บทที่5.จะเสียเพื่อนเพราะ ‘จูบ’
“ชลลลลล!”
หวานตาแบกสังขารไม่เต็มร้อยมาหาชลดาถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อนของเธอยังไม่ลุกจากที่นอนเลย
“อะไรอีกกกกกก!!?”
ชลดาถามเสียงอู้อี้ งัวเงียตื่น...เพราะหวานตาพยายามปลุก หวานตาตะโกนเสียงดังไม่พอ เธอยังเขย่าชลดาแรงๆ หญิงสาวใจร้อนเป็นไฟ เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน... ก่อนที่ทุกอย่างจะพัง
“ชลถามหน่อยสิ... สมมุตินะชล ถ้าแกพลาดไปจูบกับผู้ชายที่เป็นแค่เพื่อน แกกับเพื่อนคนนั้นยังเหมือนเดิมอีกไหมฮะ?”
หวานตากลั้นใจถาม เธอลุ้นคำตอบด้วยหัวใจเต้นตึกตัก
ชลดาเงยหน้ามอง ยกมือขยี้เปลือกตาเพื่อดึงสติ แต่คำตอบของเพื่อนสนิทเล่นเอาหวานตาตัวเย็นวาบ
“ถามทำไมยะ? ก็เสียเพื่อนไปตั้งแต่ตอนที่ ‘จูบ’ แล้วล่ะมั้ง”
ชลดาพูดหน้าตาย เธอไม่เห็นเข้าใจ หวานตาปลุกเธอขึ้นมาถามเรื่องนี้กับเพื่ออะไร?
“แล้วถ้าอ้างว่าทำงไปเพราะเมาล่ะ ยังจะรักษาเพื่อนคนนั้นไว้ได้อีกหรือเปล่า?”
หญิงสาวพยายามหาเหตุผลประกอบ มันต้องมีสักทางสิที่จะรั้งความรู้สึกดีๆ เกือบ20ปีไว้ได้ เธอยกมือขึ้นตบศีรษะตัวเองแรงๆ เธอฟั่นเฟื่อนไปแล้วแหงๆ ถึงได้ทำแบบนั้นกับภูมิ หวานตาไม่อยากแก้ตัว มันคือความคิดชั่ววูบ แต่กลับส่งผลร้ายแรงจนเธอไม่รู้จะแก้ปัญหาที่ก่อไว้ยังไงดี
“มันไม่ใช่ข้ออ้างนะแก เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน และมันก็เปราะบางมากๆ ด้วย”
ชลดาลุกขึ้นนั่ง จ้องหน้าหวานตาจนหญิงสาวต้องเสหลบสายตานั่น
“คนมันเมาอะ คงจำอะไรไม่ได้หรอกมั้ง”
หวานตาพยายามคิดในแง่ดี ภูมิอาจจะจำไม่ได้ก็ได้ แต่...เขาไม่ได้ดื่มสักแก้วเลยนะ มีเสียงค้านในใจ ถึงภูมิจะไม่ใช่พวกคนชอบดื่ม แต่เขาก็ไม่น่าคออ่อนเมาได้ เพียงเพราะแค่ดมกลิ่นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์หรอกมั้ง
“ถามจริง?” ชลดาจ้องหน้าหวานตา “แกไปจูบใครมางั้นเหรอ?” ชลดาคาดคั้นต่อ ท่าทางหวานตามีพิรุธ
เมื่อคืนชลดาติดธุระ เธอเลยไม่ได้ไปเที่ยวกับหวานตา ภูมิเลยอาสาไปแทน ทุกครั้งก็ตามที่หวานตาออกเที่ยวจะต้องมีเพื่อนสนิทคอยตามไป ไม่เธอก็ภูมินี่แหละ
“ปะ เปล่า!!” หญิงสาวรีบปฏิเสธทั้งคำพูดและท่าทาง
“ไม่จริง”
ชลดาพยายามถามต่อ เธอกระโจนลงจากเตียง เดินไปจ้องหน้าหวานตาแบบจริงจัง
หญิงสาวรีบฉวยหมอนอิงขึ้นมากอด รีบก้มหน้าลงหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อน
“สารภาพมาดีๆ หวาน ฉันจะช่วยแกคิดหาทางออก!!” ชลดาคาดคั้น คนฉลาดอย่างหวานตาไม่จวนตัวไม่มีทางขอความช่วยเหลือจากใครหรอก
ริมฝีปากล่างถูกกัดไว้ พยายามที่สุดที่จะไม่โพล่งความลับออกไปให้ชลดารู้ แต่...หากไม่ปรึกษาใครสักคน เธอเองนั่นแหละที่จะอกแตกตาย...
“พูดมา...” ชลดาปักหลักจ้องหน้าหวานตาแบบตาไม่กะพริบ
“เหม็นขี้ฟันแกอะ” หวานตาบ่น เธอขอเวลาเตรียมใจสักหน่อยเถอะ เรื่องที่เกิดขึ้นมันใหญ่จนหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ ต้องแล่นมาให้ชลดาช่วยนี่แหละ
“ก็ได้หวาน...10นาที ฉันขอแปรงฟัน แต่หากฉันออกมาแล้วแกยังไม่พูด ฉันจะง้างปากแกคอยดู”
ชลดาเดินถอยหลัง เธอยกนิ้วชี้หน้าหวานตา พร้อมกับคาดโทษไว้
“ฉันก็ต้องบอกแกนั่นแหละยัยชล นอกจากแกแล้ว...ฉันจะไปถามใครได้”
หวานตาบ่นอุบ ผิวแก้วร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงความกล้าบ้าบิ่นของตัวเอง อะไรทำให้เธอทำแบบนั้นกับภูมิได้นะ
‘จูบ’ ที่ไม่เคยคิดจะจูบกับใคร ไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นในหัวของเธอ ไม่ว่าจะบรรดาแฟนเก่าๆ หรือแม้แต่เรืองฤทธิ์ ผู้ชายทุกคนของเธอ หากใครพยายามทำเช่นนั้น หวานตาพร้อมจะหันหลังให้ เธอไม่ชอบให้ใครมาจูบ แต่ทำไมเธอ ถึงไปจูบภูมิ
“หวานเอ๋ย แกเมาแน่ๆ”
หวานตายกมือตบศีรษะตัวเอง โยกหัวไปมา พยายามสลัดภาพที่ฝังอยู่ในกลีบสมองให้หลุดออกไป
“แกไปแดนซ์มาเมื่อคืน ไปกับใคร?”
หลังล้างหน้าแปรงฟัน กลิ่นที่ไม่ได้กลิ่นมาก่อนครั้งแรกตอนที่กำลังเมาขี้ตา ตอนนี้ชลดาได้กลิ่นแอลกอฮอล์ระเหยออกมาจากลมหายใจของเพื่อน เธอเดาได้จากสิ่งนั้น หวานตาคงไปเที่ยว และคงดื่มมาไม่น้อย
ก่อนที่หวานตาจะตอบ ชลดาก็ยกมือห้าม “เดี๋ยวไม่ต้องตอบฉันเดาเอง” หญิงสาวนิ่งคิด ก่อนจะแสยะยิ้ม หวานตาขนลุก แววตาเจ้าเล่ห์ของชลดาทำให้ขนทั้งตัวเธอพร้อมใจกันลุกตั้งชัน “ไปกับคุณภูมิของแกมางั้นสินะ!!”
หวานตาย่นปลายจมูก เธอเลือกที่จะอมพะนำไว้เหมือนเดิม ก็ในเมื่อชลดาเดาถูก เพื่อนของเธอก็น่าจะเดาเหตุการณ์หลังจากนี้ได้
“แก ‘จูบ’ คุณภูมิมางั้นเหรอ?”
ชลดาครางเสียงหลง ยกมือเขย่าหวานตาจนหญิงสาวต้องร้องห้าม
“แกจะเขย่าฉันทำไมยัยชล เดี๋ยวสมองฉันก็ไหลออกมากองข้างนอกหรอก”
“ไม่ต้องมาเฉไฉเลยยัยหวาน บอกมา แกจูบกับคุณภูมิทำไม?”
ชลดาคาดคั้น... “ไม่รู้สิ!!”
หวานตาตอบตามตรง เธอไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงทำเช่นนั้นเหมือนกัน
อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ ผีแม่หม้าย อาจจะลอยผ่านมาแถวนั้น แล้วเผลอเข้าสิงเธอก็ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะก่อเรื่องแบบนั้นได้ยังไง ก็ภูมิน่ะ เพื่อนสนิทของเธอนะ...
ชลดาปล่อยแขนหวานตา เปลี่ยนเป็นยกมือเกาคาง พร้อมกับบ่นพึมพำเบาๆ
“มีอะไรยั่วยุให้แกทำแบบนั้นหรือเปล่าหวาน?”
หวานตาไม่ใช่คนเหลวไหล มันน่าจะมีอะไรบางอย่ากระตุ้นให้เพื่อนของเธอทำแบบนั้น
“มันก็มีนิดหน่อยน่ะ”
หรือไม่บางที หวานตาก็กำลังหาข้ออ้างให้ตัวเองอยู่
“แกคงเจอกับไอ้หมอนั่นสินะ” ชลดาพยายามปะติดปะต่อ และเดาเอาเองตามประสาคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
“อืมมมม” หวานตาพยักหน้ารัวๆ “มันมากับป้าคนนั้นด้วยสินะ” ชลดาเดาเหมือนมองเห็นด้วยตาตัวเอง
หวานตาพยักหน้าซ้ำ “แล้วมันก็เข้ามาแขวะแก เหมือนที่มันเคยทำบ่อยๆ” ชลดาเดา สันดานแบบเรืองฤทธิ์ เธอมองไม่ผิดหรอก
“นั่นก็ใช่...”
“เอ...แล้วมันมีตรงไหนที่ทำให้แกต้องจูบกับคุณภูมิล่ะ?”
หญิงสาวกลืนน้ำลายฝืดๆ นั่นสิ...มันไม่มีชนวนเหตุที่ทำให้เธอต้องทำแบบนั้นกับเพื่อนของตัวเอง แล้วเธอทำแบบนั้นกับเขาทำไม
“คือ...”
“ไม่ต้องตอบฉันยัยหวาน...ตอนนี้แกต้องห่วงคุณภูมิก่อน แกคงชิ่งมาเลยสินะ แล้วคุณภูมิเป็นยังไงบ้างล่ะ?”
แทนที่จะห่วงหวานตา ชลดากลับเป็นห่วงภูมิมากกว่า
“ฉันเป็นผู้หญิงนะยัยชล!!” หวานตาแหวเสียงสูง
“แต่แกเป็นคนจูบเค้า!!” ชลดาย้อนเสียงสูงกว่า
“แหม...หมอนั่นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง!!” หวานตาลดเสียงลง เธอบ่นพึม เมื่อภูมิคือฝ่ายชาย ถึงเธอจะเป็นคนลงมือ แต่เธอก็เป็นผู้หญิงนะ
“นี่ฉันจะบอกให้เก็บไว้เป็นความรู้ กฏหมายสมัยนี้ เอาโทษได้ทั้งผู้หญิงผู้ชายนะยะ...หากอีกฝ่ายไม่เต็มใจ แกมีความผิดยะ ถ้าหากคุณภูมิเขาจะเอาเรื่องแกนะ”
“เรื่องนั้นฉันก็พอรู้ แต่แค่จูบเองนะชล”
หวานตาไม่วายย้อน เธอทำตาประหลำประเหลือก เมื่อไม่รู้วันหน้าจะมองหน้าภูมิอย่างไรดี
ในขณะที่สองสาวกำลังถกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ภูมิกลับไม่เดือดร้อน เขากลับบ้านหลังหวานตาด้วยการโบกแท็กซี่มาส่ง...ภาคถึงกับมองลอดแว่น เมื่อบุตรชายคนเดียวของท่านเดินเข้ามาในบ้านเป็นจังหวะวอลซ์ เขาหมุนตัวเป็นวงกลม ใบหน้าเปื้อนยิ้มท่าทางเหมือนคนบ้า...
ภาคว่าจะเรียกบุตรชายมาถามอาการมึนๆ เบลอๆ นั่น
แต่เมื่อเห็นบุตชายยิ้มร่า ท่านเลยเปลี่ยนใจ เก็บไว้ถามตอนมื้อเช้าก็ไม่สายไปหรอก
ดังนั้น...ตอนที่บิดาถามระหว่างมื้อเช้า ภูมิถึงกับสำลักกาแฟ ไอดังโครกๆ
“ท่าทางลูก ตอนเดินเข้าบ้านเมื่อคืน เหมือนเผด็จศึกหนูหวานได้เลยนะ”
สายใจชำเลืองมองทั้งสามีและบุตรชาย เรื่องที่ภาคพูด ไม่ควรเอามาล้อเล่นบนโต๊ะอาหาร เพราะหากคนนอกได้ยิน หวานตาจะเสื่อมเสียได้
นางเลยตำหนิสามีด้วยสายตา
“ปะ เปล่าครับ ไม่มีอะไร!!”
ระหว่างที่ยกผ้าขึ้นซับมุมปาก กับคราบกาแฟที่กระเซ็นเปรอะไปที่หน้าขา
“อย่ามาโกหกพ่อ...เราไม่เคยมีท่าทางแบบนั้น แล้วถ้าอ้างว่าเมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่” บิดาดักทางออกของเขาจนหมด เพราะทั้งท่านและเขาพิสิทธิโยทินสองพ่อลูก ไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สักคน “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพ่อแค่ผมถูก ‘จูบ’” ภูมิตอบหน้าตาย เคล้ง! ช้อนในมือของสายใจหล่นบนพื้น นางมืออ่อนหลังได้ยินคำตอบของบุตรชาย ในขณะที่ภาคหัวเราะลั่น “ผู้หญิงที่จูบลูก คือหนูหวานงั้นสินะ” ไม่จำเป็นต้องเดาเลย ท่าทางบุตรชายยิ่งกว่าดอกไม้ได้ฝน กลีบสีสดแย้มบานรับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ความยินดีที่ปิดไม่มิดนั่น แสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา “โอ้ย!! แม่จะเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่” สายใจโบกมือพัดลมใส่หน้า นางถามเสียงสั่นๆ “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภูมิตอบเสียงเรียบ เขาอมยิ้มมุมปากแววตาพราวระยิบตลอดเวลา “มันเป็นผลมาจาก การมีใครเข้ามาในชีวิตลูกหรือเปล่า?” “ไม่ใช่หรอกครับ แต่มาคิดๆ ดู มันก็อาจจะมีส่วน” ภูมิตอบ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะไปทำงาน “เดี๋ยวๆ แม่งง ทำไมลูกไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย” สายใจรั้งไว้ ท่าทางบุตรชายสบายๆ เหมือนไม่มีอ
ผู้ชายคนนั้นหายหน้าหายตาไป เธอรู้เรื่องเขาจากคนอื่น เฝ้าตามดูเขาห่างๆ เพราะความเป็นห่วง แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาจะส่งข่าวให้เธอรู้โดยตรง พอนานวันเข้า หัวใจของเธอก็ชาด้าน และยอมรับได้ในที่สุด เธอถูกเท... หญิงสาวถอนใจแรงๆ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอเปิดใจให้ผู้ชาย นับจากนั้นชลดาก็เป็นผู้หญิงเก่งที่ผู้ชายหน้าไหนก็เข้าไม่ถึง เธอก้าวขึ้นไปยืนบนตำแหน่งสูงสุด ด้วยความสามารถ หญิงสาวสัญญากับตัวเอง ชีวิตนี้เธอไม่จำเป็นต้องมีคนข้างกายก็ได้ เมื่อผู้ชายส่วนใหญ่รักแต่ตัวเอง และเห็นแก่ตัว ใครจะรู้ล่ะ ผู้หญิงที่รอบรู้ไปทุกเรื่อง เก่งรอบด้านอย่างชลดา กลับเป็น ‘สาวเวอร์จิ้น’ “ผู้ชายเฮงซวยอย่างนั้น จำทำไมให้รกสมอง” ชลดาบอกกับตัวเอง พยายามคิดในแง่ร้าย เธอจะได้ลืมความหลังเก่าๆ เสียที เธอวนเวียนคิดแต่เรื่องที่ทำให้ฟุ้งซ่าน ชลดากระแทกสันมือกับผิวโต๊ะทำงาน ระเบิดความเกลียดออกมาเสียงดัง “ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้ผู้ชายใจดำ!!” หญิงสาวถอนใจแรงๆ ยกมือเสยผม แล้วก็ต้องรีบปรับความรู้สึก เมื่อเลขานุการที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเธอดันประตูโ
บทที่6.ความรู้สึกเกินเพื่อน หวานตาวางมือไม่ถูก เธอไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนหากอยู่กับภูมิ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้ เธอเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามสำรวมความรู้สึกไม่ให้ตื่นตระหนก “หวานไม่ต้องคิดมากนะ ผมเข้าใจว่าหวานอาจจะมีเหตุผล” ภูมิชิงพูดก่อน จนหวานตาอึ้ง นัยน์ตาของเขาไร้แววตาอย่างอื่น นอกจากใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง “แหะๆ” หวานตาแสร้งหัวเราะแก้เก้อ ภูมิยิ้มร้ายในใจ เขาไม่มีวันปล่อยให้หวานตาหลุดมือหรอก หล่อน ‘จูบ’ เขาแล้ว หวานตาต้องรับผิดชอบชีวิตเขาต่อจากนี้ “เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ผมเข้าใจหวานครับ” ใบหน้าเล็กๆ ขยับขึ้นลงรัวๆ แม้ตอนนี้หวานตาจะยังหาเหตุผลไม่ได้ เธอทำแบบนั้นกับภูมิทำไม แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ หากเธอยังไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบภูมิไป “หวานดีใจที่ภูมิไม่คิดมาก” หญิงสาวพูดอ้อมๆ แอ้มๆ “เรื่องนั้นหวานไม่ต้องเป็นห่วงไปเลย ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้วครับ” ภูมิตอบเสียงขึงขัง เขาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ใต้สีหน้าใสซื่อ “หวานดีใจจังเลยค่ะ ที่
“อ้าว...คุณหวานมายืนทำอะไรตรงนี้คะ” น้อยประคองถาดใส่ของว่าง มีน้ำมะตูมเย็นฉ่ำ กับขวดน้ำเปล่าใสวิ้งวางอยู่ด้วย “หวานยกเข้าไปเองค่ะ” หวานตายื่นมือออกมารั้งถาดที่น้อยถือมา “น้อยยกเข้าไปเองค่ะคุณหวาน มันหนักนะคะ” น้อยซึ่งยังไม่รู้ว่าระหว่างคนสนิทสองคน มีช่องว่างเกิดขึ้นแล้วเลยพยายามเสนอตัวทำหน้าที่เดิม หวานตาเดินตามหลังสาวใช้เข้ามา เธอทรุดนั่ง พยายามไม่มองจุดที่เพื่อนชายนั่งอยู่ เธออยากร้องกรี๊ดๆ ตั้งแต่ ‘จูบ’ เขา ภูมิดูเซ็กซี่มากขึ้น ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่านอน ล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติ ดูอย่างตอนนี้สิ เขานอนเอนๆ ดูรายการโปรดที่เขาและเธอเคยชมการแสดงนั่นร่วมกันบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อน ภูมิดูมีเสน่ห์จนรายการโปรดที่หวานตาพลาดไม่ได้ ตัวแสดงหลักกลับดึงดูดสายตาเธอไม่ได้เท่ากับแผงอกขาวๆ ที่โผล่แพล่มออกมาร่ำไรๆ นี่เลย “ฝีมือพี่น้อยไม่เคยตกเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชม หลังจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตๆ เข้าไปในปาก เขาเคี้ยวขนมไทยได้อรรถรสดีเหลือเกิน หวานตาปรายตามองจานขนมของว่าง สายตาเธอไม่ได้เพี้ยน ขนมก็คือขนม แต่ที่เธออยากชิม กลับไม่ใช่ข
ชลดากลอกตามองบน เพื่อนของเธอความรู้สึกช้าเสียจริงๆ ผ่านมายี่สิบปีเพิ่งจะมาฉุกใจ... หากไม่เผลอตัวไป ‘จูบ’ ผู้ชายคนนั้นเข้า ป่านนี้หวานตาก็ยังมองไม่เห็นความสำคัญของภูมิอยู่ดี “ผู้ชายนะหวาน มันก็ต้องมีบ้างแหละ” “ฉันไม่เคยเห็นนะ” หวานตาท้วง มีผู้หญิงมาเกาะแกะภูมิจริง...แต่เขาไม่ได้ตอบสนองนี่ “แกเป็นแค่เพื่อนนะยัยหวาน เขาไม่ต้องบอกแกทั้งหมดหรอก นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเขา” บรรณาธิการหนังสือผู้หญิงพยายามกระตุ้น เผื่อบางทีหวานตาจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง “ฉันรู้ทุกเรื่องของเขานะ” หวานตาไม่วายแย้ง ทุกสิ่งที่เป็นเรื่องของภูมิ ผ่านตาเธอตลอด “ฉันไม่เชื่อหรอก ไม่มีผู้หญิง ผู้ชายคนไหนที่เป็นเพื่อนกันจริง ยกเว้น...” ชลดาขยักคำพูดไว้ เธออาจจะล้ำเส้นเกินไป เดี๋ยวหวานตาจะเตลิด “ยกเว้นอะไรยัยชล?” หวานตารีบซัก เมื่อจู่ๆ เพื่อนก็หยุดพูดไปดื้อๆ “ฉันจะอธิบายยังไงให้แกเข้าใจดีล่ะ... เอาเป็นว่า ลองทำตามที่ฉันบอกนะ” ชลดาแนะนำหวานตาหลายเรื่อง เสียงครางจากสาวอินดี้ดังมาเป็นระยะ บ้างครั้งก็มี
บทนำ... ‘ไม่มีชีวิตใครบนโลกใบนี้ที่ไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมีมุมมองที่น่าอิจฉา และน่าสงสารแตกต่างกันไป’ คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมา20ปี และยังคงสถานะการเป็นเพื่อนไว้ตลอด จะทำยังไงกันดีล่ะ?!! หากอีกคนความรู้สึกเปลี่ยนไป หวานตาเริ่มมีความรัก จนทำให้ตัวเองห่างเหินจากเพื่อนสนิท จวบจนวันหนึ่ง ความรักที่ตัวเองทึกทักไปเองจบลง...หวานตารู้สึกเคว้งคว้าง เธอเลยหันมาปรึกษาเพื่อนใกล้ตัว ภูมิเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ภูมิมีผู้หญิงมาสนใจนี่ล่ะ มันคืออะไรอีกหะ? หวานตาไม่ใคร่เข้าใจตัวเองนักหรอก เธอไม่พอใจอะไร? หากเพื่อนของเธอจะทดลองมีความรักบ้าง...มันไม่ใช่เพราะเธอแอนตี้ความรู้สึกแบบนั้นเพราะตัวเองไม่สมหวังหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเธอ...รัก เพื่อนที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น ครั้นจะบอกภูมิตรงๆ เธอก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานจะจบลง หากในอนาคต ไม่มีภูมิในชีวิต หวานตาแน่ใจ...เธอคงเฟลไปตลอดชีวิตเหมือนกันบทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ
ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ “ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ” หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง “ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน “อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ” แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ “ดู
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง