เวลา 14.30 น.
อีกเพียงครึ่งชั่วโมงการเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มภายในงานจะเริ่มขึ้นเหล่าบรรดาแขกที่ได้รับเชิญต่างเริ่มทยอยเดินเข้ามาภายในห้องจัดเลี้ยงกันไม่ขาดสาย แขกแต่ละคนลงทะเบียนเข้างานเพื่อการคัดกรองให้นั่งตามโซนโต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกจัดไว้อย่างถูกต้อง โดยจะมีหมายเลขติดที่ป้ายไว้
สำหรับแขกที่ได้หมายเลข 1 คือแขกทั่วไปซึ่งทางทีมแรกจะเป็นผู้ดูแล ในขณะเดียวกันทีมที่สองจะดูแลแขกที่ติดหมายเลข 2 หรือที่เรียกว่า VIP เมื่อแขกที่ต้องดูแลเดินเข้ามาที่ห้องจัดเลี้ยง ซูมี่จึงเดินไปสวัสดีทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสและเชิญแขกไปนั่งประจำโต๊ะในระหว่างที่รอเวลาอาหารพร้อมเสิร์ฟ ในช่วงนั้นเองเธอสามารถเสิร์ฟเครื่องดื่มให้แขกระหว่างรอได้
แขกคนแรกที่หญิงสาวได้ต้อนรับเป็นนักธุรกิจชายชาวจีนที่พอพูดอังกฤษได้เล็กน้อย ทว่าภาษาไทยเป็นศูนย์ โชคดีที่เธอได้ภาษาจีนติดตัวมาทางสายเลือดจึงเป็นเรื่องง่ายในการสื่อสาร
“ฉิ่ง เวิ่น หนี เสี่ยง เฮอ เสิ่น เมอะ หยิ่นเลี่ยว?”
ซูมี่ถามแขกเป็นภาษาจีนว่า ‘ขออนุญาตถามค่ะ คุณอยากดื่มเครื่องดื่มอะไรดีคะ’
“โหย่ว เสิ่น เมอะ หยิ่นเลี่ยว?”
นักธุรกิจชาวจีนถามเธอกลับว่า ‘มีเครื่องดื่มอะไรบ้าง’
ด้วยความที่เป็นแขก VIP เครื่องดื่มที่ให้เสิร์ฟมีแค่ไวน์ไม่ก็แชมเปญ หญิงสาวจึงตอบแขกผู้นั้นเป็นภาษาจีนกลับว่า ‘มีไวน์และแชมเปญ’
“โหย่ว ผูเถาจิ่ว เหอ เซียงปิน”
ท้ายที่สุดนักธุรกิจชาวจีนตัดสินใจเลือกดื่มแชมเปญ พร้อมทั้งกล่าวชมซูมี่ที่พูดภาษาจีนได้คล่องมาก จะไม่ให้คล่องได้อย่างไรคุณพ่อเป็นคนจีนแท้ ๆ
เมื่อให้บริการแขกคนดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย ซูมี่จึงเดินไปต้อนรับแขกที่มาใหม่ต่อ พอมองนาฬิกาอีกทีเผลอแป๊บเดียวก็เป็นเวลา 15.00 น. พร้อมสำหรับการเสิร์ฟอาหารให้กับแขก ทันใดนั้นพี่ศักดิ์กวักมือเรียกซูมี่และน้อง ๆ ในทีมให้เดินเข้ามาหาแล้วพลางชี้อาหารจานต่าง ๆ ที่ถูกติดชื่อแขกไว้ตามหมายเลขโต๊ะเพื่อกระจายคนเสิร์ฟออกไปให้ทั่วโซน VIP
ขณะเดียวกันอลันก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางสายตาแขกนับร้อยคน เขามาในมาดหล่อคมเข้มในชุดสูทสีดำ พร้อมกับยกมือไหว้และยิ้มทักทายแขกผู้ใหญ่แทบจะทุกโต๊ะบริเวณห้องจัดเลี้ยงก่อนจะเดินมานั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งในโซน VIP
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเพื่อส่งสัญญาณเรียกให้พนักงานเสิร์ฟสักคนเดินเข้ามาหาเขา ซึ่งพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ใกล้โต๊ะเขามากที่สุดในตอนนั้นก็คือ ซูมี่
“ขอไวน์แดง 1 แก้วครับ”
ชายหนุ่มยื่นแก้วรูปทรงยาวที่ว่างเปล่าให้กับหญิงสาว ทว่าเธอไม่รับแก้วจากเขาแล้วเดินหมุนตัวออกจากโต๊ะไปที่จุดบริการเครื่องดื่มทันที นั่นทำให้เขาที่ยื่นแก้วต้องลุกขึ้นเดินตามเธอไปติด ๆ เหมือนมีความข้องใจอะไรบางอย่าง
“คุณน้ำผึ้งครับ คุณมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า” อลันเดินมาพูดใกล้ ๆ ขณะที่ซูมี่ที่กำลังเปิดไวน์ขวดใหม่อยู่
“เปล่านะคะพี่..คุณอลัน”
ซูมี่หันหน้ามาพูดกับอลัน แต่ด้วยความเคยชินที่เธอเรียกเขาว่าพี่มาโดยตลอดจึงเกือบทำให้บทบาทการละครแทบหลุด
“แล้วทำไมถึงไม่รับแก้วไวน์ที่ผมยื่นให้”
“คุณอลันอยากดื่มไวน์แดงไม่ใช่เหรอคะ”
“ใช่ แล้วไงครับ”
“แต่แก้วที่คุณยื่นให้ มันเป็นแก้วที่เอาไว้ใส่แชมเปญนี่คะ”
“แก้วไหนก็ดื่มได้เหมือนกันครับ”
“ไม่ค่ะ รูปทรงของแก้วมีผลต่อรสชาติในการดื่มไวน์ค่ะ”
“มีผลอย่างไรครับ”
“คุณอลันบอกว่าอยากดื่มไวน์แดง รสชาติและกลิ่นของไวน์แดงจะนุ่มละมุนได้นั้นต้องใช้อากาศเข้าไปทำปฏิกิริยาเคมีกับไวน์ในแก้ว เพราะฉะนั้นลักษณะของแก้วต้องเป็นทรงอ้วนและมีปากกว้างเพื่อให้อากาศผ่านเข้าไปได้มากที่สุดค่ะ แต่แก้วแชมเปญที่คุณยื่นให้ลักษณะของมันเป็นทรงยาวและปากแก้วมีความแคบ แก้วทรงนี้ทำขึ้นมาเพื่อช่วยให้เครื่องดื่มลดการสัมผัสอากาศ มันเหมาะกับเครื่องดื่มที่ต้องรักษาความซ่าเอาไว้อย่างแชมเปญ สรุปว่าแก้วที่คุณอลันให้มาจึงไม่เหมาะที่จะใช้รินไวน์แดงค่ะ”
อลันยืนนิ่งมองซูมี่สักพัก สีหน้าเขาเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างเมื่อได้ฟังคำตอบของเธอ ก่อนจะผายมือให้เธอจัดการเครื่องดื่มต่อ
“งั้นก็ว่าไปตามที่คุณบอก ฝากรบกวนไปเสิร์ฟที่โต๊ะด้วยครับ”
