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างทรมานโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ความทรมานที่เหมือนตายทั้งเป็นแบบนั้นเธอไม่เคยได้รับรู้เศษเสี้ยวความรู้ของการเจ็บปวด แล้วเธอจะไปเข้าใจอะไรวาดิมนั่งหันหลังให้คนตัวเล็กนานเท่าไหร่นับเวลาไม่ได้ เพราะสมองเอาแต่คิดวกไปวนมาถึงเรื่องครอบครัว หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่ได้อยากพูดเรื่องอดีตแม้แต่นิดเดียว เพราะย
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ ฉันขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ” ตอนนี้เธอไม่รีรออะไรทั้งนั้น ชีวิตของลูกสำคัญที่สุด แม้จะเสียใจที่ไม่สามารถพิชิตใจพ่อของลูกได้ แต่อย่างน้อยก็ให้เธอได้ให้โอกาสเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยได้เกิดมาบนโลก“คุณวาดิมคะ”“มีอะไรครับ” เริ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นพยาบาลสาววิ่งเข้ามาหาตัวเองหน้าตาตื่น“เห็นภรรยาคุณไหมคะ เธอบอกว่าเธอจะเข้าห้องน้ำ แล้วตอนนี้เธอก็หายไปแล้วค่ะ”“อะไรนะครับ” สีหน้าของวาดิมเริ่มเผยอาการโกรธ เมื่อมีโอกาสก็คิดหนี ที่ผ่านมาคำพร่ำบอกว่ารักเขา เธอพูดจริงหรือพูดเพียงเพื่อให้เขาไว้ชีวิตลูกในท้องอย่างเดียวกันแน่แกร๊ก “แก้ว”เสียงประตูที่เปิดพร้อมกับเสียงเรียกที่คุ้นหูทำชบาแก้วดีดตัวผึงขึ้นมากะทันหัน “พี่ว่าน” ชบาแก้วน้ำตารื้นรีบวิ่งโผเข้าไปกอดกลิ่นชวาเอาไว้แน่น“ทำไมหายไปเลยล่ะพี่ว่าน รู้ไหมว่าแก้วเป็นห่วงแค่ไหน” ชบาแก้วพร่ำด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นกลิ่นชวาเองก็ได้แต่เงียบลูบหลังปลอบน้องสาว หลังจากที่ร้องให้กอดพี่อยู่ครู่ใหญ่ชบาแก้วก็สงบลง กลิ่นชวาถึงได้โอกาสพูดคุยกับน้อง“พี่ขอโทษที่หายไป ตอนนี้พี่กลับมาแล้ว แล้วพี่ก็จะไม่ไปไหนแล้ว”
“เป็นอะไรพี่ว่าน แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นเหมือนจะเดินมาหาเราเลย” ชบาแก้วเห็นพี่สาวยืนตัวแข็งทื่อก็รีบเขย่าแขน ตอนนี้เธอค่อนข้างเริ่มกลัว เพราะผู้ชายต่างชาติร่างสูงใหญ่ที่สวมเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมลงมาจนแทบจะถึงสะดือ เผยให้เห็นรอยสักอันน่ากลัว ดูยังไงคนพวกนี้ก็น่าจะเป็นกลุ่มมาเฟีย แถมตอนนี้เขายังจ้องพวกเธอไม่วางตาขณะที่สาวเท้าตรงมายังพวกเธอด้วย“เค้าเป็นพ่อของลูกพี่” กลิ่นชวาพูดจบก็ดึงน้องสาวให้หลับที่ข้างหลังเธอ“นั่นพี่เขยแก้วเหรอ หล่อเหมือนกันนะเนี่ย แต่... ทำไมเหมือนพวกมาเฟียเลย”“ไง...” เสียงทุ้มกังวานจากหนุ่มต่างชาติที่ทักทายเป็นภาษาไทยทำชบาแก้วขนลุกขนชัน ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวเธอจะมีสเปคผู้ชายที่แสนโหดเช่นนี้ เธอที่ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแล้วทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้“สวัสดีค่ะ ฉันแก้วค่ะ เป็นน้องพี่ว่าน” จำได้ว่าพี่สาวบอกว่าแยกทางกับสามีแล้ว แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ คงไม่ใช้ความรุนแรงในการขอคืนดีกับพี่ของเธอหรอกนะ“ผมวาดิม ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” วาดิมยิ้มอ่อนทักทายชบาแก้วอย่างเป็นมิตรกลับ ทว่าสายตาที่มองกลิ่นชวายังดูโกรธเคืองไม่หาย“แก้วรอพี่ที่ล็อบ
“คุณห่วงลูกเหมือนกันเหรอคะ” สาวเจ้ารีบปาดน้ำตาลวกๆ เธอพอจะมีความหวังกับคำพูดของเขาได้ไหม สิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่เท่ากับว่าเขาใส่ใจรายละเอียดที่หมอบอกทุกอย่าง เขาเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม“กลับไปคุยกันที่บ้าน” เขายังคงจับมือกลิ่นชวาเอาไว้แน่น ยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรตอนนี้กลิ่นชวาพยายามนั่งทำใจให้สบายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเมื่อเขาไม่ตอบก็แสดงว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะเห็นด้วยกับเธอในการเก็บลูกเอาไว้พิริสาขึ้นรถมากับบอดี้การ์ดร่างยักษ์ของวาดิมได้พักใหญ่แล้ว คราแรกเขาก็ขับรถตามหลังรถของวาดิมอยู่ดีๆ พอขับไปได้สักพักก็พาเธอเลี้ยวไปคนละทางกับรถตู้คันหรูที่เพื่อนเธอนั่งอยู่เสียอย่างนั้น“นี่คุณพาฉันไปที่ไหนเนี่ย รถของคุณวาดิมเลี้ยวไปทางนั้นไม่ใช่เหรอ”“ผมก็จะไปธุระของผม” เซรเกย์ เซียร์คอฟ มาเฟียหนุ่มเพื่อนของวาดิม เขาขับรถตามหลังรถของวาดิมมาตั้งแต่แรก เมื่อรอเพื่อนทำธุระเสร็จกะว่าจะตามหลังรถของวาดิมไปที่บ้าน แต่จู่ๆ ก็มีแม่สาวหน้าสวยราวกับตุ๊กตาคนนี้มาเปิดประตูรถของเขาแล้วบอกว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่วาดิมพาขึ้นรถไปด้วยแล้วก็สั่งให้เขาพาเธอขับรถตามวาดิมไป“อ้าว ฉันบอกว่าให้พาฉันไปบ้าน
“จะร้องทำไมอีก ผมไม่ชอบเห็นน้ำตาผู้หญิง” วาดิมค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งหนาปาดน้ำตาที่พวงแก้มนวลอย่างเบามือ“ฉันดีใจ ขอบคุณนะคะ” “ผมยอมให้คุณเก็บลูกเอาไว้ได้ แต่ต่อไปนี้คุณต้องเชื่อฟังผมทุกอย่าง เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแล้วก็ลูก”“ค่ะ ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างเลย” เธอค่อยๆ มุดหัวไปซบอยู่กับอกอุ่น หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยกลิ่นชวาก็หลับลงไปได้อย่างง่ายดาย โดยมีวาดิมคอยกอดไว้ไม่ห่าง วาดิมปล่อยให้หญิงสาวได้นอนพักผ่อนไปก่อน เมื่อถึงเวลาที่เธอตื่นมา เขามีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธออีกหลายเรื่อง“นี่คุณ อิ่มยังเนี่ย ทานอย่างกับคนอดอยากมาจากชาติปางไหน” พิริสานั่งเฝ้าเซรเกย์รับประทานสเต็กเนื้อไปจนหมดสามสี่จานก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะอิ่ม ไม่น่าหลงกลรอให้เขาอิ่มแล้วค่อยคุยกับวาดิมเลย ดูท่าไม่รู้ว่าจะช่วยนเพื่อนเธอได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้“ตั้งแต่ผมลงเครื่องมาแล้วขับรถไปหาวาดิม จนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคุณ”“คุยกับเพื่อนคุณก่อนแล้วค่อยทานต่อไม่ได้รึไงล่ะ” เมื่อหงุดหงิดหนักเข้าสาวเจ้าก็เริ่มจะแปรเปลี่ยนเป็นอาการงอแง“วาดิมบอกว่าตอนนี้คุณว่านกับลูกปลอดภัย แล้ววาดิมก
กลิ่นชวาในชุดเสื้อโค้ทคลุมถึงข้อเท้าลงจากเครื่องบินพร้อมกับวาดิม เดมาและคาเรฟ รถลีมูซีนสีดำก็ขับมารอพวกเธอเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวมองไปรอบๆ ลานกว้างด้วยความตื่นตา เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่เครื่องบินที่เธอนั่งมาเพียงเครื่องเดียว แต่ยังมีโรงจอดเครื่องบินอีกหลายโรงรถหรูขับออกจากสนามบินได้ไม่นานก็พาเธอเข้ามาในรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ เดาได้เลยว่าพื้นที่รอบๆ ของคฤหาสน์แห่งนี้มีไม่ต่ำกว่าร้อยไร่ กลิ่นชวากลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อมองคฤหาสน์สีขาวหลังคาสีเทาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าไกลๆ มันดูยิ่งใหญ่เสียจนทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงไปด้วยความประหม่าเธอเห็นเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนประจำตำแหน่งเป็นระยะตั้งแต่ที่รถเลี้ยวเข้ามาในกำแพงรั้วสูงก็ว่าหลายคนแล้ว แต่เมื่อมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ก็เห็นว่ามีบอดี้การ์ดอีกหลายคนยืนเรียงรายรอต้อนรับพวกเธออยู่อีก“ยินดีต้อนรับครับนาย พวกผมเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้นายหญิงเรียบร้อยแล้วครับ”“ขอบใจมาก” วาดิมถอดเสื้อโค้ทของเขาและหญิงสาวส่งให้กับบอดี้การ์ดก่อนจะจูงมือกลิ่นชวาเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังโต“เตรียมอะไรเหรอคะ แล้วทำไมคนที่นี่ถึงพูดไทยคะ” ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่ใจจะมองความใหญ
“คุณก็เสี่ยงเหมือนกัน แล้วการที่จะบินไปบินมามันไม่ได้ทำให้เกิดผลดีกับคุณเลย ตอนนี้อีวานดูแลแก้วอยู่ แล้วสามีของแก้วเค้าก็มาดูแลแล้วด้วย”“ดูแลอะไร พวกเค้าทะเลาะกันจนเกิดเรื่อง ฉันว่าพวกเค้าคงไม่คืนดีกันง่ายๆ หรอกมั้งคะ คุณไปรับน้องฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยกันได้ไหม” คราแรกเธอมั่นใจว่าน้องสาวงของเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับสิงหราช แต่ตอนนี้เธอไม่คิดแบบนั้นแล้ว อยากจะพาน้องมาอยู่ใกล้หูใกล้ตาตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้“ใจเย็นๆ ผมจะต่อสายหาอีวานให้คุณได้คุยกับสิงหราช