ผู้ชายคนนั้นหายหน้าหายตาไป เธอรู้เรื่องเขาจากคนอื่น เฝ้าตามดูเขาห่างๆ เพราะความเป็นห่วง แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาจะส่งข่าวให้เธอรู้โดยตรง พอนานวันเข้า หัวใจของเธอก็ชาด้าน และยอมรับได้ในที่สุด เธอถูกเท...
หญิงสาวถอนใจแรงๆ
นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอเปิดใจให้ผู้ชาย
นับจากนั้นชลดาก็เป็นผู้หญิงเก่งที่ผู้ชายหน้าไหนก็เข้าไม่ถึง เธอก้าวขึ้นไปยืนบนตำแหน่งสูงสุด ด้วยความสามารถ หญิงสาวสัญญากับตัวเอง ชีวิตนี้เธอไม่จำเป็นต้องมีคนข้างกายก็ได้ เมื่อผู้ชายส่วนใหญ่รักแต่ตัวเอง และเห็นแก่ตัว
ใครจะรู้ล่ะ ผู้หญิงที่รอบรู้ไปทุกเรื่อง เก่งรอบด้านอย่างชลดา กลับเป็น ‘สาวเวอร์จิ้น’
“ผู้ชายเฮงซวยอย่างนั้น จำทำไมให้รกสมอง”
ชลดาบอกกับตัวเอง พยายามคิดในแง่ร้าย เธอจะได้ลืมความหลังเก่าๆ เสียที
เธอวนเวียนคิดแต่เรื่องที่ทำให้ฟุ้งซ่าน ชลดากระแทกสันมือกับผิวโต๊ะทำงาน ระเบิดความเกลียดออกมาเสียงดัง
“ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้ผู้ชายใจดำ!!” หญิงสาวถอนใจแรงๆ ยกมือเสยผม แล้วก็ต้องรีบปรับความรู้สึก เมื่อเลขานุการที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเธอดันประตูโผล่หน้าเข้ามามอง
“พี่ชลเป็นอะไรคะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก พี่คิดงานดังไปหน่อย” เธอโบกมือไล่ ทิ้งตัวนั่งทำงานต่อ
เธอไม่ควรปล่อยให้ผู้ชายคนนั้นมารบกวนการทำงานของเธอได้ เขาหายหน้าไปสามปี และสามปีที่ไม่มีเขา ชีวิตเธอรุ่งโรจน์ ดังนั้น...เธอไม่ควรเก็บคน คนนั้นมาให้รกสมอง และสะเทือนถึงวิถีชีวิตของตนเอง
เธอเป็นผู้หญิงสวย รวย และเก่ง
ไม่จำเป็นต้องมีคู่รัก ไม่จำเป็นต้องคิดถึงผู้ชายที่ทิ้งตนเองให้เจ็บใจ
‘จริงเหรอ’
ผู้หญิงคนหนึ่งกระซิบถามเบาๆ ผู้หญิงที่หน้าตา ท่าทางเหมือนเธอยังกับฝาแฝด
“จริง!!” ชลดาพึมพำตอบเสียงแข็ง เธอต้องทำให้ได้ ต้องแสดงให้คนคนนั้นรู้ เขาเองก็ไม่มีค่าในสายตาเธอเช่นกัน
“เฮ! ลมอะไรหอบนักข่าวชื่อดังมาถึงนี่ได้ครับ”
ทรงยศเอ่ยทักทาย เมื่อคนคุ้นเคยโผล่หน้ามาเยือนถึงถิ่น
“ลมว่างงานน่ะ มีงานให้ผมทำไหมครับพี่?” ไซม่อนทิ้งตัวนั่ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“จริงดิ...ที่นั่นรับรองคุณอย่างกับสุลต่านเลยนี่นา ทำไมถึงลาออกเสียล่ะ”
ข่าววงในที่ไม่น่าจะผิด สีหน้าแววตาของคนตรงหน้าไม่ใช่คนที่ถูกอัปเปหิแกมาจากสำนักพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของเกาะฮ่องกง
“เบื่อ” คำตอบสั้นๆ แต่ความหมายตรงตัวที่สุด
พอหมดความเร้าใจ ทุกอย่างรอบตัวก็หนาวเหน็บ เขามีหน้าที่การงานดีๆ ไปเพื่ออะไร ในเมื่อชีวิตมีแต่ความแห้งแร้ง
“คิดถึงคนทางนี้ก็บอกมาตรงๆ ได้นะ”
ทรงยศกระเซ้า เขาสนิทกับหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดีที่เอาดีทางการเป็นเหยี่ยวข่าว แทนการเป็นนายแบบบนปกหนังสือแม็กกาซีน
“ประมาณนั้น” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
“มันจะต่อไม่ติดเอานา” ถึงชลดาจะไม่มีใครข้างกาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหญิงผู้นั้นจะยอมคืนดีด้วย เมื่อสองคนนี่ จากกันแบบไม่ประทับใจเท่าสักเท่าไหร่
“มันก็ไม่ยากหรอก ยัยนั่นน่ะ ยังรักผมอยู่”
ไซม่อนมั่นใจ ความรู้สึกพิเศษระหว่างกันไม่ได้เลือนหายไปตามเวลา ที่เขาควรทำก็แค่ง้างปากคนปากแข็งให้ยอมรับความจริงแค่นั้น
“มันจะเหนื่อยเปล่าน่ะสิ” ทรงยศเตือนด้วยความหวังดี
ผู้หญิงมีนิสัยหลายอย่างที่เขาพยายามทำความเข้าใจ แต่จนป่านนี้ก็ยังไม่เข้าใจสักที
‘เสียหน้าไม่ได้ ยอมตายดีกว่า’
ดูได้จากภรรยาเขา รายนั้น...หากไม่เพราะห่วงบรรดาลูกๆ มีหรือจะยอมอ่อนข้อให้
“ผมไม่ได้ไปเพราะมีคนอื่นนี่นา ผมไปทำงานนะครับ” ไซม่อนเถียงข้างๆ คูๆ เวลานั้น เขาลืมชลดาเสียสนิทจริงๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ร่วมงานกับสำนักพิมพ์ใหญ่หัวนอก ทำให้เขาลืมผู้หญิงที่เขากับเธอเพิ่งตกลงเริ่มต้นคบกัน และเพราะงานอีกนั่นแหละที่ดึงเวลาเขาไปเกือบทั้งหมด เขาทุ่มเทที่จะลบคำสบประมาท จนวันหนึ่งที่ถึงจุดอิ่มตัว มันก็สายเกินกว่าจะย้อนกลับมาแก้ไข จะว่าต่อไม่ติดก็คงไม่ผิดนัก
“ถึงอย่างนั้น คุณก็ทิ้งเธอไปนะ”
ชลดาไม่ได้ปริปากถามถึง ทั้งที่เธอรู้ว่าเขากับชายที่นั่งหน้านิ่งอยู่ตรงหน้าสนิทกันมากแค่ไหน เธอทำงานอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ตัวเอง พอๆ กับเพื่อนของเขาที่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ที่ฮ่องกงนั่นแหละ...
“ผมไปทำงานครับ” ไซม่อนบอกทรงยศ รวมทั้งบอกตนเองด้วย เขาจะได้รู้สึกผิดน้อยลง
“ครับท่าน ตกลงกลับมาอยู่ถาวรเลยใช่ไหม?”
“อืม...”
“พักอยู่ที่เดิมด้วยไหมล่ะ”
“ใช่ครับ”
“ชลก็ยังอยู่ที่เดิมเหมือนกันนะ” หน้าที่การงานมั่นคง รายได้มากขึ้น แต่ชลดาก็ยังอยู่ที่เดิม บ้านเล็กๆ ที่เป็นมรดกของเธอ แทนบ้านหลังใหญ่ๆ ที่เธอสามารถเติมความสุขให้ตัวเองได้ และบ้านหลังนั้น อยู่ติดกับบ้านของไซม่อนนั่นเอง
“นึกว่าย้ายไปแล้ว เป็นถึง บก. ไม่อยากอยู่บ้านหรูๆ หรือคอนโดแพงเหรอไง”
ชายหนุ่มรำพึง
“เขาไม่ได้รอเอ็งหรอก อย่าฝันหวานไปหน่อยเลย” ทรงยศปราม
“ไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกครับ ผมรู้ชลเขารักบ้านของเขาจะตาย”
บ้านหลังนั้นคือตัวแทนความรักในครอบครัวของชลดา ไม่แปลกหรอกที่เธอยังยึดติดที่นั่น แบบนั้นก็ง่ายสำหรับเขาด้วย
“เงินเดือนตั้ง20k ไม่เสียดายเหรอไง”
สองแสนสำหรับเงินเดือนนักข่าว มันแพงเอาการทีเดียว
“ไม่เลยครับ...บอกแล้วว่าเบื่อ”
เขาวิ่งตามความฝันถึงสามปี แต่แล้วเมื่อหยุดคิด ทุกอย่างรอบตัวแห้งแร้งจนหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจ
“ถ้าจะทำงานที่นี่ สู้ได้ไม่เกินสามหมื่นนะ”
“ได้เลยครับ ผมไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน”
ไซม่อนตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
ทรงยศกระแทกลมหายใจใส่ เขาอยากเป็นคนพูดคำนี้บ้าง แต่...มันไกลเกินเอื้อม เมื่อภาระที่แบกไว้ แทบจะหมุนไม่ทัน ไหนจะค่าใช้จ่ายในบ้าน ค่าเล่าเรียนของลูกๆ จิปาถะที่ต้องควักจ่าย ในเศรษฐกิจที่ซบเซ้าจนไม่มีทีท่าว่าจะกระเตื้องขึ้น
“หมั่นไส้คนโสด ถามจริง ที่นั่นไม่มีคนถูกใจบ้างหรือไง”
“มันก็มีบ้าง แต่ที่ประทับใจจนลืมไม่ได้ ไม่มี”
ชีวิตลูกผู้ชาย...มันก็ต้องพบเจอกับเรื่องอย่างนั้นมาบ้าง เขาไม่ใช่พระที่ต้องครองตนถือศีลอด ไซม่อนใช้ชีวิตคุ้มสุดๆ แต่เขาก็ฉลาดที่จะเอาตัวรอด ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนจ้องจะตะครุบ นาทีนี้ไซม่อนรู้แล้วล่ะ เขาหวงความโสดไว้ทำไม เพราะหากลงหลักปักฐานที่นั่น แต่ละคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็คุฯสมบัติดีงามเกือบทุกคน
คงเป็นเพราะ ผู้หญิงคนหนึ่งที่นี่
ทำให้เขาตัดสินใจเริ่มใหม่ไม่ได้นั่นเอง
“เอาใจช่วยแล้วกัน เริ่มงานวันไหนดีล่ะ”
ในฐานะเพื่อน ทรงยศก็อยากให้ไซม่อนได้มีความสุขแท้จริงบ้าง เขาเหนื่อยกับการตามความฝันและเมื่อหยุดพัก นั่นคงเป็นจุดอิ่มตัวจริงๆ
“ฝากนี่ไปให้ลูกๆ พี่ด้วยนะครับ ของขวัญจากคุณอารูปหล่อ ไม่ได้ให้เสียหลายปีเลย” ชายหนุ่มล้วงซองสีขาวออกมาจากกระเป๋ากางเกงส่งให้เพื่อนสนิทที่หวังดีกับเขามาตลอด
“อะไรวะ เห้ย!! ไม่เอาหรอก เกรงใจ” ทรงยศเสือกซองยับๆ นั่นคืน หลังเปิดดูด้านใน กระดาษแผ่นเล็กๆ มีตัวเลขบอกจำนวน มันมากเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งเจอกัน หลังหายไปหลายปี
“ค่าเทอมหลานๆ เอาไปเถอะครับ บอกแล้วผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน”
ไซม่อนทรงตัวลุกขึ้นยืน “อาทิตย์หน้านะ จะเข้ามาทำงาน อาทิตย์นี้ขอจัดการกับบ้านก่อน”
เขาตอบ พร้อมกับโบกมือลา ทรงยศยกมือกดหัวตา เพื่อนคนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนแสนดีเหมือนเดิม
บทที่6.ความรู้สึกเกินเพื่อน หวานตาวางมือไม่ถูก เธอไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนหากอยู่กับภูมิ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้ เธอเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามสำรวมความรู้สึกไม่ให้ตื่นตระหนก “หวานไม่ต้องคิดมากนะ ผมเข้าใจว่าหวานอาจจะมีเหตุผล” ภูมิชิงพูดก่อน จนหวานตาอึ้ง นัยน์ตาของเขาไร้แววตาอย่างอื่น นอกจากใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง “แหะๆ” หวานตาแสร้งหัวเราะแก้เก้อ ภูมิยิ้มร้ายในใจ เขาไม่มีวันปล่อยให้หวานตาหลุดมือหรอก หล่อน ‘จูบ’ เขาแล้ว หวานตาต้องรับผิดชอบชีวิตเขาต่อจากนี้ “เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ผมเข้าใจหวานครับ” ใบหน้าเล็กๆ ขยับขึ้นลงรัวๆ แม้ตอนนี้หวานตาจะยังหาเหตุผลไม่ได้ เธอทำแบบนั้นกับภูมิทำไม แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ หากเธอยังไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบภูมิไป “หวานดีใจที่ภูมิไม่คิดมาก” หญิงสาวพูดอ้อมๆ แอ้มๆ “เรื่องนั้นหวานไม่ต้องเป็นห่วงไปเลย ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้วครับ” ภูมิตอบเสียงขึงขัง เขาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ใต้สีหน้าใสซื่อ “หวานดีใจจังเลยค่ะ ที่
“อ้าว...คุณหวานมายืนทำอะไรตรงนี้คะ” น้อยประคองถาดใส่ของว่าง มีน้ำมะตูมเย็นฉ่ำ กับขวดน้ำเปล่าใสวิ้งวางอยู่ด้วย “หวานยกเข้าไปเองค่ะ” หวานตายื่นมือออกมารั้งถาดที่น้อยถือมา “น้อยยกเข้าไปเองค่ะคุณหวาน มันหนักนะคะ” น้อยซึ่งยังไม่รู้ว่าระหว่างคนสนิทสองคน มีช่องว่างเกิดขึ้นแล้วเลยพยายามเสนอตัวทำหน้าที่เดิม หวานตาเดินตามหลังสาวใช้เข้ามา เธอทรุดนั่ง พยายามไม่มองจุดที่เพื่อนชายนั่งอยู่ เธออยากร้องกรี๊ดๆ ตั้งแต่ ‘จูบ’ เขา ภูมิดูเซ็กซี่มากขึ้น ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่านอน ล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติ ดูอย่างตอนนี้สิ เขานอนเอนๆ ดูรายการโปรดที่เขาและเธอเคยชมการแสดงนั่นร่วมกันบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อน ภูมิดูมีเสน่ห์จนรายการโปรดที่หวานตาพลาดไม่ได้ ตัวแสดงหลักกลับดึงดูดสายตาเธอไม่ได้เท่ากับแผงอกขาวๆ ที่โผล่แพล่มออกมาร่ำไรๆ นี่เลย “ฝีมือพี่น้อยไม่เคยตกเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชม หลังจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตๆ เข้าไปในปาก เขาเคี้ยวขนมไทยได้อรรถรสดีเหลือเกิน หวานตาปรายตามองจานขนมของว่าง สายตาเธอไม่ได้เพี้ยน ขนมก็คือขนม แต่ที่เธออยากชิม กลับไม่ใช่ข
ชลดากลอกตามองบน เพื่อนของเธอความรู้สึกช้าเสียจริงๆ ผ่านมายี่สิบปีเพิ่งจะมาฉุกใจ... หากไม่เผลอตัวไป ‘จูบ’ ผู้ชายคนนั้นเข้า ป่านนี้หวานตาก็ยังมองไม่เห็นความสำคัญของภูมิอยู่ดี “ผู้ชายนะหวาน มันก็ต้องมีบ้างแหละ” “ฉันไม่เคยเห็นนะ” หวานตาท้วง มีผู้หญิงมาเกาะแกะภูมิจริง...แต่เขาไม่ได้ตอบสนองนี่ “แกเป็นแค่เพื่อนนะยัยหวาน เขาไม่ต้องบอกแกทั้งหมดหรอก นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา” บรรณาธิการหนังสือผู้หญิงพยายามกระตุ้น เผื่อบางทีหวานตาจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง “ฉันรู้ทุกเรื่องของเขานะ” หวานตาไม่วายแย้ง ทุกสิ่งที่เป็นเรื่องของภูมิ ผ่านตาเธอตลอด “ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่มีผู้หญิง ผู้ชายคนไหนที่เป็นเพื่อนกันจริง ยกเว้น...” ชลดาขยักคำพูดไว้ เธออาจจะล้ำเส้นเกินไป เดี๋ยวหวานตาจะเตลิด “ยกเว้นอะไรยัยชล?” หวานตารีบซัก เมื่อจู่ๆ เพื่อนก็หยุดพูดไปดื้อๆ “ฉันจะอธิบายยังไงให้แกเข้าใจดีล่ะ... เอาเป็นว่า ลองทำตามที่ฉันบอกนะ” ชลดาแนะนำหวานตาหลายเรื่อง เสียงครางจากสาวอินดี้ดังมาเป็นระยะ บ้างครั้งก็มี
บทนำ... ‘ไม่มีชีวิตใครบนโลกใบนี้ที่ไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมีมุมมองที่น่าอิจฉา และน่าสงสารแตกต่างกันไป’ คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมา20ปี และยังคงสถานะการเป็นเพื่อนไว้ตลอด จะทำยังไงกันดีล่ะ?!! หากอีกคนความรู้สึกเปลี่ยนไป หวานตาเริ่มมีความรัก จนทำให้ตัวเองห่างเหินจากเพื่อนสนิท จวบจนวันหนึ่ง ความรักที่ตัวเองทึกทักไปเองจบลง...หวานตารู้สึกเคว้งคว้าง เธอเลยหันมาปรึกษาเพื่อนใกล้ตัว ภูมิเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ภูมิมีผู้หญิงมาสนใจนี่ล่ะ มันคืออะไรอีกหะ? หวานตาไม่ใคร่เข้าใจตัวเองนักหรอก เธอไม่พอใจอะไร? หากเพื่อนของเธอจะทดลองมีความรักบ้าง...มันไม่ใช่เพราะเธอแอนตี้ความรู้สึกแบบนั้นเพราะตัวเองไม่สมหวังหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเธอ...รัก เพื่อนที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ครั้นจะบอกภูมิตรงๆ เธอก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานจะจบลง หากในอนาคต ไม่มีภูมิในชีวิต หวานตาแน่ใจ...เธอคงเฟลไปตลอดชีวิตเหมือนกันบทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ
ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ “ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ” หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง “ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน “อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ” แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ “ดู
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร