หญิงสาวบ่น ชลดาน่าจะติดพันกับการทำงาน เพราะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือนแบบนี้ เพื่อนของเธอจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ไม่กินไม่นอนจนกว่างานจะเสร็จ
“หวานก็ไปกับผมสิครับ”
“ก็ได้นะ...”
มันก็ดีกว่านอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงคนเดียวแหละ ออกไปยืดเส้นยืดสายก็ดีเหมือนกัน
ภูมิเจริญอาหาร ไม่ใช่เพราะพี่น้อยทำกับข้าวอร่อยหรอก สายใจมารดาของเขา มีรสมือพอๆ กับคนที่เรียนทำอาหารกับครูชาววัง แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก เพราะหวานตา เลยทำให้กับข้าวธรรมดา เหมือนอาหารทิพย์
การเป็นเพื่อนสนิทก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย
อย่างน้อยก็ทำให้เขากับหวานตามีเวลาส่วนตัวแบบไม่มีใครรบกวน
บางครั้งภูมิมีความสำคัญกว่า ‘แฟน’ ของหวานตาเสียอีก เพราะเพื่อนชายคนสนิทเหล่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์ทวีทรัพย์ บางคนไม่เคยได้มาเหยียบบ้านหวานตาเลย
หวานตาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภูมิเลยถือโอกาสนั้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเช่นกัน
บ้านเขากับบ้านเธอ มีรั้วที่เชื่อมถึงกัน นั่นเป็นการยืนยันความสนิทสนมของสองครอบครัวเป็นอย่างดี
“หล่อเหมือนกันนะนี่” หวานตาชม เมื่อภูมิเดินกลับมาพร้อมกับชุดใหม่
เขาไม่ได้สวมสูทกับกางเกงสีเรียบๆ เหมือนที่เธอเห็นจนชินตา วันนี้ภูมิสวมเชิ้ตสีขาวตัวใหญ่ กับกางเกงพอดีตัวสีน้ำตาล และที่สำคัญ เขาถอดแว่นตา ที่เธอเห็นเขาสวมไว้ตลอด หวานตาเพิ่งเห็นจริงๆ จังๆ วันนี้ ภูมิเป็นผู้ชายหน้าตาดีไม่แพ้ใครเลย เพียงแต่เขาเคร่งขรึมดูเป็นผู้ใหญ่ อาจจะเป็นเพราะภาระที่แบกไว้ เลยทำให้ภูมิดูโตเกินตัว
ครั้นพอเขาแต่งชุดลำลอง...
“พอภูมิแต่งตัวแบบนี้...หล่อเหมือนกันนะนี่”
คงเป็นเพราะเขาไม่ได้ใส่สูทเนี๊ยบเหมือนเคย หนุ่มตรงหน้าเลยดูแปลกตา
“หวานเพิ่งรู้เหรอครับ” ชายหนุ่มตอบหน้าตาย
“รู้นานแล้ว สาวๆ ตามกรี๊ดภูมิเป็นบ้าเป็นหลัง” หวานตาตอบทันควัน
เธอรู้นานแล้วว่าคนข้างตัวเป็นขวัญใจสาวๆ หนุ่มเนิร์ดท่าทางสุภาพ สมัยนี้กำลังเป็นที่นิยม แต่ไม่ใช่สเปกหวานตา
“รีบไปเถอะครับ เดี๋ยวไม่มีที่นั่ง” วันศุกร์ที่คนส่วนใหญ่ชอบนักล่ะ กับการไปเที่ยวกลางคืน สถานบริการเลยค่อนข้างแน่น อีกอย่างหวานตาต้องการระบายอารมณ์ หล่อนคงดื่มหนัก และออกแรงไม่น้อย ดังนั้นควรมีที่นั่งดีๆ ไว้สำหรับพักขา
“อืม...” หวานตาพยักหน้ารับ ฉวยกระเป๋าสะพายใบเล็กมาคล้องหัวไหล่ ในนั้นมีทุกอย่างที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรพก ยกเว้นเครื่องสำอาง
สำหรับหวานตา เธอไม่จำเป็นต้องคอยเติมแป้งหรือซับหน้า
โครงหน้าสวยคม แต่งตัวทะมัดทะแมง แถมมีภูมิตามไปเป็นองครักษ์ ดังนั้นหวานตาจึงไม่ต้องระวังหลัง ยังไงเสียเพื่อนของเธอก็ไม่ปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับความเสี่ยงหรอก
คนมาเที่ยวค่อนข้างหนาตา แต่ก็ยังมีโต๊ะว่าง ภูมิเดินนำหน้า มีหวานตาเดินตาม เธอกวาดตามองไปรอบตัว แววตาเป็นประกาย เสียงดนตรีช่วยให้ความรู้สึกขุ่นใจลดทอนลง...
“หวานลงไปเต้นก่อนนะภูมิ” ยังไม่ทันหย่อนก้นลงนั่ง หวานตาก็ตั้งท่าจะลงไปวาดลวดลายบนฟลอร์ด้านล่าง
“หวานเอาเครื่องดื่มอะไรดีครับ” ภูมิไม่ได้ท้วงหรือรั้งไว้
“เอาเบียร์นะภูมิ แต่เดี๋ยวหวานมา” หวานตาถลาลงไปด้านล่างทันทีที่พูดจบ
ภูมิส่ายศีรษะ เขาเดินไปที่บาร์เครื่องดื่ม เพื่อจัดหาเครื่องดื่มให้หวานตา ชายหนุ่มเดินกลับมาที่โต๊ะ พร้อมกับเครื่องดื่มสองแก้วในมือ ของหวานตาคือเบียร์เหยือกใหญ่ เพื่อนสาวของเขาคอแข็ง แอลกอฮอล์แค่นี้ไม่สามารถทำให้หวานตาเซได้ ส่วนของภูมิคือน้ำผลไม้ไร้แอลกอฮอล์
บาร์เทนเดอร์ไม่ได้คิดอะไร เขาคงคิดว่าเครื่องดื่มแก้วนี้ คือของผู้หญิงที่มากับเขา
แต่เปล่าเลยมันตรงกันข้าม ภูมิไม่นิยมดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์
เขามาเป็นเพื่อน แม้ในความจริงเขาจะเป็นเพื่อนอยู่แล้ว
ระหว่างที่นั่งจิบน้ำ ภูมิกวาดตามองไปรอบๆ เขาพบกับคนที่ไม่ควรพบ โชคดีอยู่อย่าง ไอ้หมอนั่น... พกผู้หญิงคนใหม่มาด้วย ท่าทางไม่สนโลกแบบนั้น คงไม่เหลือเยื่อใยกับหวานตาแล้ว ภูมิยิ้มหยัน ผู้ชายแบบนั้น หลุดออกไปจากวงจรชีวิตหวานตาได้นั่นแหละดี
ภูมิมองไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้โฟกัสที่ไหนเป็นพิเศษ เขารู้ตัวดีว่า ตัวเองเป็นจุดสนใจไม่น้อย
มีผู้หญิงหลายคนพยายามส่งสายตาให้ ชายหนุ่มนึกขำในใจ
คนที่เขาอยากให้สนใจ กลับไม่เหลือบแล ส่วนคนที่ไม่ต้องการกลับพุ่งความสนใจมาที่เขา
โลกไม่ยุติธรรมเลย สิ่งที่เขาต้องการ พยายามแทบตาย กลับไขว่คว้ามาไม่ได้ ส่วนสิ่งที่ไม่อยากได้ ลอยเข้ามาอยู่ในมือ แบบสบายๆ
ภูมิจิบเครื่องดื่มสลับกับการมองไปที่หวานตา เขาโครงศีรษะ สาวเปรี้ยวแก่นซ่ากำลังสนุกกับจังหวะและลีลาเร้าใจ
หวานตายิ้มสดใส พลอยทำให้เขารู้สึกดีไปด้วย
ตืดดดด....
สมาร์ทโฟนเครื่องบางเฉียบสั่นรัวๆ ภูมิล้วงออกมาจากกระเป๋า เขาเพ่งมองผ่านความสลัว เบอร์ที่ขึ้นโชว์ไม่คุ้นตา แถมไม่ได้เมมไว้เสียด้วย
แต่เพราะเบอร์นี้ มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ และทุกคนนั่นล้วนแล้วแต่เป็นคนสนิทชิดเชื้อ
ภูมิลุกขึ้นยืน เขาเดินเลยไปที่ฟลอร์เต้นรำ “หวาน ผมออกไปรับโทรศัพท์นะครับ”
ชายหนุ่มตะโกนแข่งกับเสียงอึกทึก หวานตาเอียงหูฟัง ใบหน้าชื้นเหงื่อขยับเข้ามาใกล้ๆ จนภูมิใจสั่น
“อืม” หวานตาพยักหน้ารัวๆ
ภูมิเดินเลยออกไปด้านนอก พอหมดเสียงรบกวนจึงกดรับสาย
“ไง สบายดีไหม ผมกลับมาแล้วนะ” ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เสียงจากปลายสายคุ้นหู แต่ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งถึงจะจำได้
“สบายดี นึกว่าจะอยู่ยาว ไม่กลับมาแล้วเสียอีกนะครับ”
เพื่อนรุ่นพี่ที่ภูมิสนิทด้วย เขาหายหน้าไปหลายปี ได้ข่าวว่าไปเสี่ยงโชคที่ต่างประเทศจนประสบความสำเร็จ ภูมิคิดว่าไซม่อนจะไม่กลับมาประเทศไทยแล้วเสียอีก
“ไม่กลับได้ยังไง หัวใจผมอยู่ที่นี่”
เสียงคนอารมณ์ดีตอบกลับมา และเพราะความที่หายหน้าไปนาน ภูมิจึงใช้เวลาสนทนากับเพื่อนเก่าไปไม่น้อยเลย
“ว่างๆ แวะมาหาผมนะ จะได้คุยกันยาวๆ”
เขาอยากเห็นหน้า และได้ถามไถ่กันนานๆ การคุยผ่านสายโทรศัพท์มันไม่สะใจ
“อืม...คงสักพักล่ะ ขอไปตามหาหัวใจก่อน”
“จะกลับไปคืนดีกับสาวคนเดิมเหรอครับ”
“เราไม่ได้ทะเลาะกันนะภูมิ แค่ผมไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรตอนที่ไปจากเค้าเลย”
“แต่นั่นเท่ากับคุณทิ้งเขาไปไม่ใช่เหรอครับ?”
“มันก็ใช่ แค่เราไม่ได้บาดหมางกันนะ น่าจะต่อกันติด กลัวแค่อย่างเดียวนั่นแหละ กลัวเธอมีคนอื่นไปแล้ว”
“ยังหรอก เธอยังโสด”
“ดีเลย...ผมจะได้ตามไปขอคืนดีด้วย”
“ผมเอาใจช่วยนะ จะช่วยภาวนาไม่ให้ผู้หญิงของคุณพยศนัก”
“เรื่องนั้นท่าจะยาก ทั้งรั้น ทั้งปากแข็ง”
ภูมิหัวเราะร่วน “ไว้คุยกันตัวต่อตัวดีกว่า คุยกันแบบไม่เห็นหน้านี่ ผมเดาใจคุณไม่ถูก”
“อืม...ได้ แล้วจะแวะไปหานะ”
ไซม่อนยอมวางสาย เขาเองก็มีอีกหลายที่ที่ต้องแวะไป มีหลายคนที่เขาอยากพบ แต่มีคนเดียวที่เขาอยากพบที่สุด
บทที่4.แค่คนในอดีต โนสน โนแคร์ แต่... คนที่ไม่อยากเจอ กับโผล่หน้ามาให้รำคาญตาเสียนี่ หวานตาอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อใครบางคนเสนอหน้ามาให้เห็น ตอนที่เธอควรจะมีความสุข และอารมณ์ดีตลอดค่ำคืนนี้“ออกไปห่างๆ หวานค่ะ หวานไม่อยากให้ ‘แม่’ ของคุณมาเขม่นหวาน” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ทันทีที่เรืองฤทธิ์ขยับเข้ามาจนเกือบตัวติดกับเธอ หวานตาจงใจพูดประชด เธอยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยหางตาดวงตาคมวาวของม่านแก้วทอดมองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง!! สาวใหญ่ผู้นั้นไม่คิดปิดบังความจงชังที่มีต่อเธอ หล่อนพุ่งสายตามาจากชั้นลอยในคลับแห่งนี้นี่เอง“ผมไม่คิดว่าจะเจอหวานที่นี่” เรืองฤทธิ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เขาเบื่อที่ต้องคอยพินอบพิเทาสาวใหญ่ผู้นั้น จนบางครั้งก็อยากแหกกฏเกณฑ์ที่ม่านแก้วตั้งไว้ “เหรอ!” หวานตาแอบเบ้ปาก เธอกลอกตามองบน สลับกับมองหน้าเรืองฤทธิ์ตรงๆชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลง ซ่อนแววตาโลมเลียไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หวานตาวันนี้ดูเซ็กซี่วายร้าย หล่อนไม่ได้แต่งตัวสไตน์เดิม ค่ำคืนนี้หวานตาอยู่ในชุดรัดรูป อวดสัดส่วนวัยสาวสะพรั่ง เนินเนื้ออวบอิ่มแทบจะล้นทะลักออกมาจากผ้ายืดรัดติ๋ว
“ตามใจคุณเลยค่ะ อยากคิดอะไร ยังไง แล้วแต่...อย่าลืมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คุณไม่เกี่ยวกับหวาน หวานไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” หวานตาไหวไหล่ เบ้ปากจนมุมปากบิด ปรายตามองเรืองฤทธิ์ด้วยสายตาปนความสังเวช เรืองฤทธิ์กำหมัดแน่น เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน “ผมคงทำให้หวานอารมณ์เสีย” เสียงเปรยดังแผ่วๆ “รู้ตัวก็ดีนะคะ หวานมาเที่ยว หวานต้องการความสบายใจ และหวานไม่อยากเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” หวานตาโบกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านหน้าโต๊ะของเธอพอดี “ขอเบียร์แบบนี้อีกเหยือกนะคะ” เธอบอกพนักงานหนุ่มน้อยด้วยเสียงที่หวานเกินปกติ เรืองฤทธิ์เดินจากไปพร้อมกับขุ่นเขืองอัดแน่นอยู่ในใจ ขนาดทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับม่านแก้ว เขายังเก็บความไม่พอใจนั่นออกไปจากสีหน้าไม่หมด “แค่เจออดีตแฟนมาเที่ยวกับหนุ่นคนใหม่ ถึงกับฉุนขาดเลยเหรอคะ!!” สาวใหญ่พูดแดกดัน ถึงนางจะออกตัวแรง บอกใครๆ ไม่ได้ แต่เรืองฤทธิ์ก็เป็นกึ่งสามี เขาทำหน้าที่บนเตียง พร้อมกับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนางด้วย “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพี่” ชายหนุ่มพยายามแก้ตัว แต่มันฟังไม่ขึ้น
ภูมิเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองพลาด... เขาตามมาอารักขาหวานตาหลายครั้งในสถานที่เช่นนี้ แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะมายืนใกล้ๆ หวานตา ตอนที่หล่อนกำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ นี่เป็นครั้งแรก และน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ภูมิถอนใจแรงๆ เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนตะลึงมองหวานตาที่ออกสเต็ปเต้นด้วยลีลาแบบที่เคยเห็นผ่านคลิปหลายๆ คลิปในยูทูป ปลายนิ้วแข็งแรงเผลอยกขึ้นดันตรงตำแหน่งที่เคยมีแว่นตา เขารู้สึกเหมือนแว่นตาเคลื่อนต่ำลงมาจนเกือบหลุดสันจมูก แต่กลับไม่เจอแว่น เพราะวันนี้ภูมิถอดแว่นไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวก เขาใส่คอนแทคเลนส์มา และหลังจากนั้น...นิ้วของภูมิก็ถูอยู่ข้างๆ แก้ม หวานตาอมยิ้ม เธอขยับเขามาใกล้เพื่อนชาย ก่อนจะวางมือบนแผงอกของภูมิ โยกตัวไปมา พร้อมกับเงยหน้ามองสบนัยน์ตาของเขา...ภูมิมองตอบ เขาพยายามสะกดความตื่นเต้นไว้แค่ในใจ หวานตาไม่มีทางรู้... ใต้สีหน้าที่นิ่งเรียบ ภูมิตื่นเต้นจนเหงื่อชื้น ความชอบที่มีอยู่เป็นทุนเดิม เพิ่มพูนมากขึ้น แววตาของหวานตาเป็นประกายสะท้อนแสงไฟหลากสี ที่สาดแสงส่ายไปมา... กว่าภูมิจะตัดสินใจทำอะไร หวานตาก็เริ่มรุกก่อน เธอหมุนตัวหันหลัง
บทที่5.จะเสียเพื่อนเพราะ ‘จูบ’ “ชลลลลล!” หวานตาแบกสังขารไม่เต็มร้อยมาหาชลดาถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อนของเธอยังไม่ลุกจากที่นอนเลย “อะไรอีกกกกกก!!?” ชลดาถามเสียงอู้อี้ งัวเงียตื่น...เพราะหวานตาพยายามปลุก หวานตาตะโกนเสียงดังไม่พอ เธอยังเขย่าชลดาแรงๆ หญิงสาวใจร้อนเป็นไฟ เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน... ก่อนที่ทุกอย่างจะพัง “ชลถามหน่อยสิ... สมมุตินะชล ถ้าแกพลาดไปจูบกับผู้ชายที่เป็นแค่เพื่อน แกกับเพื่อนคนนั้นยังเหมือนเดิมอีกไหมฮะ?” หวานตากลั้นใจถาม เธอลุ้นคำตอบด้วยหัวใจเต้นตึกตัก ชลดาเงยหน้ามอง ยกมือขยี้เปลือกตาเพื่อดึงสติ แต่คำตอบของเพื่อนสนิทเล่นเอาหวานตาตัวเย็นวาบ “ถามทำไมยะ? ก็เสียเพื่อนไปตั้งแต่ตอนที่ ‘จูบ’ แล้วล่ะมั้ง” ชลดาพูดหน้าตาย เธอไม่เห็นเข้าใจ หวานตาปลุกเธอขึ้นมาถามเรื่องนี้กับเพื่ออะไร? “แล้วถ้าอ้างว่าทำงไปเพราะเมาล่ะ ยังจะรักษาเพื่อนคนนั้นไว้ได้อีกหรือเปล่า?” หญิงสาวพยายามหาเหตุผลประกอบ มันต้องมีสักทางสิที่จะรั้งความรู้สึกดีๆ เกือบ20ปีไว้ได้ เธอยกมือขึ้นต
“อย่ามาโกหกพ่อ...เราไม่เคยมีท่าทางแบบนั้น แล้วถ้าอ้างว่าเมา ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่” บิดาดักทางออกของเขาจนหมด เพราะทั้งท่านและเขาพิสิทธิโยทินสองพ่อลูก ไม่ดื่มเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์สักคน “ไม่มีอะไรจริงๆ ครับพ่อแค่ผมถูก ‘จูบ’” ภูมิตอบหน้าตาย เคล้ง! ช้อนในมือของสายใจหล่นบนพื้น นางมืออ่อนหลังได้ยินคำตอบของบุตรชาย ในขณะที่ภาคหัวเราะลั่น “ผู้หญิงที่จูบลูก คือหนูหวานงั้นสินะ” ไม่จำเป็นต้องเดาเลย ท่าทางบุตรชายยิ่งกว่าดอกไม้ได้ฝน กลีบสีสดแย้มบานรับแสงแรกแห่งรุ่งอรุณ ความยินดีที่ปิดไม่มิดนั่น แสดงออกทั้งสีหน้าและแววตา “โอ้ย!! แม่จะเป็นลม เกิดอะไรขึ้นกันล่ะนี่” สายใจโบกมือพัดลมใส่หน้า นางถามเสียงสั่นๆ “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ภูมิตอบเสียงเรียบ เขาอมยิ้มมุมปากแววตาพราวระยิบตลอดเวลา “มันเป็นผลมาจาก การมีใครเข้ามาในชีวิตลูกหรือเปล่า?” “ไม่ใช่หรอกครับ แต่มาคิดๆ ดู มันก็อาจจะมีส่วน” ภูมิตอบ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะไปทำงาน “เดี๋ยวๆ แม่งง ทำไมลูกไม่เห็นเดือดร้อนอะไรเลย” สายใจรั้งไว้ ท่าทางบุตรชายสบายๆ เหมือนไม่มีอ
ผู้ชายคนนั้นหายหน้าหายตาไป เธอรู้เรื่องเขาจากคนอื่น เฝ้าตามดูเขาห่างๆ เพราะความเป็นห่วง แต่ไม่มีสักครั้งที่เขาจะส่งข่าวให้เธอรู้โดยตรง พอนานวันเข้า หัวใจของเธอก็ชาด้าน และยอมรับได้ในที่สุด เธอถูกเท... หญิงสาวถอนใจแรงๆ นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอเปิดใจให้ผู้ชาย นับจากนั้นชลดาก็เป็นผู้หญิงเก่งที่ผู้ชายหน้าไหนก็เข้าไม่ถึง เธอก้าวขึ้นไปยืนบนตำแหน่งสูงสุด ด้วยความสามารถ หญิงสาวสัญญากับตัวเอง ชีวิตนี้เธอไม่จำเป็นต้องมีคนข้างกายก็ได้ เมื่อผู้ชายส่วนใหญ่รักแต่ตัวเอง และเห็นแก่ตัว ใครจะรู้ล่ะ ผู้หญิงที่รอบรู้ไปทุกเรื่อง เก่งรอบด้านอย่างชลดา กลับเป็น ‘สาวเวอร์จิ้น’ “ผู้ชายเฮงซวยอย่างนั้น จำทำไมให้รกสมอง” ชลดาบอกกับตัวเอง พยายามคิดในแง่ร้าย เธอจะได้ลืมความหลังเก่าๆ เสียที เธอวนเวียนคิดแต่เรื่องที่ทำให้ฟุ้งซ่าน ชลดากระแทกสันมือกับผิวโต๊ะทำงาน ระเบิดความเกลียดออกมาเสียงดัง “ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้ผู้ชายใจดำ!!” หญิงสาวถอนใจแรงๆ ยกมือเสยผม แล้วก็ต้องรีบปรับความรู้สึก เมื่อเลขานุการที่นั่งทำงานอยู่หน้าห้องของเธอดันประตูโ
บทที่6.ความรู้สึกเกินเพื่อน หวานตาวางมือไม่ถูก เธอไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนหากอยู่กับภูมิ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกแบบนี้ เธอเริ่มนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามสำรวมความรู้สึกไม่ให้ตื่นตระหนก “หวานไม่ต้องคิดมากนะ ผมเข้าใจว่าหวานอาจจะมีเหตุผล” ภูมิชิงพูดก่อน จนหวานตาอึ้ง นัยน์ตาของเขาไร้แววตาอย่างอื่น นอกจากใสซื่อบริสุทธิ์เหมือนก่อนที่จะเกิดเรื่อง “แหะๆ” หวานตาแสร้งหัวเราะแก้เก้อ ภูมิยิ้มร้ายในใจ เขาไม่มีวันปล่อยให้หวานตาหลุดมือหรอก หล่อน ‘จูบ’ เขาแล้ว หวานตาต้องรับผิดชอบชีวิตเขาต่อจากนี้ “เราสองคนเป็นเพื่อนกันมานาน ผมเข้าใจหวานครับ” ใบหน้าเล็กๆ ขยับขึ้นลงรัวๆ แม้ตอนนี้หวานตาจะยังหาเหตุผลไม่ได้ เธอทำแบบนั้นกับภูมิทำไม แต่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ หากเธอยังไม่อยากเสียเพื่อนดีๆ แบบภูมิไป “หวานดีใจที่ภูมิไม่คิดมาก” หญิงสาวพูดอ้อมๆ แอ้มๆ “เรื่องนั้นหวานไม่ต้องเป็นห่วงไปเลย ผมไม่คิดอะไรอยู่แล้วครับ” ภูมิตอบเสียงขึงขัง เขาซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ใต้สีหน้าใสซื่อ “หวานดีใจจังเลยค่ะ ที่
“อ้าว...คุณหวานมายืนทำอะไรตรงนี้คะ” น้อยประคองถาดใส่ของว่าง มีน้ำมะตูมเย็นฉ่ำ กับขวดน้ำเปล่าใสวิ้งวางอยู่ด้วย “หวานยกเข้าไปเองค่ะ” หวานตายื่นมือออกมารั้งถาดที่น้อยถือมา “น้อยยกเข้าไปเองค่ะคุณหวาน มันหนักนะคะ” น้อยซึ่งยังไม่รู้ว่าระหว่างคนสนิทสองคน มีช่องว่างเกิดขึ้นแล้วเลยพยายามเสนอตัวทำหน้าที่เดิม หวานตาเดินตามหลังสาวใช้เข้ามา เธอทรุดนั่ง พยายามไม่มองจุดที่เพื่อนชายนั่งอยู่ เธออยากร้องกรี๊ดๆ ตั้งแต่ ‘จูบ’ เขา ภูมิดูเซ็กซี่มากขึ้น ไม่ว่าจะท่านั่ง ท่านอน ล้วนแล้วแต่ทำให้หัวใจเธอเต้นผิดปกติ ดูอย่างตอนนี้สิ เขานอนเอนๆ ดูรายการโปรดที่เขาและเธอเคยชมการแสดงนั่นร่วมกันบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่เหมือนวันก่อน ภูมิดูมีเสน่ห์จนรายการโปรดที่หวานตาพลาดไม่ได้ ตัวแสดงหลักกลับดึงดูดสายตาเธอไม่ได้เท่ากับแผงอกขาวๆ ที่โผล่แพล่มออกมาร่ำไรๆ นี่เลย “ฝีมือพี่น้อยไม่เคยตกเลยนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยชม หลังจิ้มสาคูไส้หมูลูกโตๆ เข้าไปในปาก เขาเคี้ยวขนมไทยได้อรรถรสดีเหลือเกิน หวานตาปรายตามองจานขนมของว่าง สายตาเธอไม่ได้เพี้ยน ขนมก็คือขนม แต่ที่เธออยากชิม กลับไม่ใช่ข