หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง
“เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน
“เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่”
“เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ
ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรงมากด้วย
หวานตากดวางสาย เธอเงยหน้ายิ้มให้เรืองฤทธิ์ เขาเดินผ่านประตูเข้ามา สีหน้าดูไม่ดีเลย หญิงสาวพยายามคิดในแง่ดี เรืองฤทธิ์กำลังปรับตัวกับที่ทำงานใหม่ เขาอาจจะมีเรื่องวุ่นวายใจ ดังนั้นเขาเลยหายหน้าหายตาไปเกือบ2อาทิตย์
“สีหน้าดูไม่ดีเลยนะ มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ?”
ทันทีที่แฟนหนุ่มทรุดนั่งฝั่งตรงข้าม หวานตาก็รีบถามทันที
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบทันที เขาใช้ปลายนิ้วดันกรอบแว่น พร้อมกับเสียงถอนใจที่แรงจนหวานตาได้ยิน
“งานยุ่งหน่ะ”
สีหน้าของเขาไม่ได้หมายความเช่นนั้น คนตรงหน้าเธอกำลังมีปัญหา
“ดื่มอะไรดีคะหวานจะได้สั่งให้” หวานตาไม่อยากกดดันให้เขาตอบ เธอเลยเปลี่ยนเรื่องพูด พยามยิ้มให้มากขึ้น เขาจะได้รู้สึกผ่อนคลาย
“ขอเบียร์ได้ไหม?” เป็นคำถามที่เรืองฤทธิ์ใช้ทดสอบหวานตา เขากำลังตัดสินใจบางอย่างอยู่
“ทำไมวันนี้อยากดื่มแต่หัววันเลยล่ะคะ?” หญิงสาวไม่ได้ห้าม เธอแค่สงสัยว่าอะไรทำให้เขานึกอยากดื่มเครื่องดื่มมีแอลกอฮอล์ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นตรงศีรษะพอดี
“ผมมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” เรืองฤทธิ์ตอบเสียงแผ่ว
หากเลือกได้เขาไม่อยากทำแบบนี้เลย หวานตาเป็นผู้หญิงที่เขารู้สึกพิเศษด้วย แต่ข้อเสียของเธอคือหวานตามั่นใจในตัวเองเกินไป เป็นไปได้ยากที่เขาจะควบคุมเธอไว้ได้ ผู้หญิงหัวอ่อนคือผู้หญิงในอุดมคติของเรืองฤทธิ์ สำหรับหวานตาแล้ว เธอห่างไกลคำนั้นมาก แต่...นั่นแหละ ความรักกินไม่ได้
หากอยากให้ท้องอิ่ม เขาต้องเลือกผู้หญิงที่มีคุณสมบัติอย่างที่เขาต้องการ
และหวานตาไม่มีทางเป็นได้...เสียดายข้อเดียว เขากับเธอยังไม่ได้เกินเลยกันเลย ภายนอกหวานตาคล้ายๆ สาวเปรี้ยว เธอเป็นคนมีความมั่นใจสูง และค่อนข้างไม่ถือตัว...แต่นั่นไม่ร่วมเรื่องความสัมพันธ์ฉันท์ชาย-หญิงด้วยนะ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่เรืองฤทธิ์ทำอะไรไม่ได้เลย หวานตาไม่เคยยอม ทุกครั้งที่เขาพยายามเข้าถึงเนื้อถึงตัวเธอ
ผู้หญิงตรงหน้าเขา หวงพรหมจรรย์ของหล่อนยิ่งชีพ
“อืม เรื่องงานเหรอ?”
