บทนำ...
‘ไม่มีชีวิตใครบนโลกใบนี้ที่ไม่มีปัญหา ทุกคนต่างมีมุมมองที่น่าอิจฉา และน่าสงสารแตกต่างกันไป’
คนสองคนที่เป็นเพื่อนกันมา20ปี และยังคงสถานะการเป็นเพื่อนไว้ตลอด จะทำยังไงกันดีล่ะ?!! หากอีกคนความรู้สึกเปลี่ยนไป หวานตาเริ่มมีความรัก จนทำให้ตัวเองห่างเหินจากเพื่อนสนิท จวบจนวันหนึ่ง ความรักที่ตัวเองทึกทักไปเองจบลง...หวานตารู้สึกเคว้งคว้าง เธอเลยหันมาปรึกษาเพื่อนใกล้ตัว ภูมิเป็นที่ปรึกษาที่ดี เขาช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้น แต่แล้ว...ไอ้ความรู้สึกแปลกๆ ที่เกิดขึ้น ตอนที่ภูมิมีผู้หญิงมาสนใจนี่ล่ะ มันคืออะไรอีกหะ? หวานตาไม่ใคร่เข้าใจตัวเองนักหรอก เธอไม่พอใจอะไร? หากเพื่อนของเธอจะทดลองมีความรักบ้าง...มันไม่ใช่เพราะเธอแอนตี้ความรู้สึกแบบนั้นเพราะตัวเองไม่สมหวังหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะเธอ...รัก เพื่อนที่ยังคงเป็นเพื่อนอยู่นั่นเอง
เธอจะจัดการอย่างไรกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
ครั้นจะบอกภูมิตรงๆ เธอก็กลัวว่าความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานจะจบลง
หากในอนาคต ไม่มีภูมิในชีวิต หวานตาแน่ใจ...เธอคงเฟลไปตลอดชีวิตเหมือนกัน
บทที่1.เรื่องมันเริ่มต้นที่นี่แหละ
หมู่บ้านจัดสรรขนาดใหญ่ มีพื้นที่เกือบ100ไร่ เป็นโครงการที่ก่อสร้างยาวนานเกือบ10ปี โครงการนี้เริ่มจากหมู่บ้านจัดสรรขนาดกลาง แต่เมื่อมีผู้คนให้ความสนใจมากขึ้น เจ้าของโครงการเลยค่อยๆ ขยับขยายเพิ่ม จนเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่เหมือนทุกวันนี้ ตัวเจ้าของโครงการเองก็พักอาศัยอยู่ให้หมู่บ้านแห่งนี้ด้วย เขารักและขอบคุณลูกบ้านทุกคนที่ทำให้โครงการบ้านจัดสรรของเขาเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นมาได้...
ภาค พิสิทธิโยทินคือเจ้าของหมู่บ้านแห่งนี้ มันต่อยอดมาจาก พิสิทธิโยทินพร็อพเพอร์ตี้ที่เขาเป็นคนสร้างมาจากสองมือ จากคนที่มีฐานะปานกลาง เวลานี้ครอบครัวพิสิทธิโยทินกลายเป็นเศรษฐี มีสินทรัพย์100กว่าล้าน แต่สามี ภรรยาที่สร้างตัวมาจากกิจการก่อสร้าง ก็ยังทำตัวเหมือนเดิม ใจดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ไม่เคยรังเกียจความยากจน เพราะทั้งภาค และสายใจ เคยผ่านความลำเค็ญจุดนั่นมาก่อน
ภูมิเป็นบุตรชายคนเดียวของภาคและสายใจ เขาร่วมฟันฝ่าความลำเค็ญมาพร้อมกับบุพการีตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเป็นกอบเป็นกำ แม้แต่บ้านสักหลัง ภูมิจึงเป็นคนสมาถะไม่ฟุ้งเฟ้อ และชอบอวดรวยเหมือนบุตรเศรษฐีใหม่คนอื่นๆ ภูมิขึ้นรถประจำทางไปเรียนได้ เขาไม่เคยเรียกร้องที่จะขอมีรถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช้เสื้อผ้าแบรนด์เนม ไม่นิยมเครื่องประดับหรู ใส่นาฬิกาเรือนละร้อยบาทได้...เพราะภูมิรู้ค่าของเงิน
ทุกบาททุกสตางค์ แลกมาจากหยาดเหงื่อของพ่อ แม่...เขาจึงเป็นเศรษฐีใหม่ที่ใช้ชีวิตสมถะที่สุด
ทวีทรัพย์ เกียรติขจร พ่อหม้ายเมียตาย เขาหอบบุตรสาวคนเดียวเข้ากรุง เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่หมู่บ้านจัดสรรที่ภาคเป็นเจ้าของ หวานตา คือบุตรสาวสุดสวาทของชายสูงวัยคนนั้น ทวีทรัพย์ฟูมฟักหวานตายิ่งกว่าไข่ในหิน เธอเลยเหมือนถูกจับให้อยู่ในกรอบ โชคดีที่ได้เพื่อนบ้านดีๆ แบบภูมิ หวานตาเลยไม่เตลิด เธอเข้าใจชีวิตมากขึ้นผ่านเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“ตัวเองหน่ะเล่นอันนั้นไป เค้าจะเล่นอันนี้เอง” เสียงแหวแว๊ดของหวานตาดังขรม
จนบิดาของเด็กหญิงต้องยอมวางงานในมือและเดินมาดู “ทะเลาะอะไรกันอีกยัยหวาน นี่แกล้งตาภูมิอีกแล้วใช่ไหมหะ?”
เสียงแข็งๆ ใบหน้าดุๆ ของบิดาทำให้เด็กหญิงที่กำลังเริงร่ากับชัยชนะสีหน้าสลดลง
“เปล่านะคะคุณพ่อ หวานแค่ไม่อยากเล่นของพวกนั้น เลยยกให้ภูมิเล่น” เด็กหญิงแก้ต่างให้ตัวเอง ปรายตามองกองตุ๊กตาที่สวมกระโปรงฟูฟ่องในมือเพื่อนเล่นวัยเดียวกัน
“อ้าว! ทำไมล่ะ เราขอให้พ่อซื้อให้เองนี่นา ไม่ถึง3วันเลย เบื่อแล้วเหรอ?”
ชายสูงวัยทรุดนั่งยองๆ มองเด็กชายวัยเดียวกันกับบุตรสาวแต่ขนาดตัวต่างกันเยอะ ภูมิผอมแกรน ผิวคลำ ในขณะที่หวานตาอวบจนเกือบถึงขั้นอ้วน สิ่งเดียวที่ทำให้บุตรสาวของท่านน่ามองคือดวงตากลมโต กับพวงแก้มยุ้ยๆ
“ของเล่นของภูมิน่าสนุกกว่านี่คะ” เด็กหญิงตอบเสียงอุบอิบ
เธอแย่งของเล่นมาจากเด็กชาย เมื่อตัวต่อเลโก้น่าสนุกกว่าการเล่นตุ๊กตาเป็นไหนๆ
“ไม่เป็นไรครับคุณลุง...ผมเล่นตุ๊กตาก็ได้” ภูมิไม่มีปัญหา ขอแค่มีเพื่อนเล่นก็พอ เขาชอบมองหวานตา เด็กหญิงมีความสดใส พลอยทำให้เขาสนุกไปด้วย
“เราหน่ะยัยหวาน รู้สึกชอบแกล้งเพื่อนคนนี้จังเลยนะ” ทวีทรัพย์ดุบุตรสาว
เท่าที่จับตามอง หวานตาชอบทำตัวข่มภูมิ ซึ่งเด็กชายก็ยอมลงให้ เขาไม่เคยขัดใจบุตรสาวของท่าน ทำตัวเหมือนเป็นลูกไล่ให้หวานตาชี้นำมาตลอด ทวีทรัพย์เกรงว่าจะไม่เหมาะ เขาคอยปรามหวานตา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล หลายปีผ่านไปเด็กทั้งคู่ก็ยังเหมือนเดิม หวานตาหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนท่านเองก็คร้านที่จะกำหลาบ
“ภูมิอ่อนแอเองนี่คะ”
เด็กหญิงตอบเสียงใส แอบเบ้ปากให้กับคนที่ตัวเองพูดถึง
เด็กผู้ชายที่ตัวเล็กกว่าเธอ ท่าทางอ่อนแอน่าแกล้ง เขาไม่เคยโกรธเธอเลยสักครั้ง ภูมิทำได้แค่ยิ้ม และยอมโอนอ่อนให้ หวานตาเลยทนคบ เพราะเพื่อนๆ คนอื่นให้ความสนิทสนมกับภูมิ แต่เธอเป็นลูกพี่เขา แสดงว่าตนเองเป็นหัวโจก
หวานตาอดขำไม่ได้เมื่อนึกถึงความหลังตอนเป็นเด็ก
วันนี้เวลานี้เธอมีอายุ25ปีแล้ว มีงานทำและที่สำคัญมีแฟนแล้วด้วย วัยเด็กทั้งมีความสุข และสนุกจนในเวลาว่างๆ เธอก็เลยมานั่งรำลึกความหลัง ร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศอบอุ่น มีแต่ต้นไม้กับดอกไม้ รอบตัวมีแต่กลิ่นหอมๆ แต่คนเป็นเจ้าของไม่ใช่ผู้หญิงรูปร่างบอบบางนะ เจ้าของร้านกาแฟนี้คือภูมิ บุตรชายคนเดียวของคุณภาคนั่นเอง
ชายร่างใหญ่ หุ่นเฟิร์มพอๆ กับนายแบบหนังสือปลุกใจ
ภูมิอยากมีร้านกาแฟเป็นของตัวเอง เขาฝันมาตั้งแต่เด็ก ขนาดมีงานรัดตัว เขาก็ยังปลีกเวลามาเปิดร้านกาแฟแห่งนี้ เพื่อสนองกิเลสตัวเอง
‘Perfume coffee’
ชื่อร้านไม่ได้ตรงกับความหมายสักนิด เปิดร้านกาแฟ แต่ดันตั้งชื่อเหมือนร้านขายน้ำหอม
เธอเคยแย้งตั้งแต่ครั้งแรกที่ภูมิเปรยให้ฟัง พยายามท้วงหลายครั้ง เขาก็เอาแต่ยิ้ม หวานตาเลยคร้านที่จะคัดค้าน ร้านนี้เป็นของภูมิ ไม่ใช่ของเธอเสียหน่อย
“เฮียเธอไม่มาร้านวันนี้เหรอ?” สาวเสิร์ฟหน้าใส เป็นพนักงานในร้านเดินผ่าน หวานตาเลยถามหาตัวเจ้าของ
“เฮียงานยุ่งค่ะ วันนี้ไม่น่าเข้า”
ธุรกิจ100ล้านก็ต้องดูแล ยังตะเกียกตะกายมาเปิดร้านกาแฟให้เหนื่อยทำไมไม่รู้หวานตาบ่นในใจ “ขอ Style Iced Coffee กับเครปเค้กชิ้นนึงนะ” หวานตาสั่งเครื่องดื่มเมนูโปรด กับขนมหวานสูตรตัวเองเอามาตั้งประดับโต๊ะ เพื่อไม่เป็นการน่าเกลียดหากเธอจะปักหลักนั่งอยู่ตรงนี้นานหน่อย ไม่มีพนักงานคนไหนกล้าไล่ลูกค้ากิตติมาศักดิ์แบบเธอหรอก หวานตาใช้สิทธิ์ความเป็นเพื่อนสนิทเจ้าของร้าน พนักงานเกรงใจเธอ พอๆ กับเกรงกลัวภูมิทีเดียว หญิงสาวล้วงแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาเปิดทำงานฆ่าเวลา ระหว่างรอ...เรืองฤทธิ์ แฟนคนปัจจุบันของเธอนั่นเอง “ฉันไม่เข้าใจเลย เจ้หวานทำไมไม่ชอบเฮียภูมิ...เฮียหล่อกว่าแฟนคนล่าสุดของเจ้แกอีก” สาวบ่นอุบ เธอเห็นหวานตากับนายจ้าง ตั้งแต่วันเปิดร้านใหม่ๆ เข้าใจว่าสองคนนี่เป็นแฟนกันด้วยซ้ำ แต่มันกลับกลายเป็นว่าเธอกับคนอื่นๆ เข้าใจผิด ระหว่างหวานตากับภูมิ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทั้งสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน “อย่าพูดดังไปล่ะ เฮียได้ยินจะโกรธเอานะ” แฟงเพื่อนร่วมงานเตือน ภูมิไม่ใคร่พอใจหากใครก็ตามพูดถึงหวานตาในแง่ลบ “ดู
หวานตาถามกลับเสียงขุ่น เธอใช้ช้อนหั่นเครปเค้กและยกใส่ปาก ของหวานจะช่วยให้ความหงุดหงิดของเธอลดลง “เปล่า...แกฟังฉันก่อนหวาน!!” ชลดาถอนใจแรงๆ เธอกำลังจะพูด แต่หวานตาพูดขัดขึ้นมาก่อน “เดี๋ยวค่อยคุย แฟนฉันมาแล้ว ให้ฉันเสร็จธุระกับเขาก่อน ฉันจะโทร. ไปให้แกฟุ้งได้เต็มที่” “เดี๋ยว!! โธ่ยัยหวาน” ชลดาพยายามเรียกเพื่อน แต่สัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดไปเสียแล้ว หญิงสาวถอนใจแรงๆ เธอยังไม่ทันบอกเพื่อน ป่านนี้หวานตาจะเป็นเช่นไร หากครั้งนี้เรืองฤทธิ์ กำลังเดินทางมาบอกเลิกกับเพื่อนของเธอ ข่าวซุบซิบลอยมาเข้าหู ชลดาพยายามหาข้อมูลประกอบเท่าที่ควานหามาได้...ถูกข่าวลือมีมูลความจริง ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ซื่อสัตย์เหมือนที่เขาพยายามแสดงออก มีหลายอย่างที่เขาปิดบังหวานตาไว้ อย่างเช่นเรื่อง ผู้หญิง...ไอ้หมอนั่นซุกกิ๊กไว้หลายคน แต่คนล่าสุดนี่ ทำให้ชลดาหวั่นๆ ผู้หญิงคนนั้นทุ่มเทมาก บางทีสิ่งที่หล่อนทำอาจจะทำให้เรืองฤทธิ์เปลี่ยนใจ ชลดาได้แต่ภาวนา เธอไม่ได้กลัวหวานตาผิดหวัง สิ่งที่เธอกลัวคือ...ผู้ชายคนนั้น จะมีลมหายใจกลับไปหรือไม่ เพราะหวานตาไม่ได้หวานสมชื่อ เธอค่อนข้างไปทางห้าว...และแรง
หวานตาถามซ้ำ เธอมั่นใจเอาจริงๆ จังๆ ก็ตอนที่เรืองฤทธิ์มีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้นนี่เอง ครั้งแรกก็แค่สงสัย สายตาของเขาวนเวียนไปแถวนั้นบ่อยๆ จนกระทั่งเมื่อเขาเอ่ยปากพูด เขาก็ยังพยายามส่งสายตาไปที่รถยนต์คันนั้นอีก “คือ...” “หวานเข้าใจค่ะ เธอคงไม่กล้า แต่แหม...กล้าแย่งแฟนชาวบ้าน แต่กลับไม่กล้าสู้หน้าหวานงั้นเหรอคะ ไม่น่ารังเกียจไปหน่อยเหรอ” หญิงสาวกล่าวประชด เธอเบ้ปาก ยิ้มหยันเลยไปให้ผู้หญิงขี้อายที่หลบอยู่ในรถยนต์คันหรู “มันไม่ใช่แบบที่หวานเข้าใจหรอกนะครับ” เรืองฤทธิ์พยายามแก้ตัวแทนให้แม่สาวปริศนาคนนั้น “เหอะ!” หวานตาหัวเราะหึๆ เธอกลอกตามองบน “แบบที่หวานเข้าใจ ผิดตรงไหนคะ คุณบอกเองนี่เรืองฤทธิ์ คุณเจอผู้หญิงที่เหมาะกับคุณมากกว่าหวาน!!” น้ำเสียงหวานตาเข้มขึ้น ความโกรธของเธอปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังข่มไว้ในใจได้ตั้งนาน ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจ ที่คิดเอาไว้ง่ายๆ มันไม่ง่ายเสียแล้ว “ผมพยายามทำดีที่สุดแล้วนะครับหวาน” หากเธอยังโกรธอยู่ เรืองฤทธิ์มีสิทธิ์เจ็บตัว แต่ตอนนี้ความโกรธของเธอไม่ได้พุ่งสูงปรี๊ด มันแค่กรุ่นๆ และ
บทที่2.ก็แค่กลับมาโสดอีกครั้ง “แกรู้มาก่อนใช่มั้ย?!!” หลังจากเผ่นแนบมาจากสถานที่นัดกับเรืองฤทธิ์ หวานตาก็รีบแจ้นมาหาชลดา เธอโวยวายทันทีที่เห็นหน้าเพื่อน “หวานใจเย็นๆ นั่งก่อน ทำใจดีๆ กินน้ำอะไรก่อนมั้ย เผื่อแกจะใจเย็นขึ้น” ชลดาวางมือจากงานที่ทำ เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เดินมารั้งหวานตาไปนั่งที่มุมรับแขกส่วนตัวในห้องทำงานของเธอนั่นแหละ “ฉันไม่เข้าใจว่ะแก เห้ย!! มันใช่หรอ?” หวานตายังบ่นไม่หยุด ชลดายิ้มขำ เพื่อนของเธอไม่มีน้ำตาซักหยด สรุปนี่หวานตาอกหักจริงๆ ใช่ไหม แก้วน้ำหวานเย็นเฉียบถูกวางไว้ตรงหน้า หวานตาฉวยมายกขึ้นดื่มอักๆ เธอบ่นจนคอแห้ง บ่นจนหมดคำบ่น จนป่านนี้หวานตาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เธอไม่ได้เสียใจ แค่โมโห “แกจะเดือดไปทำไมล่ะ ผู้หญิงคนนั้น...นางก็ไม่ได้รักผู้ชายของแกจริงจังหรอกนะ” ชลดาเกริ่นนำ การเป็นเจ้าของแม็กกาซีนเรื่องความสวยความงามของผู้หญิง ทำให้เธอรู้เรื่องลึกๆ ในของสังคมไฮโซไฮซ้อไปด้วย...เรื่องลับๆ ที่ซุกไว้ใต้พรมที่พยายามปิดกันให้แซ่ด... ม่านแก้ว เป็นไฮโซสาวที่เพิ่งตกพุ่มหม้าย ต่อให้ร
“หากมันยากนักที่จะพูด พ่อจะแนะวิธีให้ เราสองคนโตมาด้วยกัน บางที... เพราะความสนิทนั่น เธอเลยไม่รู้ว่าลูกคิดอะไรกับเธอ ลองวิธีของพ่อไหมล่ะ?” จากประสบการณ์ ภาคถึงกับถอนใจ บุตรชายของท่านทำตัวเป็นองครักษ์พิทักษ์หวานตามา20กว่าปี ไม่มีอะไรคืบหน้า มีเพียงความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทั้งที่ภูมิแสนดีแบบนี้ หญิงสาวผู้นั้นยังมองไม่เห็น หล่อนมองเลยบุตรชายท่าน ไปคว้าผู้ชายไม่เอาไหนกี่คนแล้วมายืนข้างกาย ภาคถอนใจแรงๆ มองสีหน้านิ่งๆ ของภูมิ ภายใต้ความนิ่งเฉย ภูมิเองก็ร้อนใจเช่นกัน นับวันหวานตายิ่งลอยห่าง ยิ่งนานเท่าไหร่ หญิงสาวผู้นั้นก็ยิ่งทำท่าเหมือนจะหลุดมือ เขาเป็นได้แค่เพื่อน...เพื่อนที่หล่อนมีไว้ปรับทุกข์ ไม่ได้มีความพิเศษไปกว่านั้น หวานตาเอาทุกข์มาโยนให้ภูมิ แต่เมื่อหล่อนมีเรื่องน่ายินดี คนที่หล่อนวิ่งไปหา กลับไม่ใช่บุตรชายของท่านชายหนุ่มถอนใจ...เขาไม่ได้รีบที่จะเปิดเผยความในใจ แม้บางครั้งเขารู้สึกไม่ดีบ้างก็ตาม “เป็นเพราะเราน่ะเหมือนของตายสำหรับเขา ไม่ว่าเขาจะต้องการอะไรเราก็ตาลีตาลานหาให้” ภาคเปรย บุตรชายของท่านทำตัวประหนึ่งทาส แค่หวานตาเอ่ยปากภูมิก็รีบร้อน
เพราะอะไรก็ไม่รู้ หวานตาแน่ใจ ทุกอย่างในร้านนี่กำลังจะเปลี่ยนไปทั้งหมด... ต้นไม้ที่เธอเคยชอบถูกย้ายที่ ดอกไม้ที่เธอชอบอีกเช่นกันกลับไม่มีอยู่ตรงที่เดิม คนนอกอาจจะไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี่ แต่หวานตารู้ดี ใครบางคนจงใจเปลี่ยนสิ่งที่เธอชอบ และดูเหมือนว่าตั้งใจกำจัดสิ่งที่เธอชอบโดยเฉพาะ… เพราะแม้แต่ภาพถ่ายที่เคยแขวนไว้ ภาพที่เธอถ่ายเองกับมือ และมอบให้กับภูมิในวันที่เขาเปิดร้านนี้อย่างเป็นทางการ มันก็ยังไม่อยู่ที่เดิม!! แฟงเดินเอาปลั๊กเสียบสายไฟมายื่นให้เธอ สีหน้าพนักงานในร้านวันนี้ ดูยุ่งยากพิกล “เฮียเธอ ไม่มาเหรอ?” หวานตาถามหาภูมิ “อีกเดี๋ยวคงมาค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หัวคิ้วของหวานตายกขึ้นสูง เธอยกข้อมือมองเวลาที่หน้าปัดนาฬิกา 10โมง มันไม่ใช่เวลาที่ภูมิควรจะแวะมาที่นี่ งานเขายุ่งเธอรู้ เธอกับภูมิไม่ได้เจอกันมาเกือบเดือน เพราะงานของเขานั่นแหละ “พักนี้มาบ่อยเรอะ?” หวานตาถาม เธอแอบแหล่ไปที่หลังเคาท์เตอร์อีกครั้ง “มาทุกวันเลยค่ะ” คำตอบของแฟงทำให้หวานตาแปลกใจอีกครั้ง “ไปทำงานเถอะ มี
“เปล่า! พอดีนึกได้ว่านัดยัยชลไว้” หญิงสาวรีบแก้ตัว เบือนหน้าหลบสายตาเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นชะเง้อคอมองหาบิดา “คุณอาไม่อยู่หรอก” ภูมิเปรย หวานตาพยักหน้ารับรู้ “แล้วนี่ พี่น้อยยังไม่เอาน้ำมาให้แขกอีกเหรอ?” ภูมิสะอึก เขาเริ่มรู้สึกว่าหวานตากำลังกันเขาออกห่างเธอ ความเป็นเพื่อนตลอด20ปี ทำให้ภูมิกับหวานตาไม่เคยต้องแสดงมารยาทดีๆ ต่อกัน อย่างเช่น การที่เขาแวะมาหา สาวใช้ของเธอก็ไม่จำเป็นต้องเอาน้ำมาเสิร์ฟ ภูมิคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ดี หากเขาหิวน้ำ เขาจะหากินเอง “แย่จัง รอนี่นะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้เอง” หวานตาเปรยเสียงห้วน เธอทำท่าจะลุกขึ้นยืน แต่... “ไม่ต้องหรอก ผมกำลังจะกลับแล้ว” ภูมิกล่าวเสียงแข็ง อารมณ์น้อยใจทำให้เขาโพล่งออกมาแบบนั้น “เหรอ!!” หวานตาครางรับ หัวไหล่ไหวน้อยๆ ทั้งที่ใจหล่นวูบ ภูมิถอนใจ เขาทรงตัวลุกขึ้นยืน หลุบเปลือกตาลง...เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ แต่บางครั้ง อารมณ์ก็อยู่เหนือเหตุผล ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ น้อยก็โผล่หน้าเข้ามาขัดจังหวะ “คุณภูมิอย่างเพิ่งกลับนะคะ วันนี้น้อยทำสาค
บทที่3. Secret love มันใช่เหรอ? หวานตากลับลงมาอีกครั้งหลังหายไปไม่ถึง10นาที เธอเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสบายๆ เสื้อยืดตัวใหญ่ กับกางเกงผ้าขาสั้น ผมยาวสลวยถูกมัดไว้ด้านหลังท้ายทอย วงหน้าเกลี้ยงเกลาปราศจากเครื่องสำอาง หวานตาคงล้างเครื่องประทินโฉมพวกนั้นออกจนหมด แม้ไม่ได้แต่งหน้า ไร้สีสันบนใบหน้าของเธอ หวานตาก็ยังดูโดดเด่นเสมอ อาจจะเป็นเพราะว่า หวานตาไม่นิยมใช้เครื่องสำอาง และหากจำเป็นต้องใช้ เธอจะมีแค่ลิปสติกกับบรัชออนเท่านั้น หวานตาผิวดี ผิวเธอละเอียดจนมองไม่เห็นรูขุมขน คิ้วเข้มๆ ของหวานตาได้มรดกมาจากทวีทรัพย์ โครงหน้าเธอคมอยู่แล้ว ดังนั้นการแต่งเติมเพิ่มสีสรรบนใบหน้าจึงไม่จำเป็นเลยสำหรับหวานตา “ผมงานยุ่ง เลยไม่มีเวลามาที่ร้าน พ่อเลยหาคนมาช่วย คนที่หวานเห็นวันนี้นั่นแหละครับ” ภูมิเปรยเหมือนอธิบายให้หวานตารับรู้ หวานตาไหวไหล่เ ธอฉวยช้อนส้อมมาจิ้มสาคูไส้หมูใส่ปาก ทำท่าไม่ยี่หระ ทั้งที่ใจเต้นตุบๆ เธอรู้ ‘ยัยนั่น’ เป็นลูกจ้างภูมิ หล่อนก็ไม่มีสิทธิมาเปลี่ยนแปลงความชอบของเธอ หวานตาร้องเอะในใจ! เธอจะไม่พอใจทำไมกับการเปลี่ยนแปลงนั่น เธอไ