“รับทราบค่ะ”
ซูมี่จัดการรินไวน์แดงในแก้วใบใหม่ตามลักษณะที่ถูกต้องแล้ววางแก้วไว้บนถาดเพื่อเดินไปเสิร์ฟที่โต๊ะให้อลัน จากนั้นก็เดินกลับมาประจำอยู่ที่จุดบริการเครื่องดื่มเหมือนเดิม หญิงสาวกวาดสายตาไปโดยรอบเพื่อมองคนในทีมที่กำลังวุ่นวายกับการเสิร์ฟให้แขกโต๊ะอื่นในเวลาเดียวกัน ตอนนี้จึงมีเธอมายืนเฝ้าตรงนี้อยู่เพียงคนเดียว
จู่ ๆ ก็มีแขกผู้ชายหน้าตาหล่อระดับพระเจ้าเดินเข้ามาหา พร้อมส่งสายตากะล่อนผสมรอยยิ้มสุดกระชากใจให้เธอ ซูมี่ก้มมองป้ายที่ติดหมายเลข จึงรู้ว่าชายคนนี้เป็นแขก VIP หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้เพื่อทักทายแขกคนนั้น
“สวัสดีค่ะ รับเครื่องดื่มอะไรดีคะ”
“สวัสดีครับคุณ...น้ำผึ้ง ผมซันเป็น CEO บริษัทโชคธนาพิพัฒน์กรุ๊ปยินดีที่ได้รู้จักครับ”
บุรุษหนุ่มที่นามว่า ‘ซัน’ ก้มมองที่ป้ายชื่อติดหน้าอกของเธอ ก่อนจะแนะนำตัวเองเต็มยศเหมือนทำท่าอวดฐานะเรียกร้องสาวสวยให้สนใจในตัวเขา
“ค่ะ สรุปคุณซันจะรับอะไรดีคะ”
ซูมี่เริ่มรู้สึกรำคาญที่ไม่ได้คำตอบจากแขกคนนี้เสียที แต่พยายามข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้
“อยากรับเป็นน้ำผึ้ง...สักแก้วได้ไหมครับ”
“คุณซันคงต้องไปหาซื้อข้างนอกแล้วค่ะ ตรงนี้มีแต่ไวน์และแชมเปญค่ะ”
ซูมี่ฉลาดพูดและพอที่จะตามทันพวกผู้ชายแนวเจ้าชู้ประตูดินอย่างคุณซัน
“ว้าแย่จัง งั้นขอเป็นไวน์สักแก้วแทนแล้วกันครับ”
เมื่อเขาบอกก็จัดให้ตามคำขอ ซูมี่รินไวน์ในปริมาณพอเหมาะก่อนจะหมุนตัวกลับมายื่นแก้วไวน์ให้เขา ทว่าก็เกิดเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดเกิดขึ้นจนได้ ขณะที่ซูมี่ยื่นแก้วให้ ซันตั้งใจใช้มือมาสัมผัสลากที่ปลายนิ้วของเธอก่อนจะหยิบแก้วเครื่องดื่มไปจากมือหญิงสาว แน่นอนว่าซูมี่มีอาการไม่พอใจกับการกระทำเช่นนี้ แต่ด้วยเขาเป็นแขก VIP ของอลัน เธอจึงพยายามนิ่งและเก็บอารมณ์ให้ได้มากที่สุด
“ซันสบายดีนะ”
เสียงผู้ชายคนหนึ่งแทรกเข้ามาในจังหวะที่ไฟในทรวงอกของซูมี่กำลังคุกรุ่น เมื่อเธอหันไปมองเจ้าของเสียงก็รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่คนมาช่วยนั้นคืออลัน
“ไอ้อลันมึงสบายดีนะ ไม่ได้เจอกันนานเลย”
คำพูดที่ผสมภาษาในสมัยพ่อขุนรามคำแหงฯ เอ่ยออกจากปากไอ้ผู้ชายนิสัยไม่ดีทำให้ซูมี่รู้ว่าเขาและอลันน่าจะสนิทกันมาก
“สบายดี เราไปนั่งคุยกันที่โต๊ะตรงนั้นกันดีกว่า” อลันชี้โต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไปและพยายามดันตัวซันให้เดินออกไปทันที
ซันยังไม่ยอมขยับเดิน เขาใช้สายตาเหล่มองมาที่ซูมี่ราวกับอยากได้เธอมาครอบครองให้ได้ จึงเดินเข้าไปใกล้อลันแล้วกระซิบบอกความต้องการของเขา
“กูขอชมมึงก่อนไปที่โต๊ะสักหนึ่งเรื่อง ที่นี่คัดเลือกพนักงานได้ถูกใจกูเสียจริง คัดมาทั้งหน้าตาก็สวยแถมบริการยังดีอีก ไม่ต้องนึกถึงการบริการอย่างอื่นน่าจะเป็นเลิศไม่แพ้กัน...ว่าแต่น้องคนนี้กูขอเบอร์หรือไลน์จากมึงได้เปล่าวะ”
อลันน่าจะรู้วัตถุประสงค์ของเพื่อนชายคนนี้เป็นอย่างดี ว่าเขาต้องการเพื่อเอาไปทำอะไรต่อ ด้วยความที่วันนี้เขามาเป็นแขกคนสำคัญในงานคงต้องเลือกคำตอบที่ดูไม่ทำให้เกิดความขุ่นหมองกันให้ได้มากที่สุด
“คงไม่ได้ว่ะ บริษัทจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย PDPA”
เขาฉลาดที่เลือกใช้กฎหมายที่บังคับใช้มาปฏิเสธการให้ความร่วมมือส่งต่อข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน แน่นอนว่าซันทำสีหน้าเซ็งไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็เข้าใจได้ในเรื่องกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพราะเจ้าตัวเองก็เป็นเจ้าของบริษัท
เมื่อชายที่ชื่อซันเดินออกไปจากบริเวณนั้น ในตอนนี้ก็เหลือเพียงอลันกับ
ซูมี่ที่ยังยืนอยู่ด้วยกันสิ่งที่หญิงสาวคาดหวังในใจคือ อยากจะได้ยินคนที่เธอเรียกว่าพี่ถามเธอด้วยความเป็นห่วง เช่น ‘เมื่อกี้เป็นอะไรหรือเปล่า’ แล้วเธอพร้อมจะตอบกลับพร้อมรอยยิ้มว่า ‘ไม่เป็นไรค่ะ’ ทว่าความคิดของคนเราอาจจะไม่ได้ตรงกันในทุกครั้ง ก่อนเขาจะเดินจากไปก็ได้ทิ้งท้ายประโยคหนึ่งกับเธอ
“คุณแค่เสิร์ฟเครื่องดื่มก็พอ ไม่ต้องทำหน้าที่เสิร์ฟขนมจีบให้แขกครับ”
มุมมองของซูมี่ ♥
ขอถามหนึ่งข้อว่าฉันผิดตรงไหนเนี่ย! น้องเสียหายนะคะคุณพี่ โดนผู้ชายจับมือถือแขน ไหงคดีพลิกกลายเป็นฉันไปจีบนายพระอาทิตย์นั่นได้ อ๋ออย่างว่าสนิทกันเพื่อนปกป้องเพื่อนสินะ...