“เปล่า!!” ชายหนุ่มตอบ เขารับแก้วกาแฟจากมือของสาวเสิร์ฟ มองเลยหัวไหล่ของหล่อนไป ใต้ต้นไม้ใหญ่เลยหน้าร้านกาแฟของภูมิไม่ถึง300เมตร มีรถยนต์สีดำ ยี่ห้อ Hyundai Grand Starex เป็นรถยนต์อเนกประสงค์มีเครื่องอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม เจ้าของคือสาวใหญ่วัย40อัฟ เธอยังคงความสวยไว้ด้วยฝีมือแพทย์ ที่สำคัญเรืองฤทธิ์กำลังคั่วเธออยู่ หากตกลงกับหวานตาได้ เขาจะมีทั้งหวานตาและม่านแก้วพร้อมกัน
หม้ายสาวไม่ได้ต้องการมีเขาออกหน้าออกตา สังคมของหล่อนคงไม่ยินดีกับการที่เธอจะมีสามีคราวลูก เธอต้องการเขาไว้เพื่อสนองตันหา ข้อเสนอของเธอทำให้เขาหนักใจ เพราะหวานตาคงไม่ยอม ครั้นจะปิดเธอไว้ สังคมเมืองกรุงก็ไม่ได้กว้างนัก บางทีเรื่องที่เขากำลังทำอาจจะเข้าหูหวานตาบ้างแล้วก็ได้ เมื่อเพื่อนสนิทของหวานตาเป็นคนกว้างขวางพอตัว
สิ่งที่เขาต้องทำคือการทำความเข้าใจกับหวานตา
แต่หากไม่ได้ เขาก็จำใจต้องเลิกกับเธอ
ถึงหวานตาจะมีทรัพย์สินไม่น้อยหากเขาแต่งงานกับเธอ เขาก็จะพลอยสบายไปด้วย แต่เรื่องนั้นมันไกลตัวเกินไป เธอยังไม่มีทีท่าว่าจะตกลงปลงใจกับเขาเลย สถานะของเขาก็แค่...แฟน
แต่โอกาสดีๆ ตรงหน้านี่สิ หากไม่คว้าไว้ เขาคงเสียดายแย่
หวานตากดปิดแล็ปท็อปตรงหน้า เธอรู้ด้วยตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนี้คือเรื่องสำคัญแน่ๆ สัญชาตญาณบอกเธอเช่นนั้น ท่าทางเรืองฤทธิ์ดูเคร่งเครียด เขามีสีหน้าหมองๆ เหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง และนั่นน่าจะเกี่ยวข้องกับเธอ
เรืองฤทธิ์ยกมือขึ้นคลายปมเน็คไท เขารูดปมตรงคอให้เลื่อนต่ำลงมาเพื่อให้ความอึดอัดที่เกิดขึ้นทุเลาลง แววตาของหวานตายิ่งทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก เขาพยายามเรียบเรียงคำพูดที่คิดไว้ในใจคร่าวๆ
“ไม่ใช่เรื่องงาน แล้วเรื่องอะไรคะ หรือว่าเรื่องหวาน?”
หวานตาลองเสี่ยงเดาและดูเหมือนว่าเธอจะเดาถูก
เรืองฤทธิ์จ้องหน้าหวานตา เขาเม้มปากจนริมฝีปากเป็นเส้นตรง แววตาดำมืดขุ่นมัวจ้องหน้าเธอ ตอนที่พูดขึ้นมา “หวานจะทำยังไงหากวันนี้เราต้องเลิกกันครับ?”
ชายหนุ่มตัดสินใจถาม
หญิงสาวตัวแข็งทื่อ เธอค่อยๆ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้หรี่เปลือกตาลง ยกมือขึ้นกอดอกและค่อยๆ กวาดตามองชายตรงหน้าซ้ำอีกครั้ง
หวานตาไม่ได้มีท่าทีตกใจ เหมือนที่เรืองฤทธิ์คาดไว้ สีหน้าของเธอทำให้ชายหนุ่มเริ่มผวา ท่าทางนิ่งๆ เย็นๆ ของหวานตานี่คือต้นกำเนิดพายุดีๆ นี่เอง เขารู้ดีเพราะทำความเข้าใจกับอุปนิสัยส่วนตัวของเธอมาเป็นอย่างดี หวานตาเป็นสาวอินดี้ และเมื่อไหร่ที่เธอแผลงฤทธิ์ นั่นหมายถึงไม่ใครก็ใครต้องแหลกกันไปข้าง
“ทำไม?” เป็นคำถามที่สั้นเสียจนเรืองฤทธิ์ตอบไม่ถูก
หญิงสาวตวัดปลายขาขึ้นมาไขว้กัน เธอคลายมือที่กอดอกไว้ เลื่อนไปวางไว้ที่หัวเข่าแทน พยายามปรามตัวเองให้ใจเย็นๆ เรืองฤทธิ์ต้องมีเหตุผล ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่พูดออกมา
“ถ้าผมบอกว่า ผมเจอคนที่เหมาะกับผมมากกว่าหวานแล้วล่ะครับ”
ชายหนุ่มพยายามทำใจให้สงบ เขาผวากับแววตาของผู้หญิงตรงหน้าเหมือนกัน
หวานตาสูดลมหายใจลึกๆ เธอนับหนึ่งถึงสิบ แล้วก็เริ่มต้นนับใหม่ เป็นการลดอุณหภูมิความโกรธให้ลดลงที่ได้ผลชะงัด ครั้งหนึ่งเธอเคยวีนแตกเพราะเก็บอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่ และครั้งนั้นทำให้เธอพลาดโอกาสดีๆ ภูมิเตือนเธอ เขาสอนให้เธอนับเลขในใจ หลังจากวันนั้น เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นครูของเธอ ภูมิชี้ให้เห็นความผิดพลาด หากเธอควบคุมอารมณ์ได้ เหตุการณ์จะไม่บานปลายเลย นับจากนั้นเธอก็ใช้วิธีของภูมิ เธอจะนับเลขในใจทุกครั้งที่ความโกรธปะทุขึ้นมาในใจ
“1 2 3...” เรืองฤทธิ์เอียงหูฟัง เขาได้ยินเสียงหวานตาพึมพำบางอย่างออกมา
“ครอบครัวผมไม่ได้รวย บ้านเรามีรายจ่ายเยอะแยะ ผมต้องแบ่งเบาภาระของพ่อกับแม่ ผมคงไม่มีเงินมาสู่ขอหวาน หากวันหนึ่งในอนาคตเราต้องแต่งงานกัน”
เหตุผลแสนดีที่ฟังแล้วเหมือนกับว่าเรืองฤทธิ์กำลังตัดพ้อเธอ เขาคงไม่มีปัญญาหอบเงินล้านมาขอเธอแน่ แต่หวานตารู้ว่าไม่ใช่
“ไม่ใช่เหตุผลที่เราต้องเลิกกันนี่คะ หวานยังไม่ได้เร่งรัดให้เราแต่งงานกันเสียหน่อย”
หญิงสาวแย้ง เธอใจเย็นที่สุดแล้วนะ
“ผม...”
หลังนับเลขในใจวนไปวนมาเกือบร้อยรอบ หวานตาใจเย็นขึ้น เธอวาดปลายเท้าลงวางที่พื้น และถามเรืองฤทธิ์ตรงๆ
“คุณเจอคนใหม่ที่ดีกว่าหวานใช่ไหมคะ... หวานเข้าใจแบบนี้ถูกไหม?”
ชายหนุ่มกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอเขาฉวยแก้วกาแฟมาจิบ และเกือบสำลักเมื่อ…
“เธอเป็นใคร? ใช่ผู้หญิงในรถยนต์สีดำที่จอดอยู่โคนต้นไม้ตรงนู้นไหมคะ?”
แค๊กๆ ชายหนุ่มวางแก้วบนโต๊ะ ยกมือตบอก รีบล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดคราบกาแฟที่กระเด็นออกมาจากปากและเปื้อนบนอกเสื้อตัวเอง
“ทำไมไม่ให้เธอเข้ามาพูดกับหวานเองเลยล่ะคะ?”
