Share

บทที่5.จะเสียเพื่อนเพราะ ‘จูบ’ 2

“อย่ามาโกหกพ่อ...เราไม่เคยมีท่าทางแบบนั้น แล้วถ้าอ้างว่าเมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่”

          บิดาดักทางออกของเขาจนหมด เพราะทั้งท่านและเขาพิสิทธิโยทินสองพ่อลูก ไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สักคน

          “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพ่อแค่ผมถูก ‘จูบ’” ภูมิตอบหน้าตาย

          เคล้ง! ช้อนในมือของสายใจหล่นบนพื้น นางมืออ่อนหลังได้ยินคำตอบของบุตรชาย

          ในขณะที่ภาคหัวเราะลั่น “ผู้หญิงที่จูบลูก คือหนูหวานงั้นสินะ” ไม่จำเป็นต้องเดาเลย ท่าทางบุตรชายยิ่งกว่าดอกไม้ได้ฝน กลีบสีสดแย้มบานรับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ความยินดีที่ปิดไม่มิดนั่น แสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา

          “โอ้ย!! แม่จะเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่” สายใจโบกมือพัดลมใส่หน้า นางถามเสียงสั่นๆ

          “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภูมิตอบเสียงเรียบ เขาอมยิ้มมุมปากแววตาพราวระยิบตลอดเวลา

          “มันเป็นผลมาจาก การมีใครเข้ามาในชีวิตลูกหรือเปล่า?”

          “ไม่ใช่หรอกครับ แต่มาคิดๆ ดู มันก็อาจจะมีส่วน” ภูมิตอบ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะไปทำงาน

          “เดี๋ยวๆ แม่งง ทำไมลูกไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย” สายใจรั้งไว้ ท่าทางบุตรชายสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่

          “คุณก็ ลูกเราเป็นผู้ชายนะ แล้ว ‘จูบ’ สมัยนี้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”

          สายใจไม่เห็นด้วย ถึงจะเป็นแค่การจูบ แต่ระหว่างภูมิกับหวานตา สถานะของเขาสองคนไม่สมควรทำแบบนั้น แต่เมื่อบุตรชายไม่ทุกข์ร้อน นางก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย

          “ผมไปทำงานก่อนนะครับพ่อ แม่” ภูมิยกมือทำความเคารพบุพการี เขาเดินไปฉวยกระเป๋าเอกสาร เดินเลยไปที่รถยนต์ และออกไปทำงาน ท่ามกลางความหนักใจของสายใจ นางยังห่วงเรื่องที่เกิดขึ้น แม้บุตรชายจะไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน

          “แกควรไปขอโทษคุณภูมิเค้า” คำแนะนำของชลดา หวานตาส่ายหน้าหวือ

          “ไม่...อายหมอนั่นตายเลย เขาต้องคิดว่าฉันเพี้ยนไปแน่ๆ” หวานตายืนกราน ช่วงนี้คงต้องหลบหน้าภูมิไปก่อน จนกว่าเธอจะหาข้อแก้ตัวได้

          “หากแกไม่ไป นั่นล่ะจะเป็นพิรุธ แกกับคุณภูมิเป็นเพื่อนกันนะหวาน เขาไม่คิดมากหรอกน่า แค่เอาปากถูปาก ไม่ได้เรียก ‘จูบ’ หรอกนะยะ”

          ชลดาวิจารณ์ เธอมีประสบการณ์ผิวเผินเรื่อง ‘จูบ’ ไม่ได้ช่ำชองสักเท่าไหร่เหมือนกัน แต่การที่เอาปากประกบปากอีกฝ่าย ไม่มีมีผลทางอารมณ์ เนื่องจากมันผิวเผินเกินไป

          “ฉันไม่เคยจูบใครนี่หว่า” หวานตาเถียงเสียงงอดแงด

          “ฉันรู้ แกกับฉัน ประสบการณ์แต่ละคนเท่าหางอึ่ง แต่คุณภูมิของแก น่าจะบริสุทธิ์ผุดผ่องกว่า ฉันไม่เห็นเขาเคยมีข่าวกับผู้หญิง หรือว่าบางที เขาอาจจะเป็น...”

          “หยุดเลย หยุดคิดได้เลยยัยชล ฉันคอนเฟิร์มให้ หมอนั่นเป็นผู้ชายแท้ๆ เป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็น แค่ไม่มีแฟน แค่ไม่เคยจีบสาว ไม่ได้หมายความว่าภูมิจะเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ได้หรอกนะยะ”

          หวานตาเถียงแทน เรดาห์สแกนเกย์ของเธอไม่เคยกระดิก ไม่มีทางที่ภูมิจะเป็นเพศที่สามไปได้หรอก

          “รู้ดีจังนะ!!”

          “ฉันคบกับหมอนั่นมากี่ปี หากเขาเป็นเกย์ล่ะก็ ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ”

          หวานตายืดอกตอบ... “แต่แกก็ไม่เคยมองคุณภูมิว่าเขาเป็นผู้ชายนี่นา”

          “พูดอะไรแบบนั้นยัยชล ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน เล่นดินเล่นทรายมาด้วยกันเลยนะ”

          “แต่แกก็ยังไปจูบเค้า!!”

          “อย่ามาพูดให้ฉันประสาทเสียหน่อยเลยน่า แกช่วยฉันหาวิธีแก้ตัวกับภูมิหน่อยสิ”

          “ฉันกำลังคิดอยู่ แกก็อย่าเร่งนักสิ” ทางออกสวยๆ สำหรับแก้ตัวแทบไม่มีเลย

          สำหรับหวานตาแล้ว เพื่อนของเธอเดือนร้อนหลังจากทำแบบคนสิ้นคิด อีกฝ่ายดูยาก ภูมิเป็นคนนิ่งๆ เขาอาจจะไม่คิดเล็ก คิดน้อย หรือบางที เขาอาจจะดีใจอยู่ก็ได้

          กว่าหวานตาจะยอมกลับก็กวนชลดาจนเธอเกือบไปทำงานสาย ขนาดก่อนกลับ หวานตายังบังคับให้เพื่อนคิดหาข้อแก้ตัวให้ เพราะเธอไม่อยากเสียเพื่อนแสนดีไป เนื่องจากการกระทำของตนเอง

          ชลดาโครงศีรษะ เธอเดินเหม่อเพราะคิดเรื่องของหวานตาอยู่

          ‘โครม!!’

          เพราะมัวแต่คิดนั่นแหละ บรรณนาธิการหนังสือแฟชั่นผู้หญิงเลยเผลอไปชนใครบางคนเข้า

          “ใจลอยคิดถึงใครอยู่ครับคุณ บก.”

          เสียงคุ้นหู พอเงยหน้ามอง คนตรงหน้าคือคนที่กวนอารมณ์เธอมาตลอด10ปี เขาเคยเป็นนักข่าวสายอาชยกรรม เป็นผู้ชายคนเดียวที่ไม่เคยลดราวาศอก หากมีเหตุได้ทุ่มเถียงกัน

          ชลดาทรงตัวขึ้นยืน เธอปฏิเสธความหวังที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ ด้วยการทำเมินมือแข็งแรงที่ไซม่อน เรย์ ยื่นค้างไว้รอช่วยพยุงเธอขึ้นมาจากพื้น

          “ยังหวงตัวเหมือนเดิมเลยนะ หรือว่า...ยัง ‘จิ้น’ เหมือนเดิมด้วย”

          เธอกับเขาไม่ได้เจอกันมาร่วม3ปี ไอ้นักข่าวหน้าหล่อตรงหน้าหายหัวไปจากวงจรชีวิตเธอ หลังจากทำให้เธอตกหลุมรัก หมอนี่ทิ้งทุ่นเธอ เพราะได้งานใหญ่ที่ฮ่องกง ไซม่อนหายหัวไป ไม่มีแม้แต่คำบอกลา จนกระทั่งกลับมาเจอกันวันนี้นั่นแหละ

          ชลดาข่มอารมณ์โกรธไว้ลึกสุด เธอปัดมือสลัดคราบผงทรายที่ติดอยู่บนฝ่ามือ พร้อมกับยิ้มเย็น

          “มันหนักส่วนไหนไม่ทราบ ฉันจะแบก ‘จิ้น’ เดินไปเดินมามันก็เรื่องของฉันนะ”

          แว๊บนึง ชลดามองเห็นแววตาดีใจที่ผุดวาบขึ้นมา ก่อนจะหายไปหลังเปลือกตาหลุบลง เธอมองขนตายาวเหยีดตรงแต่ดกหนาตาปรอย คนตรงหน้าคือผู้ชายในสเปก และเขายังเป็นผู้ชายคนเดียวที่เจาะเกราะเข้าถึงตัวเธอได้

          “ผมก็แค่ดีใจ...” ไซม่อนไหวไหล่ยิ้มแผล่

          คงต้องใช้เวลาสักหน่อยที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์เก่าๆ ให้กลับมาเหมือนเดิม

          เขาเป็นคนผิด ผิดที่เห็นงานดีกว่าคนที่ตัวเองรัก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขากำลังรุ่งโรจน์ โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยนัก แต่เมื่อหมดความเร้าใจ เขาก็เริ่มเสียใจ ตอนนั้นหากเขาบอกลาผู้หญิงตรงหน้าดีๆ ความสัมพันธ์แสนดีก็คงไม่ร้าวฉานแบบนี้

          “หลีกไป ฉันจะไปทำงาน”

          หญิงสาวตวาด เธอไม่ควรอยู่ใกล้เขาให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ

          สิ่งที่เธอควรจดจำให้ขึ้นใจ ผู้ชายตรงหน้า ‘ไม่เคยเห็นค่า’ เธอ

          “เธอเป็น บก. เลยเหรอ ก้าวหน้าดีนี่นะชล” ชลดาเป็นคนเก่ง ไซม่อนชื่นชอบเธอก็เพราะแบบนี้แหละ

          หญิงสาวเชิดปลายคางขึ้นสูง ปรายหางตามองผู้ชายตัวใหญ่ พร้อมกับยิ้มมุมปาก

          “ยังเป็นแค่นักข่าวต็อกต๋อยเหมือนเดิมสินะคะ”

          เธอพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไหล่แข็ง ลำคอตั้งตรงจากไป

          ไซม่อนอมยิ้ม...หน้ากากเย็นชาที่ชลดาแสดงออก ปกปิดความยินดีไม่มิดหรอก แว๊บแรกที่สบตากัน เธอมีแววตายินดี ก่อนจะสวมครอบความเย็นชา สาดความไม่พอใจใส่เขาเหมือนเคย

          “ปากแข็ง ใจแข็งให้ตลอดเถอะ ผมกลับมาแล้ว ผมไม่ให้คุณแบก ‘จิ้น’ นานหรอกคนสวย”

บนห้องทำงาน คนเย็นชาคนเดิมกำลังคิดหนัก มือของชลดายกปิดหน้า เธอหลับตาพยายามทำใจให้สงบ เมื่อหัวใจเต้นแรงแบบไม่ยอมผ่อนแรงลงเลย นับตั้งแต่เจอกับผู้ชายคนนั้น

          “ตื้นเต้นทำบ้าอะไรล่ะ เขาไม่ได้มาหาเธอนะ”

          หญิงสาวกระซิบต่อว่าตัวเอง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status