หลังจากเหตุการณ์นี้ฉันก็หน้าบูดเหมือนตูดลิง แต่ด้วยถือคติที่ว่า ‘The show must go on’ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ต้องทำหน้าที่อย่างมืออาชีพให้ดีที่สุด พอมีแขกมาใช้บริการฉันก็เชิดหน้ายิ้มไหว้สวยราวกับนางสาวไทย แต่พอแขกเดินจากไปก็กลับมาหน้าบูดดังเดิม ในขณะที่พี่อลันและนายคนที่สร้างเรื่องพูดคุยกันอย่างถูกคอ ดูช่างมีความสุขเหลือเกินเนอะ
เวลา 16.00 น.
แขกเริ่มทยอยเดินออกจากห้องจัดเลี้ยง บ้างก็ขอตัวไปพักผ่อนที่ห้องพัก บางคนก็เดินไปจับจองที่นั่งในห้องประชุมที่จะเริ่มขึ้นในเวลาห้าโมงเย็น ส่วนทีมแผนกอาหารและเครื่องดื่มต่างช่วยกันเคลียร์ของอย่างขะมักเขม้นจนเสร็จไว พี่ปุ้ยเดินเข้ามาโผกอดน้อง ๆ ในทีมทุกคนเพื่อแสดงความขอบคุณในน้ำใจและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในทีม
“เก่งมากนะน้องน้ำผึ้ง เริ่มงานวันแรกทำได้ขนาดนี้” พี่ปุ้ยเดินเข้ามากอดฉันพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้
“ต้องขอบคุณพี่ปุ้ยที่ให้โอกาสน้ำผึ้งมากกว่าค่ะ”
ฉันยิ้มขอบคุณพี่ปุ้ยและหันไปยกมือขอบคุณพี่ศักดิ์อีกคนด้วย พวกเราต่างยิ้มให้กันและกันอย่างมีความสุข
ตอนนี้หมดเวลาหน้าที่ของทีมแผนกอาหารและเครื่องดื่มแล้ว พี่ปุ้ยให้ทุกคนไปพักผ่อนตามอัธยาศัยได้ แล้วค่อยมาเจอกันอีกทีหลังจบการประชุมสำคัญ ในใจฉันอยากจะถอดชุดยูนิฟอร์มแล้วรีบหาทางออกจากที่นี่เลยน่าจะดีกว่า ก่อนที่ทุกคนจะเข้าใจผิดกันไปมากกว่านี้ ส่วนเรื่องที่จะคุยกับพี่อลันค่อยหาเวลามาเจอใหม่ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้ปวดฉี่มากเพราะอั้นมานาน งั้นแวะเข้าห้องน้ำก่อนไปเปลี่ยนชุดก็แล้วกัน
เมื่อฉันทำธุระส่วนตัวเสร็จและกำลังเดินเลี้ยวขวาออกมาจากห้องน้ำ ก็ดันประจันหน้ากับผู้ชายร่างสูงที่ฉันอยากจะหาเวลาคุยกับเขาสองต่อสองแทบตาย แต่ขอโทษทีตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะคุยกับเขาแล้วเพราะน้อยใจอยู่ และจะไม่ยอมเฉลยด้วยว่าฉันคือซูมี่ ขอเดินตัดผ่านตัวพี่อลันแบบไม่สบตาไปเลยก็แล้วกัน เหอะ!
“ได้ลองทำงานจริงสนุกไหมล่ะเด็กดื้อ”
มุมมองของอลัน ☻@ HTND Hotel, Bangkok12 ปีแล้วสินะ ที่ผมไม่ได้กลับมาบ้านเกิดตัวเอง หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยในไทยคุณพ่อก็ส่งให้ผมไปเรียนต่อปริญญาโทสายตรงทางด้านการโรงแรมที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ทันที ไม่มีแม้แต่เวลาบอกลาเพื่อนฝูง คนรู้จัก หรือเด็กตัวน้อย ทุกอย่างเป็นเรื่องกะทันหันและไม่ได้มีสัญญาณบอกไว้ล่วงหน้า ทว่าก่อนที่จะไปจากที่นี่ผมได้ฝากซองจดหมายเล็ก ๆ ผ่านทางคุณพ่อช่วยมอบให้คุณอาหลินเพื่อส่งถึงเด็กตัวน้อย ใจความในจดหมายเขียนข้อความไม่ถึงหนึ่งย่อหน้ากระดาษ โดยผมเขียนอธิบายทำนองว่าจะไม่ได้เจอเธอหลังจากนี้ แต่ก็ทิ้งท้ายเพื่อไม่ให้เด็กน้อยรู้สึกตกใจ‘พี่ไปแป๊บเดียว เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมานะ’จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่แน่ใจว่าเธอจะลืมผมไปแล้วหรือยัง แล้วจดหมายฉบับนั้นส่งถึงมือเธอหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงผมก็พร้อมที่จะไปเจอเธอเร็ว ๆ นี้ในรอบ 12 ปี หลังจากเคลียร์ตารางงานสำคัญ 'การประชุมผู้ถือหุ้น' ในบ่ายวันนี้ และผมย้ำนักย้ำหนากับคุณพ่อให้ช่วยบอกคุณอาหลินว่าอย่าพึ่งบอกเรื่องนี้กับเธอเป็นอันขาด ผมมีของฝากน่ารัก ๆ ไปเซอร์ไพรส์เธอและหวังว่าเธอจะชอบมันตื๊ด...ตื๊ด...เบอร์ปริศนาโทรเข้ามาที่มือถือของผม
