“ความลับมันไม่มีในโลกหรอก คุณพ่อผมไม่เคยเปิดเผยว่ามีลูกกี่คน แต่ทุกคนที่เป็นพี่น้องผมก็ถูกเอาชีวิตไป ถึงเราจะรู้ตัวคนร้ายแล้วจัดการส่งพวกมันไปลงนรก มันก็มีศัตรูในที่มืดค่อยๆ ออกมาเพิ่มอยู่ดี”
“เป็นไปได้ไหมว่าถ้าคุณรักฉัน คุณจะยอมให้ฉันเก็บลูกเอาไว้”
“มันไม่เกี่ยวกัน”
“คุณตอบตอนนี้ไม่ได้หรอก เพราะคุณยังไม่รู้สึกดีกับฉัน ฉันพูดถูกไหมล่ะ” เธอเอ่ยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะค่อยๆ มีน้ำตาไหลลงมาที่แก้ม
เธอเชื่อว่าถ้าชายหนุ่มรักเธอ เขาก็จะต้องยอมทำตามใจเธอทุกอย่าง ถ้าหากไม่มีใครรู้ว่าเธอมีลูกกับเขา ลูกเธออาจจะไม่เป็นอันตรายอย่างที่เขาคิดในแง่ร้ายไปก่อนก็ได้
วาดิมได้แต่นั่งหันหลังให้กลิ่นชวา เขาไม่ชอบเห็นน้ำตาของใคร ตอนนี้เธอกำลังไม่เข้าใจความสูญเสียที่เขาพูดถึง เพราะเธอไม่เคยเห็นคนที่รักจากไปต่อหน้าต่อตาอย่างทรมานโดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ความทรมานที่เหมือนตายทั้งเป็นแบบนั้นเธอไม่เคยได้รับรู้เศษเสี้ยวความรู้ของการเจ็บปวด แล้วเธอจะไปเข้าใจอะไร
วาดิมนั่งหันหลังให้คนตัวเล็กนานเท่าไหร่นับเวลาไม่ได้ เพราะสมองเอาแต่คิดวกไปวนมาถึงเรื่องครอบครัว หากไม่จำเป็นเขาก็ไม่ได้อยากพูดเรื่องอดีตแม้แต่นิดเดียว เพราะยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำแผลในใจให้มันอักเสบขึ้นมาอีกครั้ง
จำได้ว่าเมื่อครู่เขายังได้ยินเสียงสะอึกสะอื้นของกลิ่นชวา เมื่อทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบจึงกล้าที่จะหันกลับไปมองหญิงสาว ตอนนี้เธอนอนหลับหน้าฟุบลงไปโต๊ะ เขามองใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาด้วยสายตาเวทนา คิดถึงเรื่องคืนนั้นหากเขาไม่สนใจในเสน่ห์ของเธอก็คงไม่ต้องมาทุกข์ใจเช่นตอนนี้
วาดิมเอื้อมมือไปหยิบดินสอออกจากมือของหญิงสาว จากนั้นก็ลุกขึ้นรวบอุ้มคนที่ร้องให้จนหลับขึ้น ทำให้เขาได้เห็นอีกว่าเธอวาดรูปของเขาให้กลายเป็นปีศาจแสนใจร้าย วาดิมได้แต่ถอนหายใจแล้วพากลิ่นชวากลับเข้าไปในห้องนอน
วางหญิงสาวลงที่เตียงนุ่มได้เขาก็ล้มตัวนอนกอดเธอเอาไว้ ดวงตาคมค่อยๆ มองลงต่ำไปที่หน้าท้องน้อยของกลิ่นชวา เขาไม่ได้อยากใจร้าย แต่ตอนนี้คิดว่าการปล่อยให้ลูกเกิดมามันเหมือนเขาใจร้ายมากว่า
ภาพที่เขาปกป้องน้องสาวของเขาไม่ได้มันยังเป็นภาพติดตา หลอกหลอนให้เห็นภาพชัดเจนจนถึงทุกวันนี้ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ยืนกอดตุ๊กตาหมีร้องให้ถูกดาบอันแหลมคมเสียบเข้าไปที่ขั้วหัวใจ โดยที่เขาช่วยเหลืออะไรไม่ได้เพราะนอนเจ็บอยู่กับพื้น วันนั้นให้เขาถูกฟันจนตายไปเลยเสียดีกว่า ก่อนที่จะได้เห็นเจ้าหญิงน้อยที่เขาเฝ้าถนอมมาแทนพ่อกับแม่ตายอย่างทรมาน
สิบปีแล้ว ภาพนั้นไม่เคยเลือนลางไปเลยจริงๆ มันทำให้เขาไม่คิดที่จะอยากมีครอบครัว จะทิ้งตำแหน่งหัวหน้ามาเฟียก็ไม่ได้ เพราะคนในปกครองยังต้องการการปกป้อง ชีวิตของเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการขี่หลังเสือ เมื่อคิดที่จะลงมาก็เท่ากับการตายเท่านั้น ไม่ใช่แค่เขาที่จะตาย พรรคพวกของเขาอีกหลายครอบครัวก็จะต้องตายไปด้วย
วันเวลาพ้นผ่านมาอีกหนึ่งเดือนที่กลิ่นชวาตัวติดกับวาดิมไม่ห่าง ตอนนี้วาดิมไม่ได้มีอาการแพ้ท้องอย่างเช่นก่อนหน้านี้แล้ว เขายังทำเหมือนตัวเองมีอาการแพ้ แต่ก็สามารถอยู่ห่างเธอได้บางเวลา โดยที่กลิ่นชวาก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะในหัวของหญิงสาวยังคงมีเรื่องให้เครียดหลายเรื่อง
ตอนนี้เธอชักเป็นห่วงน้องสาว เพราะไม่รู้ว่าสิงหราชยึดบ้านไปแล้วชบาแก้วจะไปอยู่ที่ไหน ตอนที่พิริสามาหาเธอที่นี่ก็มีเวลาคุยกันน้อยนิด ครั้นจะคุยต่อหน้าวาดิมก็กลัวว่าเข้าจะรู้ว่าเธอมีน้องสาว ตอนนี้เธอไว้ใจอะไรมาเฟียอย่างวาดิมไม่ได้ทั้งนั้น เกิดเขารู้ว่าเธอมีน้องสาวแล้วเอาน้องเธอมาข่มขู่ให้เธอยอมทำตามทุกเรื่อง ทุกอย่างก็จะแย่ลงกว่าเดิม
อีกทั้งก็ไม่มั่นใจแล้วว่าเธอจะปกป้องลูกในท้องเอาไว้ได้หรือเปล่า หลังจากที่วาดิมปฏิเสธว่าไม่ได้คิดกับเธอเกินเลย และอธิบายเหตุผลว่าทำไมไม่อยากมีลูกให้ฟัง เธอเข้าใจเขา แต่ก็อยากให้เขาเข้าใจเธอด้วยเหมือนกัน เพราะเรื่องลูกเธอคิดว่าทางออกของเธอที่พูดกับเขาคือทางออกที่ดีที่สุด
แค่เขาปล่อยให้เธออยู่กับลูกตามลำพัง แค่นี้ก็ไม่มีใครสนใจว่าลูกของเธอจะเป็นทายาทของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะกังวลอะไรนักหนา พร่ำแต่บอกเธอว่าความลับไม่มีในโลก แม้เขาจะปฏิเสธเธอยังไง ทว่าเธอก็พร่ำขอร้องทุกครั้งให้ไว้ชีวิตลูกของเธอเมื่อมีโอกาส
วาดิมเดินเข้ามาตามกลิ่นชวาที่เอาแต่ขลุกอยู่ในห้องนอนในเวลาที่เธอควรจะออกไปรับประทานอาหารเย็นพร้อมกับเขา
“ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว คุณไม่หิวหรือไง”
“ฉันทานอะไรไม่ลง”
“ทำไม” วาดิมเดินมายืนกอดอกตรงหน้าหญิงสาวที่นั่งห้อยขาอยู่บนเตียง ดูซิเธอกำลังเรียกร้องความสนใจเพื่อออดอ้อนอะไรเขาอีก
กลิ่นชวาถอดสลิปเปอร์สีขาวแล้วยืนขึ้นบนเตียงนุ่ม จากนั้นก็ตวัดแขนรั้งคอชายหนุ่มเข้ามาจูบ เพียงเสี้ยววินาทีที่สาวเจ้าได้ประกบริมฝีปากสัมผัสกับริมฝีปากหนา วาดิมก็ตอบสนองเธอในทันทีที่เธอจู่โจม ทว่าเมื่อไฟราคะกำลังเริ่มจุดติด กลิ่นชวาก็ราดน้ำดับไฟกะทันหันโดยการผละริมฝีปากจากเขา
“ที่ผ่านมาคุณก็รู้สึกดีกับฉันใช่ไหม”
วาดิมมองหน้าหญิงสาวที่กวนอารมณ์เขาเล่นเขม็ง พอจะรู้แล้วว่าเมื่อครู่ทำไมจู่ๆ เธอถึงดึงเขาไปจูบไปแบบนั้น ไม่พ้นเธอจะต้องพูดเรื่องลูกอยู่ดี
“มันก็แค่จูบ” เขาตอบกลับเสียงห้วน แล้วก็รีบหันหลังหมายจะหนีหน้าคนที่กำลังมีน้ำตา ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวไปไหนกลิ่นชวาก็เข้ามาขวางหน้าของเขาเอาไว้
“ลูกเราดิ้นแล้วนะคะ คุณจะฆ่าเค้าได้ลงคอเหรอ” เธอคว้ามือของเขามาวางเอาไว้ที่หน้าท้อง ถึงตอนนี้เขาจะยังไม่รู้สึกถึงเจ้าตัวเล็กมากนัก แต่ก็เป็นการย้ำเตือนให้เขาได้รับรู้ว่าลูกของเขาก็มีชีวิต แล้วก็รักชีวิตของตัวเองเหมือนกัน
“ถ้าคุณรักฉันสักนิดคุณก็จะไม่คิดฆ่าเค้า ฉันมันไม่สวยหรือไม่ดีตรงไหนเหรอ คุณถึงไม่คิดจะรักฉัน” น้ำตาหยดน้อยเริ่มไหลลงแก้มพร้อมกับพรั่งพรูน้ำเสียงสั่นเครือไปด้วยความน้อยใจ
“ผมบอกแล้วไงว่ามันไม่เกี่ยวกับรักหรือไม่รัก”
“แล้วทำไม ฮือ ฮือ ฮือ” สิ้นประโยคที่แสนเย็นชาดูไม่รู้สึกรู้สาของวาดิม กลิ่นชวาได้แต่สะอึกสะอื้น คำพูดในหัวสมองมีล้นหลามที่อยากจะระบายออกมา ทว่าก็พูดไม่ออก
“ว่าน” วาดิมยืนตัวแข็งทื่อ ตาเบิกโพลงเมื่อเห็นเลือดแดงฉานไหลลงมาที่ขาของหญิงสาว
“ละ...เลือด!” คนที่เฝ้าถนอมเจ้าตังเล็กในครรภ์เห็นเช่นนั้นก็มือไม้สั่นชาวาบไปทั้งตัว ไม่กี่วินาทีที่เห็นเลือด สติของเธอก็ดับวูบลงไป พลันอ้อมแขนแกร่งก็รับตัวของเธอเอาไว้ได้ทัน จากนั้นก็รีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลทันที
ตึก ตึก ตึก ตึก เสียงหัวใจของทารกในครรภ์ของกลิ่นชวาดังก้องขณะที่หมอสาวกำลังอัลตร้าซาวน์ดูทารกในครรภ์ว่ายังปลอดภัยหรือไม่ ดวงตาคมนัยน์ตาน้ำข้าวสว่างไหวเป็นประกาย หัวใจของเขาเต้นแรงไม่แพ้เจ้าตัวเล็กในครรภ์ ด้วยตื่นเต้นกับภาพในจออัลตร้าซาวน์ ทั้งยังรู้สึกถึงความสุขอันแปลกใหม่ที่ได้เกิดขึ้นในหัวใจ
“ทารกยังแข็งแรงดีนะคะคุณพ่อคุณแม่ ที่มีเลือดออกก็อาจจะเป็นเพราะความเครียดสะสม หมอแนะนำให้คุณแม่เริ่มฝากครรภ์ได้เลยนะคะ เพราะตอนนี้เจ้าตัวเล็กเริ่มดิ้นได้แล้วค่ะ”
“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณหมอ” วาดิมพูดจบก็ลุกขึ้นพรวดไม่คิดจะหันมามองหน้ากลิ่นชวา หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงได้แต่กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ยอมให้มันไหลออกมา ขนาดได้เห็นและได้ยินเสียงหัวใจของลูกแบบนี้แล้ว เขายังไม่ยอมใจอ่อนให้เธอเก็บลูกเอาไว้อีกเหรอ
หรือว่าเธอจะใช้โอกาสนี้หนีเขาไป พลันความคิดที่เคยคิดก็เริ่มแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง โอกาสรอดพ้นเงื้อมมือของมาเฟียอย่างเขาถึงจะมีน้อย แต่ก็ไช่ว่าจะไม่มีนี่นา หากเธอรีบกลับไปหาน้องสาว แล้วพากันหนี อยู่ในที่ที่เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนั้นวาดิมอาจจะหาเธอไม่เจอ หรือไม่เขาก็ไม่คิดใส่ใจที่จะหาเธอก็ได้
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะคุณหมอ ฉันขอตัวออกไปเข้าห้องน้ำหน่อยนะคะ” ตอนนี้เธอไม่รีรออะไรทั้งนั้น ชีวิตของลูกสำคัญที่สุด แม้จะเสียใจที่ไม่สามารถพิชิตใจพ่อของลูกได้ แต่อย่างน้อยก็ให้เธอได้ให้โอกาสเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยได้เกิดมาบนโลก“คุณวาดิมคะ”“มีอะไรครับ” เริ่มขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นพยาบาลสาววิ่งเข้ามาหาตัวเองหน้าตาตื่น“เห็นภรรยาคุณไหมคะ เธอบอกว่าเธอจะเข้าห้องน้ำ แล้วตอนนี้เธอก็หายไปแล้วค่ะ”“อะไรนะครับ” สีหน้าของวาดิมเริ่มเผยอาการโกรธ เมื่อมีโอกาสก็คิดหนี ที่ผ่านมาคำพร่ำบอกว่ารักเขา เธอพูดจริงหรือพูดเพียงเพื่อให้เขาไว้ชีวิตลูกในท้องอย่างเดียวกันแน่แกร๊ก “แก้ว”เสียงประตูที่เปิดพร้อมกับเสียงเรียกที่คุ้นหูทำชบาแก้วดีดตัวผึงขึ้นมากะทันหัน “พี่ว่าน” ชบาแก้วน้ำตารื้นรีบวิ่งโผเข้าไปกอดกลิ่นชวาเอาไว้แน่น“ทำไมหายไปเลยล่ะพี่ว่าน รู้ไหมว่าแก้วเป็นห่วงแค่ไหน” ชบาแก้วพร่ำด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นกลิ่นชวาเองก็ได้แต่เงียบลูบหลังปลอบน้องสาว หลังจากที่ร้องให้กอดพี่อยู่ครู่ใหญ่ชบาแก้วก็สงบลง กลิ่นชวาถึงได้โอกาสพูดคุยกับน้อง“พี่ขอโทษที่หายไป ตอนนี้พี่กลับมาแล้ว แล้วพี่ก็จะไม่ไปไหนแล้ว”
“เป็นอะไรพี่ว่าน แล้วทำไมผู้ชายคนนั้นเหมือนจะเดินมาหาเราเลย” ชบาแก้วเห็นพี่สาวยืนตัวแข็งทื่อก็รีบเขย่าแขน ตอนนี้เธอค่อนข้างเริ่มกลัว เพราะผู้ชายต่างชาติร่างสูงใหญ่ที่สวมเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมลงมาจนแทบจะถึงสะดือ เผยให้เห็นรอยสักอันน่ากลัว ดูยังไงคนพวกนี้ก็น่าจะเป็นกลุ่มมาเฟีย แถมตอนนี้เขายังจ้องพวกเธอไม่วางตาขณะที่สาวเท้าตรงมายังพวกเธอด้วย“เค้าเป็นพ่อของลูกพี่” กลิ่นชวาพูดจบก็ดึงน้องสาวให้หลับที่ข้างหลังเธอ“นั่นพี่เขยแก้วเหรอ หล่อเหมือนกันนะเนี่ย แต่... ทำไมเหมือนพวกมาเฟียเลย”“ไง...” เสียงทุ้มกังวานจากหนุ่มต่างชาติที่ทักทายเป็นภาษาไทยทำชบาแก้วขนลุกขนชัน ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่สาวเธอจะมีสเปคผู้ชายที่แสนโหดเช่นนี้ เธอที่ทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแล้วทักทายอีกฝ่ายอย่างเป็นมิตรที่สุดเท่าที่จะทำได้“สวัสดีค่ะ ฉันแก้วค่ะ เป็นน้องพี่ว่าน” จำได้ว่าพี่สาวบอกว่าแยกทางกับสามีแล้ว แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ คงไม่ใช้ความรุนแรงในการขอคืนดีกับพี่ของเธอหรอกนะ“ผมวาดิม ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” วาดิมยิ้มอ่อนทักทายชบาแก้วอย่างเป็นมิตรกลับ ทว่าสายตาที่มองกลิ่นชวายังดูโกรธเคืองไม่หาย“แก้วรอพี่ที่ล็อบ
“คุณห่วงลูกเหมือนกันเหรอคะ” สาวเจ้ารีบปาดน้ำตาลวกๆ เธอพอจะมีความหวังกับคำพูดของเขาได้ไหม สิ่งที่เขาพูดออกมาเมื่อครู่เท่ากับว่าเขาใส่ใจรายละเอียดที่หมอบอกทุกอย่าง เขาเปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม“กลับไปคุยกันที่บ้าน” เขายังคงจับมือกลิ่นชวาเอาไว้แน่น ยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรตอนนี้กลิ่นชวาพยายามนั่งทำใจให้สบายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในเมื่อเขาไม่ตอบก็แสดงว่ามีเปอร์เซ็นต์ที่เขาจะเห็นด้วยกับเธอในการเก็บลูกเอาไว้พิริสาขึ้นรถมากับบอดี้การ์ดร่างยักษ์ของวาดิมได้พักใหญ่แล้ว คราแรกเขาก็ขับรถตามหลังรถของวาดิมอยู่ดีๆ พอขับไปได้สักพักก็พาเธอเลี้ยวไปคนละทางกับรถตู้คันหรูที่เพื่อนเธอนั่งอยู่เสียอย่างนั้น“นี่คุณพาฉันไปที่ไหนเนี่ย รถของคุณวาดิมเลี้ยวไปทางนั้นไม่ใช่เหรอ”“ผมก็จะไปธุระของผม” เซรเกย์ เซียร์คอฟ มาเฟียหนุ่มเพื่อนของวาดิม เขาขับรถตามหลังรถของวาดิมมาตั้งแต่แรก เมื่อรอเพื่อนทำธุระเสร็จกะว่าจะตามหลังรถของวาดิมไปที่บ้าน แต่จู่ๆ ก็มีแม่สาวหน้าสวยราวกับตุ๊กตาคนนี้มาเปิดประตูรถของเขาแล้วบอกว่าตัวเองเป็นเพื่อนกับผู้หญิงที่วาดิมพาขึ้นรถไปด้วยแล้วก็สั่งให้เขาพาเธอขับรถตามวาดิมไป“อ้าว ฉันบอกว่าให้พาฉันไปบ้าน
“จะร้องทำไมอีก ผมไม่ชอบเห็นน้ำตาผู้หญิง” วาดิมค่อยๆ ใช้นิ้วโป้งหนาปาดน้ำตาที่พวงแก้มนวลอย่างเบามือ“ฉันดีใจ ขอบคุณนะคะ” “ผมยอมให้คุณเก็บลูกเอาไว้ได้ แต่ต่อไปนี้คุณต้องเชื่อฟังผมทุกอย่าง เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณแล้วก็ลูก”“ค่ะ ฉันจะเชื่อฟังคุณทุกอย่างเลย” เธอค่อยๆ มุดหัวไปซบอยู่กับอกอุ่น หลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน เมื่อรู้ตัวว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยกลิ่นชวาก็หลับลงไปได้อย่างง่ายดาย โดยมีวาดิมคอยกอดไว้ไม่ห่าง วาดิมปล่อยให้หญิงสาวได้นอนพักผ่อนไปก่อน เมื่อถึงเวลาที่เธอตื่นมา เขามีเรื่องที่จะต้องคุยกับเธออีกหลายเรื่อง“นี่คุณ อิ่มยังเนี่ย ทานอย่างกับคนอดอยากมาจากชาติปางไหน” พิริสานั่งเฝ้าเซรเกย์รับประทานสเต็กเนื้อไปจนหมดสามสี่จานก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะอิ่ม ไม่น่าหลงกลรอให้เขาอิ่มแล้วค่อยคุยกับวาดิมเลย ดูท่าไม่รู้ว่าจะช่วยนเพื่อนเธอได้จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้“ตั้งแต่ผมลงเครื่องมาแล้วขับรถไปหาวาดิม จนถึงตอนนี้ผมยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะคุณ”“คุยกับเพื่อนคุณก่อนแล้วค่อยทานต่อไม่ได้รึไงล่ะ” เมื่อหงุดหงิดหนักเข้าสาวเจ้าก็เริ่มจะแปรเปลี่ยนเป็นอาการงอแง“วาดิมบอกว่าตอนนี้คุณว่านกับลูกปลอดภัย แล้ววาดิมก
กลิ่นชวาในชุดเสื้อโค้ทคลุมถึงข้อเท้าลงจากเครื่องบินพร้อมกับวาดิม เดมาและคาเรฟ รถลีมูซีนสีดำก็ขับมารอพวกเธอเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวมองไปรอบๆ ลานกว้างด้วยความตื่นตา เพราะที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่เครื่องบินที่เธอนั่งมาเพียงเครื่องเดียว แต่ยังมีโรงจอดเครื่องบินอีกหลายโรงรถหรูขับออกจากสนามบินได้ไม่นานก็พาเธอเข้ามาในรั้วของคฤหาสน์หลังใหญ่ เดาได้เลยว่าพื้นที่รอบๆ ของคฤหาสน์แห่งนี้มีไม่ต่ำกว่าร้อยไร่ กลิ่นชวากลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อมองคฤหาสน์สีขาวหลังคาสีเทาที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าไกลๆ มันดูยิ่งใหญ่เสียจนทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงไปด้วยความประหม่าเธอเห็นเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนประจำตำแหน่งเป็นระยะตั้งแต่ที่รถเลี้ยวเข้ามาในกำแพงรั้วสูงก็ว่าหลายคนแล้ว แต่เมื่อมาถึงหน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ก็เห็นว่ามีบอดี้การ์ดอีกหลายคนยืนเรียงรายรอต้อนรับพวกเธออยู่อีก“ยินดีต้อนรับครับนาย พวกผมเตรียมทุกอย่างเอาไว้ให้นายหญิงเรียบร้อยแล้วครับ”“ขอบใจมาก” วาดิมถอดเสื้อโค้ทของเขาและหญิงสาวส่งให้กับบอดี้การ์ดก่อนจะจูงมือกลิ่นชวาเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังโต“เตรียมอะไรเหรอคะ แล้วทำไมคนที่นี่ถึงพูดไทยคะ” ตอนนี้เธอไม่ได้ใส่ใจจะมองความใหญ
“คุณก็เสี่ยงเหมือนกัน แล้วการที่จะบินไปบินมามันไม่ได้ทำให้เกิดผลดีกับคุณเลย ตอนนี้อีวานดูแลแก้วอยู่ แล้วสามีของแก้วเค้าก็มาดูแลแล้วด้วย”“ดูแลอะไร พวกเค้าทะเลาะกันจนเกิดเรื่อง ฉันว่าพวกเค้าคงไม่คืนดีกันง่ายๆ หรอกมั้งคะ คุณไปรับน้องฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยกันได้ไหม” คราแรกเธอมั่นใจว่าน้องสาวงของเธอจะปลอดภัยเมื่ออยู่กับสิงหราช แต่ตอนนี้เธอไม่คิดแบบนั้นแล้ว อยากจะพาน้องมาอยู่ใกล้หูใกล้ตาตัวเองมากที่สุดเท่าที่จะทำได้“ใจเย็นๆ ผมจะต่อสายหาอีวานให้คุณได้คุยกับสิงหราช บางทีคุณคุยกับเค้าแล้วอาจจะเปลี่ยนความคิดก็ได้ แต่ถ้าคุณเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีผมจะให้อีวานพาน้องคุณมาที่นี่”“ค่ะ”กลิ่นชวาได้คุยกับสิงหราชพักใหญ่จนอารมณ์ของเธอเริ่มเย็นลง คราแรกเธอเองก้ไม่ยอมฟังเหตุผลอะไรของสิงหราช ดีที่อีกฝ่ายพยายามพูดให้เธอยอมใจเย็นและรับฟังได้ เธอจึงได้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะทั้งสองกำลังเข้าใจผิดกันเพราะความหึงหวงแล้วตอนนี้ชบาแก้วกับลูกก็ปลอดภัยดีแล้ว กลิ่นชวาจึงอวยพรให้ทั้งสองปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆ เพื่อลูก พร้อมกับฝากชบาแก้ว ให้เขาดูแลน้องสาวของเธอให้ดี ซึ่งเรื่องนี้สิงหราชก็รับปากและสัญญาด้วยเกียร
ยิ่งมาเห็นจินตนาการของกลิ่นชวาที่อยากใช้ชีวิตอย่างคู่รักของคนปกติเขาก็เริ่มนึกถึงเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ ยิ่งเห็นหญิงสาวโหยหาความธรรมดาของชีวิต มันก็ยิ่งเป็นเหตุผลประกอบในการตัดสินใจทำเรื่องสำคัญของเขาได้เร็วขึ้น“มานานแล้วเหรอคะ”วาดิมพยักหน้าน้อยๆ ให้กับคนที่เพิ่งจะงัวเงียตื่นขึ้นมา“ฉันแค่วาดเล่นเฉยๆ คุณอย่าสนใจเลยนะคะ” เห็นสมุดวาดภาพในมือของเขาก็พอจะรู้ว่าวาดิมเห็นอะไร เธอรีบดึงสมุดออกจากมือของเขาเอาไปวางไว้ที่เดิม เพราะไม่อยากให้จินตนาการของเธอไปกวนใจชายหนุ่มมากนัก“ผมต้องสนใจ ถ้าสักวันเราใช้ชีวิตแบบคนทั่วไปได้ คุณจะดีใจมากใช่ไหม”“ดีใจสิคะ มากด้วย” ตอบพร้อมรอยยิ้มร่าอย่างไม่ต้องคิด ทว่าไอ้ความไม่ต้องคิดของเธอนี่แหละที่ทำให้เริ่มหน้าเจื่อนลงเมื่อได้สติ ลืมไปว่าเธอเลือกที่จะอยู่กับเขาแล้ว จะโหยหาความธรรมดาคงเป็นไปได้ยาก“แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ คุณวาดิมคะ วันนี้ฉันอยากทานสตรอว์เบอร์รี่ลูกใหญ่ๆ กับวิปครีม คุณพอจะให้คนหามาให้ได้ไหมคะ” ยิ่งเห็นสีหน้าของเขาไม่ดีเธอก็ต้องรีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ได้ คุณอยากได้อะไรอีกก็บอกผมได้เลย”“คือ...คุณรู้แล้วใช่ไหมคะว่าแก้วจะแต่งงาน”“อีวานบอ
เขาตวัดรั้งให้ผ้าผืนน้อยหลุดไปจากตัวของหญิงสาวได้อย่างง่ายดาย จากนั้นก็เริ่มลูบไล้อยู่บนเนินกลีบกุหลาบงาม ไล่ฝ่ามือลงไปที่กลีบกุหลาบที่ปิดสนิท เขาวนนิ้วโป้งอยู่กับเม็ดทับทิมสีหวานครั้งแล้วครั้งเล่าจนสาวเจ้าสั่นสะท้านน้อยๆกลิ่นชวาครางเสียงอ่อนอยู่ในลำคอในขณะที่ตั้งรับรสจูบของวาดิม ไม่พอ ตอนนี้เขายังทำให้เธอแทบไม่เป็นตัวของตัวเองโดยการหยอกล้อกับของสงวนของเธอ หากเขาเล้าโลมเธอแบบนี้ต่อไป ไม่นานสติของเธอได้เตลิดไปถึงไหนต่อไหนแน่“ผ่อนคลายสิครับ ปล่อยตัวตามสบายแล้วคุณจะมีความสุขมากๆ เชื่อผม” วาดิมรู้ว่าคนใต้ล่างยังมีความกังวลถึงความปลอดภัยของเจ้าตัวเล็ก เธอจึงมีอาการเกร็งเล็กน้อย หากเธอไม่ผ่อนคลาย ความสุขที่เขากำลังจะมอบให้เธอ เธอก็คงจะได้รับมันไม่ได้เต็มที่“ค่ะ” ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อไป เพียงแค่นี้เธอก็คอแห้งผาดจนแทบกลืนน้ำลายไม่ลงคอ เธอพยายามสูดหายใจเข้าให้เต็มปอดอีกครั้ง “อื้อ...” ทว่าก็ทำได้ยากเมื่อจู่ๆ ก็ต้องสะท้านแอ่นอกรับคนที่กำลังงับยอดอกอิ่มวาดิมก้มฟัดอกอวบอิ่มเต็มมืออย่างมูมมาม ไฟสวาทในร่างกายของเขาตอนนี้มันเริ่มประทุจนระบายความร้อนออกมาเป็นหยาดเหงื่อ แต่ก็ยังไม่อยากสนองความต้
“ริสา”“สรุปว่าพวกคุณรู้ตั้งแต่แรกว่าฉันจะมีลูกไม่ได้หลังจากใช้ยาถอนพิษเหรอคะ”“ผมขอโทษริสา แต่ที่ผมไม่บอกเพราะกลัวว่าคุณจะไม่ยอมรักษาตัว ถ้าปล่อยให้พิษนั่นอยู่ในร่างกายนานๆ มันทำลายระบบประสาทหลายอย่าง”พิริสาไม่คิดจะฟังอะไรทั้งนั้น เมื่อเห็นเซรเกย์เข้ามาใกล้ เธอก็รีบวิ่งหนี หากเขาบอกเธอถึงความจริงของผลข้างเคียง วันนั้นเธอก็อาจจะทำใจยอมรับเรื่องที่จะมีลูกไม่ได้ก็ได้ แต่ตอนนี้เธอมีความหวังจนไม่อาจจะผิดหวังได้แล้ว ทำไมเรื่องมันต้องกลายมาเป็นแบบนี้ด้วย“ฮื่อ ฮือ ฮือ ฮือ...” เธอวิ่งไปไม่รู้จุดหมาย พร้อมน้ำตาพรั่งพรูและเสียงสะอึกสะอื้น เมื่อหัวใจถูกบีบรัดมากเข้าเธอก็เริ่มหูอื้อตาลาย และหมดสติไป“ริสา” เซรเกย์วิ่งไปรับร่างของพิริสาได้ทันท่วงที จากนั้นก็รีบสาวเท้าพาเธอเข้าไปให้โอเว่นดูอาการพิริสายังนอนให้หมอตรวจโดยที่น้ำตายังคงไหลไม่หยุด ทั้งยังไม่คิดที่มองหน้าทั้งหมอโอเว่นและสามีของเธอ เพราะยังโกรธเรื่องที่พวกเขาไม่ยอมบอกเธอถึงผลข้างเคียงทุกอย่างของการใช้ยาถอนพิษ ทำให้เธอต้องรู้สึกผิดหวังมากๆ ในตอนนี้“ผมว่าเรากำลังจะมีข่าวดีแล้วล่ะ” จากการที่โอเว่นได้เริ่มศึกษาแพทย์แผนจีน เขาก็พอจะจับชีพจ
ตั้งแต่มาถึงร้านสมุนไพรได้ พิริสาก็ถูกหมอจีนตรวจชีพจรอยู่พักใหญ่ เพราะไม่เคยเจอคนที่เลือดลมเดินทางแปลกๆ เช่นหญิงสาวมาก่อน“อืม...แปลกๆ” หมอสมุนไรวัยเกือบแปดสิบสีหน้าเคร่งเครียดเป็นพิเศษ ก่อนจะปล่อยมือจากชีพจรของหญิงสาวและหยิบตำราใจใต้ลิ้นชักขึ้นมาดูเซรเกย์ที่เห็นว่าได้จังหวะเขาจึงเริ่มออกอุบายที่วางแผนเอาไว้ “ผมลืมเอามือถือมาจากในรถ ริสาไปเอาให้ผมหน่อยได้ไหม”“ได้สิคะ”ให้หลังพิริสาไปได้ เซรเกย์ก็ถือโอกาสพูดคุยรายละเอียดทุกอย่างกับหมอจีน หวังว่าเขาจะเป็นที่พึ่งให้กับคนที่ลูกยากได้จริงๆ อย่างที่ริโอะได้พูดเอาไว้ทางด้านพิริสาเธอก็เอาแต่หาโทรศัพท์มือถือของเซรเกย์อยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็เจอมันก็ตกอยู่ที่ใต้เบาะที่นั่งของเขา กว่าจะกลับเข้าไปในร้านยาได้ เธอก็เห็นหมอจีนเตรียมสมุนไพรเอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว“หมอจัดยาให้เรียบร้อยแล้วนะริสา”“เหรอคะ ไวดีจังเลย”“คุณต้องดื่มยาต้มนี่ทุกวัน วันละสามเวลาเป็นเวลาสามเดือน”“แค่นี้จะพอเหรอคะ” ดวงตาคู่สวยเริ่มเพ่งมองไปยังห่อสมุนไพรเล็กๆ ที่ตั้งอยู่สามห่อ“แล้วผมจะส่งสมุนไพรตามไปให้ทุกครึ่งเดือน ระหว่างนี้ก็งดอาหารหมักดอง แล้วก็ต้องทานอาหารที่ทำสดใหม่เ
“ริโอะ”ขณะที่กำลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ เสียงที่แสนคุ้นหูก็ดังแว่วมาแต่ไกลทำให้ริโอะรีบหันไปยังต้นเสียงด้วยความรวดเร็ว “อ้าวคุณริสา มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”“เพิ่งมาถึงเมื่อกี้นี้เอง ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ”“มานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยค่ะ เราเข้าบ้านกันดีกว่าค่ะ ริโอะทำขาหมูไว้ให้คุณริสาด้วยนะคะ”“คุณเรนบอกแล้วล่ะ ตอนนี้ฉันยังไม่อยากเข้าไปในบ้าน อยากคุยกับริโอะก่อน”“มีอะไรเหรอคะ”“ริโอะกำลังงอนคุณเรนอยู่ใช่ไหม”สีหน้าที่กำลังเปื้อนยิ้มเริ่มเจื่อนลง ไม่ผิดหรอกที่เรนเข้าใจเช่นนั้น แต่นั่นก็เป็นเพราะเขาสร้างข้อจำกัดให้เธอจนเธอรู้สึกอึดอัด“ฉันรู้ว่าที่คุณเรนห้ามริโอะทุกอย่างก็เพราะเป็นห่วง แล้วฉันก็รู้ว่าริโอะรู้ตัวว่าริโอะทำทุกอย่างได้ ฉันก็เลยบอกให้คุณเรนกับริโอะแก้ปัญหากันคนละครึ่งทาง”“ยังไงเหรอคะ” แววตาของริโอะในตอนนี้เต็มไปด้วยความสงสัย การแก้ปัญหาคนละครึ่งทางหมายความว่ายังไง“ลองคุยกับคุณเรนอีกรอบสิ” พิริสาหันหน้าไปมองเรนที่กำลังยืนดูเธอและริโอะอยู่ห่างๆ“ฉันขอตัวไปรอในบ้านนะ”หลังจากพิริสาลุกออกไป เรนก็เข้ามานั่งแทนที่ของเธอ เพราะเรนต้องการที่จะคุยกับริโอะตามที่พิริสาและเซรเกย์แนะนำ
“อื้อ...” ดวงตาคู่สวยหลับตาปี๋ เสียงครางของความเจ็บจุกถูกดูดเข้าไปในลำคอสามี หลังจากนั้นเธอก็หัวสั่นหัวครอนไปกับแรงกระกระทั้นจากการมอบบทสวาทของสามีตัวโตเซรเกย์บดสะโพกส่งเจ้าแท่งร้อนมโหฬารเข้าออกร่องสวาทถี่รัวไม่มีผ่อนอยู่นานสองนาน เสียงครางของคนทั้งสองที่กำลังแลกลิ้นถูกดูดกลืนเข้าไปในลำคอของกันและกัน เมื่อร่องสวาทดูดกลืนแท่งร้อนมโหฬารหนักเข้าก็เริ่มตอดรัดรุนแรงเพราะใกล้จะถึงจุดสุดยอดอีกครั้ง“อื้อ.. อื้อ...” และแล้วพิริสาก็บิดเกร็งแอ่นเร่าตาปรือเยิ้ม มือไม้จิกอยู่ที่ลำแขนแกร่งของคนเป็นสามีจนแทบจะฝังเนื้อเซรเกย์เสียบเจ้าแท่งร้อนคาร่องสวาทเอาไว้ไม่ขยับ เพราะต้องการปล่อยให้คนตัวเล็กได้ผ่อนคลาย ในขณะเดียวกันเขาก็ยังบดจูบด้วยลีลาเร่าร้อนเพื่อเล้าโลมคนตัวเล็กให้พร้อมรับกับลีลาสวาทของเขาอีกรอบเมื่อจับจังหวะการหายใจของภรรยาตัวเล็กว่าเป็นปกติเขาก็เริ่มสาวแท่งร้อนดึงออกจนสุดกดเข้าจนมิดไปกับร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักอีกรอบให้เร็วและแรงกว่าเดิม จนเกิดเป็นเสียงเนื้อที่กำลังเปียกแฉะกระทบกันดังสนั่นไปทั่วห้อง“เซรเกย์ อื้อ...” พิริสาหัวสั่นหัวครอน ความเสียวซ่านพุ่งเข้ามาในร่างกายจนเริ่มจะแตะข
“อ๋อ ฉันว่าหาของบำรุงสักพักแกก็คงจะกลับมาแข็งแรงเองนั่นแหละ อย่าลืมสิว่าแกเพิ่งผ่านการรักษาตัวมานะ เดี๋ยวอีกสักพักลองไปตรวจร่างกายใหม่ก็ได้”“เซรเกย์ก็บอกฉันแบบนั้น”“จุนน้า...”“ยัยหนู” เห็นหลานสาวตัวกลมวัยเกือบสองขวบก็รีบเข้าไปรวบอุ้มมานั่งที่ตัก ก่อนจะหอมไปที่พวงแก้มย้วยๆ อีกฟอดใหญ่“คิดถึงจังเลย คิดถึงจังเลย” พิริสากอดรัดฟัดเหวี่ยงกับลูกสาวของกลิ่นชวากันจนหายคิดถึง ยิ่งเห็นหลานก็อยากจะมีลูกใจจะขาด ทว่าก็ต้องทำใจเพราะไม่รู้ว่าร่างกายของเธอจะสามารถมีลูกได้เมื่อไหร่ทางด้านสองหนุ่มที่กำลังคุยกันอยู่ด้านนอก เมื่อมองผ่านกระจกเห็นพิริสากำลังเล่นอยู่กับเจ้าตัวกลมด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขก็หันมามองหน้ากันด้วยสายตาที่กำลังบ่งบอกถึงความเป็นกังวล โดยเฉพาะเซรเกย์“ดูท่าริสาคงอยากจะมีลูกมากๆ ฉันรู้ว่าริสานิสัยเหมือนว่าน ทางที่ดีนายควรรีบบอกเรื่องที่เธอควรรู้จะดีกว่า” วาดิมเสนอความเห็นหลังจากรับรู้ความจริงว่าเพราะอะไรกันแน่พิริสาถึงยังมีลูกไม่ได้“ฉันยังไม่พร้อมเห็นริสาผิดหวัง เอาเป็นว่าหลังจากการตรวจร่างกายครั้งหน้าไม่ดีขึ้นก็ค่อยบอกเธอตอนนั้น”“อืม ถือว่าฉันเตือนแล้วนะ”เซรเกย์ยืนถอนหายใ
“แล้วริสาจะไปเที่ยวหานะคะคุณพ่อคุณแม่” พิริสาเข้าไปกอดพ่อกับแม่ในขณะที่พวกเขากำลังจะเดินทางกลับอิตาลีหลังจากที่เบาใจเรื่องอาการเจ็บป่วยของเธอแล้ว“ยายจ๋า รักษาสุขภาพด้วยนะ แล้วริสาจะพาเจ้าตัวเล็กไปวิ่งเล่นด้วย” เธอผละออกมาจากดันเต้และรสสุคนเข้ามากอดสอางค์“เราก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ แล้วยายจะส่งสมุนไพรบำรุงร่างกายมาให้นะ”“ขอบคุณค่ะ” ฟอด ฟอด สาวเจ้าหอมซ้ายหอมขวาคนเป็นยายฟอดใหญ่ๆ เป็นประจำทุกครั้งที่ต้องจากกัน ไม่ว่าเธอจะโตมากแค่ไหนเธอก็ยังชอบทำตัวเป็นเด็กกับยายของเธอเสมอ เพราะรู้ว่ายายนั้นชอบเห็นความสดใสของเธอ และเธอเองก็ชอบที่จะเห็นรอยยิ้มของคนเป็นยายรวมไปถึงพ่อกับแม่ไปนานๆ“แล้วก็ดูแลลูกฉันให้ดีล่ะ ถ้ามีเรื่องให้ลูกฉันเจ็บตัวอีก ฉันพาลูกฉันกลับไปดูแลเองจริงๆ ด้วย” ดันเต้หันมาส่งเสียงดุให้เซรเกย์ส่งท้ายก่อนกลับ เชื่อว่าเซรเกย์จะดูแลลูกสาวของเขาได้ดี ทว่าก็อดที่จะกำชับอีกครั้งตามประสาพ่อที่หวงและห่วงลูกไม่ได้สิ้นเสียงแข็งของคนเป็นพ่อ พิริสาก็รีบเข้าไปกอดเอวเซรเกย์เอาไว้แน่น “ไม่นะคะคุณพ่อ ริสารักเซรเกย์ม๊ากมาก ไม่ยอมไปไหนหรอกค่ะ”รสสุคนและสอางค์ต่างก็ส่ายหน้าให้กับคำพูดของดันเต้ ทว่าก็อม
“คิดอะไรอยู่” เดินออกมาจากห้องแต่งตัวได้ก็เข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กที่กำลังยืนกอดอกเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยอาการเหม่อลอยพิริสารีบผลักคนที่เปลือยท่อนบนโชว์แผงกล้ามออกจากตัว “ทำไมไม่ใส่เสื้อคะ” มองกล้ามเนื้อคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีครู่เดียวก็ต้องหลบสายตาไปมองทางอื่น เพราะตอนนี้เธอกำลังหน้าร้อนผ่าวเพราะไม่ชินกับการมองผู้ชายถอดเสื้อ“คุณเขินเหรอ” ริมฝีปากหนาอมยิ้มกรุ่มกริ่ม“ใครจะไม่เขินล่ะ”“หันมาดูให้เต็มตาสิ มันเป็นของคุณนะ คุณจะเขินทำไม” เขาดึงมือเธอมาลูบบนเนินอกที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ“ของฉันเหรอ” แม้จะเคอะๆ เขินๆ แต่แผงกล่ามของเขามันก็น่าสัมผัสอยู่ไม่น้อย เลยถือวิสาสะลูบๆ คลำๆ อยู่เช่นนั้นจนรับรู้ได้ว่าตัวของเขาไม่มีไขมันแม้แต่นิดเดียว“ใช่ ก็ผมเป็นของคุณ เป็นสามีคุณ จะดูตรงอื่นด้วยไหม”“ไม่ต้องค่ะ” รีบถอยห่างพร้อมยกมือทั้งสองข้างปิดตา เธอไม่รู้หรอกว่าคนที่เธอมองว่าเขาเจ้าเล่ห์จะพูดจริงหรือพูดเล่น ทว่าเธอก็ไม่เสี่ยงเปิดตาเอาไว้ แค่เห็นแผงกล้ามของเขาเธอก็เขินจนปั้นหน้าไม่ถูกแล้ว หากเห็นอย่างอื่นคงได้วิ่งออกไปข้างนอกแน่“เวลาคุณเขิน น่ารักมากเลยรู้ไหม”“แกล้งฉันใช่ไหมคะ” มือทั้งสองค่อ
พิริสาสะดุ้งตกใจเมื่อตื่นมาแล้วเห็นเซรเกย์อยู่ข้างกาย ทว่าก็ต้องยกมือทาบอกค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ เพราะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองนั้นแต่งงานกับเซรเกย์แล้วดวงตาคู่สวยค่อยๆ จ้องไปที่ใบหน้าคมครู่นึง เธอไปหลงรักคนที่สายตาเจ้าเล่ห์หัวปักหัวปำได้อย่างไร เขาทำอะไรให้เธอรักมากมายขนาดนั้นได้ ทั้งเธอก็ปฏิเสธไม่เชื่อไม่ได้ เพราะทุกคนต่างก็ยืนยันว่าเธอหวงเซรเกย์อย่างกับจงอางหวงไข่“อยากกินผมเหรอ” ลืมตาขึ้นได้ก็เอ่ยยียวนกวนประสาทคนตัวเล็ก“อุ้ย ตกใจหมดเลยคุณเนี่ย”“ก็จ้องผมตั้งนานแล้ว จะจูบก็ไม่จูบซะที” พูดจบก็ตวัดแขนหมายจะโอบรั้งคนตัวเล็กเข้ามากอด แต่พิริสาก็ไหวตัวทัน เธอรีบพลิกตัวลงจากเตียง แล้วสาวเท้าเข้าไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำล้างหน้าล้างตาจะได้ลงไปอยู่กับแม่เซรเกย์มองตามหลังภรรยาตัวเล็กด้วยความขบขัน จะว่าไปการที่เธอจำเขาไม่ค่อยได้ก็ทำให้เธอน่าแกล้งเหมือนกัน ตอนนี้เขาไม่ค่อยกังวลเรื่องความจำของเธอแล้ว ด้วยรู้ว่าอีกไม่นานเธอก็จะจำช่วงเวลาที่มีกับเขาได้ทุกเรื่อง เพราะสมุนไพรทุกอย่างที่หมอโอเว่นจะต้องใช้สกัดเป็นยาถอนพิษตอนนี้ได้มาครบแล้ว เหลือเพียงแค่รอให้ทุกคนนำกลับมาให้กับมือของหมอโอเว่นเท่านั้น“พวกคุณ
“ผมคงต้องขอคุยกับคุณริสาอย่างละเอียดอีกพักใหญ่เลยครับ” หมอโอเว่นเอ่ยก่อนที่พิริสาจะรู้สึกฉงนหนักไปมากกว่านี้“คุณเป็นใครคะ?”“ผมหมอโอเว่นครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับ”ดวงตาคู่สวยมองจ้องมายังหมออาวุโสแปลกหน้า คำว่ายินดีที่ได้รู้จักอีกครั้ง เขาเคยรู้จักเธอ หรือ เธอเคยรู้จักเขามาก่อนเช่นนั้นหรือเมื่อทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา หมอโอเว่นก็เริ่มอธิบายความเป็นมาเป็นไปของอาการหญิงสาว ก่อนจะซักถามความจำของเธอว่าตอนนี้จำอะไรได้บ้างสรุปแล้วก็ได้ความว่าตอนนี้พิริสาจำทุกคนที่อยู่ที่นี่ได้ ทว่าเธอก็จำได้เพียงแค่ตอนที่เพิ่งได้เจอกับพ่อของเธอไม่เท่าไหร่นัก ซึ่งนั่นมันก็เป็นช่วงเวลาที่เธอเพิ่งจะเริ่มคบหากับเซรเกย์เป็นแฟนทั้งยังตกใจมากที่จู่ๆ รู้ตัวว่าตัวเองได้แต่งงานกับเซรเกย์ในเวลาอันรวดเร็ว จนต้องขอคุยกับเซรเกย์เป็นการส่วนตัวอีกรอบหลังจากคุยกับทุกคนเรียบร้อย“ฉันแต่งงานกับคุณแล้วจริงๆ เหรอ อะไรที่ทำให้ฉันแต่งกับคุณได้เร็วขนาดนั้น”“คุณรักผมมากไง”“ฉันน่ะเหรอคะ ฉันยอมรับว่ารู้สึกดีกับคุณมาก แต่ก็ยังไม่ถึงกับรักมากนะคะ”“อย่าพูดให้ผมใจเสียสิ”“ก็ฉันจำไม่ได้จริงๆ นี่คะ แต่จะว่าไปเรื่องราวท