“อย่ามาโกหกพ่อ...เราไม่เคยมีท่าทางแบบนั้น แล้วถ้าอ้างว่าเมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่”
บิดาดักทางออกของเขาจนหมด เพราะทั้งท่านและเขาพิสิทธิโยทินสองพ่อลูก ไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สักคน
“ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพ่อแค่ผมถูก ‘จูบ’” ภูมิตอบหน้าตาย
เคล้ง! ช้อนในมือของสายใจหล่นบนพื้น นางมืออ่อนหลังได้ยินคำตอบของบุตรชาย
ในขณะที่ภาคหัวเราะลั่น “ผู้หญิงที่จูบลูก คือหนูหวานงั้นสินะ” ไม่จำเป็นต้องเดาเลย ท่าทางบุตรชายยิ่งกว่าดอกไม้ได้ฝน กลีบสีสดแย้มบานรับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ความยินดีที่ปิดไม่มิดนั่น แสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา
“โอ้ย!! แม่จะเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่” สายใจโบกมือพัดลมใส่หน้า นางถามเสียงสั่นๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภูมิตอบเสียงเรียบ เขาอมยิ้มมุมปากแววตาพราวระยิบตลอดเวลา
“มันเป็นผลมาจาก การมีใครเข้ามาในชีวิตลูกหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่หรอกครับ แต่มาคิดๆ ดู มันก็อาจจะมีส่วน” ภูมิตอบ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะไปทำงาน
“เดี๋ยวๆ แม่งง ทำไมลูกไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย” สายใจรั้งไว้ ท่าทางบุตรชายสบายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่มันเป็นเรื่องใหญ่
“คุณก็ ลูกเราเป็นผู้ชายนะ แล้ว ‘จูบ’ สมัยนี้ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก”
สายใจไม่เห็นด้วย ถึงจะเป็นแค่การจูบ แต่ระหว่างภูมิกับหวานตา สถานะของเขาสองคนไม่สมควรทำแบบนั้น แต่เมื่อบุตรชายไม่ทุกข์ร้อน นางก็คงต้องปล่อยเลยตามเลย
“ผมไปทำงานก่อนนะครับพ่อ แม่” ภูมิยกมือทำความเคารพบุพการี เขาเดินไปฉวยกระเป๋าเอกสาร เดินเลยไปที่รถยนต์ และออกไปทำงาน ท่ามกลางความหนักใจของสายใจ นางยังห่วงเรื่องที่เกิดขึ้น แม้บุตรชายจะไม่มีท่าทีทุกข์ร้อน
“แกควรไปขอโทษคุณภูมิเค้า” คำแนะนำของชลดา หวานตาส่ายหน้าหวือ
“ไม่...อายหมอนั่นตายเลย เขาต้องคิดว่าฉันเพี้ยนไปแน่ๆ” หวานตายืนกราน ช่วงนี้คงต้องหลบหน้าภูมิไปก่อน จนกว่าเธอจะหาข้อแก้ตัวได้
“หากแกไม่ไป นั่นล่ะจะเป็นพิรุธ แกกับคุณภูมิเป็นเพื่อนกันนะหวาน เขาไม่คิดมากหรอกน่า แค่เอาปากถูปาก ไม่ได้เรียก ‘จูบ’ หรอกนะยะ”
ชลดาวิจารณ์ เธอมีประสบการณ์ผิวเผินเรื่อง ‘จูบ’ ไม่ได้ช่ำชองสักเท่าไหร่เหมือนกัน แต่การที่เอาปากประกบปากอีกฝ่าย ไม่มีมีผลทางอารมณ์ เนื่องจากมันผิวเผินเกินไป
“ฉันไม่เคยจูบใครนี่หว่า” หวานตาเถียงเสียงงอดแงด
“ฉันรู้ แกกับฉัน ประสบการณ์แต่ละคนเท่าหางอึ่ง แต่คุณภูมิของแก น่าจะบริสุทธิ์ผุดผ่องกว่า ฉันไม่เห็นเขาเคยมีข่าวกับผู้หญิง หรือว่าบางที เขาอาจจะเป็น...”
“หยุดเลย หยุดคิดได้เลยยัยชล ฉันคอนเฟิร์มให้ หมอนั่นเป็นผู้ชายแท้ๆ เป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็น แค่ไม่มีแฟน แค่ไม่เคยจีบสาว ไม่ได้หมายความว่าภูมิจะเป็นตุ๊ด เป็นเกย์ได้หรอกนะยะ”
หวานตาเถียงแทน เรดาห์สแกนเกย์ของเธอไม่เคยกระดิก ไม่มีทางที่ภูมิจะเป็นเพศที่สามไปได้หรอก
“รู้ดีจังนะ!!”
“ฉันคบกับหมอนั่นมากี่ปี หากเขาเป็นเกย์ล่ะก็ ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ”
หวานตายืดอกตอบ... “แต่แกก็ไม่เคยมองคุณภูมิว่าเขาเป็นผู้ชายนี่นา”
“พูดอะไรแบบนั้นยัยชล ฉันกับเขาเป็นเพื่อนกัน เล่นดินเล่นทรายมาด้วยกันเลยนะ”
“แต่แกก็ยังไปจูบเค้า!!”
“อย่ามาพูดให้ฉันประสาทเสียหน่อยเลยน่า แกช่วยฉันหาวิธีแก้ตัวกับภูมิหน่อยสิ”
“ฉันกำลังคิดอยู่ แกก็อย่าเร่งนักสิ” ทางออกสวยๆ สำหรับแก้ตัวแทบไม่มีเลย
สำหรับหวานตาแล้ว เพื่อนของเธอเดือนร้อนหลังจากทำแบบคนสิ้นคิด อีกฝ่ายดูยาก ภูมิเป็นคนนิ่งๆ เขาอาจจะไม่คิดเล็ก คิดน้อย หรือบางที เขาอาจจะดีใจอยู่ก็ได้
กว่าหวานตาจะยอมกลับก็กวนชลดาจนเธอเกือบไปทำงานสาย ขนาดก่อนกลับ หวานตายังบังคับให้เพื่อนคิดหาข้อแก้ตัวให้ เพราะเธอไม่อยากเสียเพื่อนแสนดีไป เนื่องจากการกระทำของตนเอง
ชลดาโครงศีรษะ เธอเดินเหม่อเพราะคิดเรื่องของหวานตาอยู่
‘โครม!!’
เพราะมัวแต่คิดนั่นแหละ บรรณนาธิการหนังสือแฟชั่นผู้หญิงเลยเผลอไปชนใครบางคนเข้า
“ใจลอยคิดถึงใครอยู่ครับคุณ บก.”
เสียงคุ้นหู พอเงยหน้ามอง คนตรงหน้าคือคนที่กวนอารมณ์เธอมาตลอด10ปี เขาเคยเป็นนักข่าวสายอาชยกรรม เป็นผู้ชายคนเดียวที่ไม่เคยลดราวาศอก หากมีเหตุได้ทุ่มเถียงกัน
ชลดาทรงตัวขึ้นยืน เธอปฏิเสธความหวังที่อีกฝ่ายหยิบยื่นให้ ด้วยการทำเมินมือแข็งแรงที่ไซม่อน เรย์ ยื่นค้างไว้รอช่วยพยุงเธอขึ้นมาจากพื้น
“ยังหวงตัวเหมือนเดิมเลยนะ หรือว่า...ยัง ‘จิ้น’ เหมือนเดิมด้วย”
เธอกับเขาไม่ได้เจอกันมาร่วม3ปี ไอ้นักข่าวหน้าหล่อตรงหน้าหายหัวไปจากวงจรชีวิตเธอ หลังจากทำให้เธอตกหลุมรัก หมอนี่ทิ้งทุ่นเธอ เพราะได้งานใหญ่ที่ฮ่องกง ไซม่อนหายหัวไป ไม่มีแม้แต่คำบอกลา จนกระทั่งกลับมาเจอกันวันนี้นั่นแหละ
ชลดาข่มอารมณ์โกรธไว้ลึกสุด เธอปัดมือสลัดคราบผงทรายที่ติดอยู่บนฝ่ามือ พร้อมกับยิ้มเย็น
“มันหนักส่วนไหนไม่ทราบ ฉันจะแบก ‘จิ้น’ เดินไปเดินมามันก็เรื่องของฉันนะ”
แว๊บนึง ชลดามองเห็นแววตาดีใจที่ผุดวาบขึ้นมา ก่อนจะหายไปหลังเปลือกตาหลุบลง เธอมองขนตายาวเหยีดตรงแต่ดกหนาตาปรอย คนตรงหน้าคือผู้ชายในสเปก และเขายังเป็นผู้ชายคนเดียวที่เจาะเกราะเข้าถึงตัวเธอได้
“ผมก็แค่ดีใจ...” ไซม่อนไหวไหล่ยิ้มแผล่
คงต้องใช้เวลาสักหน่อยที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์เก่าๆ ให้กลับมาเหมือนเดิม
เขาเป็นคนผิด ผิดที่เห็นงานดีกว่าคนที่ตัวเองรัก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เขากำลังรุ่งโรจน์ โอกาสไม่ได้มีมาบ่อยนัก แต่เมื่อหมดความเร้าใจ เขาก็เริ่มเสียใจ ตอนนั้นหากเขาบอกลาผู้หญิงตรงหน้าดีๆ ความสัมพันธ์แสนดีก็คงไม่ร้าวฉานแบบนี้
“หลีกไป ฉันจะไปทำงาน”
หญิงสาวตวาด เธอไม่ควรอยู่ใกล้เขาให้เกิดความรู้สึกแปลกๆ
สิ่งที่เธอควรจดจำให้ขึ้นใจ ผู้ชายตรงหน้า ‘ไม่เคยเห็นค่า’ เธอ
“เธอเป็น บก. เลยเหรอ ก้าวหน้าดีนี่นะชล” ชลดาเป็นคนเก่ง ไซม่อนชื่นชอบเธอก็เพราะแบบนี้แหละ
หญิงสาวเชิดปลายคางขึ้นสูง ปรายหางตามองผู้ชายตัวใหญ่ พร้อมกับยิ้มมุมปาก
“ยังเป็นแค่นักข่าวต็อกต๋อยเหมือนเดิมสินะคะ”
เธอพูดทิ้งท้าย ก่อนจะเดินไหล่แข็ง ลำคอตั้งตรงจากไป
ไซม่อนอมยิ้ม...หน้ากากเย็นชาที่ชลดาแสดงออก ปกปิดความยินดีไม่มิดหรอก แว๊บแรกที่สบตากัน เธอมีแววตายินดี ก่อนจะสวมครอบความเย็นชา สาดความไม่พอใจใส่เขาเหมือนเคย
“ปากแข็ง ใจแข็งให้ตลอดเถอะ ผมกลับมาแล้ว ผมไม่ให้คุณแบก ‘จิ้น’ นานหรอกคนสวย”
บนห้องทำงาน คนเย็นชาคนเดิมกำลังคิดหนัก มือของชลดายกปิดหน้า เธอหลับตาพยายามทำใจให้สงบ เมื่อหัวใจเต้นแรงแบบไม่ยอมผ่อนแรงลงเลย นับตั้งแต่เจอกับผู้ชายคนนั้น
“ตื้นเต้นทำบ้าอะไรล่ะ เขาไม่ได้มาหาเธอนะ”
หญิงสาวกระซิบต่อว่าตัวเอง
ผู้ชายคนนั้นหายหน้าหายตาไป เธอรู้เรื่องเขาจากคนอื่น เฝ้าตามดูเขาห่างๆ เพราะความเป็นห่วง แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาจะส่งข่าวให้เธอรู้โดยตรง พอนานวันเข้า หัวใจของเธอก็ชาด้าน และยอมรับได้ในที่สุด เธอถูกเท... หญิงสาวถอนใจแรงๆ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอเปิดใจให้ผู้ชาย นับจากนั้นชลดาก็เป็นผู้หญิงเก่งที่ผู้ชายหน้าไหนก็เข้าไม่ถึง เธอก้าวขึ้นไปยืนบนตำแหน่งสูงสุด ด้วยความสามารถ หญิงสาวสัญญากับตัวเอง ชีวิตนี้เธอไม่จำเป็นต้องมีคนข้างกายก็ได้ เมื่อผู้ชายส่วนใหญ่รักแต่ตัวเอง และเห็นแก่ตัว ใครจะรู้ล่ะ ผู้หญิงที่รอบรู้ไปทุกเรื่อง เก่งรอบด้านอย่างชลดา กลับเป็น ‘สาวเวอร์จิ้น’ “ผู้ชายเฮงซวยอย่างนั้น จำทำไมให้รกสมอง” ชลดาบอกกับตัวเอง พยายามคิดในแง่ร้าย เธอจะได้ลืมความหลังเก่าๆ เสียที เธอวนเวียนคิดแต่เรื่องที่ทำให้ฟุ้งซ่าน ชลดากระแทกสันมือกับผิวโต๊ะทำงาน ระเบิดความเกลียดออกมาเสียงดัง “ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้ผู้ชายใจดำ!!” หญิงสาวถอนใจแรงๆ ยกมือเสยผม แล้วก็ต้องรีบปรับความรู้สึก เมื่อเลขานุการที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเธอดันประตูโ
บทที่6.ความรู้สึกเกินเพื่อน หวานตาวางมือไม่ถูก เธอไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนหากอยู่กับภูมิ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้ เธอเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามสำรวมความรู้สึกไม่ให้ตื่นตระหนก “หวานไม่ต้องคิดมากนะ ผมเข้าใจว่าหวานอาจจะมีเหตุผล” ภูมิชิงพูดก่อน จนหวานตาอึ้ง นัยน์ตาของเขาไร้แววตาอย่างอื่น นอกจากใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง “แหะๆ” หวานตาแสร้งหัวเราะแก้เก้อ ภูมิยิ้มร้ายในใจ เขาไม่มีวันปล่อยให้หวานตาหลุดมือหรอก หล่อน ‘จูบ’ เขาแล้ว หวานตาต้องรับผิดชอบชีวิตเขาต่อจากนี้ “เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ผมเข้าใจหวานครับ” ใบหน้าเล็กๆ ขยับขึ้นลงรัวๆ แม้ตอนนี้หวานตาจะยังหาเหตุผลไม่ได้ เธอทำแบบนั้นกับภูมิทำไม แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ หากเธอยังไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบภูมิไป “หวานดีใจที่ภูมิไม่คิดมาก” หญิงสาวพูดอ้อมๆ แอ้มๆ “เรื่องนั้นหวานไม่ต้องเป็นห่วงไปเลย ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้วครับ” ภูมิตอบเสียงขึงขัง เขาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ใต้สีหน้าใสซื่อ “หวานดีใจจังเลยค่ะ ที่
“อ้าว...คุณหวานมายืนทำอะไรตรงนี้คะ” น้อยประคองถาดใส่ของว่าง มีน้ำมะตูมเย็นฉ่ำ กับขวดน้ำเปล่าใสวิ้งวางอยู่ด้วย “หวานยกเข้าไปเองค่ะ” หวานตายื่นมือออกมารั้งถาดที่น้อยถือมา “น้อยยกเข้าไปเองค่ะคุณหวาน มันหนักนะคะ” น้อยซึ่งยังไม่รู้ว่าระหว่างคนสนิทสองคน มีช่องว่างเกิดขึ้นแล้วเลยพยายามเสนอตัวทำหน้าที่เดิม หวานตาเดินตามหลังสาวใช้เข้ามา เธอทรุดนั่ง พยายามไม่มองจุดที่เพื่อนชายนั่งอยู่ เธออยากร้องกรี๊ดๆ ตั้งแต่ ‘จูบ’ เขา ภูมิดูเซ็กซี่มากขึ้น ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่านอน ล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติ ดูอย่างตอนนี้สิ เขานอนเอนๆ ดูรายการโปรดที่เขาและเธอเคยชมการแสดงนั่นร่วมกันบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อน ภูมิดูมีเสน่ห์จนรายการโปรดที่หวานตาพลาดไม่ได้ ตัวแสดงหลักกลับดึงดูดสายตาเธอไม่ได้เท่ากับแผงอกขาวๆ ที่โผล่แพล่มออกมาร่ำไรๆ นี่เลย “ฝีมือพี่น้อยไม่เคยตกเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชม หลังจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตๆ เข้าไปในปาก เขาเคี้ยวขนมไทยได้อรรถรสดีเหลือเกิน หวานตาปรายตามองจานขนมของว่าง สายตาเธอไม่ได้เพี้ยน ขนมก็คือขนม แต่ที่เธออยากชิม กลับไม่ใช่ข
ชลดากลอกตามองบน เพื่อนของเธอความรู้สึกช้าเสียจริงๆ ผ่านมายี่สิบปีเพิ่งจะมาฉุกใจ... หากไม่เผลอตัวไป ‘จูบ’ ผู้ชายคนนั้นเข้า ป่านนี้หวานตาก็ยังมองไม่เห็นความสำคัญของภูมิอยู่ดี “ผู้ชายนะหวาน มันก็ต้องมีบ้างแหละ” “ฉันไม่เคยเห็นนะ” หวานตาท้วง มีผู้หญิงมาเกาะแกะภูมิจริง...แต่เขาไม่ได้ตอบสนองนี่ “แกเป็นแค่เพื่อนนะยัยหวาน เขาไม่ต้องบอกแกทั้งหมดหรอก นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา” บรรณาธิการหนังสือผู้หญิงพยายามกระตุ้น เผื่อบางทีหวานตาจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง “ฉันรู้ทุกเรื่องของเขานะ” หวานตาไม่วายแย้ง ทุกสิ่งที่เป็นเรื่องของภูมิ ผ่านตาเธอตลอด “ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่มีผู้หญิง ผู้ชายคนไหนที่เป็นเพื่อนกันจริง ยกเว้น...” ชลดาขยักคำพูดไว้ เธออาจจะล้ำเส้นเกินไป เดี๋ยวหวานตาจะเตลิด “ยกเว้นอะไรยัยชล?” หวานตารีบซัก เมื่อจู่ๆ เพื่อนก็หยุดพูดไปดื้อๆ “ฉันจะอธิบายยังไงให้แกเข้าใจดีล่ะ... เอาเป็นว่า ลองทำตามที่ฉันบอกนะ” ชลดาแนะนำหวานตาหลายเรื่อง เสียงครางจากสาวอินดี้ดังมาเป็นระยะ บ้างครั้งก็มี
บทนำ... ‘ไม่มีชีวิตใครบนโลกใบนี้ที่ไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมีมุมมองที่น่าอิจฉา และน่าสงสารแตกต่างกันไป’ คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมา20ปี และยังคงสถานะการเป็นเพื่อนไว้ตลอด จะทำยังไงกันดีล่ะ?!! หากอีกคนความรู้สึกเปลี่ยนไป หวานตาเริ่มมีความรัก จนทำให้ตัวเองห่างเหินจากเพื่อนสนิท จวบจนวันหนึ่ง ความรักที่ตัวเองทึกทักไปเองจบลง...หวานตารู้สึกเคว้งคว้าง เธอเลยหันมาปรึกษาเพื่อนใกล้ตัว ภูมิเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ภูมิมีผู้หญิงมาสนใจนี่ล่ะ มันคืออะไรอีกหะ? หวานตาไม่ใคร่เข้าใจตัวเองนักหรอก เธอไม่พอใจอะไร? หากเพื่อนของเธอจะทดลองมีความรักบ้าง...มันไม่ใช่เพราะเธอแอนตี้ความรู้สึกแบบนั้นเพราะตัวเองไม่สมหวังหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเธอ...รัก เพื่อนที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ครั้นจะบอกภูมิตรงๆ เธอก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานจะจบลง หากในอนาคต ไม่มีภูมิในชีวิต หวานตาแน่ใจ...เธอคงเฟลไปตลอดชีวิตเหมือนกันบทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ
ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ “ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ” หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง “ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน “อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ” แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ “ดู
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