ซูมี่หันมาสบตาอลันหลังจากได้ยิน คำว่า ‘เด็กดื้อ’ ที่เขาเอ่ยมาเมื่อสักครู่ นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้ถูกเรียกแบบนี้จากปากของผู้ชายคนหนึ่ง นั่นก็หมายความว่าเขารู้แล้วว่าเธอคือซูมี่ ทว่ารู้ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ“สนุกดีค่ะคุณอลัน ขอตัวก่อนนะคะ” แทนที่จะทักเรียกเขาว่าพี่ เธอดันเลือกที่จะเรียกเขาด้วยสรรพนามอื่นที่ดูห่างเหินและกำลังเดินจากไปหมับ!อลันเดินเข้าไปจับแขนซูมี่พร้อมไปยืนกั้นขวางทางข้างหน้าเพื่อไม่ให้เธอเดินหนี“พี่รู้ว่าเรากำลังไม่พอใจพี่อยู่ ไปคุยกับพี่ที่ห้องทำงานก่อน”“น้ำผึ้งมีงานที่ต้องทำต่อค่ะ โปรดกรุณาปล่อยด้วย” ซูมี่พยายามสะบัดแขนออกจากมืออันแข็งแกร่งของอลันที่จับไว้ราวกับเอากาวมาเชื่อมติด“ไม่ จนกว่าซูมี่จะฟังพี่และหยุดแทนตัวเองว่าน้ำผึ้งได้แล้ว”อลันใช้เสียงเข้มพูดกับซูมี่พร้อมบอกให้เธอเลิกเรียกชื่อจอมปลอมนั่นเสียที“ก็ชื่อน้ำผึ้งจริง ๆ นะคะ” ซูมี่เลือกที่จะต่อล้อต่อเถียงกับเขา“พี่ขอร้องนะ ไปคุยกันดี ๆ อีก 30 นาทีพี่จะมีประชุมต่อแล้ว”อลันพยายามพูดจาดี ๆ เพื่อให้ซูมี่ยอมเชื่อฟังพี่ชายคนนี้สักครั้ง ซึ่งเธอ ก็ยอมโอนอ่อนให้ อาจเห็นว่าเขากำลังมีประชุมงานที่สำคัญจึงไม่อยากให้ เ
@ HTND Hotel, Bangkokเวลา 18.00 น.อลันตัดสินใจพาซูมี่กลับมาทานข้าวที่โรงแรมของตัวเอง ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้ ก่อนจะเดินทางมาถึงเขาได้โทรแจ้งเลขาให้ช่วยบอกพ่อครัวเตรียมอาหารชุดใหญ่ไว้สำหรับ 2 คนเป็นที่เรียบร้อย และในเมนูอาหารต้องมีชุดติ่มซำถาดใหญ่ไว้พร้อมเสิร์ฟด้วยเมื่อรถได้เทียบจอดที่ลานจอดรถ VIP ทั้งคู่ก้าวเท้าลงจากรถและเดินมุ่งตรงไปยังห้องรับรองที่ถูกจัดเตรียมไว้ เมื่อประตูห้องฯ เปิดออกก็พบกับเมนูอาหารเรียงรายมากกว่า 10 เมนูบนโต๊ะกลมหมุนลายหินอ่อน หญิงสาวกวาดสายตามองอาหารด้วยแววตาเป็นประกาย จนพี่ชายคนข้าง ๆ หันไปยิ้มถาม“เมนูอาหารพอจะถูกใจเราไหม”“ถูกใจมากเลยค่ะ เราจะกินกันหมดไหมคะพี่อลัน” ซูมี่เอ่ยถาม“ไม่หมดก็ห่อกลับบ้านได้นะ เผื่อเมนูไหนคนที่บ้านอยากทานด้วย เอาล่ะมากินกันเถอะ”อลันลากเก้าอี้ออกให้ซูมี่นั่งก่อนจะเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกัน เขาเริ่มจากหยิบขนมจีบและฮะเก๋าสุดเลิฟให้เธอลองชิมเสียก่อน พอซูมี่เอาเข้าปากถึงกับร้องอุทานว่าอร่อยมาก ขนาดแม่ครัวที่บ้านยังทำให้ทานไม่ได้แบบนี้เลย พี่ชายแสนดีสุดแสนจะดีใจ หากรู้ว่าเธอชอบขนาดนี้คงไม่เสียเวลาพาไปกินไกลที่ไหนอีกแล้ว ทั้
ต่อให้อลันพยายามจะพูดให้ซูมี่เข้าใจความรู้สึกที่เขามีต่อเธออย่างไร ซูมี่ก็เลือกที่จะไม่ฟัง สรุปง่าย ๆ ก็คือดื้อนั่นเองแต่ถือว่าอลันมีความใจเย็นและเป็นผู้ใหญ่มากพอที่สามารถแยกแยะระหว่างเรื่องความรู้สึกกับเรื่องที่ต้องดูแลน้องสาวจอมดื้อออกจากกันได้ เขาขับรถไปส่งเธอกลับบ้าน ระหว่างเดินทางบรรยากาศในรถยิ่งกว่าป่าช้า หากมีเสียงหมาหอนแทรกขึ้นมาน่าจะอุ่นใจกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้@ บ้านครอบครัวตระกูลหลินเมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านซูมี่ คุณแม่ของซูมี่ก็ออกมารับลูกสาวกลอยใจเข้าบ้าน อลันยกมือไหว้สวัสดีคุณอาเพียงขวัญที่ไม่ได้เจอกันนาน เธอได้พูดคุยถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อยกับอลันก่อนจะเชิญเข้าไปนั่งพักในบ้าน แต่อลันขอปฏิเสธอย่างสุภาพเพราะดึกแล้วจึงไม่อยากรบกวนเวลาของครอบครัวซูมี่ เขาจึงกล่าวลาและขอตัว ทว่าก่อนเดินกลับไปขึ้นรถคุณเพียงขวัญบอกลูกสาวตัวแสบให้ไปส่งพี่ชายที่หน้าบ้านก่อนซูมี่ทำตามคำสั่งคุณแม่ เธอเดินตามหลังอลันมาติด ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาเลยสักคำ จนอลันรู้สึกว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปคงจะมองหน้ากันไม่ติดแล้ว จึงเอ่ยพูดเล็กน้อยเพื่อให้บรรยากาศมันดีขึ้น“พี่กลับก่อนนะ เดินเข้าบ้านดี ๆล่ะ”หมับ!
3 วันผ่านไป...@ ห้องเรียน ตึกคณะบริหารธุรกิจตั้งแต่เหตุการณ์ในวันนั้น จนถึงตอนนี้ซูมี่กับอลันก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย หญิงสาวเหม่อลอยมองออกไปนอกหน้าต่างตึกเรียนเหมือนกำลังคิดทบทวนในสิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดว่ามันได้ผลดีหรือผลเสียกันแน่ การที่เธอมาทวงสัญญาตามที่ให้ไว้มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องเสียหาย หากคิดในมุมของซูมี่ก็เพราะอลันให้คำสัญญาไม่ใช่หรอกเหรอจึงกลายเป็นการสร้างความหวังให้กับเธอเช่นนี้ ตั้ง 12 ปีเชียวนะที่ผู้หญิงคนหนึ่งรอผู้ชายคนนั้นอย่างไม่รู้จุดหมาย เธอไม่ยอมเปิดใจให้ผู้ชายคนไหนเข้ามาศึกษาดูใจเลยสักคน เพราะเธอรอแค่เขาเท่านั้น...“สะกิดมันหน่อยยัยรัก วิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้วมั้ง” ต้นข้าวบอกน้องสาวฝาแฝดของตัวเองให้สะกิดเรียกซูมี่ที่นั่งข้างกัน“มีมี่เป็นอะไรหรือเปล่า เห็นนั่งเหม่อมาเป็นชั่วโมงแล้ว” ต้นรักหันไปถาม“ไม่มีอะไรต้นรัก ซูมี่แค่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย” ซูมี่หันมายิ้มให้เพื่อนสนิทตัวเอง“ไอ้ที่ว่าเรื่อยเปื่อยมีเรื่องของผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วยไหม” ต้นข้าวเอ่ยถามเพื่อนสาวด้วยท่าทีสงสัย“มีบ้าง แต่ไม่มาก”“โกหก!”ฝาแฝดส่งเสียงพูดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พวกหล่อนเป็นเพื่อนเธอม
จากวันนั้นที่ซูมี่พยายามหาทางไปเจออลัน ทั้งคู่ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน อลันพาเธอไปส่งถึงบ้านด้วยความเป็นห่วงในเรื่องความปลอดภัยหลังจากที่สอนการบ้านเสร็จ ในคืนนั้นตระกูลหลินอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพอดิบพอดี ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังจะรับประทานอาหารเย็น คุณชางอีจึงชวนอลันทานข้าวด้วยกันที่บ้านก่อนกลับ ซึ่งอลันก็พยายามพูดว่าไม่เป็นไรด้วยความเกร็งใจผู้ใหญ่ แต่หญิงสาวตัวแสบดันลากแขนเขาให้ไปนั่งเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ข้างเธอ ซึ่งอันที่จริงแล้วที่นั่งตรงนั้นเป็นของซิงอี แต่น้องชายตัวดีดันมาทีหลังจึงโดนแย่งที่นั่งและให้ไปนั่งข้างคุณแม่แทน บทสนทนาภายในโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยหัวข้อสนุกสนานและเบาสมองโดยไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงานเลย ชายหนุ่มได้สร้างความประทับใจให้คุณชางอีในเรื่องทัศนคติที่ดีของเขาจากการถามตอบเรื่องต่าง ๆ ที่คิดตรงกันเมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อย ซูมี่ก็ไปส่งอลันที่รถเหมือนดังเคย แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าตรงที่ว่าสาวน้อยรวบรวมความกล้าขอเบอร์ติดต่อและไลน์ส่วนตัวของเขาไว้ และอลันก็เต็มใจให้เพราะเห็นว่าเป็นน้องสาว เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้ติดต่อพี่ชายคนนี้ให้ช่วยเหลือได้1 สัปดา
หลายวันต่อมา...@ บ้านตระกูลหลินเช้าวันอาทิตย์วันแห่งการพักผ่อนสำหรับคนวัยทำงาน คุณชางอีเดินลงมาชั้นล่างเพื่อมานั่งทานอาหารเช้าพร้อมกับครอบครัว สมาชิกในครอบครัวเริ่มทยอยเดินลงมาจากชั้นบน จนสิบนาทีผ่านพ้นไปสมาชิกคนหนึ่งก็ยังไม่ปรากฏตัว“ซิงอี จ้าย หน่าร์” คุณชางอีถามเป็นภาษาจีนกับลูกสาวว่า ‘ซิงอีอยู่ไหน’“หว่อ ปู้ จือ เต้า” ซูมี่ตอบกลับคุณพ่อว่า ‘เธอก็ไม่รู้’ เหมือนกัน“น่าจะหลับอยู่ เดี๋ยวไปตามลูกให้ค่ะคุณพี่”คุณเพียงขวัญทำท่าลุกขึ้นเพื่อไปตามลูกชาย ทว่าถูกสามียั้งไว้ให้นั่งลงเหมือนเดิม จากนั้นจึงหันมาทางลูกสาวเหมือนต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง“ซูมี่คนสวยของพ่อ ไปตามน้องให้พ่อทีนะ” ซูมี่กลอกตามองบนก่อนจะพยักหน้ารับคำบัญชาของคุณพ่อเธอเดินจ้ำอ้าวจับราวบันไดขึ้นไปยังชั้นบนจนไปหยุดที่หน้าประตูห้องของน้องชายพร้อมยกกำปั้นหนึ่งข้างเคาะไปที่แผ่นไม้สักสี่เหลี่ยมก๊อก ก๊อก“ซิงอีตื่นยัง”ซูมี่แนบหูข้างหนึ่งกับประตูเพื่อพยายามฟังเสียงข้างในแต่ไร้เสียงตอบรับ เจ้าน้องชายคนนี้ทำอะไรกันอยู่กันนะ ปกติทุกวันอาทิตย์ซิงอีจะลงไปเสนอหน้าให้คุณพ่อเห็นเป็นคนแรกที่โต๊ะอาหารด้วยซ้ำซูมี่ตะโกนเรียกแม่บ้านใ
1 สัปดาห์ต่อมาหลังจากที่ครอบครัวของอลันและครอบครัวของซูมี่ไปเที่ยวพักผ่อนกันเป็นเวลา 2 วัน 1 คืน ทุกคนต่างดูมีความสุขชื่นมื่นเหมือนได้เอาความเหน็ดเหนื่อยออกจากการทำงานและการเรียนซูมี่เริ่มกล้าที่จะคุยกับอลันผ่านข้อความแชตบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งข้อความไปรบกวนเขาตลอดเวลาเพราะรู้ว่าเขาต้องทำงานและกำลังจะมีข่าวดีในวันพรุ่งนี้อลันจะเข้าพิธีการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริษัท (CEO) ขึ้นแท่นแทนคุณอคิณที่กำลังจะเกษียณอายุโดยงานจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ช่วงค่ำ ซูมี่ได้แต่คอยให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ อันที่จริงเธออยากจะมีส่วนร่วมภายในงานที่จะจัดด้วย ถึงกับร้องขออลันปลอมตัวเป็นเด็กเสิร์ฟในโรงแรมอีกครั้ง แต่เขายั้งเธอไว้พร้อมกับสอนว่าไม่ควรทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงอีก ขอแค่เธอมาร่วมงานในฐานะแขกเขาก็ดีใจแล้ววันต่อมา เวลา 20.00 น.@ HTND Hotel, Bangkokบรรยากาศหวนคืนเหมือน 12 ปีก่อนอีกครั้ง แขกทั้งหลายทยอยเดินเข้างานกันหนาแน่น ไม่มีแขกเพียงคนไทยเท่านั้น ยังมีชาวต่างชาติอีกหลายสัญชาติมาร่วมแสดงความยินดีกับ CEO คนใหม่อลันปรากฏตัวในชุดสูทสีดำเข้ม ทรงผมด้านหน้าถูกเซตขึ้นเปิดโชว์โหงวเฮ้งของผู้นำรุ่นใหม่ นอกจากหน้
1 เดือนต่อมา @ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัย เวลา 06.00 น.“นักศึกษาชั้นปีที่ 4 เชิญเข้าหอประชุมเลยครับ” ประธานสโมสรนักศึกษาประกาศเสียงผ่านโทรโข่งเพื่อกวาดต้อนนักศึกษาแต่ละคณะเข้าหอประชุมเพื่อเตรียมเข้าพิธีรับประกาศนียบัตรจบการศึกษาวันนี้นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จำนวนมหาศาลจากต่างคณะมารวมตัวกันที่มหาวิทยาลัยโดยไม่ได้นัดหมาย ยังไม่นับรวมญาติสนิทมิตรสหายที่มาร่วมแสดงความยินดีกับว่าที่บัณฑิตป้ายแดงในอีกไม่กี่ชั่วโมง จำนวนผู้คนหลั่งไหลเข้ามาราวกับฝูงมด หากจะติดต่อหากันคงต้องบอกที่นัดหมายไว้ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นคงพลัดหลงกันแน่ “ยัยมี่ทางนี้” ต้นข้าวชูมือขึ้นสูงเพื่อเรียกเพื่อนสาวที่กำลังเอามือถือแนบที่หูพลางกวาดสายตามองหาพวกเธอเมื่อซูมี่เห็นเป้าหมายจึงรีบเดินเบียดเสียดคนเข้าไปหาเพื่อนสาว “หวัดดีพวกแก ไม่คิดว่าคนจะเยอะขนาดนี้” “จริง มาเข้าใจรุ่นพี่ปีก่อนก็ตอนนี้แหละเนอะมีมี่” ต้นรักเอ่ย“พวกเราเข้าไปห้องพิธีข้างในกันเถอะ ตรงนี้คนมันแน่นฉันหายใจไม่ออกแล้ว” ต้นข้าวเอ่ยชวน สามสาวเดินตามกันเข้าไปในห้องประชุมด้วยความทุลักทุเลกับชุดครุยที่ลากยาวติดพื้น ไหนจะรองเรื่องรองเท้าคัทชูที่สวมใส่กัดอีก ท
1 เดือนต่อมา@ คณะบริหารธุรกิจ“เย้! โปรเจคผ่านสักทีเว้ย!” แฝดสาวผู้พี่กระโดดโลดเต้นดีใจ“ดีใจเกินเหตุข้าว อย่าลืมสิว่ามีสอบอีกชุดใหญ่ไฟกะพริบ”แฝดผู้น้องย้ำเตือนเธอว่ายังเหลือโค้งสุดท้ายแห่งชีวิต ถ้าสอบไม่ผ่านก็เตรียมแหกโค้งปลิดชีพเรียนไม่จบไปได้เลย“เออว่ะ อย่าพูดสิฉันเศร้า” ต้นข้าวเสียงหงอยก่อนนั่งลงที่เก้าอี้แต่จะมีอยู่หนึ่งคนที่อยู่เหนือความเครียดและความกังวลใด ๆเพราะโลกของเธอช่างสดใสราวกับเดินเล่นอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์“คงจะมียัยมี่คนเดียวที่เบิกบานใจ” ต้นข้าวถึงกับหยิบปากกาขว้างไปที่หัวเหม่งของคนที่ถูกกล่าวถึง“โอ๊ย!ยัยข้าวเจ็บ” หญิงสาวที่โดนขว้างปากกาใส่หัวหันมาเรียกชื่อเพื่อนสาวฝาแฝด“มีความสุขเหลือเกินแม่สาวหมวย พอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนก็เทเพื่อนเลยนะยะ” ต้นข้าวเอ่ยเชิงน้อยใจ“ฉันทิ้งพวกยูตรงไหน มา ๆ วันนี้มีแพลนไปไหนกัน ฉันไปด้วย”ซูมี่เอ่ยถามสองแฝดว่าวันนี้มีที่ไหนอยากไป เธอพร้อมจะไปด้วยเพื่อเป็นการไถ่โทษที่ช่วงนี้อยู่กับพวกเธอน้อยกว่าเดิม“ชิ ถ้าฉันบอกว่าอยากไปดื่มเหล้า แกจะไปกับพวกฉันเหรอ” ต้นข้าวเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าซูมี่คงไม่ไปด้วยแน่“ไปสิ ดื่มเหล้านี่ของชอบเลย” หญิงสาว
3 สัปดาห์ต่อมาความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวเริ่มสุกงอม หลายสัปดาห์ก่อนเขาและเธอได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นในสถานะความสัมพันธ์ที่เรียกว่าแฟนอลันตัดสินใจเปิดตัวซูมี่ต่อครอบครัวเขาและเธออย่างเป็นทางการโดยเชิญพวกท่านมาเป็นสักขีพยานช่วงทานอาหารมื้อค่ำที่โรงแรม HTND ทั้งคุณพ่อคุณแม่ของเขาและเธอต่างพากันตกใจในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทว่าพวกท่านก็ไม่ได้ขัดที่ทั้งคู่จะคบหาดูใจกันพร้อมทั้งเอ่ยปากร่วมแสดงความยินดีไปในตัว ถือว่าทั้งคู่โชคดีที่ครอบครัวเปิดไฟเขียวให้คบหาดูใจกันได้ตามสะดวก ทางครอบครัวซูมี่ยังเอ่ยฝากฝังลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนกับอลันไว้ด้วย ซึ่งเขารับปากสัญญาว่าจะดูแลเธอเป็นอย่างดีในวันนี้อลันขออนุญาตทางผู้ปกครองของซูมี่พาเธอไปเที่ยวหรือที่เรียกกันว่าชวนไปออกเดต หากเป็นคู่รักคู่อื่น ๆ คงจะพาไปดูหนัง กินข้าว ร้องคาราโอเกะ เดินเล่นในสวน แต่สำหรับพวกเขาซึ่งตัวติดกันอย่างกับหมากฝรั่ง สถานที่ที่เขาเดตกันก็มีเพียงที่เดียวที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัวนั่นคือ คอนโดของชายหนุ่ม@ คอนโดของอลันเมื่อทั้งคู่เปิดประตูห้องเข้ามาแล้ววางสัมภาระไว้ที่โต๊ะเรียบร้อย ไม่ทันไรผู้ชายคลั่งรักก็พุ่งตัวเข้าไปสวมกอดแฟนสาวจา
@ คอนโดของอลันเวลา 08.30 น.กริ๊งงงง!เสียงนาฬิกาปลุกจากมือถือที่ตั้งเอาไว้โดยซูมี่ดังขึ้น เธอเอื้อมมือสุดแขนไปที่โต๊ะเล็กข้างเตียงเพื่อปิดมันก่อนจะดันตัวเองจากเตียงแล้วลุกนั่งตัวตรงในสภาพที่ยังไม่ลืมตาตื่น“อยากนอนต่อจัง…ไม่ได้สิ เราอยู่คอนโดพี่อลันนี่นา”ซูมี่สะดุ้งตัวฟื้นคืนสติว่าตอนนี้ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้าน ทว่ายังอยู่ที่คอนโดผู้ชายที่เธอน่าจะเรียกได้เต็มปากแล้วว่า…แฟนหนุ่มหญิงสาวลุกขึ้นจากเตียงแล้วพับผ้าห่มอย่างประณีตตามหลักสูตรวิชาการโรงแรมที่เรียนมา ก่อนจะเดินไปเปิดประตูทักทายยามเช้ากับชายหนุ่ม“อรุณสวัสดิ์ค่าพี่อลัน เอ…ยังไม่ตื่นเหรอ”ซูมี่กวาดตามองทั่วทิศเพื่อหาผู้ชายร่างสูง และพบว่าเป้าหมายยังคงนอนหลับสนิทอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น เธอค่อย ๆ ย่องฝีเท้าให้เบาประดุจดังขนนกมาหยุดอยู่ที่โซฟาก่อนจะย่อตัวลงเอามือชันเข่าพลางโน้มตัวจ้องมองใบหน้าของอลัน“คนอะไร ขนาดหลับยังหล่อเลย”เธอยื่นนิ้วเรียวเล็กเอื้อมไปปัดปอยผมข้างหน้าของอลันที่บังตาไว้เพื่อจะได้เห็นความหล่อของแฟนตัวเองชัด ๆหมับ!ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมเต็มอิ่ม จู่ ๆ ข้อมือของเธอก็ถูกจับโดยผู้ชายที่นอนอยู่ แถมเขายังดึงร่างเธอใ
สามปีก่อน (สมัยซูมี่อยู่ปี 1 และซิงอีอยู่ ม.6) @ บ้านตระกูลหลินเวลา 19.00 น.“กลับมาแล้วค่ะ / ครับ” เสียงเด็กหนุ่มวัยมัธยมปลายและสาววัยมหาวิทยาลัยแจ้งคนในบ้านให้ทราบว่าพวกเขาเดินทางกลับถึงบ้านเป็นที่เรียบร้อย“วันนี้เป็นไงกันบ้างเด็ก ๆ ” คุณเพียงขวัญเอ่ยถามลูกรักทั้งสอง “เหนื่อยครับคุณแม่ ผมขอตัวไปนอนเลยนะครับ” ซิงอีพูดจบก็รีบขึ้นบันไดเข้าห้องนอนตัวเองทันที“อ้าว ไม่กินข้าวกินปลาก่อนเหรอลูก” ผู้เป็นแม่เอ่ยไล่หลังแต่ลูกชายไม่ตอบกลับอะไรเลย “เดี๋ยวซูมี่ไปดูน้องเองค่ะคุณแม่” ซูมี่รีบเดินขึ้นบันไดตามน้องชายตัวเองไปเธอมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพลางเคาะประตูขออนุญาตเปิดเข้าไป ภาพที่เธอเห็นคือซิงอีล้มตัวลงนอนทั้งที่ยังใส่ชุดนักเรียนอยู่เลย “ซิงอี ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนค่อยมานอน เชื้อโรคมันจะสะสม” “ไม่ไหวแล้วซูมี่ วันนี้ผมเหนื่อยมากขอนอนพักแป๊บ เดี๋ยวมีนัดเล่นเกมตอนดึกกับเพื่อนต่อ” แปะ! พี่สาวตีไปที่หลังน้องชายเสียงดังแปะในขณะที่เขานอนคว่ำหน้าอยู่“โอ๊ย! พี่ทำไรเนี่ย” จนเขาต้องหันหน้ามาคุยกับเธอ “หมั่นไส้ ห่วงเล่นเกมอยู่ได้ หนังสืออ่านมั่งไหม ปีนี้แกต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนะ” “เออผมรู้แ
@ WithUs Café and Restaurantแอ๊ด...ประตูถูกเปิดอีกครั้งหลังจากสามสิบนาทีก่อนหน้าถูกปิดลง หญิงสาวที่นั่งรอใครบางคนหันไปในทิศทางที่ประตูเปิดออกแล้วเผยรอยยิ้มให้ผู้ชายที่กำลังเดินเข้ามา“ดีใจจัง พี่อลันกลับมาแล้ว”ขณะเดียวกันผู้ชายคนนั้นก็เดินปรี่เข้ามาสวมกอดผู้หญิงตรงหน้า“พี่คิดถึงเราจัง”เมื่อหญิงสาวได้ยินเขาเอ่ยแบบนี้จึงดันตัวเขาออกทันที คนที่สวมกอดถึงกับทำหน้างง“ถามจริง นี่ใช่พี่อลันตัวจริงหรือเปล่าคะ” ซูมี่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย“ซูมี่…เราพูดอย่างกับพี่มีฝาแฝดอีกคนไปได้” คำตอบของเขาจะสื่อว่าไม่มีใครจะตัวจริงไปกว่านี้อีกแล้ว“ปกติพี่อลันไม่เคยทำตัวแบบนี้นี่นา ซูมี่แตะทีหรือกอดทีตะโกนโหวกเหวกตกใจทุกทีเลย”“มันเมื่อก่อนไหม ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว”“ไม่เหมือนเดิมยังไงคะ”“ก็เราเป็นแฟนของพี่แล้วไม่ใช่เหรอคะ”อลันกระชับกอดเอวบางแน่นขึ้น แถมยังพูดคำที่ซูมี่โคตรจะแพ้ใส่ไปในประโยคด้วย“ถ้าบอกยกเลิกตอนนี้ทันไหมคะ” ซูมี่ลองแกล้งพูดอำอลันเชิงขำขัน ทว่าเขาดันไม่รู้สึกขำด้วย“ลองดูสิ” อลันให้คำตอบสั้น ๆ พร้อมยักคิ้วให้“ได้ใช่ม้า”“เราก็ลองดูสิ แล้วเดี๋ยวก็รู้ว่าพี่จะทำยังไงต่อกับเรา”อลันไม่
อลันคิ้วขมวดมองซูมี่ แววตาเขาแข็งกระด้าง เสียงลมหายใจที่เข้าออกทางจมูกแลดูติดขัด ริมฝีปากเม้มสนิทเหมือนข่มอารมณ์ไม่พอใจบางอย่างอยู่“ค่ะ เสียใจที่ไม่ใช่แฟนของซูมี่มายืนรออยู่ตรงนี้”“ให้พี่ไปเรียกเขาให้ไหมล่ะ”“ก็ดีนะคะ รบกวนด้วยค่ะ”เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาแบบนั้น ตัวเขาที่ถูกพูดประชดยิ่งรู้สึกไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มเริ่มกัดปากตัวเองพลางพยักหน้า“ดูรักกันมากเลยเนอะ”“ใช่ค่ะ รักมากอยากอยู่ใกล้เขาแทบบ้าเลย ขอตัวนะคะแฟนซูมี่คงจะรอดูหนังด้วยกันแย่แล้ว”ซูมี่เอ่ยบอกลาอลันแล้วเดินสวนทางกับเขาเพื่อกลับไปที่ห้องหมับ!ทว่ายังเดินไม่พ้นจากบริเวณนั้น ก็ถูกผู้ชายที่พึ่งสนทนากันเมื่อสักครู่จับแขนข้างหนึ่งของเธอไว้ไม่ให้เดินไปไหนต่อ“ปล่อยค่ะ”“จับนิดจับหน่อยไม่ได้เลยเหรอ เมื่อก่อนอยากใกล้ชิดพี่แทบตายนี่”“เรื่องอดีตซูมี่ไม่เก็บเอามาคิดหรอกค่ะ พี่อลันควรอยู่กับปัจจุบัน ปล่อยค่ะ เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นจะเข้าใจผิด”“ก็ดี ปล่อยให้เข้าใจแบบนี้แหละ” ซูมี่ส่ายหน้าให้อลันและพยายามปัดมือเขาออกจากแขนเธอให้ได้ “เลิกเล่นแบบเด็ก ๆ เถอะค่ะพี่อลัน ซูมี่เหนื่อยที่จะพูดกับพี่แล้ว”อลันเผยยิ้มที่มุมปากเมื่อเธอสื่อว
@ WithUs Café and Restaurant“พอใจยังคีย์” ซูมี่หันไปถามคีย์ที่นั่งข้างกัน เธอยื่นมือถือให้ดูรูปคู่ที่ถ่ายแล้วลงโพสต์แคปชันเปิดตัวแฟน“ดีมากซูมี่”“แล้วรักษาสัญญาเรื่องของซิงอีด้วยล่ะ”“ได้เลย ไม่มีปัญหา”พูดจบนายคีย์ก็เขยิบตัวเข้ามาใกล้ซูมี่ก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาใกล้ชิดกับเธอ หญิงสาวพยายามเอี้ยวตัวหลบ“คีย์ใกล้ไปแล้ว เขยิบออกไปเดี๋ยวนี้” ซูมี่ดันตัวเขาให้ห่าง “ทำไมต้องหนี ซูมี่เป็นแฟนเราแล้ว”“มัน…เร็วไปไหม เราพึ่งรู้จักกันเองนะ”เธอตอบรับตกลงก็จริง แต่ทำไปเพื่อปกป้องน้องชายตัวเองจากอันตรายเท่านั้น ในเรื่องของความรู้สึกกับผู้ชายคนนี้ไม่มีเลยแม้แต่น้อย“ก็เราอยากอยู่ใกล้ซูมี่นี่ แถม…ตัวซูมี่ยังหอมด้วย”คีย์ยื่นจมูกมาดอมดมตัวเธอ ดีที่ซูมี่ไหวตัวทันไม่เช่นนั้นแก้มของเธอคงชนกับจมูกของเขาแล้ว“ถ้าคีย์ยังทำแบบนี้ เราจะกลับบ้านแล้วนะ”“ก็ได้ไม่ทำแล้ว อยู่ดูหนังด้วยกันก่อนนะครับ” เขาหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ก็ยอมเพราะอยากให้เธออยู่ด้วย“ได้ ดูจบแล้วเราขอกลับบ้านนะ”“ได้เลย”ทั้งคู่เดินไปนั่งที่โซฟาพลางเปิดทีวีเลือกหนังดู คีย์ถามซูมี่ว่าจะดูเรื่องนี้กันไหมน่าดูเป็นหนังรัก เมื่อหญิงสาวหันไปมองตามที่ค
“คงไม่มีวันนั้นค่ะ”ซูมี่ยังยืนกรานในจุดยืนของตัวเองว่าเธอเลิกชอบอลันแล้ว“ไม่มีเหรอ” อลันทวนถามซูมี่อีกครั้ง“ค่ะ”“ไหนลองบอกพี่หน่อย เพราะอะไรเราถึงเลิกชอบพี่”อลันมองจ้องซูมี่แบบไม่ละสายตาเพื่อเค้นถามเหตุผลที่เลิกชอบเขา“พี่อลันให้ซูมี่อยู่ในฐานะน้องสาวมาตั้งแต่ต้นไม่ใช่เหรอคะ มันก็ถึงเวลาแล้วที่ซูมี่จะถอยแล้วเปิดใจให้คนอื่นบ้าง” “นั่นมันตอนนั้น...ไม่ใช่ตอนนี้” อลันรู้ตัวดีว่าเป็นคนพูดคำนั้นออกจากปากเอง แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขาอยากให้เป็นในเมื่อก่อน ในตอนนี้เขาไม่ต้องการแบบนั้น“หมายความว่ายังไงคะ” ซูมี่เลิกคิ้วไม่เข้าใจที่อลันพูด“ก็พี่...”ตืด ตืดเสียงจากมือถือเจ้ากรรมดันมาขัดจังหวะเสียได้ ซูมี่ใช้จังหวะนั้นรีบลุกขึ้นจากตักอลันเพื่อรับสาย“สวัสดีค่ะ”หญิงสาวก็ไม่รู้ว่าใครโทรมาเพราะหน้าจอขึ้นแต่เพียงหมายเลข“สวัสดีซูมี่ จำเราได้หรือเปล่า...คีย์ไง”เมื่อปลายสายเอ่ยชื่อทักทาย ซูมี่ถึงกับตกใจแต่ก็พยายามนิ่งให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้เธออยู่กับอลันจะให้เขารู้เรื่องนี้ไม่ได้“จำได้ ได้เบอร์มาจากไหน” เธอยังเลี่ยงใช้สรรพนามที่บ่งบอกเพศสภาพที่คุยกันอยู่“เอาเป็นว่าหามาได้...และไม่ใช่จากซิ