12 ปีก่อน
เวลา 20.00 น.
@ HTND Hotel, Bangkok
โรงแรมหรู 3 ชั้น ระดับ 5 ดาวใจกลางกรุง ตั้งตระหง่านติดริมฝั่งแม่น้ำออกแบบโครงสร้างสไตล์ไทยประยุกต์ ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีความผสมผสานระหว่างไทยแท้ร่วมกับความเป็นยุโรป หรือที่รู้จักกัน 'สไตล์โคโลเนียล' โดยจะใช้ไม้ อิฐ และปูนเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ผนังปูนถูกทาทับด้วยสีเหลืองอ่อนตัดกับสีขาวที่ถูกทาลงบนโครงไม้แกะสลักลายกนกอย่างลงตัว พื้นทางเดินภายในปูด้วยวัสดุไม้เคลือบเงามันวาว ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์รวมถึงของตกแต่งโดยส่วนใหญ่เป็นของมูลค่าสูง และได้รับมาจากการประมูลวัตถุโบราณที่หายาก เพื่อให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกไม่ได้แค่มาพักผ่อน แต่ก็ยังได้เหมือนมาเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ของสะสมไปในตัว
ในค่ำคืนนี้บริเวณลานจอดรถหนาแน่นไปด้วยรถหรูหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก กลุ่มผู้คนฐานะมั่งคั่งต่างพากันเดินทยอยเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงตามที่ถูกระบุไว้ในการ์ดเชิญ
เมื่อมาถึงยังห้องจัดงาน ทุกคนต่างร่วมวงสนทนากันประดุจดังญาติมิตรที่สนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่ชาติปางก่อน หากสังเกตมองไปที่บนเวที จะพบกับป้ายขนาดใหญ่ที่ระบุข้อความเอาไว้ว่า
‘งานเปิดตัวโรงแรมในเครือ HTND แห่งแรกในภาคตะวันออก’
ในตอนนี้กลุ่มคนที่เห็นจะสะดุดตาที่สุดภายในงานคงหนีไม่พ้นชายหญิงสองคู่ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทีมงานช่างภาพมืออาชีพที่คอยกดชัตเตอร์รัว ๆ ในทุกอิริยาบถของพวกเขา
ผู้ชายที่สวมชุดสูทสีดำเมี่ยมทั้งตัวคือคุณอคิณ หฤษฎ์ธานุเดช ประธานบริษัทโรงแรมและรีสอร์ตในเครือ HTND ส่วนผู้หญิงที่ยืนข้างกันคือภรรยาคุณราตรี หฤษฎ์ธานุเดช
ถัดมาอีกคู่ที่ยืนชิดกัน สุภาพบุรุษในชุดทักซิโด้ติดโบหูกระต่ายคือคุณชางอี หลิน ประธานบริษัทรับเหมาก่อสร้างฟาไฉ คอนสทรัคชั่น ผู้มีบทบาทรับผิดชอบโครงการก่อสร้างโรงแรมสาขาใหม่ที่จะถูกเปิดตัวภายในค่ำคืนนี้ เขามาพร้อมกับภรรยา คุณเพียงขวัญ หลิน และลูกน้อยน่ารักทั้งสองคน
“หม่าม้า เมื่อไหร่เราจะกลับบ้านกันคะ”
เด็กหญิงตัวน้อยนิดวัยไม่เกิน 10 ขวบ เดินมาจับชายกระโปรงชุดราตรีของผู้เป็นแม่พลางขยี้ตาข้างหนึ่ง เพื่อส่งสัญญาณบอกว่าอีกนิดเดียวตาเธอจะลืมไม่ขึ้นแล้ว
“เดี๋ยวก็ได้กลับแล้วซูมี่ ว่าแต่ซิงอีไปไหน”
คุณเพียงขวัญย่อตัวลงจับไหล่ลูกสาว ก่อนจะกวาดสายตารอบทิศเพื่อหาตัวลูกชายคนเล็ก
“ซิงอีเล่นอยู่กับเพื่อนค่ะ” ซูมี่ชี้นิ้วอ้วนกลมให้คุณแม่มองไปที่สวนตรงหน้าประตูทางเข้า
“งั้นซูมี่ไปเล่นกับน้องก่อนนะ ป่าป๊ากับหม่าม้าขอคุยธุระกับผู้ใหญ่ก่อนนะลูก” คุณเพียงขวัญดันตัวลูกสาวให้เดินไปหาน้องชายที่กำลัง วิ่งไล่จับกับเด็กผู้ชายคนอื่น ๆ
เด็กสาวเดินตาปรือหยุดที่ตรงขอนไม้ขนาดพอดีก้น ก่อนจะหย่อนตัวลงไปติดแหมะกับขอนไม้เพื่อดูน้องชายวิ่งเล่นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ทว่าขอนไม้ที่สาวน้อยนั่งอยู่นั้นแท้จริงแล้วถูกนำมาประดับตกแต่งเป็นป้ายยินดีต้อนรับแขกที่มาพัก ผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปมาต่างหันมามองเป็นตาเดียวพลางยิ้มให้กับความน่าเอ็นดูของเด็กน้อยที่เปรียบเสมือนตุ๊กตารูปปั้นดินเผาที่ไว้ต้อนรับแขกที่มาเยือน
“ซิงอี ยังไม่ง่วงเหรอ” ซูมี่ตะโกนสุดเสียงให้น้องชายได้ยิน
“ไม่ง่วง มาเล่นด้วยกันสิซูมี่”
ซิงอีกวักมือเรียกพี่สาวมาเล่นด้วยกัน แต่เธอดันส่งสัญญาณโบกไม้โบกมือกลับว่า ‘ไม่เล่น’ เด็กน้อยเริ่มหาววอด คอเริ่มอ่อนเปลี้ย เอียงทางซ้ายที ทางขวาที จนท้ายที่สุดซูมี่ก็ทรงตัวไม่อยู่ และหัวเจ้าตัวกำลังจะพุ่งลงดิน
“น้อง!”
เสียงตะโกนด้วยความตกใจจากชายหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้น เขารีบพุ่งตัวด้วยความไวเท่าที่จะทำได้เพื่อเอาฝ่ามือใหญ่ทั้งสองข้างไปรองรับหัวขนาดเท่าลูกฟักทองจิ๋วไว้ในอุ้งมือ ทว่าเด็กน้อยฟุบหน้าแหมะกับฝ่ามือได้เพียงสองนาที ก็เงยหน้าขึ้นตัวตรงดังเดิมแต่ยังอยู่ในสภาพที่หลับตาอยู่
“นุ่มเหมือนหมอนเลย แต่หายใจไม่ค่อยออก”
ซูมี่พูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียฟังไม่ถนัด แต่พอจะจับใจความได้ว่าฝ่ามือของผู้ชายปริศนาคนนี้ท่าจะนุ่มสบาย ส่วนที่หายใจไม่ออกนั้นเป็นเพราะเด็กน้อยเอาหน้าลงฝ่ามือเต็มแรง จึงทำให้จมูกถูกกดทับปิดกั้นทางเดินหายใจของเธอนั่นเอง
“ง่วงเหรอน้อง พ่อแม่อยู่ไหนล่ะ”
ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าให้พอดีตัวเด็กก่อนจะถามหาผู้ปกครอง เด็กน้อยเอี้ยวตัวชี้เข้าไปที่ประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง เขาจึงรู้ทันทีว่าพ่อแม่ของเธอคงอยู่ภายในงาน นี่ก็มืดค่ำเสียแล้ว หากปล่อยเด็กมานั่งคนเดียวด้านนอกอาจจะเกิดอันตราย เขาจึงตัดสินใจจะพาเธอเข้าไปหาพ่อกับแม่
“เดี๋ยวพี่พาเราไปหาพ่อแม่ดีกว่า อยู่ข้างนอกคนเดียวอันตราย ว่าแต่ท่านชื่ออะไรล่ะ”
เมื่อได้ยินคำว่าจะพาไปหาพ่อแม่ข้างใน เด็กน้อยก็ค่อย ๆ ขยับเปลือกตาเปิดออกเพื่อมองคนตรงหน้า จากลักษณะดวงตาตี่เท่าเมล็ดถั่วกลับขยายโตขึ้นเท่าไข่ห่าน
“หล่อจัง”
ภาพตามจินตนาการของเด็กตัวเล็กที่เห็นผู้ชายคนนั้นคือ หนุ่มหล่อวัยรุ่นหน้าตาดี ผิวขาวราวน้ำนมข้าว ร่างสูงโปร่ง คิ้วหนาสีดำเข้ม ผมสีดำแสกกลาง สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวไม่ทับเข้าในกางเกงยีน และใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวล้วน
“เด็กน้อยฟังพี่อยู่หรือเปล่า”
ชายหนุ่มทวนถาม แม้จะรู้ว่าเด็กหญิงกำลังเอ่ยชมเขา ช่างดูน่ารักตามประสาเด็กเสียจริง ไม่นานเธอก็พยักหน้าบอกว่าจำที่พี่ชายคนนี้ถามได้
“หลิน ชางอี และ...” ทว่ายังเอ่ยสมาชิกในครอบครัวไม่จบ ชายหนุ่มก็พูดแทรกทันใด
“อ๋อลูกคุณอาหลินนี่เอง เราชื่อว่าอะไร”
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อหลิน ซูมี่ ชื่อเล่นว่า ซูมี่ อายุ 8 ขวบค่ะ เป็นลูกครึ่งไทย-จีน มีน้องชาย 1 คน ชื่อหลิน ซิงอี อายุ 7 ขวบค่ะ”
ซูมี่ตอบคำถามราวกับท่องจำมาจากการแนะนำตัวหน้าชั้นเรียน ทำให้เขาถึงกับหลุดขำออกมาก่อนจะเอ่ยชมเด็กน้อย
“พูดเก่งจังซูมี่ พี่ชื่ออชิรวิชญ์นะ เรียกพี่ว่าอลันก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะ
เด็กน้อย”“อายุกี่ขวบคะ” เด็กน้อยเอียงคอถามอายุพี่ชายที่คุยด้วย
“20 ขวบครับผม เอ...ถ้าพี่อยากรู้ว่าซูมี่มีอายุห่างกับพี่กี่ปีต้องคิดยังไงเอ่ย” อลันลองเล่นคณิตคิดเร็วเพื่อให้ซูมี่หายง่วง
“12 ปีค่ะ” เด็กน้อยตอบอย่างรวดเร็ว อลันถึงกับทึ่งความสามารถในด้านการคำนวณของซูมี่
“สุดยอดไปเลยซูมี่”
คำชื่นชมของอลัน ทำให้เด็กน้อยอย่างซูมี่ถึงกับยิ้มแก้มปริ อาการง่วงนอนก็พลันหายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งสองพูดคุยกันถูกคอเหมือนรู้จักกันมานาน จนกระทั่งมีพนักงานโรงแรมเดินมาตามอลันให้เข้าไปในงาน เขาจึงหันมาบอกซูมี่ให้เข้าไปด้วยกันพร้อมกับจูงมือเธอ ส่วนซิงอีไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเด็กชายวิ่งเห็นหลังไกล ๆ เข้างานไปพร้อมกลุ่มเด็กผู้ชายแล้ว
อลันรู้จักตระกูลหลินเป็นอย่างดี เพราะครอบครัวตระกูลนี้รับเหมาก่อสร้างโรงแรมและโครงการต่าง ๆ ภายในเครือ HTND มาอย่างยาวนานชนิดที่ว่ามองตาก็รู้ใจไปมาหาสู่ดังญาติพี่น้องสายเลือดเดียวกันไปแล้ว ชายหนุ่มจูงมือเด็กน้อยค่อย ๆ ก้าวเดินอย่างไม่รีบร้อน จนกระทั่งมาหยุดตรงหน้าผู้ปกครองของเธอ
“สวัสดีครับคุณอาหลิน คุณอาเพียงขวัญ ผมพาน้องมาส่งครับ”
เขายกมือไหว้ผู้ใหญ่อย่างนอบน้อม ก่อนจะดันตัวเด็กน้อยไปหาพ่อแม่
“อาขอบคุณนะอลัน ที่พาเด็กดื้อมาส่ง”
คุณชางอียิ้มขอบคุณความมีน้ำใจของอลัน ทำให้พ่อแม่ของเขาที่ยืนอยู่ข้างกันรู้สึกภูมิใจในตัวลูกชายมาก ๆ
พิธีเปิดเริ่มขึ้นแล้ว ครอบครัวหฤษฎ์ธานุเดชถูกเชิญให้ขึ้นเวทีเพื่อกล่าวเปิดงาน ทว่ามีเพียงพ่อกับแม่ของอลันที่ขึ้นไป เขาปฏิเสธที่จะขึ้นด้วย เพราะคิดว่าตนเองแต่งกายไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เผอิญช่วงนี้เป็นเทศกาลสอบและทำโปรเจคมากมาย เวลาของอลันส่วนใหญ่จะอยู่ที่มหาวิทยาลัย ไม่ก็ไปนอนค้างที่หอเพื่อน นาน ๆ ทีถึงจะได้กลับบ้าน วันนี้ชายหนุ่มรีบเร่งทำงานกลุ่มให้เสร็จและปลีกตัวออกจากมหาวิทยาลัยสุดชีวิต เพื่อที่จะมางานสำคัญของครอบครัวให้ทันการณ์
หลังจากคุณอคิณกล่าวเปิดโรงแรมอย่างเป็นทางการแล้ว พิธีกรจึงกล่าวเรียนเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการร่วมขึ้นมาถ่ายภาพบนเวที หนึ่งในนั้นก็มีครอบครัวตระกูลหลินด้วย ซิงอีเดินเกาะแขนแม่เป็นปลิงขึ้นไปบนเวทีเรียบร้อย ขณะที่่ซูมี่ยังยืนนิ่งอยู่ข้างอลัน
“ซูมี่ไม่ขึ้นไปถ่ายรูปเหรอ” อลันโค้งตัวมาถาม
“ไม่ค่ะ ซูมี่จะยืนอยู่เป็นเพื่อนพี่อลัน”
“ขอบคุณนะเด็กน้อย ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ” อลันถามซูมี่อีกครั้ง เธอก็พยักหน้าตอบกลับว่าไม่เปลี่ยนใจ
พิธีจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ แขกที่มาร่วมงานต่างพากันแยกย้าย ผู้จัดงานเดินกล่าวอำลาและขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน จนสุดท้ายเหลือเพียงครอบครัวผู้จัดงานและครอบครัวตระกูลหลินเท่านั้น ที่ยังดื่มด่ำความสำเร็จไม่จบสิ้น พวกผู้ใหญ่จะรู้ไหมนะว่ามีเด็กน้อยอยากพักสายตาเต็มทน ขนาดซูมี่ยังลืมตาไม่ขึ้น นับประสาอะไรกับซิงอี ตอนนี้เด็กชายนอนหลับคาอกผู้เป็นแม่เรียบร้อย
อลันเห็นท่าอีกไม่นานซูมี่ก็น่าจะสลบตามน้องชายไป เผลอ ๆ อาจลงไปนอนกองที่พื้นก็เป็นได้ จึงตัดสินใจจะอุ้มเธอให้นอนหลับ
“มา พี่อุ้ม”
ชายหนุ่มอุ้มร่างเล็กขึ้นมาโอบไว้ที่อก ซูมี่ที่ถูกอุ้มได้ไม่นานเมื่อรู้ว่ามีที่พักพิงก็เอนซบไหล่พี่ชายที่แสนดีโดยอัตโนมัติ จนผู้ปกครองตัวจริงถึงกับต้องแซว
“ไปลำบากพี่เขาอีกแล้วซูมี่” คุณเพียงขวัญเอ่ย
“เอาไปลองเลี้ยงดูสักอาทิตย์นึงไหมอลัน อาอนุญาต” คุณชางอีพูดเชิญชวน
“ถ้าบ้านผมรับมาเลี้ยงแล้ว ไม่ยกคืนให้นะครับ ฮ่า ๆ” เพียงคุณอคิณเอ่ย ทั้งวงสนทนาก็หัวเราะดังลั่นสนั่นห้อง
ทุกคนทยอยพากันเดินไปที่ลานจอดรถหลังจากพูดคุยกันจบ และกำลังเตรียมจะขึ้นรถกลับบ้าน ทว่ายังกลับกันไม่ได้ เพราะติดเจ้าเด็กน้อยซูมี่ที่ยังนอนนิ่งราวกับเป็นหุ่นขี้ผึ้งแนบอกของอลัน
“สงสัยได้กลับกับผมแน่” คุณอคิณพูดแซว
“เอาไงกันดีคะทุกคน” คุณราตรีแม่ของอลันถามความคิดเห็นทุกคน
“เอาแบบนี้ไหมครับ ผมขอติดรถคุณอาเพื่ออุ้มน้องไปนอนที่บ้านเลย แล้วเดี๋ยวผมค่อยตีรถกลับมาบ้านทีหลัง”
“มันเทียวไปเทียวมาหรือเปล่าลูก มืดค่ำแล้วอันตราย อาเป็นห่วง” คุณเพียงขวัญผู้มีสัญชาตญาณในความเป็นแม่เอ่ยด้วยความห่วงใยและรู้สึกเกรงใจ
“เอาอย่างนี้ อลันก็ไปนอนบ้านอาเลย มีห้องนอนว่างอีกตั้งหลายห้อง แล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับดีไหม” คุณชางอีเสนอ ซึ่งทุกคนต่างพากันเห็นพ้องต้องกันเป็นมติเอกฉันท์
อลันจึงอุ้มหนูน้อยขึ้นรถไปนั่งเบาะตรงกลาง เพื่อให้เด็กน้อยได้หลับยาว ๆ ส่วนเขาก็ได้พักกายให้หายเหนื่อยในระหว่างเดินทาง เมื่อรถเคลื่อนตัวออกมาได้สักระยะ ทุกคนต่างพากันงีบหลับ เว้นแต่เด็กน้อยที่นอนหลับไปก่อนใครเขา ดันลืมตาโตขึ้นพร้อมหันไปมองใบหน้าพี่ชายแสนดีที่โอบตัวเธอไว้ ซูมี่พยายามสะกิดให้เขาตื่นเพื่อจะขอขยับตัวลงจากตัก
“ไม่ต้องลง พี่ง่วงขี้เกียจปล่อยเราแล้ว”
“พี่อลันไม่หนักเหรอคะ”
ถ้าคนที่ถามดันเป็นเพื่อนสนิท เขาคงตอบกลับอย่างกวน ๆ ว่าเลยความรู้สึกนั้นไปนานแล้ว ตอนนี้เหน็บชาจนเหมือนกับขาทั้งสองข้างได้ขาดไป
“นอนต่อไปเลยเด็กดื้อ”
@ บ้านตระกูลหลิน40 นาทีผ่านไปในที่สุดทุกคนก็มาถึงปลายทางเป็นที่เรียบร้อย คนขับรถส่วนตัวของคุณชางอีเดินมาเลื่อนประตูทางฝั่งผู้โดยสารเปิดออก ทุกคนต่างรู้สึกตัวตื่นขึ้นในสภาพที่ยังงัวเงีย“ถึงแล้วทุกคน” คุณชางอีที่นั่งตรงประตูทางลงเอ่ยพลางทำท่าบิดตัวในฐานะเป็นเจ้าของบ้าน เขาและภรรยาที่หิ้วกระเตงซิงอีเดินนำเข้าบ้านไปก่อนล่วงหน้าเพื่อบอกให้แม่บ้านรีบจัดเตรียมห้องนอนไว้สำหรับแขกทันที ขณะที่อลันพึ่งลืมตาตื่นขึ้นแถมยังอยู่ในสภาพเดิม เด็กตัวน้อยยังนอนเกาะเขาราวกับเป็นโคอาล่าน้อยกำลังเกาะอยู่บนขอนไม้“ซูมี่ถึงบ้านแล้ว”อลันใช้มือเขย่าไหล่ซูมี่เบา ๆ ทว่าไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ เขาจึงตัดสินใจอุ้มเธอลงโดยไม่ปลุกซ้ำบ้านตระกูลหลินช่างงดงามราวกับภาพวาดจากพู่กันจีน ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์จีนโบราณแต่ก็มีความร่วมสมัย ตัวบ้านทาสีแดงแซมขาว ทางเข้ามีประตูบานใหญ่สีแดงตั้งตระหง่าน เมื่อผ่านเข้าประตูมาจะพบกันสวนจีนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยพันธุ์ไม้มงคลนานาชนิดตามความเชื่อจีนโบราณ ดังเช่น ต้นไผ่ ต้นหลิว เป็นต้น ทั้งยังมีสะพานหินโค้งทอดข้ามผ่านบ่อปลาขนาดใหญ่ไปยังซุ้มที่นั่งรับรองในสวน ถัดไปอีกโซนก่อนถึงตัวบ้
ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องที่อลันนอนดังขึ้น ชายหนุ่มดีดตัวเด้งเป็นสปริงและเดินเกาหัวแกรก ๆ ไปเปิดประตูห้อง เดาว่าเด็กตัวแสบมาปลุกเขาตั้งแต่เช้าตรู่แน่นอน“ซูมี่พี่บอกแล้วไงว่า พี่มีเรียนตอน...”“อาเอง ขอโทษที่มารบกวนอลันนะลูก”คุณเพียงขวัญเอ่ยด้วยสีหน้าดูเป็นกังวลบางอย่าง อลันจึงสะบัดความง่วงนอนออกทันใด“ไม่เป็นไรครับคุณอา มีอะไรหรือเปล่าครับ”“อาขอความช่วยเหลือจากเราหน่อยสิ ช่วยพาซูมี่ไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับบ้านหน่อยได้ไหม ซิงอีไข้ขึ้นสูงมาก อากำลังจะพาไปหาหมอ คุณหลินก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วด้วยสิ”สีหน้าเธอดูคร่ำเครียดที่แยกร่างทำหน้าที่แม่ดูแลลูกสองคนพร้อมกันไม่ได้ อลันเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี จึงตอบรับที่จะช่วยเหลือแบบไม่ลังเล“ได้เลยครับคุณอา เดี๋ยวผมไปส่งน้องให้ครับ”“ขอบใจนะอลัน เราขับรถเป็นและมีใบขับขี่ใช่ไหม”“ใช่ครับ”“อ่านี่กุญแจรถ ซูมี่เลิกเรียนตอน 4 โมงเย็นค่อยเอารถมาคืนตอนไหนก็ได้ที่สะดวกเลย อาฝากหน่อยนะลูก”คุณเพียงขวัญยื่นกุญแจรถเบนซ์คันหรูป้ายแดงให้กับเขา พร้อมบอกพิกัดที่ตั้งโรงเรียนให้อลันก่อนจะรีบอุ้มเจ้าซิงอีไปโรงพยาบาลด้วยรถอีกคัน เมื่อพูดคุยจบอลั
ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องที่อลันนอนดังขึ้น ชายหนุ่มดีดตัวเด้งเป็นสปริงและเดินเกาหัวแกรก ๆ ไปเปิดประตูห้อง เดาว่าเด็กตัวแสบมาปลุกเขาตั้งแต่เช้าตรู่แน่นอน“ซูมี่พี่บอกแล้วไงว่า พี่มีเรียนตอน...”“อาเอง ขอโทษที่มารบกวนอลันนะลูก”คุณเพียงขวัญเอ่ยด้วยสีหน้าดูเป็นกังวลบางอย่าง อลันจึงสะบัดความง่วงนอนออกทันใด“ไม่เป็นไรครับคุณอา มีอะไรหรือเปล่าครับ”“อาขอความช่วยเหลือจากเราหน่อยสิ ช่วยพาซูมี่ไปส่งที่โรงเรียนและรับกลับบ้านหน่อยได้ไหม ซิงอีไข้ขึ้นสูงมาก อากำลังจะพาไปหาหมอ คุณหลินก็ออกไปทำงานตั้งแต่เช้าแล้วด้วยสิ”สีหน้าเธอดูคร่ำเครียดที่แยกร่างทำหน้าที่แม่ดูแลลูกสองคนพร้อมกันไม่ได้ อลันเข้าใจความรู้สึกของเธอเป็นอย่างดี จึงตอบรับที่จะช่วยเหลือแบบไม่ลังเล“ได้เลยครับคุณอา เดี๋ยวผมไปส่งน้องให้ครับ”“ขอบใจนะอลัน เราขับรถเป็นและมีใบขับขี่ใช่ไหม”“ใช่ครับ”“อ่านี่กุญแจรถ ซูมี่เลิกเรียนตอน 4 โมงเย็นค่อยเอารถมาคืนตอนไหนก็ได้ที่สะดวกเลย อาฝากหน่อยนะลูก”คุณเพียงขวัญยื่นกุญแจรถเบนซ์คันหรูป้ายแดงให้กับเขา พร้อมบอกพิกัดที่ตั้งโรงเรียนให้อลันก่อนจะรีบอุ้มเจ้าซิงอีไปโรงพยาบาลด้วยรถอีกคัน เมื่อพูดคุยจบอลั
@ บ้านตระกูลหลิน40 นาทีผ่านไปในที่สุดทุกคนก็มาถึงปลายทางเป็นที่เรียบร้อย คนขับรถส่วนตัวของคุณชางอีเดินมาเลื่อนประตูทางฝั่งผู้โดยสารเปิดออก ทุกคนต่างรู้สึกตัวตื่นขึ้นในสภาพที่ยังงัวเงีย“ถึงแล้วทุกคน” คุณชางอีที่นั่งตรงประตูทางลงเอ่ยพลางทำท่าบิดตัวในฐานะเป็นเจ้าของบ้าน เขาและภรรยาที่หิ้วกระเตงซิงอีเดินนำเข้าบ้านไปก่อนล่วงหน้าเพื่อบอกให้แม่บ้านรีบจัดเตรียมห้องนอนไว้สำหรับแขกทันที ขณะที่อลันพึ่งลืมตาตื่นขึ้นแถมยังอยู่ในสภาพเดิม เด็กตัวน้อยยังนอนเกาะเขาราวกับเป็นโคอาล่าน้อยกำลังเกาะอยู่บนขอนไม้“ซูมี่ถึงบ้านแล้ว”อลันใช้มือเขย่าไหล่ซูมี่เบา ๆ ทว่าไร้ปฏิกิริยาตอบโต้ เขาจึงตัดสินใจอุ้มเธอลงโดยไม่ปลุกซ้ำบ้านตระกูลหลินช่างงดงามราวกับภาพวาดจากพู่กันจีน ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นสไตล์จีนโบราณแต่ก็มีความร่วมสมัย ตัวบ้านทาสีแดงแซมขาว ทางเข้ามีประตูบานใหญ่สีแดงตั้งตระหง่าน เมื่อผ่านเข้าประตูมาจะพบกันสวนจีนขนาดใหญ่ที่ประดับประดาด้วยพันธุ์ไม้มงคลนานาชนิดตามความเชื่อจีนโบราณ ดังเช่น ต้นไผ่ ต้นหลิว เป็นต้น ทั้งยังมีสะพานหินโค้งทอดข้ามผ่านบ่อปลาขนาดใหญ่ไปยังซุ้มที่นั่งรับรองในสวน ถัดไปอีกโซนก่อนถึงตัวบ้
12 ปีก่อนเวลา 20.00 น.@ HTND Hotel, Bangkokโรงแรมหรู 3 ชั้น ระดับ 5 ดาวใจกลางกรุง ตั้งตระหง่านติดริมฝั่งแม่น้ำออกแบบโครงสร้างสไตล์ไทยประยุกต์ ตัวอาคารถูกออกแบบให้มีความผสมผสานระหว่างไทยแท้ร่วมกับความเป็นยุโรป หรือที่รู้จักกัน 'สไตล์โคโลเนียล' โดยจะใช้ไม้ อิฐ และปูนเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ผนังปูนถูกทาทับด้วยสีเหลืองอ่อนตัดกับสีขาวที่ถูกทาลงบนโครงไม้แกะสลักลายกนกอย่างลงตัว พื้นทางเดินภายในปูด้วยวัสดุไม้เคลือบเงามันวาว ชิ้นส่วนเฟอร์นิเจอร์รวมถึงของตกแต่งโดยส่วนใหญ่เป็นของมูลค่าสูง และได้รับมาจากการประมูลวัตถุโบราณที่หายาก เพื่อให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกไม่ได้แค่มาพักผ่อน แต่ก็ยังได้เหมือนมาเดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ของสะสมไปในตัวในค่ำคืนนี้บริเวณลานจอดรถหนาแน่นไปด้วยรถหรูหลากหลายแบรนด์ชั้นนำระดับโลก กลุ่มผู้คนฐานะมั่งคั่งต่างพากันเดินทยอยเข้าไปยังห้องจัดเลี้ยงตามที่ถูกระบุไว้ในการ์ดเชิญเมื่อมาถึงยังห้องจัดงาน ทุกคนต่างร่วมวงสนทนากันประดุจดังญาติมิตรที่สนิทชิดเชื้อมาตั้งแต่ชาติปางก่อน หากสังเกตมองไปที่บนเวที จะพบกับป้ายขนาดใหญ่ที่ระบุข้อความเอาไว้ว่า‘งานเปิดตัวโรงแรมในเครือ HTND แห่งแร