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค
บทที่3. Secret love มันใช่เหรอ? หวานตากลับลงมาอีกครั้งหลังหายไปไม่ถึง10นาที เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงผ้าขาสั้น ผมยาวสลวยถูกมัดไว้ด้านหลังท้ายทอย วงหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง หวานตาคงล้างเครื่องประทินโฉมพวกนั้นออกจนหมด แม้ไม่ได้แต่งหน้า ไร้สีสันบนใบหน้าของเธอ หวานตาก็ยังดูโดดเด่นเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่า หวานตาไม่นิยมใช้เครื่องสำอาง และหากจำเป็นต้องใช้ เธอจะมีแค่ลิปสติกกับบรัชออนเท่านั้น หวานตาผิวดี ผิวเธอละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน คิ้วเข้มๆ ของหวานตาได้มรดกมาจากทวีทรัพย์ โครงหน้าเธอคมอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งเติมเพิ่มสีสรรบนใบหน้าจึงไม่จำเป็นเลยสำหรับหวานตา “ผมงานยุ่ง เลยไม่มีเวลามาที่ร้าน พ่อเลยหาคนมาช่วย คนที่หวานเห็นวันนี้นั่นแหละครับ” ภูมิเปรยเหมือนอธิบายให้หวานตารับรู้ หวานตาไหวไหล่เ ธอฉวยช้อนส้อมมาจิ้มสาคูไส้หมูใส่ปาก ทำท่าไม่ยี่หระ ทั้งที่ใจเต้นตุบๆ เธอรู้ ‘ยัยนั่น’ เป็นลูกจ้างภูมิ หล่อนก็ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงความชอบของเธอ หวานตาร้องเอะในใจ! เธอจะไม่พอใจทำไมกับการเปลี่ยนแปลงนั่น เธอไ
หญิงสาวบ่น ชลดาน่าจะติดพันกับการทำงาน เพราะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือนแบบนี้ เพื่อนของเธอจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ไม่กินไม่นอนจนกว่างานจะเสร็จ “หวานก็ไปกับผมสิครับ” “ก็ได้นะ...” มันก็ดีกว่านอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงคนเดียวแหละ ออกไปยืดเส้นยืดสายก็ดีเหมือนกัน ภูมิเจริญอาหาร ไม่ใช่เพราะพี่น้อยทำกับข้าวอร่อยหรอก สายใจมารดาของเขา มีรสมือพอๆ กับคนที่เรียนทำอาหารกับครูชาววัง แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก เพราะหวานตา เลยทำให้กับข้าวธรรมดา เหมือนอาหารทิพย์ การเป็นเพื่อนสนิทก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้เขากับหวานตามีเวลาส่วนตัวแบบไม่มีใครรบกวน บางครั้งภูมิมีความสำคัญกว่า ‘แฟน’ ของหวานตาเสียอีก เพราะเพื่อนชายคนสนิทเหล่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์ทวีทรัพย์ บางคนไม่เคยได้มาเหยียบบ้านหวานตาเลย หวานตาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภูมิเลยถือโอกาสนั้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเช่นกัน บ้านเขากับบ้านเธอ มีรั้วที่เชื่อมถึงกัน นั่นเป็นการยืนยันความสนิทสนมของสองครอบครัวเป็นอย่างดี “หล่อเหมือนกันนะนี่” หวานตาชม เมื่อภูมิเดินกลับมาพร้อ
บทที่4.แค่คนในอดีต โนสน โนแคร์ แต่... คนที่ไม่อยากเจอ กับโผล่หน้ามาให้รำคาญตาเสียนี่ หวานตาอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เมื่อใครบางคนเสนอหน้ามาให้เห็น ตอนที่เธอควรจะมีความสุข และอารมณ์ดีตลอดค่ำคืนนี้“ออกไปห่างๆ หวานค่ะ หวานไม่อยากให้ ‘แม่’ ของคุณมาเขม่นหวาน” หญิงสาวเอ่ยปากไล่ทันทีที่เรืองฤทธิ์ขยับเข้ามาจนเกือบตัวติดกับเธอ หวานตาจงใจพูดประชด เธอยิ้มมุมปาก ชำเลืองมองชายหนุ่มด้วยหางตาดวงตาคมวาวของม่านแก้วทอดมองมาที่เธอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง!! สาวใหญ่ผู้นั้นไม่คิดปิดบังความจงชังที่มีต่อเธอ หล่อนพุ่งสายตามาจากชั้นลอยในคลับแห่งนี้นี่เอง“ผมไม่คิดว่าจะเจอหวานที่นี่” เรืองฤทธิ์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เขาเบื่อที่ต้องคอยพินอบพิเทาสาวใหญ่ผู้นั้น จนบางครั้งก็อยากแหกกฏเกณฑ์ที่ม่านแก้วตั้งไว้ “เหรอ!” หวานตาแอบเบ้ปาก เธอกลอกตามองบน สลับกับมองหน้าเรืองฤทธิ์ตรงๆชายหนุ่มหลุบเปลือกตาลง ซ่อนแววตาโลมเลียไม่ให้อีกฝ่ายเห็น หวานตาวันนี้ดูเซ็กซี่วายร้าย หล่อนไม่ได้แต่งตัวสไตน์เดิม ค่ำคืนนี้หวานตาอยู่ในชุดรัดรูป อวดสัดส่วนวัยสาวสะพรั่ง เนินเนื้ออวบอิ่มแทบจะล้นทะลักออกมาจากผ้ายืดรัดติ๋ว