หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก
“คือ...”
“หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ”
หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู
“มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น
“เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น
ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน
ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว
“ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และเธอมีประสบการณ์ การฟูมฟายไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น เธอโตแล้ว และมีเหตุผลมากพอ ในเมื่อชายตรงหน้าไม่ได้เห็นค่าความสัมพันธ์ครั้งนี้ เธอรั้งผู้ชายหมดใจก็จะเป็นการเสียเวลาเปล่า หวานตาคิดว่าตัวเองควรต้องเจ็บปวดกับความผิดหวังครั้งนี้ แต่เปล่าเลย!! เธอไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น มันอาจจะชาๆ เพราะยังเร็วเกินไปสำหรับเธอ
“ค่ะ”
“ผมเองก็ไม่ได้อยากเสียหวานไปหรอก หวานก็รู้ สำหรับผม หวานยังสำคัญเสมอ”
เมื่อท่าทีหวานตาอ่อนลง เรืองฤทธิ์เลยพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง
หวานตามองแก้วกาแฟ เธอนึกอยากทำอย่างที่ใจคิด แต่มันจะดูเป็นเด็กเกินไป เธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบนั้น หากจะแก้เผ็ดเอาคืนเรืองฤทธิ์ เขาจะต้องจำจนตาย เพียงแต่เวลานี้ เธอยังคิดหาทางแก้ลำเขาไม่ถูก ในสมองของหวานตาบันทึกเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้แล้ว ในสามัญสำนึกของเธอบอกไว้ การแก้แค้น...10ปียังไม่สาย
เพราะคนที่หัวเราะทีหลัง ย่อมสะใจกว่า
“ค่ะ หวานสำคัญสำหรับคุณ แต่คุณก็ยังเลือกเธอใช่ไหมคะ?”
หวานตาฉวยแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ เธอเกือบขำกับท่าทางผวาของชายตรงหน้า
“ผมจำเป็น” ชายหนุ่มอ้อมแอ้มตอบ...หากจะถูกตราหน้าว่าเขาทำเพื่อเงินก็ไม่ผิดนัก
เขาเบื่อที่จะต้องทำงานหนัก แต่เงินเดือนที่ได้รับไม่พอยาไส้ ไหนจะต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ ค่าเสื้อผ้า ค่าของใช้ ค่าเครื่องดื่ม รายจ่ายที่สวนทางกับรายรับ มันทำให้เขาต้องวิ่งหาเงินตัวเป็นเกลียว
เรืองฤทธิ์ลืมไป เขาไม่จำเป็นต้องขวนขวายแบบนั้นเลย หากเขาลดอัตราความอยากลงมาบ้าง
ไม่จำเป็นต้องมีรถยนต์ ในเมื่อถนนแทบจะไม่พอให้รถวิ่ง ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าราคาแพง เพราะวันทั้งวันเขาก็อยู่แค่ที่ทำงาน แทบไม่ได้โผล่หน้าออกไปที่ไหนเลย แล้วแบบนั้น เขาจะใส่เสื้อผ้าราคาแพงเหล่านั้นไปทำไม รวมทั้งพร็อปต่างๆ ที่เขาต้องมีอีกเช่นกัน นาฬิกาบอกเวลาเท่ากันทุกเรือน แตกต่างที่ยี่ห้อ เขาเป็นแค่พนักงานในออฟฟิต ไม่จำเป็นต้องใช้นาฬิกาหรูๆ หลายอย่างที่ไม่จำเป็นเรืองฤทธิ์ขวนขวายหามา และทำให้ตัวเองจมไม่ลง ทั้งที่สตางค์ในกระเป๋ามีให้ใช้แบบจำกัด
“ตามนั้นค่ะ หวานเข้าใจ”
หลังทบทวนในใจ หากขาดคนตรงหน้า ชีวิตของเธอจะเดินไปข้างหน้าต่อได้ไหม?
หวานตาตอบได้ในทันที...ได้สิ ไม่มีเขา ไม่มีเรืองฤทธิ์เธอก็ไม่ตายหรอก
แค่ผิดหวังที่เลือกคนผิด บทสุดท้ายแล้ว คนที่เขาเลือกกลับไม่ใช่เธอ
“คือ...” เรืองฤทธิ์กำลังชั่งใจ เขาควรพูดสิ่งที่คิดไว้ออกมาหรือไม่
“คะ?”
ในที่สุดเขาก็ติดสินใจพูด “เราจะเป็นแบบนี้ต่อไปได้ไหมครับหวาน ถึงผมจะมีเขาอีกคน แต่หวานก็ยังสำคัญกับผม”
หวานตานิ่งอึ้ง...เธอไม่ได้ดีใจที่เขายังต้องการเธอ แต่ทุกคำที่เรืองฤทธิ์พูดออกมา มันแสดงถึงความเห็นแก่ได้ เธอไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรเรืองฤทธิ์ต้องการเธอกับผู้หญิงอีกคนไว้ในสถานะเดียวกัน...ผู้หญิงหลายคนอาจจะยอม เพราะความรักที่ทำให้ตามืดบอด แต่สำหรับหวานตาแล้ว...ไม่มีทาง!!
เธอเงยหน้ายิ้มหวานเจี๊ยบ ยิ้มแบบที่เรืองฤทธิ์ถึงกับถอนใจ เขาเข้าใจว่าหวานตายอมรับข้อเสนอของเขา
“คุณม่านแก้ว” หวานตาครางในใจ ผู้หญิงคนใหม่ของผู้ชายของเธอ...ชื่อม่านแก้ว เธอปล่อยให้เรืองฤทธิ์พูดต่อ “เธอไม่ได้อยากเข้ามาขวางระหว่างหวานกับผมหรอกนะ แต่เธอก็ไม่อยากเสียผมไปด้วยเช่นกัน”
หวานตาแอบเบ้ปาก ยังมีผู้หญิงคิดแบบนั้นเหรอ ต้องการความสัมพันธ์ลับๆ หวานตาชักอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นหน้าตาเป็นแบบไหนแล้วสิ
“หวานไม่โอเคค่ะ” หลังยิ้มจนเมื่อยปาก และเบื่อที่จะต้องฟังคำพูดระคายหู
หวานตาพูดขัดขึ้นมา เธอหยิบแก้วกาแฟมาถือไว้ ก่อนจะ...ไม่ดีกว่า หญิงสาวเปลี่ยนใจ หากเธอทำเหมือนที่คิด เธอคงต้องฟังภูมิบ่นไปอีกหลายวัน เธอควรเชิดเข้าไว้ หวานตาแน่ใจ ทุกการกระทำของเธอจะต้องมีใครสักคน คาบไปบอกภูมิ เขาจะต้องยินดีที่เธอเปลี่ยนนิสัยใจร้อนได้ หวานตาอมยิ้ม เวลานี้เธอควรปวดหัวกับวีรกรรมของเรืองฤทธิ์ไม่ใช่เหรอ ทำไมเธอถึงคิดถึงภูมิขึ้นมาได้ล่ะ
หญิงสาวขมวดคิ้ว หมู่นี้ผู้ชายที่เธอวางเขาไว้ในตำแหน่งเพื่อน ชอบเข้ามากวนใจเธอบ่อยเกินไปแล้วล่ะ
“หวาน”
“สรุปเลยแล้วกันค่ะเรืองฤทธิ์ หวานกับคุณคงเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้นเนอะ”
ท่าทางเหมือนไม่มีความเสียใจ แววตามีแววผิดหวังนิดหน่อย เรืองฤทธิ์เลยรู้สึกอึ้งๆ เกือบ1ปีที่อยู่ในฐานะคนรู้ใจ เขาทำให้หวานตาฟูมฟายไม่ได้เลยเหรอ เมื่อความสัมพันธ์ในฐานะคนพิเศษจบลง...เธอเย็นชาเกินไปแล้ว...
“หวาน!!”
หวานตาลุกขึ้นยืน เธอปรายตามองเรืองฤทธ์ครั้งสุดท้าย ก้มลงหยิบแล็ปท็อปมาถือไว้ แล้วจึงเดินไปหน้าเคาน์เตอร์เพื่อจ่ายค่าเครื่องดื่ม เป็นการบอกลาที่ชายหนุ่มรู้สึกผิดคาด หวานตาไม่ได้ฟูมฟาย เธอนิ่งจนเขาพูดอะไรไม่ออก
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค
บทที่3. Secret love มันใช่เหรอ? หวานตากลับลงมาอีกครั้งหลังหายไปไม่ถึง10นาที เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงผ้าขาสั้น ผมยาวสลวยถูกมัดไว้ด้านหลังท้ายทอย วงหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง หวานตาคงล้างเครื่องประทินโฉมพวกนั้นออกจนหมด แม้ไม่ได้แต่งหน้า ไร้สีสันบนใบหน้าของเธอ หวานตาก็ยังดูโดดเด่นเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่า หวานตาไม่นิยมใช้เครื่องสำอาง และหากจำเป็นต้องใช้ เธอจะมีแค่ลิปสติกกับบรัชออนเท่านั้น หวานตาผิวดี ผิวเธอละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน คิ้วเข้มๆ ของหวานตาได้มรดกมาจากทวีทรัพย์ โครงหน้าเธอคมอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งเติมเพิ่มสีสรรบนใบหน้าจึงไม่จำเป็นเลยสำหรับหวานตา “ผมงานยุ่ง เลยไม่มีเวลามาที่ร้าน พ่อเลยหาคนมาช่วย คนที่หวานเห็นวันนี้นั่นแหละครับ” ภูมิเปรยเหมือนอธิบายให้หวานตารับรู้ หวานตาไหวไหล่เ ธอฉวยช้อนส้อมมาจิ้มสาคูไส้หมูใส่ปาก ทำท่าไม่ยี่หระ ทั้งที่ใจเต้นตุบๆ เธอรู้ ‘ยัยนั่น’ เป็นลูกจ้างภูมิ หล่อนก็ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงความชอบของเธอ หวานตาร้องเอะในใจ! เธอจะไม่พอใจทำไมกับการเปลี่ยนแปลงนั่น เธอไ
หญิงสาวบ่น ชลดาน่าจะติดพันกับการทำงาน เพราะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือนแบบนี้ เพื่อนของเธอจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ไม่กินไม่นอนจนกว่างานจะเสร็จ “หวานก็ไปกับผมสิครับ” “ก็ได้นะ...” มันก็ดีกว่านอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงคนเดียวแหละ ออกไปยืดเส้นยืดสายก็ดีเหมือนกัน ภูมิเจริญอาหาร ไม่ใช่เพราะพี่น้อยทำกับข้าวอร่อยหรอก สายใจมารดาของเขา มีรสมือพอๆ กับคนที่เรียนทำอาหารกับครูชาววัง แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก เพราะหวานตา เลยทำให้กับข้าวธรรมดา เหมือนอาหารทิพย์ การเป็นเพื่อนสนิทก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้เขากับหวานตามีเวลาส่วนตัวแบบไม่มีใครรบกวน บางครั้งภูมิมีความสำคัญกว่า ‘แฟน’ ของหวานตาเสียอีก เพราะเพื่อนชายคนสนิทเหล่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์ทวีทรัพย์ บางคนไม่เคยได้มาเหยียบบ้านหวานตาเลย หวานตาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภูมิเลยถือโอกาสนั้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเช่นกัน บ้านเขากับบ้านเธอ มีรั้วที่เชื่อมถึงกัน นั่นเป็นการยืนยันความสนิทสนมของสองครอบครัวเป็นอย่างดี “หล่อเหมือนกันนะนี่” หวานตาชม เมื่อภูมิเดินกลับมาพร้อ
บทที่4.แค่คนในอดีต โนสน โนแคร์ แต่... คนที่ไม่อยากเจอ กับโผล่หน้ามาให้รำคาญตาเสียนี่ หวานตาอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อใครบางคนเสนอหน้ามาให้เห็น ตอนที่เธอควรจะมีความสุข และอารมณ์ดีตลอดค่ำคืนนี้“ออกไปห่างๆ หวานค่ะ หวานไม่อยากให้ ‘แม่’ ของคุณมาเขม่นหวาน” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ทันทีที่เรืองฤทธิ์ขยับเข้ามาจนเกือบตัวติดกับเธอ หวานตาจงใจพูดประชด เธอยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยหางตาดวงตาคมวาวของม่านแก้วทอดมองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง!! สาวใหญ่ผู้นั้นไม่คิดปิดบังความจงชังที่มีต่อเธอ หล่อนพุ่งสายตามาจากชั้นลอยในคลับแห่งนี้นี่เอง“ผมไม่คิดว่าจะเจอหวานที่นี่” เรืองฤทธิ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เขาเบื่อที่ต้องคอยพินอบพิเทาสาวใหญ่ผู้นั้น จนบางครั้งก็อยากแหกกฏเกณฑ์ที่ม่านแก้วตั้งไว้ “เหรอ!” หวานตาแอบเบ้ปาก เธอกลอกตามองบน สลับกับมองหน้าเรืองฤทธิ์ตรงๆชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลง ซ่อนแววตาโลมเลียไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หวานตาวันนี้ดูเซ็กซี่วายร้าย หล่อนไม่ได้แต่งตัวสไตน์เดิม ค่ำคืนนี้หวานตาอยู่ในชุดรัดรูป อวดสัดส่วนวัยสาวสะพรั่ง เนินเนื้ออวบอิ่มแทบจะล้นทะลักออกมาจากผ้ายืดรัดติ๋ว
“ตามใจคุณเลยค่ะ อยากคิดอะไร ยังไง แล้วแต่...อย่าลืมนะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว คุณไม่เกี่ยวกับหวาน หวานไม่เกี่ยวข้องกับคุณ” หวานตาไหวไหล่ เบ้ปากจนมุมปากบิด ปรายตามองเรืองฤทธิ์ด้วยสายตาปนความสังเวช เรืองฤทธิ์กำหมัดแน่น เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน “ผมคงทำให้หวานอารมณ์เสีย” เสียงเปรยดังแผ่วๆ “รู้ตัวก็ดีนะคะ หวานมาเที่ยว หวานต้องการความสบายใจ และหวานไม่อยากเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง” หวานตาโบกมือเรียกบริกรที่เดินผ่านหน้าโต๊ะของเธอพอดี “ขอเบียร์แบบนี้อีกเหยือกนะคะ” เธอบอกพนักงานหนุ่มน้อยด้วยเสียงที่หวานเกินปกติ เรืองฤทธิ์เดินจากไปพร้อมกับขุ่นเขืองอัดแน่นอยู่ในใจ ขนาดทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับม่านแก้ว เขายังเก็บความไม่พอใจนั่นออกไปจากสีหน้าไม่หมด “แค่เจออดีตแฟนมาเที่ยวกับหนุ่นคนใหม่ ถึงกับฉุนขาดเลยเหรอคะ!!” สาวใหญ่พูดแดกดัน ถึงนางจะออกตัวแรง บอกใครๆ ไม่ได้ แต่เรืองฤทธิ์ก็เป็นกึ่งสามี เขาทำหน้าที่บนเตียง พร้อมกับตำแหน่งเลขานุการส่วนตัวของนางด้วย “มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับพี่” ชายหนุ่มพยายามแก้ตัว แต่มันฟังไม่ขึ้น