“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?”
จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ
เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์
ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่าน
ชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม
“เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อนทำตาม
ชายหนุ่มนิ่งฟัง เขาเป็นอย่างที่บิดาพูดทุกอย่าง อะไรที่ทำให้หวานตาสบายใจ ภูมิไม่รอช้าที่จะทำ
“ลองดูนะ หากมีคนเห็นค่าเรา หากเขายังไม่รู้สึกอะไรอีก ก็คงต้องปล่อยล่ะ!!”
อยู่ใกล้ๆ ใกล้เสียจนสายตาคู่นั้นไม่เห็นคุณค่า ก็ควรถอยออกมามองห่างๆ และมองหาคนที่เห็นความสำคัญกับตัวเอง ดีกว่าจมปรักอยู่แบบไร้ความหมาย
“ครับ” ภูมิรับปากแบบไม่ใคร่เต็มใจ ความจริงเขาก็ไม่เดือนร้อนกับความสัมพันธ์เช่นนี้ ในเมื่อความสุขของหวานตาคือความสุขของเขาเช่นกัน
“เรื่องผู้หญิง พ่อจะหามาให้เอง มันจะได้ดูสมเหตุสมผล เพราะลำพังเราน่ะตาภูมิ คงไม่มีทางหาแฟนดีๆ ได้จริงๆ หรอก”
ภาคปรามาสบุตรชาย การที่ท่านดูถูกแบบนั้น...เพราะภูมิเป็นเช่นนั้นจริงๆ ชีวิตของภูมิมีแค่งานกับหวานตา นอกนั้นเขาแทบไม่มีสายตาเหลือบแลไปทางไหนเลย
หลังจากคุยกับบิดาวันนั้น ไม่มีอะไรคืบหน้า ภูมิหายใจโล่งขึ้น เขาคิดว่าบิดาคงลืมไปแล้วเมื่อท่านเองก็งานยุ่งไม่แพ้เขาเลย
แต่ไม่ใช่...ภาคเฟ้นหาคนที่เหมาะสุดสำหรับเขา
หากหวานตายังตาต่ำ อรดีก็เป็นคนที่เหมาะสุด หญิงสาวผู้นี้เป็นบุตรสาวเพื่อนสนิท ที่ภาคเห็นมาตั้งแต่เด็กๆ ผู้หญิงแบบนี้หายากในยุคสมัยนี้เก่งงานบ้านงานเรือน แถมยังทำงานนอกบ้านได้ด้วย เธอเหมาะที่จะเป็นเมียและเหมาะที่จะเป็นคู่คิด หากบุตรชายของท่านไม่ตาต่ำ จนทำให้มองไม่เห็นความสามารถของผู้หญิงคนนี้นะ
ภูมิเปรียบหวานตาเป็นนางฟ้า ภาคไม่เห็นด้วย หวานตาคือนางมารร้าย หล่อนเหวี่ยงเก่ง แล้วก็รั้นสุดๆ
ท่านไม่คิดว่าบุตรชายของท่าน จะหลงรักผู้หญิงรั้นๆ คนนั้นได้แบบหัวปักหัวปำ
หวานตารู้สึกแปลกๆ ผู้หญิงสาวสวยที่ยืนอยู่หลังเคาท์เตอร์คนนั้น ไม่ได้แต่งชุดฟอร์มของพนักงาน หล่อนสวยดีในความรู้สึกของผู้หญิงที่กำลังมองผู้หญิงอีกคน หญิงผู้นั้นสวยหวานแบบต้องเหลียวกับมามองซ้ำ หล่อนยิ้มได้ตลอดเวลา ท่าทางหล่อนดูคุ้นเคยกับการทำงานที่หล่อนกำลังตั้งใจทำอยู่ หวานตาแหล่มอง เธอเม้มปากแน่น พนักงานทั้งสามคนในร้านดูท่าทางเกร็งๆ เหมือนกับว่า ผู้หญิงคนนั้นสำคัญพอๆ กับนายจ้างของพวกเขา เธอไม่ได้มาที่ร้านกาแฟของเพื่อนชายแค่สามวัน สามวันมานี่เปลี่ยนแปลงอะไรไปหลายอย่าง ผู้หญิงคนนี้คือใคร? หวานตาถามตัวเองในใจ แต่ไม่ได้ปริปากถามพนักงานเหมือนความต้องการในใจของเธอ
“เหมือนเดิมนะสาว”
เธอเดินไปสั่งกาแฟแก้วโปรด และเดินเลยไปนั่งที่โต๊ะประจำ
หวานตาถึงกับขมวดคิ้ว มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเกิดขึ้น ของใช้ของเธอหายไปจากโต๊ะ?!!
และเธอก็ไม่ได้ปริปากถามเช่นเคย แม้จะเริ่มรู้สึกไม่พอใจ
ภูมิไม่เคยแตะต้องสิ่งของที่เป็นของเธอ หากเธอเผลอลืมทิ้งไว้ในร้านของเขา ของชิ้นนั้นจะยังอยู่ที่เดิม จนเกิดเป็นความเคยชิน ดังนั้น... เมื่อของบางอย่างหายไปจากที่ หวานตาจึงรู้สึกไม่พอใจ
“Style Iced Coffee กับเครปเค้กของเจ้หวานค่ะ” แฟงวางกาแฟที่หวานตาสั่งบนโต๊ะ เธอเกือบจะเดินกลับไปประจำที่ถ้าหวานตาไม่ถามขึ้นมาเสียก่อน
“ปลั๊กไฟฉันไปไหนอะแฟง?”
หวานตายั้งปากไม่ทัน เธอหลุดปากถามจนได้
“อ๋อ...คือ” แฟงมองเลยไปที่เคาท์เตอร์ สีหน้ายุงยากตอนที่อุบอิบตอบ “คุณอรเธอให้เก็บไปค่ะ เธอบอกว่ามันเกะกะ”
สาวอินดี้กลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ เริ่มเดือดนิดๆ ไม่เคยมีใครบ่น จนเธอเกิดความเคยตัว
แฟงรู้สึกหนักใจ สถานะของผู้หญิงคนใหม่กับผู้หญิงตรงหน้า ไม่มีใครฟันธงได้ สองวันก่อนเจ้านายของเธอมาพร้อมกับผู้หญิงคนใหม่ นับจากวันนั้น หล่อนก็มาวุ่นวายอยู่ที่นี่และแสดงท่าทางเหมือนมีความสำคัญเกินระดับเพื่อนหรือลูกจ้าง พนักงานในร้านเลยไม่กล้าแย้ง ตอนที่อรดีสั่งให้เก็บของใช้ของหวานตาออกมาจากจุดเดิมที่หล่อนเคยใช้
“อยู่ไหนล่ะ หรือทิ้งไปแล้ว?” หวานตาคงไม่รู้ตัว เสียงที่เธอใช้ค่อนไปทางห้วน จนแฟงยังสะดุ้ง
“ยังค่ะ เดี๋ยวแฟงจะเอามาให้นะคะ”
พนักงานในร้านทุกคนรู้ดี หวานตาสำคัญแค่ไหน แต่ครั้งนี้... มันเหมือนน้ำท่วมปาก เพราะคนมาใหม่ก็แสดงออกชัดเจนว่าหล่อนก็สำคัญพอตัว ไม่อย่างนั้น ภูมิคงห้าม หรือไม่ก็บอกไม่ให้อรดีมายุ่งที่ร้านนี้แล้วล่ะ
หวานตาพยายามใจเย็น เธอปรายตามองไปที่ผู้หญิงคนนั้น และนึกถึงชลดาขึ้นมาติดหมัด เพื่อนของเธอน่าจะหารายละเอียดของผู้หญิงคนนั้นได้ หวานตางงกับตัวเองเหมือนกัน หากเธอถามภูมิก็น่าจะรู้รายละเอียดทั้งหมด แต่ทำไมไม่รู้ เรื่องนี้หวานตากลับไม่อยากถามเสียอย่างนั้นเอง
และเมื่อตักเครปเค้กใส่ปาก หวานตาก็ต้องสะดุดอีกครั้ง เค้กโปรดที่เธอชอบเปลี่ยนไป...รสหวานจัดจนเธอเกือบคายทิ้ง หญิงสาวกัดปาก ตอนที่ผลักเค้กจานโปรดออกห่างตัว เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ ใครเปลี่ยนแปลงร้านนี้ แม้แต่ของโปรดของเธอยังเปลี่ยน เค้กสูตรนี้เธอยกให้ภูมิ และเขาก็ทำตามสูตรที่เธอให้ จะเน้นที่กินแล้วไม่อ้วน...เขายอมเสียเงินมากขึ้น ได้กำไรน้อยหน่อย ขอแค่ลูกค้าชอบ แต่ที่เธอชิมไปเมื่อสักครู่ รสชาติแบบนี้หาได้เกร่อตามร้านเค้กทั่วไป รสหวานจัดแบบนั้น เธอไม่ยอมแตะอีกแน่ๆ หวานตาแหล่มองเครื่องดื่มโปรดของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวชั่งใจว่า เธอควรชิม หรือว่าแค่มองเฉยๆ ดี เธอไม่อยากผิดหวังครั้งที่สอง หญิงสาวถอนใจ เงยหน้ามองไปรอบๆ ตัว เธอพบความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด หลังนั่งสำรวจแบบจริงจัง
“เหอะ!”
หวานตาเผลอหัวเราะหยันขึ้นมาเบาๆ
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค
บทที่3. Secret love มันใช่เหรอ? หวานตากลับลงมาอีกครั้งหลังหายไปไม่ถึง10นาที เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงผ้าขาสั้น ผมยาวสลวยถูกมัดไว้ด้านหลังท้ายทอย วงหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง หวานตาคงล้างเครื่องประทินโฉมพวกนั้นออกจนหมด แม้ไม่ได้แต่งหน้า ไร้สีสันบนใบหน้าของเธอ หวานตาก็ยังดูโดดเด่นเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่า หวานตาไม่นิยมใช้เครื่องสำอาง และหากจำเป็นต้องใช้ เธอจะมีแค่ลิปสติกกับบรัชออนเท่านั้น หวานตาผิวดี ผิวเธอละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน คิ้วเข้มๆ ของหวานตาได้มรดกมาจากทวีทรัพย์ โครงหน้าเธอคมอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งเติมเพิ่มสีสรรบนใบหน้าจึงไม่จำเป็นเลยสำหรับหวานตา “ผมงานยุ่ง เลยไม่มีเวลามาที่ร้าน พ่อเลยหาคนมาช่วย คนที่หวานเห็นวันนี้นั่นแหละครับ” ภูมิเปรยเหมือนอธิบายให้หวานตารับรู้ หวานตาไหวไหล่เ ธอฉวยช้อนส้อมมาจิ้มสาคูไส้หมูใส่ปาก ทำท่าไม่ยี่หระ ทั้งที่ใจเต้นตุบๆ เธอรู้ ‘ยัยนั่น’ เป็นลูกจ้างภูมิ หล่อนก็ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงความชอบของเธอ หวานตาร้องเอะในใจ! เธอจะไม่พอใจทำไมกับการเปลี่ยนแปลงนั่น เธอไ
หญิงสาวบ่น ชลดาน่าจะติดพันกับการทำงาน เพราะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือนแบบนี้ เพื่อนของเธอจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ไม่กินไม่นอนจนกว่างานจะเสร็จ “หวานก็ไปกับผมสิครับ” “ก็ได้นะ...” มันก็ดีกว่านอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงคนเดียวแหละ ออกไปยืดเส้นยืดสายก็ดีเหมือนกัน ภูมิเจริญอาหาร ไม่ใช่เพราะพี่น้อยทำกับข้าวอร่อยหรอก สายใจมารดาของเขา มีรสมือพอๆ กับคนที่เรียนทำอาหารกับครูชาววัง แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก เพราะหวานตา เลยทำให้กับข้าวธรรมดา เหมือนอาหารทิพย์ การเป็นเพื่อนสนิทก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้เขากับหวานตามีเวลาส่วนตัวแบบไม่มีใครรบกวน บางครั้งภูมิมีความสำคัญกว่า ‘แฟน’ ของหวานตาเสียอีก เพราะเพื่อนชายคนสนิทเหล่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์ทวีทรัพย์ บางคนไม่เคยได้มาเหยียบบ้านหวานตาเลย หวานตาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภูมิเลยถือโอกาสนั้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเช่นกัน บ้านเขากับบ้านเธอ มีรั้วที่เชื่อมถึงกัน นั่นเป็นการยืนยันความสนิทสนมของสองครอบครัวเป็นอย่างดี “หล่อเหมือนกันนะนี่” หวานตาชม เมื่อภูมิเดินกลับมาพร้อ
บทที่4.แค่คนในอดีต โนสน โนแคร์ แต่... คนที่ไม่อยากเจอ กับโผล่หน้ามาให้รำคาญตาเสียนี่ หวานตาอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อใครบางคนเสนอหน้ามาให้เห็น ตอนที่เธอควรจะมีความสุข และอารมณ์ดีตลอดค่ำคืนนี้“ออกไปห่างๆ หวานค่ะ หวานไม่อยากให้ ‘แม่’ ของคุณมาเขม่นหวาน” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ทันทีที่เรืองฤทธิ์ขยับเข้ามาจนเกือบตัวติดกับเธอ หวานตาจงใจพูดประชด เธอยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยหางตาดวงตาคมวาวของม่านแก้วทอดมองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง!! สาวใหญ่ผู้นั้นไม่คิดปิดบังความจงชังที่มีต่อเธอ หล่อนพุ่งสายตามาจากชั้นลอยในคลับแห่งนี้นี่เอง“ผมไม่คิดว่าจะเจอหวานที่นี่” เรืองฤทธิ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เขาเบื่อที่ต้องคอยพินอบพิเทาสาวใหญ่ผู้นั้น จนบางครั้งก็อยากแหกกฏเกณฑ์ที่ม่านแก้วตั้งไว้ “เหรอ!” หวานตาแอบเบ้ปาก เธอกลอกตามองบน สลับกับมองหน้าเรืองฤทธิ์ตรงๆชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลง ซ่อนแววตาโลมเลียไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หวานตาวันนี้ดูเซ็กซี่วายร้าย หล่อนไม่ได้แต่งตัวสไตน์เดิม ค่ำคืนนี้หวานตาอยู่ในชุดรัดรูป อวดสัดส่วนวัยสาวสะพรั่ง เนินเนื้ออวบอิ่มแทบจะล้นทะลักออกมาจากผ้ายืดรัดติ๋ว
“ตามใจคุณเลยค่ะ อยากคิดอะไร ยังไง แล้วแต่...อย่าลืมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คุณไม่เกี่ยวกับหวาน หวานไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” หวานตาไหวไหล่ เบ้ปากจนมุมปากบิด ปรายตามองเรืองฤทธิ์ด้วยสายตาปนความสังเวช เรืองฤทธิ์กำหมัดแน่น เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน “ผมคงทำให้หวานอารมณ์เสีย” เสียงเปรยดังแผ่วๆ “รู้ตัวก็ดีนะคะ หวานมาเที่ยว หวานต้องการความสบายใจ และหวานไม่อยากเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” หวานตาโบกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านหน้าโต๊ะของเธอพอดี “ขอเบียร์แบบนี้อีกเหยือกนะคะ” เธอบอกพนักงานหนุ่มน้อยด้วยเสียงที่หวานเกินปกติ เรืองฤทธิ์เดินจากไปพร้อมกับขุ่นเขืองอัดแน่นอยู่ในใจ ขนาดทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับม่านแก้ว เขายังเก็บความไม่พอใจนั่นออกไปจากสีหน้าไม่หมด “แค่เจออดีตแฟนมาเที่ยวกับหนุ่นคนใหม่ ถึงกับฉุนขาดเลยเหรอคะ!!” สาวใหญ่พูดแดกดัน ถึงนางจะออกตัวแรง บอกใครๆ ไม่ได้ แต่เรืองฤทธิ์ก็เป็นกึ่งสามี เขาทำหน้าที่บนเตียง พร้อมกับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนางด้วย “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพี่” ชายหนุ่มพยายามแก้ตัว แต่มันฟังไม่ขึ้น
ภูมิเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองพลาด... เขาตามมาอารักขาหวานตาหลายครั้งในสถานที่เช่นนี้ แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะมายืนใกล้ๆ หวานตา ตอนที่หล่อนกำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ นี่เป็นครั้งแรก และน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ภูมิถอนใจแรงๆ เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนตะลึงมองหวานตาที่ออกสเต็ปเต้นด้วยลีลาแบบที่เคยเห็นผ่านคลิปหลายๆ คลิปในยูทูป ปลายนิ้วแข็งแรงเผลอยกขึ้นดันตรงตำแหน่งที่เคยมีแว่นตา เขารู้สึกเหมือนแว่นตาเคลื่อนต่ำลงมาจนเกือบหลุดสันจมูก แต่กลับไม่เจอแว่น เพราะวันนี้ภูมิถอดแว่นไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวก เขาใส่คอนแทคเลนส์มา และหลังจากนั้น...นิ้วของภูมิก็ถูอยู่ข้างๆ แก้ม หวานตาอมยิ้ม เธอขยับเขามาใกล้เพื่อนชาย ก่อนจะวางมือบนแผงอกของภูมิ โยกตัวไปมา พร้อมกับเงยหน้ามองสบนัยน์ตาของเขา...ภูมิมองตอบ เขาพยายามสะกดความตื่นเต้นไว้แค่ในใจ หวานตาไม่มีทางรู้... ใต้สีหน้าที่นิ่งเรียบ ภูมิตื่นเต้นจนเหงื่อชื้น ความชอบที่มีอยู่เป็นทุนเดิม เพิ่มพูนมากขึ้น แววตาของหวานตาเป็นประกายสะท้อนแสงไฟหลากสี ที่สาดแสงส่ายไปมา... กว่าภูมิจะตัดสินใจทำอะไร หวานตาก็เริ่มรุกก่อน เธอหมุนตัวหันหลัง
บทที่5.จะเสียเพื่อนเพราะ ‘จูบ’ “ชลลลลล!” หวานตาแบกสังขารไม่เต็มร้อยมาหาชลดาถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อนของเธอยังไม่ลุกจากที่นอนเลย “อะไรอีกกกกกก!!?” ชลดาถามเสียงอู้อี้ งัวเงียตื่น...เพราะหวานตาพยายามปลุก หวานตาตะโกนเสียงดังไม่พอ เธอยังเขย่าชลดาแรงๆ หญิงสาวใจร้อนเป็นไฟ เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือแบบเร่งด่วน... ก่อนที่ทุกอย่างจะพัง “ชลถามหน่อยสิ... สมมุตินะชล ถ้าแกพลาดไปจูบกับผู้ชายที่เป็นแค่เพื่อน แกกับเพื่อนคนนั้นยังเหมือนเดิมอีกไหมฮะ?” หวานตากลั้นใจถาม เธอลุ้นคำตอบด้วยหัวใจเต้นตึกตัก ชลดาเงยหน้ามอง ยกมือขยี้เปลือกตาเพื่อดึงสติ แต่คำตอบของเพื่อนสนิทเล่นเอาหวานตาตัวเย็นวาบ “ถามทำไมยะ? ก็เสียเพื่อนไปตั้งแต่ตอนที่ ‘จูบ’ แล้วล่ะมั้ง” ชลดาพูดหน้าตาย เธอไม่เห็นเข้าใจ หวานตาปลุกเธอขึ้นมาถามเรื่องนี้กับเพื่ออะไร? “แล้วถ้าอ้างว่าทำงไปเพราะเมาล่ะ ยังจะรักษาเพื่อนคนนั้นไว้ได้อีกหรือเปล่า?” หญิงสาวพยายามหาเหตุผลประกอบ มันต้องมีสักทางสิที่จะรั้งความรู้สึกดีๆ เกือบ20ปีไว้ได้ เธอยกมือขึ้นต