บางทีคุณคุยกับเค้าแล้วอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ แต่ถ้าคุณเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีผมจะให้อีวานพาน้องคุณมาที่นี่”“ค่ะ”กลิ่นชวาได้คุยกับสิงหราชพักใหญ่จนอารมณ์ของเธอเริ่มเย็นลง คราแรกเธอเองก้ไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรของสิงหราช ดีที่อีกฝ่ายพยายามพูดให้เธอยอมใจเย็นและรับฟังได้ เธอจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะทั้งสองกำลังเข้าใจผิดกันเพราะความหึงหวงแล้วตอนนี้ชบาแก้วกับลูกก็ปลอดภัยดีแล้ว กลิ่นชวาจึงอวยพรให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆ เพื่อลูก พร้อมกับฝากชบาแก้ว ให้เขาดูแลน้องสาวของเธอให้ดี ซึ่งเรื่องนี้สิงหราชก็รับปากและสัญญาด้วยเกียร
ยิ่งมาเห็นจินตนาการของกลิ่นชวาที่อยากใช้ชีวิตอย่างคู่รักของคนปกติเขาก็เริ่มนึกถึงเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ ยิ่งเห็นหญิงสาวโหยหาความธรรมดาของชีวิต มันก็ยิ่งเป็นเหตุผลประกอบในการตัดสินใจทำเรื่องสำคัญของเขาได้เร็วขึ้น“มานานแล้วเหรอคะ”วาดิมพยักหน้าน้อยๆ ให้กับคนที่เพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมา“ฉันแค่วาดเล่นเฉยๆ คุณอย่าสนใจเลยนะคะ” เห็นสมุดวาดภาพในมือของเขาก็พอจะรู้ว่าวาดิมเห็นอะไร เธอรีบดึงสมุดออกจากมือของเขาเอาไปวางไว้ที่เดิม เพราะไม่อยากให้จินตนาการของเธอไปกวนใจชายหนุ่มมากนัก“ผมต้องสนใจ ถ้าสักวันเราใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้ คุณจะดีใจมากใช่ไหม”“ดีใจสิคะ มากด้วย” ตอบพร้อมรอยยิ้มร่าอย่างไม่ต้องคิด ทว่าไอ้ความไม่ต้องคิดของเธอนี่แหละที่ทำให้เริ่มหน้าเจื่อนลงเมื่อได้สติ ลืมไปว่าเธอเลือกที่จะอยู่กับเขาแล้ว จะโหยหาความธรรมดาคงเป็นไปได้ยาก“แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ คุณวาดิมคะ วันนี้ฉันอยากทานสตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ๆ กับวิปครีม คุณพอจะให้คนหามาให้ได้ไหมคะ” ยิ่งเห็นสีหน้าของเขาไม่ดีเธอก็ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ได้ คุณอยากได้อะไรอีกก็บอกผมได้เลย”“คือ...คุณรู้แล้วใช่ไหมคะว่าแก้วจะแต่งงาน”“อีวานบอ
“ริสา”“สรุปว่าพวกคุณรู้ตั้งแต่แรกว่าฉันจะมีลูกไม่ได้หลังจากใช้ยาถอนพิษเหรอคะ”“ผมขอโทษริสา แต่ที่ผมไม่บอกเพราะกลัวว่าคุณจะไม่ยอมรักษาตัว ถ้าปล่อยให้พิษนั่นอยู่ในร่างกายนานๆ มันทำลายระบบประสาทหลายอย่าง”พิริสาไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น เมื่อเห็นเซรเกย์เข้ามาใกล้ เธอก็รีบวิ่งหนี หากเขาบอกเธอถึงความจริงของผลข้างเคียง วันนั้นเธอก็อาจจะทำใจยอมรับเรื่องที่จะมีลูกไม่ได้ก็ได้ แต่ตอนนี้เธอมีความหวังจนไม่อาจจะผิดหวังได้แล้ว ทำไมเรื่องมันต้องกลายมาเป็นแบบนี้ด้วย“ฮื่อ ฮือ ฮือ ฮือ...” เธอวิ่งไปไม่รู้จุดหมาย พร้อมน้ำตาพรั่งพรูและเสียงสะอึกสะอื้น เมื่อหัวใจถูกบีบรัดมากเข้าเธอก็เริ่มหูอื้อตาลาย และหมดสติไป“ริสา” เซรเกย์วิ่งไปรับร่างของพิริสาได้ทันท่วงที จากนั้นก็รีบสาวเท้าพาเธอเข้าไปให้โอเว่นดูอาการพิริสายังนอนให้หมอตรวจโดยที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด ทั้งยังไม่คิดที่มองหน้าทั้งหมอโอเว่นและสามีของเธอ เพราะยังโกรธเรื่องที่พวกเขาไม่ยอมบอกเธอถึงผลข้างเคียงทุกอย่างของการใช้ยาถอนพิษ ทำให้เธอต้องรู้สึกผิดหวังมากๆ ในตอนนี้“ผมว่าเรากำลังจะมีข่าวดีแล้วล่ะ” จากการที่โอเว่นได้เริ่มศึกษาแพทย์แผนจีน เขาก็พอจะจับชีพจ
ตั้งแต่มาถึงร้านสมุนไพรได้ พิริสาก็ถูกหมอจีนตรวจชีพจรอยู่พักใหญ่ เพราะไม่เคยเจอคนที่เลือดลมเดินทางแปลกๆ เช่นหญิงสาวมาก่อน“อืม...แปลกๆ” หมอสมุนไรวัยเกือบแปดสิบสีหน้าเคร่งเครียดเป็นพิเศษ ก่อนจะปล่อยมือจากชีพจรของหญิงสาวและหยิบตำราใจใต้ลิ้นชักขึ้นมาดูเซรเกย์ที่เห็นว่าได้จังหวะเขาจึงเริ่มออกอุบายที่วางแผนเอาไว้ “ผมลืมเอามือถือมาจากในรถ ริสาไปเอาให้ผมหน่อยได้ไหม”“ได้สิคะ”ให้หลังพิริสาไปได้ เซรเกย์ก็ถือโอกาสพูดคุยรายละเอียดทุกอย่างกับหมอจีน หวังว่าเขาจะเป็นที่พึ่งให้กับคนที่ลูกยากได้จริงๆ อย่างที่ริโอะได้พูดเอาไว้ทางด้านพิริสาเธอก็เอาแต่หาโทรศัพท์มือถือของเซรเกย์อยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็เจอมันก็ตกอยู่ที่ใต้เบาะที่นั่งของเขา กว่าจะกลับเข้าไปในร้านยาได้ เธอก็เห็นหมอจีนเตรียมสมุนไพรเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว“หมอจัดยาให้เรียบร้อยแล้วนะริสา”“เหรอคะ ไวดีจังเลย”“คุณต้องดื่มยาต้มนี่ทุกวัน วันละสามเวลาเป็นเวลาสามเดือน”“แค่นี้จะพอเหรอคะ” ดวงตาคู่สวยเริ่มเพ่งมองไปยังห่อสมุนไพรเล็กๆ ที่ตั้งอยู่สามห่อ“แล้วผมจะส่งสมุนไพรตามไปให้ทุกครึ่งเดือน ระหว่างนี้ก็งดอาหารหมักดอง แล้วก็ต้องทานอาหารที่ทำสดใหม่เ
“ริโอะ”ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงที่แสนคุ้นหูก็ดังแว่วมาแต่ไกลทำให้ริโอะรีบหันไปยังต้นเสียงด้วยความรวดเร็ว “อ้าวคุณริสา มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”“เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”“มานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ ริโอะทำขาหมูไว้ให้คุณริสาด้วยนะคะ”“คุณเรนบอกแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเข้าไปในบ้าน อยากคุยกับริโอะก่อน”“มีอะไรเหรอคะ”“ริโอะกำลังงอนคุณเรนอยู่ใช่ไหม”สีหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้มเริ่มเจื่อนลง ไม่ผิดหรอกที่เรนเข้าใจเช่นนั้น แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาสร้างข้อจำกัดให้เธอจนเธอรู้สึกอึดอัด“ฉันรู้ว่าที่คุณเรนห้ามริโอะทุกอย่างก็เพราะเป็นห่วง แล้วฉันก็รู้ว่าริโอะรู้ตัวว่าริโอะทำทุกอย่างได้ ฉันก็เลยบอกให้คุณเรนกับริโอะแก้ปัญหากันคนละครึ่งทาง”“ยังไงเหรอคะ” แววตาของริโอะในตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย การแก้ปัญหาคนละครึ่งทางหมายความว่ายังไง“ลองคุยกับคุณเรนอีกรอบสิ” พิริสาหันหน้าไปมองเรนที่กำลังยืนดูเธอและริโอะอยู่ห่างๆ“ฉันขอตัวไปรอในบ้านนะ”หลังจากพิริสาลุกออกไป เรนก็เข้ามานั่งแทนที่ของเธอ เพราะเรนต้องการที่จะคุยกับริโอะตามที่พิริสาและเซรเกย์แนะนำ
“อื้อ...” ดวงตาคู่สวยหลับตาปี๋ เสียงครางของความเจ็บจุกถูกดูดเข้าไปในลำคอสามี หลังจากนั้นเธอก็หัวสั่นหัวครอนไปกับแรงกระกระทั้นจากการมอบบทสวาทของสามีตัวโตเซรเกย์บดสะโพกส่งเจ้าแท่งร้อนมโหฬารเข้าออกร่องสวาทถี่รัวไม่มีผ่อนอยู่นานสองนาน เสียงครางของคนทั้งสองที่กำลังแลกลิ้นถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอของกันและกัน เมื่อร่องสวาทดูดกลืนแท่งร้อนมโหฬารหนักเข้าก็เริ่มตอดรัดรุนแรงเพราะใกล้จะถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง“อื้อ.. อื้อ...” และแล้วพิริสาก็บิดเกร็งแอ่นเร่าตาปรือเยิ้ม มือไม้จิกอยู่ที่ลำแขนแกร่งของคนเป็นสามีจนแทบจะฝังเนื้อเซรเกย์เสียบเจ้าแท่งร้อนคาร่องสวาทเอาไว้ไม่ขยับ เพราะต้องการปล่อยให้คนตัวเล็กได้ผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันเขาก็ยังบดจูบด้วยลีลาเร่าร้อนเพื่อเล้าโลมคนตัวเล็กให้พร้อมรับกับลีลาสวาทของเขาอีกรอบเมื่อจับจังหวะการหายใจของภรรยาตัวเล็กว่าเป็นปกติเขาก็เริ่มสาวแท่งร้อนดึงออกจนสุดกดเข้าจนมิดไปกับร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักอีกรอบให้เร็วและแรงกว่าเดิม จนเกิดเป็นเสียงเนื้อที่กำลังเปียกแฉะกระทบกันดังสนั่นไปทั่วห้อง“เซรเกย์ อื้อ...” พิริสาหัวสั่นหัวครอน ความเสียวซ่านพุ่งเข้ามาในร่างกายจนเริ่มจะแตะข
“อ๋อ ฉันว่าหาของบำรุงสักพักแกก็คงจะกลับมาแข็งแรงเองนั่นแหละ อย่าลืมสิว่าแกเพิ่งผ่านการรักษาตัวมานะ เดี๋ยวอีกสักพักลองไปตรวจร่างกายใหม่ก็ได้”“เซรเกย์ก็บอกฉันแบบนั้น”“จุนน้า...”“ยัยหนู” เห็นหลานสาวตัวกลมวัยเกือบสองขวบก็รีบเข้าไปรวบอุ้มมานั่งที่ตัก ก่อนจะหอมไปที่พวงแก้มย้วยๆ อีกฟอดใหญ่“คิดถึงจังเลย คิดถึงจังเลย” พิริสากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับลูกสาวของกลิ่นชวากันจนหายคิดถึง ยิ่งเห็นหลานก็อยากจะมีลูกใจจะขาด ทว่าก็ต้องทำใจเพราะไม่รู้ว่าร่างกายของเธอจะสามารถมีลูกได้เมื่อไหร่ทางด้านสองหนุ่มที่กำลังคุยกันอยู่ด้านนอก เมื่อมองผ่านกระจกเห็นพิริสากำลังเล่นอยู่กับเจ้าตัวกลมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขก็หันมามองหน้ากันด้วยสายตาที่กำลังบ่งบอกถึงความเป็นกังวล โดยเฉพาะเซรเกย์“ดูท่าริสาคงอยากจะมีลูกมากๆ ฉันรู้ว่าริสานิสัยเหมือนว่าน ทางที่ดีนายควรรีบบอกเรื่องที่เธอควรรู้จะดีกว่า” วาดิมเสนอความเห็นหลังจากรับรู้ความจริงว่าเพราะอะไรกันแน่พิริสาถึงยังมีลูกไม่ได้“ฉันยังไม่พร้อมเห็นริสาผิดหวัง เอาเป็นว่าหลังจากการตรวจร่างกายครั้งหน้าไม่ดีขึ้นก็ค่อยบอกเธอตอนนั้น”“อืม ถือว่าฉันเตือนแล้วนะ”เซรเกย์ยืนถอนหายใ
“แล้วริสาจะไปเที่ยวหานะคะคุณพ่อคุณแม่” พิริสาเข้าไปกอดพ่อกับแม่ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินทางกลับอิตาลีหลังจากที่เบาใจเรื่องอาการเจ็บป่วยของเธอแล้ว“ยายจ๋า รักษาสุขภาพด้วยนะ แล้วริสาจะพาเจ้าตัวเล็กไปวิ่งเล่นด้วย” เธอผละออกมาจากดันเต้และรสสุคนเข้ามากอดสอางค์“เราก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ แล้วยายจะส่งสมุนไพรบำรุงร่างกายมาให้นะ”“ขอบคุณค่ะ” ฟอด ฟอด สาวเจ้าหอมซ้ายหอมขวาคนเป็นยายฟอดใหญ่ๆ เป็นประจำทุกครั้งที่ต้องจากกัน ไม่ว่าเธอจะโตมากแค่ไหนเธอก็ยังชอบทำตัวเป็นเด็กกับยายของเธอเสมอ เพราะรู้ว่ายายนั้นชอบเห็นความสดใสของเธอ และเธอเองก็ชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของคนเป็นยายรวมไปถึงพ่อกับแม่ไปนานๆ“แล้วก็ดูแลลูกฉันให้ดีล่ะ ถ้ามีเรื่องให้ลูกฉันเจ็บตัวอีก ฉันพาลูกฉันกลับไปดูแลเองจริงๆ ด้วย” ดันเต้หันมาส่งเสียงดุให้เซรเกย์ส่งท้ายก่อนกลับ เชื่อว่าเซรเกย์จะดูแลลูกสาวของเขาได้ดี ทว่าก็อดที่จะกำชับอีกครั้งตามประสาพ่อที่หวงและห่วงลูกไม่ได้สิ้นเสียงแข็งของคนเป็นพ่อ พิริสาก็รีบเข้าไปกอดเอวเซรเกย์เอาไว้แน่น “ไม่นะคะคุณพ่อ ริสารักเซรเกย์ม๊ากมาก ไม่ยอมไปไหนหรอกค่ะ”รสสุคนและสอางค์ต่างก็ส่ายหน้าให้กับคำพูดของดันเต้ ทว่าก็อม
“คิดอะไรอยู่” เดินออกมาจากห้องแต่งตัวได้ก็เข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กที่กำลังยืนกอดอกเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยอาการเหม่อลอยพิริสารีบผลักคนที่เปลือยท่อนบนโชว์แผงกล้ามออกจากตัว “ทำไมไม่ใส่เสื้อคะ” มองกล้ามเนื้อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีครู่เดียวก็ต้องหลบสายตาไปมองทางอื่น เพราะตอนนี้เธอกำลังหน้าร้อนผ่าวเพราะไม่ชินกับการมองผู้ชายถอดเสื้อ“คุณเขินเหรอ” ริมฝีปากหนาอมยิ้มกรุ่มกริ่ม“ใครจะไม่เขินล่ะ”“หันมาดูให้เต็มตาสิ มันเป็นของคุณนะ คุณจะเขินทำไม” เขาดึงมือเธอมาลูบบนเนินอกที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ“ของฉันเหรอ” แม้จะเคอะๆ เขินๆ แต่แผงกล่ามของเขามันก็น่าสัมผัสอยู่ไม่น้อย เลยถือวิสาสะลูบๆ คลำๆ อยู่เช่นนั้นจนรับรู้ได้ว่าตัวของเขาไม่มีไขมันแม้แต่นิดเดียว“ใช่ ก็ผมเป็นของคุณ เป็นสามีคุณ จะดูตรงอื่นด้วยไหม”“ไม่ต้องค่ะ” รีบถอยห่างพร้อมยกมือทั้งสองข้างปิดตา เธอไม่รู้หรอกว่าคนที่เธอมองว่าเขาเจ้าเล่ห์จะพูดจริงหรือพูดเล่น ทว่าเธอก็ไม่เสี่ยงเปิดตาเอาไว้ แค่เห็นแผงกล้ามของเขาเธอก็เขินจนปั้นหน้าไม่ถูกแล้ว หากเห็นอย่างอื่นคงได้วิ่งออกไปข้างนอกแน่“เวลาคุณเขิน น่ารักมากเลยรู้ไหม”“แกล้งฉันใช่ไหมคะ” มือทั้งสองค่อ
พิริสาสะดุ้งตกใจเมื่อตื่นมาแล้วเห็นเซรเกย์อยู่ข้างกาย ทว่าก็ต้องยกมือทาบอกค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองนั้นแต่งงานกับเซรเกย์แล้วดวงตาคู่สวยค่อยๆ จ้องไปที่ใบหน้าคมครู่นึง เธอไปหลงรักคนที่สายตาเจ้าเล่ห์หัวปักหัวปำได้อย่างไร เขาทำอะไรให้เธอรักมากมายขนาดนั้นได้ ทั้งเธอก็ปฏิเสธไม่เชื่อไม่ได้ เพราะทุกคนต่างก็ยืนยันว่าเธอหวงเซรเกย์อย่างกับจงอางหวงไข่“อยากกินผมเหรอ” ลืมตาขึ้นได้ก็เอ่ยยียวนกวนประสาทคนตัวเล็ก“อุ้ย ตกใจหมดเลยคุณเนี่ย”“ก็จ้องผมตั้งนานแล้ว จะจูบก็ไม่จูบซะที” พูดจบก็ตวัดแขนหมายจะโอบรั้งคนตัวเล็กเข้ามากอด แต่พิริสาก็ไหวตัวทัน เธอรีบพลิกตัวลงจากเตียง แล้วสาวเท้าเข้าไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างหน้าล้างตาจะได้ลงไปอยู่กับแม่เซรเกย์มองตามหลังภรรยาตัวเล็กด้วยความขบขัน จะว่าไปการที่เธอจำเขาไม่ค่อยได้ก็ทำให้เธอน่าแกล้งเหมือนกัน ตอนนี้เขาไม่ค่อยกังวลเรื่องความจำของเธอแล้ว ด้วยรู้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะจำช่วงเวลาที่มีกับเขาได้ทุกเรื่อง เพราะสมุนไพรทุกอย่างที่หมอโอเว่นจะต้องใช้สกัดเป็นยาถอนพิษตอนนี้ได้มาครบแล้ว เหลือเพียงแค่รอให้ทุกคนนำกลับมาให้กับมือของหมอโอเว่นเท่านั้น“พวกคุณ
“ผมคงต้องขอคุยกับคุณริสาอย่างละเอียดอีกพักใหญ่เลยครับ” หมอโอเว่นเอ่ยก่อนที่พิริสาจะรู้สึกฉงนหนักไปมากกว่านี้“คุณเป็นใครคะ?”“ผมหมอโอเว่นครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ”ดวงตาคู่สวยมองจ้องมายังหมออาวุโสแปลกหน้า คำว่ายินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง เขาเคยรู้จักเธอ หรือ เธอเคยรู้จักเขามาก่อนเช่นนั้นหรือเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา หมอโอเว่นก็เริ่มอธิบายความเป็นมาเป็นไปของอาการหญิงสาว ก่อนจะซักถามความจำของเธอว่าตอนนี้จำอะไรได้บ้างสรุปแล้วก็ได้ความว่าตอนนี้พิริสาจำทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ ทว่าเธอก็จำได้เพียงแค่ตอนที่เพิ่งได้เจอกับพ่อของเธอไม่เท่าไหร่นัก ซึ่งนั่นมันก็เป็นช่วงเวลาที่เธอเพิ่งจะเริ่มคบหากับเซรเกย์เป็นแฟนทั้งยังตกใจมากที่จู่ๆ รู้ตัวว่าตัวเองได้แต่งงานกับเซรเกย์ในเวลาอันรวดเร็ว จนต้องขอคุยกับเซรเกย์เป็นการส่วนตัวอีกรอบหลังจากคุยกับทุกคนเรียบร้อย“ฉันแต่งงานกับคุณแล้วจริงๆ เหรอ อะไรที่ทำให้ฉันแต่งกับคุณได้เร็วขนาดนั้น”“คุณรักผมมากไง”“ฉันน่ะเหรอคะ ฉันยอมรับว่ารู้สึกดีกับคุณมาก แต่ก็ยังไม่ถึงกับรักมากนะคะ”“อย่าพูดให้ผมใจเสียสิ”“ก็ฉันจำไม่ได้จริงๆ นี่คะ แต่จะว่าไปเรื่องราวท