บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง
“แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!”
หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน
“หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น”
ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ
“ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?”
หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม
แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห
“แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้รักเรืองฤทธิ์หมดทั้งใจจนแทบแหกก้นดม นางก็ไม่กล้าถลำเปิดตัวเขาในช่วงนี้หรอก สังคมคงรุมบลูลี่นางอย่างหนัก ไหนจะอายุที่ห่างกันเหมือนน้ากับหลาน ไหนจะเรื่องที่สามีของนางเพิ่งจะสิ้นลมไปไม่นานนั่นอีก
ดังนั้น ทางออกสวยๆ ของไฮโซสาวหม้าย คงไม่แคล้วต้องหลบๆ ซ่อนๆ ผู้ชายคนใหม่ไปก่อน
หวานตาจะเป็นเกราะกำบังให้เรืองฤทธิ์อย่างดี ในขณะที่แอบคบกับนางไปด้วย ผู้ชายคนนั้นจะได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง
มันขึ้นอยู่ว่าหวานตาจะเลือกทางไหน และการที่หวานตาโวยวาย แสดงท่าทางฉุนเฉียวอยู่ตอนนี้ มันหมายถึงทางเลือกที่เรืองฤทธิ์เกร็งไว้ปิดฉากลงแล้ว
เพื่อนของเธอไม่ยอมเป็นโล่กำบังให้ผู้ชายคนนั้นแน่นอน
“หมายความว่าไงยะยัยชล?”
“เห้อ! แก่น่าจะรู้จัก ตระกูลอัครเทพโพทินนะ” ชลดาเริ่มอธิบายให้หวานตาฟังช้าๆ พยายามสื่อสารให้เพื่อนเข้าใจก่อนที่หวานตาจะวีนแตก
“เกี่ยวอะไรกับคนตระกูลนั้น เท่าที่รู้... ไม่มีคนในตระกูลนั้นคนไหนที่โสดนี่หว่า” หวานตาคิดตาม ก่อนจะแย้งเบาๆ
“เหอะ!” ชลดาเบ้ปาก หัวเราะหยันๆ “แล้วใครบอกว่าโสดล่ะ! แกลืมเศรษฐีนีที่เพิ่งตกพุ่มหม้ายคนนั้นไปได้ยังไงล่ะ”
“ว้าย...ไม่หรอก แกกำลังจะบอกฉันว่า คนที่เรืองฤทธิ์คบ คือคุณป้าม่านแก้ว” หวานตาอุทานเสียงหลง เธอกลืนน้ำลายฝืดๆ สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“ใช่...คนนั้นแหละ เขาลือกันให้หึ่ง”
ชลดากล่าวเสียงแข็ง เธอเองก็ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างเรืองฤทธิ์จะเลือกเดินทางรัด
“งั้นก็เอาไปเถอะ ฉันยกให้ อี๋!!” หวานตาฉวยแก้วน้ำขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ความรู้สึกขยะแขยงเกิดขึ้นมานิดๆ เธอทนคบกับคนเห็นแก่ได้แบบนั้นมาได้ยังไงเป็นปี
“ในบรรดาผู้ชายที่ฉันรู้จักมา คงไม่มีใครดีเกินคุณภูมิของแกอีกแล้วล่ะหวาน”
ชลดาเปรย งานนี้เธอขอเป็นเจ้ดัน ดันภูมิให้หวานตามองเห็น เขาแฝงตัวเป็นมดแดงเฝ้าผลมะม่วงสุกนานเกินไป นานเสียจนมะม่วงสุกผลนั้นเกือบถูกกระรอกโง่ๆ ตัวหนึ่งเจาะเนื้อฉ่ำๆ กินไปเสียแล้ว
“นึกไงถึงชมหมอนั่นขึ้นมาได้?”
หวานตาถามยิ้มๆ เธอรู้สึกโล่งขึ้น
“ฉันไม่ได้ชมยะ ฉันพูดเรื่องจริง บอกเลยยัยหวาน หากคุณภูมิของแกสนฉันนะ ฉันจะโดดใส่เลยบอกตรงๆ”
“อิๆ” หวานตาหัวเราะคิก “ฉันเอาใจช่วยแกก็แล้วกัน”
หวานตารู้ดีชลดาไม่มีทางเฉียดเข้าใกล้หัวใจของภูมิได้เลย เพื่อนชายที่เธอสนิทด้วยคนนี้ดูยาก เดาความคิดของเขาไม่ออก ที่บอกได้คำเดียว ภูมิฉลาดเป็นกรด เขาซ่อนความร้ายกาจไว้ใต้สีหน้านิ่งๆ ภูมิรู้จักจัดการกับคนที่เขาไม่พอใจได้แบบเนียนๆ ไม่มีใครจับได้ว่าถูกเขาเอาคืน ผู้ชายอย่างภูมิน่าจะชอบผู้หญิงเรียบร้อยเหมือนสายใจมารดาของเขา ซึ่งห่างไกลกับความประพฤติของเธอและชลดา
เธออิ้นดี้ ทำตามความคิดตัวเองเป็นที่ตั้ง ยืนหนึ่งเรื่องความรั้น ชลดาเองก็เป็นสาวแกร่ง เธอไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเพศตรงข้าม ไม่สนิมสร้อยเพราะแค่เปิดขวดน้ำยังทำไม่ได้ เหมือนผู้หญิงหลายคนที่คิดว่าความอ่อนแอของตัวเองจะทำให้ฝ่ายชายภาคภูมิใจ
นั่นเป็นความคิดโง่เขลาสิ้นดี แค่เปิดน้ำกินเองยังทำไม่ได้ สาวๆ พวกนั้นคิดได้ยังไงว่านั่นคือข้อได้เปรียบ การแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อให้ฝ่ายชายดูเป็นคนเข้มแข็ง ตลกล่ะ!!
“ไม่ต้องเลย ฉันหาของฉันเองได้ แต่ไม่น่าใช่คุณภูมิของแก”
ชลดาตอบ เพื่อนของเธอเดินไปที่มุมห้อง “กาแฟสักแก้วไหม?” ชลดาชูกาแฟซอง...
และที่หวานตาสะดุดใจ เธอไม่ได้รู้สึกไปเอง หมู่นี้ชลดาชอบพูดเน้น ‘คุณภูมิของเธอ’ หวานตาอยากจะแย้ง แต่มันจะดูเป็นการร้อนตัว
“ก็ดีนะ”
ถึงเธอจะเพิ่งกินกาแฟที่ร้านของภูมิ แต่แค่เพิ่มคาเฟอีนอีกแก้วฆ่าเวลา คงไม่ทำให้เธอนอนตาแข็งทั้งคืนหรอก
ภูมิวางโทรศัพท์ลง เขายิ้มมุมปาก ในที่สุดความสัมพันธ์ของหวานตากับเรืองฤทธิ์ก็ปิดฉากลง ผู้ชายคนนั้นไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะดูแลหวานตาตั้งแต่แรก เขาไม่อยากแย้ง... เมื่อเป็นการตัดสินใจของหล่อน ภูมิแค่มองอยู่ใกล้ๆ และรอเวลาที่ความสัมพันธ์ครั้งนั้นจบลง เขาถอนใจแรงๆ ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้น และกำลังจางหายไป บ่าของเขาไม่ได้หนักอึ้งเหมือนเก่า เมื่อสถานะคนข้างกายของหวานตา... ว่างลงอีกครั้ง
“อารมณ์ดีอะไรหึ...พ่อเห็นภูมินั่งยิ้มนานแล้วนะ”
เสียงบิดาทำให้ชายหนุ่มกระเด็นออกมาจากความคิดในใจ
ชายหนุ่มยิ้มมากขึ้น เขาทรงตัวลุกขึ้นยืนและเดินออกมาจากหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เมื่อภาคทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวใหญ่แทนการลากเก้าอี้มานั่งหน้าโต๊ะทำงานของเขาเหมือนทุกครั้ง
“ปีนี้...อายุเท่าไหร่แล้วล่ะเรา?”
คำถามแรกยังไม่ได้คำตอบ ภาคก็ถามคำถามถัดมาเสียแล้ว
“25ปีครับ” ภูมิยังไม่เข้าใจความคิดของบิดา ท่านรู้อยู่แล้วว่าเขาอายุเท่าไหร่ แล้วทำไมถึงถาม
“ไม่คิดไปเรียนต่อแล้วเหรอ?”
ภูมิเคยคิดที่จะไปหาความรู้เพิ่ม แต่เขาห่วงใครบางคนจนไม่สามารถตัดใจไปเรียนเหมือนที่เคยคิดไว้ ภูมิเลือกที่จะมาทำงานเพื่อจะได้มีเวลาสำหรับการเฝ้ามอง เขามีข้ออ้างเรื่องงาน ที่บิดาไม่มีคนช่วย ผ่านมาเกือบ2ปี ไม่เคยมีความเคลือบแคลง วันนี้กลับมีคำถาม
“คิดครับ” ภูมิตอบแบบไม่ได้ขยายความ
“ถ้าห่วงมากขนานนั้น ทำไมไม่คุยกันเสียเลยล่ะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เหลาะแหละจนเราปล่อยให้ห่างตาไม่ได้เลยนี่นา”
คำแนะนำกึ่งคำถามของบิดาทำเอาชายหนุ่มสะดุ้ง ภูมิเงยหน้ามอง ภาคกำลังยิ้มให้เขา
ชายหนุ่มยกมือเกาท้ายทอยแก้เก้อ เขาซ่อนอะไรบิดาได้บ้าง ดูเหมือนท่านจะรู้แม้แต่ความลับที่เขาพยายามปกปิดที่สุด
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพ่อ”
“ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหนล่ะ?” ภาคยังกระเซ้าต่อ ท่านมองบุตรชายพร้อมกับอมยิ้ม
“คือ...” ภูมิไม่รู้จะอธิบายยังไงดี สำหรับเขากับหวานตา หล่อนขีดขั้นเขาไว้ชัดเจน เธอไม่ได้มองว่าเขาเป็นเพศชาย หวานตาคบหากับเขาในสถานะเพื่อน นอกนั้นไม่มีนอกมีใน มีแค่เขานี่ล่ะที่แอบปกปิดความรู้สึกพิเศษไว้ เพราะเขาไม่อยากให้ความเป็นเพื่อนต้องสะบั้นลง วันใดที่หวานตารู้ความในใจ ภูมิไม่แน่ใจเหมือนกัน หวานตาจะยังยอมคบหากับเขา ในตำแหน่งเดิมหรือไม่!!
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค
บทที่3. Secret love มันใช่เหรอ? หวานตากลับลงมาอีกครั้งหลังหายไปไม่ถึง10นาที เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงผ้าขาสั้น ผมยาวสลวยถูกมัดไว้ด้านหลังท้ายทอย วงหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง หวานตาคงล้างเครื่องประทินโฉมพวกนั้นออกจนหมด แม้ไม่ได้แต่งหน้า ไร้สีสันบนใบหน้าของเธอ หวานตาก็ยังดูโดดเด่นเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่า หวานตาไม่นิยมใช้เครื่องสำอาง และหากจำเป็นต้องใช้ เธอจะมีแค่ลิปสติกกับบรัชออนเท่านั้น หวานตาผิวดี ผิวเธอละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน คิ้วเข้มๆ ของหวานตาได้มรดกมาจากทวีทรัพย์ โครงหน้าเธอคมอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งเติมเพิ่มสีสรรบนใบหน้าจึงไม่จำเป็นเลยสำหรับหวานตา “ผมงานยุ่ง เลยไม่มีเวลามาที่ร้าน พ่อเลยหาคนมาช่วย คนที่หวานเห็นวันนี้นั่นแหละครับ” ภูมิเปรยเหมือนอธิบายให้หวานตารับรู้ หวานตาไหวไหล่เ ธอฉวยช้อนส้อมมาจิ้มสาคูไส้หมูใส่ปาก ทำท่าไม่ยี่หระ ทั้งที่ใจเต้นตุบๆ เธอรู้ ‘ยัยนั่น’ เป็นลูกจ้างภูมิ หล่อนก็ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงความชอบของเธอ หวานตาร้องเอะในใจ! เธอจะไม่พอใจทำไมกับการเปลี่ยนแปลงนั่น เธอไ
หญิงสาวบ่น ชลดาน่าจะติดพันกับการทำงาน เพราะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือนแบบนี้ เพื่อนของเธอจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ไม่กินไม่นอนจนกว่างานจะเสร็จ “หวานก็ไปกับผมสิครับ” “ก็ได้นะ...” มันก็ดีกว่านอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงคนเดียวแหละ ออกไปยืดเส้นยืดสายก็ดีเหมือนกัน ภูมิเจริญอาหาร ไม่ใช่เพราะพี่น้อยทำกับข้าวอร่อยหรอก สายใจมารดาของเขา มีรสมือพอๆ กับคนที่เรียนทำอาหารกับครูชาววัง แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก เพราะหวานตา เลยทำให้กับข้าวธรรมดา เหมือนอาหารทิพย์ การเป็นเพื่อนสนิทก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้เขากับหวานตามีเวลาส่วนตัวแบบไม่มีใครรบกวน บางครั้งภูมิมีความสำคัญกว่า ‘แฟน’ ของหวานตาเสียอีก เพราะเพื่อนชายคนสนิทเหล่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์ทวีทรัพย์ บางคนไม่เคยได้มาเหยียบบ้านหวานตาเลย หวานตาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภูมิเลยถือโอกาสนั้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเช่นกัน บ้านเขากับบ้านเธอ มีรั้วที่เชื่อมถึงกัน นั่นเป็นการยืนยันความสนิทสนมของสองครอบครัวเป็นอย่างดี “หล่อเหมือนกันนะนี่” หวานตาชม เมื่อภูมิเดินกลับมาพร้อ
บทที่4.แค่คนในอดีต โนสน โนแคร์ แต่... คนที่ไม่อยากเจอ กับโผล่หน้ามาให้รำคาญตาเสียนี่ หวานตาอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อใครบางคนเสนอหน้ามาให้เห็น ตอนที่เธอควรจะมีความสุข และอารมณ์ดีตลอดค่ำคืนนี้“ออกไปห่างๆ หวานค่ะ หวานไม่อยากให้ ‘แม่’ ของคุณมาเขม่นหวาน” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ทันทีที่เรืองฤทธิ์ขยับเข้ามาจนเกือบตัวติดกับเธอ หวานตาจงใจพูดประชด เธอยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยหางตาดวงตาคมวาวของม่านแก้วทอดมองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง!! สาวใหญ่ผู้นั้นไม่คิดปิดบังความจงชังที่มีต่อเธอ หล่อนพุ่งสายตามาจากชั้นลอยในคลับแห่งนี้นี่เอง“ผมไม่คิดว่าจะเจอหวานที่นี่” เรืองฤทธิ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เขาเบื่อที่ต้องคอยพินอบพิเทาสาวใหญ่ผู้นั้น จนบางครั้งก็อยากแหกกฏเกณฑ์ที่ม่านแก้วตั้งไว้ “เหรอ!” หวานตาแอบเบ้ปาก เธอกลอกตามองบน สลับกับมองหน้าเรืองฤทธิ์ตรงๆชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลง ซ่อนแววตาโลมเลียไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หวานตาวันนี้ดูเซ็กซี่วายร้าย หล่อนไม่ได้แต่งตัวสไตน์เดิม ค่ำคืนนี้หวานตาอยู่ในชุดรัดรูป อวดสัดส่วนวัยสาวสะพรั่ง เนินเนื้ออวบอิ่มแทบจะล้นทะลักออกมาจากผ้ายืดรัดติ๋ว
“ตามใจคุณเลยค่ะ อยากคิดอะไร ยังไง แล้วแต่...อย่าลืมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คุณไม่เกี่ยวกับหวาน หวานไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” หวานตาไหวไหล่ เบ้ปากจนมุมปากบิด ปรายตามองเรืองฤทธิ์ด้วยสายตาปนความสังเวช เรืองฤทธิ์กำหมัดแน่น เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน “ผมคงทำให้หวานอารมณ์เสีย” เสียงเปรยดังแผ่วๆ “รู้ตัวก็ดีนะคะ หวานมาเที่ยว หวานต้องการความสบายใจ และหวานไม่อยากเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” หวานตาโบกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านหน้าโต๊ะของเธอพอดี “ขอเบียร์แบบนี้อีกเหยือกนะคะ” เธอบอกพนักงานหนุ่มน้อยด้วยเสียงที่หวานเกินปกติ เรืองฤทธิ์เดินจากไปพร้อมกับขุ่นเขืองอัดแน่นอยู่ในใจ ขนาดทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับม่านแก้ว เขายังเก็บความไม่พอใจนั่นออกไปจากสีหน้าไม่หมด “แค่เจออดีตแฟนมาเที่ยวกับหนุ่นคนใหม่ ถึงกับฉุนขาดเลยเหรอคะ!!” สาวใหญ่พูดแดกดัน ถึงนางจะออกตัวแรง บอกใครๆ ไม่ได้ แต่เรืองฤทธิ์ก็เป็นกึ่งสามี เขาทำหน้าที่บนเตียง พร้อมกับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนางด้วย “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพี่” ชายหนุ่มพยายามแก้ตัว แต่มันฟังไม่ขึ้น
ภูมิเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองพลาด... เขาตามมาอารักขาหวานตาหลายครั้งในสถานที่เช่นนี้ แต่ไม่เคยสักครั้งที่จะมายืนใกล้ๆ หวานตา ตอนที่หล่อนกำลังวาดลวดลายอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ นี่เป็นครั้งแรก และน่าจะเป็นครั้งสุดท้าย ภูมิถอนใจแรงๆ เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนตะลึงมองหวานตาที่ออกสเต็ปเต้นด้วยลีลาแบบที่เคยเห็นผ่านคลิปหลายๆ คลิปในยูทูป ปลายนิ้วแข็งแรงเผลอยกขึ้นดันตรงตำแหน่งที่เคยมีแว่นตา เขารู้สึกเหมือนแว่นตาเคลื่อนต่ำลงมาจนเกือบหลุดสันจมูก แต่กลับไม่เจอแว่น เพราะวันนี้ภูมิถอดแว่นไว้ที่บ้านเพื่อความสะดวก เขาใส่คอนแทคเลนส์มา และหลังจากนั้น...นิ้วของภูมิก็ถูอยู่ข้างๆ แก้ม หวานตาอมยิ้ม เธอขยับเขามาใกล้เพื่อนชาย ก่อนจะวางมือบนแผงอกของภูมิ โยกตัวไปมา พร้อมกับเงยหน้ามองสบนัยน์ตาของเขา...ภูมิมองตอบ เขาพยายามสะกดความตื่นเต้นไว้แค่ในใจ หวานตาไม่มีทางรู้... ใต้สีหน้าที่นิ่งเรียบ ภูมิตื่นเต้นจนเหงื่อชื้น ความชอบที่มีอยู่เป็นทุนเดิม เพิ่มพูนมากขึ้น แววตาของหวานตาเป็นประกายสะท้อนแสงไฟหลากสี ที่สาดแสงส่ายไปมา... กว่าภูมิจะตัดสินใจทำอะไร หวานตาก็เริ่มรุกก่อน เธอหมุนตัวหันหลัง
หญิงสาวชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน เศษซากขวดเหล้าเปล่าหล่นเกลื่อน ไม่เหมือนกับที่เธอสร้างภาพไว้ในใจ พื้นห้องระเกะระกะไปด้วยขยะและเศษบุหรี่ เธอเงยหน้ามองหมายเลขห้องซ้ำอีกครั้ง คนระเบียบจัดและไม่สูบบุหรี่อย่างภูมิ พอเปลี่ยนที่ เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวเหรอ “ไม่หรอกน่า...” หวานตาพึมพำพยายามคิดในแง่ดี เธอชะเง้อมองเข้าไปด้านในอีกครั้ง เริ่มไม่แน่ใจว่าตัวองตัดสินใจผิดหรือเปล่า... สายตาหวานตาสะดุดเข้ากับกระโปรงผ้าสีหวาน มันกองอยู่ที่พื้น ด้านข้างมีชั้นในผู้หญิงหล่นอยู่ใกล้ๆ หวานตากำมือแน่น กัดริมฝีปากล่างจนชา เธอสูดลมหายใจลึกๆ หมุนตัวเดินหนี เธอไม่ควรมาเพื่อรับรู้อีกด้านหนึ่งของภูมิเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หวานตาคิดว่าตัวเองตัดสินใจพลาด เธอควรรอให้เขากลับไป ไม่ใช่วิ่งโร่มาเจอความจริงที่น่ากลัว หวานตาหยุดเดิน เธอไม่เคยวิ่งหนีปัญหานี่นา ห
ไหนๆ ก็คันปากอยากหาเรื่องกัดใครสักคนแล้ว ไซม่อนนี่น่าจะเหมาะสุดสำหรับการลับฝีปากของเธอ ชลดาหัวเราะกิ๊ก “ไหมล่ะ พูดอะไรไม่พ้นตัวเอง ดีนะที่ชลขอดูผลตรวจเลือดก่อนแต่งงาน ไม่งั้นชลคงระแวงตัวเองจนตาย ชลกลัวเป็นเอดส์ค่ะ” “หวังว่าธามโตมาจะไม่ปากเสียเหมือนพ่อหรอกนะ” หลานชายของเธอจะต้องไม่สืบสานสันดานจากบิดาแย่ๆ อย่างไซม่อน หวานตาพยายามสอนให้ธามมองเห็นความไม่ดีในตัวบิดา ซึ่งหลานชายไม่ค่อยคล้อยตามเท่าไหร่ ธามติดพ่อมากกว่าแม่ คงเพราะไซม่อนมีเวลาดูแลลูกมากกว่าชลดานั่นเอง เขาเป็นตัวตั้งตัวตีในการเลี้ยงบุตรชายเกือบทั้งหมดนี่ รายละเอียดเกี่ยวกับหอพักทวีทรัพย์รับหน้าที่จัดหามาให้ บิดายัดใส่มือก่อนขึ้นเครื่องไม่กี่นาที ตอนแรกหวานตาก็หวั่นๆ เธอจะต้องมาคลำหาทางเอาเองที่ลอนดอนเสียก็ไม่รู้ พอได้ที่อยู่ภูมิมาเลยโล่งใจไปหนึ่งเปราะ อย่างน้อยก็ช่วยร่นระยะเวลาในการเจอหน้าภูมิ
“คุณภูมิกินแต่อาหารจืดๆ เลยไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้มีอาหารรสอื่นที่อร่อยมากกว่าสิ่งที่คุณเคยลิ้มรสมาค่ะ” “ผมเป็นคนรักสุขภาพครับ อะไรที่ก่อผลร้ายกับตัวเอง ผมเลยไม่อยากเอาตัวเข้าไปเสี่ยง” “คุณกำลังบอกโรซี่เหรอคะ เรื่องบางเรื่องก็ไม่ได้น่ากลัวหรอกค่ะ ลองสักครั้งแล้วคุณจะติดใจ” “ผมไม่ชอบลองอะไรที่ไม่มีประโยชน์ครับ เสียพลังงานเปล่าๆ แต่ไม่ได้คุณค่าอะไรกลับมาเลย” แค่นี้คงทำให้โรสิตาสำนึกได้บ้าง ในฐานะเพื่อนมนุษย์เขาก็ไม่อยากทำลายน้ำใจหล่อนมากนัก แต่ภูมิไม่รู้ มนุษย์บางคนก็ดื้อด้านเกินกว่าที่จะขุดรากที่หยั่งลึกได้ เหมือนโรสิตา หล่อนถลำลงไปในวังวนที่อยากไถ่ถอนตัวเองคืน คำปรามาสของภูมิเลยก่อให้เกิดความไม่พอใจ และหล่อนจะไม่มีวันถอย จนกว่าจะสยบภูมิให้ศิโรราบได้&nbs
มันเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับภูมิ แต่กลับเป็นเรื่องน่าสนุกของคนรอบตัว ภูมิรู้มีสายตาหลายคู่คอยสอดส่อง และรอดูบทสรุปเรื่องวุ่นวายในชีวิตเขา มีทั้งคนชื่นชมที่เขายึดมั่นในตัวเอง จนไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งลวงล่อที่โรสิตาพยายามสร้าง ชายหนุ่มถอนหายใจ หยุดปั่นจักรยาน เขาเหวี่ยงปลายเท้าลงยืนบนพื้น อิงจักรยานไว้กับพนักเก้าอี้เหล็กที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ “คิดถึงหวานจัง” เสียงพึมพำแผ่วหวิวปนเปไปด้วยความคิดถึง เวลาต่างกันหากเช้าที่ลอนดอน ที่ประเทศไทยคงดึกเอาการ หลายครั้งที่ภูมิห้ามใจตัวเองไว้ ไม่ติดต่อหาหวานตานอกจากเวลาที่กำหนด เขาอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง และก็เริ่มเห็นด้วยกับความคิดหวานตา ทั้งเขาและเธอต้องอดทน การจากกันครั้งนี้แค่ชั่วคราว ไม่ใช่ตลอดไป หากจะมีคนตะบะแตก ไม่หวานตาก็เขา
ริมฝีปากล่างถูกกัด มือหมุนปากกาในมือไปมา เรื่องนี้เธอควรมีตัวช่วย หากเก็บเงียบไว้แบบนี้คงอกระเบิดตาย ก่อนที่ภูมิจะกลับมา...เช้าวันใหม่... หวานตาแบกหน้าตาโทรมๆ ของตัวเองไปหาชลดาถึงบ้าน ชลดากับไซม่อนกำลังยุ่งกับการเลี้ยงบุตรชายวัยสามเดือนที่กำลังซนได้ที่ ขนาดเคลื่อนไหวเองไม่ได้ก็ส่งเสียงเจื้อยแจ้วลั่นบ้าน พ่อแม่มือใหม่ที่กำลังหลงลูกชายเลยพากันหยุดงานเลี้ยงลูก หวานตาเพิ่งรู้ไซม่อนไม่ใช่นักข่าวกระจอกๆ เขามีเงินเก็บจากการเทรดหุ้น ไม่ทำงานสักสองสามปียังได้ นับว่าชลดาตาแหลม ได้สามีเงินถุงเงินถังไว้ดูแล ไซม่อนเลิกอาชีพเป็นนักข่าวแล้ว เขาเขียนบทความให้สำนักข่าวของเพื่อนสนิทเขาแทน มีรายได้พอเลี้ยงตัวได้ ไซม่อนเลยกลายเป็นพ่อที่เลี้ยงลูกชายเต็มตัว คงเพราะชลดาไม่สามารถวางมือจากการเป็นบรรณาธิการหนังสือแฟชั่นได้นั่นเอง ชลดาเลยเป็นฝ่ายที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่เพราะหลงลูก หมู
สะพานคอนกรีตเสริมเหล็ก ถูกยื่นมาให้ภูมิคว้าเอาไว้ ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่รู้ เขาส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง “ทำไมคะ คุณไม่ชอบฉันเหรอ” ธรรมดาการปฏิเสธแบบสุภาพ จะทำให้ผู้หญิงมียางอายยอมถอย แต่สำหรับโรซี่แล้ว เธอเลยขีดจำกัดแบบนั้น เธอใช้ชีวิตในต่างแดนเกินหกปี ผ่านผู้ชายมานับไม่ถ้วน ไม่เคยสะดุดตาใครเท่าผู้ชายตรงหน้า เขาดูละมุนน่าครอบครองจนห้ามใจไม่ได้เลย ภูมิแอบผ่อนลมหายใจ เขายอมให้โรสิตาเดินข้ามเส้นแบ่งที่ตัวเองกำหนดไว้ เพราะคิดว่าคุยภาษาเดียวกันแล้วจะรู้เรื่อง เขาแน่ใจว่าโรซสิตารู้ เขาไม่ใช่ผู้ชายโสด ถึงจะยังไม่แต่งงาน แต่ภูมิแน่ใจตัวเอง เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจไปจากหวานตาแน่ๆ “คุณกับผมมาจากถิ่นเดียวกัน ทำไมผมจะไม่ชอบคุณล่ะ” “มากกว่าชอบได้ไหมคะ โรซี่ไม่ถือ” โรสิตากระแซะต่อ
“ยัยชล แกจะแต่งงานเหรอ...เมื่อไหร่ล่ะ หมอนั่นยอมแล้วใช่ไหม?” หวานตาถามเสียงสั่น กลั้นยิ้มจนปวดแก้ม ชลดาตวัดสายตามองผ่าน ผิวแก้มร้อนวูบวาบ “เร็วๆ นี้แหละ เอาฤกษ์สะดวกนะ ฉันกับไซม่อนไม่มีญาติผู้ใหญ่แล้วทั้งคู่นี่” “ว้าว...ดีแล้วล่ะ หวานก็ไม่ชอบนักหรอก หมอนั่นกินตับแกหลายครั้งแล้ว อย่าคิดนะว่าหวานไม่รู้” หวานตากระเซ้า จนชลดาตาโต “ยัยหวาน” “ทำไม หวานไม่ใช่เด็ก ไม่มีประสบการณ์ก็จริง แต่หวานพอมองออกย่ะ หมอนั่นมองแกเหมือนขนมหวาน แบบนั้นมีหรือจะปล่อยให้แกครองจิ้นถึงวันแต่งงาน” “พอเลยๆ เลอะเทอะ” “หวานไม่ได้เลอะเทอะ ถามใครในออฟฟิตแกก็ได้ โธ่ๆ อย่าให้ห
บทพิเศษเติมความหวาน การแต่งงานไม่ใช่จุดสิ้นสุดของคนสองคนที่รักกันมากๆ งานวิวาห์คือบททดสอบเบื้องต้นของชีวิตคู่ จุดเริ่มของนิยามความรักที่ไม่มีข้อจำกัด ภูมิกับหวานตาได้แต่หวังให้เขาและเธอยังจับมือกันเช่นนี้ต่อไปในอนาคต โดยไม่มีอุปสรรคมาทำลายความรักของเขาทั้งสองคนลงได้ “ภูมิยกเลิกไปเรียนต่อแล้วเหรอคะ ทำไมล่ะ?” หวานตาถามเสียงหลง เธอรู้สึกแปลกใจนิดๆ ภูมิไม่ใช่คนเหลาะแหละ เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจหากตัดสินใจอะไรไปแล้ว และเรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ในอนาคตภูมิต้องใช้วิชาความรู้ทั้งหมดเพื่อดูแลกิจการของเขา ภูมิย่นปลายจมูก ก้มหน้าหลบสายตาแฟนสาวหมาดๆ “...” “หวานต้องการเหตุผลค่ะ ภูมิไม่ตอบหวานไม่ได้นะคะ&
“จะถามทำไม ไม่เยอะเท่าที่แกถูกหมอนั่นจูบหรอก” หวานตาตอบเสียงแข็ง รีบชิ่งหนี ด้วยการกดวางสาย “ร้อนตัวนะยะหล่อน รีบวางสายหนีเลย” ชลดาบ่นพึมพำ เธอมองหาไซม่อน และ “คุณๆ พรุ่งนี้ไปโรงพยาบาลกันนะ” ไซม่อนเลกหัวคิ้วขึ้นสูง เขาละสายตาจากการแต่งภาพ เงยหน้ามองแม่สาวข้างบ้าน ที่ยืนท้าวเอวอยู่หน้าโต๊ะทำงาน “ไปทำไม ไม่สบายเหรอ?” “เปล่า...” “อ้าว แล้วจะไปทำไม?” “จะพาคุณไปตรวจเลือด ยัยหวานโทร. มาบอกชลเมื่อซักครู่ ชลเห็นด้วย ดีกว่ามาเสียใจทีหลัง คุณยิ่งมั่วๆ อยู่แล้วด้วย”