เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด...
ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม
คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ…
เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!!
แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล
“เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?”
หวานตาถามหาภูมิ
“อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ”
คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ
“พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง
“มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง
“ไปทำงานเถอะ มีอะไรฉันจะเรียก”
สีหน้าลำบากใจของแฟง หวานตาเลยโบกมือไล่ แต่แล้วเธอก็แทบลุกขึ้นวีน เมื่อได้ยินแฟงบอกบางอย่าง
“คุณอรบอกว่า ให้เจ้หวานเก็บปลั๊กของเจ้กลับไปด้วยค่ะ”
หวานตาไม่เห็นหน้าตัวเอง เธอเลยไม่รู้ว่าตนเองมีสีหน้าแบบไหน แต่แฟงที่เห็นเต็มตา จนทำท่าผวา แววตาจัดจ้าของหวานตา เกือบทำให้แฟงวิ่งหนี
“หล่อนเป็นใคร?”
และเป็นอีกครั้งที่หวานตาพลั้งปากถาม
ภูมิไม่ได้บอกอะไรเธอเลย ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน ทำไมถึงกล้ามาเปลี่ยนทุกอย่างในร้านนี้ รวมถึงสั่งเธอด้วย
“คุณอรเป็นผู้จัดการร้านนี้ค่ะ” แฟงตอบเสียงแผ่วๆ
หวานตากัดฟัดกรอดๆ เดี๋ยวนี้ภูมิไม่ได้เห็นเธอสำคัญอีกต่อไปแล้ว ร้านกาแฟที่ไม่เคยต้องมีผู้จัดการ วันนี้กลับมีตำแหน่งนั้น แถมหล่อนยังกล้ายุ่มย่าม กล้าเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เธอชอบเสียด้วย
“ไปทำงานเถอะ”
หวานตากล่าวเสียงแข็ง เธอผลักแก้วกาแฟออกห่างตัว ไม่คิดจะแตะอะไรในร้านนี้อีกต่อไป ทุกอย่างคงเปลี่ยนไปหมดแล้วแหละ หวานตาชั่งใจ เธอควรลุกออกไปจากที่ตรงนี้ กลับไปนั่งทำงานที่บ้าน หรือจะอยู่ตรงนี้จนกว่าเพื่อนของเธอจะมาดี?
คงเป็นเพราะนิสัยถือดี กระตุ้นในหวานตายังทู่ซี้นั่งอยู่ที่เดิม จนภูมิมาถึง
ทุกครั้งหากเธออยู่ ภูมิจะตรงดิ่งมาหาเธอเป็นอย่างแรก พร้อมรอยยิ้มแบบเดิมที่เธอเห็นจนชินตา
แต่วันนี้กลับไม่ใช่แบบนั้น... ภูมิพยักหน้าให้เธอหนึ่งครั้ง ตอนที่หวานตาเงยหน้ามองหลังกระพรวนที่แขวนไว้เหนือประตูส่งเสียงกราวใหญ่...เพื่อนของเธอเดินเลยเธอตรงไปหาผู้หญิงที่กำลังสร้างความไม่พอใจให้กับตนเอง หวานตาอ้าปากค้าง ลดสายตามองเกร็ดน้ำที่เกาะอยู่ข้างแก้ว พร้อมกับอุณหภูมิในร่างที่พุ่งสูงปรี๊ด
หวานตาเอื้อมมือสั่นๆ กดปิดแล็ปท็อปส่วนตัว เธอฉวยกระเป๋าใบใหญ่มาเปิด ยัดแล็ปท็อปลงไปในนั้น ตั้งท่าจะกลับทั้งที่สติสตางค์ยังกระเจิดกระเจิง
ธนบัติสีแดงสองใบ ถูกวางไว้บนโต๊ะ
ภูมิเหลียวหลังกลับมามอง ตอนที่ได้ยินเสียงกระพรวนเหนือประตูดังกราวใหญ่
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปจนอรดียังตกใจ...เพียงแค่ผู้หญิงคนนั้นหายไปจากสายตา ความหม่นหมองของภูมิก็แสดงออกมาชัดเจน ทั้งที่เขาเป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง
ภูมิชักไม่แน่ใจ เขาทดสอบหวานตาแบบนี้ดีหรือเปล่า?
หวานตาพกความรู้สึกหน่วงๆ ติดตัวกลับมาด้วย เธอขับรถยนต์เรื่อยเปื่อยจนมาถึงที่ทำงานของชลดา เพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่เธอสนิทด้วยที่สุด...
หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอแปลกใจตนเองเช่นกัน เธอเผ่นหนีภูมิมาทำไม?
ทั้งที่มีคำถามมากมายรอถามเขาอยู่?
“ลมอะไรหอบแกมาได้ยะ?”
ชลดากล่าวกระเซ้าเมื่อเห็นหวานตาโผล่หน้ายับๆ เข้ามาในห้อง
“ลมคิดถึง!!” เสียงแข็งๆ กระแทกตอบกลับมา หวานตามองหาที่นั่ง เธอรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งตัว
“บอกผิดคนไหม หน้าตาสวยๆ แบบนี้ ฉันชื่อชลดาไม่ได้ชื่อภูมินะจ้ะ”
ชลดาตอบเสียงใส หวานตาตวัดตามองแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป เธอเม้มปากแน่นๆ แทน พร้อมกับเถียงในใจ ทำไมเธอต้องคิดถึงภูมิ ในเมื่อเขามีคนให้คิดถึงอยู่แล้ว เธอเป็นแค่เพื่อน... เขาไม่มาคิดถึงเธอให้เสียเวลาหรอก ผู้หญิงคนนั้นต่างหากที่เขาควรคิดถึง
บรรณาธิการหนังสือแม็กกาซีนผู้หญิงสะดุดใจกับสีหน้าวุ่นวายของเพื่อนสนิท เธอดันเก้าอี้ออกห่างโต๊ะทำงาน เถลเก้าอี้ตัวนั้นมาจนถึงที่หวานตานั่งอยู่
“เป็นงูหรือไงถึงได้เลื้อยไปมาแบบนี้”
หวานตากล่าวประชด ชำเลืองมองเพื่อน ก่อนจะเบ้ปากใส่
“แกมีอะไรในใจไหมหวาน สีหน้าแกไม่ดีเลย?”
ชลดารีบซัก เธอรู้ว่าหวานตามีสิ่งผิดปกติในใจ “หรือว่าหมอนั่นมารังควานแกอีก?” ชลดาคิดถึงเรืองฤทธิ์หลังจากวันนั้น ผู้ชายคนนั้นหายหน้าไปเลย บางทีที่หวานตามีสีหน้าทุกข์ร้อน สาเหตุคงมาจากผู้ชายคนนั้น
“เปล่า เรืองฤทธิ์ขี้ขลาดจะตาย คนอย่างเขาไม่กล้าเสนอมาให้ฉันเห็นอีกหรอก”
หญิงสาวตอบเสียงเรียบ ผู้ชายอย่างเรืองฤทธิ์หรือจะกล้าเหิมเกริมกับเธอ
“แล้วแกหงุดหงิดอะไรล่ะหะ?”
สีหน้าของหวานตาทำให้ชลดาเข้าใจเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย
หญิงสาวถอนใจเฮือก เธอจะอธิบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นให้คนอื่นรู้ได้ยังไง เธอไม่พอใจที่ภูมิ เห็นคนอื่นสำคัญกว่าเธออย่างนั้นเหรอ
“ไม่มีอะไรหรอก คงใกล้เมนมาล่ะมั้ง!!”
หวานตาตอบเลี่ยงๆ เธอแสร้งสนใจหนังสือตรงหน้า เพื่อให้ชลดาสบายใจ
“หนังสือเล่มนี้ออกแล้วเหรอ แย่จัง... ฉันมัวแต่ยุ่งๆ เลยไม่ได้ซื้อเก็บไว้เลย”
“เอาไปสิ ฉันมีหลายเล่ม” ชลดาออกปากอนุญาต เธอไม่ได้ท้วงติง หนังสือที่หวานตาแสร้งทำท่าทางเสียดาย มันออกมาตั้งแต่เมื่อ3เดือนก่อน และที่สำคัญ เล่มที่หวานตาถืออยู่ หวานตาเองนั่นแหละที่ถือติดมือมาฝากเธอ ชลดาลากเก้าอี้กลับไปนั่งหลังโต๊ะทำงานเงียบๆ เธอไม่ได้ปริปากพูด แต่แอบชำเลืองมองหวานตาบ่อยๆ
หญิงสาวผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆ หลังดึงความสนใจจากเพื่อนไปที่จุดอื่นได้
“วันนี้ฉันเลี้ยงข้าวแกเอง อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมล่ะ”
หวานตาแสร้งชวนคุย...
“ใจดี!” ชลดาเปรยลอยๆ ไม่ได้พูดต่อ
หวานตาเลยเป็นฝ่ายกระวนกระวายแทน หลังนึกขึ้นได้ เธอควรให้ชลดาช่วยติดนิดเดียว เธอไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นเลย “ใจร้อนไม่เข้าเรื่อง เอาไงล่ะทีนี้?”
“มีอะไรไหม?”
“มีนิดหน่อย แต่...” หวานตาจิปากหลังพูดจบ เธอควรใจเย็นกว่านี้ ทำไมตอนนั้นเธอไม่นับเลขเหมือนที่ภูมิเคยสอน หุนหันออกมาแบบนี้ เสียเปล่าจริงๆ
หวานตาทรงตัวลุกขึ้นยืน “เรื่องเลี้ยงข้าว ติดไว้ก่อนนะแก ฉันมีธุระ” ตอนที่พูด หวานตาพยายามไม่สบตาเพื่อน เธอต้องไปลองสืบดูก่อน ‘ผู้หญิงคนนั้น’ เกี่ยวข้องกับภูมิตรงไหน
ชลดาบ่นพึมตามหลังหวานตาไป “มีอะไรแปลกๆ มีพิรุธนะยะ”
เธอหมดความสนใจหวานตา เมื่องานสำคัญตรงหน้ากำลังบีบให้ตนเองทำอย่างอื่นไม่ได้เลย
ที่แรกที่หวานตาพอนึกออก ใครจะช่วยเธอไขปัญหาชวนปวดหัวนี่ได้ คือบ้านตนเอง บิดาน่าจะพอรู้อะไรมาบ้าง หวานตาจึงตรงดิ่งกลับบ้านและเธอก็ได้พบ คนที่ทำให้เธอปวดหัวซีกซ้ายอยู่ในตอนนี้พอดี หญิงสาวเลิกหัวคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม เมื่อชายหนุ่มที่นั่งหน้านิ่งตรงหน้าคือเพื่อนเพศชายที่คบหากันมา20กว่าปี
ภูมิผ่อนลมหายใจยาวๆ เขายิ้มมุมปาก “หวานไปไหนมาครับ?”
หวานตาทิ้งตัวนั่ง เหวี่ยงกระเป๋าใบใหญ่ที่มีทั้งแล็ปท็อปและของใช้จุกจิกไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ ตรงหน้า
“ไปหายัยชลมา” เธอตอบเสียงห้วน และไม่อธิบายอะไรเพิ่ม นึกขวางตาภูมิขึ้นมาดื้อๆ เขาดูมีความสุขจนมีรอยยิ้มแต้มอยู่บนมุมปากมันขวางตาพิกล
ภูมิพยักหน้ารับรู้ “ผมเข้าใจว่าหวานไม่พอใจผม เรายังไม่ทันได้คุยกันเลยนะครับ” ชายหนุ่มท้าวความหลัง
หวานตามองสบตาภูมิ มุมปากของหญิงสาวมีรอยยิ้มแปลกๆ “ทำไมถึงคิดว่าฉันไม่พอใจคุณล่ะคะ เราไม่เจอกันมา1เดือนแล้วนะ?”
ภูมิสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “หวานไม่เคยเป็นแบบนี้”
‘ใช่ซี!!’ หวานตาแอบเบ้ปาก เธอแค่นว่าเขาอยู่ในใจ
เพราะเธอไม่เคยเป็นแบบนี้ ภูมิเลยยังไม่รู้ มีบางอย่างทำให้เธอไม่พอใจอย่างแรง แต่หวานตากลับพูดตรงกันข้าม
“ทำไมไม่คบกันไปเลยล่ะ ไม่รู้หรือไงว่าการทำแบบนี้ของคุณกับมัน ทำให้หลายคนเข้าใจผิด”
ภูมิสีหน้าเปลี่ยน แต่ก็ชั่วแว๊บเดียว แต่หวานตานี่สิอาการหนักมากกว่า เธอถลันออกมายืนด้านหน้าภูมิ พร้อมกับตวาดเรืองฤทธิ์เสียงดัง ออกโรงปกป้องชายหนุ่มแบบสุดตัว
“เมื่อไหร่คุณจะเข้าใจฉันกับภูมิให้ถูกซะที มันน่าเบื่อรู้ไหมคะ การต้องมาพูดเรื่องเดิมๆ ซ้ำไป ซ้ำมากับคนเดิมๆ เนี่ย!!”
“เหอะ!” เรืองฤทธิ์กระแทกเสียงใส่
หวานตาเบ้ปาก เรืองฤทธิ์ฝังหัวเสียแล้ว ต่อให้เธอพูดอีกกี่ครั้งเขาก็คงไม่มีทางเชื่อ แต่...ทำไมเธอต้องสนใจหรือแคร์คนอื่นด้วยล่ะ
“ไปเถอะภูมิ จะสนใจทำไม แค่คนเคยรู้จักเท่านั้นเอง” หวานตากล่าวเสียงเรียบ มุมปากกดลึกจนปากอิ่มได้รูปบิดเบี้ยว
“...” ภูมิไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารวบมือหวานตา และรั้งเธอเดินห่างออกไป
หญิงสาวขืนตัวไว้ เมื่อภูมิหันมามองเธอจึงส่ายหน้าช้าๆ
“หวานจะไม่หนีอีกแล้วค่ะ” หวานตาพูดเสียงเย็น มุมปากอิ่มกดลึก แววตาวาววับ
เรืองฤทธิ์คงไม่ยอมจบเขาเดินตามหญิง-ชาย มาห่างๆ
หากต้องการเห็นกันนัก...หากคนรู้จักจะจูบกัน มันจะมีอะไรแปลก แตกต่างกันหรือไม่? หวานตาอยากรู้เหมือนกัน หากเธอกับภูมิ...จูบกัน...ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปไหม?
ไม่มีใครทันได้คาดคิด หวานตาก็เขย่งขา ยกมือรั้งหัวไหล่ภูมิ เอื้อมมือดันท้ายทอยเขาไว้ และยื่นปากไป ‘จูบ’ กับเขา ท่ามกลางสายตานับร้อยคู่ เมื่อจู่ๆ ไฟในผับก็สว่างจ้า... เพลงที่ส่งเสียงอึกทึกก็พลอยเงียบลงไปด้วย
หญิงสาวกะพริบเปลือกตาถี่ๆ เธอหมุนมองไปรอบๆ ตัว ด้วยแววตาตื่นตกใจ
มันเป็นสิ่งที่เกินคาด ไม่ใช่แค่เรืองฤทธิ์ที่เห็นช่วงเวลานี้...หวานตาคิดอะไรไม่ออก เธอยิ้มแหยๆ ให้ภูมิ...ก่อนจะกลับหลังหันวิ่งเตลิดหนีไป
เธอทำอะไรลงไปนี่ เธอจูบกับภูมิ หวานตาฟาดมือกับพวงมาลัยรถยนต์แรงๆ เธอรีบกดปุ่มสตาร์ทเครื่อง และรีบเหยียบคันเร่งพาตัวเองออกไปจากที่แห่งนั้น พร้อมกับความคิดสับสนที่สลัดไม่หลุด
เธอจูบภูมิ ทำไม? เธอต้องการบอกอะไรกับเขาผ่านการจูบนั่นเหรอ?
“โว้ยยยย ตายแล้ว ตายแน่แล้วหวานเอ๋ย”
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค
บทที่3. Secret love มันใช่เหรอ? หวานตากลับลงมาอีกครั้งหลังหายไปไม่ถึง10นาที เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงผ้าขาสั้น ผมยาวสลวยถูกมัดไว้ด้านหลังท้ายทอย วงหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง หวานตาคงล้างเครื่องประทินโฉมพวกนั้นออกจนหมด แม้ไม่ได้แต่งหน้า ไร้สีสันบนใบหน้าของเธอ หวานตาก็ยังดูโดดเด่นเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่า หวานตาไม่นิยมใช้เครื่องสำอาง และหากจำเป็นต้องใช้ เธอจะมีแค่ลิปสติกกับบรัชออนเท่านั้น หวานตาผิวดี ผิวเธอละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน คิ้วเข้มๆ ของหวานตาได้มรดกมาจากทวีทรัพย์ โครงหน้าเธอคมอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งเติมเพิ่มสีสรรบนใบหน้าจึงไม่จำเป็นเลยสำหรับหวานตา “ผมงานยุ่ง เลยไม่มีเวลามาที่ร้าน พ่อเลยหาคนมาช่วย คนที่หวานเห็นวันนี้นั่นแหละครับ” ภูมิเปรยเหมือนอธิบายให้หวานตารับรู้ หวานตาไหวไหล่เ ธอฉวยช้อนส้อมมาจิ้มสาคูไส้หมูใส่ปาก ทำท่าไม่ยี่หระ ทั้งที่ใจเต้นตุบๆ เธอรู้ ‘ยัยนั่น’ เป็นลูกจ้างภูมิ หล่อนก็ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงความชอบของเธอ หวานตาร้องเอะในใจ! เธอจะไม่พอใจทำไมกับการเปลี่ยนแปลงนั่น เธอไ
หญิงสาวบ่น ชลดาน่าจะติดพันกับการทำงาน เพราะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือนแบบนี้ เพื่อนของเธอจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ไม่กินไม่นอนจนกว่างานจะเสร็จ “หวานก็ไปกับผมสิครับ” “ก็ได้นะ...” มันก็ดีกว่านอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงคนเดียวแหละ ออกไปยืดเส้นยืดสายก็ดีเหมือนกัน ภูมิเจริญอาหาร ไม่ใช่เพราะพี่น้อยทำกับข้าวอร่อยหรอก สายใจมารดาของเขา มีรสมือพอๆ กับคนที่เรียนทำอาหารกับครูชาววัง แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก เพราะหวานตา เลยทำให้กับข้าวธรรมดา เหมือนอาหารทิพย์ การเป็นเพื่อนสนิทก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้เขากับหวานตามีเวลาส่วนตัวแบบไม่มีใครรบกวน บางครั้งภูมิมีความสำคัญกว่า ‘แฟน’ ของหวานตาเสียอีก เพราะเพื่อนชายคนสนิทเหล่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์ทวีทรัพย์ บางคนไม่เคยได้มาเหยียบบ้านหวานตาเลย หวานตาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภูมิเลยถือโอกาสนั้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเช่นกัน บ้านเขากับบ้านเธอ มีรั้วที่เชื่อมถึงกัน นั่นเป็นการยืนยันความสนิทสนมของสองครอบครัวเป็นอย่างดี “หล่อเหมือนกันนะนี่” หวานตาชม เมื่อภูมิเดินกลับมาพร้อ
บทที่4.แค่คนในอดีต โนสน โนแคร์ แต่... คนที่ไม่อยากเจอ กับโผล่หน้ามาให้รำคาญตาเสียนี่ หวานตาอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อใครบางคนเสนอหน้ามาให้เห็น ตอนที่เธอควรจะมีความสุข และอารมณ์ดีตลอดค่ำคืนนี้“ออกไปห่างๆ หวานค่ะ หวานไม่อยากให้ ‘แม่’ ของคุณมาเขม่นหวาน” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ทันทีที่เรืองฤทธิ์ขยับเข้ามาจนเกือบตัวติดกับเธอ หวานตาจงใจพูดประชด เธอยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยหางตาดวงตาคมวาวของม่านแก้วทอดมองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง!! สาวใหญ่ผู้นั้นไม่คิดปิดบังความจงชังที่มีต่อเธอ หล่อนพุ่งสายตามาจากชั้นลอยในคลับแห่งนี้นี่เอง“ผมไม่คิดว่าจะเจอหวานที่นี่” เรืองฤทธิ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เขาเบื่อที่ต้องคอยพินอบพิเทาสาวใหญ่ผู้นั้น จนบางครั้งก็อยากแหกกฏเกณฑ์ที่ม่านแก้วตั้งไว้ “เหรอ!” หวานตาแอบเบ้ปาก เธอกลอกตามองบน สลับกับมองหน้าเรืองฤทธิ์ตรงๆชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลง ซ่อนแววตาโลมเลียไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หวานตาวันนี้ดูเซ็กซี่วายร้าย หล่อนไม่ได้แต่งตัวสไตน์เดิม ค่ำคืนนี้หวานตาอยู่ในชุดรัดรูป อวดสัดส่วนวัยสาวสะพรั่ง เนินเนื้ออวบอิ่มแทบจะล้นทะลักออกมาจากผ้ายืดรัดติ๋ว
“ตามใจคุณเลยค่ะ อยากคิดอะไร ยังไง แล้วแต่...อย่าลืมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คุณไม่เกี่ยวกับหวาน หวานไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” หวานตาไหวไหล่ เบ้ปากจนมุมปากบิด ปรายตามองเรืองฤทธิ์ด้วยสายตาปนความสังเวช เรืองฤทธิ์กำหมัดแน่น เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน “ผมคงทำให้หวานอารมณ์เสีย” เสียงเปรยดังแผ่วๆ “รู้ตัวก็ดีนะคะ หวานมาเที่ยว หวานต้องการความสบายใจ และหวานไม่อยากเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” หวานตาโบกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านหน้าโต๊ะของเธอพอดี “ขอเบียร์แบบนี้อีกเหยือกนะคะ” เธอบอกพนักงานหนุ่มน้อยด้วยเสียงที่หวานเกินปกติ เรืองฤทธิ์เดินจากไปพร้อมกับขุ่นเขืองอัดแน่นอยู่ในใจ ขนาดทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับม่านแก้ว เขายังเก็บความไม่พอใจนั่นออกไปจากสีหน้าไม่หมด “แค่เจออดีตแฟนมาเที่ยวกับหนุ่นคนใหม่ ถึงกับฉุนขาดเลยเหรอคะ!!” สาวใหญ่พูดแดกดัน ถึงนางจะออกตัวแรง บอกใครๆ ไม่ได้ แต่เรืองฤทธิ์ก็เป็นกึ่งสามี เขาทำหน้าที่บนเตียง พร้อมกับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนางด้วย “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพี่” ชายหนุ่มพยายามแก้ตัว แต่มันฟังไม่ขึ้น
ภูมิเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองพลาด... เขาตามมาอารักขาหวานตาหลายครั้งในสถานที่เช่นนี้ แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะมายืนใกล้ๆ หวานตา ตอนที่หล่อนกำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ นี่เป็นครั้งแรก และน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ภูมิถอนใจแรงๆ เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนตะลึงมองหวานตาที่ออกสเต็ปเต้นด้วยลีลาแบบที่เคยเห็นผ่านคลิปหลายๆ คลิปในยูทูป ปลายนิ้วแข็งแรงเผลอยกขึ้นดันตรงตำแหน่งที่เคยมีแว่นตา เขารู้สึกเหมือนแว่นตาเคลื่อนต่ำลงมาจนเกือบหลุดสันจมูก แต่กลับไม่เจอแว่น เพราะวันนี้ภูมิถอดแว่นไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวก เขาใส่คอนแทคเลนส์มา และหลังจากนั้น...นิ้วของภูมิก็ถูอยู่ข้างๆ แก้ม หวานตาอมยิ้ม เธอขยับเขามาใกล้เพื่อนชาย ก่อนจะวางมือบนแผงอกของภูมิ โยกตัวไปมา พร้อมกับเงยหน้ามองสบนัยน์ตาของเขา...ภูมิมองตอบ เขาพยายามสะกดความตื่นเต้นไว้แค่ในใจ หวานตาไม่มีทางรู้... ใต้สีหน้าที่นิ่งเรียบ ภูมิตื่นเต้นจนเหงื่อชื้น ความชอบที่มีอยู่เป็นทุนเดิม เพิ่มพูนมากขึ้น แววตาของหวานตาเป็นประกายสะท้อนแสงไฟหลากสี ที่สาดแสงส่ายไปมา... กว่าภูมิจะตัดสินใจทำอะไร หวานตาก็เริ่มรุกก่อน เธอหมุนตัวหันหลัง
บทที่5.จะเสียเพื่อนเพราะ ‘จูบ’ “ชลลลลล!” หวานตาแบกสังขารไม่เต็มร้อยมาหาชลดาถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อนของเธอยังไม่ลุกจากที่นอนเลย “อะไรอีกกกกกก!!?” ชลดาถามเสียงอู้อี้ งัวเงียตื่น...เพราะหวานตาพยายามปลุก หวานตาตะโกนเสียงดังไม่พอ เธอยังเขย่าชลดาแรงๆ หญิงสาวใจร้อนเป็นไฟ เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน... ก่อนที่ทุกอย่างจะพัง “ชลถามหน่อยสิ... สมมุตินะชล ถ้าแกพลาดไปจูบกับผู้ชายที่เป็นแค่เพื่อน แกกับเพื่อนคนนั้นยังเหมือนเดิมอีกไหมฮะ?” หวานตากลั้นใจถาม เธอลุ้นคำตอบด้วยหัวใจเต้นตึกตัก ชลดาเงยหน้ามอง ยกมือขยี้เปลือกตาเพื่อดึงสติ แต่คำตอบของเพื่อนสนิทเล่นเอาหวานตาตัวเย็นวาบ “ถามทำไมยะ? ก็เสียเพื่อนไปตั้งแต่ตอนที่ ‘จูบ’ แล้วล่ะมั้ง” ชลดาพูดหน้าตาย เธอไม่เห็นเข้าใจ หวานตาปลุกเธอขึ้นมาถามเรื่องนี้กับเพื่ออะไร? “แล้วถ้าอ้างว่าทำงไปเพราะเมาล่ะ ยังจะรักษาเพื่อนคนนั้นไว้ได้อีกหรือเปล่า?” หญิงสาวพยายามหาเหตุผลประกอบ มันต้องมีสักทางสิที่จะรั้งความรู้สึกดีๆ เกือบ20ปีไว้ได้ เธอยกมือขึ้นต
“อย่ามาโกหกพ่อ...เราไม่เคยมีท่าทางแบบนั้น แล้วถ้าอ้างว่าเมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่” บิดาดักทางออกของเขาจนหมด เพราะทั้งท่านและเขาพิสิทธิโยทินสองพ่อลูก ไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สักคน “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพ่อแค่ผมถูก ‘จูบ’” ภูมิตอบหน้าตาย เคล้ง! ช้อนในมือของสายใจหล่นบนพื้น นางมืออ่อนหลังได้ยินคำตอบของบุตรชาย ในขณะที่ภาคหัวเราะลั่น “ผู้หญิงที่จูบลูก คือหนูหวานงั้นสินะ” ไม่จำเป็นต้องเดาเลย ท่าทางบุตรชายยิ่งกว่าดอกไม้ได้ฝน กลีบสีสดแย้มบานรับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ความยินดีที่ปิดไม่มิดนั่น แสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา “โอ้ย!! แม่จะเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่” สายใจโบกมือพัดลมใส่หน้า นางถามเสียงสั่นๆ “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภูมิตอบเสียงเรียบ เขาอมยิ้มมุมปากแววตาพราวระยิบตลอดเวลา “มันเป็นผลมาจาก การมีใครเข้ามาในชีวิตลูกหรือเปล่า?” “ไม่ใช่หรอกครับ แต่มาคิดๆ ดู มันก็อาจจะมีส่วน” ภูมิตอบ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะไปทำงาน “เดี๋ยวๆ แม่งง ทำไมลูกไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย” สายใจรั้งไว้ ท่าทางบุตรชายสบายๆ เหมือนไม่มีอ