ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ
“ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ”
หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย
ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว
หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา
ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง
“ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน
“อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ”
แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ
“ดูแลดี เอาใจก็เก่ง พูดอะไรไม่เคยเถียง ยังดีไม่พอสำหรับเจ้หวานอีกหรือไงฮะ” สาวยังเถียงแทนเจ้านาย
“อย่ารู้ดี ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนน่ะมันยาว หากเป็นแฟนกัน พอเลิกกัน ก็ไม่อยากมองหน้ากันแล้ว เฮียกับเจ้หวานคบกันมากี่ปี หากเป็นแฟนกันล่ะก็...คงไม่ยาวขนาดนี้หรอก” จิ๋วพนักงานอีกคนออกความเห็นผสมโรง
นิสัยอย่างหวานตา หากไม่สวยล่ะก็ ผู้ชายคงเปิดแน่บตั้งแต่วันแรกที่รู้จัก
ผู้หญิงอะไร เอาแต่ใจตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองสูง จนบ้างครั้งดูกระด้างจนน่ากลัว
แฟงยกกาแฟตามสั่งพร้อมกับเครปเค้กมาเสิร์ฟให้เพื่อนสนิทนายจ้าง เธอชำเลืองมองหน้าจอแล็ปท็อปที่หวานตาเปิดค้างไว้ สาวเสิร์ฟวางถาดลงบนโต๊ะ หวานตาพยักหน้าอนุญาต เธอกำลังติดพันกับการคุยกับ ชลดาเพื่อนสนิทเพศเดียวกัน เพื่อนหญิงคนเดียวที่ทนความเอาแต่ใจของเธอได้
“อย่าบอกนะว่าแกอยู่ร้านคุณภูมิ!!”
เสียงเพื่อนพูดดักคอ ซึ่งหวานตาก็ไม่ได้สนใจ
“แล้วทำไมฉันถึงจะมาร้านหมอนี่ไม่ได้ล่ะ?”
หญิงสาวย้อนถาม ฉวยแก้วกาแฟมาจิบกลั้วคอ
“จริงดิ!! แกนัดแฟน ให้มาเจอกันที่ร้านคุณภูมิจริงๆ เหรอ”
ชลดาถามเสียงหลง หวานตาเป็นผู้หญิงที่โคตรโชคดี ท่ามกลางผู้ชายแสนดีหลายๆ คน และผู้ชายเหล่านั้นรุมทุ่มเทความรักให้กับคนเอาแต่ใจอย่างหวานตา หนึ่งในผู้ชายดีๆ นั่น มีภูมิรวมอยู่ด้วย แม้ชลดาจะไม่มั่นใจ ระหว่างสองคนนั่น สถานะคือเพื่อนจริงๆ หรือว่าแสร้งแกล้งเป็นเพื่อน สำหรับหวานตานั้น... เธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็น เพื่อนของเธอไม่ได้คิดเป็นอื่นกับภูมิแน่ๆ แต่ชายผู้นั้นชลดาไม่มั่นใจ เพราะเท่าที่สังเกต ภูมิให้สิทธิ์พิเศษกับเพื่อนของเธอหลายอย่าง หลายอย่างจนเกินคำว่าเพื่อนสนิท เธอไม่ได้คิดอกุศล แต่ผู้ชายคนนั้น คิดกับหวานตามากกว่าคำว่าเพื่อนแน่นอน
“เอะ!! ยังไงยัยชล การที่ฉันจะนัดเรืองฤทธิ์มาที่ร้านหมอนี่ ฉันทำไม่ได้เหรอ?”
หวานตาถามเสียงขุ่น ทำไมเธอจะนัดแฟนให้มาที่ร้านของภูมิไม่ได้ล่ะ?
“ได้ แกจะนัดแฟนแกไปที่ไหนก็ได้ แต่ขอล่ะ อย่าไปที่นั่นเลย”
ชลดาพยายามเตือน ความสัมพันธ์แสนคลุมเครือนี้มันดูแล้วอิหลักอิเหลื่อ สงสารแต่ผู้ชายอย่างภูมินั่นแหละ เขาไม่เคยบอกความรู้สึก และไม่เคยแสดงออกให้เพื่อนของเธอรู้ตัว ชลดาเชื่อว่าคนรอบตัวหวานตารู้ โดยเฉพาะบิดาของเธอ
“แกท่าจะบ้านะยัยชล หมอนั่นยังไม่เคยบ่นเลย และฉันจ่ายสตางค์นะยะ ฉันไม่ได้มากินฟรี”
“เออ ฉันรู้แล้ว แหม...” ชลดาจิปาก เธออยากสะกิดให้เพื่อนมองเห็นสิ่งที่ภูมิปกปิดไว้เหลือเกิน แต่นั่น... อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนขาดสะบั้นลงก็ได้ ชลดาปรามตัวเอง...งานนี้เธอควรงดเผือก ห้ามเสือกโดยไม่จำเป็น เพราะหากสิ่งที่เธอเดาไว้ ไม่ใช่อย่างที่คาด มันจะพานให้คนสองคน มองหน้ากันไม่ติดเสียเปล่าๆ
“พอเลย...ฉันจะมา ฉันจะนั่งให้รากงอกเลย แกห้ามฉันไม่ได้หรอก”
หวานตาพูดเย้ยๆ เธอชอบนั่งทำงานที่ร้านกาแฟของภูมิ บรรยากาศรอบตัวทำให้สมองเธอแล่น มันเป็นเพราะความร่มรื่น และกลิ่นหอมๆ ของดอกไม้ ภูมิน่าจะจำได้ สิ่งเดียวที่เธอชอบแต่ไม่เคยทำได้ คือการอยู่ท่ามกลางต้นไม้เยอะๆ หวานตาชอบธรรมชาติ แต่คนเบื่อง่ายแบบเธอ ทำให้สิ่งที่ตั้งใจไว้ไม่เคยสัมฤทธิ์ผล บรรดาต้นไม้ที่เธอปลูกไว้ ได้รับการดูแลแค่ช่วงแรกๆ พอความเบื่อเข้าครอบงำ ต้นไม้เหล่านั้นก็เหี่ยว และแห้งตายไปในที่สุด
บ้านของภูมิมีแต่ความร่มรื่น แต่มันน่าเกลียดเกินไปที่เธอจะแวะไปนั่งทำงานที่นั่น
ต่อให้สนิทกับบุตรชายเจ้าของบ้าน แต่สถานะของเธอก็แค่เพื่อน มันไม่เหมาะขนาดเดินเข้านอกออกในบ้านหลังนั้น...จนกระทั่ง...ภูมิเนรมิตร้านนี้ขึ้นมา มันจึงเป็นสถานที่สิงสู่ของเธอ หวานตานั่งทำงานที่นี่ได้เป็นวันๆ กลิ่นดอกไม้ที่ลอยตลบอบอวล ช่วยให้เธอผ่อนคลาย และคิดงานดีๆ ออกมาได้
ใช่เลย...เธอเป็นฟรีแลนซ์ รับออกแบบตกแต่งบ้าน
งานเธอมีให้ทำตลอด นายจ้างของเธอส่วนใหญ่ ก็มาจาก...พิสิทธิโยทินพร็อพเพอร์ตี้นั่นแหละ
หวานตาไม่ได้อัตคัด เธอมีทุนสำรองจากบิดา ท่านแบ่งทรัพย์สินให้เธอตั้งแต่อายุครบ20ปี ทวีทรัพย์ให้หวานตาบริหารจัดการกับสินทรัพย์ที่ท่านมอบให้เอง และคนสนิทๆ กันเกือบทุกคนก็รู้ รวมถึงเรืองฤทธิ์ด้วย
หวานตาคิดเพลินๆ จนกระทั่งเสียงแหวของชลดาดังกรอกหู เธอจึงหลุดออกมาจากความคิดของตัวเอง
“แกฟังที่ฉันพูดมั้ยหะ?”
“แก้วหูฉันจะแตก แกจะตะคอกฉันทำไมยัยชล?”
หวานตาถามเสียงแข็งกลับไป
“ฉันถามแกเป็นรอบที่ร้อยแล้วยะ แกก็ยังนิ่ง... แกใจลอยคิดถึงใครอยู่ล่ะยะ!!”
ชลดาพูดประชด เธอถามเพื่อนนับสิบครั้ง ไม่มีคำตอบจากปลายสาย เหมือนกับว่าหวานตาไม่ได้นั่งฟังเธอพูดอยู่เลย
“บ้าสิ แกถามมาใหม่ เดี๋ยวฉันจะตอบ”
หากตอบไปว่าเธอกำลังคิดถึงภูมิ เพื่อนของเธอคงกระแหนะกระแหนไม่หยุดแน่นอน
“สรุป แกไม่ได้ฟังฉันพูดเลย” เสียงของชลดาขุ่นหน่อยๆ
“ฟัง ฟังแล้ว ว่ามาเลย”
หวานตารีบตอบ ก่อนที่เพื่อนคนสุดท้ายจะนอยด์ เธอขี้เกียจหาเพื่อนใหม่ และคงไม่มีเพื่อนใหม่คนไหนทนนิสัยแย่ๆ ของเธอได้
“มีคนมาเมาส์มอยให้ฉันฟัง” ชลดาเกริ่นนำ เธอกำลังเรียบเรียงคำพูด
เพราะเรื่องที่จะเล่าให้ฟังต่อจากนี้ หวานตาอาจจะเลิกคบเธอไปเลยก็ได้
“วันๆ ไม่ทำอะไรกัน จับกลุ่มนินทาชาวบ้าน” หวานตาเปรยลอยๆ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก มันก็มีบ้าง แกอย่ามาชวนฉันนอกเรื่องสิ เรื่องนี้มันเกี่ยวกับแกโดยตรง” ชลดารีบพูดดัก หวานตากำลังทำให้เธอไขว้เขว
“เดี๋ยวนี้พวกแกว่างจัด ถึงขนาดเอาฉันไปนินทาเชียวเหรอ?”
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค
บทที่3. Secret love มันใช่เหรอ? หวานตากลับลงมาอีกครั้งหลังหายไปไม่ถึง10นาที เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงผ้าขาสั้น ผมยาวสลวยถูกมัดไว้ด้านหลังท้ายทอย วงหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง หวานตาคงล้างเครื่องประทินโฉมพวกนั้นออกจนหมด แม้ไม่ได้แต่งหน้า ไร้สีสันบนใบหน้าของเธอ หวานตาก็ยังดูโดดเด่นเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่า หวานตาไม่นิยมใช้เครื่องสำอาง และหากจำเป็นต้องใช้ เธอจะมีแค่ลิปสติกกับบรัชออนเท่านั้น หวานตาผิวดี ผิวเธอละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน คิ้วเข้มๆ ของหวานตาได้มรดกมาจากทวีทรัพย์ โครงหน้าเธอคมอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งเติมเพิ่มสีสรรบนใบหน้าจึงไม่จำเป็นเลยสำหรับหวานตา “ผมงานยุ่ง เลยไม่มีเวลามาที่ร้าน พ่อเลยหาคนมาช่วย คนที่หวานเห็นวันนี้นั่นแหละครับ” ภูมิเปรยเหมือนอธิบายให้หวานตารับรู้ หวานตาไหวไหล่เ ธอฉวยช้อนส้อมมาจิ้มสาคูไส้หมูใส่ปาก ทำท่าไม่ยี่หระ ทั้งที่ใจเต้นตุบๆ เธอรู้ ‘ยัยนั่น’ เป็นลูกจ้างภูมิ หล่อนก็ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงความชอบของเธอ หวานตาร้องเอะในใจ! เธอจะไม่พอใจทำไมกับการเปลี่ยนแปลงนั่น เธอไ
หญิงสาวบ่น ชลดาน่าจะติดพันกับการทำงาน เพราะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือนแบบนี้ เพื่อนของเธอจะกลายร่างเป็นซอมบี้ ไม่กินไม่นอนจนกว่างานจะเสร็จ “หวานก็ไปกับผมสิครับ” “ก็ได้นะ...” มันก็ดีกว่านอนพลิกไปพลิกมาบนเตียงคนเดียวแหละ ออกไปยืดเส้นยืดสายก็ดีเหมือนกัน ภูมิเจริญอาหาร ไม่ใช่เพราะพี่น้อยทำกับข้าวอร่อยหรอก สายใจมารดาของเขา มีรสมือพอๆ กับคนที่เรียนทำอาหารกับครูชาววัง แต่มันเป็นเพราะเพื่อนร่วมโต๊ะต่างหาก เพราะหวานตา เลยทำให้กับข้าวธรรมดา เหมือนอาหารทิพย์ การเป็นเพื่อนสนิทก็มีประโยชน์ไม่ใช่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้เขากับหวานตามีเวลาส่วนตัวแบบไม่มีใครรบกวน บางครั้งภูมิมีความสำคัญกว่า ‘แฟน’ ของหวานตาเสียอีก เพราะเพื่อนชายคนสนิทเหล่านั้น ไม่ผ่านเกณฑ์ทวีทรัพย์ บางคนไม่เคยได้มาเหยียบบ้านหวานตาเลย หวานตาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ภูมิเลยถือโอกาสนั้นไปเปลี่ยนชุดด้วยเช่นกัน บ้านเขากับบ้านเธอ มีรั้วที่เชื่อมถึงกัน นั่นเป็นการยืนยันความสนิทสนมของสองครอบครัวเป็นอย่างดี “หล่อเหมือนกันนะนี่” หวานตาชม เมื่อภูมิเดินกลับมาพร้อ