ชลดากลอกตามองบน เพื่อนของเธอความรู้สึกช้าเสียจริงๆ
ผ่านมายี่สิบปีเพิ่งจะมาฉุกใจ...
หากไม่เผลอตัวไป ‘จูบ’ ผู้ชายคนนั้นเข้า ป่านนี้หวานตาก็ยังมองไม่เห็นความสำคัญของภูมิอยู่ดี
“ผู้ชายนะหวาน มันก็ต้องมีบ้างแหละ”
“ฉันไม่เคยเห็นนะ” หวานตาท้วง
มีผู้หญิงมาเกาะแกะภูมิจริง...แต่เขาไม่ได้ตอบสนองนี่
“แกเป็นแค่เพื่อนนะยัยหวาน เขาไม่ต้องบอกแกทั้งหมดหรอก นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา”
บรรณาธิการหนังสือผู้หญิงพยายามกระตุ้น เผื่อบางทีหวานตาจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง
“ฉันรู้ทุกเรื่องของเขานะ” หวานตาไม่วายแย้ง ทุกสิ่งที่เป็นเรื่องของภูมิ ผ่านตาเธอตลอด
“ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่มีผู้หญิง ผู้ชายคนไหนที่เป็นเพื่อนกันจริง ยกเว้น...” ชลดาขยักคำพูดไว้ เธออาจจะล้ำเส้นเกินไป เดี๋ยวหวานตาจะเตลิด
“ยกเว้นอะไรยัยชล?”
หวานตารีบซัก เมื่อจู่ๆ เพื่อนก็หยุดพูดไปดื้อๆ
“ฉันจะอธิบายยังไงให้แกเข้าใจดีล่ะ... เอาเป็นว่า ลองทำตามที่ฉันบอกนะ”
ชลดาแนะนำหวานตาหลายเรื่อง เสียงครางจากสาวอินดี้ดังมาเป็นระยะ บ้างครั้งก็มีเสียงร้อนรนถามกลับมา นี่เป็นประสบการณ์ใหม่ที่หวานตาไม่เคยรู้มาก่อน เธอคิดว่าเธอรู้จักภูมิมากที่สุด แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอรู้จักภูมิไม่ได้ครึ่งกับสิ่งที่เขาเป็นจริงๆ และหากเธอจะทดลองทำตามคำแนะนำของเพื่อน
จากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้นนะ?!!
ภูมิไม่ได้กลับไปที่ทำงานเลย เขาแวะที่ร้านกาแฟหน้าหมู่บ้านก่อน เขามีธุระที่จะต้องเคลียร์ให้จบ...เพื่อจะได้ไม่เป็นปัญหาทีหลัง เขาไม่ชอบสะสมปัญหา และมักจะหาทางแก้ไว้ก่อนล่วงหน้า ภูมิไม่ชอบความวุ่นวาย แม้ความวุ่นวายนั่นจะมีผลดีบางส่วนก็ตาม
อรดีวางงานในมือ เงยหน้ายิ้มหวานให้กับผู้ชายรูปงามที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติของผู้ชายที่เป็นสามีในอนาคต
ภูมิยิ้มมุมปาก “ผมขอคุยกับคุณอรส่วนตัว สัก5นาทีได้ไหมครับ”
ท่าทางแสนสุภาพนั่นทำให้อรดีเคลิ้ม เธอถูกไหว้วานจากภาคให้มาเป็นบุคคลที่สามที่ทำให้ภูมิกับผู้หญิงคนนั้นผิดใจกัน...มันไม่ง่ายเลยที่จะทำแบบนั้นได้ ผู้หญิงคนนั้นถูกคนตรงหน้าเธอถนอมเสียยิ่งกว่าไข่ในหิน แค่เธอแตะต้องของ ของหล่อนเข้านิดหน่อย ร้านกาแฟแทบลุกเป็นไฟ เขาไม่พูด ...แต่ส่งสายตาตำหนิเสียจนเธออายหน้าชา
แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งใกล้ชิด ยิ่งได้รู้จักเขามากขึ้น เธอแอบหลงรักภูมิเข้าจริงๆ จนเผลอคิดไปว่า หากเป็นไปได้ ก็จะไม่รีรอที่จะทอดสะพานให้เขาเลย ไหนๆ เธอก็มีโอกาสใกล้ชิดเขามากกว่าผู้หญิงคนอื่นแล้ว ติดนิดดียวเท่านั้น เธอไม่สามารถทำให้ตัวเองสำคัญได้เท่ากับคู่แข่งของเธอเลย
หวานตามาเป็นที่หนึ่งสำหรับภูมิทุกเรื่อง
“ค่ะ”
อรดีรับคำ “สาว ดูเคาน์เตอร์แทนฉันด้วยนะ” เธอหันไปสั่งพนักงานอีกคน ก่อนจะเดินตามชายหนุ่มไปห่างๆ
สาวหันไปมองจิ๋ว จิ๋วหันไปพยักพะเยิดกับแฟง
สามสาวแอบชำเลืองเจ้านายกับผู้จัดการร้านที่ทำท่าประหนึ่งว่าตนเองเป็นว่าที่แฟนของเจ้านายตนเอง หลายครั้งที่อรดีทำให้พวกเธอไม่พอใจ หล่อนเข้มงวดไปเสียทุกเรื่อง บ้างครั้งเรื่องเล็กๆ หล่อนก็โวยวายใหญ่โต หากไม่ติดว่าที่นี่งานสบาย เจ้านายใจดี สามสาวคงเผ่นหนีไปหางานอื่นทำแล้วแน่ๆ
“ฉันว่า...ต้องมีอะไรแน่!!”
สาวหันมาสวมวิญญาณเชอร์ล็อกโฮมเดาความคิดผ่านทางสีหน้าเจ้านายหนุ่ม
แฟงสวมวิญญาณหมอวอตสัน “ท่าทางเฮีย เหมือนจะจัดการ ‘กำจัด’ แม่นั่นเลยนะ”
มองปราดเดียวก็รู้ แม้ภูมิจะมีสีหน้านิ่งๆ แต่สามสาวทำงานกับเขามาตั้งแต่ร้านยังเป็นแค่โครงเหล็ก มีหรือจะไม่สามารถเดาความคิดของเจ้านายหนุ่มได้
“ความจริง ถึงไม่มีคุณอร เราสามคนก็ดูร้านได้นะ ไม่มีปัญหาด้วย” จิ๋วออกความเห็น
ร้านกาแฟเล็กๆ ยอดขายเดือนละไม่ถึงแสน ไม่จำเป็นต้องมีผู้จัดการที่กินเงินเดือนค่อนข้างแพงเลย
“จิ๋วพูดถูก ฉันเห็นด้วย” สาวเห็นด้วยเต็มร้อย เธอกับเพื่อนไม่เข้าใจเจ้านายเหมือนกัน ทำไมถึงจ้างให้คนระเบียบจัดแบบนั้นมาคอยดูแลร้านของเขา บรรยากาศแสนสบายหายไปตั้งแต่อรดีเข้ามาทำงาน ตอนแรกก็แค่แวะมาช่วย ไปๆ มาๆ ทำท่าจะอยู่ยาว จนสามสาวเริ่มคิดหนัก
งานดีๆ แบบนี้หายากเสียด้วย เจ้านายไม่เรื่องมากยิ่งหายากใหญ่
แต่พอมีอรดีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง สาวคิดว่าบรรยากาศมันไม่ชวนสนุกเสียแล้ว
งานเท่าเดิม แต่ความรู้สึกอึดอัดเพิ่มมากขึ้น การเป็นลูกน้องที่ดีต้องมีความอดทน แต่หากมีหัวหน้าเป็นแบบอรดี สาวคิดว่าหางานทำใหม่ คงดีกว่าฝืนความรู้สึกตนเอง
“คุณอรไม่ได้อยากมาทำงานที่นี่หรอก” แฟงออกความเห็น
“ใช่ เธออยากไปนั่งที่พิสิทธิโยธินพร็อพเพอร์ตี้มากกว่า” ท่าทางอรดีบอกแบบนั้น หล่อนวางท่าเหมือนกำลังขึ้นแท่น
“อย่าพูดดังไป เดี๋ยวเฮียได้ยิน จะโดนแฉ่งหูชา” ภูมิไม่เคยทำแบบนั้นหรอก แฟงแค่เปรียบเปรยให้เห็นภาพ
ท่าทางแสนสุภาพแบบเจ้านาย มีหรือจะทำตัวแบบนั้น ภูมิมองนิ่งๆ มีแววตาตำหนิ เท่านั้นแหละพวกเธอก็รู้สึกผิดแล้ว
“ฉันสงสารเจ้หวาน” สาวเปรย
สามสาวถอนใจพร้อมกัน ตั้งแต่วันนั้น หวานตาก็หายหน้าไปเลย ร้านดูเหงาๆ ซึมๆ เมื่อคนที่เคยมาทุกวัน หายไปดื้อๆ
“ผมจะไม่อ้อมค้อมนะครับ”
ภูมิพูดตรงๆ เขามองหน้าอรดี ซึ่งเธอก็ยังยิ้มแย้ม
“ผมขอบคุณคุณอร ที่ยอมทำตามที่พ่อผมขอร้องให้ช่วย แต่คงไม่จำเป็นแล้วครับ”
สีหน้าอรดีสลดลง แต่หล่อนก็ยังวางท่าทางดี จนภูมินึกทึ่ง
“คุณภูมิหมายความว่าไงคะ?” อรดีกลั้นใจถาม เธอรู้สึกไม่ดีเลย
“ผมไม่รู้ว่าคุณอรตกลงกับพ่อมายังไง แต่วันนี้ผมคิดว่าไม่จำเป็นแล้วครับ และหากไม่เป็นการเสียมารยาท ผมขอให้คุณอรลาออกจากการทำงานที่นี่ครับ”
อรดีผงะ เกิดอะไรขึ้น ทั้งที่กำลังไปได้สวยแท้ๆ เธอกำจัดผู้หญิงคนนั้นออกไปจากที่นี่ได้สำเร็จ ยังไม่ได้เริ่มขั้นตอนต่อไป ชายตรงหน้าก็มาบอกให้เธอเป็นฝ่ายหลีกทางไปเสียอีก
“อรอยากช่วย เพราะคุณอามีบุญคุณกับอร แต่เมื่อคุณภูมิไม่ต้องการ ก็ได้ค่ะ”
อรดียอมถอย เพราะชายตรงหน้านั่นเอง เธอจะไปตามหาเหตุผลที่เขากันเธอออกห่าง อย่างน้อยเธอกับเขาก็รู้จักกันแล้ว นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก ภูมิควรมีคู่คิดที่ฉลาด และสามารถช่วยเขาได้ ไม่ใช่ผู้หญิงเอาแต่ใจอย่างผู้หญิงคนนั้น
ข้อดีของหล่อนมีไม่ได้ครึ่งกับสิ่งที่เธอมี
หวานตามีข้อดีข้อเดียว คือการรู้จักภูมิมาตั้งแต่ยังเด็ก
เขากับเธอผูกพันกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าความผูกพัน จะเปลี่ยนเป็นความรักได้
“ขอบคุณที่เข้าใจครับ อย่างน้อยเราก็เป็นเพื่อนกันได้”
อรดีแค่นยิ้ม เธอไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน สักวันหนึ่ง เธอจะทำให้ภูมิเสียใจ เขาสลัดเธอทิ้ง เพราะผู้หญิงไม่เอาไหนคนนั้น
“ผมจะให้พ่อหางานให้คุณอรทำครับ”
อรดียิ้มมุมปาก อย่างน้อยเธอก็ยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เขา โอกาสไม่ได้มีแค่ครั้งเดียว เธอเชื่อว่า วันหน้า... โอกาสเช่นนั้นต้องเวียนมาหาเธออีก
“ขอบคุณค่ะ อรลาเลยนะคะ”
จากนี้ไป เธอคงต้องวางแผนให้รัดกุม การจะทำให้ภูมิสนใจไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แต่...ก็ไม่น่ายาก…ให้ทดลองนี่นา
“ผมจะให้ฝ่ายบุคคลติดต่อไปนะครับ”
มีหลายตำแหน่งงานที่ว่างและน่าจะเหมากับอรดี หล่อนเป็นคนขยันขันแข็ง ที่สำคัญ เขาจะได้รู้สึกผิดน้อยลง
“ขอบคุณอีกครั้งค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวาน หวานที่สุดเท่าที่ฝืนทำได้เธอไม่โวยวายและยอมจากไปอย่างสงบเพื่อให้ภูมิตายใจ
เจ้าของร้าน ‘Perfume coffee’ ถอนใจเบาๆ เรื่องหนักอกถูกคลี่คลายไปหนึ่งเปราะ ที่เหลือก็แค่ใช้เวลาให้เรื่องราวต่างๆ กลับเข้ารูปรอยเดิม จากนี้ไปเขาคงต้องหาทางรับมือกับหวานตา ในรูปแบบใหม่ ใช้โอกาสนี้ทำให้เธอยอมรับเขาในฐานะอื่น...ไม่ใช่แค่เพื่อนเหมือนเดิม
“เฮีย” แฟงใจกล้าร้องเรียกเจ้านาย
ภูมิผินหน้ามามอง “มีอะไรรึ?”
“คุณอร...” ความกล้าของแฟงหมดลงเมื่อสบนัยน์ตาสีดำสนิทของภูมิ คำถามมากมายถูกกลืนหายกลับเข้าไปในอก
“สามคนดูร้านไหวไหมล่ะ หรือต้องหาคนมาช่วยอีก”
ภูมิไม่ได้บอกอะไรเลย แต่คำถามของเขา บอกสิ่งที่แฟงอยากรู้จนหมด
สาวเสิร์ฟยิ้มกว้าง “ไหวค่ะ แฟงจะดูร้านอย่างดี ไม่ให้เสียชื่อถึงเฮียภูมิเลย”
ชายหนุ่มอมยิ้ม ทรงตัวลุกขึ้นยืน “ถ้าจะให้ดี ช่วยโน้มน้าวเจ้หวานของพวกเธอ ให้กลับมานั่งเล่นที่นี่ด้วยสิ”
“ได้เลยค่ะ” แฟงรับปากแข็งขัน หายใจหายคอคล่องขึ้น
พอเจ้านายเดินออกไปจากร้าน สองสาวที่เหลือก็ถลาเข้ามาหาแฟง พร้อมกับส่งเสียงถาม
“ว่าไงแฟง เฮียภูมิว่าไงบ้าง?”
แฟงยืดอกก่อนตอบ “จะว่าไง แม่นั่นลาออกแล้ว ที่นี่เหลือแค่เราสามคนเท่านั้น”
เสียงกรี๊ดดังลั่น ดีทว่ายังไม่มีลูกค้า สามสาวหัวเราะร่ากับความสงบสบายที่กลับมาอีกครั้ง
“ปัญหาใหญ่นะเธอ เฮียขอให้ตามเจ้หวานกลับมานั่งที่ร้านเหมือนเดิม ใครมีวิธีชักจูงเจ้มั่ง เสนอมาได้เลย” แฟงพูดต่อ
“ไม่ยาก ฉันจัดการเอง” จิ๋วคิดออกทันใด วิธีโน้มน้าวหวานตา ทำได้ง่ายๆ
“ทำไงวะจิ๋ว?” สาวถาม เดินตามจิ๋วไปติดๆ
จิ๋วไม่ตอบ ดันประตูที่กั้นระหว่างร้านกับเคาน์เตอร์ เดินเลยไปหลังร้าน
“ไอ้นี่ ทำเป็นอมพะนำ” แฟงบ่น พอดีมีลูกค้าเข้าร้าน แฟงกับสาวเลยตามจิ๋วเข้าไปด้านในไม่ได้ จนกระทั่งนำเครื่องดื่มที่ลูกค้าสั่งไปเสิร์ฟเสร็จ สาวเลยแว๊บเข้าไปด้านใน มีแฟงชะเง้อมองตาม เมื่อกำลังติดพันกับลูกค้าคนใหม่ที่เดินเข้ามาซื้อขนมอบ
จิ๋วกำลังคร่ำเคร่งกับการทำบางอย่าง
พอสาวเห็นเท่านั่นแหละ สาวยกนิ้วให้ จิ๋วเงยหน้ายิ้มรับ สาวเดินกลับไปประจำที่ปล่อยให้จิ๋วทำงานชิ้นนั้นต่อ โดยไม่ทักท้วงอะไร
“ยัยนั่นทำอะไรอยู่ในนั่นอะ?” แฟงเอียงตัวมากระซิบถาม
“ทำเครปเค้ก” สาวเฉลย แฟงยิ้มจนตาหยี
ใช่เลย นับตั้งแต่อรดีเข้ามาดูแลร้าน จนทำให้หวานตาไม่พอใจ ก็เพราะเครปสูตรที่หวานตาคิดถูกปรับเปลี่ยน หลังชิมเครปชิ้นนั้น หวานตาไม่กลับมาที่นี่อีกเลย
“งั้นฉันทำกาแฟสูตรเจ้หวานด้วยดีกว่า”
ของโปรดหวานตา ทุกครั้งที่มาหญิงสาวจะสั่งแต่เมนูเดิมๆ
พนักงานเสิร์ฟทำเมนูโปรดให้หวานตา โดยที่เธอไม่ต้องสั่งยังได้
“ฉันขอเป็นคนไปส่งนะ” สาวอาสา เธอจะเอาเมนูโปรดนี่ ไปส่งหวานตาถึงบ้าน
สามสาวเสิร์ฟพากันทำงานด้วยความสบายใจ หลังจากนี้ไป บรรยากาศร้านกาแฟแห่งนี้คงกลับมาเหมือนเดิม...
บทนำ... ‘ไม่มีชีวิตใครบนโลกใบนี้ที่ไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมีมุมมองที่น่าอิจฉา และน่าสงสารแตกต่างกันไป’ คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมา20ปี และยังคงสถานะการเป็นเพื่อนไว้ตลอด จะทำยังไงกันดีล่ะ?!! หากอีกคนความรู้สึกเปลี่ยนไป หวานตาเริ่มมีความรัก จนทำให้ตัวเองห่างเหินจากเพื่อนสนิท จวบจนวันหนึ่ง ความรักที่ตัวเองทึกทักไปเองจบลง...หวานตารู้สึกเคว้งคว้าง เธอเลยหันมาปรึกษาเพื่อนใกล้ตัว ภูมิเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ภูมิมีผู้หญิงมาสนใจนี่ล่ะ มันคืออะไรอีกหะ? หวานตาไม่ใคร่เข้าใจตัวเองนักหรอก เธอไม่พอใจอะไร? หากเพื่อนของเธอจะทดลองมีความรักบ้าง...มันไม่ใช่เพราะเธอแอนตี้ความรู้สึกแบบนั้นเพราะตัวเองไม่สมหวังหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเธอ...รัก เพื่อนที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ครั้นจะบอกภูมิตรงๆ เธอก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานจะจบลง หากในอนาคต ไม่มีภูมิในชีวิต หวานตาแน่ใจ...เธอคงเฟลไปตลอดชีวิตเหมือนกันบทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ
ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ “ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ” หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง “ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน “อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ” แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ “ดู
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค