“อ้าว...คุณหวานมายืนทำอะไรตรงนี้คะ” น้อยประคองถาดใส่ของว่าง มีน้ำมะตูมเย็นฉ่ำ กับขวดน้ำเปล่าใสวิ้งวางอยู่ด้วย
“หวานยกเข้าไปเองค่ะ” หวานตายื่นมือออกมารั้งถาดที่น้อยถือมา
“น้อยยกเข้าไปเองค่ะคุณหวาน มันหนักนะคะ” น้อยซึ่งยังไม่รู้ว่าระหว่างคนสนิทสองคน มีช่องว่างเกิดขึ้นแล้วเลยพยายามเสนอตัวทำหน้าที่เดิม
หวานตาเดินตามหลังสาวใช้เข้ามา เธอทรุดนั่ง พยายามไม่มองจุดที่เพื่อนชายนั่งอยู่ เธออยากร้องกรี๊ดๆ ตั้งแต่ ‘จูบ’ เขา ภูมิดูเซ็กซี่มากขึ้น ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่านอน ล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติ ดูอย่างตอนนี้สิ เขานอนเอนๆ ดูรายการโปรดที่เขาและเธอเคยชมการแสดงนั่นร่วมกันบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อน ภูมิดูมีเสน่ห์จนรายการโปรดที่หวานตาพลาดไม่ได้ ตัวแสดงหลักกลับดึงดูดสายตาเธอไม่ได้เท่ากับแผงอกขาวๆ ที่โผล่แพล่มออกมาร่ำไรๆ นี่เลย
“ฝีมือพี่น้อยไม่เคยตกเลยนะครับ”
ชายหนุ่มเอ่ยชม หลังจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตๆ เข้าไปในปาก เขาเคี้ยวขนมไทยได้อรรถรสดีเหลือเกิน
หวานตาปรายตามองจานขนมของว่าง สายตาเธอไม่ได้เพี้ยน ขนมก็คือขนม แต่ที่เธออยากชิม กลับไม่ใช่ขนมเสียแล้วสิ
ริมฝีปากสีเข้มที่ขยับขึ้นขยับลงนั่นต่างหากที่น่าสนใจกว่าเป็นไหนๆ
“หึ้ย!!” หวานตารีบสะบัดหน้า เธอคิดพิเรนทร์แบบนั้นกับภูมิได้ยังไง
“คุณหวานเป็นอะไรคะ?” น้อยเห็นอาการแปลกๆ ของหวานตาเข้าพอดี สาวใช้คนสนิทเลยพลั้งปากถาม
“ปะ เปล่าค่ะ แมลงน่ะ แมลงอะไรไม่รู้บินผ่านหน้าหวานไป” หวานตาแก้ตัว ข้อแก้ตัวนั่นฟังพิลึกเมื่อบ้านหวานตามีมุงลวด แมลงที่ไหนจะเล็ดลอดเข้ามาได้
“เดี๋ยวน้อยดูให้ค่ะ เอ...มันเข้ามาได้ยังไงนะ คุณหวานยิ่งแพ้แมลงอยู่ด้วย” น้อยพึมพำบ่นตอนที่เดินถือถาดเปล่าออกไปด้านนอก
ภูมิขำเบาๆ เขาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เท่าที่คอยแอบมอง...หวานตามีหลายอย่างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
“ทำไมวันนี้ภูมิหยุดงานได้ล่ะ งานยุ่งไม่ใช่เหรอคะ?” หวานตาถามแก้เก้อ เธอฉวยแก้วน้ำมะตูมเย็นเฉียบขึ้นมาจิบ
“ผมกลัวหวานไม่สบายใจ เห็นออกไปไหนตั้งแต่เช้าก็ไม่รู้” ชายหนุ่มตอบตามตรง เขาอารมณ์ดีจนนอนไม่หลับ รีบเข้าไปเคลียร์งาน และกลับมาดักรอหวานตาที่บ้าน เขาอยากรู้ว่าหลังเหตุการณ์นั้น หวานตาจะเป็นยังไง
ภูมิไม่รู้หรอกตอนนั้นหวานตาคิดอะไรอยู่...มันอาจจะเป็นอารมณ์ชั่วแล่น แต่นั่นมีผลดีกับเขา ตอนนี้หวานตามองเขาในฐานะผู้ชาย แทนความสัมพันธ์แบบเดิม มันเป็นนิมิตหมายที่ดี เป็นเรื่องดีๆ ที่มีโอกาสจะก้าวหน้า ภูมิเลยไม่คิดที่จะรีรอ เขาเฝ้าหวานตามาเกือบ20ปี สมควรที่เขาจะเป็นฝ่ายรุกบ้างแล้ว
“แค๊กๆ” หญิงสาวสำลักน้ำ ไอจนหน้าแดง...
ชายตรงหน้ารู้กระทั่งอาการรีบร้อนของเธอ
“หวานไปหายายชลมาค่ะ” เธอตอบพร้อมกับเสหลบตา
“ผมเป็นห่วงหวานครับ” ภูมิพูดความจริง สิ่งไหนที่ทำให้หวานตาไม่สบายใจเขาอยากรับไว้เอง
แม้สิ่งนั้นจะเป็นความสุขของเขา ภูมิสละได้ หากนั่นทำให้หวานตารู้สึกดีขึ้น
“หวานก็เป็นห่วงภูมิเหมือนกัน หวานรู้ค่ะ สิ่งที่หวานทำอาจทำให้ภูมิรู้สึกแย่” หญิงสาวพูดเสียงแผ่วๆ เธอเงยหน้ายิ้มแหยๆ ให้ ก่อนจะถอนใจออกมาด้วยความโล่งอก หลังเปิดปากพูดในสิ่งที่ตนเองคิดอยู่ในใจ
“อย่าคิดมากเลย... คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่าง แค่หวานเท่านั้นที่ผมแคร์ที่สุดครับ”
หวานตาซึ้งจนน้ำตาซึม ภูมิเพื่อนเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด ทุกครั้งที่เธอมีปัญหา คนแรกที่เธอคิดถึงคือภูมิ...เขาเป็นคนสำคัญของเธอ หวานตาเลยรู้สึกแย่ เพราะหากการที่เธอทำกับเขาแบบนั้น อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ยาวนานขาดสะบั้นลง
“ขอบคุณนะภูมิ”
“หวานทำกับผม ดีกว่าการไป ‘จูบ’ กับคนอื่นนะครับ”
ชายหนุ่มพูดหน้าตาย หวานตาหน้าร้อนฉ่า ไม่รู้ว่าอุปทานไปเองหรือเปล่า หวานตาคิดว่าเธอเห็นแววตาบางอย่างจากคนตรงหน้า แววตาที่เหมือนกับความยินดีผุดวาบขึ้นมาก่อนจะถูกกลบเกลื่อนหายไป หลังเปลือกตานั่นกะพริบปิดลงมา
ว่าแต่...เขาดีใจที่ถูกเธอจูบเหรอ?
ภูมิกัดริมฝีปากล่างกลั้นยิ้ม... เขาพูดย้ำให้หวานตาจำขึ้นใจ เธอ ‘จูบ’ เขา และหวานตาต้องรับผิดชอบต่อการกระทำอันนั้น หล่อนสมควรมองแค่เขาคนเดียว นับแต่นี้ต่อไป...
ชายหนุ่มนั่งคุยและปรับความเข้าใจกับหวานตา จนอาการเกร็งของเธอเริ่มหายไป หวานตากลับมาเป็นสาวอินดี้คนเดิม ภูมิเลยปลีกตัวกลับไปทำงาน เขาไม่มีเวลาว่างนานขนาดนั้นหรอก มีงานรออยู่เต็มโต๊ะ แต่เพราะหวานตา เขาจำเป็นต้องวางมือจากเรื่องยุ่งเหยิงนั่นก่อน
หวานตาโบกมือลาเพื่อนสนิทที่เดินหายไปหลังประตูเชื่อมระหว่างบ้านเธอกับบ้านหลังใหญ่ของเขา เธอเดินมาทิ้งตัวนั่งที่เดิม ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทร. ออก พร้อมกับระบายความยินดีที่เก็บไว้ไม่อยู่ให้คนปลายสายฟัง
“ยัยชล แกกับฉันคิดมากไปเอง หมอนั่นไม่คิดอะไรเลย ฉันเพิ่งคุยกับเขาเสร็จนี่แหละ”
“จริงอะ?”
ชลดาไม่ใคร่อยากเชื่อ แต่หวานตาไม่ใช่คนชอบพูดปด
“ฉันจะโกหกแกทำไม...ฉันบอกแล้ว ภูมิน่ะ เป็นคนดีที่หนึ่ง เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่เข้าใจฉัน”
หวานตาป้อยอชายหนุ่ม เธอพูดความจริง รองจากบิดา ก็มีภูมินี่และที่เธอไว้ใจ
“ไม่สักนิดเลยเหรอ?” หวานตาสะดุด ความรู้สึกแปลกๆ ของเธอไม่เกี่ยวกันใช่ไหม คนที่เปลี่ยนไปไม่ใช่ภูมิ แต่เป็นเธอ หญิงสาวรีบสลัดความคิดสับสนของตัวเองทิ้ง เธอคงกำลังไขว้เขว่ ต้องใช้เวลาสักพักความรู้สึกนี่คงหายไป เมื่อเธอกับภูมิ เป็นแค่เพื่อนกัน
‘ไม่อยากเป็นแค่เพื่อนแล้วอะ’
มีคำแย้งดังขึ้นในหัว เรียวคิ้วเธอขมวดเป็นปม...เธอไม่ควรคิดแบบนั้น หากยังอยากมีภูมิเป็นเพื่อนต่อไปในอนาคต
‘จริงๆ นะ เพื่อนแสนดีแบบนี้น่าเสียดายแย่ หากยกให้ชะนีคนอื่นไป’
ใช่เลยผู้ชายแสนดีหายากยิ่งกว่าการหาเข็มก้นมหาสมุทร ผู้ชายส่วนใหญ่ที่เป็นชายแท้ก็มีคุณสมบัติไม่เอาไหน ที่ดูดีมีมารยาทก็เป็นเพศที่สามเสียเป็นส่วนใหญ่ ที่เหลือๆ รอดสายตาผู้หญิงมาได้ ก็มีแค่ผู้ชายที่นิสัยเกินจะรับ ผู้ชายหน้าตาดี การงานมั่นคงส่วนใหญ่ถูกจับจองไว้จนหมดแล้ว เท่าที่หวานตาเคยผ่านตา...ไม่มีหรอกที่จะเหลือผู้ชายเพอร์เฟคลอดหู ลอดตาสิงห์สาวมาได้ ภูมิเป็นผู้ชายแท้ๆ คนเดียวที่ยังโสด แต่ก็นั่นแหละ เธอเห็นสาวๆ ตามเกาะแกะเขาไม่น้อย ที่ตีเนียนทำมาเป็นลูกค้าของภูมิก็มีเยอะ ไอ้ที่ถึงขนาดมานั่งเฝ้าที่ร้านกาแฟนั่นหวานตาก็เคยเห็น ตอนนั้นเธอได้แต่ขำ...พอวันนี้เริ่มขำไม่ออก หญิงสาวหรี่เปลือกตาลง นี่เธอคิดเลยเถิดไปไกลเกินไปแล้วนะ
ไม่มีทางที่ภูมิจะเป็น...อีแอบ เธอฟันธงได้ เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ แน่นอน
แล้วทำไมล่ะ? เขาไม่เคยมี ‘ความรัก’ บ้างเลยเหรอ
เธอไม่เคยเห็นภูมิมีท่าทางแบบนั้นกับใครสักคน...หรือว่า เขามีคนที่ชอบอยู่ในใจแล้วก็ได้
...ผู้หญิงโชคดีคนนั้นเป็นใครกัน?...
หวานตาพยายามคิด เธอลืมไปเลยว่ากำลังคุยกับชลดาอยู่ จนกระทั่งเพื่อนของเธอโวยวายผ่านสายโทรศัพท์มานั่นแหละ เธอเลยเพิ่งรู้สึกตัว
“ยัยหวาน แกปล่อยให้ฉันพูดคนเดียวมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วนะ!!”
“โทษทีแก...ฉันคิดอะไรเพลินไปหน่อย”
“ไม่หน่อยแล้วยะ แกปล่อยให้ฉันพล่าม30นาทีเชียวนะ”
“เออน่า ชลแกคิดว่าภูมิ มีคนที่เขาชอบอยู่บ้างไหมฮะ?”
ชลดาหัวเราะดังพรืด หวานตามัวแต่งมหอยโข่งอยู่กลางบึง เลยไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ภูมิสนใจมานานนั่นคือใคร
“แกเห็นอะไรมาล่ะ ถึงมาถามฉันแบบนี้” ชลดายังไม่ยอมเฉลย ปล่อยให้หวานตาเข้าใจผิดแบบนี้แหละ เธอเชื่อว่าผู้ชายคนนั้นกำลังตะล่อมเพื่อนของเธอ เขาใจเย็นและน่าจะทำให้หวานตารู้ตัวได้ไม่ยาก
“เปล๊า!” หวานตาตอบเสียงสูง “คือ...ตั้งแต่ฉันกับภูมิเป็นเพื่อนกันมา ฉันไม่เคยเห็นเขามีปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงคนไหนเลยนี่นา” หวานตารำพัน... ส่วนใหญ่สาวๆ วิ่งตามเขา และภูมิก็มีวิธีเนียนๆ ตีจาก เขาเป็นผู้ชายเรียบร้อยก็จริง แต่เขาก็ดูดีไม่น้อย สีหน้าขรึมๆ นั่นทำให้ผู้หญิงไม่กล้าเทียวไล้เทียวขื่อมากนัก ลักษณะของภูมิน่าเกรงขาม แต่สำหรับเธอแล้ว...ภูมิไม่เคยขัดใจ อะไรที่เธอร้องขอมักจะได้ตามต้องการเสมอ
ชลดากลอกตามองบน เพื่อนของเธอความรู้สึกช้าเสียจริงๆ ผ่านมายี่สิบปีเพิ่งจะมาฉุกใจ... หากไม่เผลอตัวไป ‘จูบ’ ผู้ชายคนนั้นเข้า ป่านนี้หวานตาก็ยังมองไม่เห็นความสำคัญของภูมิอยู่ดี “ผู้ชายนะหวาน มันก็ต้องมีบ้างแหละ” “ฉันไม่เคยเห็นนะ” หวานตาท้วง มีผู้หญิงมาเกาะแกะภูมิจริง...แต่เขาไม่ได้ตอบสนองนี่ “แกเป็นแค่เพื่อนนะยัยหวาน เขาไม่ต้องบอกแกทั้งหมดหรอก นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา” บรรณาธิการหนังสือผู้หญิงพยายามกระตุ้น เผื่อบางทีหวานตาจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง “ฉันรู้ทุกเรื่องของเขานะ” หวานตาไม่วายแย้ง ทุกสิ่งที่เป็นเรื่องของภูมิ ผ่านตาเธอตลอด “ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่มีผู้หญิง ผู้ชายคนไหนที่เป็นเพื่อนกันจริง ยกเว้น...” ชลดาขยักคำพูดไว้ เธออาจจะล้ำเส้นเกินไป เดี๋ยวหวานตาจะเตลิด “ยกเว้นอะไรยัยชล?” หวานตารีบซัก เมื่อจู่ๆ เพื่อนก็หยุดพูดไปดื้อๆ “ฉันจะอธิบายยังไงให้แกเข้าใจดีล่ะ... เอาเป็นว่า ลองทำตามที่ฉันบอกนะ” ชลดาแนะนำหวานตาหลายเรื่อง เสียงครางจากสาวอินดี้ดังมาเป็นระยะ บ้างครั้งก็มี
บทนำ... ‘ไม่มีชีวิตใครบนโลกใบนี้ที่ไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมีมุมมองที่น่าอิจฉา และน่าสงสารแตกต่างกันไป’ คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมา20ปี และยังคงสถานะการเป็นเพื่อนไว้ตลอด จะทำยังไงกันดีล่ะ?!! หากอีกคนความรู้สึกเปลี่ยนไป หวานตาเริ่มมีความรัก จนทำให้ตัวเองห่างเหินจากเพื่อนสนิท จวบจนวันหนึ่ง ความรักที่ตัวเองทึกทักไปเองจบลง...หวานตารู้สึกเคว้งคว้าง เธอเลยหันมาปรึกษาเพื่อนใกล้ตัว ภูมิเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ภูมิมีผู้หญิงมาสนใจนี่ล่ะ มันคืออะไรอีกหะ? หวานตาไม่ใคร่เข้าใจตัวเองนักหรอก เธอไม่พอใจอะไร? หากเพื่อนของเธอจะทดลองมีความรักบ้าง...มันไม่ใช่เพราะเธอแอนตี้ความรู้สึกแบบนั้นเพราะตัวเองไม่สมหวังหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเธอ...รัก เพื่อนที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ครั้นจะบอกภูมิตรงๆ เธอก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานจะจบลง หากในอนาคต ไม่มีภูมิในชีวิต หวานตาแน่ใจ...เธอคงเฟลไปตลอดชีวิตเหมือนกันบทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ
ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ “ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ” หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง “ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน “อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ” แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ “ดู
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี