Share

บทที่5.จะเสียเพื่อนเพราะ ‘จูบ’ 1

บทที่5.จะเสียเพื่อนเพราะ ‘จูบ’

          “ชลลลลล!”

          หวานตาแบกสังขารไม่เต็มร้อยมาหาชลดาถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อนของเธอยังไม่ลุกจากที่นอนเลย

          “อะไรอีกกกกกก!!?”

          ชลดาถามเสียงอู้อี้ งัวเงียตื่น...เพราะหวานตาพยายามปลุก หวานตาตะโกนเสียงดังไม่พอ เธอยังเขย่าชลดาแรงๆ หญิงสาวใจร้อนเป็นไฟ เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน... ก่อนที่ทุกอย่างจะพัง

          “ชลถามหน่อยสิ... สมมุตินะชล ถ้าแกพลาดไปจูบกับผู้ชายที่เป็นแค่เพื่อน แกกับเพื่อนคนนั้นยังเหมือนเดิมอีกไหมฮะ?”

          หวานตากลั้นใจถาม เธอลุ้นคำตอบด้วยหัวใจเต้นตึกตัก

          ชลดาเงยหน้ามอง ยกมือขยี้เปลือกตาเพื่อดึงสติ แต่คำตอบของเพื่อนสนิทเล่นเอาหวานตาตัวเย็นวาบ

          “ถามทำไมยะ? ก็เสียเพื่อนไปตั้งแต่ตอนที่ ‘จูบ’ แล้วล่ะมั้ง”

          ชลดาพูดหน้าตาย เธอไม่เห็นเข้าใจ หวานตาปลุกเธอขึ้นมาถามเรื่องนี้กับเพื่ออะไร?

          “แล้วถ้าอ้างว่าทำงไปเพราะเมาล่ะ ยังจะรักษาเพื่อนคนนั้นไว้ได้อีกหรือเปล่า?”

          หญิงสาวพยายามหาเหตุผลประกอบ มันต้องมีสักทางสิที่จะรั้งความรู้สึกดีๆ เกือบ20ปีไว้ได้ เธอยกมือขึ้นตบศีรษะตัวเองแรงๆ เธอฟั่นเฟื่อนไปแล้วแหงๆ ถึงได้ทำแบบนั้นกับภูมิ หวานตาไม่อยากแก้ตัว มันคือความคิดชั่ววูบ แต่กลับส่งผลร้ายแรงจนเธอไม่รู้จะแก้ปัญหาที่ก่อไว้ยังไงดี

          “มันไม่ใช่ข้ออ้างนะแก เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน และมันก็เปราะบางมากๆ ด้วย”

          ชลดาลุกขึ้นนั่ง จ้องหน้าหวานตาจนหญิงสาวต้องเสหลบสายตานั่น

          “คนมันเมาอะ คงจำอะไรไม่ได้หรอกมั้ง”

          หวานตาพยายามคิดในแง่ดี ภูมิอาจจะจำไม่ได้ก็ได้ แต่...เขาไม่ได้ดื่มสักแก้วเลยนะ มีเสียงค้านในใจ ถึงภูมิจะไม่ใช่พวกคนชอบดื่ม แต่เขาก็ไม่น่าคออ่อนเมาได้ เพียงเพราะแค่ดมกลิ่นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรอกมั้ง

          “ถามจริง?” ชลดาจ้องหน้าหวานตา “แกไปจูบใครมางั้นเหรอ?” ชลดาคาดคั้นต่อ ท่าทางหวานตามีพิรุธ

          เมื่อคืนชลดาติดธุระ เธอเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับหวานตา ภูมิเลยอาสาไปแทน ทุกครั้งก็ตามที่หวานตาออกเที่ยวจะต้องมีเพื่อนสนิทคอยตามไป ไม่เธอก็ภูมินี่แหละ

          “ปะ เปล่า!!” หญิงสาวรีบปฏิเสธทั้งคำพูดและท่าทาง

          “ไม่จริง”

          ชลดาพยายามถามต่อ เธอกระโจนลงจากเตียง เดินไปจ้องหน้าหวานตาแบบจริงจัง

          หญิงสาวรีบฉวยหมอนอิงขึ้นมากอด รีบก้มหน้าลงหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อน

          “สารภาพมาดีๆ หวาน ฉันจะช่วยแกคิดหาทางออก!!” ชลดาคาดคั้น คนฉลาดอย่างหวานตาไม่จวนตัวไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากใครหรอก

          ริมฝีปากล่างถูกกัดไว้ พยายามที่สุดที่จะไม่โพล่งความลับออกไปให้ชลดารู้ แต่...หากไม่ปรึกษาใครสักคน เธอเองนั่นแหละที่จะอกแตกตาย...

          “พูดมา...” ชลดาปักหลักจ้องหน้าหวานตาแบบตาไม่กะพริบ

          “เหม็นขี้ฟันแกอะ” หวานตาบ่น เธอขอเวลาเตรียมใจสักหน่อยเถอะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันใหญ่จนหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ต้องแล่นมาให้ชลดาช่วยนี่แหละ

          “ก็ได้หวาน...10นาที ฉันขอแปรงฟัน แต่หากฉันออกมาแล้วแกยังไม่พูด ฉันจะง้างปากแกคอยดู”

          ชลดาเดินถอยหลัง เธอยกนิ้วชี้หน้าหวานตา พร้อมกับคาดโทษไว้

          “ฉันก็ต้องบอกแกนั่นแหละยัยชล นอกจากแกแล้ว...ฉันจะไปถามใครได้”   

          หวานตาบ่นอุบ ผิวแก้วร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงความกล้าบ้าบิ่นของตัวเอง อะไรทำให้เธอทำแบบนั้นกับภูมิได้นะ

          ‘จูบ’ ที่ไม่เคยคิดจะจูบกับใคร ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นในหัวของเธอ ไม่ว่าจะบรรดาแฟนเก่าๆ หรือแม้แต่เรืองฤทธิ์ ผู้ชายทุกคนของเธอ หากใครพยายามทำเช่นนั้น หวานตาพร้อมจะหันหลังให้ เธอไม่ชอบให้ใครมาจูบ แต่ทำไมเธอ ถึงไปจูบภูมิ

          “หวานเอ๋ย แกเมาแน่ๆ”

          หวานตายกมือตบศีรษะตัวเอง โยกหัวไปมา พยายามสลัดภาพที่ฝังอยู่ในกลีบสมองให้หลุดออกไป

          “แกไปแดนซ์มาเมื่อคืน ไปกับใคร?”

          หลังล้างหน้าแปรงฟัน กลิ่นที่ไม่ได้กลิ่นมาก่อนครั้งแรกตอนที่กำลังเมาขี้ตา ตอนนี้ชลดาได้กลิ่นแอลกอฮอล์ระเหยออกมาจากลมหายใจของเพื่อน เธอเดาได้จากสิ่งนั้น หวานตาคงไปเที่ยว และคงดื่มมาไม่น้อย

          ก่อนที่หวานตาจะตอบ ชลดาก็ยกมือห้าม “เดี๋ยวไม่ต้องตอบฉันเดาเอง” หญิงสาวนิ่งคิด ก่อนจะแสยะยิ้ม หวานตาขนลุก แววตาเจ้าเล่ห์ของชลดาทำให้ขนทั้งตัวเธอพร้อมใจกันลุกตั้งชัน “ไปกับคุณภูมิของแกมางั้นสินะ!!”

          หวานตาย่นปลายจมูก เธอเลือกที่จะอมพะนำไว้เหมือนเดิม ก็ในเมื่อชลดาเดาถูก เพื่อนของเธอก็น่าจะเดาเหตุการณ์หลังจากนี้ได้

          “แก ‘จูบ’ คุณภูมิมางั้นเหรอ?”

          ชลดาครางเสียงหลง ยกมือเขย่าหวานตาจนหญิงสาวต้องร้องห้าม

          “แกจะเขย่าฉันทำไมยัยชล เดี๋ยวสมองฉันก็ไหลออกมากองข้างนอกหรอก”

          “ไม่ต้องมาเฉไฉเลยยัยหวาน บอกมา แกจูบกับคุณภูมิทำไม?”

          ชลดาคาดคั้น... “ไม่รู้สิ!!”

          หวานตาตอบตามตรง เธอไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงทำเช่นนั้นเหมือนกัน

          อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ ผีแม่หม้าย อาจจะลอยผ่านมาแถวนั้น แล้วเผลอเข้าสิงเธอก็ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะก่อเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ก็ภูมิน่ะ เพื่อนสนิทของเธอนะ...

          ชลดาปล่อยแขนหวานตา เปลี่ยนเป็นยกมือเกาคาง พร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆ

          “มีอะไรยั่วยุให้แกทำแบบนั้นหรือเปล่าหวาน?”

          หวานตาไม่ใช่คนเหลวไหล มันน่าจะมีอะไรบางอย่ากระตุ้นให้เพื่อนของเธอทำแบบนั้น

          “มันก็มีนิดหน่อยน่ะ”

          หรือไม่บางที หวานตาก็กำลังหาข้ออ้างให้ตัวเองอยู่

          “แกคงเจอกับไอ้หมอนั่นสินะ” ชลดาพยายามปะติดปะต่อ และเดาเอาเองตามประสาคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์

          “อืมมมม” หวานตาพยักหน้ารัวๆ “มันมากับป้าคนนั้นด้วยสินะ” ชลดาเดาเหมือนมองเห็นด้วยตาตัวเอง

          หวานตาพยักหน้าซ้ำ “แล้วมันก็เข้ามาแขวะแก เหมือนที่มันเคยทำบ่อยๆ” ชลดาเดา สันดานแบบเรืองฤทธิ์ เธอมองไม่ผิดหรอก

          “นั่นก็ใช่...”

          “เอ...แล้วมันมีตรงไหนที่ทำให้แกต้องจูบกับคุณภูมิล่ะ?”

          หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืดๆ นั่นสิ...มันไม่มีชนวนเหตุที่ทำให้เธอต้องทำแบบนั้นกับเพื่อนของตัวเอง แล้วเธอทำแบบนั้นกับเขาทำไม

          “คือ...”

          “ไม่ต้องตอบฉันยัยหวาน...ตอนนี้แกต้องห่วงคุณภูมิก่อน แกคงชิ่งมาเลยสินะ แล้วคุณภูมิเป็นยังไงบ้างล่ะ?”

          แทนที่จะห่วงหวานตา ชลดากลับเป็นห่วงภูมิมากกว่า

          “ฉันเป็นผู้หญิงนะยัยชล!!” หวานตาแหวเสียงสูง

          “แต่แกเป็นคนจูบเค้า!!” ชลดาย้อนเสียงสูงกว่า

          “แหม...หมอนั่นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง!!” หวานตาลดเสียงลง เธอบ่นพึม เมื่อภูมิคือฝ่ายชาย ถึงเธอจะเป็นคนลงมือ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงนะ

          “นี่ฉันจะบอกให้เก็บไว้เป็นความรู้ กฏหมายสมัยนี้ เอาโทษได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายนะยะ...หากอีกฝ่ายไม่เต็มใจ แกมีความผิดยะ ถ้าหากคุณภูมิเขาจะเอาเรื่องแกนะ”

          “เรื่องนั้นฉันก็พอรู้ แต่แค่จูบเองนะชล”

          หวานตาไม่วายย้อน เธอทำตาประหลำประเหลือก เมื่อไม่รู้วันหน้าจะมองหน้าภูมิอย่างไรดี

          ในขณะที่สองสาวกำลังถกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ภูมิกลับไม่เดือดร้อน เขากลับบ้านหลังหวานตาด้วยการโบกแท็กซี่มาส่ง...ภาคถึงกับมองลอดแว่น เมื่อบุตรชายคนเดียวของท่านเดินเข้ามาในบ้านเป็นจังหวะวอลซ์ เขาหมุนตัวเป็นวงกลม ใบหน้าเปื้อนยิ้มท่าทางเหมือนคนบ้า...

          ภาคว่าจะเรียกบุตรชายมาถามอาการมึนๆ เบลอๆ นั่น

          แต่เมื่อเห็นบุตชายยิ้มร่า ท่านเลยเปลี่ยนใจ เก็บไว้ถามตอนมื้อเช้าก็ไม่สายไปหรอก

          ดังนั้น...ตอนที่บิดาถามระหว่างมื้อเช้า ภูมิถึงกับสำลักกาแฟ ไอดังโครกๆ

          “ท่าทางลูก ตอนเดินเข้าบ้านเมื่อคืน เหมือนเผด็จศึกหนูหวานได้เลยนะ”

          สายใจชำเลืองมองทั้งสามีและบุตรชาย เรื่องที่ภาคพูด ไม่ควรเอามาล้อเล่นบนโต๊ะอาหาร เพราะหากคนนอกได้ยิน หวานตาจะเสื่อมเสียได้

          นางเลยตำหนิสามีด้วยสายตา

          “ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร!!”

          ระหว่างที่ยกผ้าขึ้นซับมุมปาก กับคราบกาแฟที่กระเซ็นเปรอะไปที่หน้าขา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status