บทที่6.ความรู้สึกเกินเพื่อน
หวานตาวางมือไม่ถูก เธอไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนหากอยู่กับภูมิ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้ เธอเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามสำรวมความรู้สึกไม่ให้ตื่นตระหนก
“หวานไม่ต้องคิดมากนะ ผมเข้าใจว่าหวานอาจจะมีเหตุผล”
ภูมิชิงพูดก่อน จนหวานตาอึ้ง นัยน์ตาของเขาไร้แววตาอย่างอื่น นอกจากใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง
“แหะๆ” หวานตาแสร้งหัวเราะแก้เก้อ
ภูมิยิ้มร้ายในใจ เขาไม่มีวันปล่อยให้หวานตาหลุดมือหรอก หล่อน ‘จูบ’ เขาแล้ว หวานตาต้องรับผิดชอบชีวิตเขาต่อจากนี้
“เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ผมเข้าใจหวานครับ”
ใบหน้าเล็กๆ ขยับขึ้นลงรัวๆ แม้ตอนนี้หวานตาจะยังหาเหตุผลไม่ได้ เธอทำแบบนั้นกับภูมิทำไม แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ หากเธอยังไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบภูมิไป
“หวานดีใจที่ภูมิไม่คิดมาก” หญิงสาวพูดอ้อมๆ แอ้มๆ
“เรื่องนั้นหวานไม่ต้องเป็นห่วงไปเลย ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้วครับ” ภูมิตอบเสียงขึงขัง เขาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ใต้สีหน้าใสซื่อ
“หวานดีใจจังเลยค่ะ ที่หวานมีเพื่อนแบบภูมิ” หญิงสาวถอนใจด้วยความโล่งอก รู้สึกหน่วงๆ ในใจ เธอผิดหวังอะไรล่ะ ภูมิเข้าใจแล้วก็ดีไม่ใช่เหรอ
นั่นสิ...เธอจะผิดหวังอะไร เธอกับชายตรงหน้าเป็นเพื่อนกันมายี่สิบปีนะ
เพราะความคิดชั่ววูบเกือบทำให้เธอเสียเพื่อนแสนดีไป
หวานตายิ้มกร่อยๆ เธอมองริมฝีปากสีเข้มของภูมิตาปรอย และชายหนุ่มเองก็เห็นสายตาชนิดนั้นของหวานตา เขาหัวเราะร่วนในใจ เหยื่อที่อ่อยไว้...ปลาฮุบเข้าเต็มปากแล้วนี่นา
ภูมิปลดกระดุมเสื้อสูท “วันนี้ร้อนจังเลยเนอะหวาน” เขากระพือปกเสื้อ แสร้งทำท่าทางว่าร้อนอบอ้าว เปล่าเลย...ภูมิกำลังทดสอบหวานตา ความรู้สึกเกี่ยวกับตัวเขาของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปหรือยัง
และมันได้ผลเสียด้วย หวานตามองตามปลายนิ้วเรียวสวยของชายหนุ่ม นิ้วที่เธอเคยค่อนว่าสมัยที่เริ่มโตเป็นหนุ่ม สาวใหม่ๆ ภูมิมีนิ้วที่เรียวสวย สวยกว่านิ้วผู้หญิงเสียอีก ทั้งที่เขาทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่ช่วยคนงานที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างของบิดา หรือแม้แต่การถากหญ้าปลูกต้นไม้ แต่มือของภูมิก็ยังเหมือนเดิม เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังแอบอิจฉา
หวานตาเพิ่งสังเกตเห็น ผิวของภูมิเรียบเนียนแม้จะเป็นสีเข้มกว่าสีผิวของเธอ เขามีช่วงคอที่...เซ็กซี่!! หวานตาผงะ เธอคิดอะไรกับคนตรงหน้า เดี๋ยวนี้สายตาเธอเพี้ยน หรือเป็นเพราะเธอเพี้ยนไป หลังจูบกับภูมิไปแล้ว
หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอฝืดๆ เธอมองลูกกระเดือกแหลมๆ ที่ใต้คางของชายหนุ่ม เขามีช่วงคอที่สวยได้รูป ไม่รวมกับโครงหน้าที่เธอเพิ่งเห็นอย่างจริงจัง ภูมิหน้าตาดีในระดับหนึ่ง เขาเป็นผู้ชายสะอาดที่มองยังไงก็ไม่น่าเบื่อ เนื้อตัวของเขาหอมกรุ่นไปหมด หวานตาเริ่มเวียนหัว...เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เธอกำลังคิดมิดีมิร้ายกับผู้ชายที่เป็นเพื่อนสนิทได้ยังไง
สาวอินดี้พยายามจะชักสายตากลับมาจากภาพที่ทำให้หัวใจตนเองเต้นผิดปกติ
มันไม่ง่ายเลยที่จะถอนสายตาตัวเองกลับมา...หวานตากัดริมฝีปากล่าง เธอหรี่เปลือกตาลง ไล่มองภูมิใหม่ ตั้งแต่ใต้ปลายคาง จนกระทั้งมาถึงรอยแหวกของตัวเสื้อ ภูมิคงกระพือลมใส่ตัวเองมากไป กระดุมที่ช่วงคอเขาเลยหลุดออกไปหลายเม็ด แผงอกตึงๆ ที่เห็นรำไรๆ ทำให้หวานตารู้สึกแปลกๆ เธอเกือบยกมือขึ้นขยี้ผมแล้วร้องกรี๊ดๆ
ภูมิหัวเราะในใจ เขาเห็นกริยาแปลกๆ ของหวานตาเข้าเต็มตา
ผิวแก้มของเธอค่อยๆ มีริ้วสีแดงๆ แต่งแต้ม สิ่งที่หวานตาคิดอยู่ในใจ แสดงออกทางสีหน้าและแววตาจนเห็นได้ชัด
หวานตาไม่ได้มองเขาเป็นแค่เพื่อนอีกต่อไปแล้ว สายตาของเธอมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง
“หวานคงไม่ว่าอะไรนะ หากผมจะขอถอดเสื้อ”
“หะ!!” หวานตาชะงัก หลังพูดจบภูมิก็ถอดเสื้อสูทที่เขาสวมไว้ วางพาดไว้บนพนักโซฟา
หวานตาอยากกัดลิ้นตาย...หลังถอดเสื้อแล้ว เธอยิ่งตาลายกับออร่าที่เปล่งแสงออกมาจากร่างกายของชายตรงหน้า ยี่สิบกว่าปีมานี่ เธอเสียเวลาควานหาผู้ชายดีๆ ที่อื่นทำไม ทั้งที่เธอมีมนุษย์ผู้ชายสมบูรณ์แบบอยู่ข้างตัวมาตลอด เด็กชายในวัยเยาว์ กับภาพติดตาที่เธอฝังไว้ในหัว เด็กผู้ชายผอมแห้ง แขนขาไม่ต่างอะไรกับลำไม้ไผ่ ยี่สิบปีผ่านไป สิ่งที่เธอคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น เปลี่ยนไปทั้งหมด ภูมิเติบโตมาอย่างมีคุณภาพ เขาเป็นผู้ชายแท้ๆ ผู้ชายที่ทำให้สาวๆ กรี๊ดได้ แม้เขาจะแค่นั่งเฉยๆ
แผงอกแน่นๆ กับกล้ามแขนที่มองเห็นใต้เสื้อเชิ้ตสีขาว
หากชลดาอยู่ด้วย เพื่อนของเธอต้องกรี๊ดจนสลบไปแล้วแน่ๆ
เพื่อนของเธอปลื้มชายตรงหน้านักหนา วันนี้เองที่หวานตาเพิ่งเข้าใจ ภูมิมีหลายสิ่งสมควรให้ชลดากรี๊ดได้ เขามีเสน่ห์ความเป็นชายเต็มเปี่ยม เธอนั่นเองแหละที่ตาต่ำ เธอมองข้ามของดีๆ ไปคว้าเอากรวดทรายข้างทางมาเชิดชู หวานตาหลุบเปลือกตาลง รู้สึกเศร้านิดๆ เธอกับภูมิสนิทกันมาก จนหากความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปก็คงไม่กล้าปริปากบอกเขาอยู่ดี เธอกลัวเสียเพื่อนแสนดีไปนั่นเอง
“วันนี้ฝนน่าจะตกนะหวาน ร้อนอบอ้าวไปหมดเลย”
ภูมิสนุกกับการ ‘ยั่ว’ หวานตา เขาปลดกระดุมเสื้อลงมาอีก เหลือไว้แค่เม็ดเดียวและกระพือชายเสื้อเหมือนกับว่าร้อนจนทนไม่ไหว
หวานตายกมือปิดใต้จมูก...เธอรู้สึกร้อนวูบวาบบริเวณนั้น มันเหมือนกับว่าอุณหภูมิในร่างกายของเธอปะทุจุดเดือด และไม่แน่...หากเธอยังมองภาพชวนสยิวตรงหน้าต่อไปอีกนิด...เลือดกำเดาเธอคงไหลออกมาประจานความคิดลามกที่มีต่อภูมิเป็นแน่
“ภูมิหิวไหมคะ?”
หวานตากลั้นใจถาม เธอควรมีเวลาทำใจสักพัก ก่อนที่เธอจะแสดงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปออกมาให้ภูมิเห็น
“นิดหน่อยครับ” ชายหนุ่มยอมถอยให้ เขาไม่ควรรุกเร็วจนหวานตาหนีกระเจิดกระเจิง
“หวานจะไปดูในครัวนะคะ พี่น้อยน่าจะเตรียมของว่างไว้แล้วแหละ”
นี่จะจะเป็นทางเลี่ยงสวยๆ ที่ดีที่สุดเท่าที่เธอคิดออกตอนนี้
ภูมิพยักหน้าเห็นด้วย เขาเอนกายพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางแสนสบาย มันเป็นท่าทางคุ้นตาที่ภูมิปล่อยตัวตามสบายเวลาที่อยู่กับหวานตา เขาไม่ต้องปั้นหน้าเคร่งขรึมในฐานะท่านประธานพิสิทธิโยทินพร็อพเพอร์ตี้
หวานตาเป่าปากดังพรวด ถอนใจแรงๆ เหมือนคนคิดหนัก เธอเดินคอตกหลบไปหลังบ้าน พื้นที่ส่วนตัวของคนทำงานที่อยู่กันมานานจนเหมือนญาติผู้ใหญ่
“น้อยได้ยินเสียงรถคุณภูมิ...วันนี้เธอไม่ไปทำงานเหรอคะคุณหวาน?”
น้อยกำลังสาละวนกับการเตรียมของว่าง คุณผู้ชายไม่อยู่ ส่วนคุณหวานก็เพิ่งจะกลับมา หลังจากออกไปหาเพื่อนตั้งแต่เช้ามืด
“อืม...พี่น้อยมีอะไรให้หวานรองท้องได้มั้งคะ”
เพราะกำลังเครียด หวานตากลืนอะไรไม่ลงเลยตั้งแต่ตอนเช้า แม้ชลดาจะพยายามคะยั้นคะยอ และเมื่อเห็นทีท่าของภูมิไม่ใช่อย่างที่ตนเองกลัว ความหิวก็เริ่มเข้ามาเคาะประตู คงเพราะเธอหิวด้วยหรือเปล่า สมองของเธอเลยพลอยเพี้ยนตามไปด้วย
“มีสาคูไส้หมูค่ะ เดี๋ยวน้อยอุ่นให้ร้อนแล้วจะยกไปเสิร์ฟให้นะคะ”
สาวใช้ประจำบ้านวางงานในมือ กุลีกุจอมาเตรียมอาหารว่างให้นายสาว
“หวานขอน้ำมะตูมด้วยนะคะ”
“คุณภูมิล่ะคะ เอาน้ำอะไรดี?”
“น้ำเปล่าแล้วกัน หมอนั่นรักสุขภาพจะตาย” ภูมิไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มี แอลกอฮอลล์ อันไหนที่มีน้ำตาลเขาก็เลี่ยงเช่นกัน เธอเพิ่งมาคิดๆ เอาตอนนี้ ไม่แปลกหรอกถ้ารูปร่างของเขาจะเฟิร์มขนาดนั้น เธอนั่นแหละที่ตาต่ำ มองเห็นเขาเป็นผู้ชายเนิร์ดไม่เอาไหน ท่าทางกล้องแกล้ง ที่ไหนได้ล่ะ... ภูมิซ่อนรูป เขาเก็บความกำยำไว้ใต้เสื้อผ้าแสนสุภาพนั่นเอง
หวานตาเดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้องรับแขกนั่นเอง เธอไม่รู้ว่าควรจะวางตัวยังไง แม้ภูมิจะไม่ได้คิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่าทางของเขาเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย คนที่ไม่สบายใจกลับเป็นเธอ หวานตารู้ว่า...ความสัมพันธ์ของตนเองกับเพื่อนชาย ย้อนกลับไปที่จุดเดิมไม่ได้อีกแล้ว เมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้สึกเช่นนี้กับภูมิสักนิด แต่เวลานี้มันเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปมากเสียด้วย
ไม่ว่าภูมิจะทำอะไรก็ตาม...มันกระทบตาเธอจังๆ ไอ้ความรู้สึกขัดเขินนี่อีก ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นทำไมนักหนา
ทั้งที่ภูมิก็ยังเป็นภูมิ เป็นเพื่อนชายคนเดิมที่เธอรู้จักมา20ปี
เขายังเป็นเพื่อน ในขณะที่เธอ...เริ่มคิดไม่ซื่อกับเพื่อนเสียแล้ว
“อ้าว...คุณหวานมายืนทำอะไรตรงนี้คะ” น้อยประคองถาดใส่ของว่าง มีน้ำมะตูมเย็นฉ่ำ กับขวดน้ำเปล่าใสวิ้งวางอยู่ด้วย “หวานยกเข้าไปเองค่ะ” หวานตายื่นมือออกมารั้งถาดที่น้อยถือมา “น้อยยกเข้าไปเองค่ะคุณหวาน มันหนักนะคะ” น้อยซึ่งยังไม่รู้ว่าระหว่างคนสนิทสองคน มีช่องว่างเกิดขึ้นแล้วเลยพยายามเสนอตัวทำหน้าที่เดิม หวานตาเดินตามหลังสาวใช้เข้ามา เธอทรุดนั่ง พยายามไม่มองจุดที่เพื่อนชายนั่งอยู่ เธออยากร้องกรี๊ดๆ ตั้งแต่ ‘จูบ’ เขา ภูมิดูเซ็กซี่มากขึ้น ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่านอน ล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติ ดูอย่างตอนนี้สิ เขานอนเอนๆ ดูรายการโปรดที่เขาและเธอเคยชมการแสดงนั่นร่วมกันบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อน ภูมิดูมีเสน่ห์จนรายการโปรดที่หวานตาพลาดไม่ได้ ตัวแสดงหลักกลับดึงดูดสายตาเธอไม่ได้เท่ากับแผงอกขาวๆ ที่โผล่แพล่มออกมาร่ำไรๆ นี่เลย “ฝีมือพี่น้อยไม่เคยตกเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชม หลังจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตๆ เข้าไปในปาก เขาเคี้ยวขนมไทยได้อรรถรสดีเหลือเกิน หวานตาปรายตามองจานขนมของว่าง สายตาเธอไม่ได้เพี้ยน ขนมก็คือขนม แต่ที่เธออยากชิม กลับไม่ใช่ข
ชลดากลอกตามองบน เพื่อนของเธอความรู้สึกช้าเสียจริงๆ ผ่านมายี่สิบปีเพิ่งจะมาฉุกใจ... หากไม่เผลอตัวไป ‘จูบ’ ผู้ชายคนนั้นเข้า ป่านนี้หวานตาก็ยังมองไม่เห็นความสำคัญของภูมิอยู่ดี “ผู้ชายนะหวาน มันก็ต้องมีบ้างแหละ” “ฉันไม่เคยเห็นนะ” หวานตาท้วง มีผู้หญิงมาเกาะแกะภูมิจริง...แต่เขาไม่ได้ตอบสนองนี่ “แกเป็นแค่เพื่อนนะยัยหวาน เขาไม่ต้องบอกแกทั้งหมดหรอก นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา” บรรณาธิการหนังสือผู้หญิงพยายามกระตุ้น เผื่อบางทีหวานตาจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง “ฉันรู้ทุกเรื่องของเขานะ” หวานตาไม่วายแย้ง ทุกสิ่งที่เป็นเรื่องของภูมิ ผ่านตาเธอตลอด “ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่มีผู้หญิง ผู้ชายคนไหนที่เป็นเพื่อนกันจริง ยกเว้น...” ชลดาขยักคำพูดไว้ เธออาจจะล้ำเส้นเกินไป เดี๋ยวหวานตาจะเตลิด “ยกเว้นอะไรยัยชล?” หวานตารีบซัก เมื่อจู่ๆ เพื่อนก็หยุดพูดไปดื้อๆ “ฉันจะอธิบายยังไงให้แกเข้าใจดีล่ะ... เอาเป็นว่า ลองทำตามที่ฉันบอกนะ” ชลดาแนะนำหวานตาหลายเรื่อง เสียงครางจากสาวอินดี้ดังมาเป็นระยะ บ้างครั้งก็มี
บทนำ... ‘ไม่มีชีวิตใครบนโลกใบนี้ที่ไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมีมุมมองที่น่าอิจฉา และน่าสงสารแตกต่างกันไป’ คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมา20ปี และยังคงสถานะการเป็นเพื่อนไว้ตลอด จะทำยังไงกันดีล่ะ?!! หากอีกคนความรู้สึกเปลี่ยนไป หวานตาเริ่มมีความรัก จนทำให้ตัวเองห่างเหินจากเพื่อนสนิท จวบจนวันหนึ่ง ความรักที่ตัวเองทึกทักไปเองจบลง...หวานตารู้สึกเคว้งคว้าง เธอเลยหันมาปรึกษาเพื่อนใกล้ตัว ภูมิเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ภูมิมีผู้หญิงมาสนใจนี่ล่ะ มันคืออะไรอีกหะ? หวานตาไม่ใคร่เข้าใจตัวเองนักหรอก เธอไม่พอใจอะไร? หากเพื่อนของเธอจะทดลองมีความรักบ้าง...มันไม่ใช่เพราะเธอแอนตี้ความรู้สึกแบบนั้นเพราะตัวเองไม่สมหวังหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเธอ...รัก เพื่อนที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ครั้นจะบอกภูมิตรงๆ เธอก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานจะจบลง หากในอนาคต ไม่มีภูมิในชีวิต หวานตาแน่ใจ...เธอคงเฟลไปตลอดชีวิตเหมือนกันบทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ
ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ “ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ” หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง “ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน “อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ” แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ “ดู
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน